ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {EXO} Dormitory เมื่อผมอยู่หอ

    ลำดับตอนที่ #1 : 1st - Someone call the doctor

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 524
      4
      14 ธ.ค. 57




    Dormitory

    เมื่อผมอยู่หอ #ฟิคอซอยู่หอ
     

    Introduction

    SM High School

    ณ หอพักชั้นสิบ ห้อง101

    หนึ่งเดือนก่อนเปิดเทอมเป็นเวลาที่ทุกคนจะต้องย้ายข้าวของเข้าห้องใหม่ โดยวิธีจัดห้องให้นักเรียนแต่ล่ะคนนั้นก็เป็นวิธีที่เป็นสากลเอามากๆ นั่นก็คือการ... จับฉลาก และสุ่มมั่วๆ ไปตามความขี้เกียจคิดเยอะของผู้ดูแลหอ

    กระเป๋าและสัมภาระถูกขนเข้ามาวางไว้ในห้องที่มีพื้นที่กว้างขวางเอามากๆ นับตั้งแต่บริเวณทางเข้าที่มีตู้ใส่รองเท้าวางเรียงไว้ เดินเลยเข้าไปก็เป็นส่วนกลางของห้องที่เป็นห้องนั่งเล่น มีโซฟาสีครีมตัวยาวๆ ตั้งไว้อยู่ตรงข้ามกับทีวีขนาดใหญ่ และมีโต๊ะสี่เหลี่ยมอันเล็กๆ วางคั่นไว้ ทางด้านขวาของห้องก็เป็นห้องครัวที่มีเคาน์เตอร์บาร์ และโต๊ะสำหรับกินข้าวถูกจัดวางไว้พื้นที่นอกห้องครัวใกล้ๆ กันกับเคาน์เตอร์บาร์

    ส่วนฝั่งซ้ายของห้องก็เป็นประตูบานเลื่อนกระจกใสเปิดออกไปเป็นระเบียงที่มองเห็นวิวบริเวณหลังโรงเรียน ถัดไปจากบริเวณประตูบานเลื่อนก็เป็นประตูที่เปิดไปยังห้องนอนฝั่งล่ะสองห้อง โดยรวมแล้วหอพักที่นี่จัดได้ว่าดูสะดวกสบายเอามากๆ

    บุคคลแรกเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบรรดาข้าวของเป็นกองที่ถูกขนมาวางไว้กลางห้อง เขากวาดสายตามองรอบห้องอย่างสำรวจ มันไม่ค่อยต่างจากห้องพักปีที่แล้วของเขาเท่าไร จะต่างก็แค่ตรงที่ว่ามันดูสะอาดกว่าก็เท่านั้นเอง

    “ย่าห์ๆๆ!

    “อะไรของพี่อ่ะ เสียงดังทำไมเนี่ย!

    “แกมาเบียดฉันทำไมล่ะวะ ค่อยๆ เดินก็ได้เข้าห้องเหมือนกันเว้ย!

     “ก็ผมอยากเข้าก่อนนี่!

    เสียงดังเอะอะจากบริเวณหน้าห้องทำให้คนผมสีแดงที่มาถึงเป็นคนแรกต้องเดินออกไปดู ปาร์คชานยอลหมุนตัวกลับไปที่บริเวณทางหน้าห้องก่อนจะพบกับต้นเหตุของเสียงดังที่กำลังยืนเบียดยืนดันกันอยู่ตรงประตูห้อง

    “อะไรเนี่ย”

    ชานยอลส่งเสียงออกมาทำให้ตัววุ่นวายสองคนหันมามอง แต่... ก็แค่นิดหน่อย แล้วก็หันกลับไปกัดกันเหมือนก่อนหน้านี้

    ผู้ชายหัวสีดำสนิทที่มีดวงตาเล็กหยี บยอนแบคฮยอนกับผู้ชายหัวสีเงินที่สูงกว่าเจ้าหัวดำอยู่มาก หวงจื่อเทาและใช่ ตอนนี้พวกเขากำลังตีกันอยู่ เพียงแค่เรื่องที่ว่าใครจะเข้าห้องมาก่อน

    “ย่าห์”

    เสียงเรียบๆ ดังมาจากข้างหลังสองคนนี้ ซึ่ง... มองแทบไม่เห็นเจ้าของเสียงเลยจ้า เฮลโหล่วว อยู่ไหนครับ? เสียงที่ถูกเปล่งออกมาจากผู้ชายตัวเล็กในชุดสีดำทั้งตัว ตาโตๆ ของเขาที่ดูเหมือนจะเหลือกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเหลือกเข้าไปใหญ่เมื่อเขาเงยหน้าถลึงตาใส่คนสองคนที่ทำตัวเกะกะอยู่หน้าห้อง

    คนวุ่นวายสองคนที่ก่อนหน้านี้ยังเอาแต่เบียดกันอยู่ตรงประตูแล้วก็เสียงดังใส่กันไปมา กลับขยับหลีกทางให้ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่ามากเดินเข้าห้องไปอย่างง่ายดาย แต่ก็ไม่วายหันกลับมาขู่แง่งๆ ใส่กันอีกรอบเมื่อคนตัวเล็กเดินพ้นไปแล้ว

    โดคยองซูเดินเข้าห้องมาพร้อมกับกระเป๋าที่แทบจะใบใหญ่กว่าตัว เขาวางกระเป๋าไว้กลางห้องและตาโตๆ นั่นก็กวาดมองไปทั่วห้อง พลันเสียงวุ่นวายก็ดังขึ้นอีกระลอกทำให้เขาต้องละสายตากลับไปมอง

    “ว้าวววว!! ห้องนี่สวยกว่าห้องเดิมอีก”

    เสียงที่สูงราวกับจะทะลุกำแพงดังขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ปรากฏเข้ามาในห้อง มุมปากที่ยักขึ้นก็ยังคงเอาแต่พูดเสียงสูงไม่ยอมหยุด คิมจงแดที่มาของเสียงกังวานที่เอามาใช้อย่างผิดวิธีโดยการสร้างมลภาวะทางเสียง

    “นายพูดเบาๆ หน่อยไม่ได้เหรอไง”

    จางอี้ชิงเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ามึนตามสเต็ป เขายกมือขึ้นแคะขี้หูราวกับว่าเสียงของจงแดมันไปสร้างความปั่นป่วนให้กับรูหูของเขา

    “ชีวิตฉันคือการทำหน้าที่เป็นเสียงนะ จะให้เงียบได้ยังไงล่ะ!

    จางอี้ชิงกลอกตาให้กับคำตอบของคนเสียงสูงตรงหน้า ถ้าเจ้านี่รู้จักใช้เสียงตัวเองให้ถูกวิธีโดยไม่ก่อความรำคาญให้คนอื่นเขาเป็นก็คงจะดีมาก แต่เสียงสูงๆ แหลมๆ ที่เอาแต่พูดไปมาไม่หยุด แถมยังไปชวนคนอื่นเขาคุยอีกจนระดับความวุ่นวายในเสียงเพิ่มขึ้นแบบตอนนี้นี่มันน่ารำคาญจริงๆ

    “อย่างน้อยก็เบาเสียงลงหน่อยเถอะ”

    อี้ชิงพูดอย่างปลงตก แล้วเขาก็เดินถือกระเป๋าเข้าห้องไปยังทางคยองซูที่ดูน่ารำคาญน้อยที่สุดในนี้ แต่ตาข้างขวาของเขาก็กระตุกอยู่เป็นระยะ ใจไม่ดีเลยครับ ขอเถอะ อย่าเอาพวกตัววุ่นวายมามากกว่านี้เลย แค่สี่คนตรงนี้ไม่นับรวมคยองซูนี่เขาก็มีเกณฑ์จะไมเกรนกินวันล่ะสามสิบสองรอบแล้ว

    แต่... เขาคงทำบุญมาน้อยไป คำขอของเขาไม่เป็นผลเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว

    “เย้เฮท! โอโฮรัน!

    เสียงร้องอย่างดี๊ด๊าดังมาจากทางเข้า เด็กปีศาจเดินเข้ามาพร้อมกับคำประหลาดๆ ที่ต่อให้ขยี้ตายังไงเจ้าเด็กนี่ก็คงไม่หายไป  เด็กปีศาจที่ร่างสูง(กว่าเขาเยอะ)ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ให้ความรู้สึกเหมือนแป๊ะยิ้ม และออร่าแบบเด็กปีศาจก็วนเวียนอยู่รอบตัว

    “ย่าห์ โอเซฮุน! อย่าเดินตัวเปล่าสิวะ มาเอากระเป๋าแกไปด้วย”

    คิมจงอินเด็กผู้ชายผิวสีแทน (ย้ำนะว่าแทน ไม่ได้ดำนะเว้ย!) เดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบโตเต็มสองไม้สองมือที่คาดว่าน่าจะเป็นของเซฮุนด้วย

    “ก็ถือมาหน่อยไม่ได้เหรอไง ไหนๆ แกก็ต้องถือของแกอยู่แล้ว จะไม่มีน้ำใจเลยอ่อ กับเพื่อนแค่เนี้ยทำไม่ได้เลยอ่อ บู่ ขี้งกว่ะ”

    “ย่าห์!!

    บอกแล้วว่าเด็กนี่มันปีศาจ...

    เหมือนว่าจงอินพยายามอย่างมากที่จะอดกลั้นไม่ไปถวายหมัดเสยใส่หน้าแป๊ะยิ้มของเพื่อนคนนี้ แต่ ตอนนี้ทุกคนกำลังตั้งความหวังให้จงอินตบะแตกและตั้นหน้ามันสักทีสองที

    “ดูเหมือนว่าห้องนี้จะมีแต่คนสติไม่ดีแฮะ”

    เสียงจากบุคคลมาใหม่ดังขึ้นทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เปล่า โอเซฮุนไม่ได้เป็นคนพูด เสียงมันมาจาก อู๋อี้ฟานต่างหาก

    “จริงๆ ผมว่าเฮียต่างหากที่ดูสติไม่ดีที่สุดเลย”

    เสียงนี้ต่างหากที่มาจากโอเซฮุนจริงๆ

    “นายไม่ใช่สไตล์ฉันหรอกนะ”

    “ผมยังไม่ได้ถามถึงสไตล์อะไรเลยเฮีย”

    โอเซฮุนพูดขึ้นมาอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ คนตรงหน้าก็พูดเรื่องสไตล์ๆ อะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ นั่นแหละ ไม่มีใครเข้าใจอู๋อี้ฟานได้เท่าตัวเขาเองจริงๆ หรอก ก็นะ อะไรก็ไม่ใช่สไตล์อ่ะ

    “ลู่เก่อ! อย่าเตะบอลตรงนี้สิ! ถ้ามันไปโดนอะไรแตกขึ้นมาจะทำยังไง”

    ออร่าความมุ้งมิ้งแผ่กระจายออกมาแม้มาแค่เสียง ผู้ชายไซส์มินิที่มาพร้อมกับผมสีบลอนด์ที่ไถเป็นทรงมาอย่างเท่ ซึ่งเขาก็ทำมันออกมาได้น่ารักอยู่ดี

    “ก็หนีไง จะอยู่ทำไมล่ะ”

    เจ้าของเท้าที่เอาแต่เดาะบอลไปมาหันมาตอบโดยไม่เสียเวลาคิด คิมมินซอกก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ ในขณะที่ ลู่หานหัวเราะแล้วก็เตะบอลขึ้นมารับแล้วถือไว้ในมือ

    “โย่ แมน! ทำไมคนเยอะงี้ล่ะ นี่เราต้องอยู่ด้วยกันทั้งหมดนี่เลยเหรอ”

    ลู่หานว่าพลางไล่สายตามองไปรอบห้องที่มีจำนวนคนอยู่จนแทบล้น จากห้องกว้างๆ แทบจะดูเล็กลงไปเลยทีเดียว  

    “คงงั้น ทั้งหมดก็... หนึ่ง สอง สาม สี่... สิบเอ็ดคน”

    ชานยอลชี้นิ้วนับทีล่ะคนแล้วก็สรุปจำนวนคนออกมาเป็นสิบเอ็ดคน แต่เดี๋ยวนะ... มันยังขาดอยู่หนึ่งคนอีกนะเว้ย เจ้าตัวที่ไม่ถูกนับกำลังยืนเถียงอยู่ในใจที่หน้าประตูห้อง ซึ่ง... ไม่มีใครหันมาใส่ใจกันสักคน

    “เฮ้ พวกนาย...”

    คิมจุนมยอนส่งเสียงออกมาแต่ก็เหมือนว่าจะถูกเสียงของชานยอลกลบจนไม่มีใครได้ยิน

    “มันมีห้องนอนสี่ห้อง เราจะแบ่งกันยังไง เป่ายิ้งชุ้บ?”

    “นี่ เด็กๆ...”

    “เอาดิ ง่ายดี”

    และแบคฮยอนที่ก็ออกเสียงสนับสนุน

    “พวกนาย...”

    “ปั๊กกระเป่ายิ้งชุ้บ!

    สิบเอ็ดคนกำลังรวมตัวกันตรงกลางห้องและก็ยื่นมือออกมาตรงกลาง ในขณะที่มีคนนึงกำทดลองเป็นมนุษย์ล่องหน...

    “สนใจกันหน่อยสิเว้ยยยยย!!

    แผดเสียงออกมาด้วยพลังเสียงทั้งหมดที่มี จุนมยอนแทบจะหอบแฮ่กๆ กับการเปล่งเสียงเมื่อกี้ ทุกการกระทำหยุดชะงักแล้วพร้อมใจกันค่อยๆ หันไปทางต้นเสียง เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคน

    “อะไรอ่ะ” เทาถามออกมาอย่างงงๆ ในขณะที่มองไปที่จุนมยอน

    “อะแฮ่มๆ”

    จุนมยอนกระแอมกระไอนิดหน่อย

    “ฉันก็อยู่ห้องนี้เหมือนกัน”

    “แล้วไงอ่ะครับ”

    เสียงจากเด็กปีศาจอย่างโอเซฮุน

    “แล้ว...?”

    ชานยอลเองก็ด้วย

    ไปต่อไม่ถูกเลยวุ้ย ก็แค่เดินเข้ามาถึงแล้วไม่มีใครสนใจเสียงของเขาแถมยังกำลังเลือกห้องกันโดยไม่รอเพื่อนร่วมห้องอีกคนแบบเขาอีก!

    “พี่มาช้าอ่ะ แก่แล้วเลยเป็นเต่าใช่ป่ะเนี่ย”

    บุคคลที่อายุน้อยที่สุดในห้องบ่นออกมา

    “มาถึงแล้วก็รีบๆ เข้ามาสิครับ จะได้เลือกห้องนอนกันสักที”

    เทาที่ก็อายุๆ พอกับเซฮุนกวักมือเรียกจุนมยอนที่ยืนอยู่หน้าห้องให้รีบๆ เข้ามา เออเว้ย นอกจากจะทดลองเป็นมนุษย์ล่องหนแล้วนี่ยังจะทดลองเป็นคนที่ไม่มีใครเคารพอีกเหรอวะ

    จุนมยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลงตกกับชะตากรรมชีวิตของตัวเอง เดินลากกระเป๋าเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นตรงกลางห้อง กวาดตามองบรรดาเพื่อนร่วมห้องในเทอมใหม่นี้แล้วก็รู้สึกถึงเส้นประสาทในสมองที่กระตุกยิบๆ

    ชีวิตต่อจากนี้คงหาความสงบสุขไม่ได้แล้วล่ะจุนมยอนเอ้ย นอกจากจะได้ทดลองเป็นมนุษย์ล่องหนแล้ว สาบานด้วยผิวที่สว่างกว่านีออนของเขาเลยว่าเขาได้ทดลองเป็นแม้กระทั่งคนที่มีความรู้สึกอยากจะลองตายใต้ต้นถั่วงอกแน่ๆ

    ทุกคนครับ... โดเนทความปลอดภัยในชีวิตให้ผมที ได้กลิ่นความฉิบหายวายปวงลอยมาตงิดๆ แล้วครับ!

     

    Dormitory #ฟิคอซอยู่หอ

    Episode01

    -Someone call the docter-

     

    7.35 AM

    “อือ...”

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตาคนที่นอนซุกตัวอยู่กับผ้าห่มบนเตียงนอน ร่างเล็กขยับตัวไปมาเพื่อบิดขี้เกียจไล่ความง่วงงุนที่สุมอยู่บนหนังตา เขาค่อยๆ ขยับตัวพลางเอื้อมแขนสั้นๆ ไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียงขึ้นมาเพื่อดูเวลา

    เจ็ดโมงสามสิบห้า

    เขาวางโทรศัพท์กลับลงบนโต๊ะแล้วก็ซุกหน้าลงกับผ้าห่มอีกรอบเมื่ออากาศเย็นๆ ยามเช้าราวกับเป็นมือที่รั้งเขาไว้กับเตียงนอน วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรก และแน่นอนว่าจะต้องมีปฐมนิเทศกันยาวเหยียดตั้งแต่แปดโมงตรง

    แปดโมงตรง...

    ร่างเล็กบนเตียงเปิดตาขึ้นและเบิกตากว้างจนตาแทบถลน พื้นที่สีขาวในดวงตากว้างมากขึ้นไปอีกจนลูกตาดำแทบกลืนหายไปกับสีขาว คยองซูหันขวับไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงอีกครั้งเพื่อดูเวลาในโทรศัพท์

    เจ็ดโมงสามสิบเจ็ดนาที...

    “จะแปดโมงแล้วโว้ย!! ตื่นนนน!

    แหกปากทันทีที่รู้สึกตัว!

    คยองซูกระโดดลงจากเตียงเดี่ยวของตัวที่ตั้งอยู่ริมซ้ายสุดฝั่งระเบียง เสียงตะโกนของคยองซูทำให้เซฮุนที่นอนอยู่เตียงตรงกลางและลู่หานที่นอนอยู่เตียงริมฝั่งขวางัวเงียขึ้นมามองดูคนขาสั้นวิ่งลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำ

    “อะไรอ่ะ”

    ลู่หานถามหลังจากที่มองปฏิกิริยาของคยองซูที่ดูรีบร้อนสุดๆ ในขณะที่เซฮุนที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มแค่ตาก็ส่ายหัวด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน

    “พี่เขาคงสูงขึ้น0.5มิลมั้ง”

    ลู่หานพยักหน้าเข้าใจ (เข้าใจ?) แล้วก็ทิ้งหัวลงไปนอนกับหมอนต่ออีกรอบ เสียงน้ำที่กระทบกับพื้นห้องน้ำดังออกมาไม่ขาดสายก็ทำให้เขาคิดไปเพลินๆ... วันนี้เปิดเทอมวันแรกสินะ มีปฐมนิเทศตอนแปดโมงด้วยแหละ...

    หืม

    “เซฮุนน่า นี่กี่โมงแล้วเหรอ”

    เซฮุนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวนิดหน่อยเพื่อเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะข้างหัวเตียง

    “เจ็ดโมงสี่สิบ”

    “งั้นเหรอ”

    “อือ”

    ขานรับพลางวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วก็ทิ้งหัวลงนอนบนหมอนต่อ

    “วันนี้เปิดเทอมวันแรกหรือเปล่า”

    “อือ”

    ขานรับส่งๆ

    “มีปฐมนิเทศตอนแปดโมงด้วยใช่มั้ย”

    “อือ”

    ขานรับแบบเดิม

    “ถ้าไปไม่ทันนี่โดนขัดส้วมหนึ่งเดือนเลยป่ะ”

    “อือ”

    ก็ยังขานรับแบบไม่ใส่ใจ

    “วันนี้เปิดเทอมวันแรกแล้วก็จะแปดโมงแล้วด้วยเนอะ”

    “อือ...”

    ชะงักกึก...

    “...”

    “...”

    ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีในสองวิ...

    “ก็ลุกไปอาบน้ำสิเห้ย!!!

    “แล้วทำไมไม่ปลุกตั้งแต่แรกเล่า!

    “โทษไอ้ขาสั้นในห้องน้ำดีกว่า มันตื่นแล้วทำไมไม่รีบปลุกวะ!

    ลู่หานสบถออกมาแล้วก็ถีบผ้าห่มออกจากตัวในขณะที่เซฮุนเองก็เด้งตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนเหมือนกัน ทั้งคู่ตาสว่างทันทีที่นึกคิดได้ถึงการขัดส้วมที่ถ้าหากไปไม่ทันปฐมนิเทศในวันแรก

    “คยองซูโว้ย เปิดประตูห้องน้ำเดี๋ยวนี้!!

    “ฉันยังอาบไม่เสร็จเลยนะ!

    “รอพี่อาบเสร็จก็ได้ไปหรรษากับส้วมพอดี เปิดประตูเลย ผมไม่มองของพี่หรอกครับ มันมองไม่เห็นหรอกครับ! คิดว่าไม่น่าจะหาเจอด้วยครับ!

    “ย่าห์!!! ฉันไม่เล็กนะโว้ย!!

     

     

    ในขณะเดียวกันที่ห้องข้างๆ

    เตียงเดี่ยวสี่เตียงที่ตั้งอยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องนอนทั้งหมดสี่ห้อง ถูกจับจองด้วยมินซอก แบคฮยอน  ชานยอล และเทา แต่ตอนนี้เตียงแรกกลับว่างเปล่าและถูกจัดเก็บที่นอนไว้อย่างเรียบร้อยเป็นเครื่องหมายบอกว่าเจ้าของเตียงได้ลุกออกไปแล้ว เหลือเพียงแค่แบคฮยอน ชานยอล และเทาเท่านั้นที่ก็ยังคงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่

    ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่หลับลึกที่สุดใช่มั้ยล่ะ แถมยังเป็นช่วงเวลาที่หลับสบายสุดๆ ด้วยยิ่งเมื่อถึงเวลาไปโรงเรียน

    แต่ว่านะ... ถ้าวันนี้พวกนายไม่ตื่นไปปฐมนิเทศล่ะก็ คาดว่าน่าจะได้อาชีพเสริมเป็นคนขัดห้องน้ำเชียวนะ...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ สามครั้งก่อนที่เจ้าของเสียงเคาะประตูจะเปิดเข้ามาในห้อง อี้ชิงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับอี้ฟานที่ยืนหาวอยู่ข้างหลัง

    “พวกนายยังไม่ตื่นกันอีกเหรอ”

    สำเนียงการพูดช้าๆ ของอี้ชิงส่งเสียงออกมา และแน่นอนว่าสามคนที่นอนอยู่ไม่ได้ยินมันเลยสักนิดแม้ว่าอี้ชิงจะพูดด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นกว่าปกตินิดหน่อยก็ตาม ดังนั้นอี้ชิงจึงเดินเข้ามาในห้องแล้วก็จัดการเขย่าตัวปลุกทีล่ะคน โดยเริ่มจากแบคฮยอนที่นอนอยู่เตียงใกล้ที่สุดก่อน

    “แบคฮยอน... แบคฮยอนอ่า ตื่นได้แล้วนะ”

    เรียกพร้อมกับตบที่หัวไหล่เบาๆ เพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น แบคฮยอนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย เขากระพริบตาถี่ๆ และหรี่ตาลงเพื่อปรับระดับแสงให้ชินกับตา

    “กี่โมงแล้วเหรอ”

    “เจ็ดโมงสี่สิบแล้ว ถ้านายไม่รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวจะไม่ทันนะ”

    เสียงเนิบนาบของอี้ชิงค่อยๆ ซึมเข้าสู่โสตประสาทแบคฮยอนช้าๆ... วันนี้มีปฐมนิเทศตอนแปดโมงล่ะ ถ้าไม่ทันก็จะโดนทำโทษด้วยการขัดห้องน้ำล่ะ...

    “ชานยอลตื่น!!

    ทันทีที่รู้สึกตัวก็ผุดลุกจากเตียงแล้วก็หันไปปลุกชานยอลที่นอนอยู่เตียงข้างๆ ทันที

    “ฮะ... ฮะ”

    ชานยอลสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วก็มองหน้าแบคฮยอนอย่างงงๆ รวมถึงสลับไปมองทางอี้ชิงที่กำลังเดินผ่านไปปลุกเทาที่นอนอยู่เตียงริมสุดด้วย

    “เปิดเทอมวันแรก จะแปดโมงแล้ว!

    “ฮะ?”

    “ลุกขึ้นมาอาบน้ำสิวะไอ้เอ๋อ!

    เออเนอะ... ถูกต้อนรับวันใหม่ด้วยการด้วยการโดนเรียกว่าไอ้เอ๋อเลยว่ะครับ

    “ฮยอง! รอผมไปอาบน้ำด้วย ผมไม่อาบคนเดียวนะ!

    ส่วนไอ้เด็กนี่ก็ยังไม่ทันจะลืมตาพ้นจากขอบตาดำๆ ก็ห่วงสถานภาพตัวเองตอนอาบน้ำล่ะ

    “รีบๆ อาบน้ำกันล่ะ”

    เสียงของอี้ชิงดังไล่ตามแผ่นหลังของคนสามคนที่ลุกขึ้นจากเตียงวิ่งแย่งกันไปที่ห้องน้ำ อี้ชิงส่ายหัวเบาๆ อย่างเอือมๆ กับสงครามเล็กๆ ยามเช้า เสียงดังวุ่นวายเป็นอันดับต้นๆ ที่เขาไม่ชอบ และแน่นอนว่าตลอดเดือนที่ผ่านมานี้เขาก็ได้พบเจอแต่กับความอภิมหาวุ่นวายเกินกว่าจะคาดคิดเลยล่ะ

     

    เทาอ่า เนี่ยหนังมาใหม่ สนุกมากๆ เลยนะ กังฟูสุดๆ เลยนะเออ!’ เซฮุนที่เดินเข้ามาพร้อมกับแผ่นหนังในมือเอ่ยปากพูดกับเทาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เทาที่ได้ยินอย่างนั้นก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย

    จริงเหรอ เรื่องอะไรอ่ะ เปิดดูเลยได้มั้ย

    เอาดิ เปิดเลย รับรองสนุกมากๆ

    เทารับแผ่นหนังจากเซฮุนมาแล้วก็เอาไปเปิดกับเครื่องเล่นดีวีดีกลางห้องนั่งเล่น รอเครื่องอ่านแผ่นสักพักหนังก็เริ่มเล่น เทาไม่แม้แต่จะเดินไปนั่งที่โซฟา นั่งจ๋องอยู่ที่พื้นใกล้กับทีวีสุดๆ แล้วก็จ้องหน้าจอทีวีอย่างสนอกสนใจ ในขณะที่เซฮุนก็... ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย?

    เทายังคงจ้องหน้าจอที่หนังดำเนินไปเรื่อยๆ อยู่ แต่เพียงแค่ในพริบตา...

    พรึบ!! ...กรี๊ดดดดดดดดด!!!

    เสียงหวีดร้องระดับมหากาฬก็ดังขึ้นจนหูแทบแตก ผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะสวยที่สุดในโลกโผล่ขึ้นมาบนจอด้วยสภาพราวกับนางงามจักรวาล!

    ใบหน้าเละ... ดวงตาที่มีพื้นที่สีขาวเป็นสีแดง... รอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนปากฉีก... สเต็ปการขยับหัวและกลอกลูกตาเป็นอะไรที่ติดตรึงใจมาก...

    ว๊ากกกกกก!! ไอ้เชี่ยยยยยยย!!!’

    เทาถลาห่างจากหน้าจอทีวีออกมาสิบหลาด้วยท่าทางราวกับนักกระโดดไกล ในขณะที่เซฮุนก็... หัวเราะท้องแข็งไปแล้วจ้า ลงไปดิ้นๆ กับพื้นด้วยจ้า ท่าทางดูมีความสุขมากด้วยจ้า

    ปิดนะๆ ขอร้องล่ะ ปิดมัน!! อ๊ากกกก!! ฮืออออออ!!!’

    กรีดร้องแบบหมดสภาพทันที แต่เสียงและภาพบนหน้าจอก็ยังคงไม่หายไป รีโมทอยู่ไหน ปุ่มทีวีปิดยังไง ปลั๊กนี่ดึงตรงไหนนะ! ไม่รู้แล้วโว้ย พังทิ้งแม่งงงง!

    พลั่ก ปึก!!! ฟี่...

    ด้วยการผลักทีวีให้ตกลงมาสู่พื้น

    เสียงของหนักตกและเสียงกรีดร้องของเทาดังไปทั่วทั้งห้องจนทุกคนต้องรีบวิ่งออกมาดูเพราะนึกว่ากำลังจะมีใครฆ่ากันตายและในทันทีทุกคนก็พบกับซากของทีวีที่ตอนนี้ดับอนาจไปแล้วเรียบร้อย...

     

    คยองซูย่า มีอะไรกินบ้างอ่ะ

    ไม่รู้ ไปดูในตู้เย็นแล้วก็ทำกินสิ

    ตอนนี้คยองซูกำลังเคร่งเครียดกับ psp ในมือที่ชานยอลเพิ่งสอนให้เล่น อี้ฟานจิ๊ปากอย่างขัดใจ ชานยอลไม่น่าไปสอนให้เล่นเลย พ่อครัวประจำห้องติดเกมจนไม่มีใครไปทำอาหารให้กินล่ะเนี่ย

    เอาว่ะ ทำกินเองก็ได้

    อี้ฟานเดินเข้าห้องครัวพร้อมกับหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมาผูกอย่างมาดมั่น พ่อครัวหัวป่าประจำซอยมาแล้วครับ! วันนี้ขอเสนอรายการพี่ฟานกระทะเหล็ก ออกอากาศแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ติดตามชมด้วยครับ!

    เริ่มสเต็ปแรก เปิดดูของในตู้เย็น หยิบๆ มันออกมาให้หมด ถือซะว่าของมันอยู่ในตู้เย็นแล้วก็เอาออกมาทำกินได้หมดครับ! สเต็ปสอง ตั้งกระทะเลยครับ เปิดไฟแรงๆ ใส่น้ำมันเยอะๆ ครับ ใส่ๆ มันเข้าไปเลยครับ

    ครับ สเต็ปสามครับ โกยของทุกอย่างลงใส่กระทะเลยครับ

    เอ้าาาา ใส่โลดดดด!

    เอ๊ะ ถุงพลาสติกต้องเอาออกป่ะ? แต่ใส่ไปแล้วอ่ะ ช่างมันเถอะเนอะ

    สเต็ปสี่ครับ ผัดทุกอย่างเข้าด้วยกันด้วยลีลาสเต็ปเทพ กลับของในกระทะด้วยมือข้างเดียวครับ เอาให้ไฟท่วมกระทะเลยยิ่งดีครับ

    ครับ... แต่ว่าไฟท่วมไปที่อื่นคงไม่ค่อยดีหรอกครับ

    อี้ฟานสะบัดกระทะออกจากมือเมื่อไฟจากในกระทะลามไปยังที่อื่น ไฟสีแดงฉานลุกและลามไปยังบริเวณใกล้เคียงกับเตา เสียงซู่ซ่าของไฟดังอยู่ในหูของอี้ฟานที่ได้ยืนทำอะไรไม่ถูก

    อืม... การเข้าครัวไม่ใช่สไตล์ของเขาจริงๆ ด้วย

    เลิกล่ะ

    จบก็ถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งแล้วก็เดินออกจากห้องครัวไปอย่างคูลๆ ก็นะ... ผู้ชายเย็นชาอ่ะ

    แต่ว่านะ... ไฟไหม้โว้ยยยยยย!!!

     

    อี้ชิงสะบัดภาพเหตุการณ์สยองในหัวออกไปก่อนจะเดินออกมาจากห้อง กลิ่นกาแฟที่ลอยมาแตะจมูกเป็นกลิ่นที่เขาได้รับในทุกเช้า มินซอกจะอยู่ที่หน้าเครื่องกาแฟ ชงกาแฟร้อนๆ ออกมาและดื่มด่ำอยู่กับรสชาติของกาแฟคนเดียว ในวันนี้ก็เช่นกันที่มินซอกยืนอยู่ตรงหน้าเครื่องกาแฟพร้อมกับยกถ้วยกาแฟในมือขึ้นจิบ รอยยิ้มกว้างๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากทันทีที่รสชาติของกาแฟผ่านไปยังประสาทการรับรส

    ถัดจากฝั่งห้องครัว อี้ฟานนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่ข้างตัวมีเจ้าตุ๊กตาอัลปาก้าสีขาวที่ถูกจับแต่งตัวจนดูประหลาดที่เจ้าของมันคิดเอาเองว่าเนี่ยแหละแฟชั่นรันเวย์

    คนเรา หล่อด้วย ไม่มีสติด้วย เก่งเนอะ

    “ไม่มีอาหารเช้าให้กินเหรอ”

    จงอินที่กึ่งหลับกึ่งตื่นนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกับอี้ฟาน ชะเง้อหน้ามองไปยังห้องครัวที่มีมินซอกยืนอยู่ ในขณะที่ข้างๆ กันทางฝั่งตู้เย็นจงแดก็กำลังเปิดตู้เย็นเพื่อเสาะหาของกินตอนเช้า

    “มีแต่เนี่ย”

    ว่าจบพลางคว้าเอานมกล้วยมาถือไว้ในมือแล้วก็เดินมาส่งให้จงอิน จงอินรับมาหมุนขวดดูเล็กน้อยก่อนจะวางขวดนมลงบนโต๊ะพร้อมกับสีหน้าเซ็งสุดชีวิต

    “ใครเอานมที่มันหมดอายุตั้งแต่ปีที่แล้วมาใส่ไว้ในตู้เย็นวะ”

    เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ห้องนี้ได้ประมาณเดือนเดียว แต่มีของที่หมดอายุไปแล้วปีหนึ่ง กะจะเก็บไว้ทำมรดกโลกหรืออย่างไร

    จงอินทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตามเดิม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คนเรานี่ต้องอยู่ถึงมิติไหนวะถึงจะนั่งคุยกับตุ๊กตาราวกับว่ามันเป็นลูกได้เนี่ย แถมตุ๊กตานี่ก็เซเลปเหลือเกิน มีใส่แว่นดงแว่นดำพันผ้าพันคอด้วยนะ เป็นตุ๊กตาอัลปาก้าที่อยากจะวางบอมบ์บาซูก้าใส่มากเลยครับ

    “โอ๊ะ อีกสิบนาทีจะแปดโมงแล้ว”

    เสียงเล็กๆ จากในห้องครัวดังออกมา มินซอกวางแก้วกาแฟที่ดื่มหมดแล้วลงบนอ่างล้างจานก่อนจะเอื้อมมือปลดผ้ากันเปื้อนสีขาวออกจากตัว (อืม ชงกาแฟกินเองที่หอก็ต้องใส่ผ้ากันเปื้อนนะครับ ท่าชงมือเมองี้ต้องเป๊ะฮะ เดี๋ยวจะไม่สมกับความฝันบาริสต้า)

    “ป๊าไปเรียนก่อนนะ อยู่ห้องดีๆ อย่าซนนะรู้มั้ย”

    ครับ หล่ออย่างเดียวไม่ได้ต้องสติไม่ดีด้วยนะครับ ความสามารถพิเศษของคนมีแบล็กการ์ดเขาครับ จริงๆ แล้วไอ้มาตรการมีแบล็กการ์ดอะไรเนี่ยก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่คุณเป็นบุคคลสติออบซอ แบล็กการ์ดก็มาสถิตอยู่กับคุณแล้วครับ...

    “ทุกคนเร็วๆ จะแปดโมงแล้ว!

    จงแดร้องบอกด้วยเสียงประสิทธิภาพแรงสูง อี้ชิงถอนหายใจอีกรอบ ยืนยันอีกครั้งเลยนะว่าเสียงจงแดนี่มันเป็นแบบที่เขารำคาญจริงๆ

    “เออๆ รู้แล้วๆ”

    เสียงวุ่นวายดังออกมาจากห้องต่างๆ เสียงจ้องแจ้กของการพูดคุยกันดังอื้อๆ อยู่ในหูอี้ชิง ตัววุ่นวายแต่ล่ะคนก็เดินออกมาจากห้องอย่างรีบร้อนพร้อมกับสภาพการแต่งตัวที่ไม่เรียบร้อย กระดุมติดไม่ครบบ้างล่ะ ยังไม่ใส่เข็มขัดบ้างล่ะ เออน่ะ คนมันรีบ เดินๆ ใส่ๆ ไปเดี๋ยวก็เสร็จเนอะ ตอนนี้รีบไปให้ทันปฐมนิเทศตอนแปดโมงก่อนเถอะ เกิดไปสายได้ขัดส้วมขึ้นมาก็สนุกกันเลยจ้างานนี้

    .

    .

    ว่าแต่ ไม่ได้ลืมอะไรกันใช่หรือเปล่าทุกคน...

     

    ณ เวลาเดียวกันกับอีกห้องในห้วงนิทราที่แสนสุข

    อากาศดีๆ ในยามเช้า กับอุณหภูมิห้องเย็นๆ ผ้าห่มผืนหนาๆ กับเตียงอุ่นๆ สุขใดเล่าจะเท่าการนอน หลับให้สบายเถิดหนาซูโฮฮยองงี่...

     

     

    “หาวววว”

    “ทำไมต้องรีบตื่นมาฟังอะไรนี่ด้วยก็ไม่รู้”

    “นั่นดิ น่าเบื่อชะมัด”

    จงอินหาว ในขณะที่เซฮุนบ่น และเทาก็เออออตอบกลับ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในหอประชุมที่มีผอ.โรงเรียนกำลังยืนพูดอะไรไม่รู้อยู่บนเวที ไดอะร็อกเดิมๆ ที่พวกเขาได้ยินกันมาตั้งแต่มอต้น พูดมันซ้ำๆ ทุกๆ ครั้งที่เปิดเทอม แล้วยิ่งวันเปิดเทอมวันแรกนี่เป็นอะไรที่ยิ่งต้องพูดนาน เหมือนเก็บกดที่ไม่ได้พูดให้เด็กนักเรียนฟังหลายเดือนมั้ง

    เทา ไค และเซฮุนเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีหนึ่ง หรือก็คือเกรด10นั่นเอง พวกเขาเด็กที่สุดในบรรดารูมเมทที่อยู่ด้วยกันนั่นแหละ ส่วนพวกชราไลน์ก็ มินซอก ลู่หาน แล้วก็อี้ฟาน ที่อยู่มัธยมปลายปีสาม ในขณะที่ที่เหลือก็อยู่มัธยมปลายปีสอง

    ตอนนี้พวกเขากำลังยืนเข้าแถวตามห้องและระดับชั้นอยู่ในหอประชุม เผื่อฟังผอ.พูดเกริ่นประวัติของเอสเอ็มไฮสคูลอย่างภาคภูมิใจยิ่ง!!

    “โรงเรียนของเรานั่นเป็นแหล่งรวบรวมเด็กนักเรียนศักยภาพดีเยี่ยมที่พร้อมจะเติบโตไปเป็นอนาคตของชาติ...”

    ที่พูดนี่รวมพวกกูด้วยเหรอ

    สามสหายคิดอย่างพร้อมเพรียงกัน อย่างพวกเขานี่ถือเป็นอนาคตของชาติด้วยใช่ป่ะ แน่นะ ให้คิดอีกที

    “กว่าสิบเก้าปีที่ก่อตั้งโรงเรียนมา ไม่เคยมีเด็กนักเรียนรุ่นไหนที่จะทำให้โรงเรียนต้องผิดหวัง ทุกคนต่างสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนและสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ได้ทั้งนั้น...”

    บลาๆๆ คำพูดกดดันที่มีมาทุกปี จงอินอ้าปากหาวแล้วหาวอีก จนเซฮุนต้องส่งสายตาสงสารไปให้ รู้สึกอย่างจะส่งหมอนให้มันเหลือเกิน ขอโทษนะเพื่อนที่ทำให้ไม่ได้ ยืนหลับในไปก่อนแล้วกันนะ

    พวกเขาเบื่อแล้วเบื่ออีก แถมยังเซ็งจับจิต ยืนขาแข็งมาเกือบจะชั่วโมงล่ะเพื่อฟังผอ.พล่ามอยู่บนเวที พวกเขามาถึงหอประชุมได้ทันเวลาเป๊ะๆ เลยรอดตัวไปสำหรับการขัดส้วม พอมาถึงหอประชุมพวกเขาก็แยกกันไปเข้าแถวตามห้องแล้วก็ตามระดับชั้น คนแก่สุดสามคนก็แยกไปเข้าแถวฝั่งซ้ายซึ่งเป็นบริเวณแถวของเกรด12 พวกเขาเรียนห้องเดียวกันทั้งสามคนมาตั้งแต่เกรด10 เหมือนกันกับที่ ซูโฮ อี้ชิง คยองซูเรียนห้องเดียวกัน และจงแด แบคฮยอน ชานยอลก็เรียนห้องเดียวกันเช่นกัน

    “เมื่อไรจะพูดจบ”

    เทาบ่นออกมาอย่างเซ็งๆ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังขอบตาดำเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้เขาง่วงจริงๆ นะ จะหลับในตามจงอินไปอีกคนแล้วเนี่ย

    “ไม่รู้สิ จนกว่าจะพล่ามคุณงามความดีของโรงเรียนจบมั้ง”

    เซฮุนพูดออกมาอย่างหน่ายๆ ไม่แพ้กัน เขาอ้าปากหาวหวอดใหญ่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดเล่น ถึงแม้ว่าจะมีกฎว่าห้ามเห็นโทรศัพท์ระหว่างอยู่ในหอประชุมก็เถอะ แต่ฮูแคร์ครับ?

    “...และส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญ อีกอย่างสำคัญก็คือการรู้จักตรงต่อเวลาและทำทุกอย่างตามนัดหมาย ในวันนี้ทางโรงเรียนรู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่นักเรียนของโรงเรียนเรารู้จักตรงต่อเวลาและมาทันสำหรับวันแรกของการเปิดภาคเรี...”

    ปัง!! แอ๊ดดด...

    เสียงเปิดประตูหอประชุมดังขึ้นก่อนที่ผอ.จะทันได้พูดจบประโยค ความเงียบปกคลุมทุกพื้นที่ทั้งหอประชุมทันที

    กริบ...

    แม้แต่เสียงมดตดก็คาดว่าน่าจะได้ยิน...

    “แฮ่กๆ เฮ้อ ถึงสักที”

    ร่างสูงไม่มากของคนหัวสีบลอนด์ทองยืนหอบแฮ่กๆ พร้อมกับปาดเหงื่ออยู่หน้าประตูหอประชุม สีหน้าโล่งอกเหลือเกินปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย

    สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่บุคคลที่เพิ่งเข้ามาได้อย่างแย่งซีนผอ.สุดๆ และเหมือนเจ้าตัวจะเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งหอประชุม

    ร่างเตี้ยชะงัก แล้วกวาดตามองรอบหอประชุมอย่างงงๆ... และสติที่เพิ่งกลับเข้าร่างมาก็ทำเอาจุนมยอนแทบอยากจะวิ่งไปยืมผ้าคลุมแฮร์รี่มาซะเดี๋ยวนี้

    ทำไมกูซวยอย่างเน้!!!!

    “นักเรียน...”

    เสียงผอ.เอ่ยเย็นๆ อยู่บนเวทีทำเอาจุนมยอนกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อก

    “ประเทศชาติเราเกือบเจริญแล้วนะ... สนใจไปขัดส้วมสักเดือนมั้ย”

    ฮึก กูนี่เองที่เป็นสาเหตุให้ประเทศชาติไม่เจริญ จะร้องแล้วงับ T^T


     

    Talk<3

    สวัสดีค่ะทุกคน ชื่อตังเมนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยจ้า

    อย่างที่บอกไปหน้าบทความแล้วว่าเรื่องนี้ไม่วาย และก็ไม่มีนางเอกนะคะ

    เมฝากติดตามด้วยเน้อ เม้นโหวตเป็นกำลังใจให้เมด้วยน้า ขอบคุณค่า

    ติดแท้ก #ฟิคอซอยู่หอ ติดแท้กกันได้ตามสบายเลยน้า เค้าอยากอ่าน><

    เจอกันครึ่งหลังนะคะ 


    Talk2<3

    มาอัพแล้วค่า ><

    หมิน ลู่ คริส  = แก่ไลน์ อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบสอง เรียนห้องเดียวกัน

    ซูโฮ อี้ชิง คยอง = อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบเอ็ด เรียนห้องเดียวกัน

    เฉิน แบค ชาน = แก๊งป่วน อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบเอ็ด เรียนห้องเดียวกัน

    เทา ไค ฮุน = เด็กปีศาจ (โดยเฉพาะคนสุดท้าย)อายุเท่ากัน อยู่เกรดสิบ เรียนห้องเดียวกัน

    รูมเมท

    ห้องแรก = ซูโฮ ไค เฉิน

    ห้องสอง = ลู่ คยอง ฮุน

    ห้องสาม = หมิน ยอน ชาน เทา

    ห้องสี่ = คริส เลย์

    สรุปให้คร่าวๆ เนอะ เผื่อเมอธิบายไม่ละเอียด

    ติดแท้ก #ฟิคอซอยู่หอ กันเยอะๆ น้า จะพยายามมาอัพบ่อยๆ ค่ะ

    เจอกันตอนหน้าค่า

    Coming soon… Eps02

    Please COMMENT and VOTE

    หนึ่งเม้นเท่ากับหนึ่งกำลังใจ

    DATE ; 12/05/2014 [UP50%]

    DATE ; 07/06/2014 [UP100%]


     

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×