คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่3 มาชูปิกชู [2]
‘ยาบารี! ข้าเฝ้ารอคอยเจ้ามาเนิ่นนาน’
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาช้าๆ
พยายามสลัดเสียงทุ้มที่ดังทับซ้อนเสียงเรียกของอาจารย์โซลาโน่ออกไป
มือหนาเอื้อมมาจับไหล่บางที่ทำท่าโงนเงนคล้ายจะล้มลง
“คุณรี!”
‘ยาบารี!’
“คุณรีครับ”
‘ยาบารีที่รักของข้า...’
“ไม่! อย่าเรียกชื่อฉัน
ห้ามเรียกชื่อฉันนะ!”
หญิงสาวตะโกนออกมาจนสุดเสียง
สร้างความแตกตื่นให้นักท่องเที่ยวบริเวณนั้นซึ่งกำลังต่อแถวเข้าไปเที่ยวชมมาชูปิกชูให้หันมามองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ
หญิงสาวหอบหายใจแรง
เสียงเรียกเมื่อครู่หายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเหงื่อหยดโตเกาะพราวเต็มหน้าผากมน
เธอเงยหน้าขึ้นมองโซลาโน่ที่ยืนมองเธอด้วยความเป็นห่วง
ท่าทางของเขาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด “รีขอโทษค่ะอาจารย์ รี...”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรงเมื่อไม่สามารถเล่าถึงเสียงที่ดังก้องราวกับหลอกหลอนเธออยู่ในขณะนี้ให้เขาฟังได้
“ดื่มน้ำสักหน่อยเถอะครับคุณรี
ถ้าไม่ไหวเราค่อยรอเข้ามาชูปิกชูช่วงบ่ายดีมั้ยครับ”
หญิงสาวรับน้ำมาดื่มแก้กระหาย
ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “กำลังจะถึงคิวเราแล้ว อุตส่าห์ยืนต่อคิวมาตั้งนาน
รีไม่ยอมล้มเลิกง่ายๆ หรอกค่ะอาจารย์”
หญิงสาวยืนรอคิวอยู่ตรงนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว
เนื่องจากทางรัฐบาลจำกัดนักท่องเที่ยวให้สามารถผ่านเข้าไปเที่ยวชมได้เพียงวันละ
500 คนเท่านั้น เพื่อไม่ให้โบราณสถานทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว
“แน่ใจนะครับคุณรี เรายังมีเวลาอีกมาก
ผมไม่อยากให้คุณฝืน”
“แน่ใจค่ะอาจารย์ รีไหวค่ะ
สงสัยคงเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยค่อนข้างอ่อนเพลีย”
หญิงสาวเลือกที่จะเล่าเพียงเท่านั้น
เธอไม่ได้เล่าความฝันให้อาจารย์หนุ่มฟังเพราะคิดว่าเขาคงไม่มีทางเชื่อเธอแน่ๆ เธอฝันเห็นชายคนนั้นถึงสองคืนติดต่อกัน
มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน
“คุณรีอาจเป็นโรคแพ้ความสูง
เพราะดูจากอาการนอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย แต่อีกสัก 4-6
ชั่วโมงร่างกายของคุณรีก็จะปรับตัวได้เองครับ ตอนนี้คุณรีต้องไม่ฝืนร่างกายตัวเอง
ถ้าเหนื่อยก็ขอให้นั่งพักทันที แล้วค่อยๆ จิบน้ำ”
ชายหนุ่มถือวิสาสะวินิจฉัยอาการของหญิงสาว
เพราะคนต่างถิ่นมักเป็นโรคแพ้ความสูงกันมาก เพราะที่นี่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,350 เมตรเลยทีเดียว
“อาจจะเป็นอย่างนั้นค่ะ”
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ แล้วส่งน้ำคืนให้เขา
“นี่ครับลูกอมโคคา
มีรสหวานและยังมีส่วนประกอบของใบโคคา เผื่อมันจะช่วยให้คุณรีรู้สึกดีขึ้น”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” ยาบารีไม่แปลกใจเลยที่ย่าโรมีนาสนิทสนมและไว้ใจอาจารย์โซลาโน่
จนถึงขนาดยอมให้เธอซึ่งเป็นหลานสาวเดินทางมากับเขา นั่นเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็น
และมีความรับผิดชอบมากทีเดียว
ในที่สุดยาบารีก็ได้เข้าไปในมาชูปิกชู...นครกลางฟ้าที่ซ่อนตัวลึกลับอยู่ในเทือกเขาแอนดีส
จะกี่ร้อยกี่พันภาพถ่ายที่หญิงสาวเคยเห็นมานั้น เทียบไม่ได้เลยเมื่อเธอได้มาเห็นสิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่ด้วยตาของตัวเอง
หินก้อนใหญ่ซ้อนทับกันเป็นผนังสูง โดยหินแต่ละก้อนนั้นยึดติดกันด้วยสลักตัวผู้ตัวเมีย
ประกบเข้าหากันแนบแน่น
แม้แต่กระดาษแผ่นบางก็ไม่สามารถแทรกผ่านเข้าไปได้
การก่อสร้างเช่นนี้ทำให้สิ่งก่อสร้างของชาวอินคารอดพ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่าง
แผ่นดินไหวไปได้ทุกครั้ง
แม้ว่าเปรูจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยมากก็ตาม
“สวย และยิ่งใหญ่มากจริงๆ ค่ะ โชคดีมากๆ
ที่มาชูปิกชูแทบไม่ได้รับความเสียหายจากสงครามเลย
อาจเป็นเพราะมันหลบซ่อนอยู่ในทะเลภูเขาก็เป็นได้” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ
ยืนอยู่บนที่สูงที่สามารถมองเห็นมาชูปิกชูทั้งหมด
เธอรีบหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋า แล้วถ่ายภาพมาชูปิกชูเอาไว้ทันที
“ครับ ที่นี่เป็นความภูมิใจของเรา เชื่อกันว่า
จักรพรรดิปาชากูตี เป็นผู้สร้างมาชูปิกชูขึ้นบนยอดเขาสูงแห่งนี้
หุบเขาแห่งลุ่มแม่น้ำอูรูบัมบาที่เชี่ยวกราก
แม้แต่ชาวสเปนซึ่งยึดครองอาณาจักรอินคาอยู่หลายสิบปีก็ไม่เคยรู้ว่ามีสิ่งมหัศจรรย์นี้ซ่อนอยู่
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24
กรกฎาคม ค.ศ. 1911 ไฮแรม บิงแฮม ที่สาม
นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันได้ค้นพบมาชูปิกชู
ในสภาพที่ถูกทิ้งร้างไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เขาจึงได้ขนานนามมาชูปิกชูว่า…เมืองที่สาบสูญของอินคา”
“คงเพราะว่าหนทางที่จะเดินทางมายังมาชูปิกชูนั้นยากลำบาก
อีกอย่างเราต้องขึ้นภูเขามาจากลูกที่สูงกว่า ถึงจะสามารถมองเห็นมาชูปิกชูได้
นับว่าจักรพรรดิปาชากูตีทรงพระปรีชาชาญมากทีเดียวค่ะ” ยาบารียิ้มน้อยๆ
ก่อนจะเดินลงไปเยือนมาชูปิกชูอย่างใกล้ชิด
“มาชูปิกชูสร้างไว้เพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อนของจักรพรรดิ
ความยิ่งใหญ่ของมาชูปิกชูสามารถจุคนได้ถึง 1,200 คนเลยทีเดียว
สำหรับรองรับพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพาร ไม่ว่าจะเป็นนักบวช หญิงรับใช้
นางห้าม และคนงานที่ทำหน้าที่ต่างๆ เพื่อดูแลรับใช้จักรพรรดิและพระบรมวงศานุวงศ์
“โดยมาชูปิกชูแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ๆ
ด้วยกัน เขตแรก...เป็นเขตที่อยู่บนยอดเนิน ด้านล่างเป็นหน้าผา ชาวอินคาใช้ทำเกษตรกรรม
ทำนา ทำไร่ และปลูกพืชผักผลไม้ โดยชาวอินคาทำเป็นนาขั้นบันไดลดหลั่นไปตามไหล่เขา
เลี้ยงสัตว์จำพวก อัลปากา และยามา
“เขตที่สอง...เป็นเขตของนักบวช และหญิงบริสุทธิ์ผู้ถูกเลือกหรือนางห้ามนั่นเอง
พวกเขาเหล่านี้มีบ้านพักอยู่บนยอดเขาไวนาปิกชู ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,720 เมตร นั่นหมายความว่ายอดเขานี้สูงกว่ามาชูปิกชูราว 370 เมตร”
โซลาโน่เล่าไปเรื่อยๆ
ราวกับว่าเขากำลังสอนนักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ในชั้นเรียนเสียอย่างนั้น
ซึ่งลูกศิษย์คนสวยก็ดูตั้งอกตั้งใจฟังจนเขารู้สึกเพลิดเพลิน เขาจึงเล่าไปเรื่อยๆ
อย่างไม่รู้เบื่อ
“นางห้ามหรือคะอาจารย์”
หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบคำว่านางห้ามเลย อาจเพราะเธอเกิดในยุคที่สตรีมีสิทธิเท่าเทียมกับบุรุษนั่นเอง
“ครับคุณรี นางห้ามหรือที่ชาวอินคาเรียกว่า
แอคลา หญิงพรหมจรรย์ที่ทำหน้าที่ทอผ้าเพื่อเป็นเครื่องทรงของจักรพรรดิ”
|
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น