ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (END) 두근두근 ♡ HEARTBEAT | chanbaek hanhun

    ลำดับตอนที่ #19 : ` ( 두근두근 ♡ 18 )

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.1K
      22
      10 ส.ค. 57









        


     


     

     

    ปาร์คชานยอลลดดาบไม้ในมือลงเมื่อถูกกวนสมาธิจากเสียงหวดดาบที่อยู่ออกไปไม่ไกล มันทั้งเสียงดัง รุนแรง และดูมุ่งมั่นในชัยชนะเสียจนคนมองต้องรู้สึกแปลกใจ ร่างสูงรีบยกดาบไม้ขึ้นป้องการโจมตีครั้งสุดท้ายของแบคฮยอน และนั่นทำให้เขาเป็นฝ่ายชนะอย่างหวุดหวิด


     

    “สองคนนั้น... เล่นกันจริงจังชะมัด” คนตัวสูงเป็นฝ่ายเปิดบทหลังจากแบคฮยอนลดดาบลง พอหันมองตามก็เห็นโอเซฮุนกำลังก้าวถอยหลังเสียจนเกือบจะหลุดออกจากเส้นกั้นเขต และจังหวะนั้นเองที่ดาบไม้ของลู่หานแตะลงบนข้อมือร่างโปร่งเป็นครั้งที่หนึ่ง


     

    ตาเรียวรีของแบคฮยอนวาวขึ้นด้วยความสนใจ เขาสองคนไม่รู้หรอกว่าเซฮุนกับลู่หานตกลงอะไรกันก่อนหน้านี้ ชินัยถูกยกขึ้นป้องกันในท่าแบบงูๆปลาๆ ถูกบ้างไม่ถูกบ้าง แต่ก็หนีไม่พ้นการโจมตีแบบฉวัดเฉวียนของลู่หานอยู่ดี


     

    เซฮุนทำไม่ได้แม้แต่การปาดเหงื่อ ดวงหน้าขาวภายใต้หน้ากากป้องกันกำลังเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด นึกโมโหตัวเองที่ตกลงไปกับการพนันบ้าๆที่รู้แก่ใจว่าไม่มีทางชนะนี่ซะได้ แค่ในหนึ่งนาทีก็ทำให้ลู่หานได้ใจกับคะแนนที่ได้มาเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก


     

    สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วจดจ่อสมาธิอยู่กับทางดาบของฝ่ายตรงข้าม เซฮุนห้ามตัวเองไม่ให้หันไปมองแบคฮยอนกับชานยอล เพราะแค่เสี้ยววินาทีเขาเผลอ อาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้ลู่หานอาจจะยิ้มแล้วทำคะแนนที่สองอย่างง่ายดาย


     

    โอเซฮุนป้องกันการปะทะทำคะแนนรอบที่สองได้อย่างหวุดหวิด ผ่านไปอีกหนึ่งนาทีแล้ว และในอีกสามนาทีครั้งหน้าโอเซฮุนคิดว่าลู่หานคงจะทำการโจมตีอย่างหนักหน่วงเพื่ออีกสี่คะแนนที่เหลือแน่


     

    แล้วก็เป็นอย่างที่คิด... ลู่หานทำมัน อีกสองนาทีต่อมาลู่หานทำคะแนนได้ถึงสามคะแนนด้วยการหลอกล่อให้เขาตั้งรับทางซ้าย ชายกางเกงฮากามะไหวสัมผัสกับข้อเท้าจนทำให้รู้สึกหงุดหงิด เซฮุนกำลังก่นด่าให้กับความโง่ของตัวเองในใจ


     

    นาทีสุดท้ายเริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด อีกแค่ครั้งเดียวลู่หานก็จะชนะ ในขณะที่เขายังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้าถึงตัวหมอนั่นได้เลยสักนิดเดียว ชินัยเฉียดไปทางนู้นทีทางนี้ที มันสร้างความหวังให้แล้วก็พลาดไปจนได้


     

    รอยยิ้มบนใบหน้าลูกชายเจ้าของโรงฝึกค่อยๆเลือนหายไปเมื่อคนตรงหน้ากระตือรือร้นที่จะหาจังหวะโจมตีเขารุนแรงขึ้น สำหรับกติกาของลู่หานแล้วเขาจะพลาดไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว เอี้ยวตัวหลบเมื่อดาบไม้หวดผ่านท่อนแขนซ้ายไปนิดหน่อย อีกแค่ครึ่งนาทีเขาก็จะชนะ และจะได้เอาคืนข้อตกลงเอาแต่ใจของเซฮุนแล้ว




     

    ห้ามโดนตัวเหรอ... ฝันไปเถอะโอเซฮุน




     

    “........”

     

    “........”

     

    ในการปะทะครั้งสุดท้ายนั่นเองที่ลู่หานเอาแต่จดจ่ออยู่กับข้อมือขาวของเซฮุนซึ่งเป็นจุดหมายในการแข่งขันครั้งนี้ แน่นอนเขาทำสำเร็จ แต่เป็นหลังจากที่บังเอิญให้เกิดช่องว่างเสียจนอีกฝ่ายมีจังหวะยื่นชินัยมาข้างหน้าด้วยมือเดียวจนมันแตะเข้ากับช่วงหน้าท้อง

     

    ทั้งคู่นิ่งไปจนกระทั่งเซฮุนเป็นฝ่ายถอดหน้ากากออกก่อนพร้อมรอยยิ้มบางที่แต่งแต้มบนดวงหน้าขาว และนั่นยิ่งทำให้ลู่หานหงุดหงิดเมื่อเขารู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองพลาดท่าแพ้ไปในเวลาไม่ถึงนาทีสุดท้าย

     

    เขาเห็นเซฮุนเดินไปหาแบคฮยอนกับชานยอล รับขวดน้ำมากระดกลงคออึกใหญ่ก่อนจะเบนสายตามาทางนี้อย่างละล้าละลัง จะอะไรก็ช่างเถอะ... พูดแบบตัดความแมนทิ้งไปนะ

     

    ลู่หานงอน... งอนมากด้วย

     

    มันใช่เรื่องไหมที่เขาจะต้องมาแพ้ให้กับเกมบ้าๆครั้งนี้ เซฮุนจะจริงจังกับมันทำไมเล่า ก็แค่เกมที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษสักหน่อยกัน แล้วก็ไอ้เรื่องห้ามโดนตัวอะไรนั่นน่ะใครจะไปทำได้

     

    “ลู่หาน”




     

    นั่น... เรียกทำไมอีก




     

    เผลอๆก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าลู่หานไม่มีอารมณ์จะนำเที่ยวสวน ห้องครัว หรือห้องเก็บของใดๆทั้งสิ้นในฐานะเจ้าบ้าน เขาทั้งงอนทั้งเซ็ง มากเสียจนอยากจะทิ้งตัวลงนอนดิ้นเร่าๆให้เซฮุนพูดคำว่าโมฆะให้ได้

     

    “แยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไหมงั้น เหม็นเหงื่อ” ไม่วายจะแกล้งเบ้ปากเรียกร้องความสนใจเสียจนอีกสองคนที่ไม่รู้เรื่องราวงงไปตามๆกัน เซฮุนไมได้พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ชานยอลเป็นฝ่ายรับคำไป

     

    “ก็ดีเหมือนกัน แล้วต้องเจอกันอีกทีกี่โมง?”

     

    “หกโมงก็ได้ ถึงโต๊ะกินข้าวไวๆแม่ฉันจะได้ไม่บ่น” เจ้าบ้านกลอกตาขึ้นมองเพดานทรงสูงของโรงฝึกก่อนจะตอบปัดๆ ได้ยินอย่างนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อคืนชุดฮากามะและเกราะไว้สำหรับที่ส่งซัก พอเห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายเดินรั้งท้าย ลู่หานก็อยากจะแกล้งกระเง้ากระงอดเสียให้เข็ด









     

     

     

     

     

     

     

    เสียงฝักบัวจากในห้องน้ำเงียบไปแล้ว และนั่นทำให้โอเซฮุนรู้ว่าใกล้เวลาแห่งความอึดอัดเข้ามาอีกครั้ง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าลู่หานกำลังงอน แต่ถึงอย่างนั้นข้อตกลงก็เป็นข้อตกลง เพราะแม้แต่เขาเองยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะฟลุ๊คชนะหรือลู่หานจะเปิดช่องโหว่ขนาดนั้นไว้ให้ มันก็เหมือนเป็นการลุ้นเอานาทีสุดท้ายนั่นแหละ


     

    แล้วยิ่งคิดถึงความเอาแต่ใจของลู่หานที่มีต่อเซฮุนมานับครั้งไม่ถ้วน เพราะอย่างนั้นอย่าหวังนักเลยว่าครั้งนี้เขาจะยอมพูดคำว่าโมฆะออกไปง่ายๆ


     

    ร่างผอมแห้งของลู่หานออกมาในสภาพเปียกหมาดๆ บนเสื้อยืดสีขาวยังปรากฏเป็นรอยเปียกนิดหน่อยที่กลางหลัง แล้วยิ่งเห็นหน้าเซฮุนที่ตั้งท่าจะเข้าไปอาบน้ำต่อ เชื่อเถอะ เหมือนลู่หานจะแกล้งเบะปากออกมาจริงๆ


     

    เซฮุนขมวดคิ้วมองคนที่ยกสองมือขึ้นในท่าไร้อาวุธขณะสไลด์ตัวสวนเขาไปยังกับเป็นวัตถุอันตราย ลู่หานก็แค่อยากกวนประสาทแล้วก็พาล เซฮุนคิด แล้วก็แค่รู้สึกตลกดีเท่านั้น


     

    แต่จะทำอะไรก็ทำเถอะ เขาไม่ใจอ่อนหรอก

     

     

     

     









     

     

     

    เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแบคฮยอนกำลังนั่งเช็ดผมอยู่ตรงที่นอน ตอนนี้เพิ่งห้าโมงเย็นเท่านั้นเอง พวกเขาสองคนใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงหนึ่งในการอาบน้ำด้วยซ้ำ นั่นทำให้เหลือเวลานั่งเล่นและทำธุระส่วนตัวต่ออีกพักใหญ่ๆ


     

    ชานยอลทิ้งตัวนั่งลงข้างๆอีกฝ่าย เห็นอย่างนั้นแบคฮยอนก็เขยิบให้อีกคนนั่งได้สะดวกขึ้นแม้ว่าจะมีที่นั่งมากพออยู่แล้ว


     

    “สนุกเนอะ เคนโด้น่ะ” คนตัวสูงกว่าเป็นฝ่ายเปิดบทคุยขึ้นมาก่อน ชานยอลใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กขยี้ผมอย่างลวกๆเพราะเห็นผมของแบคฮยอนเริ่มแห้งหมาดๆแล้ว


     

    “น่าทึ่งมากๆเลยล่ะ” แบคฮยอนยิ้ม แต่แค่ครู่เดียวก็หันกลับไปจับจ้องยังผนังห้องต่อ “ไม่น่าเชื่อเลยว่าบ้านของลู่หานจะเป็นโรงฝึกอะไรแบบนี้”


     

    “คงจะน่าทึ่งกว่านี้ถ้าเป็นสโมสรฟุตบอล” ปล่อยมุขเสียงเรียบ นั่นทำให้คนฟังหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แบคฮยอนชอบเวลาที่ชานยอลคุยกับลู่หาน สองคนนี้ดูเหมือนเพื่อนที่พร้อมจะสนิทกันแม้ว่าแทบอยู่คนละสังคมเลยก็เถอะ


     

    จริงๆแล้วแบคฮยอนอยากพูดต่อ ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบไปเฉยๆ แต่เขากลับไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร บางทีเขาน่าจะลิสต์รายชื่อเรื่องน่าคุยใส่สมุดโน้ตมาให้รู้แล้วรู้รอด


     

    “อ่า... ใช่” เป็นชานยอลอีกแล้วที่เปิดบทสนทนาใหม่ โหนกแก้มของเขายกขึ้นน้อยๆเพราะมุมปากกำลังคลี่ออกเป็นรอยยิ้มอย่างที่แบคฮยอนชอบมอง “ฉันอ่านหนังสือที่แบคฮยอนให้ยืมมาหมดแล้วนะ”


     

    “อ๋อ...”


     

    “คินดะอิจิ” ร่างสูงทวน ถึงแม้ว่าคนข้างๆจะแสดงอาการว่านึกออกแล้วก็เถอะ “ยังไงฉันก็ชอบตอนคดีฆาตกรรมบนเกาะโกะกุมนที่สุดอยู่ดี”


     

    แบคฮยอนอมยิ้ม พวกเขาเคยคุยเรื่องนี้กันไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นชานยอลเพิ่งอ่านจบไปเล่มเดียวเท่านั้น “ตอนหมู่บ้านแปดหลุมศพล่ะไม่ชอบเหรอ?”


     

    “ชอบสิ แต่มันก็แอบตะขิดตะขวงใจนิดนึงน่ะเรื่องคนร้าย...” เขาทำหน้านึก พยายามนึกชื่อตัวละครให้ออก ชื่อมิโยโกะหรือมิโยะอะไรเทือกๆนั้นหรือเปล่านะ “ฉันอาจจะคิดลึกเกินไปล่ะมั้ง แค่คิดว่าเหตุผลมันดูตื้นไปหน่อยน่ะ เรียกว่าตกม้าตายตอนจบก็ได้”


     

    “.........” คนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่ง บางทีแบคฮยอนอาจจะแค่กำลังคิดตามหรือรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาชานยอลก็เดาไม่ได้ แต่เพียงไม่นานเสียงใสก็ว่าขึ้น “นั่นสิ แถมนางเอกก็เป็นคนที่ฉันรู้สึกสงสัยมาตลอดทั้งเรื่องเลย”


     

    “แต่ฉันชอบตอนฆาตกรรมในตระกูลอินุงามินะ”


     

    พูดถึงตรงนี้หัวใจของปาร์คชานยอลก็พองโต ใช่แล้ว... มันเป็นตอนที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ และเขาก็เพิ่งชวนแบคฮยอนไปดูมันด้วยกันสองคนตอนที่เข้าโรงแล้ว ซึ่งนั่นก็คืออีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้า


     

    พอมีโอกาสได้คุยกันทีไร เป็นต้องยกคินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมขึ้นมาเป็นหัวข้อทุกทีเลย


     

    นั่นสินะ... เขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแบคฮยอนเลยสักนิด


     

    จริงๆแล้วชานยอลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแบคฮยอนชอบกินอะไร ชอบสีไหน หรือมีร้านอาหารร้านโปรดหรือเปล่า แต่อยู่ดีๆจะให้ถามออกไปดื้อๆก็ยังไงอยู่ แล้วยังจะเรื่องชีวิตตอนมอต้นอีก ไอ้ข่าวลือมนตร์ดำบ้าบออะไรนั่น เจ้าตัวจะเคยรู้ถึงต้นเหตุบ้างไหมนะ


     

    “แบคฮยอนหิวหรือยัง?”


     

    “อ่า...” ร่างเล็กละสายตาจากราวตากผ้าเช็ดตัวหน้าห้องน้ำก่อนจะหันมายิ้มให้เป็นคำตอบ “นิดหน่อยน่ะ”


     

    พอได้ฟังอย่างนั้นชานยอลก็เหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง อีกพักใหญ่ๆเลยกว่าจะถึงเวลาที่ลู่หานนัด “ถ้าอย่างนั้นเราไปเดินเล่นกันไหม”


     

    “เดินเล่น?”


     

    ปาร์คชานยอลเพียงแค่ยักคิ้ว ก่อนจะลุกเอาผ้าเช็ดตัวมาตากไว้ที่ราวบ้าง แต่เชื่อเถอะว่าในนาทีที่หันไปเห็นคนข้างๆกำลังยิ้มให้ แบคฮยอนก็คิดว่าโรคหัวใจของเขากำลังกำเริบขึ้นอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     







     

     

     

     

     

     

    ทั้งที่ทางเดินก็แคบอย่างกับอะไรดี แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานกลับยอมเอาตัวเองเดินเบียดกับผนังแล้วปล่อยที่ว่างเหลือเป็นโยชน์ ใช่ว่าเซฮุนจะไม่รู้หรอกนะว่าหมอนี่กำลังประชดเขาอยู่น่ะ เห็นอย่างนี้ก็เอาสิ... ทำให้ได้ตลอดรอดฝั่งเถอะ


     

    พอลู่หานพาเดินมาถึงโต๊ะอาหารเย็นก็เห็นแบคฮยอนกับชานยอลกำลังยืนเก้ๆกังๆอยู่ที่มุมหนึ่งประสาแขกที่ทำตัวไม่ถูก แต่พอหันมาเห็นเขาและเจ้าบ้านทั้งคู่ก็ยิ้มออกก่อนจะเป็นฝ่ายเดินมาสมทบ


     

    “คนบ้านฉันยังไม่มากันอีกเหรอ” ลู่หานเลิกคิ้ว บนโต๊ะมีแต่อาหารเย็นท่าทางน่าอร่อยวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ถ้าให้เดาล่ะก็แม่เขาคงขลุกอยู่ในครัวแหงๆ “หิวกันหรือยังล่ะ”


     

    “ไม่เป็นไร เรารอได้” ชานยอลตอบแทนอีกสองคนที่เงียบราวกับจะปล่อยให้เขารู้หน้าที่กระบอกเสียง ได้ยินอย่างนั้นเจ้าบ้านก็พยักหน้ารับช้าๆ


     

    “สงสัยแม่จะตื่นเต้นน่ะ พอดีฉันไม่ค่อยพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านเท่าไหร่”


     

    ได้ยินอย่างนั้นแบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนตัวเองเจอเพื่อนที่เหมือนๆกันเข้าให้แล้ว  ถึงจะน่าแปลกใจก็เถอะ ลู่หานดูเข้ากับคนง่ายออกนี่นา


     

    “ไก่ทอด ของขึ้นชื่อของชุนชอน” ลู่หานเลิกคิ้วทะเล้นแล้วก็แอบหยิบเอาไก่ทอดชิ้นเล็กๆขึ้นมาใส่ปาก ถึงบรรยากาศจะดูผ่อนคลายแล้วก็น่าสนุกแค่ไหน ถึงอย่างนั้นลึกๆแล้วเซฮุนกลับเอาแต่คิดถึงเหตุการณ์ในโรงฝึก ถ้าพ่อของลู่หานออกมา โต๊ะอาหารยังจะครื้นเครงแบบนี้หรือเปล่านะ


     

    ไม่ทันขาดคำคุณนายลู่ก็พาร่างเล็กอรชรของเธอออกมาจากโซนทางด้านหลังบ้าน ข้างๆเธอคือป้าเยจินที่พวกเขาเจอในทีแรกและถาดเครื่องดื่มหน้าตาน่ากินหลายแก้ว หล่อนละเมียดวางมันลงบนโต๊ะ ในขณะที่คุณนายลู่เข้ามาหาลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความคิดถึง


     

    เธอจัดแจงให้ลู่หานนั่งข้างๆก่อนจะผายมือเชิญชวนแขกอย่างพวกเขาให้เลือกที่นั่งได้อย่างอิสระ เว้นไว้ก็แต่ตรงหัวโต๊ะ และตอนนั้นเองที่เจ้าบ้านที่แท้จริงเดินออกมา ชายวันกลางคนยังคงมีสีหน้าขึงขังเหมือนเมื่อตอนกลางวัน ทุกคนดูจะเงียบไปเว้นเสียแต่คุณนายลู่ที่ยังเจื้อยแจ้วเรื่องของลู่หานไม่หยุด


     

    “แล้วนี่ไปรู้จักกันได้ยังไงจ๊ะ เรียนด้วยกันหมดนี่เลยใช่ไหม?”


     

    “ครับ เราเรียนห้องเดียวกันหมด” เซฮุนตอบหลังจากเงียบอยู่นานและปล่อยให้ชานยอลเป็นฝ่ายตอบทุกคำถามแทน


     

    “ลู่หานเป็นไงบ้าง เขาตั้งใจเรียนไหม?” พอคนตอบคำถามเปลี่ยนไปคุณนายลู่ก็เบนสายตาไปทางเซฮุนโดยอัตโนมัติ ทั้งที่น่าจะเป็นคนเข้าหาผู้ใหญ่ได้เก่งที่สุดเพราะสภาพแวดล้อมในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังประหม่า


     

    “ครับ ลู่หานเรียนดี” ร่างโปร่งไม่ได้หันไปขอความเห็นใดๆจากเจ้าตัว ซึ่งลู่หานเองก็เอาแต่ลอยหน้าลอยตารอฟังเหมือนกัน “แล้วก็เล่นฟุตบอลเก่งด้วย”


     

    ถึงตรงนี้เสียงกระแอมไอเบาๆดังมาจากหัวโต๊ะราวกับจะยุติบทสนทนาทุกอย่าง ผู้อาวุโสสุดในที่นี้ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม และในตอนที่วางลงนั่นเองเขาก็เปิดปากเป็นประโยคแรก


     

    “แข่งชนะอะไรบ้างหรือยังล่ะ”


     

    ทั้งสามคนแยกไม่ออกว่าน้ำเสียงนั้นกำลังสื่ออารมณ์แบบไหน ถัดจากนั้นก็ได้ยินเสียงวางแก้วน้ำของลู่หาน “ได้หลายรางวัลอยู่ครับ แล้วผมก็กำลังจะไปแข่งระดับเขต”


     

    เจ้าบ้านอาวุโสเงียบไป เชื่อเถอะว่ามันเหมือนคำถามจงใจจับผิดอะไรเทือกๆนั้นทีเดียว ทั้งสามคนคิดว่าพวกเขาเข้าใจไม่ผิด ในตอนที่เห็นคุณนายลู่ดูกระอักกระอ่วนราวกับกำลังคิดว่าจะห้ามทัพพ่อลูกครั้งนี้ยังไงดี


     

    “ก็ดี” เจ้าบ้านลู่ตอบรับ เขาคีบไก่ทอดใส่ปากด้วยท่าทางเฉยเมยเสียจนน่ากลัว “ยินดีต้อนรับนะ”


     

    “อ่า...” เป็นชานยอลที่หลุดคำอุทานเก้ๆกังๆออกมา เขานึกอยากจะตบปากตัวเองเหลือเกิน


     

    “พอดีนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้พูดคำนี้กับแขกอย่างพวกเธอ” พอใบหน้านั้นพยายามปั้นยิ้มน้อยๆมันก็ดูเหมือนลู่หานไม่มีผิด แต่สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปก็ตอนที่คนเป็นลูกฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆนั่นแหละ


     

    ขนาดเป็นคนอื่นเซฮุนก็ยังเห็นเส้นเลือดตรงขมับชายวัยกลางคนกระตุกน้อยๆ ลู่หานก็เป็นซะอย่างนี้ ชอบยั่วโมโห ดูแล้วก็ไม่เห็นว่านิสัยจะเหมือนแม่หรือพ่อซะทีเดียว เขาไม่เห็นว่าคุณหรือคุณนายลู่จะมีแววทะลึ่งทะเล้น


     

    แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

     

     









     

     

     

     

     

    กีต้าร์โปร่งสีน้ำตาลไม้ตั้งพิงผนังอย่างนั้นมาพักใหญ่แล้ว ปาร์คชานยอลได้แต่มองมันสลับกับคนข้างๆที่ยังคงอินกับซีรีย์ในจอโทรศัพท์มือถือจนดูเหมือนคนสับสนทางอารมณ์อะไรสักอย่าง เดี๋ยวแบคฮยอนก็ยิ้ม แต่สักพักก็ขมวดคิ้วอย่างกับคนอยากร้องไห้ มันเป็นอย่างนี้มาเกือบชั่วโมงแล้ว


     

    ครั้นจะหยิบกีต้าร์มาเล่นแก้เบื่อหลังจากที่ลู่หานหยิบมันมาให้เป็นการทดแทนที่ขอเวลาไปสงบสติอารมณ์ระหว่างคืนนี้ชานยอลก็กลัวว่าอาจไปรบกวนคนในบ้านเข้าอีก เขาอื้อมตัวไปหยิบปิ๊กที่เสียบอยู่มาลูบมนมันเล่นไปพลางๆ นั่นดีกว่าการหายใจทิ้งไปเฉยๆ แต่ชานยอลก็เบื่ออยู่ดี


     

    เขาไม่กล้าแม้แต่จะชวนคนตัวเล็กคุยเพราะเห็นแบคฮยอนดูตื่นเต้นกับตอนล่าสุดมาก มันไม่ใช่ซีรีย์เกาหลีรักใสๆอะไรเทือกนั้นหรอก เมื่อกี้ชานยอลเห็นฉากพระเอกเอามีดแทงอกผู้ชายคนหนึ่งด้วยซ้ำไป


     

    แต่ตอนนี้ชานยอลอยากเอาแต่ใจ... น่าแปลกใจที่บรรยากาศเงียบๆตอนกลางคืนแบบนี้มีผลต่อความงี่เง่าของปาร์คชานยอลจนเหลือเชื่อ


     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า?”


     

    ร่างสูงสะดุ้งจนเกือบจะดูตลกในตอนที่ได้ยินเสียงของคนตัวเล็กดังแทรกเข้ามาในความคิด แบคฮยอนคงดูซีรีย์จบแล้ว เขาสังเกตได้จากหน้าจอซึ่งขึ้นเครดิตตอนจบและหูฟังที่พาดอยู่ตรงไหล่ลาด

     

    พอถูกถามอย่างนี้ก็ตอบไม่ถูก ชานยอลเลยได้แต่ยิ้มเก้อ “ไม่มี”


     

    “หืม?”


     

    “คือหมายความว่า... ไม่ได้เป็นอะไรหรอก” ประหม่าขึ้นมาก็เพราะในหัวมีแต่เรื่องเอาแต่ใจเต็มไปหมด ก่อนจะมานี่ชายหนุ่มคาดหวังถึงความทรงจำดีๆไว้มากมาย แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่มีความกล้ามากพอสักอย่าง


     

    แต่แบคฮยอนเห็นคนตัวสูงถอนหายใจหลายรอบ เขาเองก็นอนไม่หลับทั้งลู่หานยังมาทิ้งกันตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้ จะให้เดินเหินไปไหนก็คิดไม่ออก


     

    “อ่า... ขอโทษนะ” รีบกดปิดหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะวางลงข้างตัวแล้วว่า “ฉันมัวแต่ติดซีรีย์”


     

    “ไม่ใช่แบบนั้น” ชานยอลไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวโทษ เขาไม่อยากเห็นแบคฮยอนสลดหรือไม่กล้าจับกล้าทำอะไรเพราะเอาแต่สนใจคนรอบข้างแบบนั้น “คือ...”


     

    “........”


     

    “ข้างนอกอากาศดีจนอยากออกไปนั่งเล่น แบคฮยอนสนไหม?”

     

     

     









     

     

     

     

    “จะไม่มีใครว่าอะไรเราใช่ไหม?”


     

    ถึงจะมองซ้ายมองขวาจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใคร แต่ถึงอย่างนั้นการเป็นแขกในวันแรกก็ไม่ได้ทำให้แบคฮยอนคิดว่าเขาสามารถทำตัวได้ตามสบายนัก บ่อน้ำตื้นๆที่มีปลาแหวกว่ายสะท้อนกับแสงจากหลอดไฟเล็กๆตรงหน้าโรงฝึกนั่นน่านั่งกว่าตรงไหน อีกทั้งตรงนี้เองก็มีโต๊ะม้าหินเล็กๆขนาดสี่คนนั่ง ทั้งคู่ชอบตรงนี้ และชานยอลก็คิดว่าเสียงจากกีต้าร์คงไม่ไปกวนใครเข้า


     

    “ตอนกลางวันไม่ยักเห็นตรงนี้เลย” ร่างสูงพึมพำ เขาเพ่งมองปลาตัวโตสีส้มภายในบ่อราวกับมันกำลังอายสายตาคนมอง


     

    มือใหญ่หยิบปิ๊กออกมาจากตัวกีต้าร์ก่อนจะเกลาเบาๆเพื่อทดสอบเสียง ลองหมุนปรับสายนิดหน่อยชานยอลก็คิดว่ามันเข้าท่า ลู่หานบอกว่ามันถูกวางทิ้งไว้เฉยๆตั้งแต่เจ้าตัวไปอยู่โซล แล้วลู่หานก็ไม่ได้สนใจดนตรีมากไปกว่าการคิดเรื่องแข่งฤดูร้อนนัก


     

    “แบคฮยอนร้องเพลงอะไรเป็นบ้าง”


     

    “หา?”


     

    “ฉันเล่น นายร้อง” ชี้มือที่ตัวเองก่อนจะชี้ไปบริเวณอกของคนข้างๆ ได้ยินอย่างนั้นร่างเล็กก็หัวเราะเก้อเขิน เรือนผมสีดำนั้นยุ่งขึ้นมาน้อยๆในตอนที่ถูกมือเรียวขยุ้มเกาเบาๆ

     

    “ฉันร้องเพลงไม่เป็นหรอก” แบคฮยอนตอบ “ปลาในบ่อต้องตายแน่ๆเลยถ้าฉันทำอย่างนั้น”


     

    หัวเราะเบาๆหลังจากได้ยินคำตอบ ชานยอลดีดกีต้าร์ทีหนึ่ง จากนั้นก็ดีดอีกสองที แล้วจึงเริ่มเกลาเป็นจังหวะเพลง




     

     

    오늘 뭐하니 지금 바쁘니

    วันนี้คุณจะทำอะไร? ตอนนี้คุณกำลังยุ่งอยู่ไหม

    별일 없으면 오늘 나랑 만나줄래

    ถ้าคุณไม่ยุ่งล่ะก็ วันนี้ผมเจอคุณได้ไหม?

    할말이 있어 얘기는 아닌데

    ผมมีบางอย่างจะบอกคุณ มันไม่มีอะไรมากนักหรอก

    너를 좋아하나봐

    ผมแค่คิดว่าผมชอบคุณน่ะ

     




     

    “เพลงนี้กำลังดังเลยนะ” เขาสำทับเป็นการกระเซ้า ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังยิ้มขำแล้วส่ายหน้าไปมาให้ชานยอลต้องเดาว่าหมายความถึงเรื่องที่ร้องเพลงไม่เป็น หรือว่าไม่ร้องหรอก?




     

     

    이런 나도 처음이야

    ผมไม่เคยจะพูดคำคำนี้มาก่อน

    You're my lady you’re my baby

    คุณคือผู้หญิงของผม คุณคือที่รักของผม

    정말 장난 아냐

    ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ

    오늘부터 지금부터

    จากวันนี้ ตั้งแต่ตอนนี้

    내꺼해줄래 baby

    คุณจะเป็นของผมไหม baby

     




     

    ร่างสูงอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงในลำคอดังมาจากคนข้างๆ พอลอบหันไปมองก็พบว่าบยอนแบคฮยอนกำลังมองปลาในบ่อน้ำอย่างคนไม่รู้ตัว เห็นอย่างนั้นเขาก็แกล้งร้องชัดเจนขึ้นอีก แต่แล้วก็ต้องกลั้นเสียงหัวเราะไว้ เพราะพอเข้าท่อนฮุค ก็กลายเป็นว่าเสียงของคนข้างๆคลอไปกับเสียงทุ้มของเขาซะอย่างนั้น




     

     

    못생긴 애들 중에

    ในบรรดาพวกผู้ชายขี้เหร่พวกนั้น

    내가 제일 생긴 같대

    ผมคิดว่าผมคือคนที่ดูดีมากที่สุด

    내가 어떡하면 알겠니

    ผมจะทำอย่างไรดีนะให้คุณเข้าใจความรู้สึกของผม

    너만 생각하면 미치겠어

    ผมแทบบ้าทุกครั้งที่นึกถึงคุณ

     




     

    ไม่รู้ทำไมรอบตัวของปาร์คชานยอลถึงได้สว่างขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งที่หลอดไฟหน้าโรงฝึกก็น่าจะยังอยู่ที่สิบแปดวัตต์ ปลาในบ่อเรืองแสงไม่ได้ แถมพุ่มไม้ก็ไม่ได้ฟักหิงห้อยออกมาให้เป็นตัว


     

    กางเกงวอร์มขายาวขยับไปตามจังหวะไหวของเรียวขา ทุกครั้งที่เขาเคาะปลายนิ้วลงกับกีต้าร์แบคฮยอนก็จะเผลอเคาะนิ้วชี้ลงบนโทรศัพท์ในมือไปด้วยทุกครั้ง


     

    อา... จะทำยังไงดีนะ




     

     

    아주 생기진 않았는데

    ผมอาจไม่ใช่คนที่ดูดีคนนั้น

    내가 웃을 조금 괜찮은 같아

    แต่ผมก็คิดว่าผมดูดีนะเวลาที่ยิ้ม

    웬만한 남자보다 내가 잘할게 my love

    ผมจะปฎิบัติต่อคุณดีมากกว่าที่ผู้ชายคนอื่นทำ my love

     




     

    너를 사랑해

    ผมรักคุณ

     




     

    ทันทีที่ปลายนิ้วหยุดลงบนคอร์ดกีต้าร์ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ความเงียบสงัด เสียงทุ้มนุ่มของชานยอลไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ และบยอนแบคฮยอนก็ดูจะเขินเกินคาดเมื่อเสียงของเขาในคำสุดท้ายนั้นเด่นขึ้นมาในขณะที่อีกฝ่ายเงียบไปดื้อๆ





     

    เขาเพิ่งจะบอกชานยอลไปนี่นาว่าร้องเพลงไม่เป็น...


     

    โธ่เอ๊ย... แบคฮยอนก็ทำได้แค่การร้องคลอๆไปในตอนที่คนอื่นร้องอยู่แล้วเท่านั้นแหละ แล้วตอนนี้ชานยอลก็ยิ้มเหมือนคนกลั้นขำ บางทีเขาควรจะก้มหน้าก้มตาไปซะและปิดหูเวลาเดินผ่านพวกร้านค้าที่ชอบเปิดเพลงยอดฮิต


     

    โกหกนี่นา ชานยอลไม่ได้พูดคำนั้น ยังไงซะร่างสูงก็เอาแต่อมยิ้มแทนที่จะพูดอะไรออกมา เชื่อเถอะว่าแบคฮยอนยอมถูกแซวก็ได้


     

    “ฉันไม่ชอบร้องคาราโอเกะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น อย่างน้อยมันก็ดึงความสนใจจากการเขินอายของคนตัวเล็กได้ดี “แบบนี้น่ะสนุกกว่าตั้งเยอะ”


     

    เขาเคาะกีต้าร์แบบไม่เป็นเพลง แต่คนไม่เคนเข้าคาราโอเกะกับเพื่อนนับสิบอย่างบยอนแบคฮยอนกลับตอบรับอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งฟังเฉยๆ


     

    “ถ้ามีกันหลายคนแล้วไปเล่นกีต้าร์กลางวงปิ๊กนิกอะไรแบบนั้นคงสนุกดี”


     

    ถ้านี่คือการชวนเที่ยวแบบอ้อมๆทั้งคู่ก็มีนัดร่วมกันถึงสองรายการแล้ว ชานยอลแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก เขาไม่คิดว่าแบคฮยอนจะตอบรับอะไร


     

    “เพลงนี้...” เลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่ออีกคนยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาให้เขาดูคอร์ดเพลงๆหนึ่ง “ชานยอลเล่นเป็นไหม?”


     

    Love Song?” แบมือเพื่อขอโทรศัพท์อีกคนมาวางบนหน้าขาแล้วลองเกลาไปตามคอร์ดแบบเก้ๆกังๆ ลองอยู่สองครั้งปาร์คชานยอลก็พอนึกออก “ชอบเหรอ”


     

    พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบรับอยู่ในที เห็นอย่างนั้นร่างสูงก็อมยิ้มแล้วใช้สองนิ้วเลื่อนขยายภาพบนหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น


     

    “ไม่เคยลองเล่นเพลงนี้เลย”


     

    “แค่ดูคอร์ดก็เล่นได้เลยเหรอ?” แบคฮยอนถาม แสดงท่าทีสนอกสนใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเสียจนชานยอลต้องขยับตัวเข้าไปนั่งจนชิดแล้วยื่นกีต้าร์ให้ถือเอาไว้


     

    “คอร์ดไม่อยากเท่าไหร่ อยากลองเล่นดูไหม”


     

    เขาไม่ได้รอฟังคำตอบ แบคฮยอนไม่ขัดขืนในตอนที่วงแขนกว้างเอื้อมโอบรอบตัวเขาจนแตะลงบนมืออีกข้าง


     

    I do believe all the love you give…


     

    รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่จับมือเขาวางลงบนคอร์ดและเสียงทุ้มนุ่มที่ฮัมอยู่ข้างหู กีต้าร์ไม่ได้ดูเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นยากจนบยอนแบคฮยอนได้มาลองกับตัวเอง ทุกครั้งที่ลองเปลี่ยนคอร์ดชานยอลก็จะหยุดและกระซิบกับเขาว่า ตรงนี้ แบบนี้


     

    แบคฮยอนเคยคิดว่าตัวเองจำเนื้อเพลงเพลงเลิฟซองได้ขึ้นใจ แต่จนถึงตอนนี้แล้วเขากลับไม่แน่ใจนัก ในหัวมันร้อนจนเป็นสีขาวโพลน อีกทั้งมือไม้ก็ไร้เรี่ยวแรงจนจับคอร์ดไม่ได้เรื่องสักที


     

    เสียงฮัมเพลงของชานยอลเริ่มขึ้นใหม่ทุกครั้งที่พยายามจับมือเขาวางไปตามคอร์ดนั้นๆ นี่ไม่ใช่การสอนที่จริงจังนัก อย่างน้อยชานยอลก็ไม่ได้ปิดหน้าคอร์ดเพลงบนโทรศัพท์มือถือและไปเปิดวิธีการจับคอร์ดเบื้องต้นแทน


     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกก็จริงกับการอยู่ภายใต้อุ้งมืออุ่นๆ แบคฮยอนคิดว่าตัวเองจะขำถ้าเสียงดนตรีออกมาฟังไม่ได้ศัพท์ กลับกันแล้วเขาทำอะไรไม่ถูก


     

    ตอนนี้จะเป็นเวลากี่โมงกันนะ สองทุ่ม... สามทุ่ม... หรือว่านานกว่านั้น


     

    ทำไมอยู่ๆหลอดไฟสิบแปดวัตต์ก็สว่างจ้า ปลาคาร์ฟในบ่อเรืองแสงสีเหลืองรอง แถมพุ่มไม้ก็คล้ายจะคลอดหิงห้อยออกมาทีละสิบตัว


     

    บยอนแบคฮยอนเล่นกีต้าร์ไม่ได้ แต่เขานั่งนิ่งๆในตอนที่ชานยอลเล่นกีต้าร์ผ่านมือไม้เก้ๆกังๆที่ไม่รู้จะวางตรงไหนของแบคฮยอน แรงกระชับจากวงแขนของคนด้านหลังแน่นตรึงเข้าทุกครั้งที่เปลี่ยนคอร์ด ทั้งเสียงทุ้มนุ่มนั้นราวกับว่ามันแผ่วลงเรื่อยๆจนแม้แต่ต้นไม้ก็ไม่มีสิทธิ์ได้ยิน


     

    มันกระซิบอยู่ข้างหู... ให้แบคฮยอนได้ยินอย่างชัดเจนเพียงคนเดียว




     

     

    I do believe All the love you give

    All of the things you do

    Love you Love yo

    I’ll keep you safe Don't you worry

    I wouldn't leave Wanna keep you near

    Cause I feel the same way too

    Love you Love you

    Want you to know that i'm With you

     

    I will love you and love you and love you

    Gonna hold you and hold you and Squeeze you

     




     

    เพราะจำเพลงนี้ได้อย่างขึ้นใจหรือเปล่าแบคฮยอนถึงเผลอร้องมันคลอไปกับเจ้าของอ้อมกอดนี่อีกครั้ง ร้านค้าแถวเมียงดงไม่ได้เปิดเพลงนี้หรอก รายการทีวีก็ไม่ได้พูดถึงมันบ่อยนักด้วย


     

    แบคฮยอนเองก็จำไม่ได้ว่าเขาท่องมันจนขึ้นใจตั้งแต่เมื่อไหร่




     

     

    I will please you for all times

    I dont wanna lose you and lose you and lose you

    Cause i need you i need you I need you

    So I want you to be my lady

    You've got to understand My love

     

    You are beautiful beautiful beautiful

    beautiful beautiful beautiful Girl

    You are beautiful beautiful beautiful

    beautiful beautiful beautiful Girl

     




     

    เขาไม่เคยอยู่ใกล้กับชานยอลขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยลืมตัวจนเผลอสบกับดวงตากลมโตนั้นได้นานเกินห้าวินาที ไม่เคยคิดว่าลมหายใจนั้นช่างอุ่นจนร้อน หรือแม้กระทั่งหน้าม้าของชานยอลยาวจนปิดคิ้วแล้ว


     

    แม้กระทั่งคำถามที่ว่าเพลงจบลงตั้งแต่เมื่อไหร่ แบคฮยอนก็ตอบมันไม่ได้


     

    รู้แค่ว่าร่างทั้งร่างมันร้อนจนชา รู้ว่าลมกลางคืนพัดอยู่อย่างนี้ตั้งนานแล้ว รู้ว่าที่ปลายเท้าเป็นบ่อน้ำ รู้ว่าเครื่องดนตรีหนักๆตรงหน้าตักนี่เรียกว่ากีต้าร์


     

    และรู้อีกอย่างหนึ่ง ก็คือสายตาของชานยอลนั้นมองใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สายกีต้าร์ถูกทาบทับด้วยสองมือที่ซ้อนกัน แล้วตัวของชานยอลก็ใหญ่เสียจนสามารถกลืนกินเขาเข้าไปในอ้อมกอด




     

    จนริมฝีปากของทั้งคู่แตะกัน แบคฮยอนก็ลืมไปแล้วว่าลมกลางคืนนั้นเป็นอย่างไร





















    ______________________________________

    COME BACK !






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×