ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาอินคา

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 1 มาตุภูมิ [3]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 909
      11
      25 ก.ย. 60







     

    กุสโก...เป็นเมืองที่ล้อมรอบด้วยหุบเขาทอดยาวสลับทับซ้อน หากจะเรียกว่าทะเลภูเขาเห็นจะไม่ผิดนัก เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขา บ้านเรือนส่วนใหญ่ปลูกตามเนินเขาลดหลั่นลงมา หญิงสาวหยีตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงแดดจ้า อากาศยามเที่ยงวันนั้นร้อนเสียจนเธอต้องหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาสวมใส่ จากคำบอกเล่าของโซลาโน่ หากเป็นตอนกลางวัน กุสโกจะค่อนข้างร้อนเพราะอยู่ในตำแหน่งสูงและใกล้พระอาทิตย์มากที่สุด และจากผลการสำรวจกุสโกยังเป็นเมืองที่ได้รับรังสียูวีมากที่สุดในโลกอีกด้วย มากยิ่งกว่าประเทศออสเตรเลียและประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งพบช่องโหว่ของชั้นโอโซนเสียอีก เพราะเมืองกุสโกได้รับแสงแดดและรังสียูวีมากกว่าถึงสองเท่าเลยทีเดียว


    ทว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาของคนที่นี่ นั่นเพราะพวกเขาเชื่อว่า บรรพบุรุษของพวกเขาได้สืบทอดเชื้อสายมาจากองค์สุริยเทพ ดังที่ปรากฏในประวัติศาสตร์อินคา กษัตริย์พระองค์แรกของอาณาจักรอินคามีพระนามว่า แมนโค ซึ่งเป็นพระโอรสขององค์สุริยเทพ...


    หญิงสาวยกมือขึ้นวางไว้บริเวณกลางอก สร้อยคอซึ่งมีจี้รูปพระอาทิตย์ที่บิดาให้เธอใส่ติดตัวไว้ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่ายังมีประชาชนอีกมากมายที่ยังคงเคารพและบูชาพระอาทิตย์อยู่


    “หากมองจากแผนที่ เมืองกุสโกซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของชาวอินคาจะมีรูปร่างคล้ายเสือพูมาครับ” โซลาโน่พูดขึ้นขณะเดินนำหญิงสาวเข้ามาในซอยไม่ใหญ่นัก


    “เสือพูมา ชาวอินคาถือว่าเสือพูมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ใช่มั้ยคะคุณโซลาโน่” หญิงสาวจำได้ เพราะเรื่องนี้เธอเคยอ่านพบในนิตยสารสารคดีกึ่งประวัติศาสตร์


    “ใช่แล้วครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะชี้ไปข้างหน้า “ถึงแล้วครับ บ้านคุณย่าโรมีนา”


    ตรอกเล็กๆ ปูพื้นด้วยอิฐตัวหนอนทอดยาวคดเคี้ยวไปตามเนินเขา บ้านเรือนที่นี่สามารถปลูกสร้างและปรับให้เข้ากับภูมิประเทศบริเวณนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เว้นแม้แต่บ้านคุณย่าของเธอซึ่งหากให้เธอเดินหาด้วยตัวเอง เธออาจหาไม่เจอ เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่ของที่นี่ รูปทรงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หากจะแตกต่างก็อาจเป็นบ้านเศรษฐีสมัยใหม่ ซึ่งสร้างแยกออกไปย่านอื่นไม่ได้อยู่ในย่านนี้อย่างแน่นอน


    ยาบารีสาวเท้ายาวตรงไปยังบ้านที่โซลาโน่ชี้บอก หน้าบ้านมีกระถางต้นไม้สีส้มอิฐทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดยาว ในกระถางมีดอกไม้สีสันสดใสดอกเล็กๆ ช่วยให้บ้านหลังนี้จดจำได้ง่ายกว่าบ้านหลังอื่นๆ บ้านของคุณย่าโรมีนาเป็นบ้านปูนชั้นเดียว จัดว่ามีฐานะปานกลางไม่ได้ยากจนแต่ก็ไม่ได้มั่งมีพอที่จะฟุ้งเฟ้อได้ หญิงสูงวัยผิวเข้มนั่งอยู่บนม้านั่งขนาดเล็กหน้าบ้านส่งยิ้มมายังหนุ่มสาวทั้งสองที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปหาตน


    สวัสดีค่ะคุณย่า


    เพียงแค่เห็นเธอก็จำคุณย่าได้ในทันที แม้จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน แต่เพราะลักษณะการนั่งและรอยยิ้มที่หางตาของท่านช่างเหมือนกับบิดาเธอเหลือเกิน เหมือนจนทำให้เธออดหวนระลึกถึงบิดาไม่ได้ ซึ่งความรู้สึกนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากความรู้สึกของหญิงชราเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้เห็นใบหน้าหลานสาวซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของบุตรชายคนเล็กซึ่งได้จากโลกนี้ไปสิบกว่าปีแล้ว


    เหมือนพ่อของหนูเหลือเกิน ตัวจริงสวยกว่าในรูปจนย่าจำแทบไม่ได้


    ยาบารีตรงรี่เข้าสวมกอดย่าโรมีนา มือเหี่ยวย่นลูบไปตามใบหน้าและลำตัวของหลานสาวอย่างสำรวจ


    หนูขอโทษนะคะ ที่ไม่ได้มาเยี่ยมคุณย่าเลย ยาบารีดีใจที่เลือกเรียนภาษาสเปนเป็นภาษาที่สาม เพราะมันทำให้เธอไม่ขัดเขินที่จะพูดคุยกับคุณย่าของเธอ


    ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่ย่าได้เจอหนูย่าก็ดีใจมากแล้ว มาสิ...ตามย่ามา มาดูสิว่าห้องที่ย่าจัดไว้ให้หนู ถูกใจหรือเปล่า ย่าโรมีนาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ก้าวยาวปราดๆ อย่างคนสุขภาพแข็งแรง ยาบารีพยายามสังเกตว่าคุณย่าเจ็บป่วยตรงไหน แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ


    กลับกัน...ย่าโรมีนาดูท่าแล้วจะมีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนสูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก


    นี่ไงล่ะห้องของหนู


    ภายในตัวบ้านฉาบด้วยปูนสีส้มจางทั้งหลัง อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ห้องของเธอจัดไว้อย่างเรียบง่าย ด้านในมีเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น ยาบารียิ้มกว้างก่อนจะสวมกอดหญิงสูงวัยเอาไว้แน่น


    ขอบคุณมากค่ะคุณย่า ความจริงคุณย่าไม่น่าลำบากเลย


    ลำบากที่ไหนกัน ทำเพื่อหลานสาวแค่นี้ย่าทำได้อยู่แล้วละ หญิงสูงวัยหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข ก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปในครัว จังหวะที่ย่าโรมีนาไม่อยู่ ยาบารีจึงหันมาหาคนตัวสูงที่เอาแต่ยืนยิ้มไม่หุบ


    ตกลงคุณย่าป่วยเป็นอะไรหรือคะคุณโซลาโน่


             ชายหนุ่มดูไม่ตกใจกับคำถามเลยสักนิด เขายิ้มกว้างจนตาคมเล็กหยี คนแก่ก็แบบนี้แหละคุณ สามวันดีสี่วันไข้ หรือคุณไม่ดีใจที่คุณย่าแข็งแรงขึ้นแล้ว ตอบกำกวมไม่พอยังย้อนถามเธอได้อย่างหน้าตาย


             “ดีใจสิคะ ฉันแค่เป็นห่วงกลัวว่าท่านจะเป็นอะไรมากกว่าที่เห็นภายนอก แต่ถ้าเป็นโรคของคนแก่ฉันก็พอเข้าใจค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเพราะเธอเองก็มีคุณยาย อายุน่าจะพอๆ กับคุณย่าโรมีนา แต่ถ้าเทียบถึงความแข็งแรงคงแพ้ราบคาบเลยทีเดียว


             “คุยอะไรกันอยู่ หนุ่มๆ สาวๆ ย่าโรมีนาเดินกลับมานั่งข้างๆ หลานสาว พลางยื่นอัลบั้มรูปเก่า ๆ ขนาดเล็กส่งให้เธอ


             หญิงสาวรับมาถือไว้ด้วยความแปลกใจ รูปอะไรหรือคะคุณย่า


             รูปพ่อของหนูตอนเด็กๆ น่ะสิ หนูคงไม่เคยเห็นสินะ หญิงสูงวัยมองหลานสาวด้วยความเอ็นดู ยาบารีพยักหน้าช้าๆ ราวกับว่าหากเธอพยักหน้าเร็วกว่านี้ น้ำตาที่คลอดวงตาทั้งสองข้างอยู่ในขณะนี้อาจจะหยาดหยดลงมาเสียกระนั้น


             ขอบคุณมากค่ะคุณย่า


             หญิงสาวเปิดดูรูปภาพบิดาในวัยเด็ก พลางซักถามถึงเหตุการณ์ในรูปภาพ คนฟังตั้งใจรับฟังด้วยความใคร่รู้ สนุกราวกับเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนคนเล่านั้นยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่ได้นึกถึงเรื่องราววันวานครั้งเก่าก่อน แม้ว่ามันจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม ทว่ามันยังคงจารจำอยู่ในความทรงจำมิรู้คลาย











    เสน่หาอินคา
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน

    ซากุระผลิที่กลางใจ
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ

    ดวงใจปฏิพัทธ์
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง

    มายามรณะ
    รางนาก
    www.mebmarket.com
    ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล...

    มะนาวซ่อนหวาน
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

    มนตราสีกุหลาบ
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×