ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bloody Kiss จูบร้าย คุณชายเลือดผสม (GyuWoo)

    ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER 23

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      8
      29 มิ.ย. 61



                    อูฮยอนที่กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารที่เขาต้องรับผิดชอบจากการประชุมเมื่อช่วงเช้าของวันจำเป็นต้องวางปากกาดำในมือของตัวเองลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใครอีกคนที่คนตัวเล็กเองก็ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซองกยูเมื่อเห็นสีหน้าของอูฮยอนที่เอาแต่บึ้งตึงใส่เขาแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผ่านมาครึ่งวันแล้วนะอูฮยอน ยังงอนฉันอยู่อีกรึไงกัน

     

                    “มีธุระอะไรอีกครับคุณซองกยู เห็นไหมว่าผมกำลังทำงานอยู่”

    อูฮยอนทำสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่กำลังยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน ซองกยูส่ายหัวอย่างนึกเอ็นดูกับท่าทางที่คนตัวเล็กตรงหน้ากำลังทำอยู่ เห็นทีผู้ใหญ่อย่างเขาคงจะต้องง้อคนตัวเล็กอย่างจริงจังเสียแล้ว เพราะเรื่องเมื่อเช้านั่นแน่ๆ

     

                    “ยังโกรธ.. ไม่สิ ยังงอนฉันอยู่หรอ” ซองกยูยื่นมือไปปิดแฟ้มงานที่คนตรงหน้ากำลังหันกลับไปสนใจแทนตัวของเขา ก่อนจะหยิบมันวางไว้ข้างๆตัว ร่างสูงทำหน้ายียวนใส่อูฮยอนก่อนจะปัดสิ่งของเกะกะบนโต๊ะทำงานของอีกคนให้พ้นทาง

     

                    “คุณซองกยู วุ่นวายจริงๆเลยเนี่ย” อูฮยอนออกปากบ่นอีกคนอย่างหงุดหงิดเมื่อร่างสูงขึ้นมานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาซึ่งนั่นเท่ากับว่าซองกยูกำลังขัดขวางการทำงานของเขา มือทั้งสองข้างออกแรงผลักคนแก่กว่าให้ออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล ซ้ำยังถูกมือหนาของอีกคนจับข้อมือไว้ก่อนจะดึงมันเข้าหาตัว

     

                    “งอนอะไรฉัน เด็กน้อย”

     

                    “ปล่อยเลยนะครับ” อูฮยอนพยายามชักมือกลับแต่อีกคนก็ยังคงรั้งมันไว้ ร่างบางยิ่งทำหน้ามุ่ยใส่อีกคนอย่างห้ามไม่ได้

     

                    “ตอบมาก่อน ว่าเป็นอะไร” ซองกยูยื่นหน้าลงไปหาใบหน้าหวานของอีกคน ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าบูดบึ้งใส่เขาอยู่ ข้อมือที่ถูกมือหนาจับไว้ถูกดึงขึ้นไปหาใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังจับจ้องมาที่คนตัวเล็ก เรียวปากยกยิ้มขึ้นจนอูฮยอนอดไม่ได้ที่จะแอบนินทา




     

                   คิดว่ายิ้มแล้วหล่อมากนักหรือไง

     

     





                   เออ ก็หล่อไง อย่ายิ้มเยอะได้ไหมล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

                   ใจสั่นหมดแล้วเนี่ยคุณซองกยู

     

     

     

     

                    “เปล่าครับ”

     

                    “ไม่เชื่อ” ซองกยูตอบกลับทันควันจนอูฮยอนเบ้ปากใส่

     

                    “เรื่องเมื่อเช้าหรอ” ซองกยูถามด้วยสายตาจริงจัง เป็นอีกครั้งที่อูฮยอนรับรู้ว่าซองกยูกำลังคิดมาก ถึงแม้ว่าสายตาของคนตรงหน้าจะไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือเป็นกังวล แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าคุณซองกยูอยู่ในช่วงอารมณ์อ่อนไหวและกำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ ตัวอูฮยอนเองก็อยากจะแบ่งเบามัน อยากให้ซองกยูระบายความเครียดที่มีออกมาให้เขาได้รับฟังบ้าง แต่เขากลับไม่กล้าพอที่จะคอยถามว่าเป็นอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่เสียอย่างนั้น


     

                    มันน่าน้อยใจนะ เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกันแล้วแท้ๆ


     

                    “คิดอะไรอยู่อูฮยอน” ซองกยูเรียกสติอีกคนที่เอาแต่จ้องหน้าเขาแต่สายตากลับเลื่อนลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะไม่คิดอะไร แต่ท่าทางของคนตัวเล็กช่วงนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ชัดจนเขาเริ่มรู้สึกกังวลว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับอูฮยอน เมื่อวาน..

     



     

                    ผมเห็นอูฮยอนอยู่กับอีริค

     


                แน่ใจแค่ไหนกันมยองซู

     


                แน่ใจที่สุดแล้วครับ จำไม่ยากเลยคนนี้

     

     



                    “เปล่าครับ ไม่ได้คิดอะไร” ถ้าจะให้ว่าคนตัวโตกว่าคนเดียวก็คงไม่ถูก ในเมื่อคนตัวเล็กเองก็ยังต้องปิดบังความคิดของตัวเองเช่นกัน

     

                    “ไม่อยากมีลูกกับฉัน.. ใช่ไหม” ซองกยูกล่าวเสียงเบา ดวงตาคมที่กำลังจ้องมองคนตัวเล็กกำลังวูบไหวในบางขณะ อูฮยอนที่ได้ยินแบบนั้นจึงหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว  เสียงใสของคนตัวเล็กดังระงมไปทั่วห้องทำงานของคนตัวเล็กจนซองกยูต้องขมวดคิ้ว

     

                    “ขำอะไร”

     

                    “คุณคิดมากเรื่องนี้อยู่หรอ ฮ่าๆ”

     

                    “นี่อูฮยอน อย่ามาหัวเราะใส่ฉันแบบนี้นะ” ซองกยูโวยวายใส่คนตัวเล็กในทันทีเมื่ออูฮยอนเอาแต่ขำจนไม่ได้ใส่ใจคำถามที่เขาถาม แอบนึกแปลกใจที่คนตัวเล็กตลกกับสิ่งที่เขาต้องการหาคำตอบ

     

                    “คุณซองกยู” อูฮยอนที่กำลังจ้องมองใบหน้าของคนแก่กว่าส่งมือที่ไม่ได้ถูกจับอีกข้างขึ้นไปแนวเข้ากับแก้มของอีกคน ซองกยูที่กำลังขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจที่คนตัวเล็กหัวเราะก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าเพราะการกระทำของคนตรงหน้า มือบางเกลี่ยผิวหน้าของอีกคนเบาๆ ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่อีกคนก่อนจะยิ้มบางๆให้

     

                    “เครียดเรื่องนี้อยู่หรอครับ” ไม่มีคำตอบกลับจากคำถามที่อูฮยอนได้เอ่ยออกไป ซองกยูทำแค่เพียงหลับตาและใช้มือที่กำลังว่างอยู่อีกข้างกุมผ่ามือเล็กที่กำลังไล้แก้มของเขาอยู่ ร่างบางมองคนตรงหน้าอย่างนึกแปลกใจในท่าทางที่อีกคนกำลังเป็นอยู่ ความอ่อนโยนของซองกยูนับวันยิ่งเพิ่มขึ้นจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรที่คนตรงหน้ากำลังปิดบังอยู่อีกรึเปล่า

     

                    “ผมเป็นของคุณแล้วนะครับคุณซองกยู” ซองกยูค่อยๆลืมตาเพื่อมองอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งมองเขาอยู่ด้วยรอยยิ้มที่เขาหลงรักมาตลอดหลายร้อยปี ไม่ว่าในอดีต หรือว่าในปัจจุบัน อูฮยอนยังคงมีรอยยิ้มที่ทำให้เขาหวั่นไหวอยู่เสมอ อูฮยอนมีรอยยิ้มที่เขาหลงรัก และอูฮยอนก็เปรียบเสมือนรอยยิ้มของเขาที่เลือนหายไปหลังจากการสูญเสียของคนเป็นแม่

    อูฮยอนจึงเป็นทุกอย่างของคิมซองกยู- คนที่มีเพียงตัวคนเดียว แม้จะถูกรายล้อมไปด้วยบริวารและมีครอบครัวที่ดีของมยองซูคอยอยู่เคียงข้างแล้วก็ตาม

    แม้ภายนอกเขาจะดูมีความสุขกับสิ่งที่เขามี แต่คนที่ขาดก็คือคนที่ขาดอยู่วันยังค่ำ เขาขาดความรักจากครอบครัว ขาดพ่อที่แม้แต่ใบหน้าก็แทบจะจำไม่ได้ ขาดแม่ที่ต้องมาตายไปต่อหน้าต่อตาเพราะความแค้นฝังหุ่นตั้งแต่เขายังเด็ก ซองกยูกลายเป็นเด็กที่โตมากับความเดียวดายแม้มีผู้คนห้อมล้อมเขา แต่นั่นก็แทบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซองกยูก็ยังเป็นซองกยู ซองกยูที่ไร้ซึ่งที่พักพิงทางใจ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาได้กลับขึ้นไปยังที่ๆพ่อของเขาเคยอยู่ เขาได้กลับไปที่แห่งนั้นและได้พบกับใครอีกคนที่ทำให้เขารู้สึกว่าที่พึ่งพิงใหม่ของเขาคืออะไร



     

    “เรียกข้าว่าอูฮยอนเถิด ข้าเบื่อคำว่านายน้อยเต็มทน”

     


    “แต่ว่า..”

     


    “ท่านนักดนตรีคนเก่ง โปรดเรียกแค่ชื่อของข้า ได้หรือไม่”

     



    การเจอกันเพียงครั้งแรก อูฮยอนกลายเป็นคนที่ตราตรึงใจซองกยูไปโดยปริยาย ยิ่งเจอกันนานวันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่าความรู้สึกที่มีให้เทพตัวเล็กนั้นเป็นเรื่องจริง สายเลือดครึ่งหนึ่งที่เป็นปีศาจผู้กระหายหิวของคาวสีแดงฉาน ปีศาจที่ไม่มีหัวใจและเย็นชากับทุกสรรพสิ่งบนโลก ถูกอีกครึ่งสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ผู้มีนิสัยอ่อนโยนกัดกินตัวตนที่เย็นชาและหยาบกระด้าง จนในท้ายที่สุด ซองกยูก็ได้รู้จักว่าความรักเป็นอย่างไร

    ความรู้สึกที่ต่างคนต่างบ่มเพาะจนกลายมาเป็นความรัก สุดท้ายถูกใครอีกคนทำลายมันจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ซองกยูผู้ที่เคยสูญเสียความรักจากคนเป็นพ่อเป็นแม่ กลายเป็นว่าต้องมาสูญเสียความรักจากคนที่เขาเชื่อว่าเป็นชีวิตใหม่อีกครั้ง ที่พึ่งที่ชายหนุ่มเคยเอนกายลงซบเพื่อพักพิงยามเหนื่อยล้า กลับมลายหายไปต่อหน้าต่อตาซ้ำสอง ชีวิตที่เคยมั่นคงและยืนหยัดได้ในตอนนั้น กลับทำให้เขาเซล้มจนดูน่าเวทนา


     

    แล้ววันหนึ่ง เจ้าก็จะได้เจออูฮยอนอีกครั้ง


     

    ซองกยูยังคงเชื่อในคำของผู้เป็นบิดาของคนรักเสมอ จนในวันนี้เขาได้เจอแล้ว คนตรงหน้าของเขา คนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา คนที่เขาอยากจะจับมือเดินไปด้วยกัน คนที่เขาอยากจะมอบความสุขให้ คนที่เขาอยากจะสร้างครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อลบปมที่ตัวเองยังคงฝังใจ


     

    ซองกยูไม่เคยคิดเรื่องลูก จนกระทั่งได้เจอกับยอลซู


     

    ซองกยูไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดเรื่องนี้ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่ได้คาดหวัง นานมาแล้วที่เขาเผชิญกับความเหงา แม้ในช่วงเวลาหนึ่งของการรอคอย ซองกยูจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง โบราและเซยองสามารถเป็นครอบครัวของซองกยูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซองกยูได้เป็นพ่อ โบราได้เป็นแม่ และมีเซยอง เด็กกำพร้าที่ซองกยูให้อุปการะได้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐีใหญ่ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น ทั้งสามคนไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวที่แน่นแฟ้นนัก และมันก็ไม่ได้มากพอที่จะเรียกว่าครอบครัวได้อย่างเต็มปากเสียเท่าไหร่

    ซองกยูยังคงหวังว่าวันหนึ่งจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคนรักและลูกที่เกิดจากความรักของเขาและคนรักของเขา- อูฮยอน แต่มันกลับทำให้เขากลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เขายังคงรักและรอคอยอูฮยอนอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่กับอูฮยอนนั้นเขาเดาใจไม่ได้จริงๆว่าอีกคนจะคิดอย่างไรกับการต้องมาใช้ชีวิตกับแวมไพร์ที่เป็นสิ่งดุร้ายและอันตรายที่สุดแบบนี้

     



     

    ซองกยูยังคงเต็มร้อยในเรื่องของความรู้สึก ไม่มีลดลงตามกาลเวลา แม้จะผ่านมานานเป็นสิบเป็นร้อยปีก็ตาม

     


    แต่กับอูฮยอนนั้น.. การที่อีกคนลืมเลือนทุกสิ่งอย่างไปจนหมดสิ้น ก็เท่ากับว่ามันอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิม

     

     


    อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ซองกยูหวังไว้แต่แรก

     


    ความหวังที่ว่า ท้ายที่สุดเขาจะได้ครองรักกับอูฮยอนไปชั่วนิรันดร์

     



     

                “อะไรที่คุณคิดว่ามันจะทำให้คุณมีความสุข ผมก็พร้อมที่จะสนับสนุน” ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองใบหน้าของซองกยูอย่างรักใคร่ ข้อมือที่ถูกอีกคนรั้งไว้ถูกยกขึ้นไปแนบบนอกแกร่ง รอยยิ้มบางของคนแก่กว่าเริ่มปรากฏให้ร่างบางได้เห็น

     

                    “...”

     

                    “ผมพร้อมยอมรับการตัดสินใจของคุณนะ คุณซองกยู”

     

                    “แล้วนายล่ะอูฮยอน นายจะมีความสุขเหมือนกันกับฉันไหม” อูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับ เพียงลุกขึ้นจากเก้าอี้และขยับตัวเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งอยู่ช้าๆ ข้อมือที่ถูกจับกุมไว้ถูกมือหนาปล่อยออกให้เป็นอิสระ จากที่เคยวางอยู่แนบอกแกร่ง ตอนนี้ร่างบางได้แนบมันลงบนใบหน้าของซองกยูอีกข้าง ร่างเล็กโน้มใบหน้าลงมาให้ระยะของสายตาอยู่ตรงกัน

     

                    “คุณคือความสุขเดียวในชีวิตของผมครับคุณซองกยู” ริมฝีปากบางประทับลงบนหน้าผากของคนตัวสูงช้าๆ ก่อนจะผละออกและฝังมันลงบนแก้มทั้งสองข้าง ไล่มาจนถึงปลายจะมูกคม และกดลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ไม่ได้มีการลุกล้ำใดๆ ซองกยูทำเพียงอยู่นิ่งๆและไม่ได้คิดจะทำพฤติกรรมอันจาบจ้วง ฉุดรั้งให้คนตัวบางเข้ามาสัมผัสร่างกายอย่างแนบแน่น หรือกดจูบและดูดดึงมันอย่างหนักหน่วงโดยหวังเก็บเกี่ยวความหวานของริมฝีปากบางนั่น เพื่อทำลายบรรยากาศในตอนนี้ด้วย

     

                    “อูฮยอน..”

     

                    “และถ้าหากการมีลูกคือความสุขของคุณ ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะครับ” ซองกยูยิ้มให้กับคำตอบที่ได้รับ มือหนาทั้งสองข้างกอบกุมฝ่ามือของอีกคนที่กำลังวางแนบแก้มของเขาอยู่ ก่อนจะแกะมันออกจากผิวสัมผัสของแก้มทั้งสองข้าง สายตาคมจ้องมองไปยังร่างบางก่อนจะหันไปหามือเล็กๆของคนรักและประทับรอยจูบลงบนฝ่ามือทั้งข้างซ้ายและขวา

     

                    “สัญญากับฉันนะอูฮยอน ว่าถ้าฉันมีความสุขนายก็จะต้องมีความสุขไปพร้อมๆกับฉัน”

     

                    “ครับ ผมสัญญา” คนตัวเล็กยิ้มกว้างให้คนรักเพื่อสร้างความสบายใจให้กับอีกฝ่าย

     

                    “งั้นเรามา..” ร่างบางหุบรอยยิ้มของตัวเองลงทันทีเมื่อสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าเริ่มจะประชิดตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ซองกยูยกยิ้มมุมปากตอบกลับไปหาอูฮยอนก่อนจะรั้งข้อมือข้างหนึ่งของคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ใบหน้าของตัวเอง ร่างบางที่เริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามกระชากแขนของตัวเองกลับ

     

                    “อย่านะคุณ นี่มันที่ทำงาน”

     

                    “ครั้งแรกของเราก็ที่นี่ไม่ใช่รึไงครับที่รัก” อูฮยอนที่ได้ยินดังนั้นรีบก้มหน้าเพื่อหลบตาคนเจ้าเล่ห์ แก้มกลมๆทั้งสองข้างขึ้นสีชมพูอ่อนเพราะความเขินอายเมื่อนึกถึงวันนั้นในห้องทำงาน ซองกยูรั้งแขนเล็กให้เข้ามาหาเขามากกว่าเก่า ประทับรอยจูบลงบนข้อมือบาง ก่อนจะกัดมันเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว

     

     


                    ทำไมต้องทำตัวน่าแกล้งแบบนี่ด้วยนะอูฮยอนอ่า

     

     


                    “ไม่คุยด้วยแล้ว” คนตัวเล็กเมื่อรับรู้ได้ว่าซองกยูกำลังโน้มใบหน้ามาหาเขาเรื่อยๆจึงตัดสินใจผลักอีกคนออกจากตัวเองในทันที ซองกยูร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวดที่ถูกฝ่ามือเล็กทุบลงบนอก อูฮยอนเบ้หน้าใส่คนอายุมากกว่าก่อนจะพยายามเดินหนีอีกคน

                    ซองกยูยิ้มขำไล่หลังร่างที่กำลังเดินไปทางประตู ก่อนที่เขาจะใช้พลังของตัวเองลุกออกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่และตรงไปยังหน้าประตูอย่างรวดเร็ว อูฮยอนสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆคนรักก็มาโพล่อยู่ตรงหน้าจนเซถอยหลังแทบจะล้มลงกับพื้น ซองกยูเห็นดังนั้นก็ยิ่งขำคนตรงหน้าเข้าไปใหญ่

     

                    “ขำอะไรครับ มันน่าขำมากนักรึไง”     

     

                    “จะไปไหนครับอูฮยอน ยังคุยกันไม่เสร็จเลย” ซองกยูก้าวไปข้างหน้า อูฮยอนเองก็เริ่มถอยหลังสร้างระยะห่าง ใบหน้าบูดบึ้งของคนตัวเล็กทำให้แวมไพร์หนุ่มส่ายหัวด้วยความเอ็นดู ไม่นานนักอูฮยอนก็ถอยต่อไม่ได้เพราะโต๊ะที่กีดขวางอยู่ด้านหลัง ซองกยูกระตุกยิ้มก่อนจะจับเอวของคนตัวเล็กและออกแรงยกให้คนตัวเล็กขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ

     

                    “อ๊ะ คุณซองกยู”

     

                    “ฉันยังคุยกับนายไม่จบเลยอูฮยอน” ซองกยูค้ำแขนทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยิ้มให้คนตัวเล็กที่กำลังหน้าบูดหน้าบึ้งอย่างยียวน

     

                    “มีอะไรอีกล่ะครับ ผมจะไปทำงานแล้ว”

     

                    “อะ นี่ของนาย..” ซองกยูยืนเต็มความสูง มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อสูทด้านในก่อนจะหยิบซองสีดำสนิทยื่นให้คนตัวเล็ก อูฮยอนมองหน้าอีกคนด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็รับมาและบรรจงแกะซองกสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นออก และดึงสิ่งของด้านในออกมาพินิจดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงด้วยสายตาเป็นประกาย

     

                    “งานประมูลเพชรที่ปารีส.. อีกสามวันข้างหน้าหรอครับ” ซองกยูทำเพียงพยักหน้ารับ เขาไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมว่างานประมูลครั้งนี้เป็นอย่างไร และมันสำคัญต่อเขาและคนตรงหน้าขนาดไหน ทำได้เพียงอยู่นิ่งๆไว้เพื่อไม่ให้อีกคนต้องกังวล

     



     

                    กังวลกับเหตุผลที่เขาต้องไปประมูลอัญมณีหนึ่งในนั้นมาครอบครองให้ได้

     


    ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม..

     



     

                    “ขอโทษนายด้วยที่เพิ่งจะมาบอก จริงๆฉันกะจะบอกนายหลายครั้งแล้วแต่ก็ลืมทุกที”

     

                    “คุณ.. ต้องไปปารีส..”

     

                    “ครับ”

     

                    “...”

     

                    “อยากไปไหม” ซองกยูถามหยั่งเชิงเมื่อเห็นสีหน้าของคนตัวเล็กที่ดูจะหงอยลงไปทุกที

     

                    “เกะกะเปล่าๆครับ ให้คุณไปคนเดียวน่าจะสะดวกกว่าเยอะ” ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นแต่ซองกยูก็พอจะดูความคิดของอูฮยอนในน้ำเสียงออกว่าคงอยากไปแต่ไม่กล้าขอเขาไปแบบตรงๆ ซองกยูลูบหัวทุยๆของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู ก่อนจะโค้งตัวลงไปมองใบหน้าหวานที่ในตอนนี้เม้มปากเข้าหากัน

     

                    “ฉันไม่ได้ต้องไปปารีส..”

     

                    “...”

     

                    “เราต่างหากครับ ที่จะต้องไปที่นั่น”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     







     

     

     

     

     

                    ในอีกด้านหนึ่งของการทำงาน ดงอูที่กำลังง่วนอยู่กับการติดต่อประสานงานกับคู่ค้าอื่นอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหัวเสียไปกับใครอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องเขามาจากโต๊ะอีกฝั่ง สายตาคมที่ไม่ยอมมองสิ่งอื่นรอบตัวนอกจากเขาทำให้คุณเลขาฯจางต้องตวัดตามองอีกคนกลับอย่างคาดโทษแม้ว่าริมฝีปากจะยังคงอยู่ในสายของการสนทนากับบุคคลอื่นอยู่

     

                    “เอ่อ.. พักเที่ยงแล้วนะครับคุณโฮวอน” เสียงหวานหูของใครอีกคนเรียกสติให้โฮวอนต้องละสายตาออกจากดงอูและหันกลับไปยังต้นเสียง คนตัวเล็กตรงหน้ายิ้มให้โฮวอนอย่างเป็นมิตรจนโฮวอนต้องยิ้มตอบไปตามมารยาทที่เขาพึงจะกระทำ

     

                    “คุณซองจงมีธุระอะไรรึเปล่าครับ” โฮวอนถามอย่างสุภาพ

     

                    “เปล่าครับ พอดีว่าผมยังเห็นคุณไม่ลุกไปไหนก็เลยมาถาม เผื่อว่าคุณจะยังไม่ได้ทานข้าว” ทั้งที่ภายในใจก็รู้ดีว่าการถามแบบนี้ก็คงจะหมายถึงการชวนไปทานข้าวกันแบบอ้อมๆตามวิถีของมนุษย์โลก แต่โฮวอนก็เลือกที่จะปฎิเสธมันไปเสียตรงๆ

     

                    “ผมยังไม่หิวน่ะครับ”

     

                    “อ่า..ครับ” ซองจงมีสีหน้าเจื่อนเมื่อได้ฟังคนตรงหน้าตอบแบบขอไปทีเพราะเอาแต่สนใจคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้าม ร่างบางรีบบอกลาอีกคนเพื่อออกไปจากความรู้สึกตรงนั้นในทันที

     

     


                    ไม่มีตัวตน ซองจงเกลียดการไม่มีตัวตนเป็นที่สุด

     


     

                “เดี๋ยวก่อนครับคุณซองจง” เสียงเรียกไล่หลังของใครอีกคนทำให้ซองจงต้องหยุดเดิน แอบดีใจอยู่ลึกๆที่คุณโฮวอนวิ่งตามเขาออกมาแบบนี้

     

                    “ครับ”

     

                    “คุณลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานของคุณน่ะครับ พอดีมีสายเรียกเข้ามาเผื่อมันจะสำคัญ” โฮวอนยื่นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ส่งให้กับคนตรงหน้า ซองจงยิ้มให้ก่อนจะกล่าวขอบคุณและเดินจากไป ทิ้งโฮวอนให้มองไล่หลังบางนั่นอยู่เพียงลำพัง ร่างสูงทอดมองแผ่นหลังของอีกคนจนเดินหายลับไป ในขณะเดียวกันก็เอาแต่คิดอะไรบางอย่างจนทำให้คิ้วขมวดเป็นปม

                    ไม่นานนักที่โฮวอนจมอยู่กับความคิด ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่สิ่งต่างๆที่ตีกันวุ่นอยู่ในหัวออกก่อนจะเดินวกกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเองเพื่อนั่งมองคนน่ารักที่กำลังยุ่งอยู่กับสายสนทนา แต่เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง เขากลับไม่เจอร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำตัวเสียแล้ว

     

                    “ทานคุกกี้แทนข้าวแบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะครับ” หลังจากที่เดินหาคนตัวเล็กจนทั่วทั้งแผนกแล้วก็ยังหาไม่พบ เขาจึงเดินเข้าไปยังห้องที่ใส่สำหรับพักผ่อนของพนักงานในอีกฝั่งหนึ่งของตัวตึกแทน เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูบานกระจกนั้นออกก็เจอกับร่างที่คุ้นเคยกำลังยืนหยิบชิ้นคุกกี้เข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่

     

                    “ยุ่งอะไรกับชีวิตผม” ดงอูทำเป็นหูทวนลมและยังคงหยิบชิ้นคุกกี้เข้าปากโดยไม่ได้สนใจคำเตือนของโฮวอนเลยแม้แต่น้อย

     

                    “...”

     

                    “มองทำไมครับ หน้าผมเหมือนคนรู้จักคุณรึไง” คิดจะด่าออกไปตรงๆแต่ก็กลัวเสียภาพลักษณ์จึงเปลี่ยนบริบทของประโยคให้ดูเบาลง แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่ามันเป็นคำด่า แค่เปลี่ยน เหมือนคนรู้จัก เป็น เหมือน..

     

                    “แฟนน่ะครับ หน้าคุณเหมือนแฟนของผมในอนาคตเลยล่ะ” ภายในห้องขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีเคาน์เตอร์ติดผนังไว้วางของใช้และอาหารว่างกำลังตกอยู่ในความเงียบ ดงอูเมื่อได้ยินที่โฮวอนพูดก็รู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากจะอยู่ใช้อากาศร่วมกับคนตรงประตูที่กำลังยืนกอดอกมองมาทางเขาอีก ร่างบางตัดสินใจปิดฝากล่องคุกกี้จนเกิดเสียงดังเพื่อแสดงความไม่สบอารมณ์ต่อคนตรงหน้าและหันกลับไปวางมันลงบนชั้นของอาหาร

     

                    “น่ารำคาญชะมัด” ร่างบางบ่นกับตัวเองไปพร้อมๆกับรินน้ำใส่แก้วใบใส

     

                    “เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ” ด้วยความรวดเร็วของคนตัวใหญ่กว่า โฮวอนใช้จังหวะที่ร้างบางเผลอเข้าไปประชิดตัวทางด้านหลังของดงอูในทันที เสียงกระซิบข้างหูทำให้คนตัวเล็กผวาจนแก้วในมือที่กำลังจะกระดกขึ้นมาดื่มแทบจะหลุดออกจากมือ

     

                    “นี่คุณ..” ลมหายใจของคนตัวเล็กขาดห้วงไปในทันทีเมื่อการหันกลับมาหาคนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังทำให้ปลายจมูกของเขาถูกับริมฝีปากของโฮวอนโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณเลขาฯคนเก่งรีบเอามือไปป้องจมูกของตัวเองในทันทีด้วยความตกใจ จนทำให้โฮวอนอดหัวเราะในความตื่นตระหนกของคนตรงหน้าไม่ได้

     

                    “แหน่ะ หลอกแต๊ะอั๋งผมรึเปล่าครับเนี่ย”

     

                    “ไอบ้า” คนตัวเล็กออกแรงผลักคนตัวโตกว่าให้ออกห่างแต่เหมือนจะสู้แรงของอีกคนไม่ได้ หนำซ้ำโฮวอนยิ่งขยับเข้ามาประชิดร่างกายของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก แขนแกร่งทั้งสองข้างค้ำเคาน์เตอร์ทั้งสองข้างไว้เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กกว่าหนีเขาไปไหน รอยยิ้มกวนประสาทของร่างสูงยิ่งทำให้ดงอูโมโหมากกว่าเก่า

     

                    “คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ ที่เมื่อกี้เอาจมูกมาชนปากผมน่ะ” โฮวอนยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆจนอีกฝ่ายต้องถดหน้าหนี

     

                    “ออกไปนะ” ดงอูออกแรงทั้งผลักทั้งทุกอกแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะโฮวอนได้จับแขนทั้งสองข้างแล้วนำมันไปไขว้หลังของคนตัวเล็กเป็นที่เรียบร้อย ร่างบางโวยวายในทันทีเมื่อคนตรงหน้าจับแขนทั้งสองข้างของเขาไขว้ไว้ด้านหลัง จนท่าทางของคนตัวโตกว่าคล้ายกับกำลังโอบกอดอีกคนอยู่ ร่างกายที่ตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม

     

                    “ไอบ้า ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อ-อื้ออออออออออ” เสียงโวยวายที่ดังไปทั่วห้องถูกอีกคนกลืนมันลงคอด้วยริมฝีปากที่เคยฝากรอยประทับไว้เมื่อคราวก่อน ดงอูยิ่งดิ้นพล่านมากกว่าเก่าเมื่อกระชับแรงโอบรัดให้ร่างกายแนบแน่นขึ้น

     

                    “โอ้ย” โฮวอนร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขาถูกคนตัวเล็กกัดเข้าอย่างแรง

     

                    “อย่ามายุ่งกับผมอีก เข้าใจไหม” ดงอูออกแรงตบหน้าอีกคนจนโฮวอนต้องหยุดการกระทำอันจาบจ้วงของตัวเองลง ดวงตาของคนตรงหน้าสั่นระริกพร้อมกับมีน้ำใสเอ่อคลออยู่

     

                    “คุณดงอูผมขอ-“

     

                    “ถ้าคุณเข้ามาอีกก้าวเดียว เราไม่ต้องมายุ่งกันอีก” ดงอูพูดเสียงแข็งใส่คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าที่พยายามก้าวเข้ามาหาเขา ร่างบางเลือกที่จะไม่มองหน้าอีกคน ตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องพักในทันทีพร้อมกับปาดน้ำตาที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้า ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้ดงอูต้องร้องไห้ก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มือหนาลูบใบหน้าข้างที่ถูกอีกคนเรียกสติ ในเวลาเดียวกันสมองของเขาก็เอาแต่ก่นด่าตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้น

     

                   



                    ผมขอโทษคุณดงอู

     

     






    ผมขอโทษที่วิธีการเข้าหาคุณมันเป็นแบบนี้









    ........................................................

    PAPANINS






    //TALK

                   สวัสดีคุณนักอ่านทุกๆคนนะคะ ก่อนอื่นเลยเราต้องขอโทษทุกๆคนจริงๆที่ทำให้เรื่องนี้มันยืดเยื้อมาหลายปีมากๆจนบางคนอาจจะรู้สึกว่าเราไม่มีความรับผิดชอบ และอาจจะทิ้งเรื่องนี้ไปแล้ว เราเคารพและยอมรับในความคิดและการตัดสินใจของทุกคนค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราผิด ทั้งๆที่มีคนรออ่านอยู่แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้มันจบลงได้เสียที อันนี้เราต้องขอโทษจากใจจริง เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่างเลยทำให้เราไม่มีเวลามากพอในการเขียนแฟนิคเรื่องนี้ได้อย่างต่อเนื่องค่ะ  

                   แต่ว่าหลังจากนี้เราจะกลับมาอัพแฟนฟิคกยูอูเรื่องนี้อีกครั้ง ต่อเนื่องไปจนจบเรื่องค่ะ ภาษาที่ใช้ในช่วงต้นเรื่องและหลังจากนี้อาจจะแตกต่างกันเนื่องด้วยช่วงเวลาที่เราเขียนไม่ได้อยู่ในช่วงเดียวกัน ต้องขอโทษทุกคนด้วย แต่เราจะพยายามเขียนให้ออกมาดีที่สุดตามศักยภาพของเราที่มีนะคะ

                   สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนที่ยังรอเรื่องนี้ และยังคงให้การติดตามเรื่องนี้อยู่ อีกทั้งคุณคนอ่านที่เพิ่งจะได้อ่านฟิคเรื่องนี้ของเรา ขอบคุณนะคะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากคำขอบคุณจริงๆจากใจ 

                   ฝากติดตามตอนต่อๆไป และเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ รีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน :) 







    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×