ตอนที่ 26 : #LIS 1 : คนขายป๊อปคอร์นสุดหล่อ 100%
สวัสดีฉันชื่อกาแฟ แต่ใคร ๆ ก็เรียกฉันว่ายัยกาฝาก แต่ก็ไม่แปลกหรอก เพราะฉันชอบปลีกตัวอยู่คนเดียว ห่างจากผู้คน ประหนึ่งว่าไม่ค่อยคบเพื่อน ที่จริงฉันก็มีเพื่อนคนหนึ่งนะ เธอชื่อโอ๋เอ๋ แต่ไว้เดี๋ยวค่อยเล่าให้ฟังแล้วกันเนอะ
ปัจจุบันฉันเพิ่งเข้าปีหนึ่งมาได้ไม่นาน ฉันเลือกมหาลัยซึ่งตั้งอยู่อีกฝั่งของกรุงเทพ เรียกว่าเขตปริมณฑลเลยก็ว่าได้ ความจริงแล้วคือฉันไม่อยากสอบเข้าเหมือนคนอื่น ๆ ด้วย เลยเลือกมหาลัยที่สมัครเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องไปนั่งสอบ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องอยู่ไกลบ้าน ป๊ากับม๊าเครียดแทบตายตอนรู้ครั้งแรก พวกท่านกลัวฉันจะอยู่ไม่ได้ กระนั้นฉันก็มองว่ามันคือโอกาสในการหัดใช้ชีวิตด้วยตัวเอง และในที่สุดพวกท่านก็ยอม
อย่างที่กล่าวไปตอนต้น ฉันชอบใช้ชีวิตคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว ณ ตอนนี้ฉันจึงกำลังเดินห้างอยู่คนเดียว ดูเหมือนสายติสมากเลยใช่ไหมล่ะ หึหึ แค่นี้ยังน้อยไปค่ะ ถ้าใครเห็นสีผมของฉันคงต้องเหลียวหลังมองตามกันเลยทีเดียว เพราะผมฉันนี่แดงเลือดหมูเข้ม ตัดกับผิวขาวที่ได้มาจากม๊า และการกรีดตาสีดำคมกริบ ฟังแล้วยังคงดูเป็นสาวเลิศ ๆ เชิด ๆ ดีออกใช่ไหมคะ ยังค่ะ เนื่องจากที่เล่ามาเมื่อครู่ยังไม่เท่าไรไง ถ้าเปรียบกับการใส่เสื้อยืด กางเกงวอร์มผ้าสีเทา รองเท้าหนีบ พร้อมหิ้วผ้าห่มลายกวางสีม่วงขนาดพอดีตัวเดินทั่วห้าง
จากที่แรก ๆ พูดเหมือนว่าจะเป็นสาวติส รักสันโดด ดูกลายเป็นสาวนอนละเมอเดินเข้าห้างไปแล้ว ก็จุดประสงค์ของการเข้าห้างของฉันมันคือการดูหนังเฉย ๆ นี่นา ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้สวยมากหรอกเนอะ (ที่แต่งหน้ามาได้นั้น เนื่องจากยังไม่ได้ล้างตั้งแต่กลับจากมหาลัย) เพราะยังไงเดี๋ยวก็ต้องเข้าโรงหนังแล้ว
ฮะ อะไรนะคะ อ๋อ จะถามว่าทำไมต้องพกผ้าห่มด้วย ฮ่า ๆ ก็ฉันเป็นพวกขี้หนาวน่ะ ถ้าไม่เอาผ้าห่มเข้าโรงหนังไปด้วยก็คงมัวแต่สั่นเพราะหนาว ดูหนังไม่รู้เรื่องกันพอดี
ฉันเดินเลี้ยวเข้าพื้นที่โรงหนังที่เปรียบเสมือนบ้านพักที่สามรองจากหอ ผ่านสายตาผู้คนที่มองยัยหัวแดงใส่ชุดซึ่งเกือบจะเป็นชุดนอนกับรองเท้าแตะ และพกผ้าห่มเดินรูดบัตรซื้อตั๋วหนังแบบไม่แคร์ชาวโลก นี่อุตส่ามารอบดึกที่สุดแล้วนะ เพราะไม่อยากนั่งในโรงหนังกับคนเยอะ ๆ แต่ทำไมวันนี้คนเยอะจัง
คิดเสร็จฉันก็หันไปมองโดยรอบ ก็สังเกตได้ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาผู้หญิง ดึก ๆ แบบนี้ควรจะเป็นคู่รักมาดูกันมากกว่า ทำไมผู้หญิงถึงเยอะนะ คำถามดังขึ้นในใจตามภาษาคนมีต่อมเผือก ฉันเหลือบมองสายตาสาว ๆ ที่กำลังบ่งบอกถึงความกระเหี้ยนกระหือรือแล้วหันมาหัวเราะกันคิกคัก ก็จำต้องส่ายหัว ไม่ใช่เอือมระอานะ แต่กำลังจะสั่งตัวเองว่า... ‘โอเค พวกเขาจะหัวเราะก็เรื่องของเขาสิ ไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย’ ห้ามต่อมเผือกของตัวเองนั่นเอง
เมื่อได้ยินเสียงประกาศรอบหนังของฉันดังขึ้นก็รีบดึงสติ จริง ๆ ก็ยังอยากจะยุ่งหรอก แต่กลัวจะไม่ทันหนังเริ่มเสียมากกว่า ต้องเผื่อเวลาเข้าห้องน้ำด้วย อั้นมานานแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อป๊อปคอร์นเลย คิดเสร็จฉันก็เดินไปตรงที่ซื้อป๊อปคอร์นในทันที แต่แล้วก็ดันเจอเหล่าสาว ๆ ยืนซื้อป๊อปคอร์นกันเต็มไปหมด อะไรคนจะเยอะขนาดนี้ ฉันฉุกคิดอย่างหงุดหงิดอีกครั้งก่อนจะมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ แถวยาวขนาดนี้อาจจะต้องรออีกสิบนาทีกว่าจะได้เข้าโรง ช่างเถอะ ขอแค่ทันหนังเริ่มได้ก็พอ น่าจะเหลือเวลาโฆษณาอีกประมาณยี่สิบห้านาที
ฉันก้มหน้ามองจอโทรศัพท์ ฟังเสียงหวานของสาว ๆ สั่งป๊อปคอร์นด้วยความเร็วประหนึ่งเต่าคลานก็แทบอยากจะแทรกคิว แล้วตะโกนบอกว่า ปวดฉี่เฟ้ย ซื้อเร็ว ๆ หน่อยสิฟระ! แต่จะโวยวายไปก็คงโดนรุม ไม่ใช่อะไรนะ มาคนเดียวด้วย สู้ไม่ไหวจ้า ฉันข่มอารมณ์โดยการเปิดดูเฟสบุ๊คตอบไลน์เพื่อน ๆ ระหว่างรอคิวอันแสนยาวเหยียดได้พักหนึ่งก็คับคล้ายคับคลาว่าเสียงเหล่านั้นจะหายไปโดยไม่รู้ตัว กลับกลายเป็นเสียงทุ้มของใครบางคนแทน
“สวัสดีครับรับอะไรดีครับ”
“คะ? ” ฉันเงยหน้าขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงนั้นด้วยความตกใจ เนื่องจากตอบไลน์เพลินไปหน่อย
ทันทีที่สายตาของฉันสบเข้ากับคนขายก็ดูเหมือนว่าโลกจะหยุดหมุน ฉันรู้เหตุผลในทันทีว่าทำไมวันนี้สาว ๆ ถึงเต็มโรงหนัง เนื่องจากพนักงานขายป๊อปคอร์นหน้าใหม่หล่อมาก (ก ไก่ล้านตัว) ผิวขาวเนียนละเอียด จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมกริบ ดูจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นใจก็แทบจะละลาย และเสน่ห์จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากปากที่เป็นกระจับของเขา ยิ่งส่งยิ้มมาให้ตอนทักทายลูกค้านั้นยิ่งดูเซ็กซี่เข้าไปอีก โอ๊ยตายแล้ว! ฉันแทบยากจะถ่ายรูปไปโชว์ยัยโอ๋เอ๋ว่าตอนนี้มีคนขายป๊อปคอร์นหล่อมากจนน่าเครมที่โรงหนัง ให้ตายสิ รู้งี้น่าจะมาเร็วกว่านี้จะได้มาตอดเขาสักหน่อย
“คุณครับ” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“...”
“คุณ!”
“ฮะ? เอ่อ อะไรนะคะ” ฉันพูดขึ้นอย่างอย่างงุนงง ประมาณว่าตอนนี้กำลังตั้งสติกับความหล่อไม่ทันอ่ะ แฮร่
“จะรับอะไรดีครับ” ว่าจบเขาก็ส่งยิ้มมาให้ฉัน
“อ๋อ ป๊อปคอร์นชีส-หวาน เอาชีสเยอะ ๆ แล้วก็น้ำเป็ปซี่แก้วหนึ่งค่ะ” ฉันพูดพร้อมรวบรวมสติ จากนั้นก็เหลือบไปเห็นป้ายส่วนลดสินค้าจากเครือข่ายโทรศัพท์ที่ใช้จึงรีบเบรกเขา “เอ่อ เดี๋ยวค่ะ ๆ ”
“ครับ? ” เขาทำหน้างงใส่ฉัน ซึ่งเห็นแล้วอยากจะเก็บกลับบ้าน เอ้ยไม่ใช่
“ขอเอาส่วนลดนิดนึงค่ะ แฮร่” ฉันยิ้นเจื่อน ๆ ก่อนจะกดเบอร์โทรศัพท์รอรับรหัสส่วนลด แล้วส่งมือถือให้เขา
“ครับ” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือจากมือฉันไปพร้อมส่งสายตาแพรวพราวมาให้ ฉีกยิ้มหวานใส่จนสติฉันแทบจะ
หลุดลอยไปไกล โอ๊ยตาย! อยากได้แบบนี้กลับหอสักคน “เสร็จแล้วครับ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าพลางรับมือถือกลับคืนมา ก่อนจะรอเขาตักป๊อปคอร์น และน้ำอัดลมให้
“นี่ครับ” เขาว่าก่อนจะเรียกฉันอีกครั้ง “แต่เดี๋ยวนะครับ”
“คะ? ” ฉันมุ่นคิ้วถามอย่างสงสัย
“กระดาษทิชชู่ครับ” เขาว่าพรางยื่นกระดาษทิชชู่มาให้
ฉันมองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ โดยปกติแล้วโรงหนังจะไม่มีการแจกกระดาษทิชชู่ให้นอกเสียจากลูกค้าจะขอนะ เขาจะบริการกันดีขนาดนี้เลยเหรอ ถึงว่าทำไมสาวตรึม
แม้ว่าฉันจะสงสัยแต่ยังไงก็หยิบมาเป็นมารยาท จากนั้นก็มองนาฬิกาจากโทรศัพท์ ยังเหลือเวลาอีกห้านาทีก่อน
เพลงสรรเสริญจะขึ้น ขอเข้าห้องน้ำก่อนแล้วกัน ท่อใกล้จะแตกอยู่แล้ว
สองเท้าก้าวเดินเข้าไปในโรงหนัง เตรียมตัวเข้าห้องน้ำด้านใน วางสัมภารณะอันพะรุงพะรัง ปลดทุกข์เบาลงโถส้วมจนเสร็จ จากนั้นก็หันมองหากระดาษทิชชู่แต่ดันหมด!
โอเค... ฉันคงไม่อยากใส่กางเกงในเปียกฉี่ออกไปหรอกนะ จังหวะเวลาหาทางออก ดวงตาอันคมกริบของฉันก็เหลือบไปเห็นกระดาษทิชชู่ที่ได้มาจากคนขายป๊อปคอร์น สวรรค์ทรงโปรด เขารู้ดีอะไรเช่นนี้ว่าในห้องน้ำจะไม่มีทิชชู่
แขนข้างหนึ่งคว้าแผ่นกระดาาทิชชู่อย่างรวดเร็ว กระนั้นข้อความบนกระดาษทิชชู่นั้นก็ทำให้ฉันชะงักขณะที่กำลังจะเช็ดน้ำตาน้องสาวโดยพลัน
...081-xxx-xxxx คิวบิก...
เอ่อ... เดี๋ยวนะ ตาผู้ชายคนนั้นจะจีบฉัน อ่อยฉัน หรือมีบริการนี้กับทุกคนกัน!
การดูหนังครั้งนี้เป็นอะไรที่ไม่รู้เรื่องที่สุด ไม่ใช่พลอตหนังไม่ดี ซับซ้อน หรือเข้าใจยากนะ แต่เป็นเพราะสมองฉันมัวแต่คิดถึงเบอร์พี่คนที่ขายป๊อปคอร์นนั่นแหละ อะไร? คือต้องการอะไรจากฉัน ชวนไปขึ้นเตียงหรือไง เป็นผู้ชายแบบไหนกันแน่นะ มุกนี้เขาก็ใช้กันตั้งแต่สมัยไหนแล้วเถอะ
ฉันออกจากโรงหนังด้วยความระวังตัว ใจหนึ่งก็อยากจะเจอหน้าหล่อ ๆ ของเขาเป็นอาหารตา อีกใจหนึ่งก็กลัวเขาหม้อใส่ กลัวว่าเขาจะชวนไปต่อคืนนี้แล้วฝืนใจไม่ได้ เอ๊ย ไม่ใช่ ๆ กลัวว่าเขาจะเป็นพวกมิจฉาชีพมากกว่า ยิ่งพักคอนโดคนเดียวด้วย อันตรายมากเลย แฮร่
“ขอบคุณที่มาใช้บริการกับทางโรงหนังเราครับ”
ตึง!
เอ๊ะ! เสียงคุ้น ๆ เหมือนจะเป็นเขาด้วย
ฉันชะงักฝีเท้าด้วยความตกใจ รู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ แต่เอาน่าแค่ทำเป็นไม่เห็นจะเป็นอะไรไป วางแผนจบฉันก็ทำเป็นก้มหน้ามองโทรศัพท์แล้วก็เดินผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว แต่แล้ว...
“คุณครับ”
ตายล่ะหวา ดูเหมือนเขาจะเรียนฉันเสียด้วยสิ ทำไมคนขายป๊อปคอร์นหน้าหล่อต้องน่ากลัวด้วย ต้องน่ากินสิ เอ๊ยไม่ใช่ เอาวะ ยังไงก็รีบหนีก่อนแล้วกัน
“...” ฉันยังคงทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่ชี้
“คุณ”
“...” โอ๊ย อย่าเพิ่งมายุ่ง ฉันกลัว...
“คุณ”
หมับ!
เขาคว้าแขนฉันไว้อย่างรวดเร็ว หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความตกอกตกใจ สรุปคือไอ้คนขายป๊อปคอร์นหน้าหล่อคนนี้คือโรคจิตจริง ๆ สินะ เขาจะฆ่าฉันไช่ไหม เป็นพนักงานที่ไหนเขาจะเรียกลูกค้าขนาดนี้ มันน่ากลัวนะเฟ้ย นี่มันก็เที่ยงคืนแล้ว (ดูหนังรอบสุดท้ายเลยเลิกเวลานั้น) จะโทรไปปลุกเฮียบอยมาช่วยยังไงก็คงบึ่งรถมาไม่ทัน แงงง ชีวิตการอยู่มหาลัยคนเดียวมันน่ากลัวเยี่ยงนี้เลยเหรอ
แต่เออ! ตอนนี้ยังมีคนอยู่ โวยวายสิ โวยวายแบบนางเองซีรีย์เกาหลีอ่ะ ให้คนหันมามองหน้าสวย ๆ ของฉัน อาจจะได้รับความช่วยเหลือก็ได้
“นี่พี่!” ฉันตะคอกใส่เขาพลางสะบัดมืออย่างแรง สายตาจ้องเขม็ง “จะทำอะไรอ่ะ”
“ทิชชู่...” เขาเหล่มองฉันเล็กน้อย
อ่อ ทิชชู่อันนั้น นี่ฉันจะตีโพยตีพายโวยวายไปเพื่ออะไร เขาคงแค่จะขอคืน เพราะสงสัยให้ผิดคน แต่เฮลโหล! โทษทีค่ะ ทิชชู่แผ่นนั้นฉันใช้ซับปัสสาวะไปแล้ว ถ้าพี่จะมาขออันนั้นคืนก็คงต้องไปค้นที่ห้องน้ำกันแล้วล่ะ แนะนำไปเขียนใหม่จะง่ายกว่า
“ทิ้งไปแล้วค่ะ”
“ทิ้ง? ”
“ก็พี่เอาให้มาเช็ด...” เงียบไปพักหนึ่ง เอ่อ ฉันไม่ควรจะพูดความจริงหรอกนะ “มือนี่ ฉันก็เช็ดไปแล้ว”
“ไม่เห็น...” เขาขมวดคิ้วหนาเข้าหากัน มองตาฉันอย่างสงสัย
ถ้าฉันยังอยู่นานกว่านี้ คนที่ออกจากโรงหนังมาพร้อมกันคงออกไปหมดแน่ หรือว่า... สิ่งที่ฉันคิดตอนแรกจะไม่ผิด เขากำลังรอจังหวะนี้ล่อลวงฉันกันแน่นนะ
“เบอร์โทรศัพท์? ”
“ใช่” เขายิ้มเล็กน้อยแต่ส่งสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์มาทางฉัน สายตานี้ช่างน่ากลัวนัก
“นี่พี่เป็นโรคจิตหรืิอเปล่าเนี่ย ส่งเบอร์โทรศัพท์มาเหมือนจะล่อลวงฉันเลย พี่ส่งให้ใครไปกี่คนบ้าง”
“...”
เมื่อดูท่าเหมือนว่าเขาจะไม่พูดอะไร ฉันจึงตัดสินใจรีบเดินออกมา ก็สายตาของเขาเมื่อกี้มันดูหื่นกามอ่ะ ให้ตายสิ ไม่เคยคิดว่าการดูหนังกลางคืนจะเจอโรคจิต แถมหน้าหล่อเสียด้วย
“เสียดายไม่น่าโรคจิตเลย” ฉันบ่นกับตัวเองคนเดียวเบา ๆ ระหว่างสับเท้าทั้งสองข้างเดินหนีเขาอย่างรวดเร็ว
กระนั้นเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ตะโกนไล่หลังใส่ฉัน “พี่ให้กับน้องคนเดียวนะครับ”
ตึง!
ฉันหยุดฝีเท้าอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังไปมองหน้าเขา หรือเมื่อกี้มันคนสายตามหาเสน่ห์ (เสียงอีกความคิดหนึ่งดังขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดน่าประทับใจ)
“พี่ว่ายังไงนะ”
“พี่ขอจีบน้องนะ” แล้วเขาก็กระตุกยิ้มมุมปากด้วยใบหน้าหล่อสุด ๆ แบบที่ฉันไม่เคยพบเคยเจอ
คิวบิก Talk...
ผมชื่อคิวบิกครับ เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ห้าวัน ผมกำลังคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วแน่นอน ตกหลุมรักผู้หญิงที่ไหน
ไม่รู้ตั้งแต่เห็นเธอตอนเดินเข้ามาในโรงหนัง ซึ่งผมไม่เคยมีความรู้สึกนี้มาหลายปีแล้ว ถึงโรงหนังจะมีผู้หญิงสวย ๆ มากมายมาดูหนัง แต่ผมกลับไม่รู้สึกสนใจนอกจากเธอคนนี้ ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเป็น คนบ้าอะไรวะ แปลกถูกใจ เธอดูเป็นผู้หญิงไม่สนโลก ทำผมแดง ๆ ใส่ชุดนอนรองเท้าแตะเดินห้างเพื่อเข้าโรงหนัง แถมยังหิ้วผ้าห่มมาด้วย ทำอย่างกับจะมาซื้อเวลานอนที่นี่ นอนที่หอหรือที่บ้านดีกว่าไหม แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมถูกใจนะ เธอดูเจ๋งในสายตาผม เหมือนไม่ใช่พวกผู้หญิงที่ทำตัวสวยเพื่ออวดผู้ชายไปวัน ๆ ที่สำคัญหน้าสวยมาก กรีดตาบางแต่คมกริบ ผิวดี นึก
ว่าคนเกาหลีเสียอีก
เห็นเธอยืนมองผมแบบอึ้ง ๆ ตอนซื้อป๊อปคอร์นเช่นเดียวกับผู้หญิงหลาย ๆ คน เลยคิดว่าเธอต้องมีชอบผมบ้างแหละ ตอนเธอยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมเกือบคิดไปแล้วว่าเธออ่อยผม แต่คงเป็นเพราะเธออาจได้ส่วนลดเสียมากกว่า ดูติดดินดีผมชอบ ผมยื่นโทรศัพท์คืนเธออย่างให้เกียรติลูกค้า กระนั้นจังหวะตักป๊อปคอร์นกับกดน้ำก็ทำให้ผมฉุกคิดได้ว่า หากผมไม่ทำอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้จะหาผู้หญิงแบบนี้ได้อีกที่ไหน จึงตัดสินใจอ่อยโดยการให้เบอร์โทรไป แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่าในทิชชู่จะมีเบอร์ผมอยู่ จึงตัดสินใจรอจนกว่าเธอจะออกจากโรงหนังเพื่อหาโอกาสคุยกับเธอ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ดูเหมือนทุกอย่างมันก็ผิดพลาดแฮะ เธอดันมาบอกว่าผมเป็นโรคจิตเสียอย่างนั้น ตอนนั้นผมอายมาก คนอื่นจะมองว่าผมเป็นอย่างไรกัน นี่ความจริงผมลูกเป็นเจ้าของห้างที่นี่นะ แค่มาทำงานเล่น ๆ เฉย ๆ ผมควรจะด่าเธอกลับดีหรือเปล่า แต่ถ้าด่ากลับไป ผมอาจปล่อยให้ผู้หญิงคาแรคเตอร์เพี้ยน ๆ แบบนี้หลุดมือไปได้ เสียหน้าอดีตเสืออย่างผมหมด เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ผมจะวินเธอมาให้ได้เลย
“พี่ขอจีบน้องนะ”
100% Updated
Troika Talk...
ขออภัยทุกท่านที่เราทำการเปลี่ยนหน้านิยายให้วุ่นวาย
แต่ความวุ่นวายครั้งนี้จะช่วยสร้างความสะดวกให้เจ๊ได้อัพนิยายเป็นเซ็ท ๆ เนอะ
ขอบคุณทุกคนที่ยังคอยติดตามเจ๊อยู่
#ทีมกาแฟ #LoveInSoul #LIS
คลิ๊ก BANNER ด้านล่างเพื่อกดอ่านนิยายเซ็ท Love in You Series
รักที่พูดออกไปไม่ได้ รักที่ไม่มีทางแม้แต่จะสัมผัส
รักที่ทำให้อยากหยุดลมหายใจ และรักที่ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตา
…………...
......................
คลิ๊กอ่านนิยายจากทีม FaT AUTHOR
การเป็น เด็กสถาปัตย์นั้นหาแฟนยากพอๆกับงมเข็มในมหาสมุทร ยิ่งกับฉันที่เพิ่งโดนบอกเลิก
แค่มหาสมุทรยังน้อยไป ให้ถูกคืองมเข็มในอวกาศต่างหาก
แต่ใครจะไปรู้...
เมื่อจู่ๆอวกาศที่ว่าดันเหวี่ยงคนๆนึงมาให้ฉัน...
บนเตียง!!!
Heart Design ป่วนใจยัยสถาปัตย์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,474 ความคิดเห็น
-
#1104 piepepper (จากตอนที่ 26)วันที่ 13 ตุลาคม 2559 / 00:55กดเข้ามาอ่านเรื่องนี้ก่อนเลยเพราะชอบพล็อตมาก 5555#1,1041
-
#1104-1 Troika(จากตอนที่ 26)22 พฤศจิกายน 2559 / 08:53มุ้งมิ้งไปอี๊กเนอะ เรื่องนี้ #LIS #LoveInSoul#1104-1
-
-
#1027 eye'am (จากตอนที่ 26)วันที่ 23 สิงหาคม 2559 / 17:43ชอบคาแรกเตอร์ของกาแฟมากเลยอะ ดูเป็นตัวของตัวเองดี#1,0271
-
#1027-1 Troika(จากตอนที่ 26)28 สิงหาคม 2559 / 17:28555555 ติสเซอร์ มั่น #LoveInSoul #LIS#1027-1
-
-
#725 queenjsj (จากตอนที่ 26)วันที่ 6 สิงหาคม 2559 / 19:18ไว้ต้องลองไปดูหนังรอบดึกบ้างแล้ววว ><'#7251
-
#725-1 Troika(จากตอนที่ 26)6 สิงหาคม 2559 / 20:49เจ๊ดูบ่อยนะ แต่ไม่ยักจะเจออะไรแบบนี้ T^T #LoveInSoul #LIS#725-1
-
-
#650 nicha-kaa (จากตอนที่ 26)วันที่ 3 สิงหาคม 2559 / 19:11lis#เปิดเรื่องมาก็น่ารักทั้งคู่แล้ว#6501
-
#650-1 Troika(จากตอนที่ 26)3 สิงหาคม 2559 / 19:2255555 ต่างฝ่ายต่างอ่อยใส่กัน #LIS#650-1
-
-
#121 Pp Ai YA (จากตอนที่ 26)วันที่ 10 มกราคม 2559 / 13:28นิสัยของแฟคือจุดบกพร่องจริงๆนะคะ บางอย่างโฟกัสมากเกินไป ที่เหลือคือละเลย? ฮืออ รอนะคะ#1211
-
#121-1 Troika(จากตอนที่ 26)11 มกราคม 2559 / 10:39ใช่เลยค่า#121-1
-
-
#98 Pp Ai YA (จากตอนที่ 26)วันที่ 15 ธันวาคม 2558 / 19:22รอออค่ะ#981
-
#98-1 Troika(จากตอนที่ 26)15 ธันวาคม 2558 / 20:48พรุ่งนี้น๊าาาา#98-1
-