คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ราชนาวีเสน่หา EP.02
หลายวันต่อมา...
“แกจะไปจริงๆ หรือใบเตย” คำถามที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนสนิท เรียกความสติของโชติกาให้กลับมาอีกครั้ง หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ใจจริงเธอก็ไม่อยากออกจากบ้านที่เธอเคยอยู่มาตั้งแต่เกิดแม้แต่น้อย แต่จะมีความหมายอะไร ในเมื่อตอนนี้บ้านหลังที่เธอเคยอยู่ กลับเต็มไปด้วยปัญหาและความวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
หลังจากมารดาเสียไปได้ไม่กี่ปี บิดาก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้าน และไม่ได้พามาคนเดียวเสียด้วย เพราะฝ่ายหญิงนั่นมีลูกติดมาถึงสองคน อายุก็คงไล่เลี่ยกับเธอ บ้านที่เคยสุขสงบในวันวานคงกลายเป็นเพียงอดีตเท่านั้น เพราะตั้งแต่สามแม่ลูกคู่นี้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็มีแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน
“ไม่เห็นต้องถามเลย ดูหน้าใบเตยก็รู้แล้วมั้ง เป็นฉัน ฉันก็ไม่อยู่หรอก”
ภัทริยารู้สึกเห็นใจโชติกาไม่น้อย แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากนัก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกอย่างลุงเทิดก็เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าสิ่งที่ท่านทำถูกต้องเสมอ หากท่านตัดสินใจไปแล้ว ใครก็ไม่สามารถขัดขวางได้
“แต่นั่นมันบ้านแกนะใบเตย” รวิพรบอก รู้สึกเป็นห่วงกับการตัดสินใจของโชติกา นั่นเพราะเธอรู้จักนิสัยของบิดาโชติกาเป็นอย่างดี หากท่านตัดสินใจหรือพูดอะไรไปแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนใจท่านได้
“บ้านเหรอ? ขุมนรกมากกว่า” โชติกาบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น บ้านที่เคยสงบสุขมันเป็นแค่อดีตเท่านั้น ปัจจุบันมันคือขุมนรกเสียมากกว่า บ้านที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของคนในครอบครัว บัดนี้บ้านหลังนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงเพลง เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วแสบแก้วหู งานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นเกือบทุกอาทิตย์ด้วยฝีมือของสามแม่ลูกที่บิดาเพิ่งพาเข้ามาในอยู่บ้าน บ้านที่แสนสุขกลายเป็นบ้านที่น่ารังเกียจ มีผู้ชายสับเปลี่ยนเข้าออกในบ้านไม่เคยซ้ำหน้า
“พูดแรงไปหรือเปล่าใบเตย”
“ไม่แรงหรอกพร ลูกเลี้ยงของคุณพ่อพาเพื่อนเข้ามาในบ้านแทบทุกอาทิตย์ แถมคนที่พาเข้ามาก็ไม่ซ้ำหน้ากันด้วย ไม่รู้ว่าคุณพ่อทนอยู่ได้ยังไง”
“คุณลุงโดนของหรือเปล่าใบเตย” ภัทริยาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่หรอกภัทร ฉันก็เห็นคุณพ่ออยู่ดีมีสุข ไม่เห็นท่านจะเป็นอะไรเลย”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะ” รวิพรบอก รู้สึกกังวลกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของบิดาเพื่อนสนิท
“ฉันว่าพวกเราเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ยังไงฉันก็ตัดสินใจที่ย้ายออกมาจากบ้านนั่นอยู่แล้ว” ให้ทนอยู่ในบ้านหลังนั้นอีกแค่วันเดียว เธอยังทำไม่ได้เลย ให้ทนหายใจอยู่ร่วมบ้านกับสามแม่ลูกจอมหิวเงินพวกนั้น เธอยอมออกมาอยู่ข้างนอกดีกว่า ถึงจะออกมาอยู่ข้างนอก เธอก็ไม่มีวันอดตายเป็นแน่ สมบัติที่ใครๆ อยากได้อยากมี เธอก็ไม่ได้สนใจที่อยากครอบครองสักนิด
รวิพรหันมองหน้าภัทริยาแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเป็นห่วงกับการตัดสินใจของโชติกา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ เพราะตอนนี้คุณลุงเทิดดูจะรักและสนใจภรรยาใหม่กับลูกมากกว่าลูกสาวที่เกิดจากภรรยาคนแรกเสียอีก เวลาที่เคยมีให้โชติกาก็เปลี่ยนไปให้ลูกชายกับลูกสาวของภรรยาใหม่แทน
“แล้วแกจะย้ายออกมาวันไหน”
“ไม่เกินอาทิตย์นี้แหละพร ฉันซื้อคอนโดแล้ว ตอนนี้กำลังตกแต่งอยู่”
“เอ้ย แกไปซื้อคอนโดตั้งแต่เมื่อไร ทำไมพวกฉันถึงไม่รู้” ภัทริยาร้องออกมาอย่างตกใจกับการตัดสินใจที่รวดเร็วของโชติกา คราวก่อนเธอเข้าใจว่าเรื่องที่โชติกาจะซื้อคอนโดมิเนียมเป็นเรื่องที่คุยกันเล่นๆ เสียอีก ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นจริง
“ฉันตัดสินใจกะทันหันนะ”
“แล้วแกซื้อคอนโดอยู่แถวไหนล่ะ” รวิพรถามในสิ่งที่สงสัย เพราะเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของโชติกา ตั้งแต่คบกันมาโชติกาไม่เคยต้องลำบาก ออกมาอยู่นอกบ้านแบบนี้ คุณลุงเทิดจะไม่ว่าอะไรจริงหรือ?
“เมืองนนท์” โชติกาบอกขณะตักอาหารใส่จาน แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่รวิพรกับภัทริยาเป็นห่วง แค่มองตาเธอก็รู้แล้วว่าทั้งสองกังวลเรื่องที่เธอตัดสินใจออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง
“อยู่ไกลจากบ้านมากเลยไม่ใช่หรือใบเตย”
“ก็ไม่ไกลเท่าไรหรอก ขับรถแค่สองชั่วโมงก็ถึงแล้ว”
“แต่ถ้ารถติดก็เกือบสามชั่วโมงเลยนะใบเตย” รวิพรถาม ที่จริงคอนโดมิเนียมที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีๆ มีอยู่เยอะแยะภายในกรุงเทพฯ หรือไม่ก็หาคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้ๆ บ้านดีกว่า ไปอยู่ไกลขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกับคุณลุงเทิด จะกลับมาดูใจท่านทันได้อย่างไรแต่ที่เธอไม่เข้าใจก็คือ ทำไมโชติกาต้องย้ายออกไปอยู่เสียไกลบ้าน ปล่อยให้สามแม่ลูกอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ขจรเดชอย่างสุขสบายได้อย่างไร ถ้าเป็นเธอล่ะก็ ไม่มีทางปล่อยให้สามแม่ลูกนั่นอยู่อย่างมีความสุขแน่
“พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก คอนโดที่ฉันไปอยู่ ระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม”
“ไปอยู่บ้านฉันดีไหมใบเตย ถึงจะไม่ใหญ่โตเท่าบ้านแก แต่ก็ไม่ได้คับแคบอะไร ยังเหลือห้องว่างอีกหลายห้องเลย” ภัทริยาบอก ถึงบ้านเธอไม่ได้ใหญ่โตเทียบเท่ากับบ้านของโชติกา แต่ถ้าให้เพื่อนสักคนเข้าไปอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ดีเสียอีก มีคนอยู่ในบ้านเยอะๆ จะได้อุ่นใจ เพราะเธอเองก็อาศัยอยู่กับมารดาแค่สองคนเอง
“ฉันเกรงใจแม่สร้อย” โชติกาบอกถึงสาเหตุที่เธอไม่อยากไปอาศัยอยู่ที่บ้านของภัทริยา ที่สำคัญเธอไม่อยากนำปัญหาไปให้ท่านต้องกังวล
“เกรงใจแม่สร้อย พูดบ้าอะไรของแก แม่ฉันดีใจล่ะไม่ว่า ถ้าแกไปอยู่ที่บ้าน แม่ฉันรักแกจะตายไป” ภัทริยาพูดแล้วเบ้ปากเล็กน้อย ไม่พอใจกับความคิดของโชติกา ครอบครัวของเธอกับครอบครัวโชติการู้จักกันมาหลายสิบปี ถึงไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาตินั่นแหละ เธอเลยไม่เข้าใจว่าโชติกาเอาความคิดบ้าๆ แบบนี้มาจากไหน ถ้ามารดารู้เรื่องนี้ ท่านคงโกรธน่าดู
“ไม่เอาน่าภัทร เลิกงอนได้แล้ว ฉันมีเหตุผลของฉันนะภัทร” โชติกาบอก รู้สึกเซ็งนิดๆ กับท่าทางกังวลจนเกินเหตุของภัทริยา เธอมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากไปพักที่บ้านของภัทริยาหรือแม้แต่บ้านของรวิพร
“เหตุผลอะไรของแก” ภัทริยาถาม ใบหน้าสวยเริ่มบึ้งเล็กน้อยที่โชติกาปฏิเสธความหวังดีจากเธอ ทำไมโชติกาถึงไม่ยอมรับความหวังดีจากเธอบ้าง
“ฉันยังบอกตอนนี้ไม่ได้” เธอมีเหตุผลมากมายที่ไม่สามารถไปอยู่บ้านของภัทริยาได้ โชติกายิ้มให้สองเพื่อนสนิท
“ทำไม!” ภัทริยาถามต่ออย่างงอนๆ
“เลิกเซ้าซี้ใบเตยได้แล้วภัทร ถึงใบเตยซื้อคอนโด ก็ไม่ได้แปลว่าใบเตยจะไม่ไปนอนที่บ้านแกนี่นา” รวิพรพยายามไกล่เกลี่ย เธอเข้าใจเหตุผลที่โชติกาไม่อยากไปพักบ้านภัทริยา และยิ่งเข้าใจสิ่งที่ภัทริยาต้องการด้วย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไขว้คว้าความต้องการเหล่านั้นมา
โชติการู้สึกขอบใจในความหวังดีของภัทริยา เธอก็ไม่ต้องการรับความหวังดีของเพื่อนสนิทผู้นี้อยู่ดี เหตุผลหลักที่เธอไม่อยากไปอาศัยอยู่ด้วยก็คือ ภัทริยาไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อน แต่มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก
“รู้แล้วน่า แกเลิกบ่นได้แล้วไอ้พร” ภัทริยาหันมาแว้ดใส่รวิพรอย่างไม่พอใจ ทำไมถึงชอบขัดความต้องการของเธออยู่เรื่อย ก็รู้อยู่ว่าเธอคิดยังไงกับโชติกา แค่ร่วมมือกับเธอนิดหน่อย คงไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนต้องพังลงหรอก
รวิพรส่ายหน้าไปมากับนิสัยเอาแต่ใจของภัทริยา ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่าภัทริยารู้สึกอย่างไรกับโชติกา และเธอก็รู้ดีว่าโชติกาไม่ได้คิดอะไรกับภัทริยา ขืนเธอปล่อยให้ภัทริยาทำตามใจ คงเกิดเรื่องที่ยากจะแก้ไขเข้าสักวัน
โชติกาส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาระคนเบื่อหน่ายเล็กน้อยกับนิสัยเอาแต่ใจของภัทริยา ตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยไม่เคยเปลี่ยน ถ้าไม่ติดว่ารู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก เธอคงเลิกคบไปแล้ว ยังเรื่องที่ภัทริยาคิดกับเธอเกินเพื่อนอีก ไม่รู้บ้างหรือไง ว่าเธอลำบากใจแค่ไหน ถ้าพูดไปก็กลัวจะทำให้ภัทริยาเสียใจ แล้วยังความสัมพันธ์ของครอบครัวอีก จะตัดสินใจทำอะไรสักทีก็ดูยุ่งยากไปหมด
“คืนนี้ไปเที่ยวกันไหมใบเตย” ภัทริยาถามเมื่อเห็นโชติกานั่งเงียบ
“ไม่ล่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องเข้าประชุมเช้า”
“จะประชุมอะไรนักหนาใบเตย เมื่ออาทิตย์ก่อน บริษัทใบเตยก็เพิ่งประชุมไปเองไม่ใช่หรือไง”
“ใบเตยเป็นเจ้าของบริษัทนะภัทร ไม่ใช่พนักงานในบริษัท ว่าแต่ภัทรเถอะเรียนจบมาหลายปีแล้ว ไม่คิดทำงานบ้างหรือไง” รวิพรบอก ขณะเบนสายตาไปมองโชติกาที่เอาแต่นั่งทานอาหารไม่สนใจบทสนทนาของเธอกับภัทริยาเท่าไร ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโชติกาถึงไม่พูดออกไปตรงๆ เกี่ยวกับเรื่องปัญหาที่เป็นอยู่ในขณะนี้
หรือถ้าพูดออกไปแล้ว กลัวภัทริยาจะเสียใจแล้วต้องเลิกคบกันไป
“ถ้าตำแหน่งงานที่บริษัทของใบเตยว่าง ฉันอาจจะทำก็ได้”
“โทษทีนะภัทร ตอนนี้ที่บริษัทไม่มีตำแหน่งว่างเลย” โชติกาปฏิเสธทันควัน ให้ภัทริยาไปทำงานที่บริษัท มีหวังคงได้วุ่นวายกันทั้งบริษัท พนักงานหลายคนก็ไม่ชอบนิสัยของภัทริยาด้วย เพราะเมื่อสองปีก่อน ภัทริยาเข้าไปอาละวาดจนบริษัทเกือบเสียชื่อเสียง
“ญาติๆ ของแกก็มีบริษัทไม่ใช่เหรอภัทร ทำไมไม่ไปทำงานที่บริษัทของญาติแกล่ะ” รวิพรถามอย่างสงสัย ถ้าคิดจะรอตำแหน่งงานที่บริษัทของโชติกา เธอมั่นใจเลยว่าชาตินี้ทั้งชาติ ภัทริยาก็ไม่มีโอกาสจะได้เข้าไปทำแน่นอน
“ฉันอยากทำงานกับใบเตยมากกว่า” ถ้าไม่ได้ทำงานที่บริษัทของโชติกา เธอก็จะไม่ไปทำงานที่บริษัทอื่นเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็นบริษัทของญาติฝ่ายบิดาด้วยแล้ว เธอยิ่งไม่ทำเข้าไปใหญ่
โชติกากับรวิพรแอบถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อได้ฟังคำพูดของภัทริยา โรงแรมที่ญาติของภัทริยาบริหารอยู่ มีแต่คนอยากเข้าไปทำงานทั้งนั้น แล้วคนที่โอกาส? ทำไมถึงไม่เข้าไปทำ
“รีบกินเถอะพร นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันอยากกลับบ้านไปนอนแล้ว”
“อืมม์” รวิพรตอบ แล้วลงมือจัดการอาหารบนโต๊ะ
“ภัทรก็รีบกินเถอะ ขับรถกลับบ้านดึกๆ มันอันตราย” โชติกาหันมาเตือนภัทริยาอีกคน เอาแต่นั่งเขี่ยอาหารอยู่ได้ แล้วเมื่อไรถึงจะอิ่ม เธอไม่ใช่แม่พระที่คอยดูแลคนอื่นมากกว่าตัวเอง
“ใบเตยก็ไปส่งภัทรสิ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
“ภัทร” โชติกาเรียกภัทริยาเสียงเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย
“โอเคๆ ภัทรเข้าใจแล้ว” ภัทริยาตอบอย่างงอนๆ เมื่อถูกปฏิเสธจากโชติกา แค่ไปส่งเธอที่บ้านแค่นี้ ทำไมต้องไม่พอใจด้วย เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยหรือโชติกาจะรู้เรื่องที่เธอรัก...ไม่จริงน่า ถ้ารู้ก็ต้องพูดอะไรออกมาบ้างแล้วสิ แต่เธอยังไม่เห็นโชติกาพูดหรือแสดงอาการรังเกียจเธอเลยจากนั้นโต๊ะอาหารก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เริ่มกังวลกับบรรยากาศที่ชวนอึดอัดอยู่รอบๆ ตัว หลังจากทานอาหารอิ่ม โชติกา รวิพรและภัทริยาก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
////////
ความคิดเห็น