ตอนที่ 63 : ▶The Miracle || Chapter 59 : แสงสว่าง VS ความมืด
▶The Miracle || Chapter 59 : แสงสว่าง VS ความมืด
Author : Forget Me Not
แสงสว่าง VS ความมืด
ท้องฟ้าเหนือดินแดนปีศาจทะมึนครึ้มไปด้วยเมฆหมอกที่บดบังแสงอาทิตย์ไม่ให้สาดส่องลงมาราวกับตกอยู่ในห้วงรัตติกาล เหล่าคณะเดินทางที่เหลือต่างพากันวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากทูร์รินปีศาจร้ายลูกสมุนของเดวิลอสกันอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมๆ กับที่พลังสีทมิฬขนาดใหญ่ถูกส่งพุ่งมายังพวกเธอไม่หยุด
“บ้าจริง! พวกมันตามมาไม่หยุดเลย ไปกินช้างกระทืบโลงกันมาจากไหนเนี่ย” ยุนอาร้องออกมาปนเสียงหอบ ไม่มีเวลาให้ตั้งตัวตั้งสติเลยให้ตายเถอะ
“อีกไม่นานพวกปีศาจต้องยกโขยงมากันหมดแน่ๆ เลยค่ะ ถึงคราวนั้นล่ะก็...” ซอฮยอนกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เห็นทีพวกเราคงได้เละกลายเป็นโจ๊กกันแน่
“เอายังไงกันดี” ยูริคิดหาทางออกไม่ได้สักที เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอต้องปกป้องเจสสิก้ากับทิฟฟานี่ให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของเธอก็ตาม แต่ทั้งสองคนต้องปลอดภัย
“ทางนี้พวกข้าจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง เจ้าพาสิก้ากับฟานี่หนีไป” ซันนี่ตัดสินใจเองเสร็จสรรพ ไม่ทันได้ให้ใครพูดอะไรเจ้าตัวก็ลงมือร่ายเวทลวงตาทันที
“ไม่ได้นะซันนี่ ซันนี่!” ทิฟฟานี่ร้องเรียกซันนี่พร้อมกับทุบบาร์เรียร์ใสที่พุ่งขึ้นมากั้นกลางระหว่างพวกเรา ไม่นานนักภาพของซันนี่ ยุนอา และซอฮยอนก็หายไป เหลือไว้เพียงภาพลวงตาที่เป็นป่าทึบเพียงเท่านั้น
ยูริจึงพาเจสสิก้ากับทิฟฟานี่ไปอีกทาง โชคดีที่ทางนี้ไม่ค่อยมีพวกปีศาจชุกชุมเท่าใดนัก ทั้งสามคนจึงหลบหนีพวกปีศาจกันได้อย่างสะดวก แต่เมื่อวิ่งหนีมาได้สักพักใหญ่ๆ ทิฟฟานี่ก็ค่อยๆ ชะลอฝีเท้าลง
“เจ้าเป็นอะไรไปหรือเปล่าฟานี่” ยูริถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าทิฟฟานี่หยุดเดินไปเสียดื้อๆ
“ข้าแค่คิดว่าเราควรกลับไปช่วยพวกนั้น” ทิฟฟานี่ก้มใบหน้าลงเนื่องจากรู้สึกผิดกับพวกเพื่อนๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอสับสนไปหมด เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอไม่ควรจะหนีเอาตัวรอดแบบนี้ เธอควรจะกลับไปช่วยพวกนั้น พวกเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไม่ใช่หรอ
“มันไม่ปลอดภัยฟานี่ พี่จะพาเจ้าไปอาณาจักรภูตหิมะเสด็จตาจะคุ้มครองเจ้าเอง อีกอย่างกำแพงน้ำแข็งที่กั้นระหว่างดินแดนจะต้องปกป้องเจ้าได้แน่ ที่นั่นจะปลอดภัยสำหรับเจ้า” เจสสิก้าบอก
“เปล่าประโยชน์...” ทิฟฟานี่ก้มลงมองดาบแห่งแสงในมือของตัวเองก่อนเงยหน้าสบตาพี่สาวฝาแฝด
“ถ้าหากข้าไม่กำจัดพวกปีศาจซะตั้งแต่ตอนนี้ ต่อให้เราหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวสักแค่ไหน ยังไงสักวันพวกมันก็ต้องตามล่าหาตัวพวกเราจนเจออยู่ดี ไม่มีที่ให้พวกเราหนีได้อีกต่อไปแล้วสิก้า มีเพียงทางเดียวคือเราต้องเผชิญหน้ากับมัน”
“ฟานี่” เจสสิก้าเอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ข้าเป็นความหวังของทุกคนบนโลกนี้ เพราะฉะนั้นข้าจะหนีไปในขณะที่ทุกคนกำลังลำบากได้ยังไง ข้าต้องกลับไปที่นั่นเพื่อช่วยทุกคน”
“สงครามควรสิ้นสุดลงสักที” ทิฟฟานี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมกับพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมา
ได้ยินแบบนั้นเจสสิก้าก็ยื่นมือไปกุมมือของน้องสาวไว้ด้วยความเห็นใจ ส่วนยูริเองก็รู้สึกสะเทือนใจไม่ต่างกัน เพราะมันหมายความว่าทิฟฟานี่ได้ตัดสินใจเรื่องแทยอนอย่างเด็ดขาดแล้ว
“พี่รู้ว่ามันยากสำหรับเจ้า แต่เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ” สิ้นเสียงถ้อยคำปลอบประโลมนั้น ทิฟฟานี่ก็โผเข้าสู่อ้อมกอดของพี่สาวแล้วปล่อยโฮออกมาทันที
ในยามนี้เธอทั้งอ่อนแอทั้งเปราะบางเหลือเกินทิฟฟานี่รู้ตัวดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครบังคับหรือเอ่ยปากเรื่องระหว่างเธอกับแทยอนทั้งนั้น ทุกคนต่างเคารพในการตัดสินใจของเธอ และเลือกที่จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดมาไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ต่อให้เธอจะเจอกับเรื่องราวร้ายๆ แค่ไหน เมื่อหันมองกลับไปก็จะพบเพื่อนๆ ทุกคนคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ ทุกคนดีกับเธอขนาดนี้ แล้วเธอล่ะ เธอจะกล้าเห็นแก่ตัวกับเพื่อนๆ ของเธอได้ยังไงกัน
... แต่การที่เธอเลือกทำแบบนี้มันถูกต้องแล้วใช่มั้ย แล้วทำไมมันถึงได้เจ็บปวดเหลือเกิน ...
“ข้าขอร้องไห้อยู่อย่างนี้สักพักจะได้มั้ย” ทิฟฟานี่ซุกหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลลงบนไหล่ของพี่สาวจนแฉะชื้นไปหมด แต่เจสสิก้าก็ไม่ว่าอะไร ทั้งยังกอดตอบและปลอบประโลมน้องสาวอย่างอ่อนโยน
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เจสสิก้าเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือไม่ต่างจากน้องสาว
เมื่อไหร่กันที่ทวยเทพจะเห็นใจพวกเราสักที หรือท่านจะลืมไปเสียแล้วว่าพวกเราก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง มีความรู้สึก มีจิตใจ รักเป็น เจ็บปวดเป็นเหมือนกัน
“เจ้าควรจะลงนรกไปแล้ว!” ทูร์รินปีศาจลูกสมุนของเดวิลอสต่างหันมาทางซันนี่ด้วยความประหลาดใจ แต่เด็กสาวทำเพียงเหยียดรอยยิ้มเหมือนไม่รู้สึกยี่หระอะไรกับคำพูดนั้น
“พวกเจ้าคงจะผิดหวังกันมากสินะ” ซันนี่แค่นเสียงหัวเราะเบาๆ ท่าทางสงบเสงี่ยมเย็นใจผิดสถานการณ์ แต่แฝงไปด้วยไอพลังแปลกๆ ทำให้ยุนอากับซอฮยอนรู้สึกเกรงๆ กับพี่สาวตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ซันนี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว” ยุนอากระซิบกับซอฮยอนเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ไม่ผิดหวังเท่าไหร่หรอก” หนึ่งในพวกมันตอบพร้อมส่งเสียงหัวเราะในลำคอ “เพราะอีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้ไปลงนรกสมใจข้าแล้ว!”
สิ้นเสียงกลุ่มพลังมืดดำก็พุ่งตรงเข้าหาทั้งสามคนทันที แต่โชคดีที่ซันนี่สามารถสร้างบาร์เรียร์ไฟสีแดงโรจน์ห่อหุ้มพลังพวกนั้นไว้ได้ทันท่วงที ก่อนจะบังคับส่งมันกลับไปหาพวกปีศาจตามเดิม
“ไฟธรรมดาๆ ทำอะไรปีศาจชั้นสูงอย่างพวกข้าไม่ได้หรอก”
“แล้วถ้าเป็นไฟที่เกิดจากผู้ครอบครองกริชแห่งเปลวไฟล่ะ พวกเจ้าจะว่ายังไง”
“ไม่มีทางซะหรอก พวกภูตไฟมันสูญพันธุ์จากโลกนี้ไปหมดแล้ว” พวกมันหัวเราะลั่น ก่อนที่สองในห้าจะถูกเปลวเพลิงเผาผลาญจนร่างนั้นมอดไหม้ไม่เหลือแม้แต่ผุยผง สร้างความงุนงงปนโกรธเคืองให้กับพวกมันที่เหลือเป็นยิ่งนัก
“คงไม่มั้ง” ซันนี่ยกยิ้มพร้อมกับก้าวไปข้างหน้าอย่างท้าทาย นิ้วเรียวดีดดังเปาะจนปรากฏลูกไฟสองลูกเหนือมือขวาที่กำลังหมุนวนไปมา
“หน็อยแก!” พวกมันที่เหลือหันมาจ้องอาฆาตแค้นทันที
“ฆ่าพวกมันให้หมด!” หนึ่งในพวกมันประกาศเสียงดังก้อง ทำให้ทั้งสามคนเตรียมรับการจู่โจมที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้าทันที
“แล้วพวกเจ้าจะเสียใจ” ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสวยของซันนี่แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ก่อนตั้งรับพลังชั่วร้ายที่พวกมันก่อขึ้นมา
เสียงปะทะกันของพลังดังกึกก้องไปทั่วป่า สายพลังสีแดง ฟ้า และน้ำตาลพุ่งฉวัดเฉวียนสกัดกั้นพลังทมิฬที่แผ่กระจายรอบบริเวณไปหมด ไม่นานนักป่าที่เคยปกคลุมไปด้วยต้นไม้หนาทึบมากมายก็เตียนราบเป็นวงกว้างไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างรุนแรงของทั้งสองฝ่าย
พลังแห่งอัญมณีแห่งสายน้ำโจมตีรุนแรงกวาดต้อนพวกทูร์รินให้หมุนวนอยู่ในลูกบอลน้ำขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศไปมา ราวกับจะให้พวกมันสำลักน้ำตายอยู่ในนั้น แต่เพราะซอฮยอนยังควบคุมพลังได้ไม่ค่อยดี ลูกบอลน้ำจึงแตกลงมาทำให้พวกปีศาจที่อยู่ภายในออกมาเป็นอิสระอีกครั้ง
พลังสีน้ำตาลของแหวนแห่งขุนเขาจึงพุ่งเข้าอัดร่างของพวกมัน จนปีศาจเสื้อคลุมค่อยๆ กลายเป็นหินตกลงมายังพื้นดิน ยุนอาถึงได้คลายพลังให้พวกมันกลับมาเป็นแบบเดิม เพื่อให้ซันนี่ได้ใช้พลังของภูตไฟสังหารพวกมันซะ
กริชแห่งเปลวไฟวาววับ ผมแดงเพลิงของซันนี่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นไฟสีแดงเจิดจ้า ก่อนจะลามไปทั่วร่างแล้วทวีความสว่างโชติช่วงท่ามกลางเมฆหมอกแห่งความมืด แส้พลังสีเพลิงถูกตวัดออกจากมือบางพุ่งเข้ารัดร่างปีศาจร้ายทั้งสาม จนพวกมันส่งเสียงหวีดร้องลั่นทรมาน ทันใดนั้นประกายไฟจากแส้เพลิงก็ลุกวาบเป็นกองไฟขนาดมหึมาโหมแผดเผาร่างพวกมันเป็นตอตะโกก่อนสลายหายไป
เหลือเพียงแต่กลุ่มควันที่ปรากฏให้เห็นภาพของผู้มาใหม่ที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เบื้องหลังควันที่ค่อยๆ จางลง ซันนี่หรี่ตาเพ่งมองพร้อมสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้นมาถนัดตา
“เดวิลอส...” เสียงนั้นแผ่วเบาพอๆ กับเสียงหายใจ แต่ยุนอากับซอฮยอนอ้าปากค้างทันที
“เจ้านี่มันหนังเหนียวจริงๆ” เดวิลอสเว้นจังหวะปรบมืออย่างรู้สึกทึ่งในตัวของเด็กสาวตรงหน้า ก่อนจะเหลือบมองไปเห็นอาวุธที่เด็กสาวถือไว้ในมือ
“ดูสิว่าข้าเจออะไร นั่นมันกริชแห่งเปลวไฟ โอ้ มิน่าล่ะ เจ้าถึงไม่ตายที่ใต้ก้นปล่องภูเขาไฟสันหลังมังกรนั่น ที่แท้เจ้าก็เป็นลูกหลานเหลนโหลนของราชาภูตไฟนี่เอง” ฉับพลันรอยยิ้มร่าเริงราวกับคนบ้าก็เลือนหายไปจากใบหน้าของเดวิลอส เหลือเพียงร่องรอยความโหดเหี้ยมที่แม้แต่ซันนี่ยังอดที่จะหวั่นเกรงไม่ได้
“ข้าน่าจะฆ่าเจ้าให้ตายซะตั้งแต่เจ้ายังเป็นเด็ก!”
“กลัวว่าตัวเองจะสู้ไม่ได้หรือยังไง ถึงต้องรีบชิงฆ่าทุกคนตั้งแต่ยังเป็นเด็กกันหมด แกนี่มันเป็นจ้าวปีศาจที่น่าอเนจอนาถเป็นที่สุด!” ยุนอาตะโกนออกมาด้วยความเหลืออด ตั้งแต่พี่เจ้าหญิงฝาแฝดละ แล้วยังมาพี่ซันนี่อีก เดวิลอสนี่ยังไงมีปมหลังฝังใจอะไรกับเด็กมากมายหรือไงกัน
“ปากดีนักนะ นางภูต!”
พลังทมิฬพุ่งออกจากฝ่ามือเดวิลอสลอยเข้ากระทบกับกำแพงหินที่ยุนอาสร้างขึ้นมาอย่างจังจนแตกกระจายยับเยิน ซอฮยอนที่ตั้งสติได้รวดเร็วที่สุดจึงรีบสร้างกำแพงน้ำกั้นเอาไว้อีกชั้นได้ทันท่วงที
“จะไปยั่วโมโหมันทำไมล่ะคะ” ซอฮยอนแจกตาขวางให้ยุนอาไม่หยุด คนๆ นี้จะเล่นจะทำอะไรไม่เคยดูเวลาเลย ปรึกษากันบ้างก็ได้
“ก็มันอดไม่ได้นี่ มีอย่างที่ไหนผู้ใหญ่รังแกเด็ก แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่ใช่นางภูตด้วย แต่ข้าคือยุนอา เจ้าหญิงรัชทายาทลำดับที่สี่สิบเก้าแห่งอาณาจักรภูตภูเขาต่างหากเล่า” ยุนอาชี้แจง
“จะเป็นใครก็ช่าง แต่วันนี้นี่แหละที่จะเป็นวันตายของพวกเจ้า!”
พลังทะมึนทะลุกำแพงน้ำของซอฮยอนตรงเข้าบีบคอเด็กสาวทั้งสามคนอย่างฉับพลันทันใด ไอสังหารร้ายกาจทวีความรุนแรงโดยที่ทั้งสามคนไม่สามารถต้านทานได้ จนในวินาทีที่ทั้งสามคนกำลังจะหมดลมหายใจ ยุนอาก็ใช้พลังเฮือกสุดท้ายของตัวเองแยกแผ่นดินที่เดวิลอสกำลังยืนอยู่ออกเป็นสองฝั่ง ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นทำให้เดวิลอสไม่อาจรวบรวมสมาธิได้อีกต่อไป ซันนี่ ซอฮยอน และยุนอาจึงเป็นอิสระในที่สุด
“ฤทธิ์เยอะไม่เบา แต่ว่าพวกเจ้าต่อกรผิดคนแล้ว!” เดวิลอสกระตุกรอยยิ้มเหี้ยมก่อนจะระเบิดพลังรุนแรงออกมา ทำให้ผู้ครอบครองสมบัติแห่งภูตทั้งสามถูกซัดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เพราะไอพลังสีดำยังคงกระจายอยู่รอบด้าน ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกอึดอัดเหมือนสมองจะระเบิดและไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวไปไหนได้
จนกระทั่งเดวิลอสถือดาบใหญ่ย่างเท้าเข้ามาใกล้ยุนอาที่นอนนิ่งอยู่ใกล้ที่สุด เขามองดูเจ้าหญิงภูตผู้อวดเก่งสิ้นฤทธิ์ด้วยความรู้สึกสมเพช
ใบหน้ากล้ำกลืนความเจ็บปวด เลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากจมูกเลอะเต็มใบหน้า ทว่าดวงตาสีน้ำตาลยังคงแข็งกร้าวต่อต้านเขาเหมือนไม่กลัวตาย ช่างน่าขันเสียอะไรอย่างนี้
“พวกภูตผู้หยิ่งทะนง” เดวิลอสพูดเสียงนุ่ม และใช้เท้าใหญ่เหยียบลงแนบหัวของเจ้าหญิงภูตภูเขาโดยไม่รู้สึกแยแสต่ออะไรทั้งสิ้น
“อวดเก่ง” ซอฮยอนและซันนี่ที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นดินไม่ห่างได้แต่มองภาพนั้นด้วยความเจ็บแค้นใจ
“คิดว่าตัวเองเป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงศักดิ์กว่าใครอื่น”
“แต่ไม่ว่าจะสูงศักดิ์สักเพียงใดทุกชีวิตก็ต้องก้มหัวยอมศิโรราบให้แก่ข้า! จ้าวปีศาจเดวิลอสคนนี้!” เดวิลอสตะโกนเสียงดังกึกก้อง
“ไม่มีทาง...” ยุนอาฝืนพูดออกมา “แม้แต่ตัวแกเองยังไม่รู้ หรือรู้อยู่แล้วแต่แกล้งโง่”
เดวิลอสส่งเสียงหัวเราะเหี้ยมในลำคอ เท้าที่เหยียบลงบนหัวของเด็กสาวกดน้ำหนักลงให้มากขึ้นไปอีก
“เมื่อจ้าวปีศาจไร้ซึ่งความปรานี เหล่าอริไพรีจะกลับมา” ยุนอาพูดออกมาด้วยความเคืองโกรธ “มันเป็นคำทำนายวันตายของแก ปีศาจชั่วช้าอย่างแกคงไม่มีทางกลับตัวกลับใจได้แน่ แกไม่ได้ตายดีแน่เดวิลอส”
จ้าวปีศาจเดวิลอสเหยียดยิ้มหยันก้มลงมองเจ้าหญิงภูตปากเก่งพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ช่างน่าสมเพชในความกล้าบ้าบิ่นแต่ผิดที่ผิดเวลาของเจ้าเสียเหลือเกิน เจ้าหญิงภูตน้อยเอ๋ย มาดูกันเถอะว่าใครกันแน่ที่จะไม่ได้ตายดี!”
ดาบใหญ่ถูกง้างขึ้นหมายจะบั่นคอยุนอา ทว่ามันกลับถูกแช่แข็งชะงักค้างอยู่กลางอากาศด้วยพลังของใครบางคน เดวิลอสหันไปยังกลุ่มคนที่มาใหม่ทันที
“เจ้าหญิงเจสสิก้า!” ซันนี่อุทานออกมา
เจ้าหญิงน้ำแข็งผู้ทรงอำนาจกำมือแน่นอย่างข่มอารมณ์ ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบปราดมองไปยังจ้าวปีศาจร้ายด้วยความโกรธ ลมเย็นเริ่มพัดโชยเข้ามาพลันอาการบาดเจ็บของทุกคนก็เริ่มทุเลา ก่อนที่สายลมจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุหิมะที่ปีศาจหน้าไหนก็ไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บทรมานนี้ได้ทั้งนั้น
“อยู่ให้ห่างจากเพื่อนของข้า!” เจ้าหญิงเจสสิก้าประกาศกร้าว แต่เดวิลอสกลับคลี่รอยยิ้มเหมือนนึกสนุกบางอย่างแล้วส่งเสียงจิ๊ปากอย่างน่ารำคาญหูออกมา
“โอ้ เจ้าหญิงเจสสิก้า หลานรักของข้า” เดวิลอสยังคงกดเท้าขยี้ลงบนหัวของยุนอา จนพี่สาวร่วมสาบานอย่างยูริทนดูไม่ไหว
“หน็อย ไอ้ปีศาจสารเลว!” ยูริที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันแทบถลาไปหาเดวิลอสถ้าหากทิฟฟานี่ไม่รั้งไว้ก่อน
“ไม่นะยูริ” ทิฟฟานี่ร้องห้าม
“แล้วดูนั่น เจ้าหญิงทิฟฟานี่ หลานสาวฝาแฝดที่หายสาบสูญไปนานแสนนานของข้าอีกคน นี่มันวันรวมญาติหรือยังไง” เขาหัวเราะเหมือนคนเสียสติแต่ยังคงไว้ซึ่งแววตาแห่งความเหี้ยมโหด
“ราชวงศ์มาเดนจะไม่มีวันจารึกชื่อคนชั่วช้าอย่างเจ้าไว้ในประวัติศาสตร์! ปล่อยเพื่อนข้าได้แล้ว!” แท่งน้ำแข็งนับร้อยแท่งพุ่งจ่อรอบกายจ้าวปีศาจคล้ายข่มขู่ แต่เขากลับไม่รู้สึกอนาทรร้อนใจเลยสักนิด ซ้ำยังหัวเราะเสียงเยียบเย็นจนทุกคนที่ได้ยินต่างพากันขนลุกเกรียว
“ได้สิ เจสสิก้าหลานรัก ข้าจะปล่อยตัวเพื่อนของเจ้าก็ได้” เท้าของเดวิลอสค่อยๆ ยกห่างออกจากหัวของยุนอา ก่อนจะก้าวถอยหลังไปทีละนิด จนกระทั่งถึงระยะห่างพอสมควรซอฮยอนก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงยุนอาขึ้นมา แต่เจสสิก้าก็ยังคงจ้องมองจ้าวปีศาจร้ายอย่างไม่ไว้วางใจ ไม่รู้ว่าคราวนี้เขาจะมาไม้ไหนกันแน่
“ยังพอเดินไหวใช่มั้ยคะ ยุนอา”
“ไหว ข้ายังไหวอยู่” ยุนอาตอบพร้อมรอยยิ้ม แต่แล้วดวงตากลมโตของซอฮยอนกลับเบิกกว้างขึ้น
“ยุนอา ระวัง!” ซอฮยอนผลักยุนอาไปรวมกับทุกคนอย่างรวดเร็ว
แท่งน้ำแข็งที่จ่อรอบตัวเดวิลอสสลายไปพร้อมเสียงระเบิดตูมของพลังสีดำขนาดใหญ่ที่ตรงดิ่งใกล้เข้ามาหาทุกคน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แม้แต่เจ้าหญิงเจสสิก้าที่จับตาดูเดวิลอสอยู่ตลอดเวลาก็ยังช้าไป
แต่ทันใดนั้นบาร์เรียร์น้ำก็ถูกสร้างขึ้นปกป้องคุ้มครองทุกคนภายในเสี้ยววินาที ทว่ามันกลับไม่ได้สร้างคุ้มกันเจ้าของพลังแต่อย่างใด ร่างของซอฮยอนจึงถูกพลังกระแทกกระเด็นจนหมดสติท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคนที่อยู่หลังบาร์เรียร์น้ำที่กำลังเลือนหายไป
ไม่มีเสียงร้องไห้ฟูมฟายใดๆ ออกมาจากใครทั้งนั้น ทุกคนยังอยู่ในอาการช็อกค้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ไม่หาย
“ซอฮยอน!” ทุกคนร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันทันทีที่บาร์เรียร์สีฟ้าแตกสลายกลายเป็นละอองน้ำ ยุนอาวิ่งอย่างทุลักทุเลเข้าไปประคองร่างหมดสติของซอฮยอนเอาไว้ในอ้อมแขนของตัวเองทันที
“ไม่ๆๆ ตื่นขึ้นมาคุยก่อนซอฮยอน” ยุนอาตบหน้าเรียกสติเจ้าหล่อนเบาๆ ดวงตากลมโตจึงค่อยๆ ปรือขึ้นมาอย่างอ่อนล้าพร้อมกับเลือดสีแดงที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปาก
“เจ้าลืมสร้างบาร์เรียร์คุ้มกันตัวเองด้วยหรือไง ซอฮยอน” เจ้าหล่อนส่ายหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าจงใจค่ะ” ซอฮยอนตอบเสียงเบา
“ทำไม ความจริงเจ้าไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้นี่” ไม่ว่ายังไงยุนอาก็ไม่เข้าใจเหตุผลของการกระทำนั้นเลย
“พลังนั่นเข้ามาใกล้เกินไป ถ้าข้าสร้างบาร์เรียร์คุ้มกันข้าด้วยมันจะแตกทันที แล้วพวกเราจะตายกันหมด” ซอฮยอนกำมือยุนอาแน่น
“ข้าเลยต้องใช้ตัวเองเบี่ยงเบนทิศทางของพลัง...” ยุนอามองเลือดสีแดงไหลออกมาจากมุมปากของซอฮยอนไม่หยุด น้ำตาแห่งความเสียใจของยุนอาจึงค่อยๆ รินไหลออกมาเพราะรู้สึกผิดที่ไม่อาจช่วยเหลือเจ้าหล่อนได้เลย
“โธ่ ซอฮยอน” ยุนอาหลับตาลงปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มช้าๆ
“...” ซอฮยอนได้แต่ส่งรอยยิ้มบางๆ ให้ยุนอา
“เจ้าจะไปขี่ม้าเพกาซัสกับข้าอีกใช่มั้ย” ยุนอาพยายามปรับโทนเสียงให้ดูร่าเริงและกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แต่เธอกลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงเสียงที่ออกมาจึงเป็นเสียงสะอื้นไห้และน้ำตาก็ยิ่งไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ “ข้าไม่ลืมสัญญาหรอกนะ”
“...”
ซอฮยอนไม่ตอบ เจ้าหล่อนทำเพียงส่งรอยยิ้มจางๆ ให้ ก่อนจะเอื้อมมือถอดกำไลสีฟ้าออกมาจากข้อมือของตัวเองแล้วยื่นให้เธอเอาไปถือไว้ อัญมณีแห่งสายน้ำส่องแสงสีฟ้าริบหรี่ หรือนั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เธอทำใจเสียที
“เก็บไว้ เจ้าจะได้ดูมันตอนที่เจ้าคิดถึงข้า” เสียงของซอฮยอนขาดหายไปเป็นช่วงๆ “หรือเจ้าจะมอบให้คนที่เจ้ารักสุดหัวใจก็ได้ มันจะปกป้องคนๆ นั้น”
ยุนอาส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา “ถ้างั้นข้าจะเอามันให้เจ้า มันจะได้ปกป้องเจ้าไม่ให้ไปไหนจากข้า”
ซอฮยอนทำได้เพียงยิ้มรับกับคำสารภาพรักของยุนอา แต่เธอคงซาบซึ้งกับมันได้อีกไม่นาน เวลาของเธอใกล้จะหมดลงแล้ว
“ซอฮยอนข้ามีอะไรสนุกๆ ที่อยากทำกับเจ้าเยอะแยะเต็มไปหมด ข้าจะพาเจ้าเที่ยวไปทั่วอาณาจักรภูตภูเขา เจ้าจะได้เห็นสัตว์แปลกๆ เจ้าจะได้กินผลไม้อร่อยๆ เราจะอยู่ด้วยกันที่นั่นอย่างมีความสุข”
“...” มีเพียงรอยยิ้มเปื้อนคราบเลือดบนใบหน้าของซอฮยอน
“ข้าสัญญาข้าจะไม่กวนประสาทเจ้าอีก ข้าจะดูแลเจ้าเอง ขออย่างเดียวเจ้าอย่าทิ้งข้าไปไหนเลยนะ นะซอฮยอนนะ”
“ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปไหนยุนอา”
“ข้าจะอยู่กับเจ้า...” ซอฮยอนพยายามยกมือขึ้นชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของยุนอา
“ในนี้...”
มือบางร่วงผล็อยลงอย่างช้าๆ พร้อมกับยุนอาที่ซุกหน้าลงร้องไห้กับร่างของซอฮยอนด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
“อย่าเสียใจกันไปเลย เพราะอีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้ตายตกตามนางกันไปทุกคน” เดวิลอสตะเบ็งเสียงหัวเราะลั่นเหมือนกับว่าชีวิตมนุษย์ไร้ค่าและการฆ่าคนตายเป็นเรื่องน่าสนุก ทำให้สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของเจ้าหญิงเจสสิก้าขาดผึงทันที เธอรู้สึกเหมือนมีใครเอาไฟมาสุมตัวเธอให้ร้อนรุ่มไปหมด และเธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนตรงหน้าจะเป็นถึงจ้าวปีศาจผู้เหี้ยมโหดสักเพียงใดก็ตาม
“เจ้ามันชั่วช้าจริงๆ เดวิลอส ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่มีวันเข้าใจคำว่ามิตรภาพและความรักของมนุษย์ เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะปีศาจอย่างเจ้ามันไร้หัวใจยังไงล่ะ แม้แต่คำว่าบาปบุญคุณโทษพวกเจ้าก็ไม่เคยสำนึกได้ พวกเจ้ามันมีแต่ความเกลียดชัง น่ารังเกียจ ปีศาจอย่างเจ้ามันช่างน่าสมเพชสิ้นดี จงคอยดู ข้าเจสสิก้าคนนี้จะทำให้เจ้ารู้เองว่า การตายที่ไร้ค่าอย่างแท้จริงมันเป็นยังไง!”
ลมหนาวพัดวูบโชยมาอีกระลอกหากแต่คราวนี้กลับโหมรุนแรงกว่าเก่า จนคนที่อยู่ด้านนอกมองเห็นเพียงแต่พายุหิมะสีขาวล้อมรอบบริเวณที่เดวิลอสและเจสสิก้ายืนอยู่ ทั้งสองประจันหน้ากันดั่งศัตรูคู่อาฆาตที่จองล้างจองผลาญกันมาเนิ่นนานและต่างก็ไม่มีใครยอมใคร
“มาตายซะเถอะเจ้าหญิงน้อย” เดวิลอสแสยะยิ้มก่อนเอ่ยเสียงเยียบเย็น
“ข้าไม่ใช่เจ้าหญิงน้อย... ข้าคือราชินีเจสสิก้าแห่งอาณาจักรมาเดน!”
“งั้นก็ตายเสียเถอะองค์ราชินี!”
ออร่าฟรอสท์ปรากฏขึ้นในมือของเจสสิก้าพร้อมกับพายุหิมะที่แปรเปลี่ยนไปเป็นกำแพงน้ำแข็งขวางกั้นพลังชั่วร้ายที่ลอยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว เสียงอึกทึกดังสนั่นไปทั่วทั้งแผ่นดิน แล้วพลังของทั้งสองก็แตกสลายหายไป แต่นั่นเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
ท้องฟ้าสลัวแห่งดินแดนทิศตะวันตกแปรเปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉานราวกับมีใครเอาโลหิตไปสาดไว้ บรรยากาศรอบด้านเงียบกริบ หมอกควันจากการปะทะพลังกันเมื่อครู่เริ่มจางหายไปทีละนิด เบื้องหลังหมอกควันสีจางมีรอยยิ้มเหยียดจากจ้าวปีศาจผู้นึกสนุกและพอใจในคู่ต่อสู้ที่มีพลังสูสีกันอย่างเจ้าหญิงเจสสิก้า
“เก่งไม่เบา แต่ข้าไม่ออมมือให้เจ้าหรอกนะเจสสิก้า” จ้าวปีศาจยิ้มหยัน
“ก็ไม่ได้ขอสักหน่อย” เจสสิก้าสวนกลับทันควัน
พลังทะมึนที่เป็นดั่งเพชฌฆาตก่อตัวขึ้นอีกครั้ง แต่เจ้าหญิงเจสสิก้าก็เร็วพอที่จะส่งแส้หิมะสีขาวไปบีบรัดมันไว้ ทันใดนั้นร่างของเธอก็กระตุกฮวบเนื่องจากพลังทะมึนใหญ่นั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นแส้ลามเลียมารัดข้อมือเธอไว้ในบัดดล แต่เมื่อออร่าฟรอสท์ตัดฉับลงแส้พลังนั้นก็หายไปทันที และพอเธอเงยหน้าขึ้นมาเดวิลอสก็หายไปเช่นกัน
“เจ้ากำลังจะทำให้น้องสาวกำพร้าพี่...” เสียงเยียบเย็นของเดวิลอสดังอยู่ด้านหลัง พร้อมกับดาบใหญ่ที่จ่อมายังลำคอของเธออย่างมีชัย
แต่ทว่า...
“วันนี้ไม่ใช่วันตายของข้า!”
สิ้นเสียงพลังสีขาวมากมายมหาศาลก็ปะทุออกจากร่างของเจสสิก้าผลักเดวิลอสกระเด็นไปไกล ดวงตาสีแดงฉานของเดวิลอสเบิกโพลงด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเห็นว่าดาบใหญ่ของตนถูกความเย็นกัดกินจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เช่นเดียวกับมือ แขน จนกระทั่งเกล็ดหิมะได้ลามไปทั่วร่างของเดวิลอสจนขยับตัวไม่ได้ เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นอย่างทรมาน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงจ้องมองมาอย่างอาฆาตพยาบาทพร้อมกับพลังสีดำที่กำลังก่อตัวขึ้นในมือ
“ตายซะเถอะ!” เดวิลอสตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาลอย่างถึงขีดสุด
พายุหิมะที่กำลังพัดอยู่รอบบริเวณหยุดลงอย่างฉับพลันทันใด ภาพการต่อสู้เบื้องหน้าฉายชัดขึ้นในดวงตาของทุกคนราวกับเป็นพยาน พลังสีขาวมากมายพุ่งผ่านตัวเจสสิก้าที่ยืนนิ่งมองพลังสีดำที่กำลังเคลื่อนใกล้มาหาตัวเองด้วยอาการสงบ ไร้ซึ่งความกลัวตายใดๆ
“เจ้านั่นแหละที่ต้องตาย!”
เจสสิก้าประกาศก้องพร้อมกับตวัดออร่าฟรอสท์ชี้สั่งพลังสีขาวให้วิ่งผ่านกลุ่มก้อนพลังสีดำจนสลายไป ก่อนจะพุ่งทะลุร่างจ้าวปีศาจเดวิลอสที่ไม่อาจขยับเขยื้อนไปไหนให้กลายเป็นน้ำแข็ง จนกระทั่งเริ่มปริแตกและระเบิดออกในที่สุด แรงระเบิดซัดทุกคนที่อยู่ในรัศมีการต่อสู้กระเด็นไปคนละทิศละทาง
จ้าวปีศาจเดวิลอสตายแล้ว
แต่เสียงร้องลั่นทรมานแสนสาหัสยังคงแว่วอยู่ในโสตประสาทของทุกคน
ความเงียบกริบเข้าปกคลุมได้ไม่นาน เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดก็ดังขึ้นอีกครั้ง ไอสังหารสีดำแผ่กระจายครอบคลุมรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว ปีกสีดำแผ่ขยายใหญ่ สองเท้าก้าวย่างเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น ดวงตาสีแดงฉานจ้องมองมายังเจสสิก้าด้วยความโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด
... เจ้าหญิงแห่งความมืด ...
“แทยอน...”
เจสสิก้าสั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อเห็นแทยอนถือดาบแบล็คสตอร์มเข้ามาใกล้ทุกขณะ เรี่ยวแรงที่เคยมี อีกทั้งพลังมากมายมหาศาลเมื่อครู่ก็เหมือนถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น เธอได้แต่ตะเกียกตะกายพยายามจะลุกขึ้นหนีไปแต่ก็ทำไม่ได้ จนกระทั่งเงาดำของแทยอนพาดผ่านเหนือตัว เธอถึงได้หยุดดิ้นรนหาทางหนี
“ไม่นะแทยอน!” ยูริตะโกนร้องลั่น
เจสสิก้าก้มหน้าลงยอมยอมรับความตายจากมัจจุราชที่กำลังจะประทานให้ในไม่ช้า เงาดาบแบล็คสตอร์มที่กำลังถูกเงื้อฉายชัดขึ้นเหนือพื้นดิน ก่อนที่เสียงกระทบกันของเหล็กจะดังกังวานขึ้น
เคร้ง! แสงสีทองอร่ามสว่างไสวดั่งรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ปรากฏพร้อมกับทิฟฟานี่ที่มาช่วยชีวิตเจสสิก้าไว้ได้ทันเวลา
ดวงตาคู่สวยของทิฟฟานี่สบลึกเข้าไปในดวงตาสีแดงว่างเปล่า ราวกับจะสื่อความรู้สึกอัดอั้นตันใจที่มีให้ออกไปจนหมดสิ้น แต่แทยอนกลับทำเพียงจ้องมองมาอย่างอาฆาตแค้น พร้อมกับไอพลังสีดำที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“แทยอน... ได้โปรดฟังข้าสักนิด ข้าทิฟฟานี่ คนรักของเจ้าไง เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรอ” ทิฟฟานี่พยายามเตือนสติแทยอน
เธอได้แต่หวัง หวังว่ามันจะมีปาฏิหาริย์ที่แทยอนจะกลับมาเป็นแทยอนคนเดิมอีกครั้งหนึ่ง เธอไม่อยากทำร้ายแทยอน ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องจมอยู่กับความเสียใจไปตลอดชีวิต
แทยอนเป็นคนแรกที่เธอรู้จักนับตั้งแต่เธอหลงมายังโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าในตอนแรกแทยอนจะทำเป็นเย็นชากับเธอ แต่ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ท่วมท้นอยู่ภายในใจของแทยอนก็ทำให้เธอตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น แทยอนได้มาเติมเต็มในส่วนที่ขาดไปของเธอ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอ และเป็นคนสำคัญที่เธอไม่อยากเสียไป
“ได้โปรดเถอะแทยอน”
แต่แล้วดาบแห่งแสงกลับถูกแบล็คสตอร์มตวัดวูบอย่างแรงจนเกือบหลุดจากมือ ตามมาด้วยการฟาดฟันใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ให้ทิฟฟานี่ได้ตั้งตัว
เจสสิก้าและคณะเดินทางที่เหลือจึงวิ่งเข้ามาช่วยทิฟฟานี่อีกแรง แต่วงเวทอาณาเขตสีดำของแทยอนถูกกางห้ามไม่ให้ใครเข้ามาช่วยเหลือขึ้นมาก่อน ทำให้ทิฟฟานี่ต้องรับมือกับแทยอนเพียงลำพัง
เสียงปะทะของดาบสะเทือนเลือนลั่น แบล็คสตอร์มดาบแห่งความมืดไล่ต้อนดาบแห่งแสงรวดเร็วรุนแรงไร้ซึ่งความปรานี ไอสังหารรุนแรงยังคงแผ่ซ่านจนเลือดกำเดาสีแดงสดไหลซึมออกจากจมูกของทิฟฟานี่ทีละนิดๆ เสียงหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแรงปะทะจากแบล็คสตอร์มยังมากมหาศาลแต่ทิฟฟานี่ก็ยังไม่ถอย ฉับพลันร่างบางก็ต้องหมุนตัวหลบแบล็คสตอร์มที่พุ่งฉวบเข้ามาฉิวเฉียด
แคว่ก! ผ้าคลุมไหล่สีขาวของทิฟฟานี่ขาดวิ่น ทว่าแทยอนกลับไม่สนใจด้วยซ้ำ สองเท้าย่ำลงบนผ้าคลุมที่ขาดก่อนจะกลับมารุกไล่ฟาดฟันทิฟฟานี่ดังเดิม
“แทยอนเจ้าจำข้าไม่ได้จริงๆ หรอ”
ทิฟฟานี่ที่ตอนนี้อยู่ในสภาพสะบักสะบอมยังคงพร่ำร้องเรียกสติแทยอนให้กลับคืนมาตลอดเวลา แต่แทยอนหาได้ฟังไม่ ปลายดาบแบล็คสตอร์มยังคงพุ่งเล็งมายังกึ่งกลางใจของทิฟฟานี่ไม่หยุด หากแต่เจ้าหล่อนกลับใช้ดาบเพียงป้องกันตัวเท่านั้น
“ใครก็ได้หยุดการต่อสู้นั้นที ใครก็ได้” เจสสิก้ามือเย็นเฉียบหัวใจเต้นรัวไปด้วยความกลัวขณะมองการต่อสู้น่าหวาดหวั่นระหว่างน้องสาวฝาแฝดกับแทยอน
คนหนึ่งเดิมพันการต่อสู้ด้วยชีวิต...
ส่วนอีกคนเดิมพันการต่อสู้ด้วยหัวใจ...
ถ้าเป็นเช่นนี้อีกต่อไปทิฟฟานี่คงต้องเพลี่ยงพล้ำถูกแทยอนสังหารในไม่ช้าแน่ เจสสิก้าสั่นสะท้านด้วยความกลัวไปทั้งตัว เธอไม่มีกะจิตกะใจมองดูภาพการต่อสู้ตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว มือบางยกขึ้นกุมใบหน้าปิดน้ำตาที่รินไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยูริที่อยู่ข้างๆ กันจึงดึงเจ้าหล่อนเข้าไปกอดปลอบแนบอกไว้ไม่ห่าง
‘มีแค่สองคนนั้นเท่านั้นที่จะเป็นผู้หยุดการต่อสู้ครั้งนี้ได้’ ยูริคิด
เคร้ง!!! เสียงดาบทั้งสองเล่มกระทบกันดังก้อง หัวใจทุกคนหล่นวูบทันทีที่เห็นว่าดาบแห่งแสงถูกผู้ครอบครองมันยกขึ้นมากั้นดาบแบล็คสตอร์มที่อยู่ห่างจากคอตัวเองไม่ถึงคืบเกือบไม่ทัน ทิฟฟานี่พยายามดันแบล็คสตอร์มให้ออกห่างจากลำคอของตัวเองสุดแรง และในเสี้ยววินาทีนั้นแทยอนก็ชักดาบกลับอย่างรวดเร็วเป็นเหตุให้ทิฟฟานี่เสียหลักเซไปทางด้านซ้าย ก่อนจะล้มลงกับพื้นพร้อมกับดาบแห่งแสงที่กระเด็นหลุดลอยออกไปจากมือ
“ไม่นะ!” เจสสิก้าหวีดร้องลั่นกับภาพที่เห็น ดาบแห่งแสงปักลงบนพื้นอยู่ห่างจากน้องสาวของเธอพอสมควร และต่อให้ทิฟฟานี่จะวิ่งไปหยิบมันขึ้นมาตอนนี้ ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
ดาบแห่งความมืดเป็นผู้พิชิตดาบแห่งแสงสว่างในที่สุด แบล็คสตอร์มถูกตวัดยื่นมาจ่อลำคอระหงราวกับจะประกาศความพ่ายแพ้ของศัตรูทันที ทิฟฟานี่ได้แต่นั่งนิ่งสบลึกเข้าไปในดวงตาที่เปลี่ยนไปของแทยอน ใบหน้าเรียบนิ่งราวรูปสลัก ไร้ซึ่งแววตาอบอุ่นอ่อนโยนที่เคยมองมายังเธอเช่นทุกครั้ง
“แทยอน...” ดวงตาคู่สวยสั่นระริก หยาดน้ำตาใสค่อยๆ ไหลรินลงอาบสองพวงแก้มข้างยามเรียกชื่อนั้นออกมา
ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตของแทยอนว่างเปล่า ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อเสียงเพรียกหานั้นอีกต่อไปแล้ว มือข้างที่ถือแบล็คสตอร์มกระชับแน่น ก่อนง้างขึ้นเตรียมสังหารเหยื่อตรงหน้าในไม่ช้า
ทิฟฟานี่หลับตาลงเตรียมรับความตายจากมัจจุราชด้วยอาการสงบ น้ำตายังคงรินไหลด้วยความเสียใจ แทยอนไม่รีรอลงดาบในทันที แต่ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ดาบนั้นกำลังจะตวัดไปยังคอของเจ้าหล่อนมันกลับหยุดกึกราวกับมีคนมาดึงเอาไว้
เมื่อเห็นว่าแทยอนไม่ยอมลงดาบสักทีทิฟฟานี่จึงลืมตาขึ้นมาช้าๆ แต่ภาพที่ได้เห็นนั้นกลับทำให้เธอนิ่งอึ้งไปหลายวินาที
แทยอนกำลังยื้อยุดฉุดแขนตัวเองให้ดาบออกห่างจากลำคอของเธออย่างยากลำบากโดยที่เธอเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ เหมือนแทยอนกำลังสับสน ดวงตาสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีนิลก่อนจะกลับมาเป็นสีแดงและสีนิลอีกครั้ง แล้วในที่สุดดาบแบล็คสตอร์มก็ถูกเหวี่ยงออกไปไกลด้วยน้ำมือของเจ้าของมัน
เกิดอะไรขึ้นกับแทยอนกันแน่... ทิฟฟานี่สบลึกเข้าไปในดวงตาสีนิลของแทยอน แล้วทันใดนั้นแทยอนก็ยิ้มอย่างระโหยโรยแรงออกมาบางๆ
“หยิบดาบแห่งแสงขึ้นมา” แทยอนบอกทิฟฟานี่ที่ยังคงงุนงง “เร็วเข้าฟานี่ เวลาไม่คอยท่าแล้ว”
“แทยอน เจ้ากลับมาแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมาหาข้า” ทิฟฟานี่ผุดลุกขึ้นจะเข้าไปหาคนรัก แต่แทยอนกลับถอยห่างทันทีเมื่อเจ้าหล่อนเข้ามาใกล้ ซึ่งเธอไม่อาจเข้าใจได้เลย
“เจ้าฟังนะฟานี่ ปีศาจในร่างข้ากำลังกัดกินจิตใต้สำนึกของข้าไปทีละนิด และถ้ามันครอบครองจิตใจของข้าทั้งหมดเมื่อไหร่ ข้าจะกลับกลายเป็นปีศาจอีกครั้ง เจ้าเข้าใจที่ข้าบอกไปใช่มั้ยฟานี่” แทยอนพยายามอธิบายอย่างยากลำบาก และทิฟฟานี่เองก็ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งที่แทยอนต้องการจะบอกดีอยู่แล้ว
“ข้าจะคงอยู่แบบนี้ได้อีกไม่นาน”
“...” ทิฟฟานี่พยายามกลั้นน้ำตาแต่ก็ไม่สามารถทำได้
“เพราะฉะนั้นได้โปรดทำตามที่ข้าบอก”
“มันต้องมีหนทางอื่นสิ”
แทยอนส่ายหน้าแทนคำตอบ น้ำตาแห่งความโศกเศร้าของทิฟฟานี่ยังคงพรั่งพรูไม่หาย เธอเข้าใจที่แทยอนพูดทุกประการ ดาบแห่งแสงอยู่ไม่ไกล แต่การจะเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมานั้นไม่ง่ายเลย มันต้องมีหนทางอื่นสิที่จะทำให้แทยอนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ดูท่าแล้วทิฟฟานี่คงไม่มีทางทำตามที่เธอบอก แทยอนจึงเดินทุลักทุเลไปหยิบดาบแห่งแสงขึ้นมายื่นให้ทิฟฟานี่เอาไปถือแต่โดยดี แม้ว่ามันจะทำให้มือของเธอปวดแสบปวดร้อนจนเป็นแผลพุพองมากเพียงใดก็ตาม
“อย่าลังเลอีกเลย ข้าเลือกแล้วฟานี่ สงครามต้องยุติ ปีศาจต้องถูกกำจัดไปตลอดกาล...” แทยอนพูดออกมาอย่างยากลำบาก และคนฟังอย่างทิฟฟานี่ก็เจ็บปวดใจไม่ต่างกัน
“ได้โปรด สังหารข้าเถอะนะ”
“ไม่!” ทิฟฟานี่ส่ายหน้าไปมา “ข้าทำร้ายเจ้าไม่ลงหรอกแทยอน”
“เจ้าต้องทำทิฟฟานี่ เพราะถ้าหากข้ากลายเป็นปีศาจอีกครั้ง เจ้าจะไม่มีโอกาสแบบนี้เป็นครั้งที่สอง”
พลันมือข้างที่ถือดาบแห่งแสงของทิฟฟานี่ก็กระตุกตั้งขึ้น ปลายดาบหันจ่อไปยังทิศทางที่แทยอนยืนอยู่โดยที่เธอไม่สามารถควบคุมได้เลย ทิฟฟานี่จึงใช้มืออีกข้างห้ามไม่ให้ดาบแห่งแสงถูกดึงไปตามแรงที่แทยอนสั่ง แต่มันกลับไม่ได้ผล
“แทยอน เจ้าจะทำอะไรน่ะ” แทยอนส่งยิ้มจางๆ เป็นคำตอบแก่ทิฟฟานี่
“ไม่! ไม่นะแทยอน!! ไม่!!!!!”
ดาบแห่งแสงพุ่งสวบเข้าไปกึ่งกลางหน้าอกของแทยอนจนของเหลวสีดำทะลักไหลออกมา พร้อมๆ กับวินาทีที่ทิฟฟานี่ดึงกระชากดาบแห่งแสงออกจากร่างนั้น แต่ก็ไม่ทันการ ร่างของแทยอนที่ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นทำให้ทิฟฟานี่ตกตะลึงไปชั่วขณะ
“แทยอน...” มือบางสั่นระริก จนดาบแห่งแสงหลุดมือตกลงข้างกาย
ท้องฟ้ามืดมัวค่อยๆ กระจ่างใส อาณาจักรวอร์ซอว์ ไม่ใช่อาณาจักรแห่งความมืดอีกต่อไป แม้แต่กองทัพปีศาจมโหฬารที่กำลังบุกเข้าโจมตีก็สูญสลายหายไปพร้อมกับอำนาจแห่งมนต์ดำ แสงสีทองเรืองรองของดวงตะวันในยามรุ่งอรุณฉายชัดขึ้นเหนือฟากฟ้า พร้อมเสียงโห่ร้องยินดีกู่ก้องทั่วอาณาจักร
ชัยชนะของมวลมนุษย์
ที่แลกมาด้วยการเสียสละ ความรัก และหัวใจของใครคนหนึ่ง
ทันทีที่สติคืนกลับมา ทิฟฟานี่ก็รีบวิ่งไปประคองร่างของแทยอนทั้งน้ำตาทันที “แทยอน ทำไมกัน ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ ทำไม...”
เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก น้ำตาของหญิงสาวที่เธอรักสุดหัวใจและเคยให้สัญญาว่าจะไม่ทำเจ้าหล่อนร้องไห้อีกกำลังร่วงพรูตกกระทบบนหน้าของเธอราวกับเม็ดฝน
“ขอ.. โทษ” เลือดสีดำกระอักล้นเต็มปากของแทยอน “ขอโทษ... ที่ทำให้เจ้าเสียใจอีก”
หลังจากที่วงเวทสีดำแตกสลายหายไปทุกคนก็วิ่งเข้ามาหาทิฟฟานี่ทันที
“ฟานี่!” เจสสิก้าร้องเรียกน้องสาว
“พี่สิก้า พี่ต้องช่วยแทยอน พี่ช่วยแทยอนทีนะ ข้าขอร้อง” ทิฟฟานี่ร้องขอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้กับพี่สาวฝาแฝด และเจสสิก้าเองก็ลำบากใจเหลือเกินที่จะพูดความจริงออกไป
“อย่า ถ้าทำอย่างนั้น.. สิก้า... จะตายแทนข้า” แทยอนบอกกับทิฟฟานี่ที่กำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่ว่าจะแทยอนหรือพี่สาวของเธอ เธอไม่ต้องการสูญเสียใครไปทั้งนั้น สวรรค์ช่างใจร้ายกับเธอเหลือเกิน
เสียงภูเขาไฟที่กำลังปะทุดังขึ้นสลับกับเสียงร้องไห้ของทิฟฟานี่ พื้นดินเหนืออาณาจักรแห่งความมืดกำลังสั่นสะเทือนเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะล่มสลายไปตามการสูญสิ้นของอำนาจมนต์ดำ
“ข้าฝาก... เจ้า ดูแล.. ฟานี่.. แทนข้าที” แทยอนหันไปหาเจสสิก้าที่น้ำตาเริ่มไหลลงมาอีกครั้ง
“ช่วยเติมเต็ม... ครอบครัว.. ที่ฟานี่ไม่มี...”
“เป็นพี่สาว... ที่ดี” ลมหายใจของแทยอนเริ่มขาดช่วง
“เจ้าไม่ต้องบอกข้าก็ทำอยู่แล้วแทยอน เจ้าไม่ต้องห่วงนะ ข้ากับยูลจะดูแลฟานี่เอง” แทยอนยิ้มรับคำตอบของเจสสิก้าอย่างโรยแรง
“อย่าจากข้าไปไหนเลยนะ” ทิฟฟานี่เช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าของคนรักอย่างเบามือ “อย่าทิ้งข้าไปไหน ถ้าไม่มีเจ้าข้าจะอยู่ยังไง”
“...”
“ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะอยู่ไปเพื่ออะไร เจ้าต้องอยู่กับข้านะรู้มั้ย เจ้าห้ามตายเด็ดขาดนะแทยอน เจ้าห้ามตายเด็ดขาดนะได้ยินข้ามั้ย”
“ข้าเสียใจ... ที่ไม่อาจมีชีวิต อยู่ปกป้อง... ดูแลเจ้าได้ตลอดไป”
แทยอนยกมือขึ้นแนบใบหน้างดงามของทิฟฟานี่ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา แล้วเช็ดออกอย่างนุ่มนวลพร้อมรอยยิ้มอันแสนเศร้าที่กลั้นความเจ็บปวดอย่างสุดความพยายาม
“ข้าไม่อยากเห็น... เจ้าเสียใจ แต่เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อผู้คนที่รักเจ้า... ทั้งสิก้า ยูริ เพื่อนๆ หรือแม้แต่ประชาชนของเจ้า”
“...” ทิฟฟานี่ยังคงร้องไห้ไม่หยุด
“อย่าเสียใจ.. กับการเลือกของข้าเลยคนดี”
“...”
“ทุกอย่าง.. ที่ข้าทำไป.. ก็เพราะ...”
“...”
“ข้า รัก เจ้า” มือที่กำลังแนบใบหน้าของทิฟฟานี่ตกลง พร้อมกับดวงตาสีนิลปิดสนิทไปตลอดกาล
“แทยอน!!!” ทิฟฟานี่ใจสลายร้องไห้ฟูมฟายกอดร่างแทยอนไว้แน่น
“ไม่จริงใช่มั้ยสิก้า ไม่จริงใช่มั้ย บอกข้าทีแทยอนยังไม่ตายใช่มั้ย”
“ทิฟฟานี่...”
เจสสิก้าโผเข้ากอดปลอบน้องสาวฝาแฝดแล้วร้องไห้ออกมาด้วยกัน การที่เจสสิก้าทำเช่นนี้ก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากพอแล้ว ทำไมกัน ทำไมเรื่องร้ายๆ แบบนี้ต้องเกิดกับเธอด้วย ทำไมเธอต้องเกิดมาเพื่อสูญเสียคนที่เธอรักอยู่ร่ำไป ทำไมสวรรค์ช่างใจร้ายใจดำกับเธอเหลือเกิน
“เราแต่งงานกันแล้ว.. เพราะฉะนั้นเจ้าจะมาทิ้งให้ข้าอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ไม่ได้นะแทยอน” ทิฟฟานี่สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ
“เจ้าเป็นคนรักประสาอะไร ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าแบบนี้...”
“รู้ใช่มั้ยว่าข้ารักเจ้า ข้ารัก รักเจ้าเพียงคนเดียว รักจนข้าคิดว่าแม้แต่ชีวิตข้าก็ยอมสละให้เจ้าได้”
“ถ้าเธอทำอย่างนั้นจริงๆ ไม่คิดหรือไงว่าฉันจะเสียใจแค่ไหน”
“แต่ข้าก็ไม่อาจทนเห็นคนที่ข้ารักจากไปต่อหน้าต่อตาได้เช่นกัน เหมือนกับตอนที่ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังจะจากข้าไปยังโลกของตัวเอง แค่คิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าแล้วหัวใจข้าก็แทบสลาย...”
“ฉันก็ไม่ได้ไปไหนแล้วไง จะอยู่ที่นี่คอยกวนใจเธออย่างนี้ไปตลอดเลย แต่เธอนั่นแหละแทยอนอย่าเพิ่งเบื่ออย่าเพิ่งหนีฉันไปไหนก่อนแล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันคิดบัญชีกับเธอแน่”
“ข้าสัญญาที่รัก มันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน”
“ไหนเจ้าสัญญากับข้าแล้วไง ว่าจะไม่หนีข้าไปไหน เจ้าเป็นคนบอกเองว่ามันจะไม่มีวันนี้เกิดขึ้น”
“แล้วทำไม ทำไมกันแทยอน...” ทิฟฟานี่เฝ้าถามคำถามเดิมๆ ทั้งน้ำตา
เสียงคำรามอึกทึกของภูเขาไฟดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ควันไฟพวยพุ่งเหนือท้องนภา ทุกคนต่างพากันหันมองไปยังภูเขาไฟสันหลังมังกรโดยพร้อมเพรียงกัน มีเพียงทิฟฟานี่ที่ยังอาลัยอาวรณ์กับร่างไร้วิญญาณของแทยอน หมอกควันพุ่งขึ้นปกคลุมอาณาจักรวอร์ซอว์จนมืดมิดกลายเป็นอาณาจักรแห่งความมืดอีกครั้ง
ฉับพลันพื้นดินก็สั่นไหวสะท้านสะเทือน สิ่งก่อสร้างทั้งหมดถล่มพังทลายไม่เหลือชิ้นดี แผ่นดินแตกแยกเป็นทางยาว เสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหวก้องไปทั่วทุกดินแดนดั่งวันโลกาวินาศ และในที่สุดที่ปล่องยอดภูเขาไฟก็ระเบิดลั่นพร้อมของเหลวร้อนสีแดงที่ปะทุออกมา
อาณาจักรแห่งความมืดกำลังจะล่มสลายในไม่ช้า
“ภูเขาไฟระเบิดแล้ว เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว อาณาจักรแห่งความมืดกำลังจะล่มสลาย” ซันนี่บอกกับทุกคน ยูริได้แต่ปลอบยุนอาที่ยังคงช็อกไม่หายอยู่ไม่ห่าง
ส่วนทิฟฟานี่ยิ่งแล้วใหญ่ เจ้าหล่อนไม่ได้ยินดียินร้ายด้วยซ้ำ ยังคงเอาแต่กอดร่างแทยอนไว้แน่นแล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วง
“ฟานี่...” เจสสิก้าร้องเรียกน้องสาว แต่ทิฟฟานี่ยังคงนิ่งเงียบ
“...” ทิฟฟานี่หลั่งน้ำตาออกมาเงียบๆ ในขณะที่เจสสิก้าใช้สองมือประคองใบหน้าน้องสาวฝาแฝดให้หันมาทางตน ก่อนจะลูบหัวปลอบประโลมอย่างเช่นทุกครั้งที่เคยทำ
“กลับบ้านเรากันเถอะนะ” ทิฟฟานี่มองหน้าเจสสิก้าอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะก้มลงมองใบหน้าของแทยอนในอ้อมกอดของตัวเอง ถึงเวลาแล้วสินะ
... เวลาที่เราต้องจากกันชั่วนิรันดร์ ...
น้ำตาแห่งความโศกเศร้าหยดลงบนใบหน้าแทยอนหยดแล้วหยดเล่า มือบางค่อยๆ ช้อนร่างของแทยอนขึ้นมาจุมพิตลงบนริมฝีปากสีซีดของแทยอนเหมือนครั้งแรกพบเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะผละตัวออกมาพิศมองภาพคนรักของตนอยู่เนิ่นนานราวกับจะให้ภาพนั้นตราตรึงอยู่ในหัวใจตลอดไป
... เจ้าจะอยู่ในใจข้าเสมอ แทยอน ...
_____________________________________________________________________________________
[Forget Me Not]
ยังคงยืนยันคำเดิม อย่าเอาระเบิดมาปาใส่บ้านเค้านะคะ
จะเป็นอึแมว ไข่เน่า ผักเน่าก็ห้ามปามาค่ะ แง้งงงง
เพราะเค้าก็เสียใจที่แทยอนกับซอฮยอนตายเหมือนกัน T^T
ในที่สุดสงครามก็สิ้นสุดลง แต่มันก็แลกมาด้วยการเสียสละของผู้คนมากมาย
บางครั้งความรักก็ไม่ใช่การได้ครอบครองซึ่งกันและกัน
เพราะสงครามไม่เคยปรานีใคร แค่ได้เห็นคนที่เรารักปลอดภัยและมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เพียงพอแล้ว
แล้วก็ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้าย บทสรุปของเรื่องราวหลังจากนี้ทั้งหมด
ทั้งเรื่องของคณะเดินทาง ความรักของยูลสิก ยุนอา แล้วก็ทิฟฟานี่
ทั้งหมดจะใช้ชีวิตหลังสงครามกันยังไงต่อไป
ฝากติดตามกันต่อจนจบด้วยนะคะ ฮรืออออออออออ
ปล. เกือบลืมยัยหนูเยริเลย
ที่พามาฝากเนื้อฝากตัวเพราะเดี๋ยวยัยหนูกับเดอะแก๊งจะมาโผล่เร็วๆนี้แหละค่ะ
แต่จะมาในรูปแบบไหนนั้นขออุบไว้ก่อน แต่บอกเลยว่ายัยหนูไม่ธรรมดาแน่ อิอิ
มีคนเดาว่าเป็นน้องสาวสิก้า? นางจะมีน้องสาวเยอะเกินไปแล้วนะเฮ้ย
ยังไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องนะคะ แต่วนๆเวียนๆอยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละค่ะ
เนี่ยใบ้ให้สุดๆแล้วว่าให้ดูจากหน้าเฉี่ยวๆชื่อแล้วก็สีผม
แล้วก็มีสปอยล์ชื่อยัยหนูโผล่ไปในเรื่องจิ๊ดนึงแล้วด้วย
ยังงงอยู่ว่าไม่มีใครเอะใจหรืออ่านข้ามกัน แต่มันอยู่ในฉากNCมีคนอ่านข้ามด้วยหรอ 5555
ฟิคเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีก็เลยมีปมปัญหาเต็มไปหมด
บางทีเค้าอาจเฉลยไม่เคลียร์หรือใครงงมีคำถามอะไร สามารถถามได้เลยนะคะ
เดี๋ยวตอนหน้าเค้าจะมาตอบให้หมดเลยค่ะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ ▶The Miracle || Chapter 60 : ชั่วนิจนิรันดร์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แทยอนนี่การสูญเสียที่2ของฟานี่ แต่ของน้องซอนับมั้ยอ่ะ เพราะดูไม่ได้ผูกพันกันเท่าไหร่ หวังว่าตอนหน้าอิพี่จะฟื้น ไรท์มาต่อเร็วๆนะ T___T
ปานี่ของเค้า อยากกอดปลอบ แล้วชุปชีวิตให้ท้งน้องซอแล้วก็แทยอน และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้าย เป็นฟิคที่รอคอยมากสนุกเค้าชอบ ขอบคุณมากนะคะ แต่ตอนนี้เศร้าจริง ตอนอ่านแบบ อ้าววววว ไม่เอาแบบนี้สิไม่เอาาาาา TT
เศร้าจัง แทยอนแม้ขณะที่โดนพลังอำนาจมืดของปีศาจเข้าครอบงำ
ก้อยังไม่สามารถทำร้ายฟานี่ได้ลง ความรักที่แทยอนมีให้ฟานี่สามารถเอาชนะจิตมืดของปีศาจได้
แทยอนกับฟานี่ เค้ารักกันมากมายจริงๆๆ
สงสารฟานี่มากอ่ะ จะอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขได้ยังไง
รู้นะว่าการเสียสละเปนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่คนดีแบบฟานี่ก้อไม่ควรทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตนะ
อยากให้ทั้งแทยอนและซอฮยอนฟื้นคืนมาได้จัง ทั้งเศร้า ทั้งหน่วงง
รอติดตามตอนต่อไปนะคะไรท์ ^^
ถ้าไม่ผิด เยริ ลูกยูลสิกชัว55555
ยังไงเค้าจะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ
นานแค่ไหนก็จะรอนะไรท์ สู้ๆนะ คิดถึงจัง ^___^