ตอนที่ 12 : บทที่10 : เจอกัน
บทที่ 10
“อ้าว ไหนบอกวันนี้นัดกับตัวแทนจากสโมฯนักศึกษาไว้ไม่ใช่เหรอ”
อีทึกถามอย่างสงสัย เพราะเพื่อนหน้าสวยอย่างฮีชอล ที่วันนี้มีธุระของมหาวิทยาลัยต้องจัดการ กำลังเดินเข้ามาในร้านอย่างรีบร้อน
“ก็นัดไว้ พอดีเขาโทรมาบอกว่านัดที่ร้านเราแทนนะสิ เพราะร้านแรกที่ไกลไป ฉันเลยตกลงไปนะ”
เอกสารปึกใหญ่ถูวางลงบนเคาเตอร์เร็วๆ มือเรียวเสยผมด้านหน้าตัวเองลวกๆเพื่อจัดทรงให้เข้าที่
“แล้วมาตอนไหน?”
“ใกล้แล้วล่ะ ถึงรีบมานี่ไง ทีแรกจะไปร้านนั้นแล้ว”
ฮีชอลรีบจัดการตัวเองเร็วๆ ก่อนจะหอบเอาเอกสารปึกใหญ่ไปวางที่โต๊ะทางมุมหนึ่งของร้าน
.
...
ปึก!
“ฉันเป็นตัวแทนจากสโมฯ”
เสียงแฟ้มที่วางตรงหน้า และเสียงทุ้มที่ฮีชอลแสนคุ้นเคยดังขึ้น เรียกความสนใจจากคนที่นั่งมองไปนอกร้านได้แทบจะทันที...
“นาย ฮันคยอง!”
นิ้วเรียวชี้หน้าคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ เสียงหวานพูดออกมาอย่างตกใจ
“เออ ฉันเองแหละ ต้องทำหน้าตาขนาดนั้นเลยหรือไง”
ฮันคยองตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจ มือหนาเปิดแฟ้มงานออกมาเร็วๆเพื่อตัดปัญหาจากคนตรงหน้า
“ทำไมฉันต้องมาคุยกับนายด้วยวะ ทีแรกจะส่งจองโมมาไม่ใช่หรือไง” ฮีชอลตอบกลับอย่างไม่ค่อยพอใจ เสียงหวานบ่นเบาๆในสิ่งที่ตัวเองรู้มา
“ทำไม...มาคุยๆให้จบเถอะ คิดถึงมันมากก็ไปหามันที่สโมฯได้นะ ฉันไม่ว่าหรอก”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฮันคยองเลยเลือกที่จะกวนอีกคนไปแบบนั้น แต่แค่ฮีชอลดูไม่อยากเจอเขาขนาดนี้ เขาก็ไม่ชอบใจเลยสักนิดเดียว
“เหอะ! ช่างเถอะ เอานี่รูปแบบงานของงานเลี้ยงเอกฉัน ที่คิดกันไว้”
ฮีชอลพูดออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคุยเรื่องงานเพื่อให้มันจบๆไป เอกสารเพียงไม่กี่แผ่นที่ถูกวาดเอาไว้พร้อมกับรายะเอียดที่เขียนถูกวางลงตรงหน้าฮันคยอง
มือใหญ่รับเอกสารมาอ่านอย่างละเอียด เพราะทางเขาต้องอนุญาติสำหรับงบประมาณในการจัดทำ
“มันเรียบไปไหม แล้วแบบนี้พวกผู้หญิงหรือคนที่ชอบแต่งตัวมากๆจะเข้างานยังไงล่ะ” ฮันคยองออกความเห็นหลังจากที่อ่านทุกอย่างอย่างละเอียด แล้วพบว่า
...คอนเซ็ปของงาน มันดูเรียบง่ายเกินไป...
“นี่ เอกฉันมันก็มีอยู่แค่นี้ เราตกลงกันแล้ว ไม่ต้องมาห่วงหรอก เพื่อนฉันไม่ได้อยากเด่นดังเหมือนพวกผู้หญิงของนายหรอกนะ”
ฮีชอลพูดออกมาอย่างหงุดหงิดในใจ มือเล็กยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างไม่เข้าใจอาการแบบนี้เท่าไหร่นัก
“ฮีชอล...นายกำลังนอกเรื่องนะ” ฮันคยองว่าอีกคนเสียงดุ เพราะฮีชอลทำเหมือนจะพาลถึงเรื่องอื่น
“ใช่สิ ว่าไม่ได้เลย ไงล่ะรอบนี้ใคร คนเมื่อตอนปีหนึ่งไม่น่าจะอยู่ถึงตอนนี้ได้นะ”
น้ำเสียงเยาะเย้ยกับแววตาดูถูกที่ส่งผ่านออกมา ทำให้ฮันคยองเริ่มหัวเสียไปกับคนตรงหน้า
“เราคุยกันเรื่องงานนะฮีชอล...ก็เพราะนายเป็นแบบนี้ไงเราเลยเลิกกัน”
ฮันคยองพยายามพูดกับคนตรงหน้าอย่างใจเย็น นิสัยขี้โวยวายของฮีชอลเขารู้จักดี แต่เขาไม่เคยชอบเลยสักนิด
“เพราะฉัน..ฉัน..เหอะ! แล้วใครกันที่มันทำตัวเลวๆก่อน ไม่ใช่นายเหรอ ที่นอกใจนะ”
เสียงหวานตวาดดังอย่างไม่ชอบใจ มือเล็กกำแน่นอย่างพยายามห้ามอารมณ์โมโหของตัวเองเอาไว้
...เขาก็ผิดตลอด เคยรู้บ้างไหมว่าพวกผู้หญิงที่คนตรงหน้ายุ่งเกี่ยวด้วยทำอะไรไว้บ้าง ทั้งรูปที่ถูกส่งมาให้ โทรศัพทืที่โทรมาหาเขา ฮันคยองไม่เคยจะถามสักคำ!...
“แล้วก็ไม่ใช่นายเหรอที่เป็นฝ่ายหยุดทุกอย่างก่อน เพราะนายทั้งนั้น”
ฮีชอลยังคงโมโหไม่เลิก คนตัวเล็กยืนหน้าแดงก่ำอย่างโมโหจนคนในร้านหันมามองอย่างตกใจ
หมับ!
“หยุดได้แล้วฮีชอล”
เสียงทุ้มตวาดออกไปเสียงดังอย่างลืมตัว มือใหญ่เผลอกดไหล่เล็กให้นั่งลงแรงๆอย่างลืมตัว แรงซะจนฮันคยองยังรู้สึกเจ็บฝ่ามือตัวเองด้วยซ้ำ
“ขอโทษ”
เสียงทุ้มพูดเบาๆอย่างรู้สึกผิด เมื่อคิดได้ว่าอีกคนคงจะเจ็บมาก มือใหญ่เอื้อมออกไปหวังจะลูบไหล่คนตรงหน้าอย่างปลอบใจ
“พอเถอะ มันไม่ช่วยอะไรหรอก เดี๋ยวนายคุยกับอีทึกแทนแล้วกัน”
ฮีชอลสะบัดไหล่หนีจากมืออีกคนอย่างรวดเร็ว ขาเรียวลุกเพื่อก้าวผ่านคนตรงหน้าไป ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความน้อยใจจนฮันคยองรู้สึก
...อยากกอดแน่นๆ...
หมับ!
“ฮีชอล” ฮันคยองรั้งอีกคนเอาไว้อย่างรู้สึกผิด
“ปล่อยผม คุณฮันคยอง”
เสียงหวานพูดราบเรียบ มือเรียวสะบัดมือหนาที่กุมเอาไว้ทิ้งอย่างไม่พอใจ และเลือกเดินตรงไปทางเพื่อนสนิทที่มองอย่างเป็นห่วงแทน
.
..
“นาย โอเคไหม” อีทึกลูบไหล่เพื่อนสนิทที่ปกติเก่งทุกเรื่องของเขาเบาๆอย่างเห็นใจ แววตาหวานบ่งบอกถึงความห่วงใยจนฮีชอลหันมามองอย่างขอบคุณ
“ไปแล้วเหรอ” ฮีชอลถามออกไปเบาๆ คนที่หลบอยู่ทางหลังร้านทำให้ฮีชอลไม่รู้ถึงเรื่องของคนที่เขาให้อีทึกไปคุยเมื่อกี้เท่าไหร่นัก
“อืม สรุปเอาแบบเดิมนะแหละ ฉันอธิบายไปว่าเพื่อนทุกคนเสนอแบบนั้นมา” อีทึกบอกอีกคนเบาๆ มือเล็กลูบไหล่เพื่อนอย่างปลอบใจ
หมับ!
“ทำไม ทำไมเราต้องยังมาเจอกันด้วย ฉันไม่ชอบ ไม่ชอบเลย มันเจ็บฉันยังจำตอนที่ร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้นได้ มันเจ็บเหมือนจะตายเลยนะ ฉันจะทำยังดี”
ฮีชอลกอดเอวเพื่อนสนิทแน่ๆอย่างต้องการที่พึ่ง เสียงหวานสั่นๆพูดออกมายาวเหยียดจนอีทึกได้แต่ถอนหายใจไปกับท่าทางแบบนั้น
“ไม่มีอะไรแล้วนะ นายพักในนี้ก็ได้”
อีทึกปลอบคนที่กอดเขาอยู่เบาๆ ใบหน้าหวานมีแววสงสัยอยู่มากมาย เขารู้ว่าในช่วงแรกๆฮีชอลเคยมีแฟน แต่รู้อีกทีเจ้าตัวก็เลิกกันพร้อมกับการร้องไห้เสียใจครั้งใหญ่ที่เขาต้องคอยดูแล แต่ถ้าคนที่จะทำให้ฮีชอลร้องไห้ได้อยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ บางทีรอบหน้าเขาอาจจะต้องเป็นฝ่ายดูแลเพื่อนแทนแล้วล่ะ...
100%
Talk: ลง 05/04/15
มาแล้วววว รู้ยังว่าฮันชอลเคยเป็นไรกันนนนนน คือเรื่องนี้ตอนดูสั้นกว่าเรื่องอื่นเพราะคู่เยอะเลยตัดตอนบ่อยเพราะอยากให้ละเอียด แต่มันจะต้องลงจนจบ สู้! ถถถ
สุดท้ายรักทุกเม้น ทุกวิว ทุกโหวต ทุกแฟนคลับ รักทุกคน รักเอสเจสุดๆ^^
#รักร้ายเอสเจ
ตอบเม้นๆ
MiNiEun (@choihaneul): เป็นปัญหาที่ไม่รู้จะแก้ที่ใครก่อนดีด้วยค่ะ คนหนึ่งปากร้าย อีกคนใจร้อน โอยยย มาลุ้นไปด้วยกันเนอะ
lovenevermild (@loveside): คยูมินรอก่อนน้อออ เอาพี่ใหญ่มาก่อนนนน คึคึ มาอ่านต่อเร็วๆๆน้ออ
ihypha (@ihypha): รู้ยังฮันกับฮีมีไรกันนนน รู้แล้ววว มารอลุ้นไปพร้อมกันน้อออออออ^^
angle: รู้ยังว่าเขามีปัญหาอะไรกานนนนนน มาลุ้นไปด้วยกันน้า^^
pungsj13 (@pungsj): เอาล่ะมาอ่านฮันซอลกันดีก่า มาลุ้นด้วยกันน้ออออ
0704wonhyuk (@0704wonhyuk): ประเด็นคือฮันกัยฮียิ่งกว่ารู้จักอีก มันเลยคุยกันยาก เอาล่ะมาลุ้นไปด้วยกันน้อออ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่าร้องนะคนดี ฝากป้าปลอบเมนหนูที ~
เกิง...ก็เอ็งน่ะไม่เคยเข้าใจอะไรเลยน่ะสิ
ทำมาเป็นว่าเพราะเมนขี้วีน ทั้งหมดมาจากเอ็งทั้งนั้นแหละ!