ตอนที่ 10 : 梅花 ❀ กลีบที่ ๑๐
梅花
เหมยฮวากลีบที่ 10
“ว่าที่พระชายาก่อเรื่องอีกแล้ว...”
“เจ้าทำดีมากลู่หานที่รัก!” คำพูดแสดงอาการดีใจเอ่ยออกมาจากปากเพื่อนสนิทที่ยืนเต้นแร้งเต้นกาอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่ลู่หานเสี่ยงไปตะล่อมถามทหารหน้าวังหลวงถึงที่อยู่ของว่าที่พระชายา
ความจริงรึก็ไม่อยากจะช่วยนักหรอก แต่ประโยคที่ว่า ‘ถ้าไม่ได้คำตอบเจ้าก็ไม่ต้องมายุ่งกับข้าอีก!’ ทำเอาลู่หานกระวนกระวายพยายามสุดใจเพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบ ความจริงประโยคนั้นทิ่มแทงอกลู่หานอยู่ลึกๆ แต่ถ้าเลือกอดทนกับไม่เจอเซฮุน ลู่หานก็ขอยอมเจ็บปวดต่อไปเสียยังดีกว่า
“ข้าบอกแล้วว่าความสวยองเจ้าน่ะมีประโยชน์!” ไม่วายแสดงความคิดภายในออกออกมา อยากจะดีใจที่ถูกคนที่ตนแอบรักเอ่ยปากชมแต่ก็ดีใจไปก็ไม่ได้ทำให้ลู่หานมีความสุขเลย
...ข้าจะสวยไปใยในเมื่อคนที่ข้ารักไม่เคยมองมา...
“เอาล่ะ ตำหนักของพี่ปั๋วเสวียนทหารจะไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไรนักเพราะความสำคัญยังไม่มากพอ เพราะฉะนั้นถือเป็นโชคดีของข้าที่น่าจะแอเข้าไปพบพี่ปั๋วเสวียนได้”
“...”
“ทีนี้หน้าที่ของเจ้าก็คือเฝ้าอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน รอข้าออกมาเท่านั้นพอ”
“อะ...อะไรนะ!?” ลู่หานแทบลมจับหลังจากได้ยินคำพูดของซื่อชุน...ใช่สิ พอหมดประโยชน์แล้วตัวเขาจะมีค่าอะไร...อดคิดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ว่าคนที่สำคัญที่สุดของซื่อชุนก็คงมีแต่พี่ปั๋วเสวียนเท่านั้นมิมีผู้ใดแทนที่ได้
“เจ้าจะทิ้งข้าไว้อย่างนี้เหรอ?”
“ก็เจ้าทำอะไรไม่ได้นี่ วรยุทธ์เจ้าก็ไม่เป็น เข้าไปเสียก็ขัดอารมณ์ข้ากบพี่ปั๋วเสวียนเปล่าๆ”
“...” ลู่หานเม้มปากแน่น ไม่ตอบโต้ใดๆ แต่กอดอกหันหลังให้ซื่อชุนทันที น้ำตาแทบจะรินไหลออกมาด้วยความน้อยใจ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากคนด้านหลัง
“ลู่หานหันหน้ามานี่”
“...”
“ลู่หานข้าบอกว่าให้หันมา!” เมื่อพูดดีๆ ด้วยแล้วไม่เชื่อฟังคนโตกว่าก็ใช้น้ำเสียงดุดันใส่จนลู่หานต้องหันมาอย่างจำใจ
“เจ้าโกรธข้า?”
“ข้าคงดีใจหรอกกระมัง! เจ้าบื่อ!” ถลึงตาใส่เพราะรู้สึกโกรธจริงๆ จนเก็บไว้ในใจไม่อยู่ ซื่อชุนยืดตัวถอนหายใจอีกครั้งก่อนตัดสินใจหันหลังย่อตัวลง
“เกาะดีๆ ล่ะ”
“หืม?”
“ขี่หลังข้าสิ ข้าจะพาปีนข้ามกำแพง”
“ทะ ทำไม?”
“เอ๊ะ! ก็เจ้าไม่เป็นวรยุทธ์ ปีนกำแพงก็ไม่เป็นแล้วจะข้ามไปได้อย่างไรถ้าไม่ให้ข้าแบกเจ้าปีน เร็วๆ เลยก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจไม่สนใจหน้าตาบูดเบี้ยวของเจ้า!” ถึงจะไม่ใช่คำพูดแสนหวนนักแต่ลู่หานก็อดใจเต้นแรงไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่ลู่หานจะขี่หลังกอดคอของซื่อชุนตั้งแต่รู้จักกันมา
“ข้าไม่หนักใช่ไหม?” พูดอย่างดีใจเมื่อโถมตัวลงใส่คงที่ตั้งท่ารอ ขาเรียวถูกแขนแกร่งของซื่อชุนจับไว้ และมือเล็กก็โอบรอบคอคนแบกไว้แน่น ลู่หานเอียงหน้าถามด้วยความใสซื่อโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าลมหายใจอุ่นๆ ของตนปะทะเข้ากับผิวหน้าคนหล่อเหลาได้ใกล้เพียงใด
...ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...
จู่ๆ หัวใจของซื่อชุนก็เกิดอาการเต้นผิดจังหวะ..เขาไม่เคยรู้เลยว่าน้ำหนักของลู่หานจะเบา ผิวกายจะเนียนนุ่มแล้วส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เช่นนี้ แม้จะไม่ดึงดูดเท่าพี่ปั๋วเสวียนยอดรักของตนแต่ก็ทำเอาซื่อชุนถึงกับหวั่นไหวไปชั่วขณะ
“หนักมากเลยต่างหาก...” พยายามควบคุมสติแล้วหันไปพูดหยอกลู่หานแก้อาการแปลกๆ ในใจ หากแต่นั่นกลับทำให้ลู่หานต้องเงียบลงพร้อมกับพวงแก้มเนียนที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ เพราะซื่อชุนดันหันหน้ามาพูดหยอก ใบหน้าทั้งสองเฉียดกันแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น
“ฮึ่ม...ข้าจะปีนแล้ว เกาะข้าไว้ดีๆ” ซื่อชุนตั้งสติแล้วหันหน้ากลับมาก่อนจะกระชับคนบนแผ่นหลังให้เรียบร้อยแล้วเริ่มปีนกำแพงขึ้นไป
...ใจหนอใจทำไมเต้นแรงไม่หยุดเสียที...
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
“ยอมรับ ไม่ยอมรับ ยอมรับ ไม่ยอมรับ...ยอม...รับ...เฮ้ออออ” เสียงของความเหนื่อยหน่ายใจกับใบหน้าหงอๆ แสดงถึงความรู้สึกภายในของเจ้าของตำหนักเป็นอย่างดี ปั๋วเสวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วปล่อยให้ดอกเหมยแสนงามในมือเล็กร่วงหล่นลงพื้นไป
ดอกที่สิบแล้วที่ถูกนำมาเด็ดเสี่ยงทาย
จะดอกไหนก็จบลงที่ ‘ยอมรับ’
หมายถึงให้ ยอมรับ ชะตาชีวิตของตนเอง...
“เสียแรงที่ขื่อชอบดอกไม้อย่างเจ้ามากๆ แต่เหตุใดเพลานี้กลับแสดงผลเสี่ยงทายเป็นให้ข้าทำใจยอมรับเสียล่ะ ไม่เข้าข้างกันเสียเลย” คว้าดอกเหมยดอกใหม่มาถือเอาไว้แล้วจดจ้องต่อว่าดอกไมในมือราวกับเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ตนต้องมานั่งเด็ดกลีบดอกไม้เช่นนี้
“เฮ้อ...อย่างน้อยข้าก็ได้แต่งกับเชื้อพระวงศ์ ไมใช่คุณชายบ้านไหนก็ไม่รู้” พยายามหาข้อดีเตรียมใจไว้หากต้องแต่งงานเข้าพระราชวัง สิ่งที่กลัวที่สุดในการเป็นผู้สืบเชื้อสายคือการหลับนอนกัผู้เป็นสามี ลำพังแค่เห็นสายตาของบรรดาลูกชายคนในหมู่บ้านที่ชอบเกี้ยวพาราสีตนนั้นก็แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ก็คนพวกนั้นดูกระหายหิวในร่างกายตนเป็นอย่างมาก
หากต้องตกเป็นเมียใครสักคนคงมิวายถูกรังแกร่างกายทั้งวันทั้งคืนเป็นแน่
“เชื้อพระวงศ์คงมีแต่งานจนไม่มีเวลามาย่ำยีร่างกายข้าเสียเท่าไรหรอกนอกจากวันแต่งงาน” ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่สามารถนับได้ ปั๋วเสวียนฟุบหน้าลงกับโต๊ะกลมอย่างถอดใจ
ฟ้าคงลิขิตไว้แล้ว...ชะตาชีวิตข้าคงเป็นได้แค่ผู้สืบเชื้อสาย...
“พี่ปั๋วเสวียน...” เสียแว่วๆ ดังออกมาจากทางนอกประตูตำหนัก ปั๋วเสวียนเงยหน้าขึ้นอย่างเร็วรีแล้วตั้งใจฟังเสียงเรียกอีกครั้ง
“พี่ปั๋วเสวียนขอรับ...” ชัดแล้ว! นั่นมันเสียงของน้องชายข้างบ้านจอมดื้อดึงนี่เอง ปั๋วเสวียนจับชายผ้าชุดของตนแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูรับอีกคนเข้ามา
“ซื่อชุน! เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร...” ถามออกไปด้วยความสงสัยระคนตกใจ คนเป็นน้องไม่ตอบหากแต่รีบดันตัวเองเข้ามาในห้องแล้วลากปั๋วเสวียนเข้ามาด้านใน
“ลู่หานก็มาด้วยอย่างนั้นหรือ?” ชะเง้อหน้ามองหาน้องชายอีกคนแต่งก็ถูกซื่อชุนจับใบหน้าเล็กเอาไว้
“ลู่หานอยากนั่งชมบรรยกาศด้านนอก พี่มิต้องสนใจนักหรอก” ...โป้ปด! ลู่หานอยากจะตะโกนดังๆ เมื่อได้ยินประโยคที่ซื่อชุนกุขึ้นมาเอง ตั้งใจไล่ให้เขาอยู่ด้านนอกเพื่อไม่ให้ไปขัดจังหวะเสียมากกว่า...แต่ถึงอย่างไรลู่หานก็รู้สึกดีที่ถูกกันให้อยู่ด้านนอก
...อย่างน้อยก็ไม่ต้องเห็นซื่อชุนแสดงวามรักต่อผู้อื่นล่ะนะ...
“พี่ปั๋วเสวียน ผู้แทนพระองค์จากวังหลวงนำสาสน์มาบอกว่าพี่จะแต่งเข้าวังเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?”
“...อื้อ...” ไม่อยากตอบรับเต็มปากเต็มคำเท่าไร จึงส่งเสียงในลำคอแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบ
“โถ่! แล้วอย่างนี้ข้าจะอยู่ได้อย่างไรกัน!” ซื่อชุนร้องออกมาด้วยความเจ็บใจหลังจากได้รับฟังความจริงจากปากคนที่ตนรัก
“ซื่อชุน...”
“ข้าอยากแต่งงานกับพี่ใจแทบขาด แต่พี่กลับถูกฮ่องเต้เลือกให้เป็นพระชายาขององค์ชาย แบบนี้ฮ่องเต้จงใจแกล้งข้าชัดๆ!”
“นี่! เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรกัน ระวังเถิดหัวจะหลุดออกจากบ่า!” เอ็ดน้องชายตัวดีพร้อมกับหยิกเนื้อแขนเป็นการสั่งสอน
“ก็ข้าพูดเรื่องจริง ข้าอยากแต่งงานกับท่านตั้งแต่ข้าจำความได้...”
“เจ้าโตแล้วนะซื่อชุน...เจ้าน่าจะเข้าใจดีว่าข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นอื่นเลยนอกจากน้องชายที่ข้ารัก...”
“พี่ปั๋วเสวียน...”
“ข้ารู้ว่าเจ้าเสียใจที่ข้าไม่รับรักเจ้าแล้วยังต้องแต่งงานกับชายอื่น...แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้...ชีวิตของเจ้ามิได้มีข้าแค่คนเดียว...”
“แต่หากไม่ได้แต่งงานกับท่านข้าก็คงมิคิดจะแต่งกับใครอีก...” คำพูดที่เอ่ยออกมาจากใจของซื่อชุน แม้จะไม่ดังมากแต่ก็เด่นชัดในโสตประสาทของคนด้านนอก ลู่หานผละตัวออกจากหน้าประตูตำหนักแล้วเดินให้ห่างจากระยะที่ได้ยินเสียงทันที
“ซื่อชุน...เจ้ายังเด็กและชีวิตเจ้าก็ยังเลือกคู่ครองได้อีกเยอะ เจ้าไม่ควรมาจมปรักที่ข้า...”
“ข้าห่างจากท่านแค่ปีเดียว!”
“แต่ที่ข้าต้องแต่งงานโดยเลือกคู่ครองไม่ได้ก็เพราะฮ่องเต้เป็นคนกำหนด ไม่เหมือนเจ้าที่มีอิสระ...”
“ไม่รู้ล่ะ หากข้าไม่ได้แต่งกับท่าน สตรีนางใดข้าก็...”
“หากเจ้าไม่มีเหตุผลข้าก็จะไม่คุยกับเจ้าอีก” ปั๋วเสวียนเอ่ยเสียงเรียบแล้วทอดสายตาตำหนิคนเป็นน้องอย่างจริงจังจนซื่อชุนก็ปิดปากเงียบในทันที
...เพราะกลัวว่าพี่ปั๋วเสวียนจะโกรธตน...
ไม่ทันจะได้พูดคุยถามไถ่ดังใจหมายเท่าไรนัก ฟ้านั้นก็ยังคงกลั่นแกล้งซื่อชุดไม่ให้ได้ใกล้ชิดกับคนที่ตนรักเท่าไรนัก...
“องค์ชายห้าเสด็จ...” เสียงทหารยามจากด้านนอกประตูตำหนักประตูใหญ่ดังขึ้น ปั๋วเสวียนเบิกตากว้างแล้วสบตากับซื่อชุนอย่างร้อนรน
“เจ้าต้องหนี!”
“ไม่...ข้าจะ...”
“ข้าขอร้องล่ะซื่อชุน หากเจ้ายังรักข้าได้โปรดอย่าทำให้ข้าต้องลำบาก!” ส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องให้อีกฝ่ายเข้าใจแล้วหนีไปซะ สุดท้ายซื่อชุนก็พยักหน้าอย่างจำใจแล้วรีบปีนออกทางหน้าต่างด้านหลังตำหนัก มองซื่อชุนที่หลบหนีไปจนพ้นสายตาแล้วหันหลังกลับเตรียมรับมือกับคนใจร้ายที่จู่ๆ ก็เข้าพบตนในยามวิกาล
“โอ๊ย!!!” หันกลับมาได้ไม่ทันไรก็ถูกร่างน้อยๆ ของน้องชายอีกคนที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาด้วยความกลัว ชนเข้ากับตนอย่างจังจนล้มพับไปทั้งคู่
ตายจริง! ลืมเสียสนิทว่าคนที่แอบเข้ามามิได้มีแค่ซื่อชุนคนเดียว!
“พี่ปั๋วเสวียน...” ลู่หานลุกึ้นนั่งแล้วจับมือเรียวขอพี่ชายตัวเล็กึ้นมาเขย่าอย่างไม่มีสติ
“ข้า จะทำอย่างไรดี...” เสียงสั่นๆ ของผู้พูดบ่งบอกถึงความกลัวของลู่หานได้เป็นอย่างดี ปั๋วเสวียนนึกอยาจะเขกหัวซื่อชุนยิ่งนักที่ดันพาลู่หานมาแต่ไม่พาลู่หานกลับ
“พี่...พี่...”
“ขะ ข้ากลัว...ข้าจะถูกประหารหรือไม่” น้ำใสๆ ร่วงผลอยลงมาจากดวงตาหวานเชื่อม ปั๋วเสวียนพยายามนึกหาทางออกให้ทันก่อนที่คนใจร้ายจะมาถึง ครั้นจะให้ลู่หานปีนหน้าต่างออกจากวังทางด้านหลังตำหนักของตนเหมือนกับซื่อชุนก็ทำไม่ได้ เพราะลู่หานไม่เป็นวรยุทธ์ใดๆ เลย
“ซ่อน! เจ้าเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าของข้าก่อน!” ปั๋วเสวียนพยุงตัวลุกขึ้นเตรียมพาคนเป็นน้องไปหลบ หากแต่ยังไม่ได้ทำการอะไร ปลายเท้าของอริตัวดีก็ก้าวเข้ามาในตำหนักของตนเสียแล้ว
องค์ชายห้าผงะไปเล็กน้อยเมื่อสังเกตุเห็นใครบางคนยืนหลบอยู่ด้านหลังคุณชายตัวน้อย หัวคิ้วเข้มบนใหน้าหล่อเหลาขมวดเข้าหากันก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาอย่างระงับอารมณ์ในใจของตน
“ว่าที่พระชายาก่อเรื่องอีกแล้ว...”
“...”
“เจ้าซ่อนใครไว้ที่ด้านหลัง!” ตวาดลั่นตำหนักจนคงตัวเล็กใจกล้าต้องสะดุ้งผวาอย่างอดมิได้
“คะ คือ...”
“ครั้งก่อนที่เรามีปากเสียงกันก็เพราะว่าเจ้าทำตัวไม่เหมาะสมกับชายอื่น แต่มาคราวนี้เจ้ากลับพาชายู้เข้ามาสมสู่ถึงตหนักองตนเชียวหรือ!” แม้จะพยายามควบคุมความโกรธเอาไว้ หากเพียงแต่คิดว่าปั๋วเสวียนคงจะรักเด็กหนุ่มซื่อชุนมากจนถึงกับอดใจไม่ไหวนัดพบกัน ไฟในอกก็สุมจนควบคุมตนเองไม่อยู่
“ไม่ใช่นะ!”
“แล้วเจ้าพาชายอื่นเข้ามาในวังได้อย่างไรกันอยากหัวหลุดมากใช่หรือไม่!”
“ลู่หานไม่ใช่ชายชู้ของข้านะ!” ตวาดออกไปอย่างไม่ยอมความเช่นกัน ปั๋วเสวียนจ้องเขม็งที่ใบหน้าคมคายขององค์ชายใจร้ายอย่างไม่ลดละ
“ลู่หานสวยถึงเพียงนี้จะเป็นชู้ของข้าได้อย่างไร!” เบี่ยงตัวหลบให้ลู่หานที่ยืนก้มหน้าตัวสั่นอยู่ด้านหลังได้เป็นที่ประจักษ์กับคนด้านหน้า
“ลู่หานเป็นลูกชายของอาข้าเอง สายเลือดเดียวกันแบบนี้สมสู่กันได้อย่างนั้นเหรอ? ลู่หานก็เพียงแต่อดคิดถึงแล้วเป็นห่วงพี่ชายไม่ได้ก็เลยจำต้องแอบเข้าวังมา” พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ปั๋วเสวียนนึกอยากขอบคุณที่คนที่อยู่ข้างตนคือลู่หานไม่ใช่ซื่อชุน
“...” ชานเลี่ยเงียบลงไปพักหนึ่งเพราะถูกองครักษ์ส่วนพระองค์กระซิบอะไรบางอย่างก่อนผละจากไปอย่างเร่งรีบ
“ญาติพี่น้องลักลอบเข้าวังมาหา โทษคงไม่ถึงตายใช่หรือไม่?” ลองหยั่งเชิงถามดูอย่างกล้าๆ กลัวๆ องค์ชายหนุ่มตวัดสายตาคมจ้องมองใบหน้าหวานของลู่หานอย่างพิจารณา
“ลู่หานแอบเข้ามาในวังคงเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ถึงกฏระเบียบในรั้วในวัง ครั้งนี้ข้าจะปล่อยผ่านทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น...” ได้ยินดังนั้นปั๋วเสวียนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ประโยคถัดมาก็ทำเอาใจดวงน้อยกระตุกเช่นกัน
“แต่กับเจ้า...เจ้ารู้กฏข้อบังคับดีจึงต้องถูกลงโทษแทนน้องชายของเจ้า”
“หนะ ไหนบอกว่าท่านจะปล่อยผ่าน!?” ปั๋วเสวียนใจหายวาบทันทีเมื่อฟังจบ ใบหน้าหวานหม่นลงเล็กน้อยอย่างปิดไม่อยู่เพราะกลัวบทลงโทษณ์จากอีกฝ่าย
“ข้าปล่อยน้องเจ้า...”
“...”
“...แต่มิได้ปล่อยเจ้า”
“!!!” แทบอยากจะฉีกอกคนตรงหน้าเหลือเกิน แต่ฐานะอันสูงศักดิ์ของคู่กรณีก็สูงส่งเกินไปจนตนไม่กล้าเสี่ยงเอาศรีษะเข้าไปแลกและอีกอย่างคือรู้กาลเทศะดีว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่มีเหตุผลแค่ไหน แต่เมื่อคนตรงหน้ามีเลือดเนื้อเชื้อกษัตริย์ไหลเวียนอยู่ คนเป็นเพียงไพร่ฟ้าธรรมดาไฉนเลยจะกล้าขัดคำสั่ง...
“คราวนี้จะให้ข้าสั่งทำโทษเจ้าเช่นไรดี อาบน้ำหมู พรวนดิน หรือแบกปุ๋ย?” องค์ชายรูปงามถามคนตัวเล็กพลางสาวเท้าก้าวเข้ามาประชิด จนนายน้อยแห่งสกุลเปี้ยนต้องก้มหน้าหลบสายตาที่ทำให้ใจเต้นรัว
ใจเต้นรัวก็เพราะว่าโมโหเท่านั้นแหละ!...
“ข้ามิได้ทำผิด เหตุใดจึงต้องถูกลงโทษ”
“แต่ญาติผู้นี้ของเจ้าทำผิดกฏ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเลือกว่าจะถูกทำโทษแทนหรือว่าให้ญาติเจ้าถูกลงโทษ”
“พี่ปั๋วเสวียน...” ลู่หานจับแขนคนเป็นพี่ไว้แน่นพลางส่งสายตาอย่างรู้สึกผิด...หากลู่หานห้ามซื่อชุนไว้แต่แรกก็คงไม่ต้องเกิดเรื่องแบบนี้...
“ข้า...”
“มีเหตุผลอันใดที่เจ้าจะไปสั่งลงโทษคุณชายเปี้ยนเขางั้นหรือ?” เสียงทุ้มกังวาลดูน่าเกรงขามของผู้มาใหม่ดังขึ้น เรียกความสนใจจากทุกคนในตำหนักได้เป็นอย่างดี ปั๋วเสวียนเผลอยิ้มอย่างดีใจเมื่อจำได้ว่าเสียงนี้เป็นของใคร
“พี่อี้ฝาน!” ร้องเรียกอย่างดีใจแล้วแลบลิ้นใส่องค์ชายจอมดุหนึ่งทีก่อนจะจับมือของลู่หานให้วิ่งตามไปหาองค์ชายใหญ่แห่งวังหลวง
“ว่าอย่างไรเจ้าตัวน้อย...” เอ่ยวาจาฟังดูอบอุ่นพร้อมลูบศรีษะทุยอย่างทะนุถนอม
“น้องชายท่านน่ะใจร้าย เขาจะสั่งลงโทษข้า!” แอบกระซิบให้คนใจดีได้ยิน ครั้นจะพูดเสียงดังเลยก็มิกล้า เกรงว่าจะเกิดปัญหาเอา ถึงแม้ใจจะพยายามห้ามกิริยาเอาไว้ว่าให้สำรวมเพราะยังรักหัวของตนอยู่ แต่ก็อดไม่ได้เลยที่จะเผลอเป็นตัวของตัวเอง
“ฮะๆ อย่างนั้นหรือ มิต้องกลัวไป พี่จะจัดการให้เจ้าเอง”
“...” ชานเลี่ยมองการกระทำที่ไม่อาจได้ยินบทสนทนาของคนตัวเล็กและพี่ชายของตนแล้วขมวดคิ้วทันที...สนิทกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ?...
ทีกับข้าล่ะทำเป็นรังเกียจ...
“เรื่องบทลงโทษขอให้ละไว้...”
“แต่ว่าที่พระชายาทำผิดกฏ”
“ผิดตรงไหน ข้ามิเห็นว่าการที่ญาติของตนเข้ามาพบจะเป็นเรื่องผิดใหญ่หลวง”
“ลู่หานลักลอบเข้าวัง มีความผิดฐาน...”
“แต่ก็มิได้ก่อเหตุร้ายมิใช่หรือ? อย่าเข้มงวดไปหน่อยเลยชานเลี่ย...”
“ตำหนักของว่าที่พระชายามิควรมีชายอื่นที่มิใช่พระสวามีเข้าพบยามวิกาล!”
“งั้นพี่ก็มีโทษเช่นกันถูกหรือไม่?...รวมทั้งเจ้า”
“!” ชานเลี่ยจ้องตาเขม็งใส่พี่ชายของตนที่ดูเข้าข้างปั๋วเสวียนเหลือเกิน...หรือที่จงเหรินพูดนั้นจะถูก?
“ข้าแค่เข้ามาตรวจตราตำหนักว่าที่พระชายาดูเท่านั้น เพราะปั๋วเสวียนเคยมีกิริยาไม่สำรวมต่อชายอื่น” ชานเลี่ยตอบหน้าตาย พยายามหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเป็นเหตุผลถึงการมาเยือนตำหนักเหมยฮวาน้อยเช่นนี้...ความจริงแล้วก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าคนขี้แยอารมณ์ดีขึ้นแล้วก็เท่านั้น...
“ท่าน!” ปั๋วเสวียนชี้หน้าคนปากร้ายที่บังอาจมาเอาเรื่องเดิมที่ไม่น่าจดจำมาพูดอีก อี้ฝานมองใบหน้าหวานสลับกับใบหน้าคมของน้องชายตนเองแล้วก็ส่ายหน้า
ชาตินี้จะได้รักกันดีหรือไม่?
ชานเลี่ยหนอชานเลี่ย หาเหตุผลมาอ้างให้ดีกว่านี้มิได้หรือไร...
“พี่รู้ว่าเจ้าคงไม่อยากให้พี่พูดมากใช่หรือไม่? เจ้ารู้ดีว่าพี่จะพูดเช่นไรใช่หรือไม่?”
“...” ชานเลี่ยสบสายตาที่ดูจริงจังของพี่ชายอย่างยอมแพ้ พี่อี้ฝานเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีเหตุผลและเก่งเรื่องโต้วาจา ดังนั้นน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ชานเลี่ยพนักหน้ายอมรับโดยง่ายเพราะไม่อยากถูกพูดต้อนจนมุมต่อหน้าเด็กดื้อ
“ข้าจะถือว่าเรื่องคืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะไปส่งลู่หานเอง” ชานเลี่ยละตัวเดินนำออกไปโดยเร็วจนลู่หานต้องรีบโค้งคำนับองค์ชายใหญ่แล้วหอมแก้มปั๋วเสวียนหนึ่งฟอดแทนการจากลา
“เจ้าทำท่าเช่นนั้นคิดว่าชานเลี่ยจะเห็นหรือไม่เจ้าตัวน้อย” อี้ฝานกลั้วหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นท่าทางของว่าที่พระชายาตัวแสบ
เมื่อครู่...ปั๋วเสวียนทำปากขมุบขมิบน่ารักน่าชังพร้อมกับยกมือยกแขนทำท่าชกอากาศลับหลังน้องชายของตนอยู่หลายที
“ก็เพราะไม่เห็นน่ะสิข้าถึงได้ทำ!” ปั๋วเสวียนตวัดสายตาใส่อี้ฝานที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่าหัวเสีย ความจริงเขาไม่ได้รักตัวกลัวตายเท่าไรหรอก ลูกผู้ชายอกสามศอกอย่างคุณชายสกุลเปี้ยนน่ะไม่เกรงกลัวผู้ใดอยู่แล้ว ก็แค่ไม่อยากให้เสียชื่อบิดาของตนเท่านั้นเอง เกรงว่าหากชกหน้าองค์ชายห้าไปแล้วจะเดือดร้อนไปถึงบิดาของตน...
จริงๆ นะ ปั๋วเสวียนไม่ได้กลัวชานเลี่ยจริงๆ นะ!
“ไปนอนได้แล้วเจ้าตัวน้อย อยู่วังได้ไม่เท่าไรก็สร้างเรื่องหลายเรื่องเชียว”
“โถ่พี่อี้ฝาน...ก็ใครใช้ให้น้องชายท่านจ้องจับผิดข้าล่ะ?”
“...”
“เขาซื่อบื้อจะตายท่านรู้ไหม เขาหาว่าข้าเป็นชู้กับลู่หาน ตลกสิ้นดี!”
“ปั๋วเสวียน...”
“ขอรับ?”
“พี่รู้ว่าลู่หานมิใช่เป้าหมายของคำพูดนั้น...”
“เอ่อ...”
“พี่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ทุกครั้งนะปั๋วเสวียน หากคราวหน้าชานเลี่ยจับซื่อชุนได้คาหนังคาเขา ครานั้นต่อให้มีพี่สิบคนก็มิอาจช่วยเจ้าได้...เข้าใจหรือไม่...”
“ท่านรู้...” ปั๋วเสวียนเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ากังวลเพราะไม่คิดว่าจะถูกจับได้
“สายข่าวในวังหลงมีอยู่ทั่วทุกสารทิศ ซื่อชุนยังเด็กเขามิรู้หรอกว่ากว่าจะมาถึงเจ้านั้นผ่านสายขององค์ชายห้าไปกี่คน...”
“สะ สายขององค์ชายห้า?”
“ก็เหมือนกับที่พี่ตามมาที่ตำหนักของเจ้า...”
“...”
“สายของพี่ก็ไปรายงานพี่เช่นกัน”
“!”
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
ถึงตอนแรกจะดื้อดึงไม่ยอมจากมา แต่เมื่อได้ก้าวเท้าวิ่งแล้วซื่อชุนก็วิ่งไม่หยุด ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง รู้เพียงแต่ว่าหลังจากที่กระโดดข้ามกำแพงมาแล้วก็ตั้งวิ่งต่อไปยังเส้นทางที่ลักลอบเข้ามา
“อั่ก!” เพราะมัวแต่จดจ่อกับทางออกมากเกินไปจนไม่ระวังภัย จู่ๆ ก็มีใครสักคนกระโดดมาขวางทางข้างหน้าจนซื่อชุนวิ่งชนเข้าอย่างจัง
...คนถูกชนเพียงแค่เซไปสองสามก้าว แต่คนสิหงายหลังหมดท่าเชียว...
“ตายล่ะ!” สบถออกมาด้วยความตกใจเมื่อรู้ถึงคราวซวยที่ถูกคนจับได้ ทรงตัวขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหนีไปอีกทางหากแต่ก็ถูกวงแขนของบุคคลไม่ทราบชื่อโอบรัดเอาไว้
“เฮ้ย!” กำลังจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแต่แสงสีเงินก็สะท้อนวามวับเข้ามาในม่านตาพร้อมกับความเย็นยะเยือกของสิ่งของปลายแหลมจ่อที่คอ
“อยะ อย่าฆ่าข้าเลยพี่ชาย ได้โปรดคุยกันดีๆ เสียก่อน...” พยายามทำใจดีสู้เสือเข้าไว้เมื่อถูกคนวรยุทธ์สูงกว่าสะกัดจุดจนขยับเขยื้อนไม่ได้
“เจ้าเข้ามาในวังเพื่อสิ่งใด” เสียงแหบห้าวดังขึ้นอยู่หลังใบหูจนซื่อชุนขนลุกซู่
...เสียงของชายผู้นี้ฟังดูน่ากลัวจับใจ...
แต่เอ...เสียงช่างคุ้นหูยิ่งนัก
“ขะ ข้าเพียงแต่เข้ามาหาพี่ชายที่ข้ารัก ขะ กำลังจะเป็นว่าที่พระ...”
“ชายใดก็ตามที่มิใช่พระสวามี หากลักลอบเข้าตำหนักพระชายามีโทษประหาร...”
“!”
“และตัวพระชายาเองี่ลักลอบพบชายอื่นก็อาจถูกเสียบหัวประจานเช่นกัน”
“ข้าจะมิทำแล้ว อย่าทำอะไรพี่ปั๋วเสวียนนะ!” เผลอร้องห้ามออกมาเพราะกลัวว่าคนที่ตนรักจะถูกหางเลขจากการกระทำสิ้นคิดของตน จนคนที่อยู่ด้านหลังถึงกับหลุดหัวเราะถึงความแน่วแน่ในรักของซื่อชุน
“พี่ชาย...ข้ายอมรับผิดที่ทำเช่นนี้ ขอเพียงพี่ชายปล่อยข้าไป ชาตินี้ข้าจะมิลืมบุญคุณ”
“เหลวไหล!” เสียงดุดันตวาดลั่นจนคนฟังใจฝ่อ ซื่อชุนร้องหาพ่อแม่ในใจนึกถึงคุณความดีที่ตนได้ทำ ขอพรเพื่อให้ตนรอดวันนี้ไป
แต่..แต่ซื่อชุนแทบไม่เคยทำความดีใดๆ เลยนอกเสียจากรักพี่ปั๋วเสวียนด้วยใจมั่น...อย่างนี้ก็ไม่รอดน่ะสิ!?
“บุญคุณเอาไปทำอะไรได้ เจ้าคิดว่ามือปราบอย่างข้าควรรับไว้งั้นหรือ”
“งั้นข้าจะยอมทำตามที่ท่านขอทุกอย่าง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย หากท่านบอกว่าบุญคุณไม่มีค่า ชีวิตของข้าก็เช่นกัน อย่างเสียงแรงล้างเลือดข้าที่ปลายมีดท่านเลยพี่ชาย ปล่อยข้าไปเสียเถิด” คนฟังกลั้นขำแทบตายกับประโยคที่ได้ยิน เห็นซื่อชุนเป็นคนใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้ แต่พอถึงคราวจนตรอกกลับมีวาจาแพรวพราวเสียจริง
“ทำทุกอย่างนั้นหรือ?” ซื่อชุนเม้มปากเน้นพลางตอบรับโดยเร็วเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจไม่รับข้อเสนอเสียก่อน หากแต่ในหัวก็พยายามนึกคิดว่าเสียงที่ได้ยินนั้นช่างคุ้นเป็นอย่างมาก เหมือนเคยได้ยินแต่ก็นึกไม่ออกว่าได้ยินจากที่ใด
“สมัครเป็นผู้สืบเชื้อสายเสียสิ” คำตอบที่ได้รับทำเอาซื่อชุนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ บ้าไปแล้วหรือไง? ใครกันจะไปลงสมัครตำแหน่งเช่นนั้นกัน เขาอยากมีเมียมิได้อยากเป็นเมียใคร!
“หากไม่ตอบรับก็เตรียมตัวตาย” ไม่พูดเปล่าแต่ปลายแหลมของมีดพกก็เริ่มกดแน่นขึ้นที่คอขาวของซื่อชุนจนแทบสำลัก
“ว่าอย่างไรไอ้น้องชาย...” เอ่ยถามพลางผ่อนแรงกดลงเพื่อให้อีกฝ่ายได้หอบหายใจก่อนตอบ
“ได้!” ตอบอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายคงพูดจริง หากไม่รับปากก็คงจบชีวิตทั้งทียังไม่ได้ครอบครองพี่ปั๋วเสวียนเลยน่ะสิ!
ก็แค่ตอบรับมันจะไปยากอะไร
ตอบไปก็ใช่ว่าจะโป้ปดมิได้...
“ดี...ข้าจะปล่อยเจ้าไป แล้วอย่าริอาจลักลอบเข้าวังอีก มิเช่นนั้นต่อให้เจ้ายกคำอ้อนวอนมาร้อยประโยค ข้าก็จะฆ่าเสียตั้งแต่ประโยคแรก!” เปล่งวาจาหักแน่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะคลายจุดให้เด็กหนุ่มตรงหน้า พริบตาดียวเท่านั้น ยังไม่ทันที่ซื่อชุนจะได้ตั้งตัวดีนัก บุคคลลึกลับผู้นั้นก็หายวับไปกับสายลม
“แฮ่กๆ...” ยกมือกำรอบคอเพราะรู้สึกเจ็บแสบไปหมด พลางนึกทวนถึงน้ำเสียงที่แสนคุ้นหู เขาแน่ใจว่าเคยได้ยินเสียงของคนผู้นี้มาก่อน คิดไปคิดมาไม่ทันไรใบหน้าของใครบางคนก็แทรกขึ้นมากะทันหัน
‘สมัครเป็นผู้สืบเชื้อสายเสียสิ…’
.
.
.
‘...เจ้าจะลงสอบคัดเลือกในปีหน้าหรือไม่...’
ใช่แล้ว! เจ้าของเสียงคุ้นหูต้องเป็นบุรุษผู้เดียวกับที่เขาเคยเจอเมื่อครั้งก่อนเป็นแน่! จำไม่ผิดแน่มีผู้เดียวเท่านั้นที่ถามคำถามประหลาดกับคนแปลกหน้า! บุรุษไม่ทราบชื่อผู้นั้นเป็นผู้ใดกัน!
❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀❀
พูดคุยกับหมาน้อย
ใครยังไม่รู้ว่าคนที่ถามน้องฮุนคือใครนี่พลาดมาก มีหลายคนรู้หมดแล้วนะคะ 555555 มีหลายคนถามเข้ามาเรื่องนี้น้องฮุนคู่กับใคร...จะบอกยังไงดีล่ะ คือเอาเป็นว่าโฟกัสที่ชานแบคดีกว่าเนาะ
ขอโทษที่หายไปเป็นอาทิตย์เลยนะคะ พอดีว่าสอบวันนึงอีกวันนึงทำงานสลับไปไม่มีเวลาเหลือให้นั่งเค้นฟีลปั่นฟิคเลยค่ะ แต่ตอนนี้ว่างแล้วน้า จะพยายามไม่ให้ห่างไปนานๆ อย่างนี้อีกค่ะ
กลีบหน้าองค์ชายห้าเขาจะเริ่มสอนน้องป๋ายแล้วนะ อยากรู้จังว่าคนหื่นเงียบแบบชานเลี่ยะทำอะไรน้องป๋ายบ้าง! ฮิ้ววววววว~
ขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคนมากๆ นะคะ เห็นแล้วมีแรงฮึดเสมอเลย #อริร้ายชานแบค
S Y D N E Y `

นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ผิดจริงๆ ผิดมากด้วย คนใจร้ายที่หลงรักคนซน แต่คนซนไม่สนใจเลย
แต่ชานแบคเมื่อไหร่แกจะดีกันนนน ทั้งๆที่มีใจให้กันแต่ไม่ยอมรับซะนี่ อีกคนก็ปากแข็งปากหนัก ระวังจะเสียคนที่รักไป
เชียร์ฮุนฮานไม่ได้หรอคะ สงสารนางจริง ๆ T T
ทำใจไคฮุนไม่ได้อ่ะ เพราะเราเมนคยองซูอ่ะ
พลีสสสสสสสส ~ ยังลุ้นอยู่นะ เพราะลู่อยู่ใกล้ฮุนกว่ารึเปล่า