ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] Family Project (KrisYeol) : Day&Night Secret Love

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter - 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.19K
      13
      22 ต.ค. 56

    มาแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

    ไม่รู้ทำไมพล็อตที่มีมันถึงออกทะเลไปไกล 555555555 #ด้นสดออกทะเลสินะ #พฮืออออออออออ

    รักษาสุขภาพระวังเจ็บปวดกันนะคะ

    _________________________________________





     
    เวลาที่ผู้ชายหิ้วผู้หญิงสาวๆ สวยๆขึ้นห้องได้ กิจกรรมต่อไปคืออะไร? คงทายกันได้ล่ะสิ .. ถูกต้อง กิจกรรมเข้าจังหวะ เวลาที่ได้สัมผัสกับผิวนิ่มๆและเนื้ออกนิ่มๆนั่นมันรู้สึกดีจนบรรยายไม่ถูกเลยล่ะ เวลาที่ได้มีอะไรกับพวกเธอมันมีความสุขก็จริง.. แต่บางทีเขาก็รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่..
     
    แต่ไอ้การที่นอนให้ผู้ชายเหมือนกันกอดนี่.. ก็ไม่ได้รู้สึกแย่.. 
     
    ซะทีเดียวหรอกนะ…
     
     
    “นอนดีๆสิวะ” หันไปเฉดหัวคนที่นอนหลับพลิกตัวมากอดแขนเขาให้ถอยออกไปแต่คนหลับก็ไม่ยอมตื่นหรือพลิกตัวหนีกลับเขยิบเข้ามาชิด คนที่มองอยู่ก็ยิ้มขำ
     
    ชานยอลไม่ใช่คนนอนดิ้นหรอกแต่มันน่ะชอบนอนกอดหมอนข้าง เรื่องนี้เขารู้ดี ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปี แถมยังเคยมานอนด้วยกันบ่อยๆด้วย ไม่รู้หมอนข้างมันไปไหนแล้วก่อนนอนก็เห็นมันนอนกอดอยู่ สงสัยจะทำตกเตียงล่ะสิ
     
    ยามดึกแบบนี้แสงสว่างในห้องนอนก็เพียงแค่สลัวเท่านั้น แต่มันก็พอที่จะทำให้เขาเห็นเครื่องหน้าของใครอีกคน เปลือกตาสีนวลที่บดบังนัยน์ตากลมสีเข้มไว้ แพขนตายาวเรียงบนผิวเนียน ปลายจมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ ยามที่ชานยอลหลับนั้นดูคล้ายเวลาที่เด็กทาการกำลังหลับ น่ารัก น่าปกป้องและน่าแกล้ง
     
    อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้งเขาถึงชอบแกล้งชานยอลนัก เวลาที่เห็นดวงตากลมๆนั้นคลอไปด้วยน้ำตา มันก็ยิ่งวาวเป็นประกาย ชอบเวลาที่เห็นแก้มกลมๆนั้นพองออกเพราะโดนขัดใจ ชอบริมฝีปากคู่นั้นที่แบะใส่จนติดเป็นนิสัย ชอบเวลาที่เจ้าของดวงตาเป็นประกายคู่นั้นมองมาที่ตัวเอง
     
    “งื้อ.. ไก่ทอด~” นอนมองใบหน้ายามหลับเพลินๆก็ต้องหัวเราะเสียงเบากับคำละเมอของคนที่นอนกอดแขนเขาไม่ปล่อย ก็เพราะแบบนี้ไงเขาถึงปล่อยให้ชานยอลคลาดสายตาไม่ได้
     
    “นี่ก็เห็นแก่กิน” ว่าแล้วก็ดีดหน้าผากมนไปสักหนึ่งที ชานยอลทำหน้ามุ่ยก่อนที่จะยกมือขึ้ยลูบหน้าผากตัวเองแต่ก็ไม่ยอมตื่น
     
    “อื้อ.. ใครแกล้งน่ะเดี๋ยวจะฟ้องไอ้คริส” คนที่จะโดนมาฟ้องก็หัวเราะคิกเลย ก็คนแกล้งมันก็เขาแล้วยังจะมาฟ้องเขาอีก
     
    “ไปนอนไกลๆเลยไป” เขยิบตัวหนีแล้วก็แกะแขนที่กอดแขนตัวเองออกแต่ชานยอลก็ยิ่งหน้าหน้ามุ่ยแล้วก็ขยับเบียดเข้ามาแซะไม่เลิกจนต้องปล่อยเลยตามเลย พอได้กอดหมอนข้างของตัวเองแล้วทีนี้คนละเมอก็หลับสนิท ผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ คริสระบายยิ้มพร้อมกับถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือก สงสัยคืนนี้คงต้องนอนนิ่งๆให้กอดแขนทั้งคืนน่ะสิ ตื่นมาคงเมื่อยน่าดูเลย
     
    “เอาเถอะ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนินะ”
     
    คิดได้แบบนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง บางทีตัวเขาก็สงสัยว่าคนเป็นเพื่อนกันเขาทำแบบนี้หรือเปล่า มีความรู้สึกใจแกว่งๆแบบนี้ไหม ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่ค่อยได้ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นและก็ไม่สนมิตรภาพอะไรพวกนั้นที่ถูกหยิบยื่นมาให้ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงรับมิตรภาพและยอมสานต่อกับคนๆนี้ 
     
    บางทีอาจจะเป็นเพราะ.. ครั้งแรกที่เราสบตากันล่ะมั้ง ดวงตากลมโตที่มองสบตากับเขาในระยะประชิด ดวงตาคู่นั้นที่สะกดให้เขามองตามโดยที่ไม่รู้ตัว
     
     
     
    “งื๊อ...” เวลาเช้าๆก็ไม่ค่อยอยากจะตื่นนักหรอกแต่บางทีก็เกลียดแสงอาทิตย์ที่มันชอบส่องให้ห้องสว่าง พอห้องมันสว่างมันก็จะแยงตาแล้วก็ทำให้คนหลับรำคาญน่ะสิ วันนี้มีเรียนและตัวเขาก็จำได้ว่าวันนี้น้องจุนตัวขาวสุดมุมิไม่มีเรียน ดังนั้นก็นอนต่อดีกว่าไว้ตื่นค่อยไปเรียนแต่ถ้าตื่นไม่ทันก็โดดซะสิ้นเรื่อง
     
    “ง๊า.. สงสัยต้องหาม่านสีทึบมาติดแล้วมั้งเนี่ย” คนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ก็พลิกหน้าไปอีกด้านแล้วก็อิงซบหัวไหล่ของเตียงไว้ ... ไหล่? ใคร?
     
    “หื้ม?” ชานยอลยันตัวขึ้นแล้วก็มองเตียงที่ตัวเองนอนพิงอยู่ ก็เห็นว่าเตียงที่นอนซบอยู่นั้นคือคริสที่กำลังหลับและตัวเองที่นอนเกยอยู่บนตัวคริสไปแล้ว... ซะครึ่งตัว ชานยอลไม่ใช่คนนอนดิ้นเขารู้ตัวแต่แล้วไหงขึ้นไปนอนเกยอยู่บนนั้นได้ล่ะ? ดิ้นอีท่าไหนกันวะเนี่ย!!
     
    “เฮ้ย!!” ตกใจไงเลยผงะหนีถอยหลังแล้วเผลอร้องเสียงดัง ไอ้คนที่นอนให้เขาเกยก็ค่อยๆตื่นด้วยใบหน้าและอารมณ์ที่หงุดหงิดได้ที่เลย คริสไม่ชอบให้ใครปลุกและจะไม่สบอารมณ์ที่สุดเมื่อโดนปลุกโดยเสียงรบกวน
     
    “อะไรของมึงแต่เช้าวะห๊ะ!!” น้ำเสียงทุ้มตวาดใส่ทำเอาสะดุ้ง คริสขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนที่จะลืมตาขึ้นมองก็เห็นชานยอลนั่งทำหน้าตกใจอยู่ไม่ไกล ไอ้ที่ตกใจน่ะไมได้ตกใจเสียงตวาดหรอกเพราะโดนประจำแต่ยังตกใจที่ขึ้นไปนอนบนตัวมันไม่หาย คือเข้าใจใช่ไหม? ผู้ชายๆน่ะ เวลาผู้ชายนอนมันก็บ๊อกเซอร์ตัวเดียวถูกป่ะ? แล้วคือเนื้อแนบชิดแบบ.. สยองเห.ๆครับ!!!
     
    “โทษที” คริสขยี้หัวตัวเองอีกรอบก่อนที่จะล้มตัวลงนอนต่อ ชานยอลขยับตัวเข้าไปใกล้แล้วก็เขย่าแขนของคนที่จะหลับต่อแรงๆ
     
    “มึงต้องไปส่งน้องแบคนะเว๊ย ตื่นๆๆ!!” คริสลุกขึ้นนั่งแล้วก็ขยี้หัวอย่างหงุดหงิดอีกรอบ
     
    “กี่โมงแล้ววะ” ชานยอลชะโงกหน้าไปมองนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง
     
    “7โมง 15”
     
    “ชิ.หาย!! มึงไปอาบน้ำเร็วๆเลยไอ้ชานยอล” ถ้าไปส่งน้องเล็กของบ้านช้าล่ะก็รับรองนรกแด.แหงๆ
     
    “ก็ไม่เห็นต้องอาบน้ำเลยก็อาบไปแล้วไงเมื่อคืน” ว่าแล้วชานยอลก็ลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป คริสที่มองตามร่างบอบบางไปก็เลยลุกขึ้นเดินตามไปด้วย
     
    ชานยอลยืนบีบยาสีฟันลงแปรงสีฟันของตัวเองอยู่ที่อ่างล้างหน้า คริสที่เดินตามมาก็คว้าแปรงสีฟันของตัวเองมายื่นให้คนที่รอบีบยาสีฟันให้อยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองแปรงฟันไปก็แกล้งกันไปมา ชานยอลหันไปทำหน้าโหดใส่ คริสก็แค่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ชานยอลหันไปค้อนใส่สักหนึ่งทีก่อนที่จะแปรงฟันต่อไปโดยที่ไม่สนใจคนข้างๆที่หัวเราะหึหึในลำคออีกเลย
     
    แปรงฟันเสร็จก็ต้องบ้วนปากสินะ ชานยอลเหลือบสายตามองก่อนทิ้งความอาฆาตแค้นไว้เล็กๆก่อนที่จะก้มลงเพื่อที่จะบ้วนปากโดยที่มองไม่เห็นว่าคริสเองก็ก้มลงมาเช่นกัน ผลก็คือสองคนหัวโขกกันเอง
     
    “โอ๊ย!!” ชานยอลกระเด้งตัวหนีแล้วกุมหัวด้านที่โดนเขกไว้ คริสเองก็ขยี้ผมตรงที่เจ็บเช่นกัน
     
    “ไอ้เห.! ก้มลงมาทำไมวะ!!” คือก็ไม่สนใจแล้วว่าฟองสีขาวจะกระเด็นไปไหน ขอด่ามันก่อน
     
    “มึงนั่นแหละทำไมไม่ดูวะห๊ะ!” คริสชิงก้มหน้าลงบ้วนปากก่อนเลยแล้วค่อยล้างหน้าให้เรียบร้อย เสร็จก็ถอยไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ใช้เช็ดหน้าของชานยอลที่แขวนไว้ที่ราวเล็กในห้องน้ำมาเช็ดหน้า ชานยอลมองค้อนตามหลังก่อนที่จะมาจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย พอล้างหน้าเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วจะหันหลังไปหยิบผ้ามาเช็ดหน้าแต่อยู่ๆโลกก็ดับมืดเสียอย่างนั้น
     
    “เช็ดซะ” ชานยอลดึงผ้าขนหนูออกจากหน้าตัวเองก็เห็นแผ่นหลังกว้างของคนมาอาศัยนอน มองค้อนจิกใส่แผ่นหลังนั้นสักทีหนึ่งก่อนที่จะเช็ดหน้าตัวเองให้แห้งแล้วก็เดินออกมาเอาผ้ามาตากไว้ที่ราวตากผ้า 
     
    “วันนี้โดดนะอยากนอนอ่ะ ถ้าไปส่งน้องแบคเสร็จแล้วก็ซื้อของกินมาด้วยนะ” ชานยอลเดินไปนั่งที่ปลายเตียงแล้วท้าวสองแขนไปด้านหลังมองคริสที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า คริสหันมามองด้วยสายตาดุก่อนที่จะละมือจากการติดกระดุมเสื้อแล้วเดินมาหาชานยอลที่เริ่มไถลตัวลงนอนกับเตียงแล้ว
     
    “จะโดดได้ไงเดี๋ยวไอ้ลู่มันก็ด่าเข้าให้หรอก” ชานยอลแบะปากแล้วก็พลิกตัวนอนตะแคง
     
    “ก็ส่งข้อความไปบอกมันดิว่าจะโดดอ่ะ”คริสถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ๆ
     
    “วันนี้โดดไม่ได้ วิชาอาจารย์คิมมึงก็รู้ว่าห้ามโดดวันนี้ลงแล็ปด้วยเร็วๆถ้ากูไปส่งน้องกูสายนะมึงเจ็บตัวแน่ๆไอ้ชานยอล กูจะนับถึง3นะ” แต่ความง่วงก็ชนะทุกสิ่ง ชานยอลหลับตาลงเพื่อเตรียมเข้านอนแต่คนตัวสูงกลับไม่ยอมให้ทำแบบนั้น
     
    “3” แล้วคริสก็โน้มตัวลงจับข้อมือทั้งสองข้างของชานยอลแล้วกระชากให้ลุกขึ้นอย่างแรง คนที่ตกใจก็ผวาโผกอดรอบลำคอคนดึง คริสก็ประครองชานยอลไว้เพราะกลัวว่าจะล้ม พอตั้งสติได้ก็รัวฟาดคนทำให้ใจหายใจคว่ำแรงๆทันที
     
    “เล่นอะไรแบบนี้วะห๊ะ!!” รัวฟาดไม่ยั้งเลย คริสก็ปัดป้องโดยการคว้ามือคนตีให้หยุด เสื้อเชิ้ตที่คริสใส่ยังไม่ทันได้ติดกระดุกก็หลุดลุ่ย ชานยอลมุ่ยหน้าใส่ก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วฝังเขี้ยวไว้ที่ซอกคอซะเลย กัดจมเขี้ยวเลยล่ะ เลือดซิบไหมไม่รู้รู้แต่ว่าอยู่ๆก็โดนผลักลงเตียงซะแรงเลย
     
    “เห. กัดกูทำไมเป็นหมาหรือไงมึง!!” คริสยกมือลูบที่ต้นคอแล้วก็รู้สึกแสบๆ คาดว่าเลือดคงไหลด้วยแน่ๆ ชานยอลแบะปากใส่แล้วก็แลบลิ้นใส่สักหนึ่งทีก่อนที่จะลุกขึ้นไปแต่งตัวบ้าง
     
    “ฝากไว้ก่อนเถอะมึงกูเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกแน่” ชานยอลที่กำลังสวมเสื้อหันมาแล่บลิ้นใส่อีกที
     
    “ไม่รับฝาก กูไม่ใช่ธนาคาร”
     
     
    หลังจากผ่านสมรภูมิสงครามนองเลือดกันแล้วคริสกับชานยอลขับรถไปรับน้องที่บ้าน ซึ่งวันนี้คนที่จะไปเรียนก็มีแค่เทา เซฮุนและแบคฮยอน บรรยากาศในรถเงียบเชียบ ชานยอลก็นั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่าง เช้าๆแบบนี้ก็หิวข้าวอยู่นะ ไว้ไปกินที่มหาลัยดีกว่า คริสเหลือบมองคนข้างกายก่อนที่จะกระตุกยิ้มบางๆ เผลอเมื่อไหร่กูจับมึงเคลียร์แน่ๆไอ้ชานยอล
     
    พอเลี้ยวรถเข้าบ้านได้ก็เจอน้องชายทั้งสามคนยืนกอดอกบอกหน้าบุญไม่รับอยู่ก่อนแล้ว ชานยอลแอบกลืนน้ำลายนิดหน่อย ถ้าเป็นเทาน่ะเขาพอรับมือได้หรอกเพราะก็ตีกันทุกวันเวลาที่เขามาบ้านนี้เพื่อเต๊าะน้องจุนมยอนแสนมุมิหรือถ้าเป็นแบคฮยอน ถึงน้องจะชอบบ่นแต่น้องก็น่ารักและนิสัยดี แต่กับเซฮุนขอบอกเลยว่าเขาไม่สามารถจริงๆ สายตาเย็นชาที่มองมานั้นคล้ายกับจะมองเขาให้ทะลุไปถึงตับ ถึงปอดแน่ะ เป็นคนที่ไม่สามารถต่อกรด้วยได้จริงๆ พอรถจอดสนิทน้องทั้งสามคนก็รีบขึ้นรถมาทันที 
     
    “สาย!” คำแรกจากเซฮุน
     
    “ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ” และต่อด้วยแบคฮยอน
     
    “ดีนะวันนี้ผมเริ่มเรียนตัวแรกสาย” และปิดท้ายด้วยเทาที่มาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ 
     
    “ขอโทษนะพี่ทำสายเองแหละ” ชานยอลชะโงกหน้าไปเบาะหลังแล้วก็ส่งยิ้มแหยๆให้ เซฮุนปรายสายตามอง แบคฮยอนกับเทาไม่ได้พูดอะไรแต่สายตาที่ส่งมาให้นี่เอามีดมาปาดคอหอยพี่เถอะครับ
     
    “รู้ตัวก็ดี” โอ้โห้ เหมือนโดนธนูยิงปักเข้าอกสิบดอกเลย ชานยอลก็เลยขยับตัวมานั่งเหมือนเดิม ใบหน้าน่ารักเจื่อนลงพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด มันก็เป็นความผิดเขาจริงๆนั่นแหละถ้าเขาไม่เล่นแล้วก็ทำตัวช้านะก็คงไม่ต้องทำให้น้องๆสายหรอก คริสยื่นมือมาขยี้หัวชานยอลก่อนที่จะมองกระจกส่องหลังมองน้องๆที่มองเขาเช่นกัน
     
    “เมื่อคืนพี่ลืมตั้งนาฬิกาปลุก โทษที” แบคฮยอนแม้ว่าจะพยักหน้าแต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่ พี่ใหญ่ของเขาไม่ชอบให้ใครปลุก ดังนั้นพี่ชายของเขาจะตื่นเองแม้จะช้าบ้าง เร็วบ้างก็ตาม ในห้องนอนก็มีแค่นาฬิกาเรือนแขวนที่ปลุกไม่ได้ บางทีเรื่องนี้อาจจะซับซ้อนมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้
     
    “พี่คริสจอด” คริสตบไฟเลี้ยวแล้วก็เข้าจอดที่ป้ายรถเมล์ที่เดิม ถามจนขี้เกียจถามแล้วว่าทำไมต้องไปรถเมล์ ทำไมต้องชอบทำอะไรให้ตัวเองลำบากก็ไม่รู้สิน่า
     
    “น้องเซฮุนมารอเพื่อนเหรอ” ด้วยความที่ไม่เคยมาพร้อมกันตอนเช้าแบบนี้ก็เลยถามออกไป เซฮุนชะงักไปนิดนึงแต่ก็ไม่ตอบอะไรชานยอล เปิดประตูลงไปได้ก็ไม่สนใจอะไรเดินไปนั่งรอที่ที่นั่งรอเช่นเดิม
     
    “น้องมึงเกลียดกูหรือเปล่าวะ” หันไปถามคนขับซึ่งก็ได้คำตอบที่อยากจะพุ่งเข้าไปกัดคอให้จมเขี้ยวอีกสักแผล
     
    “กูก็เกลียดมึงเหมือนกันนั่นแหละ” ชานยอลแบะปากใส่ก่อนที่จะพลิกตัวไปนั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่าง
     
    “น้องมึงต้องเกลียดกูแน่ๆเลยว่ะ” คริสหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนที่จะเขกหัวคนคิดมาไปสักหนึ่งที
     
    “ไม่มีใครเกลียดมึงหรอกน่า นอนไปเลยไปฟุ้งซ่านชิบ” ชานยอลแบะปากอีกทีก่อนที่จะหลับไปจริงๆ
     
     
    หลังจากที่ส่งแบคฮยอนที่โรงเรียนมัธยมเสร็จแล้วคริสก็ขับรถไปยังมหาลัย ภายในรถคริสกับเทาก็คุยกันเรื่อยเปื่อยแต่ก็คุมเสียงให้เบาเพื่อไม่ให้ปลุกคนที่กำลังหลับอยู่นั่นล่ะ พอรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยได้เทาก็เตรียมของที่เอามาด้วยพร้อมลง คริสจอดรถที่หน้าคณะให้น้องลงก่อนที่เขาจะขับไปจอดที่ลานจอดรถของคณะ พอดีกับที่ลู่หานก็ขับมอเตอร์ไซด์คันละหลายล้านของมันมาเช่นกัน
     
    ลู่หานจอดรถเสร็จก็เดินมาเปิดประตูฝั่งของชานยอลแล้วปลุกคนหลับทันที พอลืมตาตื่นมาเห็นว่าเป็นใครปลุกชานยอลก็รีบลงจากรถทันที คนที่มองอยู่ก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เผลอกกระแทกปิดประตูรถเสียงดังซะเลย ใบหน้าคมที่ปกติจะดูดุอยู่แล้วยิ่งเวลาไม่สบอารมณ์มันก็ยิ่งดูน่ากลัวมากเข้าไปอีก
     
    “ผีเข้าหรือไง” คริสก็แค่ปรายสายตามองลู่หานแล้วก็เลื่อนสายตาไปมองชานยอลก่อนที่จะเดินนำออกจากลานจอดรถก่อน
     
    “สงสัยมันจะเป็นวันนั้นของเดือนมั้งน่ะ” ชานยอลตั้งข้อสังเกตและมันก็ทำให้ลู่หานแอบยิ้มขำไปหนึ่งทีเล็กๆ 
     
    “กินข้าวมาหรือยังอ่ะไอ้ลู่ ไปกินข้าวกัน!!” พอท้องร้องประท้วงก็เลยต้องลากเพื่อนไปหาอะไรมาใส่ท้องทันที แน่นอนว่าไอ้คนที่เดินออกไปก่อนนั้นก็ยืนรออยู่ด้านหน้านั่นแหละ พอเห็นชานยอลเดินมากับลู่หานก็เลยเดินตามไปด้วย
     
    รู้สึกอยากอาละวาดตะหงิดๆแหะ...
     
    โรงอาหารยามเช้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกับช่วงเที่ยงนักหรอก คนก็ยังเยอะ วุ่นวายและเสียงดังเหมือนเดิม หลังจากซื้อข้าวแล้วทั้งสามก็ไปนั่งที่โต๊ะว่าง คริสลงนั่งข้างชานยอลและลู่หานก็คงจะไม่ถือดีไปแย่งที่นั่งนั้นหรอก คิดแล้วก็ขำ ตอนแรกชานยอลกับคริสไม่ถูกกัน แต่สงสัยตอนนี้คงจะเป็นเขาแล้วล่ะที่ไม่ถูกกับไอ้หมาบ้าตรงหน้า
     
    “แล้วนี่ไอ้จงอินมันจะมากินข้าวไหมเนี่ย” ชานยอลถามขึ้นซึ่งก็ไม่ได้รับคำตอบ สะกิดขาลู่หานก็ได้คำตอบแค่การพยักหน้าหนึ่งหงึกเท่านั้น ขอให้มึงหน้าเหี่ยวกว่านี้ไอ้ลู่!!!
     
    “เออนี่หลังจากสอบเสร็จไปเที่ยวกันป่ะ” ชานยอลเสนอแล้วทำตาโตยื่นหน้าเข้าไปกลางโต๊ะ ทำซะเหมือนว่าเรื่องมันน่าตื่นเต้นมาก
     
    “ไม่ ต้องทำงาน” ลู่หานตอบแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก แม้ว่าชานยอลที่อยู่เยื้องกันจะทำหน้าอาฆาตใส่ก็เถอะ
     
    “ไปคนเดียวก็ได้วะ ไม่ง้อมึงแล้วไอ้ลู่” บ่นอย่างเซ็งจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆเลิกคิ้ว คริสใช้ไหล่สะกิดคนที่นั่งเท้าคางเขี่ยข้าวในจานเบาๆ เบาจนชานยอลเกือบตกเก้าอี้นั่นล่ะ
     
    “แล้วกูล่ะ”
     
    “มึงอะไร กูไม่ไปกับมึงหรอก เบื่อขี้หน้า!!” แบะปากใส่หนึ่งทีก่อนที่จะหันกลับมานั่งกินข้าวอย่างอารมณ์ดี คริสที่ยกมือจะตบหัวคนข้างๆก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ๆก็โดนพุ่งกอดคอจากด้านหลัง
     
    “ไงสหายมิตรรักของหล่อ รวย สปอร์ต โซล~ พี่จงอินมาแล้ว~~” จงยิ้มร่าทักทายเพื่อนๆแล้วก็สังเกตเห็นอะไรที่คอขาวๆของเพื่อนตัวสูง จงอินก้มลงมองก่อนที่จะทำหน้าสงสัย
     
    “นี่คอมึงไปโดนอะไรมาวะไอ้คริส” จงอินชี้นิ้วไปที่รอยนั้นก่อนที่จะเดินอ้อมไปนั่งข้างๆลู่หาน คริสยกมือขึ้นลูบที่คอก่อนที่จะปรายตาไปมองคนที่ฝากรอยไว้ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ กินข้าวหน้าตาเฉยแต่ปากแย้มยิ้มสะใจ
     
    “โดนหมากัด” ชานยอลหันไปถลึงตาใส่แล้วก็ฟาดแรงๆที่แขนเลย
     
    “กูไม่ใช่หมานะไอ้เห.นี่!!” คริสกระตุกยิ้มแล้วชี้รอยกัดที่คอ
     
    “มึงกัดกู มึงก็หมานั่นแหละ” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “กูหมา มึงก็หมาอ่ะ” 
     
    “เอ้าๆ พอๆ คนหล่อสรุปให้หมาทั้งคู่ ว่าแต่ร้อนแรงกันดีจังนะ” ว่าแล้วก็วางของที่หอบมาบนโต๊ะ ทุกคนเลิกสนใจประเด็นใครหมา ใครคนแล้ว ตอนนี้ทุกความสนใจพุ่งไปที่ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์นั้น มันคืออะไร?
     
    “ดอกไม้? ไปเอามาจากไหนน่ะ” ชานยอลถามแล้วหยิบขึ้นมาดู เอ? คุ้นๆนะ
     
    “เฮ้ยเห็นหล่อ รวย สปอร์ต โซลเป็นคนยังไง!! ถามมาได้ยังไงน่ะ!!” จงอินโวยวายพร้อมกับค้นหาอะไรสักอย่างในกระเป๋าเป้ กระเป๋าใบเล็กสีดำที่ดึงออกมานั้นช่างน่าสงสัยนัก แล้วทั้งกระดาษสา ริบบิ้น กรรไกรก็ถูกนำมากองไว้บนโต๊ะและจงอินก็เริ่มจัดการเข้าช่อดอกไม้... หลากสี หลายพันธุ์เหล่านั้น
     
    “แล้วเกล้ากระหม่อมไปเอาดอกไม้นั่นมาจากไหนไหมทราบครับ” ชานยอลถาม จงอินก็แค่เงยหน้าขึ้นมายิ้มหล่อให้
     
    “หน้าคณะบัญชี”
     
    “ห๊ะ!!!” ทั้งสามประสานเสียงกัน จงอินก็แค่ยิ้มกว้างๆให้อีกทีแล้วก็ก้มหน้าจัดช่อดอกไม้เหล่านั้นไป
     
    “ก็หน้าคณะบัญชีไง มันบานพอดีก็เลยเก็บมาน่ะ”
     
    “มึงเก็บไปทำไมวะ ทำไมไม่ซื้อล่ะ”
     
    “โห้ยไอ้ชานยอล กูเป็นคนรู้จักใช้เงินครับจะมาซื้อดอกไม้แพงๆแล้วกูจะเอาเงินที่ไหนแด.ข้าวครับ!!” ชานยอลยกมือกุมหน้าผากแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอย่างระอา คริสมองลายกระดาษสาในกระเป๋าสีดำของจงอินแล้วก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
     
    “แล้วมึงเก็บมาทำไม” ลู่หานวางตะเกียบลงบนขอบชามแล้วเอ่ยถามบ้าง
     
    “ก็เอาไปให้สุดสวาทขาดใจกูสิวะ ไปล่ะ” ในระหว่างที่นั่งคุยยังไม่ถึง 5นาทีดีจงอินก็จัดการจัดช่อดอกไม้นั้นเสร็จ แล้วมันก็รีบเก็บของแล้ววิ่งออกไปเลย แถมก่อนไปยังมีหน้าเอื้อมมือมาหยิบหมูทอดจากจานชานยอลไปอีก 2ชิ้น!! ไอ้ดำ!!!!!! เลว!!!!!!!
     
    “ไอ้ดำมันมีแฟนด้วยเหรอ ใครวะไม่เคยเห็น” ลู่หานส่ายหน้าให้กับคำถามของชานยอลก่อนที่จะคีบหมูทอดจากจานชานยอลมากินบ้าง คริสมองตามหลังของจงอินไปแล้วก็ต้องหันเหความสนใจมาที่ชานยอลก็เอี้ยวตัวมาหาเขาแล้วคีบกุ้งในจานเขาไปกิน
     
    “กินนะ” คีบเข้าปากแล้วก็ค่อยขอ คริสกระตุกยิ้มแล้วก็เขกหัวไปสักที
     
    “สันดาน” ง่ายๆ สั้นๆ ตามสไตล์คุณชายดิบเถื่อน ชานยอลจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากกุมหัวแล้วก็แอบฉกกุ้งมันอีกสักตัว
     
    “สอบเสร็จมึงอยากไปเที่ยวไหน” ชานยอลส่ายหน้าทั้งๆที่อมปลายตะเกียบไว้
     
    “ไม่รู้ดิ มึงไปไหนกูก็ไปนั่นอ่ะ” หันมายิ้มให้อีกหนึ่งทีด้วยเอ้า เอาใจสุดๆ แน่ล่ะการไปไหนมาไหนกับพี่คริสอู๋คือสวรรค์ของชานยอล ไปไหนก็ฟรีตลอดงานเงินไม่ต้องจ่ายสักแดง
     
    “งานนี้มึงออกเอง” เอ้าเผือกอ่านใจเขาออกอีก ชานยอลแบะปากอย่างเซ็งๆแล้วเตะขามันสักที
     
    “งั้นกูไปกับไอ้ลู่ดีกว่า” ปิดประเด็นชานยอลหันมากินข้าวต่อ คริสก็มองจ้องซะตาแทบถลน ส่วนลู่หานน่ะเหรอ? นั่งดูดน้ำสบายใจ ใครจะไปจะมาก็เอาเถอะ กูอยู่ของกูเฉยๆดีกว่า
     
     
     
    วิชาเรียนวันนี้คือเครือข่ายคอมพิวเตอร์และการจัดการหรือเรียกสั้นๆว่าเน็ตเวิร์ค ช่วงเช้าจะเป็นการเลคเชอร์ก่อนที่จะลงแล็ปคาบบ่าย แน่นอนว่าคนที่เรียนดี เป็นเกรียติ เป็นศรีแก่ตระกูลอย่างปาร์คชานยอลก็ตั้งใจเรียนด้วยกันฟุบหน้าหลับ จะปลุกมันก็เกรงใจอยากให้มันนอนพอไม่นอนก็ร้องแง๊วๆว่าหิว.. นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแด.
     
    ลู่หานที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะยังไงใครจะหลับหรือไม่เรียนก็ไม่เกี่ยวกัน ชานยอลที่วางทับแขนบนสมุดเลคเชอร์แล้ววางคางเกยแขนไว้ ทำเอาคนมองแอบขำ จะหลับทั้งทีเอาซะเขาไม่รู้เลยนะว่าหลับน่ะ
     
    พวกคุณเคยเป็นไหม? เวลาที่หลับแล้วอยู่ๆก็สะดุ้งน่ะ คุณจะรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่แล้วก็นอนหลับต่อไปได้อีกแต่คนเห็นน่ะมันก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้หรอกนะ ก็มันดูน่ารักดีล่ะนะก็เลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปเขกหัวคนหลับเบาๆสักที
     
    คริสไม่ใช่คนดีหรอกนะ โหดก็ปานนั้น เถื่อนก็ปานนี้แต่ก็พยายามจดเลคเชอร์ให้ได้มากที่สุดแล้วก็พยายามเขียนให้ตัวบรรจงที่สุด เวลาที่คนหลับมาขอยืมไปอ่านจะได้อ่านได้ง่ายๆ อู๋อี้ฟานน่ะไม่ใช่คนดีหรอก
     
    อย่างที่บอกไปแล้วว่าลงแล็ปต้องลงตอนบ่ายและแน่นอนว่าจะโดดไม่ได้เลยทั้งเช้าและบ่าย ถ้าโดดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่เข้าเลยทั้งเช้าและบ่ายก็ตกไป วิชานี้ไม่มีซ่อมนอกจากลงเรียนใหม่ซึ่งคงไม่ดีนัก ชานยอลที่อ่านทฤษฎีมาอย่างแน่นปึ๊กด้วยเลคเชอร์ของคริสตอนนั่งกินข้าวแล้วเจ้าตัวก็เลยขออาสาเป็นคนคอนฟิกเราเตอร์และสร้างเครือข่ายเองแล้วไอ้เจ้าของสมุดที่ให้ยืมอ่านล่ะ? ก็ขึ้นไปเบิกอุปกรณ์จากห้องมาน่ะสิ 
     
    พอได้อุปกรณ์มาคริสก็ต้องเป็นต่อระบบอยู่ที่พื้นข้างๆชานยอลที่กำลังป้อนคำสั่งอยู่หน้าจอคอม แน่นอนว่าคนที่ทฤษฎีแน่นก็อยากจะอวดไงว่าถึงจะหลับก็ทำได้เว๊ย!! คือจริงๆอยากจะโชว์เพาอวดลู่หานที่ขอทำแล็ปคนเดียวต่างหาก แล็ปเขาให้ทำ 2คนแต่พี่ท่านบอกว่าแค่คนเดียวก็ได้สบายจิ๊บๆ ชิชะ!! กล้าดียังไงมาลบเหลี่ยมลูกพี่ชานยอลคนนี้!!!
     
    ลูกพี่ใหญ่เอียงหัวไปมาอย่างคิดไม่ตกก่อนที่จะหันไปถามคริสที่นั่งอยู่ด้านล่าง
     
    “ตั้งชื่อเครื่องข่ายอะไรดีอ่ะ” คริสละมือจากการต่อสายแลนเข้ากับเราเตอร์แล้วหันขึ้นมามอง
     
    “จะตั้งอะไรก็ตั้งไปเหอะน่า” ชานยอลแบะปากใส่
     
    “ตั้งชานยอลคนหล่อดีมะ?” คริสขำหึหึในลำคอก่อนที่จะยกเท้าเตะขาชานยอลไปหนึ่งที
     
    “หล่อตายอ่ะมึง” 
     
    “ก็หล่อกว่ามึงอ่ะ” หันมายักคิ้วให้อีกแน่ะ คริสทำแค่กระตุกยิ้มก่อนที่จะนั่งเฉยๆเมื่อจัดการต่อสายเข้ากับเราเตอร์เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็มาดูคนเก่งที่บอกว่าทำได้กัน
     
    “อ๋อรู้แล้วว่าจะตั้งชื่ออะไรดี” 
     
    “ชื่ออะไรวะ” ชานยอลไม่ได้หันมาแต่ก็ตอบคำถามนั้นพร้อมกับมือที่พิมพ์ไปด้วย
     
    “คริสชานยอลไง ใครเห็นก็รู้ว่าของมึงกับกู” 
     
    “ไม่มีหัวคิดเลยนะมึงเนี่ย” ชานยอลค้อนสายตาส่งให้ คริสก็ทำแค่ยักไหล่แล้วจัดการกับใบโจทย์ไป นั่งต่ำขนาดนี้มองไม่เห็นหน้าจอหรอกจะเห็นก็แต่คนนั่งอยู่ใกล้ๆเนี่ยแหละเพราะงั้นนั่งทำใบโจทย์ดีกว่า
     
    “เอ้า..” ส่งเสียงแค่นั้นก่อนที่จะชะโงกหน้าเข้าไปใกล้จออีกนิดแล้วก็ทำหน้างงใส่ซะเลย
     
    “อะไร” แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ คริสก็ไม่ได้สนใจอะไรก็นั่งมองคนขมวดคิ้วจนจะเป็นโบว์อยู่อย่างนั้นนั่นแหละ
     
    “เอ๊ะ..”
     
    “อะไรของมึงเนี่ยไอ้เห.ชานยอล!” เมื่อถามไมได้ผลก็ถีบขาเก้าอี้ไปหนึ่งที เจ้าตัวก็เคยหันลงมาจิกสายตาใส่เท่านั้น
     
    “มีอะไรก็รีบๆพูดก่อนที่กูจะหมดความอดทนแล้วลุกขึ้นไปกระทืบมึง” ชานยอลแบะปากใส่แล้วก็ยอมเปิดปากสักที นี่กะว่าถ้ามันยังไม่พูดอีกนี่จะลุกขึ้นไปตบหัวมันจริงๆนั่นล่ะ
     
    “ทำไมกูส่งข้อมูลจากพอร์ต A ของกูไปที่พอร์ต D ของมึงไม่ได้อ่ะ กูว่ากูก็ทำถูกนะ” 
     
    “ไหนดูดิ” คริสขยับลุกขึ้นแล้วมองหน้าจอที่แสดงผลอยู่ก่อนที่จะผลักหัวชานยอลไปสักที
     
    “โอ๊ยเห.!!”
     
    “ก็มึงพิมพ์คำสั่งผิดมันจะไปหาเจอได้ยังไงวะ ต่อให้อีก10ชาติมึงก็หาไม่เจอหรอกไอ้คริสชานยอลมึงน่ะ ไหนบอกแม่นๆ” ชานยอลที่จัดทรงผมสั้นๆของตัวเองหันไปมองที่หน้าจอแล้วก็ทำหน้าสงสัย
     
    “ตรงไหนวะ กูว่ากูทำถูกแล้วนะ” คริสกระตุกยิ้มแล้วเขกหัวคนทำถูกไปแรงๆสักหนึ่งที
     
    “โอ๊ยเห.!! เขกหัวกูทำไมเนี่ย!!” 
     
    “กูนี่ไม่น่าเชื่อมึงเลยให้ตายสิวะ ตรงนี้มันไม่ใช่คำสั่งนี้มึงพิมพ์ผิดแล้ว ทำเป็นอวดเก่งนะมึง” คริสขยับมายืนซ้อนหลังแล้วโน้มตัวคร่อมสองแขนผ่านชานยอลที่นั่งกุมหัวมาแก้ป้อนคำสั่งใหม่ให้ถูกต้อง คนที่เหมือนถูกโอบกอดจากด้านหลังก็นิ่งไป 
     
    กลิ่นหอมอ่อนๆกลิ่นประจำตัวของเพื่อนร่างสูงกว่านั้นลอยมาแตะจมูกในระยะประชิด ดวงตากลมเลยหันไปมองคนที่ยังบ่นเขาไม่เลิก เสี้ยวใบหน้าด้านข้างที่มองเห็นในระยะใกล้เกินความจำเป็นนั้นอยู่ๆก็ทำให้ส่วนหนึ่งในอกเต้นระรัว โครงเสี้ยวหน้าได้รูป คิ้วเข้ม ดวงตาคม สันจมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบที่เอาแต่บ่นเขานั้น อยู่ดีๆมันก็ทำให้เขาเกิดอาการใจเต้นขึ้นมา
     
    “เนี่ยเห็นไหมถ้ามึงใส่คำสั่งนี้มันถึงจะขึ้น..” คริสที่หันมากลับมามองชานยอลก็นิ่งเงียบไปเพราะดวงตากลมโตที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของอีกคนที่อยู่ใกล้เสียเหลือเกิน พอได้มองสบตากันในระยะใกล้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ทำไมในอกมันถึงต้องเต้นรัวอย่างกับมีใครมาตีกลองอยู่ในอกเขาอย่างบ้าคลั่ง 
     
    ดวงตากลมที่เป็นประกายสดใสรับกับจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอิ่มสีชมพูตัดกับผิวขาวๆยิ่งทำให้คนในกรอบสายตานี้ดูน่ารักมากขึ้นไปอีก ทั้งสองคงไม่รู้ตัวว่ามองกันและกันในระยะอันตรายนี้นานแค่ไหน เวลามันเหมือนกับจะหยุดหมุนและมีเพียงแค่เสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอกเท่านั้น แล้วไม่รู้ว่าเพราะอะไรระยะห่างถึงลดน้อยลงไปอีก คริสค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อย่างไม่รู้ตัว
     
    “เฮ้ยจะมองกันให้วางไข่เลยไหมพวกมึงน่ะ!!!” ลู่หานที่จัดการส่งงานของตัวเองเรียบร้อยตะโกนข้ามฝั่งมาหา ทั้งสองที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ก็สะดุ้งสุดตัวแล้วผละถอยออกจากกัน ชานยอลหันหน้าไปอีกด้านแล้วก็ยกมือข้างหนึ่งปิดหน้า ส่วนอีกข้างก็กุมไว้ที่หน้าอกเพราะหัวใจของตัวเองนั้นยังเต้นรัวไม่หยุด คริสเองก็ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงแล้วหมุนตัวเบี่ยงไปอีกด้าน มือข้างหนึ่งเท้าเอวอีกข้างก็ลูบที่ท้ายทอยตัวเองแก้เขินไป แก้มสีขาวที่ค่อยๆขึ้นสีระเรื่อนั้นมัน.. ติดใจเขาอย่างบอกไม่ถูก
     
    “วางไข่เห.ไร คนนะไม่ใช่ปลา” ชานยอลส่งเสียด่ากลับแม้ว่าจะอู้อี้ไปหน่อยก็เถอะ ก็ยังปิดหน้าปิดตาอยู่เลยนินะ
     
    “เสร็จหรือยัง จะออกไหมหรือจะนั่งอยู่อย่างนั้น” 
     
    “ไอ้ลู่รอด้วย!!” ชานยอลลุกขึ้นพรวด รีบที่จะออกไปจากสถานการณ์นี้แต่ก็ดันขาไปเกี่ยวกับเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งเมื่อกี้จนจะล้มแต่คริสที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ไวพอที่จะคว้าชานยอลไว้ได้ทัน
     
    “ซุ่มซ่ามนักนะมึง” เสียงกระซิบแผ่วที่แทบจะชิดใบหูเรียกให้ชานยอลหันควับแต่ก็เพิ่งรู้ว่าพลาดก็ตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มมุมปากใกล้ๆนี่ล่ะ สองแขนที่โอบตนไว้แนบอกนั้นก็เป็นกรงกักขังเขาได้อย่างดี สิ่งในอกที่เมื่อครู่เต้นระรัวจนเจ็บแน่นไปทั้งอกกลับมาเต้นรัวเสียยิ่งกว่าเก่า
     
    “หนังสดเลยไหมพวกมึง!!” เสียงจากใครสักคนปลุกให้ทั้งสองที่กำลังมองหน้ากันสะดุ้งโหยงและก็เป็นชานยอลที่กระเด้งตัวออกมาก่อน
     
    “ไปนอนให้หนอนแทะซะพวกมึง!!” แล้วก็ชูนิ้วอวยพรซะเลย ชานยอลวิ่งไปหาลู่หานที่ไปยืนรออยู่หน้าประตู ปล่อยให้คริสมันยืนส่งงานคนเดียวซะเลย
     
    “หน้าแดงไม่สบายหรือเป็นอะไร?” ชานยอลทำตาโตใส่ลู่หานก่อนที่จะส่ายหน้ารัวๆ
     
    “เปล๊า! ไม่ได้เป็นอะไร.. เอ่อ.. หนาว ใช่ๆ หนาวอ่ะแอร์แรง บรึ๋ย~ หนาว~” แล้วก็กอดตัวเองทำท่าหนาวซะเลย ลู่หานเพียงแค่ปรายตามองเฉยๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรไปมากกว่านี้ ยืนรออยู่หน้าห้องสักพักคริสก็เดินออกมา
     
    “เสร็จแล้วไปไหนกันดีอ่ะ” ชานยอลถามพร้อมกับออกเดินเพื่อลงไปยังด้านล่างตึก
     
    “ไปกินไก่ทอดไหมล่ะ” ชานยอลหันไปทำตาโตใส่คริสอย่างตกใจ รู้ได้ไงวะว่าเขาอยากกินไก่ทอดอ่ะ!!
     
    “โห้ย!! รู้ใจว่ะเพื่อนรัก!!” ชานยอลกอดคอคริสอย่างอารมณ์ดี แหงล่ะ เพื่อนรู้ใจทั้งทีมันก็ต้องดีใจกันหน่อย
     
    “พวกมึงไปกันเถอะ จะกลับไปนอนเดี๋ยวต้องทำงานอีก” ชานยอลหันไปแบะปากใส่อย่างลืมตัวก็เลยโดนคนเคยห้ามทำดีดปากไป 1ที จะร้องก็ร้องไม่ออก จะด่าก็ด่าไม่ได้ คือเจ็บไงต้องปิดปากชี้หน้ามันอ่ะ ด่ามันทางสายตาแทนล่ะกัน ไอ้เห.ตกมัน!!
     
    “ตกลงมึงไม่ไปใช่ไหมไอ้ลู่” ลู่หานพยักหน้าตอบ ตอนที่คริสกับลู่หานไม่ได้สนใจคนที่เดินบ่นงุมงิมอยู่ด้านหลังก็เลยไม่สังเกตว่าชานยอลเดินเท้าไม่พ้นขั้นบันไดเกือบถลาตกบันไดแต่ดีที่ด้านหน้าเป็นคริส เจ้าตัวก็เลยได้หล่นใส่หลังแทน
     
    “เฮ้ย!!” คริสที่ตกใจเกือบจะตกบันไดเหมือนกันดีที่คว้าจับราวบันไดไว้ได้ทันและลู่หานก็หันมาช่วยจับทั้งคริสและชานยอลไว้
     
    “เห.อะไรของมึงอีกเนี่ยไอ้ชานยอล ซุ่มซ่ามเกินไปแล้วมั้ง!” คริสหันกลับไปบ่นใส่คนด้านหลัง ชานยอลที่ยืนอยู่สูงกว่าทำหน้าหงอย ก็เขาซุ่มซ่ามอยู่แล้วนินาจะให้ทำยังไงล่ะ
     
    “ช่างเถอะมันก็เป็นแบบนี้อย่าไปดุมันเลย” ลู่หานเข้ามาจับแยก 
     
    “ขอโทษไม่ได้ตั้งใจจะซุ่มซ่าม” คริสถอนหายใจกับใบหน้าหงอยๆนั่นแล้วก็ด่าไม่ลง
     
    “เออๆ เดินลงมาดีๆ” คริสคว้ามือของชานยอลมาจับแล้วพาเดินลงมาด้วยกัน อยู่หน้าก็สะดุด อยู่หลังก็จะล้ม เอ้า! เดินข้างกันแม่งไปเลย!!
     
    “รุ่นพี่คริสคะ!!!!” พอทั้งสามเดินลงมาถึงหน้าตึกคณะได้ก็ได้ยินเสียงแหลมๆของหญิงสาวพร้อมกับเสียงรองเท้าส้นสูงวิ่งมาทางนี้ทันที ทุกสายตาหันไปมองทางต้นเสียงแล้วก็ได้แต่แอบถอนหายใจ ผู้หญิงอะไรน่ารำคาญชะมัด
     
    “รุ่นพี่คริสคะเรียนเสร็จแล้วเหรอ ไปกินข้าวกับชียองไหมคะ” ชานยอลแอบหันไปแบะปากอย่างหมั่นไส้
     
    “ไม่ มีเรียนอีกไม่ใช่เหรอไปไกลๆเลยไป” ที่รู้ก็เพราะอยู่ปีเดียวกับเทานั่นแหละ
     
    “รุ่นพี่อ่ะ! ให้ชียองไปด้วยนะ” แล้วเจ้าหล่อนก็ควงแขนซะเลย คริสกรอกตาไปมาก่อนที่จะมาจบที่ใบหน้าของชานยอลที่แบะปากใส่
     
    “มึงก็ไปกับน้องเขาซะสิ กูไม่ไปกับมึงแล้ว” คริสขมวดคิ้วฉับก่อนที่จะถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
     
    “กูบอกเหรอว่าจะไม่ไปกับมึง อย่ากวนตี.กูนะชานยอล” 
     
    “ก็เห็นว่ามึงยุ่งนิ กูจะไปกับไอ้ลู่” แล้วชานยอลก็เดินผลักหลังลู่หานให้ไปด้วยกันซะเลย
     
    “ปล่อยสิวะ!” คริสสะบัดแขนออกจากมือของชียองแล้วก็ก้าวยาวๆมาคว้าต้นแขนชานยอล บีบแรงๆจนคนโดนกระชากเบ้หน้าเพราะความเจ็บ
     
    “ถ้ามึงอยากตายมึงก็ขัดคำสั่งกูสิ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่ มานี่!” คริสคว้าข้อมือชานยอลแล้วลากให้ไปด้วยกัน
     
    “ปล่อยนะไอ้เห.!!” พยายามแล้วที่จะสะบัดออกแต่แรงบีบที่ข้อมือก็ยิ่งเพิ่มขึ้น คริสก้าวยาวๆไม่ยอมผ่อนแรงกระชากเลยสักนิด 
     
    “เจ็บนะปล่อย!! อะไรของมึงเนี่ยปล่อย!!” ถึงจะโวยวายไปคริสก็ไม่หยุดเดินและไม่ยอมปล่อยมือจนเดินมาถึงลานจอดรถนั่นแหละ
     
    “ปล่อยเหรอ? ได้!!” แล้วคริสก็เหวี่ยงชานยอลไปกระแทกกับรถอีกแล้ว รอบนี้เจ็บกว่าเดิมอีก
     
    “โอ๊ย! ทำไมชอบเหวี่ยงกูจังวะหมาบ้าเข้าสิงหรือไงวะมึง แม่งเหวี่ยงกูอยู่ได้เป็นส้นตี.อะไรของมึงอีกห๊ะ!” ใจจริงอยากจะตะกุยหน้ามากแต่ก็ทำไม่ได้ไง เลยได้แต่ลูบแขนไปด่ามันไปอยู่แบบนี้น่ะ
     
    “หุบปากไปเลยชานยอลแล้วมึงรีบขึ้นรถไปก่อนที่กูจะตบปากมึง!” ใบหน้าคมยิ่งขมวดคิ้วแน่นแล้วก็ยิ่งแผ่รังสีอารมณ์โกรธ คือบางทีคนโดนโกรธก็ไม่เข้าใจไงว่าตัวเองทำอะไรผิดอีกแล้ว
     
    “ไม่!! กูจะไปกับไอ้ลู่ มึงก็ไม่ต้องมายุ่งกับกูเลยอยู่กับมึงแม่งมีแต่เรื่องเจ็บตัว” ผลักอกคริสแรงๆแล้วเดินหนีแต่ก็หนีได้ไม่ถึง 3ก้าวดีก็โดนกระชากข้อมือกลับมาปะทะอกเสียแล้ว
     
    “ปากดีนักนะมึง กูเตือนมึงแล้วนะ” ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งช้อนที่แก้มของชานยอลคนที่ยัง งงอยู่ก็เลยประมวลผลไม่ทัน แม้ว่าริมฝีปากบางได้รูปนั้นจะประกบลงมาแล้วก็ตาม สัมผัสหนักแล้วบดเบียดตามอารมณ์ที่กำลังครุกรุ่นจนคนที่ยืนแข็งเป็นหินนั่นทุบไหล่ประท้วงนั่นแหละถึงได้ถอนออก
     
    “ไอ้เห.คริส!!! ไอ้เลว เห. ไปตายซะ!!!” เหวี่ยงหมัดใส่ไปเต็มแรงเลย หวังว่าจะเสยปากมันสักทีแต่คริสกลับรับมัดนั้นได้ด้วยมือข้างเดียว คริสกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่าทำเอาคนที่เสียเชิงได้แต่ฮึดฮัด
     
    “ไปขึ้นรถ”
     
    “ไม่!!!”
     
    “ถ้ามึงขัดใจกูอีกครั้งเดียวมึงได้เล่นหนังสดกับกูตรงนี้แน่ๆ” ชานยอลที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะหนีไปหรือจะขึ้นรถไปกับมันดีก็ได้แต่ยืนฮึดฮัดทำอะไรไม่ถูก ยิ่งมันกระตุกยิ้มเลวๆแล้วก็รู้สึกเป็นรองมัน จะหนีก็กลัวว่าจะหนีไม่พ้นซึ่งก็ไม่เคยมีครั้งไหนหนีมันพ้นสักที
     
    “เออกูไม่ได้กลัวมึงหรอกนะ กูจะคิดว่าเมื่อกี้หมาเลียปากก็แล้วกันแต่กูไม่ยอมมึงอีกแน่ๆ!!” ลั่นวาจาไว้แบบนั้นก่อนที่จะกระทืบเท้าอย่างขัดใจแล้วก็เปิดประตูขึ้นรถไปเลย คริสที่ยังยืนอยู่นอกรถก็กระตุกยิ้มก่อนที่จะยกหลังมือขึ้นแตะมุมปาก ถ้าเมื่อกี้เขารับหมัดนั่นไม่ทันมันก็คงมาฝากรอยไว้บนหน้าเขาแล้วล่ะ สัมผัสนุ่มเมื่อกี้ยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปากเขาอยู่เลย พอคิดถึงในอกมันก็เต้นรัวเสียแล้ว ถ้าจะว่ากันจริงๆตอนนี้เขาก็เริ่มกลัวตัวเองแล้วล่ะ.. กับความคิดที่โผล่ขึ้นมาในหัว
     
    อยากสัมผัสอีก.. อยากได้มากกว่านี้... และอยากได้ทั้งหมด เพียงแค่คิดว่าจะต้องเสียชานยอลให้ใครเขาก็ยอมไม่ได้แล้ว
     
    และจะไม่มีทางเสียด้วย!! ไม่ว่าจะในฐานอะไรเขาก็ไม่มีทางยอมปล่อยเพื่อนคนนี้ให้หลุดมือไปแน่!
     
    “จะยืนรอให้หนอนมาแด.หรือไง!! จะขึ้นไม่ขึ้นห๊ะ!! ไม่ขึ้นกูจะลงแล้วนะ!!”
     
    “ถ้ามึงลงมากูจับมึงจูบไม่ปล่อยแน่ เอาสิกล้าไหมล่ะ?”
     
    “สั.! ใครจะกล้า!!!” 
     


    ปาร์คชานยอลเป็นคนแมนๆที่ยอมรับทุกอย่างตามความจริง!!



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×