ตอนที่ 13 : 梅花 ❀ กลีบที่ ๑๓
梅花
เหมยฮวากลีบที่ 13
“ความจริงท่านแอบชอบข้าใช่ไหมล่ะ ถึงได้ชอบแกล้งข้านัก”
“พระชายาทานขนมหน่อยไหมเพคะ?”
เสียงเล็กหวานตามธรรมชาติของสตรีเพศเอ่ยขึ้น นางกำนัลส่วนตัวที่ปั๋วเสวียนได้รับพระราชทานจากองค์จักรพรรดิถือถาดขนมหวานเข้ามาหา น้ำเสียงแผ่วเบาแต่ก็ปลุกคนเหม่อลอยตรงหน้าตาได้ดี
“ไม่ล่ะ ข้าไม่หิว” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ ก่อนจะผินใบหน้าหวานออกไปตามเดิม นางกำนัลคนสนิทถอนหายใจออกมายกใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าเหตุใดว่าที่พระสวามีของคุณชายตัวน้อยหรือองค์ชายห้าผู้เป็นที่รักของทุกคนในวังกลับออกคำสั่งให้พระชายาของตนอยู่แต่ในตำหนักและห้ามออกไปเดินเล่นที่ไหน
“พระชายาทรงดูเหมือนคนทุกข์ใจมากเลยเพคะ เสวยสักหน่อยอาจจะอารมณ์ดีขึ้น”
“ข้าถูกกักบริเวณ...ไม่ต่างกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกล่ามโซ่ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าผิดอะไร จะให้ข้าดีใจอย่างนั้นหรือเจี่ยเจีย?” นายน้อยสกุลเปี้ยนเลิกคิ้วถามนางกำนัลคนสวยที่บัดนี้ก้มหน้าชิดอกไปแล้ว
“หม่อมฉันก็มิทราบเลยว่าเหตุใดองค์ชายห้าถึงได้รับสั่งออกมาเช่นนี้”
“คนใจร้ายก็คือคนใจร้าย!” จู่ๆ ก็ขึ้นเสียงกอดอกแล้วเบือนหน้าหนีเบะปากราวกับกำลังจะร้องไห้ เจี่ยเจียสาวใช้ในวังยกมือขึ้นตีปากตัวเองไปสองสามทีหลังจากที่เผลอพูดถึงคนที่เป็นตัวการทำให้พระชายาของเธอต้องเป็นเช่นนี้
“ขออภัยเพคะพระชายา หม่อมฉันเผลอพูดคำต้องห้ามออกไป...”
“เฮอะ!” นั่นประไร...คุณชายตัวน้อยเชิดหน้าหนีนางแสดงให้เห็นว่ากำลังงอนนางเข้าเสียแล้ว คำว่า ‘องค์ชายห้า’ หรือ ‘องค์ชายชานเลี่ย’ เป็นคำต้องห้ามสำหรับตำหนักนี้ไปโดยปริยายจนนางกำนัลหลายคนที่มารับใช้ต้องกุมขมับ
...จะร่วมหอลงโรงกันแล้วแท้ๆ เหตุใดจึงดูท่าจะไปกันไม่รอดเช่นนี้...
“โอ๋ๆ พระชายาเพคะ อย่าทรงกริ้วหม่อมฉันเลยนะเพคะ เดี๋ยวเจี่ยเจียคนงามของพระชายาปั๋วเสวียนจะรีบออกไปเก็บดอกเหมยดอกงามมาทัดผมให้พระชายาของหม่อมฉันทันทีเลยดีไหมเพคะ?” เอี้ยวตัวไปยังอีกด้านที่พระชายาตัวน้อยบิดกายหนี เจี่ยเจียหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนดูท่าทางจะสนใจกับข้อเสนอไม่น้อยเลยทีเดียว
“เด็ดมาสักสิบดอก ให้พระชายาได้เอามาทัดผม ทัดหู ใส่แจกันแล้วก็สูดกลิ่นหอม ดีหรือไม่เพคะ” พูดยั่วยวนจนอีกคนหูผึ่ง คนถูกยื่นข้อเสนอหลุดยิ้มน่ารักออกมาอย่างชอบใจ แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มสดใสนั้นก็ค่อยๆ หุบลงพร้อมกับปรากฏแววตาที่เศร้าสร้อย
“เป็นอะไรหรือเพคะพระชายา?” เอ่ยถามหลังจากที่ถูกมือเรียวสวยไม่แพ้สตรีเอื้อมมาจับมือของตนไว้
“ข้า...”
“...”
“...ข้าเหงา...” เสียงเล็กเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสาร นางพอเข้าใจอยู่บ้าง เพราะคุณชายผู้นี้ไม่มีใครเลยในวังหลวง บิดาที่เทียวไปเทียวมาในวังทุกวันแต่ก็ไม่ได้แวะเข้ามาหา ปล่อยให้ร่างเล็กจ้อยต้องอยู่แต่เพียงผู้เดียว หากองค์ชายของเธอยอมเผยตัวให้พระชายาเห็นบ้างก็ดี ว่าจริงๆ แล้วนั้นแอบมามองดูเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
พ้นจากกรอบบานประตูของตำหนักว่าที่พระชายาไปแล้ว บุรุษหนึ่งผู้สูงศักดิ์อย่างองค์ชายอี้ฝานนั้นยืนถอนหายใจอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะรีบสาวเท้าไปยังตำหนักของตัวการที่ก่อเรื่องทันที...
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
“เจ้ากำลังทำอะไร?” เสียงทุ้มทรงอำนาจเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำโหหลังจากที่ได้มาถึงตำหนักของน้องชายตน อี้ฝานยืนมองชานเลี่ยที่นั่งท่องตำราอย่างไม่ยี่หระอะไร
“ข้าเปล่า”
“เจ้าอยากให้ปั๋วเสวียนเกลียดเจ้าจริงๆ ใช่หรือไม่น้องพี่” หน่วยตาคมที่ตวัดไล่อ่านตัวอักษรอยู่ในตำราเล่มหนาชะงักลงทันที
“ท่านพี่พูดอะไร...”
“ปั๋วเสวียนร้องไห้อยู่กับเจี่ยเจียเมื่อครู่...ยังมีอะไรที่เจ้าอยากรู้อีกไหมชานเลี่ย?”
“ร้องไห้?” ทวนคำพูดอีกรอบหนึ่งแล้วจึงค่อยๆ เงยหน้าหันมองพี่ชายของตนที่ยืนกอดอกอย่างเอาเรื่อง ในใจนั้นก็พลันบีบรัดอย่างบอกไม่ถูก
“มีเหตุผลอันใดที่เจ้าสั่งกักบริเวณเจ้าตัวน้อยของพี่?” ได้ยินสรรพนามที่ตั้งให้กันอย่างสนิทสนมของพี่ชายตนกับว่าที่ภริยาของตนก็ทำเอาชานเลี่ยต้องถอนหายใจอ่างหงุดหงิด
“เพราะปั๋วเสวียนจะได้ไม่ต้องทำตัวไม่เหมาะสมกับชายอื่นอีก”
“เจ้าหวงปั๋วเสวียนกับพี่งั้นหรือ?”
“...” คำถามจากคนตรงหน้าทำให้ชานเลี่ยเผลอกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“ว่าอย่างไร...ข้าเป็นพี่ชายของเจ้านะชานเลี่ย...ตอบมา”
“เพราะว่าพี่เองก็มิได้มีคนรัก ข้า...ข้าก็เลย...”
“เจ้าจะคิดอย่างไรก็ช่างแต่ต้องไม่ลงที่ปั๋วเสวียนอย่างนี้!” คนที่นิ่งมาตลอดอย่างอี้ฝานอดไม่ได้ที่จะใส่อารมณ์กับองค์ชายที่ไม่รู้จักโต การหึงหวงคนรักนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ หากแต่ก็ไม่ควรตั้งตนเป็นใหญ่เช่นนี้เลย
“คนที่เคยมีแต่ความอบอุ่น รายล้อมไปด้วยความรักจากครอบครัว ปั๋วเสวียนเคยมีเพื่อน มีพี่ มีน้อง แต่กลับต้องละทิ้งทุกอย่างเพื่อทำตามหน้าที่ แทนที่เจ้าจะลดทิฐิละทิ้งความหยิ่งทะนงตนลงเพื่อเป็นหลักให้กับปั๋วเสวียน แต่เจ้ากลับสร้างกำแพงหนาสูงใหญ่ที่ปิดกั้นความสุขของปั๋วเสวียงั้นหรือ?”
“...”
“ปั๋วเสวียนยังเด็กเจ้าก็รู้ วัยสิบแปดปีไม่ได้ทำให้เด็กน้อยที่ถูกคนในครอบครัวฟูมฟักราวกับไข่ในหินนั้นได้เรียนรู้กับความเด็ดเดี่ยวหรอกนะชานเลี่ย...”
“...” ราวกับได้สติ องค์ชายห้าเริ่มทบทวนสิ่งที่ได้ทำลงไปพลางนึกคิดถึงใบหน้าหวานที่หม่นลงทุกครั้งที่ได้เห็น
“ปั๋วเสวียนบอกเจี่ยเจียว่าเหงา จากนั้นก็ร้องไห้...เจ้าว่าสิ่งนี้ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่?”
“...”
“เจ้ามีปากเสียงกับปั๋วเสวียน แต่เจ้ามิได้ขอโทษหรือพูดคุยให้เข้าใจ หนำซ้ำยังตั้งโทษ เจ้าอยากถูกเกลียดใช่หรือไม่?”
“เปล่าท่านพี่...ข้า...” ราวกับคนลนลาน ชานเลี่ยไม่ได้อยากถูกเหมยฮวาน้อยเกลียดจึงได้ละล่ำละลักออกมาด้วยใจร้อนรน
“บอกพี่มาถึงเหตุผลที่ขังปั๋วเสวียนไว้...ชานเลี่ย...” น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้นในโทนต่ำ แสดงให้เห็นถึงความกดดันที่มีให้ ชานเลี่ยขมวดคิ้วแน่นอย่างชั่งใจเพราะขลาดอายเหลือเกินที่จะพูดความจริงออกไป...
“จงเหรินไม่อยู่...” หลังจากกลับมาตำหนัก พอต่อว่าตนเองได้ไม่ทันไรจงเหรินก็ถูกเรียกตัวไปจัดการงานบางอย่างอยู่หลายวันทีเดียว
“หืม?” อี้ฝานเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงงระคนแปลกใจกับคำตอบของน้องชายตนเอง
“ข้า...ข้าไม่รู้ว่าต้องง้อปั๋วเสวียนอย่างไรเพราะไม่มีจงเหรินคอยให้คำแนะนำ ข้าก็เลยกักตัวปั๋วเสวียนไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้ได้ใกล้ชิดกับท่านพี่...” ทันทีที่ได้รับคำตอบก็ทำเอาองค์ชายใหญ่แห่งวังหลวงต้องอ้าปากค้างทันที
“...”
“...”
ปึ้ง!!! เสียงฝ่ามือกระทบหน้าโต๊ะทรงอักษรอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงครางฮือในลำคออย่างอดกลั้นของอี้ฝาน มือหนาอีกข้างกำเข้าหากันแน่นอย่างเหลืออด
...ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีน้องชายที่โง่เง่าถึงเพียงนี้...
“เจ้า...เจ้านี่มัน...” เปล่งวาจาออกมาอย่างยากลำบากในยามที่กำลังอดกลั้น อี้ฝานสูดหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วจ้องมองหน้าน้องชายตัวดีของตัว
“เจ้ามันโง่!!!” เสียงตวาดราวโรจน์ดังขึ้นจนคนถูกด่าทอนั้นสะด้งตกใจ มิวายลามไปถึงเหล่าทหารรักษาการที่ยืนเฝ้าจำหนักอยู่ก็สะดุ้งตกใจไปด้วย
“เจ้า!...โอ่ย...” ชี้หน้าคนซื่อบื้อแล้วก็พูดไม่ออก อี้ฝานผละตัวออกมาแล้วเดินวนไปวนมาอยู่ในตำหนักเพื่อไล่อารมณ์หงุดหงิดใจออกไป ไม่นานนักองค์ชายแสนสุขุมแห่งวังหลวงคนเดิมก็กลับมา
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจถึงเหตุผลของเจ้าแล้วน้องรัก...”
“...”
“แต่หากเจ้าไม่รู้จะง้อคนรักอย่างไรปรึกษาพี่ก็ได้กระมัง พี่มิได้จะชิงคนรักของเจ้าหรอกนะ เพียงแต่จะแจงให้เข้าใจว่าปั๋วเสวียนนั้นโดดเดี่ยวจำเป็นต้องมีคนที่รู้สึกไว้ใจ พี่จึงได้เทียวไปเทียวมาเพื่อไม่ให้ปั๋วเสวียนรู้สึกว่าอยู่ในวังเพียงคนเดียวจนกว่าหัวใจของปั๋วเสวียนจะเป็นของเจ้า...”
“ท่านพี่มิได้ชอบปั๋วเสวียนหรอกหรือ?”
“...”
“...”
“เจ้าควรจะไปง้อปั๋วเสวียนโดยด่วนก่อนที่จะถูกเกลียดจนไม่อยากปันใจให้เจ้าจริงๆ” อี้ฝานเอ่ยเสียงเรียบนิ่งอย่างไม่สนใจคำถามเมื่อครู่ จริงอยู่ในใจของอี้ฝานนั้นมีจื่อเทาแต่เพียงผู้เดียวและไม่มีใครนอกจากปั๋วเสวียนกับองครักษ์ส่วนตัวของตนจะรับรู้ แต่การไม่บอกชานเลี่ยตรงๆ ว่าไม่ได้ชอบเหมยฮวาน้อยนั้นก็เพื่อความต้องการส่วนตัว
...เห็นคนหน้าตายหึงแล้วมันก็ตลกดี...
“ข้า...ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรท่านพี่” ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าของชานเลี่ยจนอี้ฝานต่อว่าไม่ลง คงเป็นเพราะชานเลี่ยเองก็ไม่เคยมีความรัก ซ้ำยังไม่สนใจใครอื่นนอกจากดอกเหมยแห้งๆ มาเป็นสิบปี ไม่แปลกที่การเริ่มรักปั๋วเสวียนจะดูทำตัวไม่ถูก
“อย่างแรกเจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าเจ้าไม่ควรสั่งกักบริเวณเพราะจะทำให้ปั๋วเสวียนรู้สึกว่าเป็นเพียงสัตว์ที่ถูกกักขัง เจ้าควรใจเย็นลงให้มากกว่านี้หากถูกปั๋วเสวียนพูดจาไม่เข้าหู”
“ปั๋วเสวียนชอบปฏิเสธน้ำใจข้า” ชานเลี่ยเอ่ยแย้งขึ้นบ้างแต่ก็ถูกคำตอบโต้จากอี้ฝานกลบลง
“นั่นก็เพราะเจ้าทำลายหัวใจของปั๋วเสวียนก่อน”
“...”
“หากเจ้าอยากได้ความรักเจ้าก็ต้องเรียนรู้ที่จะให้...ปั๋วเสวียนต้องแต่งงานตามหน้าที่ แต่เจ้าได้แต่งงานเพราะความรัก หากเจ้าไม่หยิบยื่นความรักที่เจ้ามีให้ปั๋วเสวียน ชาตินี้แม้จะกกกอดกันกี่ครั้งปั๋วเสวียนก็ไม่มีวันได้รับไออุ่นจากเจ้าหรอก...”
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
“เมี้ยว~” เสียงร้องเหมียวๆ ของเจ้าสัตว์มีขนร้องขึ้นปลุกคนในภวังค์ พร้อมกับลากลิ้นแฉะของตนโลมเลียนิ้วเรียวให้รู้สึกตื่น ปั๋วเสวียนสะดุ้งตัวก้มมองแมวน้อยที่มองตนอย่างออดอ้อน ไม่นานนักรอยยิ้มหวานก็ปรากฏพร้อมกับช้อนตัวสัตว์เลี้ยงตรงหน้าขึ้นกอดออย่างดีใจ
“คิดถึงจังเลย...เหมยหลง~” เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นทันทีเมื่อถูกเจ้าเหมียวตัวน้อยแลบลิ้นเลียหน้าจนจักจี้
“ข้าจะให้เหมยหลงมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า อย่าเพิ่งรีบเหงาตายไปก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังทำให้คนฟังตกใจเล็กน้อย ปั๋วเสวียนรับรู้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร มือสวยวางเจ้าตัวน้อยลงพื้นทันทีพร้อมกับเชิดใบหน้าขึ้นแล้วลุกขึ้นเตรียมเดินหนี
“ท่านก็ปล่อยให้ข้าตายไปสิ ข้าจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับคนอย่างท่าน!” ชานเลี่ยแทบจะตบปากตัวเองหลังจากที่คำทักทายแสนหวานถูกแทนด้วยคำพูดไม่เอาไหนของตน
“เอ่อ...คือข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น...คือ...”
“ท่านออกไปจากตำหนักข้าเสียเถอะ” ปั๋วเสวียนเอ่ยตัดบทเพราะไม่อยากเสวนากับคนใจร้าย ขาเรียวก้าวเท้าเตรียมเดินหนีหากแต่เจ้าแมวแสนรู้กลับช่วยเจ้านายตนเป็นอย่างดี ร้องหง่าวๆ วิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาคนตัวเล็กจนติดขัด
“เหมยหลงอย่าทำแบบนี้” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกชายผ้าขึ้นเพื่อให้เห็นทางเดินสะดวก แต่เจ้าแมวน้อยกลับไม่ทำตามซ้ำยังป้วนเปี้ยนจนปั๋วเสวียนเสียหลัก
“อ๊ะ!” ร้องตกใจเมื่อรู้ชะตากรรมว่าต้องล้มคะมำเป็นแน่ หากแต่กลิ่นหอมของชายชาตรีอ่อนๆ ก็ประทะเข้ากับจมูกพร้อมกับแขนแกร่งที่โอบรับตนเอาไว้
ใบหน้าหวานที่จมลงกับแผงอกแกร่งเงยหน้าขึ้นทันทีประจวบเหมาะกับเจ้าของอ้อมกอดที่ก้มหน้าลงมาเช่นกัน ปลายจมูกสัมผัสกันอย่างไม่ได้ตั้งใจจนทำให้ภายในอกเต้นรัว...ปั๋วเสวียนผู้ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน...
“ทะ ท่าน! ปล่อยข้าได้แล้ว” ก้มหน้างุดๆ ซ่อนริ้วแดงบนใบหน้าอย่างไม่รู้ตัว ปั๋วเสวียนยังคงเชื่อมั่นว่าหัวใจดวงน้อยที่เต้นกระหน่ำทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้องค์ชายตรงหน้าเป็นเพราะความโกรธ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
...คงโกรธเขามากแน่ๆ ใจข้าถึงได้เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาเสียให้ได้...
หากแต่ใบหน้าเรียวใสที่ขึ้นสีแดงระเรื่อก็ไม่ได้หลุดพ้นไปจากกรอบสายตาคนตัวสูง ชายเลี่ยกระตุกยิ้มขึ้นทันทีเมื่อแผนที่องค์ชายสองวางไว้ให้เป็นไปตามที่คิดไว้ พวงแก้มเนียนแดงระเรื่อเพราะความเขินอายเหมือนดั่งเช่นใจตนที่กำลังพองโตกับการใกล้ชิดนี้
“เจ้าต้องหน้าด้านหน้าทนเข้าไว้น้องรัก อยากสัมผัสก็ฉวยมาเสีย เล็กๆ น้อยๆ ให้พอกระชุ่มกระชวย เก็บความสุขุมเอาไว้แล้วดึงเสือร้ายของเพศชายออกมา...”
นึกถึงคำพูดของพี่ชายตนแล้วนั้นดีกว่าคำแนะนำของจงเหรินกว่าเป็นไหนๆ แม้จะแอบงุนงงเล็กน้อยว่าคำพูดพวกนี้จะออกมาจากปากของพี่ชายมาดขรึมที่ไม่เคยเห็นว่าจะมีความรักเลย
“ขะ ข้าอึดอัด ปล่อยนะ” คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักหาทางออกอยู่อย่างนั้น เจ้าเหมียวตัวน้อยนั่งมองนายของตนแล้วส่งเสียงร้องเหมียวๆ ราวกับจะบอกว่า ‘ข้าก็อยากทำเช่นนั้นบ้าง’
‘เดี๋ยวเถอะเจ้าแมวตัวผู้แสนทะลึ่ง! นี่เหมยฮวาของข้านะ’ ส่งสายตาดุกลับไปให้แมวน้อยจอมกวน คนตัวเล็กที่ขยุกขยิกอยู่ในอ้อมแขนเริ่มหมดแรงแล้วจึงทุบอกองค์ชายห้าไปหนึ่งทีแรงๆ
“ปล่อยข้าสิ!”
“ไม่ปล่อย” ตอบหน้าตายจนคนฟังต้องอ้าปากค้าง
“ผะ ผีตนใดสิงท่านกัน...องค์ชายห้าที่แสนสุขุมหายไปไหน?”
“...”
“...เหตุใดท่านจึงได้ดูเจ้าเล่ห์ผีทะเลเช่นนี้!” สะดุ้งกับคำต่อว่าของเหมยฮวาตัวน้อยจนเผลอปล่อยคนตัวเล็กออก ปั๋วเสวียนจ้องหน้าคนใจร้ายอย่างเอาเรื่อง
“หรือนี่เป็นตัวตนที่แท้จริงของท่านกัน...องค์ชายห้าจอมลามก!” ว่าเข้าให้ก่อนจะวิ่งหนีหายเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ทิ้งให้คนถูกด่ายืนมึนงงกับคำต่อว่าเมื่อครู่
“ข้า...ข้าเหมือนคนลามกงั้นหรือเหมยหลง?” ชี้หน้าตนเองพลางถามเจ้าแมวน้อยแสนฉลาด เหมยหลงร้องเหมียวให้เป็นคำตอบก่อนสะบัดก้นงามงอนวิ่งสี่ขาไปหาคนน่ารักในห้องน้ำทันที
“เจ้าแมวทรยศ!” สบถออกมาหลังจากเห็นแมวแสนรู้ของตนหันกลับมาร้องเรียกตนก่อนจะปีนเข้าไปในห้องน้ำ ราวกับจะบอกว่า ‘ทีข้าบ้างล่ะ’ เสียอย่างนั้น
“ข้าก็ทำตามแผนที่พี่อี้ฝานบอกมา โอบกอดปั๋วเสวียนเอาไว้อย่างแนบชิด พูดใกล้ๆ ให้อีกฝ่ายขลาดเขิน...ปั๋วเสวียนหน้าแดงเท่ากับแผนสำเร็จลุล่วงดี...แต่...แต่ข้าดูเหมือนคนลามกเช่นนั้นเชียวหรือ คนที่ใครๆ ก็บอกว่าเย็นชาเช่นข้าเนี่ยนะ...ลามก?” พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว องค์ชายห้าผู้อ่อนประสบการณ์หัดเกี้ยวพาราสีถึงกับกุมขมับ
อีกฟากหนึ่งของตำหนัก ภายในห้องน้ำที่คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาหลบจากเงื้อมมือคนลามกกำลังทึ้งหัวตนเองอย่างหงุดหงิด
“ข้าต้องต้องโกรธเขาสิ ต้องโกรธ ต้องโกรธ!...โอ๊ย ข้าลืมโกรธเขาเฉยเลย!” นึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกอีกฝ่ายใส่ร้ายว่าทำตัวไม่เหมาะสม ทั้งที่ควรจะโกรธแต่เมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มนั้นทีไรเรื่องราวที่ผ่านมาก็หายวับไปทันที
“ข้าต้องต่อยหน้าเขาสิ ระบายความโกรธไง...แต่ข้าลืม! ข้าลืม! ข้าลืม!” ยกมือขึ้นปิดหน้าพร้อมสะบัดหน้าส่ายตัวอย่างน่ารัก ริมฝีปากเรียวงองุ้มจนน่าสัมผัส ปั๋วเสวียนมองเห็นใบหน้าตนเองในกระจกแล้วก็เผลออุทานออกมา
“หู...นี่ข้ากลั้นโมโหจนหน้าแดงเช่นนี้เชียวหรือ?” แมวน้อยถึงกับเอียงหน้างงทันที...หากพูดได้ก็คงบอกไปแล้วว่าเหมยฮวาคนน่ารักน่ะ กำลังเขินอายเจ้านายของตนอยู่
“บอกข้ามาซิเหมยหลง เจ้านายของเจ้ากินอะไรผิดสำแดงมางั้นหรือ ท่าทางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทำแบบนี้หัวใจข้าจะวายหมด” แมวน้อยก็อยากตอบเช่นกันว่า ‘เปล่า! สัญชาตญาณความเป็นชายน่ะใครๆ ก็มี ลักษณะนิสัยภายนอกมิได้บ่งบอกหรอกนะว่าชายผู้นั้นจะเป็นเช่นไรในเรื่องบนเตียง‘
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
บ่ายแก่ๆ พร้อมแสงแดดอุ่นๆ ทำให้คุณชายตัวน้อยเลือกที่จะฟุบหน้าลงนอนอยู่ที่ริมหน้าต่างเพื่อรับอากาศเย็นสบาย ปั๋วเสวียนไม่รู้ว่าเหตุใดหลังจากวันนั้นชานเลี่ยก็หายหน้าหายตาไปสามวันพร้อมคำสั่งกักบริเวณที่ถูกยกเลิก จากนั้นไม่กี่วันให้หลังคนใจร้ายที่ตนเกลียดนักเกลียดหนาก็เริ่มเข้าหาอย่างแปลกประหลาด
ไม่มีท่าทางขึงขังวางมาดให้ขลาดกลัว
ไม่มีถ้อยคำว่าร้ายตอบกลับแม้ถูกยั่วยุ
มีเพียงแต่ใบหน้าเรียบนิ่งแต่กลับดูอ่อนลงจากที่เคยเป็นมาก่อน
อ้อ! ไอ้อาการลามกนั้นก็หายไปด้วยนะ! เพียงแต่มาในรูปแบบแตะนิดแตะหน่อยแทน
ปั๋วเสวียนไม่รู้ว่าองค์ชายห้านั้นถูกผีเข้าหรืออะไร ทั้งๆ ที่ปั๋วเสวียนทั้งพูดจาไม่ดีใส่ ปฏิเสธน้ำใจไปหลายครั้ง แต่คนตรงหน้าก็กลับไม่ได้ว่าอะไร ดูใจเย็นลงกว่าแต่ก่อนมากจนนึกแปลกใจ ชานเลี่ยมาที่ตำหนักของตนทุกวัน มาพร้อมกับของติดไม้ติดมือให้ตนได้ประดิษฐ์หรือเย็บปักถักร้อย เคยปฏิเสธหลายครั้งแต่คนหน้ามึนก็บังคับให้ทำโดยเหตุผลก็ดูแปลกประหลาด...
‘ข้ายกเหมยหลงให้อยู่เป็นเพื่อนเจ้าไปแล้ว ข้าเหงา ข้าก็เลยอยากมาดูว่าเจ้าเลี้ยงแมวข้าดีเท่าข้าหรือเปล่า’
ในคราแรกปั๋วเสวียนก็เกร็งอยู่ไม่น้อยที่ถูกคนที่เกลียดเข้ามาใกล้ชิด หากแต่เบื่อที่จะต่อว่าขับไล่เพราะองค์ชายห้าตีหน้ามึนสอนอย่างเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้ถามไถ่ สุดท้ายก็ต้องยอมทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่น่ารักนั่งทำตามอาจารย์อย่างว่าง่าย...น่าแปลกที่ปั๋วเสวียนก็เพลิดเพลินไปกับสิ่งเหล่านั้นทุกครั้งไป
“ข้าปักตรงนี้ไม่ได้มันยากเกินไป” เอ่ยบอกอีกฝ่ายในขณะที่กำลังหัดปักผ้าลายมังกรอยู่ ชานเลี่ยบอกว่าการแต่งงานเข้าวังพระชายานั้นต้องเย็บปักถักร้อยเป็นและการปักผ้าลายมักกรนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่พระชายาต้องมอบให้พระสวามีหลังจากที่เข้าหอเสร็จสิ้น
...นึกถึงตรงนี้แล้วใบหน้าก็เห่อร้อนแปลกๆ...หลังจากที่เข้าหอเช่นนั้นหรือ...
“เจ้าต้องปักเข็มเป็นตัวกากบาท...เหมือนตอนที่ข้าสอนเจ้าปักรูปดอกเหมย...” สะบัดความคิดน่าอายออกไปแล้วสนใจกับการปักผ้า ไม่นานนักริมฝีปากบางก็ร้องโอดโอยเมื่อถูกเข็มเล็กแหลมจิ้มเข้าให้
“!!!” แอบตกใจเล็กน้อยเมื่อคนข้างกายคว้ามือของตนไปดูเพื่อตรวจหารอยแผล แต่เมื่อพบว่าเข็มไม่ได้แทงเข้าไปลึกจนถึงเนื้อด้านในก็เป่าลมร้อนๆ ออกมาแทน
“เจ้าต้องระวังให้มากกว่านี้ หากเข็มแทงเข้าไปจริงๆ เจ้าจะปวด” น้ำเสียงทุ้มที่เคยคิดว่าแสนเย็นชากลับเอ่ยออกมาฟังดูอบอุ่น ในใจของปั๋วเสวียนรู้สึกแปลกจนต้องชักมือหนี
“ข้าเข้าใจแล้ว” ตอบกลับก่อนจะก้มหน้าก้มตาตั้งใจปักผ้าต่อ แต่เพียงไม่คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าปักลายเบี้ยว
“เจ้าต้องปักผ้าวิธีนี้เพื่อที่จะได้บังคับทิดทางของด้ายได้ง่าย” ปั๋วเสวียนฟังอย่างตั้งใจหากแต่ทำอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำได้จนลายของผ้านั้นเริ่มผิดแปลก
“อ๊ะ...” เผลออุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อกายบอบบางตกอยู่ภายใต้ท่อนแขนแกร่งอีกครั้ง...องค์ชายห้าโอบกอดอยู่ด้านหลังพลางส่งมือมาจับมือเล็กให้ปักด้ายตามทิศทางที่ถูกต้อง อกแกร่งที่แนบชิดทำให้ปั๋วเสวียนรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจของอีกฝ่าย...ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับของตน
“ถึงท่านสอนข้าตรงส่วนนี้ได้ แต่ส่วนที่ข้าปักมันกเสียรูปไปแล้ว” พยายามไม่คิดโวยวายอะไรที่ถูกล่วงเกินเพราะอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะออกลายเจ้าเล่ห์ใดๆ นอกเหนือจากความตั้งใจในการสอน
“ไม่เป็นไร ผืนนี้ถือเสียว่าลองมือ เมื่อปักจนรู้วิธีทั้งผืนแล้วเจ้าค่อยปักให้ข้าใหม่”
“คะ ใครบอกว่าข้าจะปักให้ท่าน”
“ไม่ปักลายมังกรให้สามีแล้วจะปักให้ใครกัน หืม?” พวงแก้มใสขึ้นริ้วแดงทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘สามี’ จากคนด้านหลัง เหตุใดใจดวงน้อยถึงได้เตนแรงทวีคูณเช่นนี้
“ทะ ท่าน...แนบชิดข้าเกินไปแล้ว” เอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดอยู่ข้างลำคอจนขนลุกซู่ องค์ชายห้าเองก็เพิ่งรู้สึกตัวจึงได้หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“เจ้าเขินหรือ?”
“คะ ใครบอก! ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย” ตวัดดวงตาเรียวจ้องมองคนใจร้ายที่บัดนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปเสียแล้ว ปั๋วเสวียนก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเรื่องที่ขุ่นข้องหมองใจกันแต่ก่อนกลับหายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ชานเลี่ยเริ่มทำดีด้วย...อบอุ่นแปลกๆ
“แล้วเหตุใดแก้มของเจ้าจึงแดงเป็นลูกมะเขือเทศเช่นนี้” ไม่พูดเปล่ากับส่งปลายนิ้วสะกิดเข้าให้ที่พวงแก้มยุ้ยอย่างเผลอตัว ปั๋วเสวียนสะดุ้งโหยงพร้อมกับทุบอกคนที่ยังกอดตนอยู่ไม่ยอมปล่อยไปหนึ่งที
“ข้าร้อนเพราะท่านกอดข้าเช่นนี้ต่างหาก!” พอพูดออกไปแล้วก็ต้องหน้าแดงขึ้นไปอีกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนยังคงอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนมานานแล้ว มือเรียวตีแขนแกร่งจนขึ้นรอยแดงเพื่อให้ปล่อย องค์ชายห้าที่เปลี่ยนไปก็หัวเราะเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ผละออกจากร่างหอมหวานอย่างเสียดาย
“ท่านมันจอมลามก! หากไม่ใจร้ายใส่ข้าก็แกล้งเอาเปรียบข้า!” วางผ้าปักลงแล้วกอดอกสะบัดหน้าหนีเป็นท่าทีกำลังงอนอย่างเช่นที่เจี่ยเจียคนสนิทได้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
“แล้วเจ้าชอบให้ข้าเป็นอย่างไหนมากกว่ากัน?”
“ใครจะไป...”
“ข้ามีสองอย่างให้เจ้าเลือกเท่านั้น...พระชายาของข้า...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นชั่วพริบตา ปั๋วเสวียนสติหลุดไปกับคำว่า ‘พระชายาของข้า’ ไปเสียแล้ว
“เจ้าหน้าแดง...อั่ก!” เอ่ยวาจาหยอกล้อคนตรงหน้าเล็กน้อยแต่กลับถูกกำปั้นน่ารักทุบเข้าเต็มๆ ที่หน้าท้องจนจุก
“ท่านแกล้งข้า!” เบิกตากว้างที่สุดเท่าที่ดวงตาของตนจะกว้างได้จ้องเขม็งไปยังคนที่กุมท้องตัวเองอยู่ ฉับพลันคนตัวเล็กก็คิดคำพูดเอาคืนองค์ชายจอมเจ้าเล่ห์นี้ได้
“ความจริงท่านแอบชอบข้าใช่ไหมล่ะ ถึงได้ชอบแกล้งข้านัก” เอ่ยออกมาอย่างล้อเลียนเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องตกใจที่ถูกกล่าวหาเช่นนี้ และได้ผลเมื่อองค์ชายตัวดีดูจะนิ่งงันไปทันทีที่ได้ยินคำถาม ปั๋วเสวียนยิ้มล้อเลียนอย่างผู้มีชัยก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อได้รับคำตอบ ใบหน้าเนียนหันหนีพร้อมกับเอ่ยขอตัวไปเข้าห้องน้ำทันที
หลังจากพ้นกรอบสายตาของคนขี้แกล้งในศาลาริมน้ำแล้วปั๋วเสวียนก็กระทืบเท้ายกมือปิดหน้าที่ส่ายไปมาด้วยความเขินอาย...น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเวลาคนตัวเล็กเขินมากๆ จะมีท่าทีเช่นนี้
“อ๊าก! เขาแกล้งข้าแน่ๆ แกล้งข้าเสียจนตอกกลับไม่ได้เลย ฮื้อออ!” ย่ำเท้ารัวอีกครั้งเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ แน่นอนว่าปั๋วเสวียนขัดใจที่แผนถามคำถามแกล้งอีกฝ่ายล้มเหลวไม่เป็นท่า หนำซ้ำยังถูกแกล้งกลับจนสู้ต่อไม่ไหว ยืนหอบหายใจเหนื่อยพลางยกมือขึ้นสัมผัสกับใจของตนที่เต้นพี่รัวพร้อมกับนึกถึงคำตอบที่ได้รับเมื่อครู่
“แล้วถ้าข้าตอบว่าใช่ล่ะ...
.
.
.
...ข้ามีความสุขที่ได้แกล้งเจ้านะ...ปั๋วเสวียน...”
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
พูดคุยกับหมาน้อย
ตึ่งตะลึ่งตึ่งโป๊ะ! เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยนะคะองค์ชาย~ พี่อี้ฝานสอนมาดีจริงๆ งานนี้ทีมพี่ฝานแล้วกันเนาะ กล่อมน้องชายได้สำเร็จสักที จงเหรินตกกระป๋องไปเลยเทรนด์ยังไงองค์ชายห้าก็ยังบื้อเหมือนเดิม lol
อยากให้นึกถึงคนคนนึงที่มีหลายด้านนะคะ ทุกคนมีด้านที่ปดปิดเอาไว้ค่ะ คนเรียบร้อยความจริงอาจจะร้าย คนนิ่งๆ ความจริงอาจจะหื่นยิ่งกว่าอย่างชานเลี่ยค่ะ ท่าทางนางจะเก็บกดมานาน สิบกว่าปีเนาะ เอาให้คุ้ม 5555555555555555
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายเป็นเป็นอาทิตย์เลย กลับจากทริปเหนือเพลียมากค่ะ กำหนดการคือต้องถึงมศว 4 ทุ่มวันที่ 17 แต่ถึงจริงๆ ตี 1 ซึ่งเป็นวันที่ 18 แล้วค่ะ กลับมาบ้านตี 2 ก็นอนยาวเลย เพลียมากจริงๆ ขอโทษด้วยนะคะ
เอาล่ะ กลีบที่ 13 แล้วเนาะ ครึ่งเรื่องแล้วเนี่ยยังไม่พีคสักที 5555555555 ตอนหน้านะคะ ซื่อชุนจะกลับมาขัดขวางความสุขขององค์ชายห้าค่ะ งานนี้ชานแบคคงไม่ได้หวานสมใจซะล่ะม้างงงง อิ้อิ้
ขอบคุณที่ยังรอเอ็นดูฟิคเรื่องนี้อยู่เสมอนะคะ มีความสุขมากเลย #อริร้ายชานแบค
S Y D N E Y `

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มันต้องอย่างงี้ดิองค์ชาย แบคเขินน่ารักอ่ะ
เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว 55555555
เพราะเขินต่างหาก งื้อออออออออออชานยอลอย่าใจร้ายกับแบคเลยนะ
ทำดีต่อไปนะ > <'
55555555555555555
ไรท์คะะะ อยากอ่านคริสเทาาา ฮือออ คริสเทาาา คริสเทาาาาาา ปล.นี่ฟิคชานแบค555555555
กรี้ดดด คู่ไหนก็ดั้ยทั้งนั้นนน ซาหนู้กทุกคู่ อุกิ้อุกิ้ๆๆ
อ่านตอนนี้แล้วแบบ จะบ้าตายไหมยังไง จะไม่มีชีวิตอยู่แล้วดีกว่า โครตเขิน แงงงงงงงงงง
บั่บบ ชายห้าลุคใหม่สิงห์มือไวนี่ชะนีตายมากค่ะบ่องตรง TTT_________TTT