ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาอินคา

    ลำดับตอนที่ #32 : บทที่ 7 ผู้ถูกเลือก [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 649
      7
      21 ธ.ค. 60








     

    บทที่ 7

    ผู้ถูกเลือก

     

     

             ยาบารีเข้ากับคนง่าย เมื่อเห็นว่าองครักษ์วาคัคจริงใจ ไม่ได้มีท่าทางเจ้าชู้ประตูดินก็ทำให้เธอเบาใจ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ทั้งสองนัดพบกันโดยมีเธอมานั่งเป็นส่วนเกิน เพื่อไม่ให้น่าเกลียดหากใครมาเห็นเข้า แล้วพบว่าเชรีนั่งคุยอยู่กับผู้ชายสองต่อสองจะถูกตำหนิเอาได้ แต่ในบางครั้งเธอก็ปล่อยให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสพูดคุยกันตามลำพังทว่าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

     

             “กลับบ้านกันเถอะเชรี หายออกมานานมากแล้วนะ” ยาบารีเดินหายไปยังป่าด้านหลังไม่ถึงสิบนาทีก็เดินกลับมาหาเพื่อนสาว

     

             “อยู่ต่ออีกนิดมิได้หรือ” องครักษ์วาคัคมองหน้าเชรีด้วยสายตาละห้อย เชรีเป็นคนกลางได้แต่ทำท่าทางอึกอักไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่ออีกคนทำตาละห้อยแต่อีกคนทำตาเขียวมองค้อนเช่นนี้

     

             “เห็นใจข้าเถอะยาบารี อีกหลายวันกว่าข้าจะมีวันหยุดมาหาเชรี พรุ่งนี้ข้าต้องตามเสด็จเจ้าชายไปรักษาชาวบ้านอีกเมืองหนึ่ง ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่” องครักษ์หนุ่มตัดสินใจร้องขอยาบารี

     

    ทว่ายาบารีกลับกอดอกทำท่าทางครุ่นคิดราวกับจงใจแกล้งอีกฝ่าย ช่วยไม่ได้คนที่มาแย่งเพื่อนสนิทของเธอไปก็ต้องโดนแบบนี้แหละ เธอวางท่าอยู่นานจนองครักษ์หนุ่มถอดใจแล้วว่าเพื่อนสาวของเชรีคงไม่ยอมแน่ แต่เมื่อลุกขึ้นยืนเพื่อจะบอกลา ยาบารีกลับพยักหน้าขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

    “ก็ได้ ประเดี๋ยวข้าจะช่วยดูต้นทางให้” พูดจบก็ก้าวปราดๆ ไปนั่งอยู่บนตอไม้อีกมุม

     

    “เพื่อนเจ้าช่างเจ้าเล่ห์นัก” วาคัคถึงกับหัวเราะแล้วส่ายหน้าอย่างเห็นขัน

     

    ทว่าเชรีชินเสียแล้ว ยาบารีเป็นเช่นนี้เสมอ รักและหวงนาง นั่นเพราะยาบารีมักพูดเสมอว่านางมีบุญคุณที่ช่วยสอนภาษาเกชัว แล้วยังยอมเป็นเพื่อนคนแรกของนางในยุคนี้

     

    ยุคนี้...หมายความว่าอะไร เชรีไม่เข้าใจแต่ไม่ได้ซักถาม เพราะแค่ได้ยินคำว่าเพื่อนที่แสนดีนางก็ยิ้มจนหน้าบานเสียแล้ว ไม่ใช่แค่นางที่เป็นเพื่อนที่แสนดีของยาบารี แต่ยาบารีเองก็เป็นเพื่อนที่แสนดีของนางเช่นกัน...

     

    “เชรี...คืนนี้เจ้าจะออกมาหาข้าที่นี่ โดยไม่บอกยาบารีได้หรือไม่” องครักษ์หนุ่มกระซิบแผ่วให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน เหลือบตามอง
    ยาบารีที่นั่งอยู่บนตอไม้แล้วครวญเพลงอย่างอารมณ์ดี นับเป็นจังหวะดีในการนัดแนะกับเชรี เพราะใช่ว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกันตามลำพังบ่อยนัก

     

    “อย่าเลยค่ะ มันไม่งาม ข้าเป็นหญิง...”

     

    “เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าสองต่อสองงั้นหรือเชรี” องครักษ์หนุ่มเว้าวอน แล้วดึงมือหญิงสาวขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา ทว่าเสียงกระแอมไอของยาบารีทำให้องครักษ์หนุ่มจำต้องยอมปล่อยมือบางอย่างเสียไม่ได้ เมื่อเห็นยาบารียืนขึ้นแล้วเดินมาทางนี้ชายหนุ่มจึงรีบตัดบทก่อนที่ยาบารีจะเดินเข้ามาได้ยินเสียก่อน

     

    “คืนนี้ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ จะรอจนกว่าเจ้าจะออกมาพบ”

     

    “แต่ว่า...”

     

    “กลับกันเถอะเชรี” ยาบารีขัดขึ้นก่อนที่เชรีจะทันได้ปฏิเสธองครักษ์หนุ่ม

     

    “ข้าลาล่ะ แล้วพบกันใหม่” องครักษ์วาคัคยืนขึ้น กล่าวลาทั้งสองสาวแล้วเดินทางกลับออกไปจากหมู่บ้าน... มันควรจะเป็นเช่นนั้นทว่าชายหนุ่มกลับพักที่หมู่บ้านใกล้เคียง มิได้กลับวัง นั่นก็เพราะเขาอยากจะเจอเชรี อยากพบและอยู่กับนางเพียงลำพังสองต่อสอง โดยไม่มีก้างขวางคอมาคอยกันท่า...

     

    “เชรี ข้าเห็นว่าท่านวาคัคเป็นคนดี แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้หญิง ข้าอยากให้เจ้าระวังตัวไว้บ้าง คบหากันให้นานๆ แล้วค่อยตกลงปลงใจแต่งงาน รู้หรือเปล่า...ผู้ชายน่ะเปลี่ยนใจง่ายเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าไม่อยากช้ำใจเจ้าต้องห้ามใจเร็วด่วนได้เป็นอันขาด”

     

    “นานของเจ้าสักกี่วันหรือ”

     

    “สัก 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย”

     

    “หา! 2-3 ปีเชียวหรือ คนอื่นๆ ในหมู่บ้าน รักกันพูดคุยกันไม่ถึงเดือนก็แต่งงานแล้ว” เชรีค้านอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดประหลาดของเพื่อนสาว นางไม่รู้หรอกว่าอาณาจักรที่ยาบารีจากมาเป็นอย่างไร แต่ชาวอินคาทุกคนให้เกียรติกันและกัน การคบหากันยาวนานโดยไม่ยอมแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวนั้น นำมาซึ่งความอับอายขายหน้า ใครเขาคงได้นินทาไปทั่ว

     










    ฝากแฟนเพจด้วยนะคะ 
    กดที่รูปการ์ตูนสะมะเรียได้เลยค่ะ



    เสน่หาอินคา
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    ยาบารี ยาบารี ที่รักของข้า? เสียงเรียกอันแสนคุ้นเคยของใครบางคนที่ ยาบารี หญิงสาวลูกครึ่งไทย-เปรู ฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมายังเปรูดินแดนต้นกำเนิดอาณาจักรอินคาที่เธอหลงใหล เสียงปริศนาดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในยามหลับและยามตื่นราวกับกำลังเรียกเธอให้ไปหา... แล้วปาฏิหาริย์ก็ชักนำให้เธอหลงกาลเวลาไปยังอาณาจักรอินคา ดินแดนแห่งทองคำเมื่อสี่ร้อยกว่าปีก่อน ด้วยสร้อยพระอาทิตย์ของสำคัญที่บิดาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เธอได้พบและผูกพันหัวใจไว้กับเจ้าชายทูปัก วีรา เจ้าชายหมอผู้สูงศักดิ์ ท่ามกลางสงครามและยุคสมัยแห่งการล่มสลายของอาณาจักรที่รุ่งเรือง หญิงสาวผู้มาจากอนาคตและเจ้าชายหนุ่มจะร่วมกันแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ แล้วเธอจะหาทางกลับมายังปัจจุบันได้อย่างไร เมื่อยังมีสายสัมพันธ์รักอันยิ่งใหญ่กับชายสูงศักดิ์เกี่ยวกระหวัดให้หัวใจมิอาจลืมเลือน ***ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจากหัวใจรัก นำพาให้คนทั้งสองได้พบเพื่อจาก และพรากเพื่อเจอ ตราบใดที่หัวใจทั้งสองดวงยังคงร้อยรัดด้วยสายใยแห่งรักและผูกพัน ปาฏิหาริย์จะชักพาหัวใจทั้งสองดวงให้กลับมาเคียงคู่กันในสักวัน

    ซากุระผลิที่กลางใจ
    เพียงฤทัย
    www.mebmarket.com
    หลิวหลุดเข้าไปใน 'ยุคสมัยเฮอัน' ซึ่งย้อนอดีตไปถึงพันปีเหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อเธอกลายเป็นคุณหนูของคฤหาสน์อาจิไซ บุตรีขององคมนตรีชั้นเอกผู้เป็นข้ารองบาทขององจักรพรรดิในขณะเรื่องราวผิดฝาผิดตัวสร้างความโกลาหลวุ่นวายหัวใจของหญิงสาวก็เบ่งบานไม่ต่างจากดอกซากุระ

    ดวงใจปฏิพัทธ์
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    เลือดต้องล้างด้วยเลือด จักต้องแผดเผาศัตรูให้พินาศย่อยยับแต่เหตุใดเล่า... เมื่อเห็นนางเจ็บ เขากลับเจ็บยิ่งกว่า! องครักษ์หนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน ผู้ที่เข้ามาทำให้โลกของเจ้าหญิงครีษมาสดใส นางหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ ทว่าการที่องครักษ์หนุ่มเข้ามาใกล้ชิดนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเงื่อนงำ... เมื่อองครักษ์หนุ่มคืนสู่ศักดิ์อันแท้จริง เขาคือเจ้าชายภานรินทร์ที่หายสาบสูญ เขากลับมาอีกครั้งเพื่อขจัดความอยุติธรรม พร่าเกียรติและศักดิ์ศรีเจ้าหญิงผู้สง่างามให้พลิกผันเป็นเพียงนางบำเรอชั้นต่ำ!นาง...เจ็บเจียนตายแต่หัวใจกลับรักเขาเขา…แค้นฝังใจแต่มิอาจปล่อยมือจากนางบทสรุปความรักจะเป็นเช่นไร...รักฤาชัง

    มายามรณะ
    รางนาก
    www.mebmarket.com
    ภาพหลอน! ความกลัว! ความตาย! และความสิ้นหวัง! ประดังเข้าสาดซัดนางเอกสาวดาวรุ่งราวกับห่าฝนในคืนเดือนมืด เมื่อมือที่มองไม่เห็นยื่นมากระชากชีวิตของหญิงสาวให้เปลี่ยนไปตลอดกาล...

    มะนาวซ่อนหวาน
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    ใครๆ ต่างพากันตั้งฉายาให้ มะนาว ว่า...ไฮโซขาวีน และ ไฮโซมือตบแต่...อย่าได้แคร์สื่อ เธอยังคงสวย เริด เชิด หยิ่งจนกระทั่งผู้เป็นบิดาต้องงัดไม้เด็ดมาปราบลูกสาวหัวดื้อทางด้าน เตชธรรม ถึงกับกุมขมับเมื่อได้รับมอบหมายให้ดัดนิสัยยายตัวร้ายที่เขาให้คำจัดความว่าตั้งแต่แรกเห็นว่า‘ชอบเที่ยวกลางคืน ยั่วยวนผู้ชาย ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว’ชายหนุ่มจึงงัดสารพัดวิธีที่มั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ออกมาจัดการทว่า...ผิดคาด เมื่อมะนาวลูกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความเปรี้ยวซ่าอย่างที่คิดและกว่าจะรู้ตัวว่า...ผิดแผน หัวใจก็ลิ้มรสหวานจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

    มนตราสีกุหลาบ
    สะมะเรีย
    www.mebmarket.com
    มนตราแห่งเพตรา ดลบันดาลให้หัวใจสองดวงผูกพัน ก่อเกิดเป็นความรักร้อนแรงจนแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์ก็มิอาจเทียบ หลังจากผิดหวังในความรัก ยี่สุ่น...หญิงสาววัยเบญจเพสจึงตัดสินใจเดินทางมายังจอร์แดนตามคำชักชวนของมารดา พร้อมความเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะได้พบรักแท้ และเมื่อเธอมาถึงนครเพตรา?นครศิลาสีชมพู เธอก็ได้พบรัฟฟาน หนุ่มจอร์แดนมาดเข้ม เธอหลงคิดว่าเขาเป็นไกด์พื้นเมืองจึงใช้งานเขาสารพัด รัฟฟาน... ตำรวจสากลผู้ได้รับมอบหมายให้มาสืบหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่นครเพตรา ยินยอมเป็นไกด์ให้ยี่สุ่นเพราะต้องการปลอมตัวให้แนบเนียน ไม่เป็นที่สงสัยของคนร้าย แต่นักท่องเที่ยวสาวกลับทำให้เขาต้องคิดทบทวนว่าเขาคิดผิดหรือไม่ที่ยอมเป็นไกด์ให้เธอ เพราะเธอเปิ่นและบ้าดีเดือดชนิดไม่มีใครเหมือน ซ้ำยังทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว ท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุ ความรักได้ก่อเกิดขึ้นจากความใกล้ชิด พร้อมกับอันตรายที่คืบคลานเข้ามาให้เขากับเธอร่วมกันฟันฝ่า เพื่อพิสูจน์ว่ารักแท้มีอยู่จริง +++++++++++++“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ตั้งใจลวนลามคุณ ผมแค่เข้ามาปลุกคุณไปกินอาหารเย็น” รัฟฟานหัวเสียไม่น้อย นี่ล่ะเขาถึงไม่อยากมีแฟนเพราะรำคาญผู้หญิงที่ชอบพูดไม่รู้เรื่อง เอะอะก็โวยวายเอาไว้ก่อนไม่เคยฟังเหตุผลอะไรเลยสักอย่างเดียว“ฉันไม่เชื่อ”“ถ้าอย่างนั้นผมจะทำให้ดู”“คุณ...”รัฟฟานไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวโวยวายไปมากกว่านี้ เขาปิดปากอิ่มได้รูปด้วยริมฝีปากเรียวอย่างรวดเร็ว ยี่สุ่นพยายามโวยวายแต่กลับเป็นการเปิดเรียวปากให้ชายหนุ่มแทรกลิ้นร้อนเข้าไปตวัดเร้าควานหาความหอมหวานจากปากนุ่มสีกุหลาบ ยี่สุ่นสั่นไปหมดทั้งตัว หัวสมองหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่แล้วเขาก็เติมเต็มลมหายใจให้เธอพร้อมๆ กับฉกฉวยมันไป สลับไปมาจนเธอชาวาบจนถึงปลายเท้า แข้งขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ติดพื้น เมื่อเขาบดจูบเร่าร้อนยาวนานจนเธอเผลอกอดตอบเขาและเผลอ...จูบตอบเขาอย่างไร้เดียงสารัฟฟานผละออกจากริมฝีปากอิ่มอย่างเสียดาย ยี่สุ่นทรุดฮวบลงไปกองที่พื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง คิดหาคำพูดหรือคำด่าทอไกด์หนุ่มไม่ถูก นั่งบื้อใบ้หัวสมองมึนงงด้วยความสับสน“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าผมมาปลุกคุณให้ตื่นไปรับประทานอาหารเย็น ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาลวนลาม เพราะถ้าผมตั้งใจจะทำ...ผมจะทำแบบเมื่อครู่นี้ เอาละ...อีกสิบห้านาทีผมจะกลับเข้ามารับ อย่าช้าล่ะเพราะที่นี่จัดอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์หากเกินเวลาไปมากกว่านี้อาจไม่เหลืออะไรให้คุณกิน” พูดจบเขาก็เดินออกไปทิ้งให้หญิงสาวนั่งหน้าแดงก่ำจูบแรกของฉัน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×