ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) 두근두근 ♡ HEARTBEAT | chanbaek hanhun

    ลำดับตอนที่ #3 : ` ( 두근두근 ♡ 3 )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.04K
      25
      1 ก.ย. 56









        


     

     

    เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ยังคงดังลั่นทั้งที่มันควรจะเงียบลงได้แล้ว ทุกคนต่างเอ้อระเหยไม่รีบไปนั่งที่เพราะได้ข่าวว่าอาจารย์ประจำชั้นลาป่วย จนกระทั่งคิมจุนมยอนหัวหน้าห้องเดินเข้ามานั่นแหละ บรรยากาศภายในห้องถึงได้เงียบลง

    “ทุกคนเงียบก่อน อาจารย์ควอนฝากให้ฉันมาพูดเรื่องสำคัญ ลู่หาน! นายช่วยตื่นก่อนได้หรือเปล่า”

    ขาดคำคนที่กำลังฟุบหลับเพียงคนเดียวในห้องก็ถูกสะกิดปลุกจนต้องตื่นขึ้นมาหาวหวอด แบคฮยอนจำได้ว่าคน ๆ นั้นก็คือคนที่มาโรงเรียนเช้าเมื่อวานนี่นา

    “เรื่องที่จะไปทัศนศึกษาพูซานจันทร์นี้น่ะ ทุกคนจำได้ใช่ไหม ชานยอลนายรู้เรื่องหรือยัง?” จุนมยอนหันไปถามนักเรียนใหม่อย่างปาร์คชานยอลที่กำลังนั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ครั้นเจ้าตัวตอบรับ เขาก็พูดต่อไปตามคำสั่งอาจารย์ประจำชั้น  “โรงแรมที่เราจะไปพักนอนได้ห้องละแค่สี่คน เพราะงั้นอาจารย์ควอนก็เลยอยากจะให้จับกลุ่มแต่ละห้องพักแล้วเขียนรายชื่อมาส่ง ขอเป็นกระดาษดี ๆ หน่อยนะ อ้อ... อย่าลืมแยกชายหญิงด้วย แล้วอาจารย์ก็ยังฝากมาอีกว่าวันจันทร์เจ็ดโมงห้ามเลทนะเพราะรถจะออกตรงเวลา”

    คนเดียวที่ดูจะตื่นเต้นน้อยกว่าเพื่อนเห็นจะเป็นบยอนแบคฮยอน เขาจำความรู้สึกที่ได้ไปทัศนศึกษาตอนม.ต้นได้ดี ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้เขาสักเท่าไหร่ การที่ต้องเที่ยวคนเดียวน่ะมันไม่สนุกเลยสักนิด ทั้งต้องนั่งรถคนเดียว เดินคนเดียว หรือแม้แต่คุยกับตัวเองคนเดียว ส่วนปีนี้น่ะ...

    “แบคฮยอนนายเลขที่อะไรเหรอ?”

    “หา?” ชานยอลกำลังถือปากกาและเขียนชื่อตัวเองลงไปในกระดาษเรียบร้อยแล้ว นอนห้องเดียวกันงั้นเหรอ... เขาไม่ต้องรอจนเหลือเศษของคนทั้งห้องเหมือนอย่างทุกทีงั้นเหรอ  “สะ... สิบเก้า”

    ร่างสูงยิ้มแล้วเขียนเลขที่ลงไปบนกระดาษต่อจากชื่อลายมือตัวบรรจง แปลกใจนิดหน่อยที่ชานยอลจำนามสกุลเขาได้ แล้วอีกสองคนล่ะ... ใครจะมาอยากอยู่ห้องเดียวกับเขากัน

    “ชานยอลห้องพวกฉันขาดคนหนึ่ง นายเลือกกลุ่มได้หรือยัง?”

    “มีแล้วล่ะ” เสียงตะโกนถามจากเพื่อนผู้ชายฝั่งหน้าห้อง ชายหนุ่มยิ้มตอบแล้วตะโกนกลับไป มีแค่เขากับชานยอลสองคนน่ะเหรอ...

    แบคฮยอนมองไปรอบห้องก่อนจะสะดุดกับโอเซฮุนที่นั่งค่อนไปทางหลังห้อง สีหน้าเขาดูเบื่อหน่ายและดูจะเข้ากับใครไม่ได้แล้ว เห็นอย่างนั้นแบคฮยอนก็อยากจะชวนเซฮุน... เพื่อนอีกคนของเขา

    “นาย... เซฮุนใช่ไหม?”

    โอเซฮุนเงยหน้าขึ้นมองคนสองคนที่กำลังยืนค้ำเขาอยู่พร้อมระดาษสมุดในมือที่มีรอยปากกาเขียนไปค่อนหนึ่ง เขาพยักหน้ารับน้อย ๆ เป็นเชิงคำถาม ชานยอลจึงได้ออกปากแทนแบคฮยอนที่ยืนมองเซฮุนอยู่ข้าง ๆ เขา

    “นายมีกลุ่มพักแรมหรือยัง พวกเราขาดอีกสองคน สนใจจะอยู่ด้วยกันไหม”

    เซฮุนเบนสายตาไปทางแบคฮยอนที่มองมาทางเขาอย่างคาดหวัง ก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้งถ้าเป็นแบคฮยอน แล้วนักเรียนใหม่นี่ก็ดูจะไม่ได้เลวร้ายอะไร “เอาสิ ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว”

    ปาร์คชานยอลขอยืมสมุดอีกฝ่ายมาเพื่อคัดลอกชื่อลงไปในกระดาษ เพื่อนหลายกลุ่มเริ่มทยอยไปส่งกระดาษรายชื่อที่จุนมยอนแล้ว จะมีใครอีกสักคนไหมนะที่ยังไม่มีกลุ่มอยู่ คิดได้แค่นั้นก็เห็นร่างผอมท่าทางคุ้นตาเดินเข้ามาสีหน้าระรื่น

    “เซฮุนนายมีกลุ่มหรือยัง?”

    “ฉันอยู่กับแบคฮยอนแล้วก็...”

    “ดีเลย ขออยู่ด้วยคนสิ ฉันน่ะยังไม่มีกลุ่มเลย”

    ยังฟังไม่จบก็พูดขึ้นมาเสียงใส แบคฮยอนจำได้ราง ๆ ว่าเขาเห็นคนเข้าไปเดินชวนผู้ชายคนนี้หลายคน แต่ทำไมถึงได้บอกว่าไม่มีกลุ่มกันนะ...

    เป็นอันว่ากลุ่มของพวกเขาคนครบพอดี แบบงง ๆ เสียด้วย ชานยอลก็สดใสเหมือนพระอาทิตย์ เซฮุนก็มีแต่คนเรียกว่าเจ้าชาย ทั้งยังคน ๆ นี้ที่หัวหน้าห้องเรียกว่าลู่หาน ก็มีออร่าเปล่งประกายน่าดู นี่เขาอยู่ท่ามกลางสิ่งมีชีวิตที่เจิดจ้าหรือไงนะ...

    คิดได้อย่างนั้นแล้วแบคฮยอนก็ไม่อยากจะเชื่อเลย

     

     

     






     

     

     

     

    เวลาตีห้าครึ่งของเช้าวันจันทร์นี้ดูจะวุ่นวายเป็นพิเศษ โอเซฮุนตื่นขึ้นมาทันเห็นพี่สาวคนโตของเขากำลังวิ่งวุ่นอยู่ในครัว พี่สาวคนรองที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากเลิกงานกะกลางคืน แม่กำลังให้ข้าวแมวอยู่ตรงห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินกลับมาเจ้ากี้เจ้าการช่วยพี่สาวคนโตทำข้าวกล่อง... ของเขานั่นแหละ

    “แม่! เซฮุนไม่ชอบกินไข่หวาน”

    “แล้วเรายังมีกิมจิเหลืออยู่หรือเปล่าล่ะ”

    ได้แต่ยิ้มกับภาพตรงหน้า เอ่ยอรุณสวัสดิ์พี่สาวคนกลาง แล้วก็แวะเคาะประตูปลุกน้องสาวคนเล็กให้ตื่นก่อนหกโมง ก่อนจะตรงเข้าไปอาบน้ำท่ามกลางเสียงครึกครื้นด้านนอกที่เขาชินเสียยิ่งกว่าอะไร

    แต่ถึงอย่างนั้น นอกจากผู้หญิงภายในบ้านแล้วเขาก็ไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นแหละ

     

     

     

     






     

     

     

    เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเป็นรอบที่สามแล้ว มือเรียวเอื้อมสะเปะสะปะจนเผลอปัดโทรศัพท์คู่ใจตก สบถน้อย ๆ อย่างหัวเสียก่อนจะโผล่ร่างเปลือยเปล่าออกมาจากผ้าห่มและก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาดูเวลา

    ก็แค่เกือบ ๆ หกโมงเช้า...

    สบถซ้ำอีกรอบแล้วมุดกลับเข้าไปใต้ผ้าห่มเพื่อเลื้อยกอดคนร่วมเตียง หญิงสาวครางอือก่อนจะหัวเราะเล็กน้อยเพราะสัมผัสจูบที่ช่วงท้อง หากแต่มันก็ชะงักไปพร้อมกับใบหน้าตื่น ๆ ที่โผล่พ้นผ้าห่มขึ้นมาอยู่ข้างบนตัวเธอ “ผมเพิ่งนึกขึ้นได้...”

    “มีอะไรเหรอจ๊ะลู่หาน?”

    “ผมมีทัศนศึกษาวันนี้ นูน่าจะไปส่งผมหรือเปล่าครับ” พูดจบก็โน้มตัวลงไปหอมแก้มอีกคนฟอดใหญ่เป็นการปลุกกลาย ๆ

    “อื้ม ขับรถไปทั้งชุดนอนก็ได้ ขออีกสิบนาทีนะ”

    คนถูกผลัดดึงร่างอีกคนให้ลุกขึ้นมานั่งจนได้ หญิงสาวอาจจะหงุดหงิดที่ถูกปลุก แต่พอได้ยินเสียงอ้อน ๆ และหน้าตาน่ารักแบบนั้นแล้วเธอก็แทบจะเด้งตัวลุกขึ้นทันที

    “แต่ผมยังไม่มีข้าวกล่องเลยนะครับ นูน่าทำให้ผมได้หรือเปล่า

     

     

     






     

     

     

     

    ปาร์คชานยอลมาถึงตั้งแต่หกโมงสี่สิบนาที เขาอยู่ในชุดเสื้อโปโลสีขาวกับกางเกงวอร์มเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ มีเป้ใบเล็ก ๆ สำหรับใส่สัมภาระค้างคืนและกล้องดิจิตอลเลนส์ยาวประมาณหนึ่งคืบ สีหน้านั้นยังคงสดใสและดูตื่นเต้นแทบจะตลอดเวลา โดยเฉพาะในเรื่องที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแล้วอย่างเช่นว่า ต้องไม่มีใครนั่งข้างแบคฮยอนแน่ ๆ

    บางทีอาจจะได้พูดคุยกันและรู้จักเพื่อนคนนี้มากขึ้นอีกหน่อย เขาคิดมาทั้งคืนเลยว่าจะเริ่มจากชวนคุยเรื่องอะไร ไปจนถึงเรื่องไหน และหวังจะได้เห็นอีกฝ่ายหัวเราะอีกครั้ง

    “............”

    ครั้นขึ้นไปถึงบนรถทัวร์ก็ต้องชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อที่นั่งข้าง ๆ ร่างบางกลายเป็นของโอเซฮุนไปแล้ว แบคฮยอนกำลังอ่านหนังสือ และเงยหน้าขึ้นทักทายเขาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ส่วนโอเซฮุนนั้นมองเขานิ่งเฉย ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร

    “อรุณสวัสดิ์”

    “อะ... อรุณสวัสดิ์”

    ชานยอลเลือกที่นั่งว่างข้างหน้าแบคฮยอนและหยัดตัวขึ้นเก็บสัมภาระบนราววางเหนือหัว เพื่อนแต่ละคนเริ่มทยอยกันมาแล้ว ชานยอลตัดสินใจไม่ไปนั่งข้างหลังกับคนอื่น ๆ แต่กลับเอาแต่ตรวจเช็คตัวกล้องอย่างเรื่อยเปื่อย

    อาจารย์ควอนประกาศว่ารถใกล้จะออกและเริ่มเช็คชื่อ ทันใดนั้นเขาก็เห็นใครบางคนวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมา อ้อ... ลู่หานคนนั้นนั่นเอง

    “นั่งด้วยคนสิ” ลู่หานพูดโดยไม่รอคำตอบก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างชานยอลแล้วเบี่ยงตัวไปข้างหลักพร้อมทักทายเสียงใส “สวัสดีเซฮุน อ้อ... นายด้วยนะ อรุณสวัสดิ์”

    เขาลองมองผ่านช่องว่างระหว่างเบาะแล้วก็ได้เห็นแบคฮยอนที่มีสีหน้าบ่งบอกว่ากำลังดีใจน่าดู แหงล่ะ แบคฮยอนไม่ได้อยากมีเพื่อนเป็นคนเขาคนเดียวสักหน่อย มีเพื่อนเยอะ ๆ นั่นก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือไง

    ...แล้วทำไมเขาถึงงี่เง่าขนาดนี้นะ

    ระยะทางจากโซลไปพูซานนั้นใช้เวลาราว ๆ ห้าถึงหกชั่วโมง เพื่อนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการหลับบนรถและบ้างกินขนมขบเคี้ยวพูดคุยกันสนุกปาก ชานยอลหันไปเห็นว่าแบคฮยอนเลิกอ่านหนังสือแล้ว ซ้ำยังทำหน้าพะอืดพะอมเหมือนจะเมารถอีกต่างหาก ร่างสูงลุกขึ้นกระเป๋าสัมภาระบนชั้นวางโดยไม่ลืมที่จะขอโทษลู่หานซึ่งกำลังงีบหลับไปด้วย แทรกตัวเดินออกไปและสะกิดเซฮุนซึ่งกำลังใส่หูฟังดูซีรีย์แบบไม่สนใจโลก พูดคุยกันนิดหน่อยเซฮุนก็ยอมย้ายที่นั่งชั่วคราวไปแทนที่เขาแต่โดยดี

    “แบคฮยอน... ไหวหรือเปล่า” ดูท่าแบคฮยอนจะไม่อยากพูดอะไรออกมามากนัก ก็แน่ล่ะ อ่านหนังสือบนรถมีใครบ้างที่จะไม่เมากัน “พอดีฉันซื้อยาแก้เมารถมาเผื่อ นายกินนี่ก่อนนะ”

    พูดจบก็ยื่นเอาแผงยาแก้เมาที่มีรอยถูกฉีกไปแล้วเม็ดหนึ่งให้อีกฝ่าย พอแบคฮยอนแกะเม็ดยามาอยู่ในมือได้สำเร็จเขาก็ยื่นน้ำเปล่าที่เปิดฝาไว้แล้วให้อย่างเป็นห่วง

    “ขอบคุณนะ...”

    ปาร์คชานยอลหยักยิ้มก่อนจะขวดน้ำมาปิดฝาเก็บลงในกระเป๋าดังเดิม เขาเองก็ลืมบอกแบคฮยอนไปว่าผลข้างเคียงของยาอาจจะทำให้สะลึมสะลืออยู่สักหน่อย พอหันไปมองอีกทีก็เห็นแบคฮยอนเคลิ้มหลับพิงกับขอบหน้าต่างรถเรียบร้อยแล้ว

    เห็นศีรษะอีกฝ่ายกระแทกไปตามแรงกระเทือนของรถแล้วก็อดไม่ได้ที่จะช้อนมาพิงไหล่เขาไว้เอง ถึงจะรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา แต่ชานยอลกลับคิดว่าแบบนี้มันก็ดีแล้วล่ะ...



     

     



     

    “เฮ!!!!

    ในที่สุดรถขบวนรถบัสของชั้นปีก็มาถึงพูซานในที่สุด ข้างหน้าเหล่านักเรียนคือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซึ่งเป็นโปรแกรมแรกในการทัศนศึกษาครั้งนี้ อาจารย์ควอนเรียกรวมแถวของห้องสอง ก่อนจะให้เวลาสามสิบนาทีเพื่อแวะหาที่รับประทานมื้อกลางวันที่ทุกคนเตรียมมา

    “ไปกันเถอะ”

    แน่นอนว่าชานยอลเล็งบริเวณม้านั่งใต้ต้นไม้ที่อยู่ถัดไปจากพิพิธภัณฑ์เล็กน้อย เขาลากแบคฮยอนมาจนถึงจุดหมายในที่สุด ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครสนใจที่ตรงนี้นัก แต่ครั้นจะวางกระเป๋าเพื่อจับจอง ก็กลับมีกระเป๋าของใครอีกคนชิงวางไว้ได้เสียก่อน

    และคน ๆ นั้นก็คือลู่หานที่นั่งคู่เขามาบนรถในทีแรกนั่นเอง

    “แหม พอดีเลยนะ ฉันเองก็เล็งตรงนี้ไว้เหมือนกัน

    สาบานได้เลยว่าตอนเขาดึงแบคฮยอนแยกตัวออกมาลู่หานยังยืนหาวหวอดอยู่เลยด้วยซ้ำ ทั้งที่ตัวก็เล็กกว่าเขาตั้งเยอะแต่ทำไมเดินเร็วขนาดนี้นะ ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงสาว ๆ ดังตามมาอย่างจอแจ และพวกเธอทำท่าจะตามโอเซฮุนที่กำลังเดินอาด ๆ มาทางนี้ด้วย

    สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสี่คนก็ต้องนั่งร่วมโต๊ะเดียวกันเหมือนขามา อย่างน้อยพอเห็นแบคฮยอนเผลอยิ้มออกมาอย่างนั้นชานยอลก็อดที่จะดีใจตามไม่ได้ ทุกคนเริ่มทยอยเอาข้าวกล่องของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้ว รวมถึงขนมปังของเขาด้วยน่ะนะ

    “ข้าวกล่องของนายน่ากินชะมัด” ลู่หานพูดเสียงใสพลางทำตาโตใส่ข้าวกล่องสีสันสดใสของร่างเล็กที่สุดบนโต๊ะไปด้วย เซฮุนเปิดข้าวกล่องของตัวเองขึ้นมาบ้าง ดูท่าเขาไม่ได้คิดจะเอามันมาอวดหรอก “อยากลองชิมข้าวกล่องของเซ "

    พูดได้แค่นั้นลู่หานก็ชะงักกึกไปเมื่อมองเห็นแต่สีสันทะมึนของบรรดาของดองร่วมกับข้าวในกล่องนั้น ครั้นมองไปถึงเจ้าของก็พบว่ากำลังทำสีหน้าอิ่มเอมอย่างประหลาด เขาตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องด้วยการเปิดข้าวกล่องของตัวเองขึ้นมาโชว์เหมือนเด็ก ๆ ไม่มีผิด

    “..........”

    “..........”

    “..........”

    เป็นครั้งที่สองสำหรับการสาบานได้ของปาร์คชานยอลว่าในกล่องนั้นมีแต่รูปหัวใจและอะไรก็ตามที่เป็นสีแดงเต็มไปหมด ซ้ำยังมีไส้หรอกโบโลน่าที่แกะเป็นชื่อลู่หานโปะอยู่บนข้าวด้วย #อืม......

    “น่ารักดีนะ” ชานยอลเป็นฝ่ายพูดขึ้นแกมขำขันหน่อย ๆ แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่อายหรอก หนำซ้ำยังรอดูข้าวกล่องของชานยอลตาเป็นมันเสียด้วย ร่างสูงยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะยกห่อขนมปังและนมช็อกโกแลตไซส์จัมโบ้ขึ้นสองมือ

    “เห?”

    เสียงนี้เป็นของแบคฮยอน เขาดูจะแปลกไม่น้อยเลยที่คนสดใสอย่างชานยอลไม่มีข้าวกล่องมาเหมือนคนอื่น ๆ เขายกหัวขึ้นเกาหลังศีรษะแก้เก้อ “มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ แค่นี้ก็อิ่มแล้วล่ะ”

    พูดจบร่างบางก็ยื่นข้าวกล่องของตัวเองออกมาอยู่ตรงกลางระหว่างเขาและอีกคน ก่อนจะก้มหน้างุดลงดังเดิมเมื่อลู่หานผิดปากวีดวิ้วออกมาพลางสังเกตใบหน้าแดง ๆ ของปาร์คชานยอลเสียจนคนถูกมองต้องรีบเจาะกล่องนมดูดอย่างขลาดอาย

    “ขอบคุณนะ” เขาว่าก่อนจะรับตะเกียบอีกคู่ของแบคฮยอนมาถือไว้แล้วคีบปูอัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ “อร่อยจัง”

    “เดี๋ยวนะ แล้วทำไมนายจะต้องเตรียมตะเกียบมาสองคู่ด้วยล่ะ” เป็นลู่หานอีกแล้วที่เปิดขึ้นถามราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แบคฮยอนระบายยิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะว่า

    “อ๋อ... คุณแม่ผมให้เตรียมมาสองชุดน่ะ เผื่อว่ามันตกหรือว่าทำหายไป”

    “ดีจังเลยน้า ใช่ไหมเซฮุน

    ถ้าจะให้ถามถึงสิ่งที่ค่อนใจที่สุดล่ะก็ โอเซฮุนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะต้องหันมาทำเสียงหวานให้เขาเป็นพิเศษด้วย แต่มันก็คงจะเป็นนิสัยของหมอนี่ล่ะนะ คิดได้อย่างนั้นร่างโปร่งก็ตอบรับไปอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก ก่อนจะคีบข้าวในกล่องของตัวเองขึ้นมากินคู่กับบรรดาของไม่หวานทั้งหลาย

    บยอนแบคฮยอนแทบไม่เคยสัมผัสบรรยากาศครื้นเครงระหว่างหมู่เพื่อนอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ชานยอล เซฮุน ลู่หาน ถึงจะเพิ่งคุยกันได้ไม่นานแต่ทุกคนก็ดีกับเขาสุด ๆ ถ้าอยากให้มันเป็นอย่างนี้ไปนาน ๆ จะเรียกว่าหวังสูงไปหรือเปล่านะ?

    “อิ่มแล้วล่ะ” คนข้าง ๆ เขาวางตะเกียบลงข้างกล่องพลางยิ้มขอบคุณไปในตัว แบคฮยอนรีบหลบสายตาพลางก้มลงมองข้าวกล่องของตัวเองก่อนจะเห็นว่าส่วนที่ชานยอลกินไปมันเพิ่งจะพร่องไปนิดเดียวเท่านั้น อาจจะสามหรือสี่คำ ทำไมกินน้อยนักล่ะ...

    “มัน... ไม่อร่อยหรือเปล่า?”

    “ไม่ ๆ มันอร่อยมากเลยล่ะ” ชานยอลรีบออกตัวตอบอย่างไม่ลังเล สีหน้าเขาดูดีใจอย่างปิดไม่มิดเสียจนลู่หานรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกินไปถนัดตา แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่ได้ตั้งใจมาอ้อล้อหมอนี่สักหน่อย

     



     

     

     

    พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในวันนี้แทบจะถูกครองไปด้วยบรรดานักเรียนจากโรงเรียนของเขาทีเดียว ทุกคนคุยเสียงดังเซ็งแซ่ มีเพื่อนร่วมห้องหลายคนที่ตรงดิ่งมาทางชานยอลเพื่อขอให้ถ่ายรูปให้ ดูท่าชานยอลจะถ่ายรูปเก่งพอดูเชียวล่ะ พอเพื่อน ๆ ต่างทยอยกันออกไปเพื่อเลือกซื้อของฝากและภายในอุโมงค์ปลาเบาบางลงแล้ว ร่างสูงก็หันไปเห็นแบคฮยอนกำลังยืนมองเต่ายักษ์ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่อย่างสนอกสนใจ

    เขาอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาแอบถ่ายรูปแบคฮยอนเพิ่มไปอีกสักสองสามรูป ถ้านับส่วนที่อยู่ในกล้องด้วยน่ะเหรอ... ก็คงจะเป็นทุกตอนที่แบคฮยอนดูมีความสุขล่ะมั้ง?

    “แบคฮยอน”

    “หืม?” ครั้นร่างบางหันมาตามเสียงเรียก ก็เห็นใครอีกคนยกกล้องขึ้นส่องตารออยู่ก่อนแล้ว เขาตกใจนิดหน่อยเพราะนอกจากกับครอบครัวแล้วก็ไม่เคยถูจ่อกล้องอย่างนี้มาก่อน

    “ยิ้มเร็วเข้า เดี๋ยวเต่ายักษ์ว่ายหนีไปนะ”

    ถึงจะพูดอย่างนั้นแบคฮยอนก็ทำไม่ได้ทันทีหรอก เขาถูกลั่นชัตเตอร์ไปทั้ง ๆ ที่ยังทำตาโตตกใจอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ พอถ่ายเสร็จชานยอลก็แบกล้องเพื่อดูรูปก่อนจะหัวเราะออกมาน้อย ๆ จนคนมองรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ

    “ไปกันเถอะ” พูดจบก็จับต้นแขนเบา ๆ ให้เดินออกไปด้วยกัน ทั้งคู่เดินไปสมทบกับลู่หานและเซฮุนที่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอุโมงค์ปลาสักนิด ซ้ำยังนั่งจิบกาแฟกันหน้าตาเฉยที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ ล็อบบี้อีก

    “ต้องไปอีกกี่ที่กว่าจะได้เข้าที่พัก?” เซฮุนถามขึ้นมาด้วยทีท่าไม่กระตือรือร้นสักเท่าไหร่ ถ้าถามว่าตื่นเต้นไหม ไม่เลย แม่และพี่สาวเขามาเที่ยวพูซานบ่อยจะตายไป

    “เห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สมัยใหม่แล้วก็วัดพอมอซาอีกสองที่น่ะ” ชานยอลเป็นคนตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น เห็นกาแฟดำในแก้วของเซฮุนแล้วก็รู้สึกขมแปลก ๆ ถ้าให้เทียบกับสองคนนี้แล้วล่ะก็เขากินกาแฟไม่เก่งเอาเสียเลย

    “น่าสนุกจริง ๆ”

    จำได้ว่าก่อนถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำลู่หานก็พูดอย่างนี้ แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายชวนเซฮุนไปนั่งจิบกาแฟด้วยเหตุผลว่าเวียนหัวเพราะคนเยอะ ซึ่งขัดกับความเป็นนักกีฬาของหมอนี่ชะมัด

    อีกเรื่องที่น่าแปลกใจคือชานยอลนั่งกินขนมปังที่พกมาด้วยบนรถทั้งที่เพิ่งออกปากว่าอิ่มแล้วไปเมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนเท่านั้นเอง เป็นคนหิวบ่อยหรือกินเยอะใช่ไหมนะ พอเห็นเขาแอบมองร่างสูงก็พูดว่าอิ่มเอามาก ๆ จนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

     

     

     

     

     



     

     

    สุดท้ายรถบัสก็แล่นเข้าโรงแรมในที่สุด นาฬิกาบนข้อมือบอกว่านี่เป็นเวลาห้าโมงเย็นพอดิบพอดี และกว่าจะแจกกุญแจห้องพร้อมลงชื่อเสร็จก็ปาเข้าไปห้าโมงยี่สิบแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงนับจากนี้เป็นเวลาทำธุระส่วนตัวก่อนทุกคนจะต้องมารวมกันที่ห้องอาหาร และการที่ได้รู้ว่าอาหารโรงแรมเย็นนี้เป็นบุฟเฟต์ก็ทำให้เกิดเสียงเฮลั่นขึ้นมาจนวุ่นวายทีเดียว

    ห้องพักของผู้ชายอยู่แยกไปอีกตึกทางปีกซ้ายของบริเวณโรงแรม ส่วนตึกของผู้หญิงอยู่ทางปีกขวา และห้องพักอาจารย์อยู่ส่วนกลางเพราะเป็นห้องพิเศษ ที่นี่เป็นโรงแรมบนเขา จึงไม่มีใครหวังจะได้เห็นห้องนอนที่หรูหรานัก (ในราคาเหมาจ่ายสำหรับการทัศนศึกษา) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่แย่อย่างที่คิด บรรยากาศสไตล์เกาหลีโบราณ ประตูบานเลื่อน แล้วยังมีบ่อแช่น้ำร้อนแยกชายหญิงซึ่งอยู่ทางด้านหลังโรงแรมอีก

    ห้องพักทั่วไปเป็นห้องพักขนาดหกเสื่อ มีที่นอนเสริมรวมเป็นห้องละสี่ที่ ภายในห้องมีฟูกนอนสี่อัน หมอนสี่ใบ ตู้เสื้อผ้า โทรทัศน์ ตู้เย็นขนาดเล็ก แต่ไม่มีห้องน้ำในตัว (ตามสไตล์โบราณแท้ ๆ) แน่นอนว่าพวกเขายังไม่มีใครที่คิดจองที่นอนจริงจังนักหรอกเว้นก็แต่เซฮุนที่ยืนกรานว่าจะนอนริมโดยการเอากระเป๋าไปวางไว้เรียบร้อย ลู่หานก็จะเลือกข้าง ๆ กันนั่นแหละถ้าไม่ติดว่า

    “ถ้าแบคฮยอนจะนอนตรงนี้ งั้นฉันนอนตรงนี้นะ ลู่หานนายไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือเปล่า?” ชานยอลหันมาถามความเห็นเขาเป็นคนสุดท้าย แล้วก็ถ้าไม่ติดว่าตาใส ๆ ของแบคฮยอนนั่นกำลังจ้องมองมาล่ะก็เขาก็คงจะไม่ใจอ่อนหรอก

    “ได้สิ ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

    ยิ้มเป็นมิตรออกไปให้ทุกคนก่อนจะขอตัวออกไปทักทายเพื่อนในชมรมฟุตบอล ไม่มีใครถือสาอะไร นอกจากเซฮุนแล้ว อีกสองคนที่เหลือก็กำลังรื้อหาข้าวของส่วนตัวในกระเป๋าและหยิบเอาผ้าเช็ดตัวที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้เพื่อตรงไปยังห้องอาบน้ำรวม

    “เซฮุนนายจะไปอาบน้ำด้วยกันหรือเปล่า”

    “ไม่ล่ะ คนเยอะ” นอกจากของหวานแล้วแบคฮยอนก็ไม่รู้ว่าเซฮุนไม่ชอบอะไรอีกบ้าง ทั้งที่ถ้าได้แช่น้ำร้อนด้วยกันหลาย ๆ คนคงจะสนุกดีแท้ ๆ แต่นี่ลู่หานก็หายไปแล้วเซฮุนยังเอาแต่นอนดูซีรีย์พลางชาร์ตแบตโทรศัพท์อยู่ในห้องเพียงคนเดียวนี่อีก ถึงจะแอบเสียดายเล็ก ๆ ก็เถอะนะ

    “งั้นเราไปกันเถอะแบคฮยอน”

    “อื้ม”

    เห็นจะมีก็แต่ชานยอลคนนี้ล่ะมั้งที่ดูกระตือรือร้นไปซะทุกเรื่อง เขาแวะทักทายคนนู้นคนนี้ทีตามประสาคนเป็นมิตร แต่พอไปถึงห้องอาบน้ำแบคฮยอนก็แทบจะกลั้นความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ขนาดว่ามีห้องอาบน้ำวมถึงสองห้องแต่นักเรียนชายทั้งชั้นปีมารวมกันแล้วก็ยังเยอะอยู่ดี บางคนพอหันมามองเขาแล้วก็ซุบซิบกัน สุดท้ายจึงตัดสินใจขอแยกตัวไปอาบในห้องล้างตัวซึ่งอยู่ถัดไปอีกด้านดีกว่า

    ผงะไปเล็กน้อยเมื่อป้ายปิดปรับปรุงแปะเด่นหราอยู่ข้างหน้า นั่นทำให้บยอนแบคฮยอนจำต้องนั่งเฉย ๆ ไปจนถึงเวลานัดรวมที่ห้องอาหาร ป่านนี้ชานยอลและเซฮุนคงล่วงหน้ากินมื้อเย็นกันไปแล้ว เขาต้องรอจนเพื่อนออกไปกันหมดถึงจะอาบน้ำได้ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เขาเองก็ยังไม่หิวเท่าไหร่ด้วยสิ

    ตอนที่เขาแช่น้ำเสร็จก็เป็นตอนที่ทุกคนแยกย้ายกันออกมาจากห้องอาหารเพื่อทำกิจกรรมสันทนาการแล้ว เขามองหาชานยอล เซฮุน หรือลู่หานว่าจะมีใครที่ยังอยู่บ้างไหม สุดท้ายก็เจอชานยอลที่กำลังเดินมากับเซฮุนด้วยท่าทางกระสับกระส่าย แต่พอเห็นเขาร่างสูงก็ยิ้มออกมาได้ ก่อนจะปรี่เข้ามาพร้อมกับของกินเล็กน้อยในมือ

    “อยู่นี่เอง เป็นห่วงแทบแย่” เขายื่นของกินในมือนั้นมาให้ เป็นพวกของว่าง น้ำขวด หรืออะไรที่พอจะหยิบติดมือมาได้ “เซฮุนบอกว่าเผลอหลับไปเลยไม่รู้ว่านายกลับมาที่ห้องไปหรือยัง แล้วไม่เห็นนายที่ห้องอาหาร ก็เลยกลัวว่าจะยังไม่ได้กินอะไร”

    “ขะ... ขอบคุณนะ” แบคฮยอนรับมาโดยที่อดจะอมยิ้มไม่ได้ นอกจากพ่อกับแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครแสดงความเป็นห่วงเขาเท่านี้มาก่อน มีเพื่อนนี่มัน... ดีจริง ๆ

     

     



     

     

    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ของแค่นั้นมันไม่พอรองท้องเลยสักนิด เพราะสุดท้ายทั้งหมดก็แบ่งกันกินพลางนั่งดูรายการทีวีไปด้วยจนถึงเวลาเข้านอน ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้วแบคฮยอนก็ยังนอนไม่หลับ เซฮุนเองก็หายออกไปเมื่อสิบนาทีก่อน คงจะไปอาบน้ำล่ะมั้ง ส่วนลู่หานก็ยังไม่เห็นกลับเข้ามาเลยตั้งแต่ที่ขอตัวออกไปเมื่อเย็น

    โครก...

    ร่างบางกุมท้องตัวเองเมื่อมันเริ่มส่งเสียงโครกครากออกมาเสียงดัง เขายันตัวขึ้นนั่งแล้วคว้าเอาน้ำเปล่าที่เหลืออยู่ค่อนขวดมาดื่มเพราะหวังว่ามันจะแก้หิวได้บ้าง แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเมื่อมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าขืนยังท้องร้องอยู่แบบนี้เขาคงข่มตาหลับไม่ไหวแน่

    “หิวเหรอ...?” สะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ดี ๆ คนข้างตัวก็ลุกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ เขาคิดว่าชานยอลหลับไปแล้วเสียอีก “ฉันเห็นนายนอนกระสับกระส่ายมาตลอด ก็เลยคิดว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”

    ถึงทั้งห้องจะมืดสลัวแต่แบคฮยอนก็ตระหนักได้ว่าเขากำลังหน้าแดงเพราะความขลาดอาย ไม่ใช่ว่าเสียงท้องร้องจะทำให้ชานยอลตื่นขึ้นมาหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะยอมลากที่นอนไปนอนตรงมุมห้องเลยก็ได้

    “ขอโทษนะ...”

    ชานยอลหัวเราะน้อย ๆ พลางโบกมือไปมาอย่างไม่ถือสา ร่างสูงลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟหรี่ก่อนจะกลับมานั่งยอง ๆ ตรงหน้าเขา “ตกลงว่าหิวจริง ๆ สินะ ว่าแล้วเชียว”

    เหมือนอีกฝ่ายจะทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจดึงแบคฮยอนให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน ถึงจะตกใจอยู่นิดหน่อยแต่ร่างบางก็เกิดใจเต้นขึ้นมาจนต้องงุดหน้าลงพลางเดินตามไปแต่โดยดี

    “ป่านนี้อาจารย์คงหลับกันหมดแล้วล่ะ มันก็ไม่ดีนักหรอกนะ... แต่ว่าฉันเห็นร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ตีนเขาน่ะ คงไม่เกินห้าร้อยเมตรล่ะมั้ง นายเดินไหวหรือเปล่า?”

    บอกเลยว่าบยอนแบคฮยอนกลัวการฝืนกฎน่าดูเลยล่ะ แต่ถ้าไปกับชานยอลล่ะก็... คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

    อย่างน้อย... เขาก็เชื่อในรอยยิ้มของคน ๆ นี้

     






     

     

     

     

     

     

    “ถ้ากลับโซลไปแล้วไม่ติดต่อมาล่ะน่าดู”

    “แน่นอนสิครับ ใครจะไปลืมนายอนได้ลง ” ยอมให้หญิงสาวบีบจมูกแล้วก็แกล้งทำหน้าหมั่นเขี้ยวใส่อีกหน่อย เวลาตั้งหลายชั่วโมงคงกร่อยน่าดูหากไม่มีพนักงานต้อนรับสวย ๆ แบบนี้ อย่างน้อยหล่อนก็ไม่ทำให้ลู่หานเบื่อล่ะนะ

    “เป็นเด็กก็พูดได้สิ เธอน่ะมันร้าย” หล่อนพูดพลางหยิบเอาเสื้อพนักงานตัวนอกมาใส่กลับไปบนเรือนร่าง ร้อยวันพันปีไม่เคยชอบเด็ก แต่เห็นทีคนนี้จะเป็นข้อยกเว้น “ฉันต้องกลับไปเข้างานแล้ว พรุ่งนี้ลู่หานก็จะกลับไปกับโรงเรียนแล้วสิ”

    “เรียกผมสิ เดี๋ยวจะบินมาหาถึงพูซานนี่เลยดีไหม”

    ว่าแล้วก็หัวเราะก่อนจะขยิบตาและแทรกกายผ่านประตูบานเลื่อนโดยไม่ลืมที่จะทิ้งจูบหวาน ๆ ไว้ให้สาวเจ้าเคลิบเคลิ้มต่ออีกสักหน่อย ครั้นกลับมาถึงห้องพักกลับไม่เห็นมีใครอยู่สักคนจนน่าสงสัย นี่มันก็ห้าทุ่มแล้วไม่น่าจะยังอยู่ในเวลาสันทนาการ

    ว่าแล้วก็ถอดเสื้อผ้าอย่างไม่อายใครแล้วคว้าเอาเสื้อคลุมกับผ้าขนหนูของโรงแรมไปด้วย นึกเสียดายว่าถ้านายอนไม่เข้างานก็คงจะชวนมาแช่น้ำร้อนด้วยกันสักหน่อยคงจะตื่นเต้นไม่เบา




     

    แต่พอเปิดประตูห้องอาบน้ำเข้าไปกลับพบหลังคุ้นตาของใครบางคนกำลังนั่งแช่น้ำอยู่ในอ่างขนาดใหญ่เพียงคนเดียว ลู่หานเดินไปฝั่งล้างตัวแล้วเปิดฝักบัวมาสระผมอย่างไม่ยี่หระนัก แต่กลับเรียกให้ใครอีกคนสะดุ้งจนต้องหันมามองด้วยอารามตกใจ

    “นาย... มาได้ยังไง?” โอเซฮุนเอี้ยวหน้ามาถามเสียงเรียบ แต่ที่ตกใจกว่าคือคน ๆ นี้อาบน้ำเร็วเป็นบ้า แป๊บเดียวก็เดินโทง ๆ มาลงอ่างเดียวกับเขาเรียบร้อยแล้ว

    “ฉันก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน นายคงไม่ถือนะ”

    ถึงจะถามอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้ดูอยากได้คำตอบเลยสักนิด ร่างโปร่งมองดูคนนั่งเอนกายพิงขอบอ่างแล้วทำท่าผ่อนคลายจนน่าหมั่นไส้ เขาเองไม่เข้าใจหมอนี่สักเท่าไหร่ บางทีก็ดูใสซื่อจนน่าวางใจ แต่บางทีก็ชวนให้รู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก

    “นายชอบทีมฟุตบอลทีมไหน” เปิดเรื่องคุยออกไปประสาเพื่อนผู้ชายทั่วไป แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมามีเพียงแค่สีหน้างุนงงของโอเซฮุนที่ส่ายศีรษะไปมาน้อย ๆ “จริงเหรอเนี่ย นายไม่ดูฟุตบอลแล้วนายดูอะไรกัน”

    “จางอ๊กจอง”

    “...........”

    “...........”

    “อย่าบอกนะว่าซีรีย์” อยากจะบ้าตายเมื่อร่างโปร่งพยักหน้าตอบกลับมาโดยไร้ซึ่งความเขินอายใด ๆ เป็นผู้ชายทั้งแท่งดูซีรีย์แต่ไม่ดูฟุตบอลเนี่ยนะ แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานก็หัวเราะออกมาราวกับสนใจเสียเต็มประดา “อ้อ... เรื่องนั้นที่ดัง ๆ ใช่ไหม”

    “นายดูด้วยเหรอ?”

    เซฮุนดูจะอยากคุยกับเขาขึ้นมาอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จำได้ราง ๆ ว่าเมื่อคืนนูน่าของเขานั่งดูอยู่ในไอโฟนแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนเขาต้องอุ้มขึ้นไปปลอบถึงเตียง “เมื่อคืนฉากที่นางเอกร้องไห้น่าสงสารเนอะ”

    ฉากนี้เป็นฉากที่เขากดปิดก่อนจะเริ่มปลอบนูน่าอย่างถึงใจไงล่ะ แต่ถ้าถามหน้าหลังนับจากนั้นเซอุนคงจะจับได้แน่ ๆ  ว่าเขาโกหก แต่ดูท่าว่าลู่หานคงมาถูกทางเพราะโอเซฮุนพูดเยอะอย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

    “ใช่... อยู่ดี ๆ ก็รับสนมมาใหม่แบบนั้นเป็นใครก็คงเสียใจเป็นธรรมดา เอ่อ... ฉันหมายถึงสำหรับผู้หญิงน่ะ อ๊กจองเองก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไร เธอแค่รักพระเจ้าซุกจงมากเกินไปเท่านั้นเอง”

    ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด... แต่ไอ้หน้าตาแบบนั้น...

     

    ...ทำไมน่ารักจังวะ

     

    “อ๊กจองน่าจะหาแฟนใหม่ไปเลยเนอะ”

    “นายจะบ้าหรือไง นั่นน่ะมันสมัยโชซอนนะ แล้วอ๊กจองก็ยังเป็นถึงมเหสี...” ร่างโปร่งชะงักหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจจบบทสนทนาลงเสียดื้อ ๆ “ขอโทษที... มันคงน่าเบื่อสินะ”

    “ไม่หรอกน่า พูดมาสิ ฉันชอบฟัง”

    เซ็งนิด ๆ ที่โอเซฮุนกลับไปทำหน้าตายอย่างเดิมจนได้ เมื่อกี้กำลังน่ารักเลยเชียว ลู่หานมองอีกฝ่ายที่หน้าแดงแปลก ๆ แล้วก็เกิดเอะใจขึ้นมาพิลึก โอเซฮุนลุกพรวดขึ้นจากน้ำ ทำท่าจะเดินสวนออกไปจนเขาต้องรีบลุกตาม

    “นายแช่ต่อไปเถอะ ฉันแค่รู้สึกไม่ดี ขอตัว --"

    พูดยังไม่ทันจะขาดคำร่างทั้งร่างก็เซล้มลงมาทางเขาจนแทบถลาเข้าไปรับไว้ไม่ทัน ลู่หานเสียหลักลื่นล้มลงพร้อมกับที่แบกรับร่างอีกคนเอาไว้ได้ เจ็บก้นเป็นบ้า แต่ดูท่าเซฮุนจะไม่บาดเจ็บตรงไหนล่ะนะ

    แต่ผิวอย่างเนียน... ใช้ครีมยี่ห้ออะไรกันนะ...

    แล้วแดงไปทั้งตัวอย่างนี้... ให้ตายเถอะ

     

    ตึก... ตึก... ตึก... ตึก...

     

    ไม่น่า... ไม่มีอะไรแล้ว แค่ลื่นล้มในอ่าง อย่างน้อยหัวนายก็ไม่ได้ฟาดกับอะไร หยุดใจเต้นได้แล้วลู่หาน แล้วรีบพาหมอนี่ออกไปจากน้ำร้อนซะก่อนที่จะเป็นลมไม่ฟื้น ออกแรงนิดหน่อยก็อุ้มร่างอีกคนขึ้นมาได้ในท่าอุ้มนูน่า ทั้งที่สูงกว่าเขาแท้ ๆ แต่หนักแค่นี้เองเรอะ

    ค่อย ๆ วางร่างอีกฝ่ายพิงกับผนังตรงโซนอาบน้ำแล้วรองน้ำเย็นใส่มือมาลูบ ๆ ใบหน้านั้นหวังจะให้คลายความร้อนออกบ้าง แช่น้ำร้อนมานานแค่ไหนนะถึงได้เอาซะหน้ามืดล้มลงไปแบบนี้ นี่ถ้าเขาไม่อยู่ด้วยมีหวังนอนแช่น้ำตายไปแล้วแน่ ๆ

    รอห้านาทีก็แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น รู้ไหมว่าอีหรอบนี้มันล่อแหลมแค่ไหน ทั้งคู่มีแค่ผ้าเตี่ยวพันรอบเอวปิดส่วนสำคัญไว้แต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย แล้วการปฐมพยาบาลมันมีอะไรบ้างวะเนี่ย...

    จะต้องผายปอดไหม...

    หรือมันไว้ช่วยคนจมน้ำอย่างเดียว แล้วเป็นลมล่ะมันต้องทำยังไง หรือจะไปเอาชุดคลุมอาบน้ำใส่ให้แล้วพาไปหาพนักงานที่นี่ดี

    แต่ยิ่งมองมันก็ยิ่งน่า... ผู้ชายประสาอะไรทำไมผิวเนียนนัก

    ถึงจะอยากแกล้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเกิดอยากลองทำผู้ชายในห้องอาบน้ำโรงแรมหรอกนะ

    ...หรือจะลองดีวะ

    ตัดสินใจสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปแค่นั้น นี่ถ้าไอ้ลูกชายมันตั้งขึ้นมานี่มีหวังเป็นเรื่อง อย่างน้อยถ้าจะลองทำกับผู้ชายจริง ๆ ก็ขอเป็นในห้องหับที่มันอีโรติกกว่านี้ไม่ได้หรือไง

    นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ฟื้นพ่อจะผายปอดให้ดู สำหรับลู่หานแล้ววิธีนี้รักษาได้ทุกโรคเชียวล่ะ แล้วอย่างโอเซฮุนนี่ก็คุ้มค่าที่จะน่าลองอยู่นะ เอาล่ะ...

     

    หนึ่ง

     

    สอง

     

    สาม



     

    “...........”

    “...........”

    “...........”






     

    “...จะทำอะไร?”





















    ______________________________________

    ชอบกันรึเปล่าคะ 5555555555555555
    สองคู่คนละอารมณ์เลย พยายามจะเฉลี่ยกันไปในแต่ละตอนค่ะ -.-

    http://youtu.be/gtyi5LQdfBE
    ทูกึนทูกึนเวอร์ชั่นพี่ลู่ 55555555555555555







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×