ตอนที่ 30 : บทที่ 18 - ทวงคืนหัวใจ ( 100% )
https://www.facebook.com/DekDHayase/
ฝากกดไลค์แฟนเพจด้วยนะคะ ^^ จะได้ติดตามผลงานกันง่ายขึ้น
สวัสดีค่ะรีดที่น่ารักของเพื่อนแพงทุกคน !!! ^_^ เรื่องราวเข้มข้นขึ้นมากๆ แล้วนะคะ และเหลืออีก 2 ตอนก็จะหมดโควต้าอัพแล้วด้วย เพื่อนแพงเลยจะมาบอกกับทุกคนว่า ให้ทุกคนเตรียมมันนี่เอาไว้ให้พร้อมนะคะ เพราะว่าอชิใกล้จะเสร็จสมบรูณ์ได้วางจำหน่ายในเว็บ MEB รูปแบบของ E-BOOK แล้วค่ะ ^___^ ยังไงก็ฝากให้ทุกคนช่วยกันอุดหนุนและเป็นกำลังใจให้เพื่อนแพงด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงก็บอกกันได้นะคะ เรื่องนี้ก็จัดเต็มเหมือนเดิมเช่นเคย มีครบรส ดราม่า น่ารัก ปนกันไป เอาไว้ถ้าเพื่อนแพงใส่หน้าปก และตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เพื่อนแพงจะบอกราคาที่จะวางขายให้กับทุกคนทราบนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^^
บทที่ 18
ทวงคืนหัวใจ… ( 100% )
“นี่เปียโนแกจะรีบไปไหนของแกหะ เดินช้าๆ หน่อยได้ไหม ?” เสียงของน้ำตาลหอบหักขณะที่วิ่งตามฉันลงมาจากตึกคณะ
ช่วยไม่ได้นี่น่าก็ฉันรีบจริงๆ นิ
“เออ ทำยังกับหนีใครยังงั้นแหละ” มะนาวว่าต่อ
ใช่ ! ฉันกำลังทำตัวขี้ขลาดวิ่งหนีผู้ชายคนนั้น คนที่ฉันไม่อยากเจอและไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกันอีก
“วันนี้ฉันมีธุระ ขอโทษนะ” ฉันหันไปพูดกับเพื่อนทั้งสองแต่สองเท้ายังคงก้าวเดินอย่างขมักขเม้น
“ถ้าจะรีบขนาดนี้ทำไมเมื่อกี้ไม่นั่งรถไปกับธาวินเขาเลยล่ะ เดี๋ยวแกก็ต้องเสียเวลาไปยืนโบกรถเมล์ที่ป้ายอีก” มะนาวพูด
ถ้าฉันทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าหนีเสือปะจระเข้น่ะสิ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าธาวินคิดยังไงกับฉัน ฉันจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับเขาสองต่อสอง แม้ว่าในบางครั้งมันจะยากมากก็ตาม
“พูดมากจริงๆ เลยพวกแกเนี่ย แล้วใครใช้ให้ตามฉันมายะ ชิ” ฉันย่นจมูกใส่ บ่นๆ อยู่นั่นแหละ คนยิ่งรีบๆ อยู่
“เฮ้ย ! เปียโน !”
สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน…
เอี๊ยดดดดด !!!
“กรี๊ด !!!”
ร่างฉันล้มลงกระแทกกับพื้นถนน หัวเข่าบอบบางถลอกเผยรอยเลือดสีแดงสดที่ค่อยปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ ความแสบสดของแผลแล่นพล่านไปทั่ว โอ๊ย ! ทำไมมันถึงซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้นะ
“นี่คุณขับรถภาษาอะ… พี่อชิ” ฉันกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงเมื่อเพ่งมองชัดๆ ว่าบุคคลตรงหน้าเป็นใคร
บ้าที่สุด สวรรค์จงใจแกล้งฉันชัดๆ
“ที่รีบร้อนจนไม่ทันระวังตัวเนี่ย เป็นเพราะต้องการหนีพี่ใช่ไหม ?” เสียงเข้มเอ่ย มือหนาจัดการถอดแว่นกันแดดสีชาออกจากใบหน้าคมคาย เผยให้เห็นความหล่อใสที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน
“ใครวะแก ?” น้ำตาลสะกิดถามฉันเบาๆ
“เออๆ ใครอ่ะ หล่อโครต !” มะนาวตื่นเต้น
ร่างสูงยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ร่างอันสะบักสะบอมของฉัน กลิ่นกายอ่อนๆ ที่ลอยมาจากตัวเขาฉันยังคงจำมันได้ดี หรือจะเรียกอีกอย่างก็คือ
ไม่เคยลืมเลยต่างหาก !
“เจ็บมากไหม ?” พี่อชิทำท่าจะยื่นมือมาสัมผัสต้นแขนของฉัน แต่ฉันก็รีบหลบเขาทันที
“ไม่เป็นไร…” ฉันว่า ก่อนจะหันหน้าไปหาเพื่อนทั้งสองที่ยืนขนาบข้าง “ไปกันเถอะ สายแล้ว”
“หือ… สาย ? ทำไมต้องสาย เราจะไปไหนกันเหรอ ?” มะนาวทำหน้างุนงง
สาบานว่ายัยนี่ไม่มีเซ้นอะไรเลย !
“จะไปไหนกัน ?” ชายหนุ่มเพียงคนเดียวเอ่ยถาม
“กลับบ้านค่ะ” น้ำตาลตอบด้วยรอยยิ้ม
“กลับยังไงครับ ?”
“นั่งรถเมล์ค่ะ” มะนาวตอบทันควัน
“งั้น… ให้พี่ไปส่งไหมครับ ?”
“ไปค่ะ !!!”
สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน…
“นี่พวกแก ถามฉันสักคำไหม ?!” ฉันหันไปเอ็ดยัยจอมจุ้นทั้งสอง
“เชิญครับ” พี่อชิผายมือไปยังรถคันหรูของตน
“ฉันไม่ไป ฉันจะกลับรถเมล์” ฉันยืนกรานเสียงแข็ง
“อย่าเรื่องมากได้ไหมเปียโน แกเดี้ยงขนาดนี้จะกลับเองได้ยังไง ให้พี่เขาไปส่งน่ะดีแล้ว มานี่” น้ำตาลกับมะนาวพร้อมใจกันกึ่งจูงกึ่งลากฉันให้เดินตาม
“ก็บอกว่าไม่ไปไงเล่า !” ฉันพยายามขืนตัวเอาไว้
“น้องสองคนขึ้นไปนั่งรอบนรถก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง” พี่อชิเอ่ย
“เอางั้นก็ได้ค่ะ ฝากด้วยนะคะพี่” มะนาวกับน้ำตาลยอมปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ
ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเดิม ครั้นจะหนีก็ลำบากเพราะตอนนี้แผลที่หัวเข่าเริ่มทำงานเสียแล้ว ทั้งตึงทั้งเจ็บจนน้ำตาแทบเล็ด
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะดื้อขนาดนี้” คนพูดส่ายหน้า พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย
“เดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน”
“คิดเหรอว่าจะเชื่อ” ฉันค้อนหมับ
“ก็ไม่ได้ให้เชื่อ แต่เราจะทำยังไง ตอนนี้เพื่อนของเราเขาขึ้นไปนั่งรอเราบนรถเรียบร้อยแล้วนะ เหลือแต่เรานี่แหละ ที่ยังเอาแต่รั้นหัวชนฝา” เสียงเข้มตำหนิร่างบางกรายๆ
“นี่ ! เป็นใครมาเที่ยวว่าคนอื่น ตัวเองดีตายนักนิ” ฉันเม้มริมฝีปากกัดฟันอย่างโกรธจัด
“มา… กลับบ้านกัน” พี่อชิเดินเข้ามาประคองร่างฉัน ไม่สนใจสักนิดว่าฉันจะดิ้นรนกระเสือกกระสนยังไง
นี่เขาไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าฉันเกลียดเขายิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ !
“บอกว่าไม่ไป ปล่อยเลยนะ ปล่อย !” ฉันโวยวาย
“ถ้ายังเสียงดังไม่เลิก พี่จะจูบโชว์จริงๆ ด้วย อยากลองไหม ?” เสียงเข้มขู่ฟ่อ
“คุณไม่กล้าหรอก”
ไม่ได้ท้านะ แต่นี่มันที่สาธารณะยังไงซะคนเรามันก็ต้องมียางอายกันบ้างล่ะ คนยืนมองอยู่ทนโท่จะจูบลงก็ให้มันรู้ไปสิ
“จะลองดูก็ได้นะ พี่ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว มีแต่ได้กับได้มากกว่า” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นต่อ
“อย่าคิดนะว่าจะถือไพ่เหนือกว่าทุกครั้ง” ฉันกัดกรามใส่คนตรงหน้า ก่อนจะจำใจเดินไปยังรถคันหรูที่บัดนี้มียัยชะนีไร้สาระขึ้นไปนั่งสลอนอยู่ข้างใน
อชิยืนยิ้มกับตัวเอง…
หึ… ฉันบอกแล้วว่าคนอย่างเขามันเชื่อถือไม่ได้ คำพูดไม่เป็นคำพูด สัจจะไม่เป็นสัจจะ !
“ไหนบอกว่าจะพาไปส่งบ้านไง แล้วนี่คือไร ?” ฉันหันไปถามคนข้างกายที่ตั้งหน้าตั้งตากินมาม่าคัพอย่างเอร็ดอร่อย
“ใครบอก พี่เหรอ ?” คนพูดทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ฉันไม่ตลกนะคุณ พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
หลังจากที่ฉันยอมนั่งรถมาด้วยเขาก็ออกลายทันที ไปส่งยัยมะนาวกับยัยน้ำตาลเสร็จ แทนที่จะพาฉันกลับไปส่งบ้าน ที่ไหนได้กลับพาฉันแวะเข้าเซเว่นแล้วมาต่อที่สวนสาธารณะ
“ก็บอกแล้วไงว่าเย็นนี้เจอกัน ถ้าเราไม่ดื้อคิดหนีพี่ก็คงพากลับไปส่งบ้านแล้วล่ะ”
“อ๋อ… นี่เป็นความผิดของฉันสินะ” ฉันทำเสียงขึ้นจมูก
คนอะไรผิดยังไม่ยอมรับผิดอีก !
“ก็… ประมาณนั้น”
ยักไหล่แบบไม่แคร์…
“ทำหน้าบูดอยู่ตลอดเวลาไม่เบื่อหรือไง ?” พี่อชิเอ่ยถาม
“หน้าฉันก็เป็นแบบนี้มานานแหละ” ฉันตอบเสียงห้วน “เอาตรงๆ เลยนะ คุณมีธุระอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า ไม่ต้องอ้อมค้อมให้มันเสียเวลา”
ฉันไม่ได้อยากใช้เวลาอยู่กับเขามากเท่าไหร่หรอกนะ อยู่ใกล้กันทีไหร่สมองมันอดหวนคิดเรื่องราวในอดีตไม่ได้ทุกที
ผู้ชายคนนี้ทำฉันเจ็บแสบเหลือเกิน…!
“พี่อยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไร้ท่าทีล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง
“เหอะ ! มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ฉันยิ้มเยาะ
“ก็บอกเองว่าไม่ให้อ้อมค้อม ก็จัดให้แล้วไง ไม่ชอบเหรอ ?” พี่อชิมองหน้า
“โอเค…” ฉันพยักหน้า ก่อนจะพูดต่อ “ขอโทษ ! ฉันไม่มีนโยบายกลับไปใช้ของเก่า โดยเฉพาะของเก่าเหม็นเน่าแบบคุณ”
“โห… แรงไปป่ะ”
“หมดธุระแล้วใช่ไหม ถ้าหมดแล้วก็ไปส่งฉันกลับบ้านด้วย” ฉันตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แต่มือหนากลับคว้าแขนฉันไว้เสียก่อน
“พี่จริงจังนะเปียโน… พี่ต้องการให้เราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ดวงตาเรียวรีสบตาฉันนิ่ง
“ฉันก็จริงจัง บอกว่าไม่ก็คือไม่ เข้าใจนะ ?” ฉันสะบัดแขนหลุดจากการเกาะกุม แล้วรีบสาวเท้าเดินหนีด้วยความรวดเร็ว
ฟึ่บ !
ร่างสูงตามมาดักหน้าฉันเอาไว้…
“คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง ?” ฉันทำหน้าเอือมระอา
“เพราะมันใช่ไหม ?”
แววตาของคนตรงหน้าเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างยามที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา
“อะไร ?”
“ก็ไอ้ผู้ชายที่ผับคนนั้นไง เพราะมันใช่ไหมเราถึงไม่ยอมกลับมาคืนดีกับพี่” น้ำเสียงเข้มไม่พอใจ
“กรุณาอย่าพาดพิงถึงคนอื่น” ฉันกอดอกจ้องสบตาเขาไม่ระวาง
“หึ ปกป้องว่างั้น” พี่อชิใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มอย่างคนพยายามเก็บอารมณ์ไว้สุดฤทธิ์ “ถ้าไม่มีมันสักคนเราก็คงไม่เป็นแบบนี้ และคงไม่ทำตัวห่างเหินกับพี่ขนาดนี้ด้วย”
“พอเหอะ…” ฉันว่า “คุณคิดว่าเรื่องราวระหว่างเราสองคนมันจบสวยมากเลยสินะ สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับใครทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะใครหรืออะไรที่ทำให้ฉันเกลียดคุณ แต่มันเป็นเพราะการกระทำของตัวคุณเองต่างหากที่ทำให้ฉันไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าคุณ กรุณาเข้าใจเสียใหม่ด้วย”
ฉันเน้นชัดทุกถ้อยคำหวังให้มันไปกระตุ้นเซลล์สมองตื้นๆ ของเขาซะบ้าง จะได้รู้ตัวสักทีว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นเพราะใคร ฉันเบื่อมากกับพฤติกรรมโทษคนนั้นทีคนนี้ทีของเขา
“ยังไงพี่ก็ไม่ยอมให้เราไปเป็นของมันหรอก !” พี่อชิมองฉันตาขวาง “เราต้องเป็นของพี่คนเดียว… เท่านั้น !!!” เสียงเข้มย้ำชัด
ความรู้สึกเย็นวาบแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย เพียงแค่เห็นแววตาที่จริงจังของเขาใจฉันก็เต้นระส่ำระส่าย
“ฉันไม่ได้จะเป็นของใครทั้งนั้นแหละ รวมทั้งคุณด้วย” ฉันตอบ พยายามเก็บซ่อนความกลัวทุกอย่างเอาไว้
“เธอยังรักพี่อยู่เปียโน…” คนตรงหน้าเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน
อะไรของเขากันนะไม่ได้อย่างนี้จะเอาอย่างนั้น ทำตัวเป็นเด็กไปได้ !
“ไม่ได้รัก” ฉันสวนกลับ
“รัก” เขาเองก็ไม่ยอมแพ้
“ไม่ได้รัก”
“รัก”
“ก็บอกว่าไม่ได้รักยังไงเล่า !” ฉันตะคอกเสียงดัง ไม่สนว่าใครจะมองยังไง
มันน่าโมโหไหมล่ะ ?
“เราหลอกตัวเองไม่ได้หรอกเปียโน…” สองเท้าหนาก้าวเข้าหาร่างบาง “เรายังรักและคิดถึงพี่อยู่” ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ฉันเพียงแค่ฝ่ามือกั้น
เหมือนมนต์สะกดให้ฉันนิ่งงันอยู่กับที่…
“เรายังรักพี่ คิดถึงพี่ เหมือนที่พี่…ก็ยังรักและรอเราเสมอ” น้ำเสียงแข็งกระด้างเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวาน อ่อนโยน เหมือนฉันได้พี่อชิคนเก่ากลับคืนมาอีกครั้ง
“คะ คุณ…”
“การที่พี่ไม่ตามวุ่นวายเราเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งปี ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ต้องการเรานะเปียโน เรารู้ไหมว่าพี่ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการเฝ้ามองดูเราอยู่ห่างๆ…”
“เฝ้ามองดูอยู่ห่างๆ หมายความว่ายังไง ?” ฉันขมวดคิ้วถาม
“เราเป็นเด็กฉลาด คงเข้าใจไม่ยากนะว่าพี่หมายความว่าอะไร” นอกจากไม่ตอบแล้วยังพูดให้ชวนคิด
“นี่อย่าบอกนะว่า !” ฉันตาโต
“ใช่…” คนตรงหน้ายอมรับ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เธอควรจะขอบคุณพี่นะที่พี่ให้เวลาเธอทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันนานไปแล้วเปียโน หลังจากนี้เราควรเข้าใจเสียทีว่าเราเป็นของพี่…”
พลั่ก !
ฉันผลักอกหนาออกเต็มแรง
“นี่คุณพล่ามบ้าอะไรของคุณเนี่ย ? เหอะ ควรขอบคุณยังงั้นเหรอ นี่ฉันต้องขอบคุณคุณสินะที่นอกใจฉันไปมีคนอื่น แถมยังตามติดชีวิตฉันราวกับเป็นไอ้บ้าโรคจิต !”
นี่เขายังมีสติอยู่หรือเปล่า… ใครก็ได้บอกฉันทีเถอะ
“ไอ้บ้าโรคจิตอย่างงั้นเหรอ ? หึ นั่นสินะ พี่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นี่น่า” นอกจากจะไม่สำนึกแล้ว ร่างสูงยังยิ้มขันราวกับสิ่งที่เธอด่าเป็นเรื่องตลก
“บ้า… คุณนี่มัน ประสาท !!!”
ฉันพูดจบก็ปรี่เดินผ่านหน้าเขาไปทันที แต่ทว่า…
หมับ !
“นี่คุณ… อะ อื้อ !”
ริมฝีปากหยักทาบทับลงมายังริมฝีปากอวบอิ่มทันทีที่เขากระชากข้อมือของฉันดึงรั้งเข้าหาตัว การกระทำอันป่าเถื่อนสร้างความตกใจให้ฉันไม่น้อย แต่พอได้สติฉันก็พยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการบ้าๆ นี้
“อื้อ ! อื้ออออ !!!”
พี่อชิลุกล้ำฉันอย่างร้ายกาจ คนตัวโตกวาดเรียวลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากของฉันอย่างจาบจ้วง เขาทำราวกับฉันเป็นเพียงตุ๊กตาที่ไร้ความรู้สึก จะเหยียบย่ำบดขยี้ศักดิ์ศรียังไงก็ได้ ทั้งๆ ที่นี่มันเป็นที่สาธารณะแท้ๆ แต่เขากลับมาทำกิริยาต่ำๆ แบบนี้กับฉันอีก เลว เลวที่สุด !!! ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าให้สาสมกับความเลวเหนือขั้นของเขา
ปัก ปัก !!!
ฉันระดมทุบกำปั้นใส่อกหนาไม่ยั้ง หวังจะใช้มันเตือนสติคนตรงหน้าได้บ้าง แต่เปล่าประโยชน์… นอกจากเขาจะไม่รับรู้อะไรแล้ว ริมฝีปากหยักยังคงบดขยี้เรียวปากอิ่มของฉันไม่เลิก แถมยังเพิ่มความดุดันจนฉันรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่สัมผัสอยู่ตรงโคนลิ้น
จนกระทั่ง… ร่างสูงเป็นฝ่ายปล่อยฉันด้วยตัวเอง
ฉันไม่กล้ามองไปรอบๆ บริเวณ แต่หางตาก็แอบเห็นบรรดาผู้คนมากมายมายืมล้อมวงดูการกระทำอุบาทๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกอายจนไม่อยากหายใจ !
ถ้าเลือกได้ฉันอยากจะตายๆ มันไปซะเดี๋ยวนี้เลย !
“ปากช้ำหมดเลยเด็กดี…” รอยยิ้มจากคนตรงหน้า
“คุณมันเลว !” ฉันกัดฟันด่าทอ
“พี่แค่จะแสดงให้ดูว่าเธอเป็นของพี่…” เอ่ยเสียงเรียบ
“คิดเหรอว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะยอมกลับไปคืนดีด้วย ฝันไปเถอะ !” ฉันพูดไปน้ำตาก็ไหลรินออกจากหางตา
ฉันพยายามกั้นแล้วนะ พยายามอย่างที่สุด เพราะไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอ ไม่อยากให้เขาหัวเราะเยาะในความไร้น้ำยาของฉัน
“ยอมไม่ยอม… เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้” ร่างสูงยักคิ้วให้ฉัน
“หมายความว่าไง ?”
“พร้อมที่จะเล่นเกมส์ ‘ทวงคืนหัวใจ’ ของพี่หรือยัง…เด็กดี”
เสียงเข้มเอ่ยอย่างเป็นต่อ…
--------------------------------------
ฝากนิยายเรื่อง “เพียงใจรัก” ด้วยนะคะ เป็นแนวผู้ใหญ่เคล้าน้ำตา ( เล็กน้อย ) ถ้าใครยังไม่เคยอ่านมีตัวอย่างให้ทดลองอ่านในเว็บ MEB ยะคะ สามารถโหลดมาอ่านฟรีก่อนได้ค่ะ เรื่องนี้มีจำนวนหน้าทั้งหมด 502 หน้า ราคา 259 บาทค่ะ !!!
ปล.และเรื่องนี้ติดอันดับขายดีของเว็บด้วยนะคะ เย้ !!!!!! ^^
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiODM2MDkwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMzQ3MzUiO30
ฝากนิยายเรื่อง “DEVIL BAD BOY กับดักรัก ( ร้าย ) ของนายปีศาจ” ด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นแนววัยรุ่น ดาร์คๆ ดราม่า มีครบทุกรสชาติเลยค่ะ เรื่องนี้มีจำนวนหน้าทั้งหมดอยู่ที่ 559 หน้า ราคาสงวนอยู่ที่ 299 บาทค่ะ ! เรื่องนี้แซ่บมากค่ะ หากใครยังไม่เคยอ่านก็สามารถโหลดตัวอย่างมาทดลองอ่านก่อนได้ในเว็บ MEB ค่ะ
ปล.และเรื่องนี้ติดอันดับขายดีของเว็บด้วยนะคะ เย้ !!!!!! ^^
เรื่องล่าสุด !!!
ฝากนิยายเรื่อง “So Bad Love รักสุดร้ายของนายจอมมาร” ด้วยนะคะ เนื้อเรื่องแซ่บ และ จัดเต็มค่ะ จำนวนหน้าทั้งหมด 327 หน้า กับราคาเบาๆ เพียงแค่ 139 บาทเท่านั้นคร่า !!! ^^ ใครที่ติดตามพี่เซน และ หนูเดียอยู่ อย่าลืมไปอุดหนุนกันน้า ^^ จุ๊บๆ
อย่าช้า !!! เรื่องนี้กำลังอยู่ในช่วงโปรโมชั่นด้วยนะคะ รีบหน่อยเด้อ เวลามีจำกัดจร้า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
