ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    l'Amour รักของฉันมีแค่เธอ

    ลำดับตอนที่ #4 : On twenty-five December (part 2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 140
      0
      27 พ.ค. 57


    2

    On twenty-five December (Part 2) 

     

                ฉันนั่งเลื่อนดูโทรศัพท์ของชอนอย่างเบื่อหน่าย ให้ตายสิ ข้างในนี้แทบจะไม่มีมีอะไรเลยสักนิดเดียว รู้มั้ย.. ฉันต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะมันเหมือนกับเป็นสิ่งที่เมมทุกอย่างในชีวิตฉัน ให้ตายเถอะ ฉันมองโทรศัพท์เขาอย่างหงุดหงิด ในนี้แทบจะไม่มีอะไรเลย ใน Contact ก็ไม่มีชื่อใครสักคน ไม่มีรูป ไม่มีวิดีโออะไรทั้งนั้น ถึงว่าเขาถึงไมไ่ด้สนใจใยดีกับไอโฟนเครื่องนี้มากมายนัก ฉันนั่งบื้ออยู่บนเตียงพร้อมกับถอนหายใจ และหยิบหมอนที่วางอยู่ข้างๆ ตีไปตีมาอย่างเซ็งๆ ที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ว่าแต่ทำไมเขาถึงไม่โทรมาฉันสักทีล่ะ นี่ฉันไมไ่ด้เป็นห่วงอะไรเขามากมายหรอกนะ แต่ทว่านั่นมันมือถือของฉัน ฉันจะต้องเอาคืนมาให้ได้ สิ่งที่ฉันต้องการก็แค่มือถือเท่านั่นแหล่ะหน่า..

                นั่งสักพักเมื่อไม่มีใครโทรมาแล้วฉันก็เลยล้มตัวลงนอนบนเตียงและค่อยๆ ค่อยคิดอีกทีว่าจะทำยังไง ในขณะที่ฉันกำลังจะดิ่งลึกลงห้วงแห่งความฝันนั้น เสียเคาะประตูก็ทำให้ฉนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ฉันค่อยๆ ปลือตาขึ้นมาด้วยความงัวเงียนิดๆ ใครมาเคาะประตูตอนนี้นะ ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนอันแสนนุ่มนิ่มและเดินไปหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู พอเดินเข้ามาใกล้เสียงเพลงจากข้างนอก็ดังลอดเข้ามา พวกคนด้านนอกมีปาร์ตี้กันหรือไง เอ...หวังว่าไม่ใช้ว่าพวกบ้าที่ไหนมาเคาะเล่นนะ ฉันชั่งใจอยู่นานว่าจะเปิดประตูดีไหม พอคิดได้อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้มีกฎไม่ให้ก้าวก่ายห้องตรงข้ามอยู่แล้ว ฉันเลยไม่รังเลฉันเปิดประตูเพื่อไปดู ความงัวเงียทำให้ฉันมองหน้าเจ้าของเสียงเคาะประตูไม่ถนัด แต่พอเขาทักก็เท่านั้นแหล่ะความง้วงหงาวหาวนอนทั้งหมดก็หายไปทันที

                “ไง” คนตรงหน้าทักทายฉันด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างเคย คิ้วทั้งสองเลิกขึ้นอย่างกวนๆ พร้อมกับผลักประตูเข้ามา

                “นี่! นายมาได้ยังไง” ฉันเอามือดันไม่ให้เขาเข้ามา และถามคนชอนอย่างเอาเรื่อง

                “ก็ตามรอยจากไอโฟนฉันมาไง เฮ้อ ดีจริงๆ เลย” เขาพูดแล้วชูไอโฟนมาตรงหน้าให้ดูอย่างยียวน ฉันมองเขาอย่าไม่สบอารมณ์ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าฉันริมฝีปากบางตรงหน้ากลับยิ้มอย่างมีเล่ศนัย

                “ยิ้มทำไมนักหนา” กวนประสาทจริงๆ เลย

                “นี่ตามมารยาทเธอต้องชวนฉันเข้าห้องไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงอ้อนๆ ของเขาทำให้ฉันส่ายหัว

                “มารยาทของนายสิ จะเข้ามาทำไม”  เขาจะเข้ามาทำไมกัน เว้นแต่ว่าหมอนี่จะทำมาเรื่องทุเรศๆ

                “ฉันไม่ทำอะไรอย่างที่เธอคิดหรอกหน่า มาฉลองคริสต์มาสไงหล่ะ นี่ฉันอุส่าห์ไม่โกรธที่เธอหนีมาแบบนี้นะ”

                ฉันไม่ได้ตั้งใจจะหนีนี่..

                ในขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่นั่น ชอนถือวิสาสะผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้ฉันที่ยืนใช้ความคิดอยู่ตรงหน้ากระเด็นหงายหลังไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

                ฉันหลับตาปี๋ ขาทั้งสองข้างสะดุดและทำท่าว่าจะทรงตัวไม่อยู่ ไม่อยากคิดเลยว่าพื้นซีเมนแข็งๆ จะทำให้ก้นฉันปวดระบบมากแค่ไหน ทันใดนั้นอ้อมแขนของชอนก็เข้ามาคว้าเอวฉันไว้อย่างทันท่วงที

                “อ๊ะ!”

                “เกือบหัวแตกแล้วไหมละ” ชอนพูดขึ้นมาเมื่อดึงฉันขึ้น

                 เฮ้อ~ เกือบเจ็บตัวแล้วไง ฉันถอนหายใจขึ้นมาอย่างโล่งอกแล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สายตาทั้งคู่ของชอนจับจ้องที่ใบหน้าฉัน มือของเขาที่อยู่ที่เอวฉันค่อยๆ ขยับให้ฉันเข้าใกล้เขาเรื่อยๆ ใกล้จนกระทั่งสามารถมองเห็นใบหน้าเจ้าของวงแขนอังแข็งแรงอย่างชัดเจน อีกครั้งที่สายตาของชอนให้ฉันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนกับว่าเขาส่งความรู้สึกบางอย่างผ่านนัยตาสีน้ำตาลเข้มนั้น สายตาเขาทำให้ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วน มันกรุ้มกริ่ม นิ่ง และไม่สามารถตีความหมาย ฉันขยับหน้าออกแต่ว่ายิ่งขยับเขาก็ยิ่งดึงฉันเข้าไปใกล้

                “แต่ฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรหรอก” ยิ่งอยู่ใกล้ก็ทำให้ได้ยินเสียงเขาชัดเจน ชอนยังไม่เลิกจ้องมาที่ฉัน หนำซ้ำเขายังใช้สายตานั้นจับจ้องทุกส่วนของใบหน้าฉัน แล้วมันก็ค่อยๆ เลื่อนมาอยู่ที่ริมฝีปาก

                “งะงั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว” ฉันก็รีบผลักเขาออกอย่างประหม่าและเดินไปนั่งอยู่บนเตียงทันที ให้ตายสิสายตาเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงกัน ฉันค่อยๆ จับแก้มที่ร้อนฉ่าของตัวเองเบาๆ

                “ท่าทางแบบนี้ เชื้อเชิญฉันหรือไง” เขาพูดขึ้นอย่างติดตลกและมองฉันที่นั่งอยู่บนเตียง ฉันปรายตามองเขาอย่างไม่พอใจ

                “ถ้าเป็นหนึ่งในผู้หญิงของนายก็ว่าไปอย่าง”

                “หึ ก็เธอไงเป็นหนึ่งในผู้หญิงของฉัน”

                “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนาย อย่างมาซี้ซั่วได้มั้ยนะ”

                เขานี่มันชอบพูดเองเออเองจริงๆ ผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนสิหน่า!

                “ดูทำหน้าเข้าสิ” เขาทำหน้าล้อเลียนอย่างชอบใจเมื่อเห็นฉันทำให้หน้าบูดไม่พอใจ

                เขาเดินสำรวจมองห้องฉันอย่างรอบๆ และสุดท้ายเขาก็ไปหยุดลงไปนั่งที่โซฟาที่อยู่ข้ามกับเตียงนอนฉัน

                “ทำอะไรน่ะ” ฉันถามเมื่อเขาย่อนตัวลงนั่นเรียบร้อยแล้ว ”ตกลงที่นายเข้ามาในห้องฉันต้องการอะไรกันแน่” ท่าทีที่เหมือนจะไม่ทำอะไร ทำให้ฉันเริ่มหงุดหงิก แถมเขายังเหยียดตัวลงไปนอนบนโซฟาฉันอย่างสบายเฉิบ

                “ก็มาฉลองคริสต์มาส” คนตรงหน้าพูดอย่างเอาแต่ใจ แต่ว่าการกระทำที่เขาทำมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

                “จะทำอะไรก็รีบทำ ฉันง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว” ฉันบอกเขาด้วยน้ำเสียงยานๆ

                ง่วงแล้วนะ T_T

                “ก็เนี่ย กำลังทำอยู่”

                “ทำอะไร ? นอนเนี้ยนะ อย่ามาทำตัวแบบนี้ในห้องฉันนะ” ฉันขึ้นเสียงอย่างทนไม่ไหว คนตรงหน้าผงกหัวขึ้นมาอย่างไม่แยแสอะไร แต่แทนที่เขาจะเอนหัวกลับ ชอนก็จ้องหน้าฉันแทนแถมสายตานั่นก็ค่อยๆ ไล่ลงมองมาด้านล่างจนมาหยุดที่หน้าอก

                “คนทุเรศ” ฉันอ้าปากอย่างตกใจเมื่อคนที่อยู่ตรงข้ามยังมองไม่หยุด พลางปาหมอนที่อยู่ข้างๆ ใส่เขา แต่ทว่าคนตรงข้ามรับมันไปอย่างง่ายดาย ฉันเดินไปหยิบเสื้อโค๊ทที่วางอยู่บนเตียงและใส่อย่างรวดเร็ว จริงสินะ วันนี้ฉันใส่เพียงชุดนอนสีเทาตัวบาง ไม่รู้ว่าเขาจะมองทะเข้าไปข้างไหนถึงไหนต่อไปแล้ว อีกอย่างฉันไม่ได้สวมชุดชั้นในด้วยสิ น่าอายชะมัด! สายตาของชอนเร่าร้อนอย่างบอกไม่ถูก

                น่าอายจริงๆ เลย! ฉันขบริมฝีปากตัวเองเบๆ และเสมองหน้าไปทางอื่น

                “ฮ้า ฉันว่าเรามาทำอะไรสนุก ๆ ดีกว่า” ชอนว่าแล้วลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาอย่างกระปี้กระเป่า อะไรกันตะกี้เขายังดูขี้เกียจอยู่เลย เอ๊ะ! ว่าแต่ที่เขาว่าทำอะไรสนุกนี่หมายถึงอะไรกัน ฉันมองชอนอย่างระแวงๆ แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรนั้นฉันต้องรีบป้องกันตัวเอง

                “ฉันไม่น่าหลงกลให้นายเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้เลยนะ ออกไป ออกไป” ฉันว่าแล้วก็หยิบของที่ใกล้มือเควี้ยงไปที่เขาอย่างไม่รอช้า

                “เฮ้! ยัยย้า อย่าโยนสิ! ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอสักหน่อย ฉันก็แค่จะชวนเธอมากินอะไรเท่านั้นเอง”

                “ฉันไม่เชื่อนายหรอก สายตานายมันบอกว่านายจะทำไรเลวๆ” ฉันปฎิเสธออย่างรวดเร็ว ฉันไม่เชื่อคำพูดกระล่อนปริ้นปล้อนนั่นของนายหรอกนะ

                “เฮ้ เอ็มมี่ถ้าฉันจะทำอะไรเธอ ฉันทำตั้งแต่จับเอวบางๆ ของเธอแล้ว”

                “กรี้ดดดด! บ้า! นานมันโรคจิตชัดๆ” ฉันว่าแล้วหยิบหนังสือเล่มหนาใกล้มือเตรียมจะปาใส่เขา

                “อย่านะ หนังสือนั่นเล่มหนาเป็นบ้า ถ้าเกิดโดนหัวแตกขึ้นมาเธอคงไม่อยากพาฉันไปโรงพยาบาลใช่มั้นล่ะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอ ถ้าหากว่าเธอไม่เป็นฝานยินยอม”

                “พูดอะไรของนาย! ฉันไม่มีทางยอมนายหรอก!”

     

                เวลาผ่านไป

     

                ไมทันสังเกตุว่าตอนที่ชอนเข้ามาเขาพกทุกบางอย่างเข้ามาด้วย พอเขาเปิดมันออกมาก็เป็นช็อกโกแลตและอาหารมากมาย อีกครั้งที่ฉันมองเขาอย่างเหลือเชื่อ เหตุผลที่เขามาหาฉันก็เพื่อจะมาฉลองคริสต์มาสจริงๆ ชอนปูผ้าที่พื้นแล้ววางอาหารไว้ตรงหน้า เขาจุดเทียนและวางมันไว้รอบๆ เราทั้งคู่ จากนั้นก็สั่งให้ฉันนั่งรอเพื่อเขาจะเดินไปปิดไฟ ฉันมองตามเขาที่เดินออกจากวงล้อมของเทียน เขาดูไม่น่ากลัวเหมือนที่เจอกันแรกๆ ความจริงแล้วนี่ฉันยังเจอเขาไม่ถึง 12 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกคุ้นเคยกับเขาราวกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน เป็นความรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก...

                “เป็นไงหล่ะ” ชอนถามขณะที่ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มีเพียงแสงเทียนเท่านั้นที่ให้ความสว่างไสว หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเขาถามขึ้นมา

                “ทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยนะ..”

                “ฉันบอกแล้วไงว่าจะมาฉลองคริสต์มาสกับเธอ”

                “นายน่าจะรีบทำตั้งแต่แรกสิ” ฉันตอบเสียงเบา พลางมองไปยังอาหารที่อยู่ตรงหน้า ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าบรรยากาศตอนนี้มันโรแมนติกจริงๆ

                “ชอบหรือเปล่า” เขาเอียงหน้าถาม

                “อะอืม” ฉันตอบเบาๆ แล้วเมินหน้าหนีจากสายกรุ้มกริ่มนั่น

                “เฮ้อ~ ถ้าเธอไม่หนีฉันมา ฉันก็คงไม่ต้องทำอะไรแบบนี้หรอก”

                “ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรพวกนี้ด้วยซ้ำนี่ นายไม่จำเป็นต้องทำ”

                “เย็นชาชะมัด” เขาถอนหายใจพลางขยับเข้ามาใกล้ ฉันขมวบคิ้วมองเขาทว่าเขากับไม่แสดงสีหน้าอะไร

                “นี่จะขยับเข้ามาทำไม ที่มีตั้งเยอะแยะ” ฉันว่าแล้วเขยิบตัวออก

                “ก็มันหนาว เธอมีผ้าห่ม” ชอนว่าแล้วเขยิบตัวเข้ามาใกล้อีกและกระชากผ้าห่มในมือฉันออกอย่างถือดี

                “นี่! ก็เดินไปเอามาเองสิ” ฉันยื้อผ้าห่อมผืนบางในมือ ทว่าชอนกับจับมันไว้แน่น เราเล่นชักกะเย่อกันสักพัก สุดท้ายเขาออกแรงดึงแรงๆ ทำให้ทั้งฉันและผ้าห่มปลิวเข้าอยู่ในอยู่ในอ้อมกอดเขาทันที

                “อ๊าย ปล่อยนะ” ฉันว่าแล้วขยับตัวออก ทว่าชอนกลับไม่ยอมหน้ำซ้ำยังดึงให้ฉันเข้าไปนั่งตักเขาอีก

                “นั่งแบบนี้อุ่นกว่าเยอะเลย”

                “ปล่อยนะ!” ฉันดิ้นคลุกคลักอยู่ในอ้อมกอดเขา พยายายมจะดันตัวออกจากคนด้านหลังทว่ามือที่กอดรัดฉันอยู่ที่เอวกอดรัดแน่น แกะเท่าไรก็แกะไม่ออก

                “รู้งี้ฉันนั่งแบบนี้ตั้งนานก็ดี” ชอนพูดอย่างไม่สนใจ ในขณะเดียวกันฉันก็พยายามที่จะดึงมืิอเขาออก

                “นายนี่มันหน้าด้านหน้ามึนที่สุด ปล่อยฉันนะ! ” ยิ่งขยับมากเท่าไรชอนก็กระชับอ้อมแขนมากเท่านั้นจนตอนนี้ตัวฉันประชิดกับแผงอกเขาเรียบร้อยแล้ว อ้อมแขนสอนข้างพันรอบเอว มันแนบแน่นจนรู้สึงได้ถึงไออุ่นจากตัวเขา

                “เอาสิ ถ้าอยากโดนบีบตายก็คอยดู” ชอนหันหน้ามามองฉัน คิ้วทั้งสองข้างของเขาเลิกขึ้นเหมือนถามยั่งเชิงว่าจะลองดูก็เชิญ

                “เฮอะ นายนี่มันเข้าใกล้ไม่ได้เลยจริงๆ” ฉันถอนหายใจแรงๆ พลางทำปากจู๋มองเขาอย่างไม่พอใจ

                “อย่างเวอร์หน่าก็แค่กอดเอง เอ็ม”

                “ใครใช้ให้นายเรียกฉันว่าเอ็มยะ” ฉันหันไปค้อนเขา ยังไม่สนิทกับฉันเลยด้วยซ้ำมีสิทธ์อะไรมาเรื่องเรียกชื่อกันแบบนี้

                “เพื่อนๆ เธอจะเรียกได้เลย แล้วทำไมฉันจะเรียกไม่ได้หะ... เอ็ม”

                “นี่! นายแอบดูข้อความที่ฉันคุยกับเพื่อนงั้นเหรอ”

                “ไมไ่ด้เปิดดู เพื่อนเธอส่งข้อความมาฉันก็เลยเห็นพอดี เธอล็อกมือถือไว้นะ” ชอนบอกราวกับเขาไม่ได้เป็นคนผิด

                “นายนี่มันไว้ใจไม่ได้ เข้าใกล้ไม่ได้ ลามปาม ทุกอย่าง!” พูดฉันพูดจบก็ ชอนก็หัวเราะขึ้นมา

                ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ชอนคลายอ้อมกอดแล้ว แต่ไม่ทันที่ฉันขขับตัวเขาก็กระชับวงแขนใหม่

                “เธอนี่ทำไมตัวนุ่มนิ่มแบบนี้เนี่ย” เขาว่าแล้วเอาคางมาพาดไว้ที่บ่าฉัน ลมหายใจร้อนๆ เฉียดข้างแก้มฉันอย่างจัง ฉ่า~ แก้มฉันค่อยๆ ร้อนขึ้นมา นี่มันจะใกล้เกินไปแล้วนะ ฉันเบือนหน้าหนีจากใบหน้าที่อยู่ข้างๆ ให้ตายสิทำไมฉันควบคุมตัวเองไม่ได้เลยอะ หัวใจฉันตอนนี้มันเต้นแถบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว แตกต่างกับจังหวะหัวใจเขาที่อยู่ด้านหลัง มันเต้นอย่างสมำเสมอ...

                “นะนี่ ทำไมนายต้องตามหาฉันด้วย” ฉันโพร่งถามเขาขึ้นมาเพราะกลัวว่าชอนจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างแรง น่าอายชะมัด! ใบหน้าที่วางอยู่ตรงไหล่หันมามองฉันอย่างสงสัย จนทำให้จมูกเขาแตะที่แก้มฉันเบาๆ

                “หืม..ตอนแรกไม่เห็นจะอยากรู้เลย..” เขาถามอย่างสงสัย

                “ก็ตอนนี้ฉันอยากรู้แล้ว ตอบมาสิ”

                “แล้วทำไมถึงอยากรู้ล่ะ..” ริมฝีปากร้อนค่อยๆ สำผัสที่แก้มฉันอย่างแผ่วเบา ทำให้แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวขึ้นมา

                “อะ..อ๊ะ ตอบมาได้แล้ว!”

                “ตอบก็ได้ อยากรู้จังเลยเธอเนี่ย” เขาหัวเราะเบาๆ “ก็เพราะ...เธอไง”

                “หา~ เพระาฉัน ยังไงกัน” ขณะที่หันหน้าไปถามเขาอย่างสงสัย จมูกเราก็แตะกันพอดี ฉันเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วหันกลับไปทันที ชอนที่อยู่ข้างๆ ดูไม่มีปฎิกิริยาใดเขากลับอมยิ้มอยู่อย่างนั้น

                “นี่ตอบมาสิ” พอตั้สติได้ฉันก็ถ้วงชอนจากความเงียบ

                “เพราะเธอไงเอ็ม เธอไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป ถึงแม้ฉันรู้่ว่ามันเป็นเพียง One night stand แล้วเธอก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่ความรู้สึกของเธอมันตรงกันข้าม เธอเจ็บ และเธอก็เสียใจ ไม่อย่างงั้นเธอจะร้องให้ทำไมใช่มั้ยล่ะ” ชอนว่าแล้วกระชับอ้อมกอดของเขาให้แน่นขึ้นราวกับเขากำลังปลอบประโลมฉัน “พอฉันเจอเธอ ฉันก็มั่นใจเลยว่าเธอต่างกับผู้หญิงที่ฉันเคยเจอสุดขั่ว การที่เธอนิ่งมันคือการป้กป้องตัวเองจากเจ็บปวด เพราะงั้น...ฉันเลยอยากให้เธอต้องมาเจ็บปวดเพราะฉัน ฉันอยากจะรับผิดชอบเธอ อยากทำให้เธอมีความสุข และไม่ด้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียว ฉันไม่อยากเห็นใบหน้าเศร้าๆ ของเธอ ไม่อยากเห็นเธอร้องให้ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร”

                ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไร่ที่ฉันนั่งฟังเขาโดยไม่ขับขืนใดๆ สิ่งที่ชอนพูดทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นมา นี่ฉันกำลังใจเต้นเพราะเขาจริงๆ ใช่มั้ย ทุกสิ่งที่ทุกที่เอ่ยออกมาจากปากของเขามันโอบล้อมหัวใจฉันอย่างอ่อนโยน ไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกแบบนี้ได้เลยสักคน ตั้งแต่เกิดมาเขาเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกมากมายได้ขนาดนี้ ทำไมนายถึงทำให้หัวใจฉันเต้นแรงไม่หยุดแบบนี้เนี่ย ฉันพึ่งเข้าใจความรู้สึกที่มีผีเสื้อบินอยู่ในท้องมันเป็นยังไง สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ฉันตื่นเต้น ฉัน...ควรจะตอบรับความรู้สึกของเขาดีหรือมั้ย?  ถึงแม้ว่าความรู้สึกของชอนจะทำให้ฉันไม่สามารถปฎิเสธตัวเองได้เลย แต่ว่ามันยังมีบางสิ่งบางอย่างในตัวฉันที่เขาไม่รู้มากมาย ฉันไม่อยากให้เข้าต้องมาเจ็บปวดกับคนอย่างฉัน...

               

                (Sean part)

                ผมนั่งมองเอ็มมี่อยู่ในอ้อมกอดอย่างเนิดนาน ไม่รู้ว่าเธอผลอยหลับไปตั้งแต่เมื่อไรกัน เจ้าหญิงในอ้อมกอดผมหลับตาพริ้มพร้อมกับใบหน้าหวานๆ แสงสีส้มจากเทียนสะท้อนให้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ดวงตา จมูก โหนกแก้ม และริมปากอวบอิ่มสีชมพูมันทำให้ผมอยากสำผัสแทบบ้า น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถจดจำรายละเอียดในวันนั้นได อา... นี่ผมชักจะเหมือนไอ่โรคจิตที่เธอว่าจริงๆ

    เอ็มมี่ในอ้อมกอดผมขยับตัวนิดหน่อย มันทำให้ผมที่โอบกอดเธอขยับตัวไปด้วย ร่างบางค่อยๆ โอนเอนมาซุกที่หน้าอกผมจนในที่สุด เหมือนเธอจะไม่รู้ว่ากำลังนอนซุกอกผู้ชายที่เธอเกลียดนะ ฮ่ะๆ ผมไม่รู้ว่าเธอเกลียดผมหรือเปล่า แต่ว่าการกระทำของเอ็มมี่มันบอกว่าไม่ชอบผม ก็แน่ล่ะสิเพราะสิ่งที่ผมทำมันไมไ่ด้มาจาการยินยอมพร้อมใจของเธอ เผลอๆ เธอจะคิดว่าผมเป็นคนมอนเหล้าเธอด้วยซ้ำ

                เฮ้อ~ เธอกล้านอนต่อหน้าผู้ชายได้ยังไงกัน ทำแบบนี้มันอ่อยกันชัดๆ

                ผมเหลือบตามองนาฬิกาตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้วผมควรจะไปสักที อีกไม่กี่วินาทีก็หมดค่ำคืนแห่งความสุข ผมช้อนตัวเอ็มมี่ที่อยุ่ในอ้อมกอดขึ้นมาเเล้วพาเธอไปนอนอยู่บนเตียง

                ทำไมผมถึงอยากดูเลยเธอขนาดนี้เลยวะ

                การที่เธอเจอเพียงแค่วันเดียวมันทำให้ผมมีความรู้สึกมากมายขึ้นมา ใบหน้าไร้เดียงสาสะกดให้ผมไม่อยากลุกไปไหน ริมฝีปาดอมชมพูมันดึงดูดผมไปซะหมด ชั่วอึดใจผมค่อยๆ ก้มตัวลงเพื่อให้มองใบหน้าเธอให้ชัดก่อนจะออกไป ทว่าใบหน้านวลกลับขยับหน้าเข้ามาใกล้ผม อันที่จริงเธอก็แค่ผลิกตัวปกติ ผมเองต่าหากที่เข้ามาใกล้เธอจนทำให้จมูกเราแทบแตะกัน

                “อา..”

                ขนาดหลับยัยนี่ยังยั่วกันได้อีกงั้นเหรอ..

                ไม่นานความอดทนของผมก็เริ่มหมดไป ด้วยความคิดที่อยากเป็นเจ้าของริมฝีปากชมพูตรงหน้า ในที่สุดผมบรรจงประทับริมฝีปากลงบนริมฝากบางและบดขยี้ริมฝีปากนุ่มออย่างนุ่มนวล เอ็มมี่ตอบรับรสจูบผมโดยการขบริมฝีปากผมเบาๆ แล้วเผยอปากรับรสจูบช้าๆ แก้มขาวทั้งสองข้างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเป็นสีชมพูระเรือ ผมผละออกอย่างอ้อยอิ่ง อา..ไม่อยากไปไหนเลยสิ

                “Good night นะ”

     

     (End of Sean part)

     

                โอเค.. ฉันไม่รู้่ว่าตัวเองเผลอหลับลงไปได้ยังไงกัน มันเรื่องน่าอายที่สุด ยังดีที่หมอนั่นเป็นสุภาพบุรุสพอไม่ลักหลับตอนที่ฉันหลับอยู่ บ้าจริง! เพราะสิ่งที่เขาพูดมัน...มัน..มันง่วงนอน ที่มากไปกว่านั้นฉันไม่รู้ว่าตอนเองมานอนบนเตียงได้ยังไง แถมเมื่อคืนยังฝันอะไรแปลกๆ ว่าได้จูบกับใครสักคน มันเหมือนจริงมาก อย่างกับไม่ใช่ฝันแน่ะ

                “ไฮ เอ็ม” เสียงทักทายของโซอีทำให้ฉันยิ้มทักทายกับเธอ  “มาแต่เช้าเลยนะ” โซอีทักทายเมื่อเห็นฉันนั่งจัดของพร้อมกับสวมชุดประจำร้านเรียบร้อยแล้ว

                “อา.. ก็ต้องรีบมา ฉันยังสรุปยอดของไม่เสร็จเลย” ฉันอ้างน่ะ ความจริงฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อตอนตี 5 เพราะนึกขึ้นได้ว่าชอนมาอยู่ด้วยเมื่อคืน มันน่ากังวลไม่ใช่หรอ โชคดีที่ตื่นขึ้นมาหมอนั่นก็ไปซะแล้ว ทิ้งไว้เพียงมือถือของเขาเช่นเดิม ให้มันได้แบบนี้สิ

                “อ๊ะ นี่เธอเปลี่ยนมือถือใหม่หรอ” โซอีทัก เมื่อเห็นไอโฟนสีดำวางอยู่บนโต๊ะ เพราะปกติเครื่องที่ฉันใช้เป็นสีขาว

                “อะ อืม อันเก่ามันตกน่ะ” ฉันเถียงค้างๆ คูๆ ทั้งที่ความจริงฉันรักษามันเท่าชีวิต ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม 

                “ย่ะ งั้นฉันเข้าไปทำงานก่อนนะ” โซอีตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินเข้าไปในครัว

                ฉันเดินกวาดนู่นนี่ในร้านสักพัก เสียงกระดิ่งจากประตูเมื่อมีลูกค้าเดินเข้าสองสามคน ฉันเดินเข้าไปรับออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าผู้ชาย

                “สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” ฉันเข้าไปทักทายตามาาารยาทแล้วยิ่นเมนูให้ หนึ่งในนั้นยื่นมือมารับเมนู

                “อา.. มีอะไรน่าสนใจบ้างหล่ะ” ชายผมสีทองว่าพลางพลิกเมนูไปมา อย่างไม่รู้จะเลือกอะไร

                “ตอนนี้ก็จะมีชุดอาหารเช้าที่อยู่ในเมนูค่ะ”

                “ฮืม..งั้นเอาชุดสองแล้วกัน ทั้งสามที่นั่นแหล่ะ” ผู้ชายผมสีเงินพูด ฉันรับออเดอร์จากเขาแล้วก็เดินออกมา

                ทำไมรู้สึกแปลกๆ นะ.. ความรู้สึกตะงิดๆ ทำให้ฉันหันกลับไปมองยังโต๊ะที่รับออเดอร์เมื่อกี้ สายตาของหนึ่งในนั้นจ้องมาทางฉัน ชายผมดำใบหน้าค่อนค่างออกไปทางยุโรป

                “เอ็ม ทำไมผู้ชายคนนั้นเขาจ้องแกแบบนั้นล่ะ”

                ในตาสีฟ้าครามมองลอดเข้าในตาฉันอย่างเนิดนาน มันดึงดูดทำให้ฉันสบตากับเขาอย่างนิ่งงัน จนกระทั่งเขาเป็นคนละสายตาไป

                “ไม่มีอะไรหรอก” ฉันว่าแล้วส่ายหัว พลางเดินเข้าไปในครัว เขาก็แค่มองแหล่ะ..

                “นี่ว่าแต่เธอไม่ได้ไปฉลองที่ไหนจริงๆ เหรอเมื่อคืน” โซอีถามขึ้นมาขณะที่เธอเดินมายืนข้างๆ

                เมื่อคืนน่ะหรอ..พลันให้ฉันนึกถึงหน้าชอนขึ้นมาทันที

                ตึก ตัก ตึก ตัก..

                “ทำไมต้องหน้าแดงด้วยยะ ไม่สบายเหรอ”

                “เปล่านะ ก็ไม่ได้ไปไหนนี่” ฉันตอบกลับไป พลางเอามือมาทาบที่หน้าตัวเองเบาๆ ไม่มีอะไรต้องหน้าแดงทั้งนั้น

                “เหรอยะ” โซอีปรายตามองฉันอย่างสงสัย

                “อ๊ะ แปปนึงนะ” เสียงติ๊ดๆ ในกระเป๋าทำให้ฉันต้องรีบหยิบขึ้นมารับ “เดี๋ยวมาหล่ะโซ ฝากเสริฟด้วยโต๊ะ 7 นะ!” ฉันตะโกนบอกโซอีและวิ่งไปทางด้านหลังของร้าน

                 โซอีส่ายหัวและมองตามเพื่อนสาวตัวเองที่วิ่งอย่างลุกลี้ลุกลน พลางคิด

                “เป็นแบบนี้ตลอดสิหน่า”

     

     

                “เมื่อไหร่นายจะเอามือถือมาคือฉันสักทีเนี่ย!” ฉันกดรับสายและแหวไปเมื่อเบอร์โทรศัพท์อันคุ้นเคยของตัวเองโทรเข้ามา

                (เฮ้ อย่าพึ่งโมโหสิ ฉันก็กะจะคืนเธอ แต่...ต้องมาเจอกันก่อน)

                “เจอที่ไหนกัน”

                (แล้วเธออยู่ไหนล่ะ)

                “ฉันทำงานอยู่ที่ร้าน..” ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อฉุกคิดว่าไม่ควรจะให้เขารู้ที่อยู่ฉันไปมากกว่านี้

                (ที่ไหนนะ)

                “ทำไมฉันต้องบอกนายด้วย”

                (เออช่างเถอะ งั้นมาเจอฉันตรงร้านช็อกโกแลตตรงข้ามกับหอไอเฟล ตอนบ่ายสาม แค่นี้ล่ะ)

                ว่าไงนะ หอไอเฟล?! นั่นมันไกลจากที่นี่ตั้งเกือบชั่วโมงนะ

                “นายว่ายังไงนะ นี่อย่าพึ่งวางสิ!” ฉันร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ชอนก็นัดๆ พูดๆ ไม่ถามความเห็น จากนั้นก็วางสายไป เฮอะคนบ้า! ฉันมองโทรศัพท์ในมืออย่างฉุนเฉียว ให้ตายสินี่ฉันไปถอกไปถึงหอไอเฟลเชียวเหรอ ให้ตายสิถ้าได้มือคืนฉันจะย้ายออกไปจากปรีส หนีไปที่ๆ ไกลสุดเส้นขอบฟ้า ไม่ต้องพบไม่ต้องเจอเขาอีกเลย!

    ___________________________________________________________________________

    ♥ ♥ ♥  ♥ ♥ ♥  ♥  ♥ ♥ ♥  ♥  ♥  ♥  ♥  ♥   ♥  ♥  ♥  ♥ ♥  ♥ 

    ท็อกทูมีนิดโหน่ย


    ขอบคุณสำหรับการอ่านนะจ้า เย่~ ในที่สุดเราก็ลงบทนี้จบสักที
    อ่านแล้วก็ช่วยคอมเม้นเป็นกำลังให้ไรเตอร์หน่อยน้า จะได้มีกำลังใจแต่งต่อ ไม่ชอบตรงไหนอะไรก็บอกกันมาได้เลยจ้า ยินดีรับฟัง แต่....อย่าใจร้ายนัก5555555555! ไรเตอร์พยายามแก้คำผิดแล้วนะคะ ถ้ามันยังมีอีกก็คอมเม้นบอกได้เลย ว่าแต่ตอนนี้สนุกมั้ยเอ่ย ? อยากอ่านต่อมั้ยอะไรยังไง เม้นนะอยากรู้มาก 5555555
    จะลงตอนต่อไปเร็วๆ นี้ ไม่มีคนเม้นไม่มีกำลังใจจริงๆ -/\- 
    ขอบคุณมาค่า <3

    - Anbna

    ♥ ♥ ♥  ♥ ♥ ♥  ♥  ♥ ♥ ♥  ♥  ♥  ♥  ♥  ♥   ♥  ♥  ♥  ♥ ♥  ♥ 

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×