ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ++ สำนักงานของเชอร์ล็อค ++

    ลำดับตอนที่ #119 : เลือดเป็นของหวาน---

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 174
      0
      13 ก.พ. 61

    Anastasia’s Diary

    If you’re ready, Let’s start the story: )



    Red is the ultimate cure for sadness.

    -สีแดงคือการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับความเศร้า-

    -Bill Blass



    -Redlism-

    ฉันชอบสีแดงนะ.... แต่ชีวิตของฉันมันคงจะเหมือนสีมอๆจนเกือบดำเสียมากกว่า

    แต่ฉันก็ไม่เสียใจหรอก! เส้นทางดำมืดมันจะไปน่าหวาดหวั่นอะไรในเมื่อฉันมีปีกของฉันแล้ว

    ปีกที่ฉันต้องการมาตลอดชีวิต ปีกที่ฉันเรียกมันว่า อิสระ

    เพราะฉันมีปีก ดังนั้นฉันจะบินไปที่ไหนก็ได้ คนแบบนั้นน่ะ... ฉันไม่ต้องการหรอก

    -Volcano-

    เมื่อก่อน... เวลาฉันโกรธใครๆก็ชอบบอกว่าอารมณ์โกรธแสดงออกมาจากสีหน้าของฉัน

    ในตอนนั้นฉันคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะฉันไม่ใช่คนเสแสร้งยังไงล่ะ

    แต่ฉันคิดผิด! สิ่งที่ฉันเรียนรู้เมื่อฉันโตขึ้นคือการซ่อนความรู้สึกโกรธที่ใกล้จะปะทุเอาไว้

    เก็บภูเขาไฟเอาไว้ในใจ แล้วนับถอยหลังรอเวลาที่จะปล่อยให้มันระเบิดออกมา

    -That’s what I am-

    คนเราเลือกเกิดไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ใช่! ฉันก็เหมือนกัน

    ฉันไม่ใช่คนเลือกที่จะเกิด ไม่ใช่คนเลือกครอบครัว ไม่ใช่คนเลือกอะไรสักอย่างเลย

    เพราะในอดีตฉันคือคนที่ยอมจำนน ยอมก้มหน้ารับทุกอย่างด้วยความไม่เต็มใจ

    แต่ในตอนนี้.... ฉันมีปีกของฉันแล้ว ฉันมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่ฉันไม่เคยเลือกมาก่อนเลยในชีวิต

    ฉันคิดว่าตัวเองไม่ผิดนะที่จะเลือกเป็น เด็กมีปัญหา


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ bad boy red velvet gif

    ‘But in reality, Am I really choose it to be?’

    -แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันเป็นคนเลือกมันจริงๆงั้นหรือ-

    Anastasia C. Glendon

    Vs  Sexy Naughty Bitchy

    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ whistle blackpink gif

    I’m the kind of girl that girls don’t like

    ฉันคือคนที่เด็กผู้หญิงหมั่นไส้

    I’m the kind that boys fantasize

    ฉันคือคนที่เด็กผู้ชายหลงใหล

    I’m the kind that your momma and your daddy were afraid you’d turn out to be like

    ฉันคือคนที่พ่อและแม่ของเด็กผู้หญิงพวกนั้นกลัวว่าพวกเขาจะทำตาม

    I may seem unapproachable but that’s only to the boys who don’t have the Right a approach or ride that makes a girl like me wanna hop in and roll

    ฉันอาจจะดูเข้าถึงไม่ได้ แต่นั่นมันก็เป็นกับเฉพาะพวกผู้ชายซังกะบ๊วย ห่วยแตก ที่ผู้หญิงอย่างฉันจะไม่เอาไปทำพันธุ์!!

    .

    I pick all my skirts to be a little too sexy

    ในตอนที่ฉันถกกระโปรงขึ้นมันก็ทำให้ฉันดูเซ็กซี่อยู่หน่อยๆ

    Just like all of my thoughts they always get a bit naughty

    เหมือนกับความคิดของฉันนั่นแหละที่มันค่อนข้างที่จะซุกซน

    When I’m out with my girls I always play a bit bitchy

    เวลาที่ฉันออกไปกับเพื่อนฉันก็เล่นทำตัวแรงๆนิดหน่อย

    Can’t change the way I am sexy naughty bitchy me

    แต่เปลี่ยนแปลงตัวฉันไม่ได้หรอกนะ เซ็กซี่ ซุกซน แสบทรวง นี่แหละ ฉัน

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    Anastasia is: Resurrection. One who will be reborn.

    Famous bearer: 4th-century martyr St Anastasia.  

    Anastasia, famous daughter of Tsar Nicholas lI,

    last emperor of Russia, who many believe survived

    the 1918 massacre of her family.

    Glendon is:

    From the

    dark glen.

    APPLICATON

     

     

    “If I were you, I wouldn’t do like this : )

    “Ok. It’s time to have fun, remember that you can't control me!”

    .

    ในเมื่อชีวิตนี้เป็นของฉัน การที่ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่ใช่เหรอ?”

    ไม่เอาน่า... อยู่เฉยๆมันจะไปสนุกอะไรกันล่ะ ทำตามที่ฉันบอกซะแล้วจะได้เห็น อะ - ไร สนุก -สนุก : )

    เหอะ ถ้าคิดว่าน้ำหน้าอย่างนายจะทำให้ฉันยอมเชื่อฟังได้ล่ะก็.... ฉันว่านายกำลังคิดผิดอย่างแรงเลยล่ะ

     

    คู่ของคุณ : ซาคามากิ เรย์จิ

     

    ชื่อ || นามสกุล  : อนาสตาเซีย ซี. เกลนดอน / อนาสตาเซีย เกลนดอน / ฮารุฮิโระ โชว | Anastasia C. Glendon / Anastasia Glendon / Haruhiro Cho } อนึ่ง. ชื่อที่เน้นหนาไว้คือชื่อที่เธอใช้ในปัจจุบันค่ะ

    *ชื่อเล่น : แอน | Ann

                Meaning of her name.

    v Anastasia } การคืนชีพ – Reborn

    v Glendon } จากหุบเขาอันมืดมิด – From the darkness huge

    Anastasia Glendon } การคืนชีพจากหุบเขาอันมืดมิด – The man who reborn from the darkness huge.

    v Haruhiro } ฤดูใบไม้ผลิ – Spring

    v Cho } ผีเสื้อ – Butterfly

    Haruhiro Cho } ผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ – The spring’s butterfly.

                                       

    เชื้อชาติ : แคนาดา

     

    อายุ : 17 ปี

     

    ชั้นปี : ม.ปลายปี 2

     

    ลักษณะหน้าตาและรูปร่าง : อนาสตาเซีย เกลนดอน คือเด็กสาวเจ้าของความงดงามน่าหลงใหลอันเป็นตัวอย่างของสตรีผู้ครอบครองความสามารถในการดึงดูดสายตาจากผู้คนรอบกายได้เป็นอย่างดี รูปลักษณ์งดงามอันประจักษ์ได้ด้วยสองตาทำให้สมยานาม เจ้าหญิง หรือ เทพธิดาที่ได้มาไม่เกินจริงแต่อย่างใด ในชั้นแรกนั้นอนาสตาเซียคือเด็กสาวเจ้าของวงหน้างามล้ำอย่างที่สุด เครื่องหน้าเหมาะเจาะลงตัวนั้นเป็นอันประกอบด้วยคิ้วโก่งดังคันศรซึ่งเรียงตัวเป็นเส้นสวยอยู่บนหน้าผากกลมมน ถัดลงมาคือแพขนตางอนยาวโดยธรรมชาติขับความหวานล้ำปานน้ำผึ้งให้กับดวงหน้างดงามและดวงตาเรียวรีส่องประกายสีแมรีโกลด์ นัยน์เนตรคู่งามสีสันแปลกตานั้นมักวาววับเป็นประกายไม่ต่างจากดวงดาวพริบพราวบนนภากาศยามค่ำ หากทว่าประกายนั้นกลับคล้ายผู้ล่าหรือใครสักคนที่เฝ้ารอคอยความหฤหรรษ์อยู่เสมอ ถัดจากดวงตาคือจมูกโด่งคมเป็นสันสวยราวกับรูปสลักอย่างคนที่มีเชื้อสายความเป็นยุโรปไหลเวียนอยู่ในร่างกาย จมูกเล็กของอนาสตาเซียนั้นได้รูปสวยเป็นทรงหยดน้ำทั้งยังมีปลายที่เชิดขึ้นเล็กน้อยอย่างถือดีบ่งบอกถึงบุคลิกอันโดดเด่นของเจ้าหล่อนได้เป็นอย่างดี ถัดจากปลายจมูกสวยนั้นไล่เรื่อยมาจนถึงริมฝีปากเรียวบางสวยได้รูป อวบอิ่มทั้งยังซับสีระเรื่อจนเรียกได้ว่าเป็นริมฝีปากที่ชวนให้ประทับจุมพิตแผ่วเบาลงบนกลีบปากบาง พวงแก้มนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของเจ้าตัวซับสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดี ความงดงามที่มีสีสันไม่จืดชืดขับเน้นให้เด็กสาวดูน่ามองมากขึ้นไปอีก ใบหน้างามที่จะมองว่าหวานก็ไม่ใช่สวยคมก็ไม่เชิงนั้นถูกล้อมกรอบด้วยเส้นผมยาวสลวยถึงกลางแผ่นหลังสีชมพูอมส้ม เรือนผมเงางามจนชวนให้นึกถึงแพรไหมเนื้อดีเนื่องด้วยถูกเจ้าของบำรุงดูแลอย่างดีนั้นหยักศกเล็กน้อย ตามธรรมชาติทั้งยังนุ่มมือไม่ต่างจากขนแมว อนาสตาเซียตัดหน้าม้าสไลด์ปิดหน้าผากสวยซึ่งช่วยขับให้เจ้าหล่อนดูอ่อนเยาว์ลงไม่ต่างจากดอกไม้แรกแย้ม ผิวกายขาวนวลออตาเป็นสีน้ำนมของเด็กสาวเจ้าของชื่ออนาสตาเซียนั้นเนียนละเอียดจนน่าสัมผัสทั้งยังอมชมพูอยู่น้อยๆและเจือด้วยกลิ่นอ่อนๆของโลชั่นที่เจ้าหล่อนชอบใช้ มันเป็นกลิ่นดอกกุหลาบที่มักจะลอยรัญจวนแตะปลายจมูกของคนรอบกายทุกเมื่อในยามที่อยู่ใกล้หรือในตอนที่เธอย่างกรายผ่าน ในชั้นถัดมาหากจะกล่าวถึงรูปร่างของอนาสตาเซียแล้วผู้พบเห็นก็คงจะกล่าวได้แต่เพียงว่าเจ้าหล่อนเป็นคนที่รูปร่างดูดีไม่แพ้ใคร แขนและท่อนขาของเธอนั้นยาวเรียวทว่าไม่ได้ดูเก้งก้างเหมือนแท่งตะเกียบแต่อย่างใด เอวของเด็กสาวคอดกิ่วรับกับสะโพกกลมสวยที่ผายออกรับกันเสริมให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนบนรูปร่างที่มีลักษณะคล้ายกับนาฬิกาทราย หน้าอกหน้าใจของอนาสตาเซียนั้นแม้จะไม่ได้ใหญ่โตชวนน้ำลายหกแต่ทว่าก็ไม่ได้เล็กจนเกินไปนัก ความพอดิบพอดีที่จัดวางบนร่างกายของเจ้าหล่อนอย่างเหมาะเจาะนั้นเองที่เสริมสร้างความเป็นสตรีเพศของเธอให้เด่นชัดออกมา หน้าท้องของเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีแบนราบไร้ไขมันส่วนเกินจนน่าอิจฉานอกจากนั้นยังมองเห็นลอนกล้ามจางๆเป็นรูปตัววีสวยได้รูปอย่างคนออกกำลังกายและเล่นกีฬา ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูบึกบึนเหมือนกับผู้ชายแต่อย่างใด กลับกันเสียอีกที่ลอนกล้ามอ่อนๆกลายเป็นตัวเพิ่มความเซ็กซี่ของเจ้าหล่อนออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ และแม้อนาสตาเซียจะไม่ได้สูงใหญ่ไหล่กว้างเหมือนอย่างชาวต่างชาติทั่วไปด้วยสายเลือดเอเชียเกือบครึ่งในร่างกายแต่ส่วนสูง 172 เซนติเมตรก็ทำให้เด็กสาวดูประเปรียวไม่ต่างจากนางแบบชั้นแนวหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนสูงที่จัดว่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกันของอนาสตาเซียนั้นสมดุลกับน้ำหนัก 56 กิโลกรัมซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมไม่ได้อ้วนจนเกินไปหรือว่าผอมจนเกินงาม

     

    ลักษณะนิสัยใจคอ : 

              หากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว อนาสตาเซีย ซี. เกลนดอน ก็เป็นเด็กสาวเจ้าเสน่ห์ที่มีหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง แต่ทว่าหากลองได้ใกล้ชิดหรือทำความรู้จักกับเจ้าตัวแล้วก็พอจะทราบได้ว่านิสัยใจคอของเจ้าหล่อนนั้นแตกต่างกับหน้าตาสวยๆอย่างสิ้นเชิง ในประการแรกนั้นอนาสตาเซียไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยเหมือนอย่างที่กุลสตรีพึงจะมี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะกระโดกกระเดกหรือเป็นม้าดีดกะโหลกจนน่าเกลียดแต่อย่างใด เธอเพียงแค่ไม่ใช่สาวน้อยหวานจ๋าที่เรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้วดุจผ้าพับไว้ก็เท่านั้น และเพราะตัวเองไม่ใช่คนเรียบร้อยนั่นแหละทำให้อนาสตาเซียพาลอคติไปกับพวกผู้หญิงเรียบร้อย แม่พระแสนดี หรือคนที่มักจะยอมคนอื่นอยู่เสมอ

     อนาสตาเซียขึ้นชื่อเรื่องความแสบสัน ซน ซ่า ชนิดที่คุณคาดไม่ถึงเชียวล่ะ อนาสตาเซียมักจะทำอะไรตามใจตัวเองอย่างที่ไม่ค่อยคิดถึงคนอื่นสักเท่าไหร่นัก อยากจะทำอะไรก็ทำขอแค่เป็นสิ่งที่ตัวเองพอใจก็ถือว่ามากพอแล้ว นอกเหนือไปกว่านั้นอนาสตาเซียยังชอบอะไรก็ตามที่เจ้าตัวเรียกมันว่า เรื่องสนุกๆ และเพราะความชอบจนอยู่ในระดับเกือบๆจะคลั่งไคล้นั้นเองที่ทำให้เธอทำทุกอย่างเพื่อจะแลกกับความหรรษาของตัวเองโดยเฉพาะการแกล้งคนอื่นนี่แหละที่อนาสตาเซียโปรดปรานมันมากเป็นพิเศษ เธอไม่แคร์ว่ามันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนสักเพียงใด ดังนั้นหากจะเปรียบเทียบนิสัยของเธอกับใครสักคนก็คงจะเหมือนกับ ฮาร์ลีย์ ควินน์ กระมัง แต่ก็ต้องขอกล่าวไว้ก่อนว่าแม้อนาสตาเซียจะเป็นพวกขี้แกล้งแต่เธอก็ไม่ได้แกล้งคนอื่นพร่ำเพรื่อ เด็กสาวจะแกล้งก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าคนๆนั้นน่าแกล้งเท่านั้น แต่เนื่องด้วยเจ้าตัวเองก็อารมณ์แปรปรวนๆขึ้นๆลงๆอยู่ตลอด ดังนั้นหากวันไหนเธอรู้สึกเบื่อขึ้นมาก็อาจจะลุกขึ้นมาแกล้งใครสักคนเป็นการแก้เบื่อก็เป็นได้

    นอกเหนือจากนิสัยขี้แกล้งของเจ้าหล่อนแล้วอนาสตาเซียยังเป็นเด็กสาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่ต่างจากสุนัขจิ้งจอก การพูดจากลับกลอก โกหกกะล่อนไปเรื่อยคือสิ่งที่เด็กสาวถนัดพอๆกับการแกล้งคนเชียวล่ะ คำพูดคำจากลิ้งกลอกไปมาไม่ต่างจากน้ำกลิ้งบนใบบอนนั้นมีพลังมากพอที่จะทำให้คู่สนทนารู้สึกไขว้เขวเชียวล่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเอาแต่โกหกไปเรื่อยหรอกนะเพราะในเวลาปกติอนาสตาเซียก็เป็นแค่เด็กสาวพูดจาตรงไปตรงมาคนหนึ่งที่คิดอะไรก็มักจะพูดออกมาอย่างนั้น นึกจะพูดอะไรบางทีก็พูดโพล่งออกมาแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน แล้วก็ไม่ค่อยจะใส่ใจกับความรู้สึกของคนอื่นสักเท่าไหร่นักทำให้หลายๆคนก็เจ็บช้ำน้ำใจกับนิสัยส่วนนี้ของเธออยู่พอสมควร และอย่างที่บอกไปแล้วว่าอนาสตาเซียเป็นเด็กเจ้าเล่ห์มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าตัวจะเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและมันสมองอันชาญฉลาดมากพอจะรู้เท่าทันคนอื่น เพราะตัวเองก็เป็นคนโกหกและแสดงละครเก่งคนหนึ่งมันจึงไม่ใช่เรื่องยากในการจับโกหกหรือจับพิรุธคนอื่น อนาสตาเซียไม่ใช่เด็กหัวอ่อนที่จะปล่อยให้ใครๆมาจูงจมูกตัวเองไปได้ง่ายๆเพราะไหวพริบของเธอมันก็มีมากพอๆกับความเจ้าเล่ห์นั่นแหละ เธอสามารถรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณรวมไปถึงการสังเกตเล็กๆน้อยๆว่าใครจะมาดีหรือมาร้ายเพียงแต่เธอจะพูดมันออกมารึเปล่าก็เท่านั้น เพราะการตีเนียนทำเป็นตามน้ำแล้วค่อยกระชากหน้ากากเปิดโปงออกมาทีหลังก็เป็นเร่องที่เจ้าตัวชื่นชอบเอามากๆเหมือนกัน

    ว่ากันตามตรงแล้วอนาสตาเซียไม่ใช่ผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีสักเท่าไหร่ เด็กสาวมองโลกในแง่ที่มันสามารถเป็นไปได้เสียมากกว่า ไม่ได้มองว่าอะไรดีไปเสียหมดจนเป็นสีขาวแต่ก็ไม่ได้มองว่ามันดำมืดจนกลายเป็นสีดำ โลกของอนาสตาเซียจึงกลายเป็นโลกสีเทาหม่นๆที่มีทั้งเรื่องดีและร้ายปะปนกันไปเสียมากกว่านอกเสียจากว่าเธอจะไม่สามารถแบกรับมันไหวจริงๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ในบางครั้งอนาสตาเซียก็สามารถปรับตัวและทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่าคนอื่นๆ เพียงแต่สีเทานั้นก็ค่อนไปทางสีดำมากกว่าจะเป็นสีขาว นั่นเป็นเรื่องจริงที่ต้องยอมรับว่าแม้จะไม่ใช่คนที่มองอะไรยึดติดมากนักแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองมันในแง่ร้ายไว้ก่อนตามประสาคนไม่ค่อยไว้ใจอะไรง่ายๆ เจอเรื่องราวมามากมายและผ่านโลกมาเยอะพอสมควร

    นอกเหนือไปจากประเด็นนิสัยแสบ ซน ซ่าของอนาสตาเซียแล้วในประการถัดมาเด็กสาวก็เป็นคนที่ได้ชื่อว่าอารมณ์แปรปรวนเอาเรื่อง อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างยากที่จะคาดเดาของเจ้าหล่อนนั้นเปรียบได้กับสายน้ำไหลเชี่ยวดีๆนี่เอง ในบางเวลาก็อารมณ์ดีๆเป็นปกติแต่พริบตาก็กลายเป็นเบื่อโลกไปเสียอย่างนั้นทำเอาคนรอบข้างถึงกับปวดประสาทกันไปเป็นแถบๆ แต่ทว่าแม้อารมณ์ของอนาสตาเซียจะแปรปรวนง่ายสักเพียงใดแต่ก็มีน้อยครั้งนักที่เจ้าตัวจะแสดงอารมณ์โกรธที่เป็น อารมณ์โกรธจริงๆออกมาให้ใครเห็น เพราะส่วนมากเจ้าตัวก็มักจะเพียงแค่หงุดหงิดไปตามประสาแล้วพอเวลาหงุดหงิดก็มักจะคันปากหาเรื่องจิกกัดคนอื่นเสียมากกว่า แต่ถ้าถามว่าอนาสตาเซียในเวลาโกรธเป็นอย่างไรก็จะพูดได้เพียงว่าเธอเป็นเด็กสาวที่โกรธแล้วน่ากลัวไม่ต่างกับปีศาจคนหนึ่ง ในคราแรกอารมณ์โกรธเหล่านั้นจะถูกระงับเอาไว้ภายในใจด้วยความอดทนอันน้อยนิดที่เจ้าตัวมีอยู่ แต่ถ้าหากว่าความอดทนนั้นหมดลงเมื่อไหร่อารมณ์เกรี้ยวกราดที่รุนแรงนั้นก็พร้อมจะโหมพัดทำลายคนรอบข้างได้ทุกเมื่อไม่ต่างภูเขาไฟปะทุเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่โกรธนั้นอนาสตาเซียจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับคนคลุ้มคลั่งคนหนึ่ง เพราะเธอก็ไม่ค่อยจะมีสติสักเท่าไหร่นักราวกับว่าสติสัมปชัญญะและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้ถูกเปลวเพลิงแห่งความโกรธกลืนกินไปเสียสิ้น ดังนั้นทางที่ดีอย่าไปกระตุกหนวดเสือด้วยการทำให้เธอโกรธจะดีกว่า

    ประการถัดมาที่ควรรู้เกี่ยวกับอนาสตาเซียคือเด็กสาวเป็นคนกวนประสาทอยู่พอตัว นอกจากคำพูดที่ตรงจนแทงใจดำคนฟัง คำพูดโกหกจนยากจะแยกออกว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริงเรื่องไหนคือเรื่องโกหกแล้วก็มีคำพูดกวนประสาทและคำพูดจิกกัดจนคนฟังต้องเจ็บนี่แหละที่อนาสตาเซียถนัดแบบสุดๆ ยิ่งถ้าเป็นคำพูดจิกกัดแล้วหากมันหลุดออกมาจากปากของเจ้าตัวมันก็ยากที่อนาสตาเซียจะหยุดลงง่ายๆ แต่นิสัยในส่วนนี้ของอนาสตาเซียนั้นไม่ค่อยแสดงออกมาเท่าไหร่นักนอกเสียจากว่าเจ้าหล่อนจะเจอกับคนที่ไม่ถูกชะตาจริงๆหรือว่าอยู่ในช่วงที่กำลังหงุดหงิด ซึ่งอาการกวนประสาทของเจ้าตัวก็มีมากมายทีเดียวแล้วแต่ว่าเจ้าตัวจะเลือกใช้วิธีไหน เป็นต้นว่าลอยหน้าลอยตาใส่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนใส่ พูดตามที่อีกฝ่ายพูดบ้าง ล้อเลียนอีกฝ่ายบ้าง พูดจากวนๆวกไปวนมาใส่บ้างทำเอาคู่สนทนาถึงกับส่ายหน้าไม่ขอปริปากพูดด้วยอีกเป็นครั้งที่สอง และหากพูดถึงคนประเภทที่อนาสตาเซียไม่ถูกชะตาแล้วมันก็หาได้ง่ายๆทั่วไปแบบไม่มีกฎเกณฑ์คือมองหน้าใครแล้วรู้สึกว่าไม่ชอบขี้หน้าแล้วก็คือคนนั้นแหละ (แน่นอนว่าเรย์จิก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ----)

    และอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าอนาสตาเซียเป็นเด็กสาวที่มีหน้าตาสะสวย ทั้งรูปร่างก็ยังงดงามไม่แพ้อิสสตรีคนไหน ซึ่งเจ้าตัวก็เหมือนจะรับรู้ความจริงในข้อนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อนาสตาเซียจะรู้จักเสน่ห์ของตัวเองและรู้จักที่จะนำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อนาสตาเซียรู้ตัวดีอยู่เสมอว่ามุมไหนตัวเองถึงจะสวยที่สุด รวมถึงรู้ด้วยว่าต้องทำอย่างไรถึงจะดูสวย ดูขี้อ้อน ดูน่าสงสารหรือน่าเห็นใจมันจึงกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่อนาสตาเซียจะใช้ความสวยของตัวเองในการหลอกใช้คนอื่นรวมไปถึงยืมมือให้ทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้ นอกจากนั้นแล้วเด็กสาวที่รู้จักเสน่ห์ของตัวเองดียังเป็นคนขี้ยั่ว แถมยังขี้อ่อยเสียด้วย ในความหมายนี้ไม่ได้หมายถึงกิริยาท่าทางเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงคำพูดและการแต่งกายในบางเวลาของเจ้าหล่อนด้วย นิยามง่ายๆก็คงไม่พ้น ผีเสื้อกลางคืนที่มักจะบินล่อตาล่อใจ ทำเหมือนให้ความหวังแล้วจากไปอะไรทำนองนั้น ดังนั้นการจะหักหน้าความมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองของแม่ผีเสื้อกลางคืนคนนี้ก็เห็นจะมีแต่การเมินเฉยและไม่สนใจเท่านั้นแหละ

    ว่ากันตามตรงแล้วอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับเด็กสาวที่ชื่ออนาสตาเซียก็คือหากตัดคำพูดคำจากวนประสาท จิกกัดหรืออะไรใดๆออกไปแล้วเจ้าตัวก็เป็นคนน่าคบคนหนึ่ง อาจเพราะเป็นคนอัธยาศัยดีก็เป็นไปได้ อนาสตาเซียไม่ใช่คนเรื่องมากอย่างการถือตัวไม่เข้าหาใครก่อน บ่อยครั้งที่เจ้าหล่อนเป็นคนเปิดบทสนทนาเองเสียด้วยซ้ำ เพราะในเวลาที่เธออารมณ์ดีก็บอกได้เลยว่าดีจนใจหายเลยล่ะ เด็กสาวไม่มีปัญหาหากจะต้องถูกรุมล้อม อยู่ร่วมกับคนหมู่มากหรือตกเป็นเป้าความสนใจ กลับกันเธอกลับชอบมันเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าความอัธยาศัยดีนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่เพราะถึงแม้จะสามารถคุยกับเธอได้ หัวเราะไปกับเธอได้แต่ก็น้อยคนนักที่จะได้รับความไว้ใจจากอนาสตาเซีย เด็กสาวไม่ใช่คนที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาง่ายนัก นอกเสียจากว่าจะเป็นคนที่เธอถูกชะตาด้วยจริงๆนั่นก็ถือเป็นข้อยกเว้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีคนสนิทหรือคนที่ไว้ใจมากพอจะแชร์ความลับให้กันได้อยู่เพียงไม่กี่คน แต่เพราะมีคนเหล่านั้นอยู่เพียงไม่กี่คนนั่นแหละที่ทำให้อนาสตาเซียค่อนข้างที่จะเอาใจใส่พวกเขามากอยู่พอสมควร เรียกได้ว่าถ้าหากเธอไว้ใจใครหรือเปิดใจรับใครเข้ามาแล้วก็พร้อมที่จะให้ใจของตัวเองกลับไปเต็มร้อยเช่นกัน ดังนั้นเพราะคาดหวังกับความสัมพันธ์ไปแทบจะเต็มที่ทำให้สิ่งที่อนาสตาเซียเกลียดที่สุดก็คือการหักหลังนั่นเอง ถ้าหากโดนมันกับตัวแล้วก็สุดแต่จะเดาว่าเธอจะทำเป็นเมินเฉยคนๆนั้นไปอย่างไปอย่างไม่ใยดีหรือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหรือจิตตกหดหู่ไปเลยกันแน่ แต่ที่แน่นอนก็คือถ้าหากเธอโดนหักหลังแล้วเธอก็ใจแข็งมากพอที่จะตัดความสัมพันธ์นั้นทิ้งแล้วไม่กลับไปให้ความสนใจกับคนๆนั้นอีกแม้จะเคยรู้จักกันมานานก็ตาม

    นิสัยที่จะกล่าวถึงในประการถัดมาของอนาสตาเซียคือนิสัยยอมหักแต่ไม่ยอมงอของเจ้าตัว โดยเฉพาะการถูกดูถูก เหยียดหยามหรือหาเรื่องแบบไม่มีเหตุผล เรียกได้ว่าถ้าหากมีคนร้ายมาเจ้าตัวก็จะร้ายกลับไปเป็นสิบเท่าจนใกล้เคียงกับคำว่าเจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่กลายๆ นอกจากนั้นแล้วหากเรื่องไหนที่อนาสตาเซียคิดว่าตัวเองไม่ผิดแล้วก็จะไม่ยอมก้มหัวขอโทษหรืออ่อนลงให้ง่ายๆเด็ดขาดแม้เรื่องนั้นตัวเองจะเป็นคนผิดจริงก็ตาม อนาสตาเซียจะเรียกว่าเป็นเด็กดื้อคนหนึ่งก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะนอกจากจะดื้อแล้วเด็กสาวก็ยังแอบเอาแต่ใจอยู่ลึกๆ ถ้าหากว่าไม่เห็นด้วยกับอะไรแล้วก็จะไม่ยอมลงเอาง่ายๆจนสุดท้ายแล้วมันก็บานปลายกลายเป็นเหตุให้มีการทะเลาะเบาะแว้งอยู่หลายครั้ง ที่สำคัญคืออนาสตาเซียเป็นคนรักศักดิ์ศรีและทระนงตนสูงลิบลิ่วติดเพดานจึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าตัวจะไม่ค่อยแสดงความอ่อนแอของตัวเองออกมาให้ใครเห็น นั่นจึงไม่ใช่เรื่องที่เธอยอมรับได้เท่าไหร่นักหากจะมีคนมาทำเป็นเหมือนเข้าอกเข้าใจหรือสงสารเธอ แม้เนื้อแท้จริงๆแล้วนั้นอนาสตาเซียจะโหยหาที่พักพิงมากเพียงใดก็ตาม

    แต่กระนั้นแล้วแม้ว่าอนาสตาเซียจะถูกจัดอยู่ในประเภทยอมหักไม่ยอมงอแต่ก็ใช่ว่าเธอจะแข็งกระด้างและขาดความอ่อนโยนไปซะทีเดียว เนื้อแท้แล้วอนาสตาเซียก็ยังมีใจที่จะให้ความสนใจหรือสังเกตสิ่งต่างๆของคนรอบตัวแล้วแอบคอยดูแลหรือช่วยเหลือพวกเขาอยู่เงียบๆ จะเรียกว่าเป็นการปิดทองหลังพระก็ได้อนาสตาเซียไม่เกี่ยงหรอก แล้วก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยตัวตนว่าเป็นคนช่วยเหลือเสียด้วย เพราะถึงแม้ว่าในเวลาปกติจะเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาแต่หากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอย่างการดูแลหรือสนใจคนอื่นแล้วอนาสตาเซียก็มักจะเฉไฉเอาปากออกห่างจากในไปเสียทุกทีไป เพราะไม่ชินที่จะต้องมายอมรับว่าใส่ใจคนอื่นอยู่นั่นเอง บวกกับคิดว่าคนอื่นคงติดภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีของตัวเองไปแล้วจะให้มายอมรับว่าคอยเป็นห่วงคนอื่นอยู่ห่างๆก็ฟังดูคล้ายข้อแก้ตัวอยู่ไม่น้อย เรื่องละเอียดอ่อนของอนาสตาเซียนั้นนอกจากเรื่องของการให้ความช่วยเหลือคนอื่นแล้วเห็นจะเป็นเรื่องของความรัก แท้จริงแล้วอนาสตาเซียก็พอจะรู้จักความรักอยู่บ้าง รู้ว่าอาการใจเต้นเมื่อได้อยู่ใกล้กับคนที่ชอบหรืออาการหึงหวงมันเป็นอย่างไรแต่ก็ไม่อยากที่แสดงมันออกไป ดังนั้นแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองชอบเขาแต่อนาสตาเซียก็จะยังคงทำซึนเดเระไปเรื่อย และในบางครั้งก็อาจจะออกอาการหงุดหงิดเมื่อถูกถามหรือเซ้าซี้เรื่องคนที่ชอบด้วย

    ประการสุดท้ายที่จะขอกล่าวถึงคือนิสัยเบื้องลึกของอนาสตาเซีย แม้นิสัยส่วนมากของเด็กสาวจะไม่ใช่นิสัยที่ดีนัก รวมไปถึงความมั่นอกมั่นใจในทุกๆการกระทำที่มักจะแสดงออกมาอยู่เสมอจนคนรอบข้างรู้สึกได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนิสัยเหล่านั้นก็เหมือนกับเกราะหนาชั้นที่ปกปิดความอ่อนแอที่ไม่มีใครรับรู้เอาไว้ภายใน อาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อสำหรับคนที่ดูเหมือนไม่แคร์ใครอย่างเด็กสาวคนนี้ แต่เนื้อแท้แล้วอนาสตาเซียก็เป็นแค่เด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เธออ่อนแอ เปราะบางและต้องการการยอมรับรวมถึงที่พักพิง เปรียบแล้วก็เหมือนกับนกปีกหักที่ต้องเผชิญฝ่าลมฝน แม้จะมีอิสระทว่าก็เป็นอิสระที่เจ็บปวดและไร้คนจะมาเข้าใจ แท้จริงแล้วอนาสตาเซียเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย มักจะเก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาคิดจนตัวเองคิดมากและหดหู่อยู่เป็นประจำ บ่อยครั้งที่อนาสตาเซียมักจะแอบไปร้องไห้คนเดียวเพราะรู้สึกแย่เกินกว่าจะทนได้ เมื่อนำมารวมกับอาการของ โรคซึมเศร้า ที่เป็นอยู่ด้วยแล้วความรู้สึกเหล่านั้นก็ยิ่งรุนแรงเข้าขั้นเลวร้าย อย่างการกลั่นแกล้งคนอื่นที่เจ้าตัวชอบนักชอบหนานั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันร้ายแรงแต่อย่างใด แค่ทำเพื่อความสนุกเท่านั้น แต่ถ้าหากเกิดเหตุการณ์เลยเถิดเกินกว่าจะควบคุมได้เข้ามาแม้จะแสดงอาการว่าไม่รู้สึกอะไรแต่ภายในใจของอนาสตาเซียกลับรู้สึกระส่ำระส่าย เจ็บปวดและสับสนเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้ ดังนั้นถึงแม้ภายนอกอนาสตาเซียจะทำเป็นเหมือนไม่แคร์อะไร ไม่ใส่ใจใครแต่ในความเป็นจริงเจ้าตัวกลับต้องแบกรับความเจ็บปวดเกินกว่าเด็กอายุสิบเจ็ดคนหนึ่งจะรับได้เอาไว้มากมายเหลือเกิน

     

    การพูดการจา : อนาสตาเซียเป็นผู้หญิงที่มีน้ำเสียงจัดว่าน่าฟังคนหนึ่ง ความสูงต่ำของน้ำเสียงที่ถูกกะเกณฑ์อย่างพอเหมาะพอดีในยามที่เจ้าตัวพูดมันออกมาชวนให้นึกถึงระฆังแก้วใสๆที่ถูกเคาะจนกลายเป็นท่วงทำนองอย่างไรอย่างนั้น อนาสตาเซียมักจะแทนตัวเองว่าฉันเสียมากกว่า นอกจากว่าคนที่คุยด้วยจะเป็นผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพก็จะเผลอแทนตัวเองว่าหนูโดยอัตโนมัติ และในบางครั้งก็อาจจะมีบ้างที่อนาสตาเซียเผลอหลุดคำสบถหรือศัพท์แสลงของวัยรุ่นอเมริกันออกมา สำหรับคู่สนทนาแล้วเด็กสาวไม่ค่อยชอบเรียกชื่อเท่าไหร่นักแม้ว่าจะจำชื่อได้ก็ตาม เธอมักจะเรียกว่าเธอในกรณีที่เป็นผู้หญิง และเรียกว่านายในกรณีที่เป็นผู้ชายเสียมากกว่า (แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่อายุเยอะสักหน่อยเธอก็ไม่ได้เรียกนายเรียกเธอเรื่อยเปื่อยนะ ก็เรียกคุณลุง คุณป้าแล้วแต่สถานการณ์ไป) ส่วนเรื่องของหางเสียงนั้นลืมไปได้เลยเพราะถ้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่เคารพแล้วกับคนอื่นๆอนาสตาเซียจะไม่เสียเวลาเอาหางเสียงไปใส่ให้รู้สึกกระดากตัวเองโดยเด็ดขาด

    ตัวอย่างการพูดของอนาสตาเซียในสถานการณ์ต่างๆ

    สถานการณ์ที่หนึ่ง : อนาสตาเซียในช่วงเวลาปกติ

                คิ้วโก่งสวยเลิกขึ้นน้อยๆพร้อมกับมุมปากอิ่มที่กระตุกสูงขึ้นเป็นรอยยิ้มหวานหยด รอยยิ้มที่คงจะมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ความหมายของมัน ว่าไง....เสียงหวานเจือสำเนียงอเมริกันเอ่ยเนิบนาบคล้ายจะเอ่ยเกริ่นนำนิทานเรื่องหนึ่ง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าเอว ยืนพิงสะโพกไปอีกทางจนมองเห็นรูปร่างงดงามชัดเจน ฉันอนาสตาเซีย ชื่อเต็มๆชื่ออนาสตาเซีย เกลนดอน ยาวเกินไปใช่มั้ยล่ะหล่อนหัวเราะผะแผ่ว เรียกฉันว่าแอนก็ได้นะ : )

                “หืม...เปลือกตาสีมุกที่ปิดลงอย่างคนดื่มด่ำในอารมณ์เพลงพลางโยกศีรษะน้อยๆนั้นค่อยๆเปิดขึ้น และเมื่อเห็นคู่สนทนาเจ้าตัวก็หัวเราะน้อยๆคล้ายจะตลกตัวเองอย่างไรชอบกล ขอโทษทีนะ พอดีว่าฟังเพลงเพลินไปหน่อยเลยไม่ทันเห็นน่ะสุ้มเสียงที่ฟังดูคล้ายทำนองหวานหูเอ่ยเรียบเรื่อยก่อนจะยื่นหูฟังข้างหนึ่งให้ด้วยรอยยิ้ม อยากจะลองฟังด้วยกันรึเปล่าล่ะ?”

                รอยยิ้มคลุมเครือพาดทับอยู่กับเรียวปากสีระเรื่อ พร้อมกันนั้นไหล่บางก็ไหวขึ้นน้อยๆอย่างไม่ใส่ใจกับอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า “nah… ไม่เอาน่าๆ...อนาสตาเซียเปล่งเสียงออกมา ถ้อยคำเชื่องช้าไม่ใช่เครื่องหมายบ่งบอกอารมณ์ของหล่อนที่ดีเอาเสียเลย นายอย่าทำหน้างอแบบนั้นสิ... นี่มันดูน่าสนุกออกจะตาย ไม่คิดอย่างนั้นเหรอ : )

                “หิวแล้วอ่ะ...สำเนียงอเมริกันที่เจืออยู่กับคำพูดในลำคอของเจ้าหล่อนได้ยินชัดเจนเมื่ออนาสตาเซียเอ่ยมันในยามท้องเริ่มร้องประท้วงหาอาหาร มือเรียวขาวยกขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบของตนนิดๆก่อนจะเงยหน้ายิ้มเผล่ราวเด็กๆ พาไปหาอะไรกินหน่อยซี่ ตอนนี้ฉันหิวจนจะกินสิงโตได้ทั้งตัวแล้วน้า

                เด็กสาวเจ้าของส่วนสูง 170 เซนติเมตรไหวไหล่ขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากอิ่มแต้มรอยยิ้มบางคล้ายจะบอกให้คู่สนทนาไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เองคุณป้าสบายใจได้นะคะ~”

                แว่วเสียงหัวเราะคิกคักมาจากเด็กสาวรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้างดงามประดับไปด้วยรอยยิ้มถูกอกถูกใจจนดวงตาส่องประกายระยับ สนุก... สนุกชะมัดเลย คิกคิกดวงตาสีแมรี่โกลด์วาววับยามจ้องมองไปยังคู่สนทนา มุมปากอิ่มยังคงมีรอยยิ้มในตอนที่แลบลิ้นสีชมพูออกเลียริมฝีปากสีแดงสด เธอก็ลองดูบ้างสิ เกมนี้น่ะ... สนุกน้า~~”

    สถานการณ์ที่สอง : อนาสตาเซียในช่วงเวลาโกรธ

                เฮ้ๆ...เสียงหวานนั้นทุ้มลงเล็กน้อยเนื่องด้วยอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ภายใน วงหน้าใสยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม หากทว่าดวงตาวาววับด้วยแววบางอย่างทำให้มันดูคล้ายรอยยิ้มอาบยาพิษ ยาพิษของเพชฌฆาตที่พร้อมจะสังหารเหยื่อ อย่าคิดว่าการที่ฉันปล่อยหรือไม่ทำอะไรจะแปลว่าฉันไม่สนใจเชียวนะ ถ้ายังไม่อยากเจอดีฉันขอแนะนำให้พวกนายหยุดทำอะไรโง่ๆซะนะ

                “What the heck!!?” แว่วเสียงหวานเอ่ยคำสบถแฝงสำเนียงอเมริกันเต็มเปี่ยม และแม้จะฟังไม่ออกแต่ก็สามารถรับรู้จากน้ำเสียงโดยไม่ต้องเพิ่งคนแปลเลยแม้แต่นิดว่ามันต้องไม่ใช่คำที่มีความหมายดีอย่างแน่นอน ชั่วแวบแรกที่รู้สึกคือความตกใจ แต่ในระยะเวลาถัดมาคืออารมณ์โกรธ โกรธจนเลือดในกายที่ไหลเวียนอยู่เดือดพล่านไปหมด นี่แกคิดว่าแกทำบ้าอะไรของแก!!” กำปั้นข้างหนึ่งเงื้อขึ้นอย่างเหลืออดเต็มที “Damn you!!!”

                ท่อนแขนเพรียวยกขึ้นกอดอก อนาสตาเซียเอียงคอไปด้านข้าง หล่อนเลิกคิ้วที่เริ่มกดลงต่ำขึ้นก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะเหอะเหอะในลำคอคล้ายจะกลบความไม่พอใจที่แล่นริ้วไปทั่วร่างกาย ขอโทษนะ แต่คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” ดวงตากลมโตหรี่ลงน้อยๆ เพียงเท่านั้นใบหน้างดงามก็ดูขึ้งเครียดขึ้นทันตา ให้เวลาสามสิบวินาทีสำหรับการตัดสินใจว่าจะทำยังไงเกี่ยวกับเรื่องบ้าๆพวกนี้ เลือกเอาแล้วกันว่าจะแถหรือไสหัวไป!”

                “Oh my gosh, what’s happening with that fucking there.” หัวคิ้วของเด็กสาวกดต่ำจนใบหน้าสวยขมวดมุ่นลงด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ลมหายใจอุ่นร้อนถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหวังระงับให้ใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความไม่พอใจเย็นลงบ้าง ร่างประเปรียวสูดลมหายใจเข้าลึกราวกับว่าอากาศเย็นๆที่สูดเข้าร่างกายจะดับความโมโหที่เริ่มก่อตัวจนใกล้ปะทุให้ดับลง แต่เมื่อรู้ดีว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ช่วยเหลืออะไรเด็กสาวจึงทำเพียงถอนหายใจยาวแล้วยกกำปั้นขึ้น นิ้วหนึ่งนิ้วชูขึ้นเด่นหราเป็นภาษากายแทนอารมณ์กรุ่นโกรธจนแทบระเบิดก่อนจะแผดเสียงออกมา ไปตายซะ!!!”

                มือเรียวขาวตบโต๊ะจนเกิดเสียงดังปัง อารมณ์โมโหที่พลุ่งขึ้นอยู่ในใจทำให้เด็กสาวไม่ได้สนใจฝ่ามือของตัวเองที่ขึ้นริ้วสีแดงเลยแม้แต่น้อย นัยน์เนตรคู่งามหรี่ลงทั้งยังวาววาบจนน่าขนลุก หุบปากที่กำลังจะพ่นเรื่องเน่าๆของแกซะ...เสียงหวานต่ำลงจนฟังดูคล้ายเสียงเย็นๆชวนเสียวสันหลัง สองมือกำแน่นจนสั่นระริก เล็บยาวจิกลงกับผิวเนื้อจนเกิดรอยและช้ำเลือด ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่ของฉัน และเธอก็ไม่เคยเป็น.... นี่คือคำสั่ง อย่าพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก!!”

    สถานการณ์ที่สาม : อนาสตาเซียในช่วงเวลาอารมณ์ดีมากกว่าปกติ

                เห...เสียงหวานลากยาวพร้อมกับคิ้วที่เลิกขึ้นน้อยๆ ใต้ท่าทางที่ดูไม่ใส่ใจอะไรนั้นคือดวงตาสีสวยที่กำลังพราวระยับด้วยความชอบใจพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในอกจนอดไม่ได้ที่จะระบายรอยยิ้มออกมากว้างๆให้สมกับความสุขที่ได้รับ เจ้านี่น่ะให้ฉันงั้นเหรอ... จริงๆนะ!?” อนาสตาเซียเผลอพูดดังขึ้นโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว ขอบคุณมากๆนะ!! จะรักษาอย่างดีเลยยยยย

                “ก็แค่อารมณ์ดีมากกว่าปกติ... ผิดหรือไงล่ะเด็กสาวเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มน้อยๆกระจายอยู่บนริมฝีปากสีกุหลาบที่กำลังฮัมเพลงโปรดเบาๆ

                อนาสตาเซียหัวเราะคิกคัก ใบหน้างดงามนั้นดูสดใสขึ้นด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนอารมณ์มากกว่าปกติ ดวงตาสีแมรีโกลด์ส่องประกายไม่ต่างจากดวงดาว ชอบใช่มั้ยล่ะหล่อนเอ่ยเสียงระรื่น ฉันบอกแล้วไงว่ามันต้องสนุก สนุกแน่ๆ คิกคิก~”

                “เอ๊ะ...?” ร่างเพรียวบางเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ในแวบแรกที่จะขมวดคิ้วแล้วเปิดปากกวนประสาทใส่อย่างที่เคยทำประจำก็กลับแปรเป็นรอยยิ้มหวานที่ทำให้เจ้าของใบหน้าสวยได้รูปดูงดงามสมฉายาเทพธิดาขึ้นมาฉับพลัน เอาเถอะๆ เป็นเพราะว่าวันนี้ฉันอารมณ์ดีมากๆ ดังนั้นฉันจะปล่อยนายไปก็แล้วกันนะ

                แว่วเสียงหวีดหวิวดังแผ่วเบาจากริมฝีปากที่ห่อเป็นรูปตัวโอ อนาสตาเซียที่กำลังยืนอยู่ยกแขนขึ้นกอดอกพลางผิวปากด้วยใบหน้าระรื่นอย่างคนอารมณ์ดี "โฮ่... ดูสิว่าฉันมาเจอใครที่นี่ บังเอิญจังเลยน้าไม่คิดว่าเธอก็ชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ฮะๆ

    สถานการณ์ที่สี่ : อนาสตาเซียในช่วงเวลาเศร้าหรือหดหู่

                ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างถือดีแม้ปลายจมูกและดวงตาจะเริ่มแดงก่ำ แววตาปริ่มน้ำของเด็กสาวสั่นไหวจากการกลั้นน้ำตาไม่ให้ร่วงหล่นลงมา ริมฝีปากสวยได้รูปเริ่มเม้มแน่นเข้าจนห้อเลือด ก้อนสะอื้นหนักๆถูกกลืนลงคอจนรู้สึกเจ็บหนึบไปหมด อึก... บ้าเอ๊ยเสียงหวานสบถแผ่วเบาเมื่อรู้สึกว่าน้ำตาและเสียงสั่นๆของตนควบคุมยากขึ้นทุกที ฉะ ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นอะไรจริงๆ เลิกห่วงไร้สาระได้แล้วน่า!”

                อนาสตาเซียก้มหน้าลงต่ำ ไหล่บอบบางสั่นไหวจากลมหายใจที่เริ่มสะท้านเพราะแรงสะอื้น พื้นดินเบื้องหน้ากำลังพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตาเม็ดโตแต่เด็กสาวกลับไม่มีแม้แต่สติที่จะยกมือขึ้นเช็ดสัญลักษณ์แสดงความอ่อนแอออกไปให้พ้นๆหน้า มะ มองอะไรฮะ!! ฉันไม่ได้ร้องไห้สักหน่อยอนาสตาเซียแผดร้องแม้เสียงจะยังสั่น อย่ามองนะไอ้บ้าเอ๊ย! หันไป!! บอกให้หันไปไงเล่า!!!”

                ร่างแบบบางซบใบหน้าลงกับหัวเข่าด้วยท่าทางของคนไร้เรี่ยวแรงอย่างแท้จริง ร่างโปร่งของเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปีอิงแอบอยู่กับขอบเตียง หล่อนเงยหน้าขึ้นจนมองเห็นใบหน้าซีดไร้สีเลือดและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ดวงตาสีสวยแปลกตานั้นแม้จะไม่มีหยดน้ำตาแต่มันกลับหม่นแสงลงจนน่าใจหาย อึก... พะ พ่อคะเสียงหวานที่เอ่ยประโยคนั้นเลื่อนลอยคล้ายกับว่าเจ้าของเสียงได้หายไปในห้วงคำนึงไกลแสนไกล แขนข้างหนึ่งยกขึ้น เธอเหม่อมองรอยกรีดเน้นย้ำที่ต้นแขนด้านในแล้วหมุนพลิกดูรอยกรีดใหม่บริเวณข้อมือ หนู....อยากไปหาพ่อจังเลยค่ะ ตอนนี้... ทุกอย่างมันโหดร้ายเกินไป

                “ไม่... ไม่ บอกฉันสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง...เด็กสาวพึมพำประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่ามันจะเปลี่ยนเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ร่างเพรียวบางอ่อนแรงเต็มทนจนทำได้เพียงเกาะเกี่ยวหัวไหล่ของใครอีกคนไว้แล้วซบใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาลงเงียบๆ ฮึกก... มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนะร่างกายของอนาสตาเซียเริ่มสั่นเทิ้มจากแรงสะอื้นที่หนักขึ้นเรื่อยๆ สองมือเกาะหัวยึดหัวไหล่เอาไว้เริ่มกำแน่นจนเสื้อของคู่สนทนาที่สวมใส่ยับยู่ยี่ ทำไมล่ะ ทำไม ฮึกกก ม่ายยยยยย!!!”

    สถานการณ์ที่ห้า : อนาสตาเซียและคำพูดจิกกัดของเธอ

                ใบหน้างดงามนั้นเรียบนิ่งราวกับจะกลายร่างเป็นรูปปั้นเสียเดี๋ยวนั้น สองแขนยกมือขึ้นกอดอกก่อนทอดลมหายใจพลางส่ายศีรษะน้อยๆอย่างที่ใครๆก็พอจะมองออกว่าหล่อน แสร้งทำ’ “อะไรกันเนี่ย?” เธอแกล้งพูดด้วยเสียงที่สูงกว่าปกติ นี่น่ะเหรอความคิดของตัวอสุจิที่รอดออกมาได้น่ะ ไม่ไหวเลยนะอนาสตาเซียแกล้งสั่นศีรษะอีก พ่อแม่รู้รึเปล่าน่ะว่าโตมาแล้วจะมีความคิดได้แค่นี้น่ะหืม?”

                “ฉันเป็นแบบนี้แล้วมันทำไมเหรอเด็กสาวเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น นั่นดูเหมือนจะเป็นการถามทางอวัจนภาษาแต่เมื่องลองสังเกตดีๆแล้วมันก็คือการจงใจกวนประสาทอยู่กลายๆ "ไหนลองตอบมาสิว่าฉันเป็นแบบนี้แล้วมันทำไม ถ้ายังหาคำพูดดีๆไม่ได้ก็หุบปากไปง่ายกว่ามั้ง? จะด่าคนอื่นแต่ไม่หันกลับมาดูตัวเองเนี่ย....มันต้องเป็นคนประเภทไหนกันนะ"

                “จะว่าไปนายนี่ก็หน้าเหมือนผู้หญิงใช้ได้เลยนะอนาสตาเซียแสร้งยกมือขึ้นลูบปลายคางแล้วเอียงคอหรี่ตามองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างพิเคราะห์ หน้าเหมือนชนิดที่ว่าถ้าเอากระโปรงของแม่มาใส่ก็คงจะไม่รู้เลยล่ะว่าเป็นผู้ชาย อ๊ะๆ อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้นสิฉันกำลังจะบอกว่านายมันหน้าตัวเมียไง นี่ถือเป็นคำชมนะ คิกคิก

                “ไม่เคยมีใครสอนรึไงว่าแอบฟังคนอื่นมันไม่ดีน่ะ หืม?” อนาสตาเซียถามเสียงเรียบก่อนจะเอียงคอน้อยๆ ถ้ายังไม่รู้ก็กลับบ้านไปเอาหนังสือสมบัติผู้ดีมาต้มกินได้นะ เผื่ออะไรๆในหนังสือมันจะซึมเข้าหัวสมองบ้างไง หึหึ

                อนาสตาเซียเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยเมื่อเห็นร่างสูงของคนรู้จักอยู่ในกรอบสายตา นายแว่น?” เด็กสาวพึมพำเบาๆแต่อีกฝ่ายก็คงได้ยินมันชัดเจน สังเกตได้ง่ายๆจากริ้วรอยความไม่ชอบใจในแววตาของคนตัวสูงกว่านั่นแหละ อะไร จะมาบ่นอะไรอีกล่ะบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ใช่พี่ น้อง หรือใครๆก็ตามในชีวิตของนายและนายก็ไม่ใช่พ่อฉัน Got it? เลิกพูดมาก เลิกทำตัวน่ารำคาญแล้วไปทำอะไรที่มันดีกว่านี้เถอะ

                “เดี๋ยวนะ นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่เนี่ย?” เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วเสียจนหน้ามุ่ย มือข้างหนึ่งยกขึ้นเท้าเอวพลางพ่นลมหายใจกลบอารมณ์ร้อนๆอย่างคนพร้อมมีเรื่องเต็มที่ เงินนั่นน่ะฉันไม่ต้องการหรอกนะ แต่แนะนำให้เธอเอาไปซื้อตะกร้อมาครอบปากตัวเองไม่ให้ไปกัดชาวบ้าน หรือเอาไปใช้ในทางที่เกิดประโยชน์กว่านี้จะดีกว่านะ : )

    สถานการณ์ที่หก : ช่วงเวลาเบ็ดเตล็ดของอนาสตาเซีย

                มุมปากอิ่มขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มยั่วยวนพร้อมกับดวงตาที่เรืองประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง อนาสตาเซียยกขาขึ้นไขว่ห้าง กางเกงขาสั้นเนื้อดีสีเข้มร่นขึ้นเล็กน้อยจนมองเห็นต้นขาขาวรำไร มือเรียวสวยยกขึ้นม้วนเส้นผมสีอมส้มด้วยท่าทางมีจริต “Hi…” แว่วเสียงภาษาอังกฤษปนสำเนียงอเมริกันที่แหบพร่าเล็กน้อยจนฟังดูเซ็กซี่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ต้องหันไปมองทางอื่นหรอกน่า ฉันอ่อยเธออยู่นะสุดหล่อ <3”

                เหอะ!! ฉันไม่ได้ช่วยเธอสักหน่อย แค่ผ่านมาเห็นพอดีเท่านั้นแหละน่า!” อนาสตาเซียยกแขนขึ้นกอดอกก่อนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เด็กสาวพรูลมหายใจด้วยท่าทีที่แสดงให้เห็นว่ากำลังเหนื่อยหน่ายเกินทน คราวหน้าคราวหลังมีอะไรก็หัดตอบกลับไปซะมั่ง มายืนเป็นพระอิฐพระปูนให้ชาวบ้านเขาทำร้ายมันไม่ได้บุญหรอกนะ มันมีแต่เจ็บกับเจ็บ จำไว้!!!”

                เด็กสาวเจ้าของใบหน้างดงามกำลังหัวเราะคิกคัก เสียงหวานๆนั่นฟังดูไพเราะเสียจนคนฟังถึงกับเคลิ้มตาม มือเรียวขาวยกขึ้นปิดปากอย่างมีจริตก่อนจะเอียงศีรษะไปด้านข้างเล็กน้อย ขอโทษทีๆ เห็นนายทำท่าสงสัยขนาดนั้นก็เลยอดหัวเราะไม่ได้น่ะนะอนาสตาเซียว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ จะไม่เชื่อก็ตามใจนะ เพราะฉันก็คิดว่าฉันพูดความจริงไปหมดแล้วล่ะ ไม่ได้โกหกหรือว่ากุเรื่องขึ้นมาเลยสักนิด ถ้าจะไม่เชื่อใจกันนั่นมันก็เป็นสิทธิ์ของนายใช่มั้ยล่ะ?” ดวงตาสีแมรีโกลด์มองสบกับคู่สนทนาอย่างไม่นึกเกรงกลัว แต่ฉันก็ยังขอยืนยันคำเดิมนะ...ว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ : )

                ร่างบางเม้มริมฝีแน่นจนเป็นเส้นตรง หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคล้ายว่ากำลังหงุดหงิดนั้นขัดกับปรางแก้มที่กำลังซับสีระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ดวงตากลมสวยกระพริบถี่ก่อนจะยกมือขึ้นเท้าเอวแล้วแหวเสียงใส่ เป็นห่วง! เป็นห่วงเนี่ยนะ!!? ใช้อะไรคิดน่ะถึงได้คิดว่าฉันเป็นห่วงนายน่ะนายแว่น คนอย่างนายฉันไม่เสียเวลามาห่วงหรอกจำเอาไว้เลย ฮึ่ยย!!”

     

    ประวัติ : หากจะกล่าวถึงชีวประวัติโดยรวมของ อนาสตาเซีย ซี. เกลนดอนในประการแรกเด็กสาวนั้นถือสัญชาติแคนาดาตามพ่อซึ่งเป็นคนแคนาดามาตั้งแต่กำเนิด ในชั้นแรกนั้นครอบครัวของอนาสตาเซียก็เหมือนจะมีความสุขดี มีพ่อที่แต่งกับแม่ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น ครอบครัวอันแสนอบอุ่นประกอบขึ้นด้วยความรักและความเข้าใจ ในตอนแรกอนาสตาเซียก็คิดแบบนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งที่พ่อและแม่ของเธอต้องแยกทางกันเพราะแม่ของเธอนั้นนอกใจพ่อที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมานานหลายปีไปมีผู้ชายคนใหม่ที่มีฐานะดีกว่า ในตอนนั้นพ่อจำเป็นจะต้องปล่อยอนาสตาเซียที่อายุเพียงเจ็ดขวบให้ไปอยู่กับแม่และสามีใหม่เพราะตัวเองยังเป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดาที่ไม่ต้องการจะดึงลูกมาลำบากไปกับตน ครอบครัวใหม่ของอนาสตาเซียไม่ใช่ครอบครัวอย่างที่เด็กสาวนึกฝันหรืออยากให้เป็นเลยแม้แต่น้อย สามีใหม่ของแม่มีลูกอยู่แล้ว ประกอบกับเมื่ออยู่ด้วยกันไปสักพักแม่ของอนาสตาเซียก็ตั้งท้องกับสามีใหม่ นั่นจึงกลายเป็นเหตุผลที่เด็กหญิงคนนี้ถูกมองข้าม ความเหงาและความน้อยใจที่ถูกมองข้ามและลดความสำคัญลงทำให้อนาสตาเซียเริ่มแสดงพฤติกรรมต่อต้านออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ผลจากการกระทำนั้นกลับกลายเป็นว่าอนาสตาเซียถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่อเมริกาเพื่อดัดนิสัยทั้งๆที่เพิ่งจะอายุได้เพียงสิบสองปีเท่านั้น ซึ่งผลจากการส่งไปโรงเรียนประจำนั้นแทนที่จะดีขึ้นดังที่คนเป็นแม่หวังกลับกลายเป็นว่าแม่ได้เลือกเส้นทางให้เด็กสาวเตลิดออกไปมากกว่าที่ควรจะเป็น

    สังคมเพื่อนของอนาสตาเซียใหญ่เกินกว่าจะควบคุมได้และมันก็ได้ชักจูงให้อนาสตาเซียก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่อย่างที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อน อนาสตาเซียแอบเข้าผับตามเพื่อน ทำตัวผิดกฎระเบียบ ทดลองดื่มเหล้า เรียกได้ว่ากลายเป็นเด็กมีปัญหาโดยสมบูรณ์แบบ แต่ไม่นานก็ถูกทางโรงเรียนจับได้ เรื่องของอนาสตาเซียถูกส่งให้กับผู้ปกครองและทำให้เธอต้องทะเลาะกับแม่หนักที่สุดเท่าที่เคยทำมา อนาสตาเซียตัดสินใจตัดขาดจากบ้านหลังใหม่และกลับไปแคนาดาเพื่ออาศัยอยู่กับพ่อ แต่อยู่กับพ่อได้ไม่นานออนาสตาเซียก็ต้องกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกครั้งเมื่อคุณพ่อได้เสียชีวิตในตอนที่อนาสตาเซียอายุสิบสี่ปี เธอต้องกลับมาอยู่กับครอบครัวที่เธอไม่ต้องการ ซ้ำร้ายในตอนนี้ยังขาดพ่อที่เป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายไป เพราะรู้สึกเคว้งคว้าง ไร้ค่า ไม่มีที่พึ่งท้ายที่สุดแล้วเธอก็กลายเป็นโรคซึมเศร้า อนาสตาเซียต้องพบแพทย์ทว่าก็ขาดคนที่จะมารักและเข้าใจ เพราะแม่ของเธอไม่ต้องการให้เธอไปพบแพทย์และเอาแต่กล่าวหาว่าเธอเป็นบ้า เหตุการณ์เลยเถิดมาจนถึงตอนที่อนาสตาเซียอายุสิบห้าและไม่อาจจะรับเรื่องราวทั้งหมดในชีวิตได้อีกต่อไป เด็กสาวตัดสินใจฆ่าตัวตายทว่าก็โชคดีที่มีคนมาช่วยไว้ได้ทัน หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานอนาสตาเซียก็ถูกทางครอบครัวส่งไปเรียนที่เรียวเทย์เพื่อแลกกับคำขอสุดท้ายที่เธอได้ขอไว้กับผู้เป็นมารดา การเข้าเรียนที่เรียวเทย์จะเป็นสิ่งที่แลกกับอิสระในชีวิตของเธอเอง

    Anastasia Side Story | Click

     

    ชอบ : การแกล้งหรือกวนประสาทคนอื่น (อารมณ์ประมาณว่าชอบแบบไม่มีเหตุผล ไม่ชอบหน้าก็จะทำ เห็นว่าน่าแกล้งก็ทำ เบื่อก็ทำ เพราะชอบดูปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามอะไรประมาณนั้น) / สีแดง (ชอบมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ไม่มีเหตุผลว่าทำไมถึงชอบสีนี้) / เพลงร็อคบีทหนักๆไม่ก็เพลงแนวๆเมทัล (ฟังแล้วรู้สึกหนักๆพอจะโยกหัวตามได้ทำให้รู้สึกโล่งๆในหัวดี อย่างเพลงโปรดก็จะเป็นเพลง Back in black กับเพลง Highway to hell เลยชอบที่จะใส่หูฟังไม่ก็เฮดโฟนแล้วเปิดเพลงเสียงดังๆ นั่นเป็นเหตุผลที่อนาสตาเซียมักจะมาพร้อมกับเฮดโฟนสีแดงอยู่เสมอ แต่อนาสตาเซียก็ฟังเพลงแนวอื่นได้นะ แค่ไม่บ่อยเท่านั้นเอง) / รถบิ๊กไบค์กับรถแข่งที่เร็วมากๆ (สาเหตุง่ายๆเพราะอนาสตาเซียชอบความเร็วนั่นเอง) / เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน(เหมือนว่าร่างกายของอนาสตาเซียจะติดคาเฟอีนไปเสียแล้ว ดังนั้นขอแค่เป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเจ้าตัวก็ดื่มได้หมด แต่ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นกาแฟเย็น) / พวกเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้า เครื่องประดับ (ก็ชอบตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วไปที่มักจะชอบของสวยๆงามๆ) / สเต็กเนื้อ (เธอชอบเพราะมันอร่อย บวกกับชอบกินเนื้ออยู่แล้วเลยกลายเป็นเมนูโปรดของเธอไปโดยปริยาย)

     

    ไม่ชอบ : ผู้หญิงประเภทเรียบร้อย แสนดี ทำตัวเป็นแม่พระ (จะเรียกว่าเพราะอนาสตาเซียเห็นโลกมาเยอะก็ว่าได้ ทำให้พอจะรู้ว่าการทำตัวเป็นคนที่ถูกจัดให้อยู่ในประเภท อ่อนแอนั้นยากที่จะอยู่รอดบนโลกใบนี้ แต่ถึงจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่ถ้าคนประเภทนี้ถูกรังแกแบบไม่มีเหตุผลเธอก็จะคอยช่วยแบบเงียบๆนะ) / คนที่ทำให้ตัวเองเสียความมั่นใจ (ไม่ชอบเพราะมันทำให้เธอเสียความมั่นใจจนต้องชะงักไปนิดนึงให้เสียมาดนั่นแหละ คนประเภทนี้ก็จะได้แก่คนที่เธออ่อยแล้วเมิน คนที่มองออกว่าเธอจะทำอะไรหรือเดาใจเธอออกอะไรประมาณนั้น) / แม่ / ที่แคบ (ไม่เชิงไม่ชอบนะ แต่จะหนักไปทางกลัวมากกว่า เพราะอนาสตาเซียเคยติดอยู่ในตู้แคบๆอยู่หลายชั่วโมงจนเกือบจะไม่มีอากาศหายใจเลยฝังใจกับพวกที่แคบไปเลย) / เรย์จิ (ในที่นี้ก็ไม่ถึงกับเกลียดไปเลยนะคะ อารมณ์แบบไม่ชอบขี้หน้า รู้สึกไม่ถูกชะตาเลยเขม่นๆอยู่หน่อยๆแล้วก็คอยหาเรื่องจิกกัดค่ะ)

     

    จุดอ่อน : อาการของโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ / เรื่องละเอียดอ่อนอย่างการดูแลคนอื่นหรือความรัก / นิสัยทุ่มให้คนที่ตัวเองไว้ใจ (เพราะในบางครั้งมันก็มากเกินไปจนอนาสตาเซียยอมที่จะปิดหูปิดตาไม่รับรู้อะไร) / ที่แคบ

     

    จุดแข็ง : ความเจ้าเล่ห์และไหวพริบทันคน / การแสดงละครและบีบน้ำตาหลอกคนอื่น / เสน่ห์

     

    ความสามารถพิเศษ : การแต่งหน้ารวมไปถึงการแต่งตัว (ระดับความสามารถของเธอจะเรียกว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสไตลิสต์ก็ไม่ผิดนัก) / การเต้น (ส่วนมากอนาสตาเซียชอบเต้นบีบอยไม่ก็เต้นแนวฮิปฮอปมากกว่า แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเธอมีความสามารถมากพอจะเต้นพลิ้วๆและเน้นสัดส่วนของร่างกายอยู่เหมือนกัน นอกเหนือไปจากนั้นก็สามารถทำระบำหน้าท้องได้ด้วย) / การร้องเพลง (เสียงของอนาสตาเซียค่อนข้างใสทำให้สามารถร้องเพลงได้หลากหลาย แต่เจ้าตัวก็ถนัดที่จะแร็ปมากกว่าร้องเพลง) / ศิลปะการป้องกันตัว (อนาสตาเซียมีความสามารถในทางเทควันโด้ที่อยู่ในระดับคุดั้ง Kick-Boxing การยิงปืนและคาราเต้ ซึ่งก็ได้ทักษะเหล่านี้มาจากการเรียนบ้าง การทำตามคนอื่นเขาบ้าง)

     

    เพิ่มเติม :

                s อนาสตาเซียเกิดวันที่ 14 เดือนกุมภาพันธ์ มีราศีกุมภ์และเลือดกรุ๊ป B

                s อนาสตาเซียมีรอยสักทั้งหมดสองแห่งบนร่างกาย โดยอนาสตาเซียแอบสักเอาไว้ตั้งแต่อายุสิบห้า ตำแหน่งแรกคือบริเวณสะโพกด้านซ้ายที่สักเป็นรูปมงกุฎดอกกุหลาบที่มีลวดหนามขดล้อมรอบขนาดหนึ่งฝ่ามือ อีกตำแหน่งหนึ่งอยู่ที่บริเวณไหปลาร้าด้านขวา โดยสักเป็นคำว่า ‘This too shall pass’ ซึ่งแปลได้ตรงๆว่า แล้วมันจะผ่านไป

                s หากจะพูดถึงการแต่งกายของอนาสตาเซียแล้ว เจ้าตัวชอบที่จะแต่งตัวสไตล์วัยรุ่นอเมริกันมากกว่าแบบอื่น เป็นต้นว่า สวมเสื้อครอปแขนยาวกับกางเกงยีนส์ดีเทลขาดเข่าแล้วคาดเข็มขัด สวมเสื้อแบบโอเวอร์ไซส์กับกางเกงยีนส์ห้าส่วนหรือกางเกงขาสั้น ไม่ก็สวมสปอร์ตบราสีเข้มคลุมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตไม่ก็แจ็คเก็ตยีนส์ตัวใหญ่ๆกับกางเกงขาเดฟ โดยส่วนมากอนาสตาเซียจะแต่งตัวสไตล์นี้มากกว่าจะสวมกระโปรงสั้น เน้นคอนเซปต์คือดูฮิปสเตอร์แต่ก็เปิดเผยเนื้อหนังและจะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งชิ้นในบรรดาของที่สวมใส่ที่ต้องเป็นสีแดง ส่วนรองเท้านั้นมักจะสวมรองเท้าผ้าใบเพื่อความคล่องตัวมากกว่ารองเท้าแบบอื่น (รองจากรองเท้าผ้าใบอนาสตาเซียชอบบู๊ทแฟชั่นนะ แต่ไม่ค่อยได้ใส่เพราะวิ่งไม่สะดวก)

                อนาสตาเซียชอบที่จะปล่อยผมของตัวเองเอาไว้เฉยๆไม่ทำอะไร แต่ในบางครั้งก็อาจจะรวบขึ้นเป็นหางม้าไม่ก็มวยแบบหลวมๆ ส่วนเครื่องประดับนั้นอนาสตาเซียก็สวมบ้างตามโอกาส แต่จะไม่มากเกินไปจนดูตลก ในบางครั้งเธออาจจะสวมสร้อยคออย่างเดียว สวมสร้อยข้อมือ หรือสวมแต่โชคเกอร์ก็แล้วแต่อารมณ์และชุดที่ใส่ตอนนั้น แต่เครื่องประดับที่อนาสตาเซียจะต้องสวมติดตัวอยู่เสมอคือสายรัดข้อมือแบบหนังสองเส้นกับนาฬิกาข้อมือสีแดงยี่ห้อ G-Shock

                s งานอดิเรกของอนาสตาเซียที่พอจะเป็นผู้เป็นคนอยู่บ้างก็คือการดูหนังฟังเพลง การเต้นและการร้องเพลง รวมไปถึงการถ่ายรูปในบางครั้งบางคราวตามความชอบแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นความสามารถพิเศษอะไร และภาพถ่ายส่วนมากของอนาสตาเซียก็จะออกแนวฮิปสเตอร์เสียมากกว่า และจริงๆแล้วนั้นอนาสตาเซียก็สามารถเล่นดนตรีได้ แต่ไม่ถึงกับเป็นความสามารถพิเศษอะไร เพราะเจ้าตัวเล่นได้แค่กีตาร์กับเปียโนแบบพอจะถูๆไถๆไปได้เท่านั้น

                s เนื่องด้วยต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยลำแข้งของตัวเองทำให้มีอยู่บ่อยครั้งที่อนาสตาเซียจำเป็นจะต้องเจียดเวลาไปทำงานพิเศษ ซึ่งงานพิเศษที่ว่าก็จะเป็นงานตามร้านสะดวกซื้อบ้าง ร้านอาหารบ้าง แต่ในบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องแอบเข้าไปทำงานตามผับเพื่อเป็นนักร้องกลางคืนไม่ก็ดีเจเพราะได้เงินดีกว่า

                s อนาสตาเซียรักสุขภาพอยู่พอสมควรเลยนะ จึงเป็นเรื่องปกติที่เด็กสาวจะต้องตื่นมาซิทอัพและวิดพื้นทุกเช้า นอกจากนี้อนาสตาเซียยังชอบเล่นกีฬามากเสียด้วย อย่างกีฬาที่ชอบก็จะเป็นบาสเกตบอลกับสเกตบอร์ด นอกจากกีฬาทั้งสองอย่างนี้แล้วอนาสตาเซียยังเคยเป็นนักกีฬาฟรีรันนิ่งช่วงอายุประมาณสิบสองถึงสิบสามปีก่อนจะหยุดไปเพราะโรคซึมเศร้าด้วย

                s สามารถพูดภาษาอังกฤษที่ป็นภาษาสากลได้ (แต่จะเป็นสำเนียงอเมริกัน) นอกจากนี้ยังสามารถพูดภาษาสเปน ภาษาญี่ปุ่น และฝรั่งเศสได้ สรุปแล้วอนาสตาเซียสามารถพูดได้สี่ภาษา แต่ภาษาที่อ่านออกเขียนได้คืออังกฤษกับญี่ปุ่น ส่วนสเปนกับฝรั่งเศสนั้นอยู่ในระดับที่สามารถสื่อสารได้และฟังรู้เรื่อง

    s ผิวของอนาสตาเซียถ้ามองด้วยมุมมองคนนอกมันดูขาวเนียนก็จริงอยู่ แต่ทว่าแม้เรือนกายของเจ้าหล่อนจะเนียนลออตาเพียงใดแต่ผิวเนื้อภายในที่มีเสื้อผ้าปกปิดอย่างหัวไหล่ ข้อพับขา หรือแม้กระทั่งต้นแขนด้านในกลับมีรอยกรีดอย่างคนถูกของมีคมลากผ่านอยู่จนแทบไม่เหลือที่ว่างแม้ในปัจจุบันจะได้รับการรักษาจนมองเห็นเป็นเพียงรอยจางๆแล้วก็ตาม แต่นอกจากรอยกรีดปริศนานั่นแล้วยังมีรอยเล็บจิกหรือรอยจ้ำเขียวปรากฏประปรายในบางเวลาด้วย

    s ว่าด้วยอาการของโรคซึมเศร้าที่อนาสตาเซียเป็น อนาสตาเซียมีอาการอยู่ในระดับปานกลางคือยังไม่หนักมากนักแต่ก็ไม่ได้เบาบาง ฟังดูอาจจะไม่น่าเชื่อแต่อนาสตาเซียก็มีอาการของโรคนี้มาได้สักระยะแล้วตั้งแต่อายุสิบสี่ปี ในปัจจุบันก็ยังมีบ้างที่เธอแอบไปร้องไห้คนเดียว นั่งเงียบหมดอาลัยตายอยาก ทำร้ายตัวเองและมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่เพราะยังไปพบจิตแพทย์สม่ำเสมอและด้วยยาที่ได้รับจากแพทย์ก็พอจะทำให้อาการทุเลาลงบ้าง

    s Character Voice : https://www.youtube.com/watch?v=h4dXeTfxceg



    TALK WITH ME FREE HUSBAND(?)

    UNKNOWN : ชื่ออะไรเอ่ย..?

    = ชื่อเชอร์ล็อคค่า ///-/// แต่จะเรียกว่าเชอร์เฉยๆก็ได้นะคะ <3

    UNKNOWN : เราดองได้หรอเปล่า..? #ผิด

    = อืม... ข้อนี้ตอบยากจังเลยค่ะ ฮาาาาาา แต่ถ้าจะดองเราก็เข้าใจนะคะ เพราะทางนี้ก็ดองเหมือนกันค่ะ--- แค่ก

    UNKNOWN : เราไม่ดองง่ายๆหร๊อก แล้วถ้าไม่ผ่านจะฝากเลี้ยงหรือเปล่าหรือรับกลับบ้านเกิด

    = ข้อนี้คงต้องขอตอบว่ารับกลับนะคะ ; w ;

    UNKNOWN : โอเคจ้า มีคำถามอะไรไหม

    = มาส่งช้าแบบนี้โอเคใช่มั้ยคะนี่ T w T แหะแหะ สุดท้ายนี้ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ แล้วก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ!

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×