ตอนที่ 22 : บทที่22 บทสรุป -1-
บทที่22
“พี่ทึกผมกลับก่อนนะ”
ภายในเวลาค่ำของวัน เรียวอุคที่เพิ่งจะจัดการงานในส่วนของตัวเองเสร็จก็ตะโกนบอกลาอีทึกที่ยังอยู่หลังร้านเสียงดัง ร่างเล็กจัดการปิดประตูหน้าร้านจนเรียบร้อย ก่อนจะเดินช้าๆ ไปตามถนนเส้นใหญ่เพื่อรอรถประจำทางเหมือนทุกวัน
“เรียวอุคครับ รอด้วยๆ”
เสียงทุ้มที่ตะโกนเรียกจากฝั่งตรงข้ามของถนนทำให้เรียวอุคละสายตาไปมองจนพบกับร่างสูงเจ้าของท่าทางร่างเริงที่มักจะเข้ามาวุ่นวายด้วยยืนหอบหายใจด้วยท่าทีรีบร้อน
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เรียวอุคถามขึ้นทันทีที่เยซองข้ามฝั่งมายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าน่ารักฉายแววสงสัยกับท่าทีมองรอบตัวเหมือนกับต้องการหาอะไรของเยซอง
“ไหนแฟนน้องเรียวอุคล่ะ ขอดูหน้าหมอนั่นหน่อยสิว่าจะหล่อสักแค่ไหน”
เสียงทุ้มบ่นขึ้นอย่างหงุดหงิด คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อมองหาคนที่น่าจะอยู่กับเรียวอุคในตอนนี้ไม่เจอ
หรือเราจะฟังพี่ซีวอนมาผิดวะ
“ไม่มีครับ” เรียวอุคตอบกลับเสียงนิ่งพยายามข่มความเขินอายในใจที่ได้เจอเยซองเอาไว้ใต้ท่าทีนิ่งเฉย
“ก็พี่ซีวอนมันบอกว่าเห็นมา”
“ผมจะไปมีได้ยังไงเล่า”
เรียวอุคเริ่มเถียงกลับ ก่อนจะเดินหนีเร็วๆเพราะเริ่มรู้สึกว่าปั้นหน้านิ่งต่อไปไม่ไหว ใบหน้ารู้สึกร้อนน้อยๆจนกลัวว่ามันจะแดงขึ้นมาจนอีกคนรู้
“แล้วทำไมไม่มีล่ะ” เยซองถามกลับกวนๆ ก่อนจะเริ่มเดินตามคนที่เดินหนีช้าๆ อย่างจงใจแกล้ง
“ก็มันไม่มีนี่ครับ” เรียวอุคตอบทั้งๆที่ไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ ใบหน้าน่ารักเริ่มก้มหลบสายตาที่มองจากด้านข้าง
“โล่งไปที”
เยซองพูดออกมาอย่างโล่งใจ ก่อนจะหยุดเดินเมื่อเห็นว่าเรียวอุคหันหลับมามองด้วยความสงสัย ขายาวขยับยืนในท่าทางที่คิดว่าดูดีที่สุดก่อนจะเริ่มยิ้มออกมา
“งั้น มาเป็นแฟนพี่ไหม หน้าตาดี มีรถขับ โทรศัพท์ถ่ายรูปได้ด้วยนะ”
เยซองพูดออกมาอย่างมั่นใจจนเรียวอุคที่ฟังทั้งงง ทั้งอยากจำขำออกมากับคำพูดอวดตัวเองในแบบแปลกๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างสงสัยในท่าทางและคำพูดพวกนั้น
“พี่ล้อเล่นหรือเปล่าครับ”
“จริง ให้เวลาสิบวินาที ถ้าคุณตอบตกลงตอนนี้ บริการส่งฟรีถึงประตูหน้าบ้านนะครับ” เยซองยังคงยิ้มให้อีกคนจนดวงตาคู่คมปิดลง มือใหญ่แกว่งกุญแจรถยนต์ในมือไปมา
“เรียวอุคครับ คบกันเถอะนะ พี่กลัวคนแย่งอ่ะ”
เยซองพูดเสียงอ้อน ก่อนะมองตาคนที่เริ่มยิ้มตามท่าทางของเขาอีกรอบ ใบหน้านิ่งเฉยในคราแรกเริ่มเปลี่ยนมาเป็นยิ้มขำจนเยซองพอใจ
“รถอยู่ไหนล่ะครับ ผมจะกลับบ้านแล้ว”
เรียวอุคตอบแค่นั้น ก่อนขาเรียวจะก้าวนำไปตามทางเดินเมื่อเยซองหันไปชี้รถยนต์คันคุ้นตาที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยที่เยซองก็รีบเดินตามหลังคนที่เดินนำไปเร็วๆ มือใหญ่ชูขึ้นบนอากาศอย่างเก็บท่าทีดีใจไว้ไม่มิด ดวงตาเรียวปิดลงน้อยๆเมื่อเจ้าตัวยิ้มดีใจจนเต็มแก้ม
ผมหนุ่มหล่อของคณะบริหารมีแฟนแล้วคร้าบ...
“เยส เรียบร้อย ว่าแต่คุณเครียดอะไรล่ะ”
เสียงของฮยอกแจที่แอบดูจากทางร้านสะดวกซื้อร้องขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันไปถามวีวอนที่ยืนทำท่าคิดหนักอยู่ข้างกัน
“ก็บอกแล้วว่าไอ้เย่มันรู้ใจตัวเองไม่ยาก ที่ยากเนี่ย...คยูฮยอน”
เสียงทุ้มพูดออกมาอย่างหนักใจ คิ้วเข้มขมวดจนแทบจะเป็นปมเมื่อยังคิดหาวิธีจัดการเรื่องของคยูฮยอนไม่ได้ ไม่ต่างจากฮยอกแจที่พอเริ่มคิดใบหน้าน่ารักก็มีแววเคร่งเครียดไม่ต่างกัน
สองขาเล็กก้าวเดินช้าๆ ไปตามถนนเส้นเล็กเพื่อออกจากตัวมหาวิทยาลัยในเวลาเกือบๆ สองทุ่ม งานด่วนที่ต้องเข้ามาจัดการทำให้ซองมินกลับบ้านช้ากว่าเวลาปกติอยู่มาก
“หนาว ทำไมทางเดินมหาลัยไม่เปิดไฟสว่างๆหน่อยนะ”
เสียงหวานบ่นเบาๆตลอดทางเดินราวกับว่าจะให้มันช่วยคลายความกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดวงตาคุ่โตเริ่มมองรอบๆตัวอย่างอดกังวลไม่ได้
ทางเดินเงียบสนิทจนได้ยินเสียงใบไม้แห้ง ลมเย็นๆที่ผัดผ่านผิวกาย รอบทางเดินที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ช่างเหมือนกับ...
“เหมือนเรื่องผีที่ฟังมาเมื่อคืนเลย อย่าคิด ซองมิน ห้ามคิด”
เสียงหวานบ่นซ้ำๆเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงรายการทีวีที่เพิ่งดูมาเมื่อคืนนี้ แต่ยิ่งบ่นก็ยิ่งย้ำอยู่แบบนั้น จนในสมองเริ่มจินตนาการเหตุการณ์น่ากลัวๆ ไปจนถึงลมเย็นๆที่ผัดผ่านแผ่นหลังจนเบิกตาโตอย่างตกใจ
...เอาวะ วิ่งเลย...
ซองมินพูดแค่นั้นก่อนจะเริ่มวิ่งจนสุดแรง ดวงตาคู่โตหลับปี๋ลงอย่างไม่อยากรับรู้เรื่องราวรอบตัวสักนิด ในใจคิดแค่เพียงว่าพอสุดทางเดินก็จะถึงหน้ามหาลัยที่จะเริ่มมีผู้คนเดินมากขึ้น
ปึก!
“เฮ้ย!”
ซองมินที่วิ่งมาจนสุดแรงชนเข้ากับร่างของใครคนหนึ่งเข้าเต็มๆ แขนของร่างตรงหน้ารัดเอวเขาจนแน่นกันล้มลงไป เสียงหวานร้องขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะรีบลืมตาเพื่อขอโทษคนที่ตัวเองชนเข้าไปเต็มๆ
“พี่คยูฮยอน..”
“วิ่งแบบนี้ได้ไง มันอันตรายไม่รู้บ้างหรือไง!”
ประโยคยาวเหยียดของคนที่แทบจะไม่ค่อยพูดออกมาทำเอาซองมินตกใจกับท่าทีแบบนั้น ใบหน้าหวานก้มกัวขอโทษซ้ำๆ ก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอุ่น
“ผมขอโทษ”
ซองมินของโทษเสียงแผ่ว ขาเล็กเตรียมจะก้าวผ่านไปด้านหน้าเมื่อก้มขอโทษคนตรงหน้าเรียบร้อย
ซองมินเอ้ย เกือบล้มแล้วไหมล่ะ
หมับ
“เดี๋ยวไปส่ง นายนี่มันปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้จริงๆ”
มือใหญ่คว้าข้อมือคนตรงหน้าเอาไว้แน่น ร่างสูงของคนพูดน้อยที่วันน้ดุพูดมากขึ้นมานิดเริ่มดึงให้คนตัวอวบเดินตามไปทางลานจอดรถ
“เอ่อ ไม่ต้องก็ได้...”
“อย่าเถียงนะซองมิน ฉันไม่อยากกลับบ้านไปโดยที่ยังห่วงนายหรอกนะ คิดถูกจริงๆที่มาตามหานายที่นี่”
คยูฮยอนพูดออกมายาวเหยียดก่อนจะเริ่มเดินนำหน้าคนที่เริ่มอ้าปากค้างกับทั้งคำพูด และท่าทางที่เขาไม่เคยเห็ยคยูฮยอนแสดงออกมาด้วยซ้ำ
“พี่ห่วงผม?” ซองมินถามเบาๆอย่างไม่มั่นใจเทาไหร่นัก มือเล็กข้างที่ว่างชี้เข้าหาตัวเองอย่างสงสัย
“แล้วฉันไม่ห่วงนายตรงไหนกัน นายทำฉันเสียศูนย์ไปหมดแล้วรู้ตัวบ้างไหม ไอ้ตาโตๆนั่นนะ มันอ้อนเกินไป”
คยูฮยอนพูดเสียงเบาๆลง ก่อนจะเดินนำหน้าเหมือนกับไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แต่ใบหูที่ขึ้นสีแดงจัด กับมือใหญ่ที่ยังคงกำมือเล็กเอาไว้ก็บอกอาการอีกคนได้เป็นอย่างดี
“ถ้ารู้แล้วก็อยู่ใกล้ๆฉัน ให้ฉันเลิกห่วงสักที”
หลังจากที่คยูฮยอนพูดคำนั้น บรรยากาศรอบข้างเงียบลงจนได้ยินเสียงใบไม้ที่ผัดตามลมเหมือนเดิม ซองมินพยักหน้าช้าๆเหมือนตอบตกลงคำพูดของคนตรงหน้า โดยที่คยูฮยอนก็หันมามองและยิ้มน้อยๆออกมา
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนและอากาศเย็นๆที่พักผ่านตัว ตอนนี้คนทั้งคู่กลับรู้สึกว่ามันอบอุ่น หวานซึ้งจนอยากจะกุมมือแบบนี้ต่ออีกนิด
โอ้ย นี่อะไรเนี่ย พี่คยูฮยอนสารภาพอะไรกับเรา
ความคิดที่ตะโกนลั่นในใจของซองมินทำเอาใบหน้าหวานเห่อแดง มือเล็กเผลอกำขึ้นนิดๆ แต่ถึงจะตะโกนถามในใจไปมากเท่าไหน แต่ซองมินกลับรู้ถึงคำตอบของเรื่องราวตอนนี้อยู่แก่ใจตัวเอง
ต้องพูดตรงๆ ไม่หวานแหววแบบนี้แหละถึงจะเป็นพี่คยูฮยอน
ไม่มีคำพูดหวานมากไปกว่านี้ แต่คนแบบคยูฮยอน คำพูดพวกนี้คงเป็นคำสารภาพรักที่หวานที่สุดในชีวิตของเขา
TBC.
Talk:28/09/16
มาแล้วค่ะ ห่างหายไปนานมากๆเลยยยย มาบทสรุปทีละคู่น้อออออ ตอนหน้าก็จะมาคู๋พี่ใหญ่ เพราะคิเฮนี่บอมชัดเจนไปแล้ววว หรือนิดหน่อยเองง
สุดท้ายไว้เจอกันอีกนะคะ รักทุกเม้น ทุกวิว ทุกแฟนคลับ รักคนอ่านค่ะ^^
เฟสมิ้น จิ้ม
ทวีตมิ้น จิ้ม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่พี่ใหญ่ทั้ง 2 นี่สิท่าจะยากอ่ะ
สู้ๆ สู้ต่อไป วอนฮยอกที่รัก อิๆๆๆ
แหม่ วอนฮยอกนี่เป็นพ่อสื่อได้เจ๋งสุดๆ 555555555555
แต่เขินแทนมินๆจริงๆนะ คยูมานิ่งๆ ปากหนักๆ แต่ได้ใจมากอ่ะ อิอิ