คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : CHAPTER 23
อูฮยอนที่กำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารที่เขาต้องรับผิดชอบจากการประชุมเมื่อช่วงเช้าของวันจำเป็นต้องวางปากกาดำในมือของตัวเองลง
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองใครอีกคนที่คนตัวเล็กเองก็ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซองกยูเมื่อเห็นสีหน้าของอูฮยอนที่เอาแต่บึ้งตึงใส่เขาแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ผ่านมาครึ่งวันแล้วนะอูฮยอน ยังงอนฉันอยู่อีกรึไงกัน
“มีธุระอะไรอีกครับคุณซองกยู
เห็นไหมว่าผมกำลังทำงานอยู่”
อูฮยอนทำสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่กำลังยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน
ซองกยูส่ายหัวอย่างนึกเอ็นดูกับท่าทางที่คนตัวเล็กตรงหน้ากำลังทำอยู่
เห็นทีผู้ใหญ่อย่างเขาคงจะต้องง้อคนตัวเล็กอย่างจริงจังเสียแล้ว
เพราะเรื่องเมื่อเช้านั่นแน่ๆ
“ยังโกรธ..
ไม่สิ ยังงอนฉันอยู่หรอ” ซองกยูยื่นมือไปปิดแฟ้มงานที่คนตรงหน้ากำลังหันกลับไปสนใจแทนตัวของเขา
ก่อนจะหยิบมันวางไว้ข้างๆตัว ร่างสูงทำหน้ายียวนใส่อูฮยอนก่อนจะปัดสิ่งของเกะกะบนโต๊ะทำงานของอีกคนให้พ้นทาง
“คุณซองกยู
วุ่นวายจริงๆเลยเนี่ย”
อูฮยอนออกปากบ่นอีกคนอย่างหงุดหงิดเมื่อร่างสูงขึ้นมานั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาซึ่งนั่นเท่ากับว่าซองกยูกำลังขัดขวางการทำงานของเขา
มือทั้งสองข้างออกแรงผลักคนแก่กว่าให้ออกไปแต่ก็ไม่เป็นผล
ซ้ำยังถูกมือหนาของอีกคนจับข้อมือไว้ก่อนจะดึงมันเข้าหาตัว
“งอนอะไรฉัน
เด็กน้อย”
“ปล่อยเลยนะครับ”
อูฮยอนพยายามชักมือกลับแต่อีกคนก็ยังคงรั้งมันไว้
ร่างบางยิ่งทำหน้ามุ่ยใส่อีกคนอย่างห้ามไม่ได้
“ตอบมาก่อน
ว่าเป็นอะไร” ซองกยูยื่นหน้าลงไปหาใบหน้าหวานของอีกคน
ที่ตอนนี้กำลังทำหน้าบูดบึ้งใส่เขาอยู่
ข้อมือที่ถูกมือหนาจับไว้ถูกดึงขึ้นไปหาใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังจับจ้องมาที่คนตัวเล็ก
เรียวปากยกยิ้มขึ้นจนอูฮยอนอดไม่ได้ที่จะแอบนินทา
คิดว่ายิ้มแล้วหล่อมากนักหรือไง
เออ ก็หล่อไง อย่ายิ้มเยอะได้ไหมล่ะ
ใจสั่นหมดแล้วเนี่ยคุณซองกยู
“เปล่าครับ”
“ไม่เชื่อ”
ซองกยูตอบกลับทันควันจนอูฮยอนเบ้ปากใส่
“เรื่องเมื่อเช้าหรอ”
ซองกยูถามด้วยสายตาจริงจัง เป็นอีกครั้งที่อูฮยอนรับรู้ว่าซองกยูกำลังคิดมาก
ถึงแม้ว่าสายตาของคนตรงหน้าจะไม่ได้ดูหวาดกลัวหรือเป็นกังวล
แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าคุณซองกยูอยู่ในช่วงอารมณ์อ่อนไหวและกำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ
ตัวอูฮยอนเองก็อยากจะแบ่งเบามัน อยากให้ซองกยูระบายความเครียดที่มีออกมาให้เขาได้รับฟังบ้าง
แต่เขากลับไม่กล้าพอที่จะคอยถามว่าเป็นอะไรหรือกำลังคิดอะไรอยู่เสียอย่างนั้น
มันน่าน้อยใจนะ
เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกันแล้วแท้ๆ
“คิดอะไรอยู่อูฮยอน”
ซองกยูเรียกสติอีกคนที่เอาแต่จ้องหน้าเขาแต่สายตากลับเลื่อนลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ร่างสูงขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะไม่คิดอะไร
แต่ท่าทางของคนตัวเล็กช่วงนี้ดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ชัดจนเขาเริ่มรู้สึกกังวลว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับอูฮยอน เมื่อวาน..
ผมเห็นอูฮยอนอยู่กับอีริค
แน่ใจแค่ไหนกันมยองซู
แน่ใจที่สุดแล้วครับ
จำไม่ยากเลยคนนี้
“เปล่าครับ
ไม่ได้คิดอะไร” ถ้าจะให้ว่าคนตัวโตกว่าคนเดียวก็คงไม่ถูก
ในเมื่อคนตัวเล็กเองก็ยังต้องปิดบังความคิดของตัวเองเช่นกัน
“ไม่อยากมีลูกกับฉัน..
ใช่ไหม” ซองกยูกล่าวเสียงเบา ดวงตาคมที่กำลังจ้องมองคนตัวเล็กกำลังวูบไหวในบางขณะ
อูฮยอนที่ได้ยินแบบนั้นจึงหลุดหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
เสียงใสของคนตัวเล็กดังระงมไปทั่วห้องทำงานของคนตัวเล็กจนซองกยูต้องขมวดคิ้ว
“ขำอะไร”
“คุณคิดมากเรื่องนี้อยู่หรอ
ฮ่าๆ”
“นี่อูฮยอน
อย่ามาหัวเราะใส่ฉันแบบนี้นะ” ซองกยูโวยวายใส่คนตัวเล็กในทันทีเมื่ออูฮยอนเอาแต่ขำจนไม่ได้ใส่ใจคำถามที่เขาถาม
แอบนึกแปลกใจที่คนตัวเล็กตลกกับสิ่งที่เขาต้องการหาคำตอบ
“คุณซองกยู”
อูฮยอนที่กำลังจ้องมองใบหน้าของคนแก่กว่าส่งมือที่ไม่ได้ถูกจับอีกข้างขึ้นไปแนวเข้ากับแก้มของอีกคน
ซองกยูที่กำลังขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจที่คนตัวเล็กหัวเราะก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเก่าเพราะการกระทำของคนตรงหน้า
มือบางเกลี่ยผิวหน้าของอีกคนเบาๆ ดวงตากลมโตจับจ้องไปที่อีกคนก่อนจะยิ้มบางๆให้
“เครียดเรื่องนี้อยู่หรอครับ”
ไม่มีคำตอบกลับจากคำถามที่อูฮยอนได้เอ่ยออกไป ซองกยูทำแค่เพียงหลับตาและใช้มือที่กำลังว่างอยู่อีกข้างกุมผ่ามือเล็กที่กำลังไล้แก้มของเขาอยู่
ร่างบางมองคนตรงหน้าอย่างนึกแปลกใจในท่าทางที่อีกคนกำลังเป็นอยู่
ความอ่อนโยนของซองกยูนับวันยิ่งเพิ่มขึ้นจนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรที่คนตรงหน้ากำลังปิดบังอยู่อีกรึเปล่า
“ผมเป็นของคุณแล้วนะครับคุณซองกยู”
ซองกยูค่อยๆลืมตาเพื่อมองอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งมองเขาอยู่ด้วยรอยยิ้มที่เขาหลงรักมาตลอดหลายร้อยปี
ไม่ว่าในอดีต หรือว่าในปัจจุบัน อูฮยอนยังคงมีรอยยิ้มที่ทำให้เขาหวั่นไหวอยู่เสมอ อูฮยอนมีรอยยิ้มที่เขาหลงรัก
และอูฮยอนก็เปรียบเสมือนรอยยิ้มของเขาที่เลือนหายไปหลังจากการสูญเสียของคนเป็นแม่
อูฮยอนจึงเป็นทุกอย่างของคิมซองกยู-
คนที่มีเพียงตัวคนเดียว
แม้จะถูกรายล้อมไปด้วยบริวารและมีครอบครัวที่ดีของมยองซูคอยอยู่เคียงข้างแล้วก็ตาม
แม้ภายนอกเขาจะดูมีความสุขกับสิ่งที่เขามี
แต่คนที่ขาดก็คือคนที่ขาดอยู่วันยังค่ำ เขาขาดความรักจากครอบครัว
ขาดพ่อที่แม้แต่ใบหน้าก็แทบจะจำไม่ได้ ขาดแม่ที่ต้องมาตายไปต่อหน้าต่อตาเพราะความแค้นฝังหุ่นตั้งแต่เขายังเด็ก
ซองกยูกลายเป็นเด็กที่โตมากับความเดียวดายแม้มีผู้คนห้อมล้อมเขา
แต่นั่นก็แทบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซองกยูก็ยังเป็นซองกยู
ซองกยูที่ไร้ซึ่งที่พักพิงทางใจ แต่แล้ววันหนึ่ง
เขาได้กลับขึ้นไปยังที่ๆพ่อของเขาเคยอยู่
เขาได้กลับไปที่แห่งนั้นและได้พบกับใครอีกคนที่ทำให้เขารู้สึกว่าที่พึ่งพิงใหม่ของเขาคืออะไร
“เรียกข้าว่าอูฮยอนเถิด
ข้าเบื่อคำว่านายน้อยเต็มทน”
“แต่ว่า..”
“ท่านนักดนตรีคนเก่ง โปรดเรียกแค่ชื่อของข้า ได้หรือไม่”
การเจอกันเพียงครั้งแรก
อูฮยอนกลายเป็นคนที่ตราตรึงใจซองกยูไปโดยปริยาย
ยิ่งเจอกันนานวันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่าความรู้สึกที่มีให้เทพตัวเล็กนั้นเป็นเรื่องจริง
สายเลือดครึ่งหนึ่งที่เป็นปีศาจผู้กระหายหิวของคาวสีแดงฉาน
ปีศาจที่ไม่มีหัวใจและเย็นชากับทุกสรรพสิ่งบนโลก ถูกอีกครึ่งสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ผู้มีนิสัยอ่อนโยนกัดกินตัวตนที่เย็นชาและหยาบกระด้าง
จนในท้ายที่สุด ซองกยูก็ได้รู้จักว่าความรักเป็นอย่างไร
ความรู้สึกที่ต่างคนต่างบ่มเพาะจนกลายมาเป็นความรัก
สุดท้ายถูกใครอีกคนทำลายมันจนแทบไม่เหลือชิ้นดี
ซองกยูผู้ที่เคยสูญเสียความรักจากคนเป็นพ่อเป็นแม่
กลายเป็นว่าต้องมาสูญเสียความรักจากคนที่เขาเชื่อว่าเป็นชีวิตใหม่อีกครั้ง
ที่พึ่งที่ชายหนุ่มเคยเอนกายลงซบเพื่อพักพิงยามเหนื่อยล้า
กลับมลายหายไปต่อหน้าต่อตาซ้ำสอง ชีวิตที่เคยมั่นคงและยืนหยัดได้ในตอนนั้น
กลับทำให้เขาเซล้มจนดูน่าเวทนา
แล้ววันหนึ่ง เจ้าก็จะได้เจออูฮยอนอีกครั้ง
ซองกยูยังคงเชื่อในคำของผู้เป็นบิดาของคนรักเสมอ จนในวันนี้เขาได้เจอแล้ว
คนตรงหน้าของเขา คนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา คนที่เขาอยากจะจับมือเดินไปด้วยกัน
คนที่เขาอยากจะมอบความสุขให้ คนที่เขาอยากจะสร้างครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อลบปมที่ตัวเองยังคงฝังใจ
ซองกยูไม่เคยคิดเรื่องลูก
จนกระทั่งได้เจอกับยอลซู
ซองกยูไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดเรื่องนี้ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่ได้คาดหวัง
นานมาแล้วที่เขาเผชิญกับความเหงา แม้ในช่วงเวลาหนึ่งของการรอคอย
ซองกยูจะได้สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง
โบราและเซยองสามารถเป็นครอบครัวของซองกยูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซองกยูได้เป็นพ่อ
โบราได้เป็นแม่ และมีเซยอง เด็กกำพร้าที่ซองกยูให้อุปการะได้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลมหาเศรษฐีใหญ่
แต่มันก็เป็นเพียงแค่ในนามเท่านั้น
ทั้งสามคนไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวที่แน่นแฟ้นนัก
และมันก็ไม่ได้มากพอที่จะเรียกว่าครอบครัวได้อย่างเต็มปากเสียเท่าไหร่
ซองกยูยังคงหวังว่าวันหนึ่งจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งคนรักและลูกที่เกิดจากความรักของเขาและคนรักของเขา- อูฮยอน
แต่มันกลับทำให้เขากลัวขึ้นมาเสียดื้อๆ เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม
เขายังคงรักและรอคอยอูฮยอนอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน แต่กับอูฮยอนนั้นเขาเดาใจไม่ได้จริงๆว่าอีกคนจะคิดอย่างไรกับการต้องมาใช้ชีวิตกับแวมไพร์ที่เป็นสิ่งดุร้ายและอันตรายที่สุดแบบนี้
ซองกยูยังคงเต็มร้อยในเรื่องของความรู้สึก
ไม่มีลดลงตามกาลเวลา แม้จะผ่านมานานเป็นสิบเป็นร้อยปีก็ตาม
แต่กับอูฮยอนนั้น..
การที่อีกคนลืมเลือนทุกสิ่งอย่างไปจนหมดสิ้น ก็เท่ากับว่ามันอาจจะไม่เป็นเหมือนเดิม
อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ซองกยูหวังไว้แต่แรก
ความหวังที่ว่า ท้ายที่สุดเขาจะได้ครองรักกับอูฮยอนไปชั่วนิรันดร์
“อะไรที่คุณคิดว่ามันจะทำให้คุณมีความสุข
ผมก็พร้อมที่จะสนับสนุน” ดวงตากลมโตยังคงจ้องมองใบหน้าของซองกยูอย่างรักใคร่
ข้อมือที่ถูกอีกคนรั้งไว้ถูกยกขึ้นไปแนบบนอกแกร่ง
รอยยิ้มบางของคนแก่กว่าเริ่มปรากฏให้ร่างบางได้เห็น
“...”
“ผมพร้อมยอมรับการตัดสินใจของคุณนะ
คุณซองกยู”
“แล้วนายล่ะอูฮยอน
นายจะมีความสุขเหมือนกันกับฉันไหม” อูฮยอนไม่ได้ตอบอะไรกลับ
เพียงลุกขึ้นจากเก้าอี้และขยับตัวเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งอยู่ช้าๆ
ข้อมือที่ถูกจับกุมไว้ถูกมือหนาปล่อยออกให้เป็นอิสระ จากที่เคยวางอยู่แนบอกแกร่ง
ตอนนี้ร่างบางได้แนบมันลงบนใบหน้าของซองกยูอีกข้าง
ร่างเล็กโน้มใบหน้าลงมาให้ระยะของสายตาอยู่ตรงกัน
“คุณคือความสุขเดียวในชีวิตของผมครับคุณซองกยู”
ริมฝีปากบางประทับลงบนหน้าผากของคนตัวสูงช้าๆ ก่อนจะผละออกและฝังมันลงบนแก้มทั้งสองข้าง
ไล่มาจนถึงปลายจะมูกคม และกดลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ไม่ได้มีการลุกล้ำใดๆ
ซองกยูทำเพียงอยู่นิ่งๆและไม่ได้คิดจะทำพฤติกรรมอันจาบจ้วง ฉุดรั้งให้คนตัวบางเข้ามาสัมผัสร่างกายอย่างแนบแน่น
หรือกดจูบและดูดดึงมันอย่างหนักหน่วงโดยหวังเก็บเกี่ยวความหวานของริมฝีปากบางนั่น
เพื่อทำลายบรรยากาศในตอนนี้ด้วย
“อูฮยอน..”
“และถ้าหากการมีลูกคือความสุขของคุณ
ทำไมผมจะไม่มีความสุขล่ะครับ” ซองกยูยิ้มให้กับคำตอบที่ได้รับ
มือหนาทั้งสองข้างกอบกุมฝ่ามือของอีกคนที่กำลังวางแนบแก้มของเขาอยู่ ก่อนจะแกะมันออกจากผิวสัมผัสของแก้มทั้งสองข้าง
สายตาคมจ้องมองไปยังร่างบางก่อนจะหันไปหามือเล็กๆของคนรักและประทับรอยจูบลงบนฝ่ามือทั้งข้างซ้ายและขวา
“สัญญากับฉันนะอูฮยอน
ว่าถ้าฉันมีความสุขนายก็จะต้องมีความสุขไปพร้อมๆกับฉัน”
“ครับ ผมสัญญา”
คนตัวเล็กยิ้มกว้างให้คนรักเพื่อสร้างความสบายใจให้กับอีกฝ่าย
“งั้นเรามา..”
ร่างบางหุบรอยยิ้มของตัวเองลงทันทีเมื่อสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้าเริ่มจะประชิดตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ซองกยูยกยิ้มมุมปากตอบกลับไปหาอูฮยอนก่อนจะรั้งข้อมือข้างหนึ่งของคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ใบหน้าของตัวเอง
ร่างบางที่เริ่มเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามกระชากแขนของตัวเองกลับ
“อย่านะคุณ
นี่มันที่ทำงาน”
“ครั้งแรกของเราก็ที่นี่ไม่ใช่รึไงครับที่รัก”
อูฮยอนที่ได้ยินดังนั้นรีบก้มหน้าเพื่อหลบตาคนเจ้าเล่ห์
แก้มกลมๆทั้งสองข้างขึ้นสีชมพูอ่อนเพราะความเขินอายเมื่อนึกถึงวันนั้นในห้องทำงาน ซองกยูรั้งแขนเล็กให้เข้ามาหาเขามากกว่าเก่า
ประทับรอยจูบลงบนข้อมือบาง ก่อนจะกัดมันเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
ทำไมต้องทำตัวน่าแกล้งแบบนี่ด้วยนะอูฮยอนอ่า
“ไม่คุยด้วยแล้ว”
คนตัวเล็กเมื่อรับรู้ได้ว่าซองกยูกำลังโน้มใบหน้ามาหาเขาเรื่อยๆจึงตัดสินใจผลักอีกคนออกจากตัวเองในทันที
ซองกยูร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวดที่ถูกฝ่ามือเล็กทุบลงบนอก
อูฮยอนเบ้หน้าใส่คนอายุมากกว่าก่อนจะพยายามเดินหนีอีกคน
ซองกยูยิ้มขำไล่หลังร่างที่กำลังเดินไปทางประตู
ก่อนที่เขาจะใช้พลังของตัวเองลุกออกจากโต๊ะทำงานตัวใหญ่และตรงไปยังหน้าประตูอย่างรวดเร็ว
อูฮยอนสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีๆคนรักก็มาโพล่อยู่ตรงหน้าจนเซถอยหลังแทบจะล้มลงกับพื้น
ซองกยูเห็นดังนั้นก็ยิ่งขำคนตรงหน้าเข้าไปใหญ่
“ขำอะไรครับ
มันน่าขำมากนักรึไง”
“จะไปไหนครับอูฮยอน
ยังคุยกันไม่เสร็จเลย” ซองกยูก้าวไปข้างหน้า อูฮยอนเองก็เริ่มถอยหลังสร้างระยะห่าง
ใบหน้าบูดบึ้งของคนตัวเล็กทำให้แวมไพร์หนุ่มส่ายหัวด้วยความเอ็นดู
ไม่นานนักอูฮยอนก็ถอยต่อไม่ได้เพราะโต๊ะที่กีดขวางอยู่ด้านหลัง
ซองกยูกระตุกยิ้มก่อนจะจับเอวของคนตัวเล็กและออกแรงยกให้คนตัวเล็กขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ
“อ๊ะ คุณซองกยู”
“ฉันยังคุยกับนายไม่จบเลยอูฮยอน”
ซองกยูค้ำแขนทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยิ้มให้คนตัวเล็กที่กำลังหน้าบูดหน้าบึ้งอย่างยียวน
“มีอะไรอีกล่ะครับ
ผมจะไปทำงานแล้ว”
“อะ นี่ของนาย..”
ซองกยูยืนเต็มความสูง
มือหนาล้วงเข้าไปในเสื้อสูทด้านในก่อนจะหยิบซองสีดำสนิทยื่นให้คนตัวเล็ก
อูฮยอนมองหน้าอีกคนด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็รับมาและบรรจงแกะซองกสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นออก
และดึงสิ่งของด้านในออกมาพินิจดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงด้วยสายตาเป็นประกาย
“งานประมูลเพชรที่ปารีส..
อีกสามวันข้างหน้าหรอครับ” ซองกยูทำเพียงพยักหน้ารับ
เขาไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมว่างานประมูลครั้งนี้เป็นอย่างไร
และมันสำคัญต่อเขาและคนตรงหน้าขนาดไหน
ทำได้เพียงอยู่นิ่งๆไว้เพื่อไม่ให้อีกคนต้องกังวล
กังวลกับเหตุผลที่เขาต้องไปประมูลอัญมณีหนึ่งในนั้นมาครอบครองให้ได้
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม..
“ขอโทษนายด้วยที่เพิ่งจะมาบอก
จริงๆฉันกะจะบอกนายหลายครั้งแล้วแต่ก็ลืมทุกที”
“คุณ..
ต้องไปปารีส..”
“ครับ”
“...”
“อยากไปไหม”
ซองกยูถามหยั่งเชิงเมื่อเห็นสีหน้าของคนตัวเล็กที่ดูจะหงอยลงไปทุกที
“เกะกะเปล่าๆครับ
ให้คุณไปคนเดียวน่าจะสะดวกกว่าเยอะ”
ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นแต่ซองกยูก็พอจะดูความคิดของอูฮยอนในน้ำเสียงออกว่าคงอยากไปแต่ไม่กล้าขอเขาไปแบบตรงๆ ซองกยูลูบหัวทุยๆของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู
ก่อนจะโค้งตัวลงไปมองใบหน้าหวานที่ในตอนนี้เม้มปากเข้าหากัน
“ฉันไม่ได้ต้องไปปารีส..”
“...”
“เราต่างหากครับ
ที่จะต้องไปที่นั่น”
ในอีกด้านหนึ่งของการทำงาน
ดงอูที่กำลังง่วนอยู่กับการติดต่อประสานงานกับคู่ค้าอื่นอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหัวเสียไปกับใครอีกคนที่ตอนนี้กำลังนั่งจ้องเขามาจากโต๊ะอีกฝั่ง
สายตาคมที่ไม่ยอมมองสิ่งอื่นรอบตัวนอกจากเขาทำให้คุณเลขาฯจางต้องตวัดตามองอีกคนกลับอย่างคาดโทษแม้ว่าริมฝีปากจะยังคงอยู่ในสายของการสนทนากับบุคคลอื่นอยู่
“เอ่อ..
พักเที่ยงแล้วนะครับคุณโฮวอน” เสียงหวานหูของใครอีกคนเรียกสติให้โฮวอนต้องละสายตาออกจากดงอูและหันกลับไปยังต้นเสียง
คนตัวเล็กตรงหน้ายิ้มให้โฮวอนอย่างเป็นมิตรจนโฮวอนต้องยิ้มตอบไปตามมารยาทที่เขาพึงจะกระทำ
“คุณซองจงมีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
โฮวอนถามอย่างสุภาพ
“เปล่าครับ พอดีว่าผมยังเห็นคุณไม่ลุกไปไหนก็เลยมาถาม
เผื่อว่าคุณจะยังไม่ได้ทานข้าว” ทั้งที่ภายในใจก็รู้ดีว่าการถามแบบนี้ก็คงจะหมายถึงการชวนไปทานข้าวกันแบบอ้อมๆตามวิถีของมนุษย์โลก
แต่โฮวอนก็เลือกที่จะปฎิเสธมันไปเสียตรงๆ
“ผมยังไม่หิวน่ะครับ”
“อ่า..ครับ”
ซองจงมีสีหน้าเจื่อนเมื่อได้ฟังคนตรงหน้าตอบแบบขอไปทีเพราะเอาแต่สนใจคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ฝั่งตรงข้าม
ร่างบางรีบบอกลาอีกคนเพื่อออกไปจากความรู้สึกตรงนั้นในทันที
ไม่มีตัวตน
ซองจงเกลียดการไม่มีตัวตนเป็นที่สุด
“เดี๋ยวก่อนครับคุณซองจง”
เสียงเรียกไล่หลังของใครอีกคนทำให้ซองจงต้องหยุดเดิน
แอบดีใจอยู่ลึกๆที่คุณโฮวอนวิ่งตามเขาออกมาแบบนี้
“ครับ”
“คุณลืมโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงานของคุณน่ะครับ
พอดีมีสายเรียกเข้ามาเผื่อมันจะสำคัญ”
โฮวอนยื่นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ส่งให้กับคนตรงหน้า ซองจงยิ้มให้ก่อนจะกล่าวขอบคุณและเดินจากไป
ทิ้งโฮวอนให้มองไล่หลังบางนั่นอยู่เพียงลำพัง
ร่างสูงทอดมองแผ่นหลังของอีกคนจนเดินหายลับไป
ในขณะเดียวกันก็เอาแต่คิดอะไรบางอย่างจนทำให้คิ้วขมวดเป็นปม
ไม่นานนักที่โฮวอนจมอยู่กับความคิด
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่สิ่งต่างๆที่ตีกันวุ่นอยู่ในหัวออกก่อนจะเดินวกกลับไปยังโต๊ะทำงานของตนเองเพื่อนั่งมองคนน่ารักที่กำลังยุ่งอยู่กับสายสนทนา
แต่เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง เขากลับไม่เจอร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำตัวเสียแล้ว
“ทานคุกกี้แทนข้าวแบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะครับ”
หลังจากที่เดินหาคนตัวเล็กจนทั่วทั้งแผนกแล้วก็ยังหาไม่พบ
เขาจึงเดินเข้าไปยังห้องที่ใส่สำหรับพักผ่อนของพนักงานในอีกฝั่งหนึ่งของตัวตึกแทน
เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูบานกระจกนั้นออกก็เจอกับร่างที่คุ้นเคยกำลังยืนหยิบชิ้นคุกกี้เข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยอยู่
“ยุ่งอะไรกับชีวิตผม”
ดงอูทำเป็นหูทวนลมและยังคงหยิบชิ้นคุกกี้เข้าปากโดยไม่ได้สนใจคำเตือนของโฮวอนเลยแม้แต่น้อย
“...”
“มองทำไมครับ
หน้าผมเหมือนคนรู้จักคุณรึไง”
คิดจะด่าออกไปตรงๆแต่ก็กลัวเสียภาพลักษณ์จึงเปลี่ยนบริบทของประโยคให้ดูเบาลง
แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่ามันเป็นคำด่า แค่เปลี่ยน เหมือนคนรู้จัก เป็น เหมือน..
“แฟนน่ะครับ หน้าคุณเหมือนแฟนของผมในอนาคตเลยล่ะ”
ภายในห้องขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีเคาน์เตอร์ติดผนังไว้วางของใช้และอาหารว่างกำลังตกอยู่ในความเงียบ
ดงอูเมื่อได้ยินที่โฮวอนพูดก็รู้สึกหงุดหงิดจนไม่อยากจะอยู่ใช้อากาศร่วมกับคนตรงประตูที่กำลังยืนกอดอกมองมาทางเขาอีก
ร่างบางตัดสินใจปิดฝากล่องคุกกี้จนเกิดเสียงดังเพื่อแสดงความไม่สบอารมณ์ต่อคนตรงหน้าและหันกลับไปวางมันลงบนชั้นของอาหาร
“น่ารำคาญชะมัด”
ร่างบางบ่นกับตัวเองไปพร้อมๆกับรินน้ำใส่แก้วใบใส
“เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ”
ด้วยความรวดเร็วของคนตัวใหญ่กว่า โฮวอนใช้จังหวะที่ร้างบางเผลอเข้าไปประชิดตัวทางด้านหลังของดงอูในทันที
เสียงกระซิบข้างหูทำให้คนตัวเล็กผวาจนแก้วในมือที่กำลังจะกระดกขึ้นมาดื่มแทบจะหลุดออกจากมือ
“นี่คุณ..”
ลมหายใจของคนตัวเล็กขาดห้วงไปในทันทีเมื่อการหันกลับมาหาคนที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังทำให้ปลายจมูกของเขาถูกับริมฝีปากของโฮวอนโดยไม่ได้ตั้งใจ
คุณเลขาฯคนเก่งรีบเอามือไปป้องจมูกของตัวเองในทันทีด้วยความตกใจ จนทำให้โฮวอนอดหัวเราะในความตื่นตระหนกของคนตรงหน้าไม่ได้
“แหน่ะ หลอกแต๊ะอั๋งผมรึเปล่าครับเนี่ย”
“ไอบ้า”
คนตัวเล็กออกแรงผลักคนตัวโตกว่าให้ออกห่างแต่เหมือนจะสู้แรงของอีกคนไม่ได้
หนำซ้ำโฮวอนยิ่งขยับเข้ามาประชิดร่างกายของเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
แขนแกร่งทั้งสองข้างค้ำเคาน์เตอร์ทั้งสองข้างไว้เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กกว่าหนีเขาไปไหน
รอยยิ้มกวนประสาทของร่างสูงยิ่งทำให้ดงอูโมโหมากกว่าเก่า
“คุณยังไม่ได้ตอบผมเลยนะ
ที่เมื่อกี้เอาจมูกมาชนปากผมน่ะ”
โฮวอนยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆจนอีกฝ่ายต้องถดหน้าหนี
“ออกไปนะ”
ดงอูออกแรงทั้งผลักทั้งทุกอกแกร่งแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะโฮวอนได้จับแขนทั้งสองข้างแล้วนำมันไปไขว้หลังของคนตัวเล็กเป็นที่เรียบร้อย
ร่างบางโวยวายในทันทีเมื่อคนตรงหน้าจับแขนทั้งสองข้างของเขาไขว้ไว้ด้านหลัง
จนท่าทางของคนตัวโตกว่าคล้ายกับกำลังโอบกอดอีกคนอยู่
ร่างกายที่ตัวเล็กกว่าพยายามดิ้นให้หลุดจากการเกาะกุม
“ไอบ้า
ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อ-อื้ออออออออออ”
เสียงโวยวายที่ดังไปทั่วห้องถูกอีกคนกลืนมันลงคอด้วยริมฝีปากที่เคยฝากรอยประทับไว้เมื่อคราวก่อน
ดงอูยิ่งดิ้นพล่านมากกว่าเก่าเมื่อกระชับแรงโอบรัดให้ร่างกายแนบแน่นขึ้น
“โอ้ย”
โฮวอนร้องลั่นเมื่อริมฝีปากของเขาถูกคนตัวเล็กกัดเข้าอย่างแรง
“อย่ามายุ่งกับผมอีก
เข้าใจไหม” ดงอูออกแรงตบหน้าอีกคนจนโฮวอนต้องหยุดการกระทำอันจาบจ้วงของตัวเองลง ดวงตาของคนตรงหน้าสั่นระริกพร้อมกับมีน้ำใสเอ่อคลออยู่
“คุณดงอูผมขอ-“
“ถ้าคุณเข้ามาอีกก้าวเดียว
เราไม่ต้องมายุ่งกันอีก” ดงอูพูดเสียงแข็งใส่คนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าที่พยายามก้าวเข้ามาหาเขา
ร่างบางเลือกที่จะไม่มองหน้าอีกคน ตัดสินใจวิ่งออกไปจากห้องพักในทันทีพร้อมกับปาดน้ำตาที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้า
ส่วนตัวต้นเหตุที่ทำให้ดงอูต้องร้องไห้ก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
มือหนาลูบใบหน้าข้างที่ถูกอีกคนเรียกสติ ในเวลาเดียวกันสมองของเขาก็เอาแต่ก่นด่าตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
ผมขอโทษคุณดงอู
ผมขอโทษที่วิธีการเข้าหาคุณมันเป็นแบบนี้
........................................................
PAPANINS
//TALK
สวัสดีคุณนักอ่านทุกๆคนนะคะ ก่อนอื่นเลยเราต้องขอโทษทุกๆคนจริงๆที่ทำให้เรื่องนี้มันยืดเยื้อมาหลายปีมากๆจนบางคนอาจจะรู้สึกว่าเราไม่มีความรับผิดชอบ และอาจจะทิ้งเรื่องนี้ไปแล้ว เราเคารพและยอมรับในความคิดและการตัดสินใจของทุกคนค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราผิด ทั้งๆที่มีคนรออ่านอยู่แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้มันจบลงได้เสียที อันนี้เราต้องขอโทษจากใจจริง เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่างเลยทำให้เราไม่มีเวลามากพอในการเขียนแฟนิคเรื่องนี้ได้อย่างต่อเนื่องค่ะ
แต่ว่าหลังจากนี้เราจะกลับมาอัพแฟนฟิคกยูอูเรื่องนี้อีกครั้ง ต่อเนื่องไปจนจบเรื่องค่ะ ภาษาที่ใช้ในช่วงต้นเรื่องและหลังจากนี้อาจจะแตกต่างกันเนื่องด้วยช่วงเวลาที่เราเขียนไม่ได้อยู่ในช่วงเดียวกัน ต้องขอโทษทุกคนด้วย แต่เราจะพยายามเขียนให้ออกมาดีที่สุดตามศักยภาพของเราที่มีนะคะ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณคนอ่านทุกคนที่ยังรอเรื่องนี้ และยังคงให้การติดตามเรื่องนี้อยู่ อีกทั้งคุณคนอ่านที่เพิ่งจะได้อ่านฟิคเรื่องนี้ของเรา ขอบคุณนะคะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรนอกจากคำขอบคุณจริงๆจากใจ
ฝากติดตามตอนต่อๆไป และเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ รีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน :)
ความคิดเห็น