ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My room :)

    ลำดับตอนที่ #95 : [Fic KNB]

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 59


    Application

     

     

     

    ชื่อ – นามสกุล :: Fuyusaki Rurika [ฟุยุซากิ รูริกะ] (รูริกะเป็นชื่อจริง) / Sherley Blackburn [เฌอร์ลีย์ แบล็คเบิร์น]

    ความหมายของชื่อ :: ชื่อญี่ปุ่นแปลว่า “ดอกไม้สีลาพิสลาซูลี่ที่เบ่งบานในฤดูหนาว” ค่ะ ส่วนอีกชื่อแปลว่า “ท้องฟ้าเปิดโล่งอันเจิดจ้าที่มอดไหม้กลายเป็นสีดำ”

    สัญชาติ :: ถ้าเอาปัจจุบันก็ “ญี่ปุ่น” ค่ะ (แต่เจ้าตัวเป็นคนอังกฤษแท้ๆ)

    อายุ :: 26

    ลักษณะรูปร่างหน้าตาของตัวละคร :: หญิงสาวที่ดูจากหน้าตาและส่วนสูงแล้วยังไงก็ดูเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กบอบบาง ผิวสีขาวอมชมพูระเรื่อ ดวงหน้าน่ารักมีดวงตาสีฟ้าโดดเด่นงดงามเหมือนอัญมณี ปากนิดจมูกหน่อยเสริมให้ยิ่งดูน่ารักน่าเอ็นดู ผมสีทองซีดยาวถึงกลางหลังมักจะรวบไว้เป็นทวินเทลต่ำๆ

    ส่วนสูง/น้ำหนัก :: 157 / 42 [นี่มันโลลิเทียม...]

    นิสัย :: ฟุยุซากิ รูริะ หญิงสาวที่มีดีกรีความประหยัดขั้นสุดจนกลายเป็นงก อะไรก็ตามที่เธอเห็นว่ามันไม่จำเป็น  ไม่ได้อยากได้ถึงขั้นเสียสติหรือจะชักตาย ฟุ่มเฟือย อย่าหวังเลยว่าจะได้เงินจากเธอไป ขนาดของที่ต้องใช้บางอย่างถ้าหาของที่มาแทนได้เธอก็เอา เหมือนทากาวตราช้างไว้ที่กระเป๋าเงินกันเงินออกโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนที่พิจารณาอะไรที่ราคาอย่างเดียวนะ ถ้าของแพงหน่อยแต่ซื้อใช้แล้วคุ้มก็เอา! เรียกว่าเป็นคนที่ใช้เงินที่ออกจากกระเป๋าทุกเยนได้คุ้มค่าสุดๆ และเป็นคนที่มีระเบียบวินัยทางการเงินมาก ต้องมีบัญชีรายรับรายจ่าย มีแบ่งส่วนเก็บออมไว้ทุกเดือนด้วย

     

    แม้ว่าจะงก...เอ้ย ประหยัดแค่ไหน แต่สิ่งที่รูริกะจะไม่ประหยัดเท่าไหร่คือการลงเงินทำธุรกิจ เธอเป็นคนมีหัวด้านนี้มากทั้งที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรง อ้าว...ก็ถ้าธุรกิจมันให้ผลกำไรดี เงินกลับเข้ามากว่าที่ให้ออกไป แล้วจะกั๊กตังค์ไว้ทำไมล่ะ? ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็พิจารณาความเสี่ยงอยู่เสมอ เรื่องเงินต้องอดทนใจเย็นและรอบคอบ ห้ามใจร้อน ต้องรอจังหวะและโอกาสดีๆ มองเทรนด์ให้ออก และต้องเด็ดขาด ซึ่งรูริกะมีคุณสมบัติดังกล่าวครบ บอกแล้วว่าเงินที่ออกไปต้องคุ้ม...เรื่องสุขภาพตัวเองก็ด้วย เพราะถือว่าร่างกายเราเกิดมามีแค่ร่างเดียว พังแล้วพังเลย เพราะงั้นจะไม่ค่อยงกเรื่องนี้เท่าเรื่องอื่น แต่ก็ยังเรียกว่าประหยัดอยู่ดี เพราะไม่อยากเสียค่าหาหมอตอนป่วยหรือยาบำรุงบ้าบอคอแตกราคาแพงหูฉีก เลยค่อนข้างจะรักสุขภาพโดยการออกกำลังกายประจำ...คือจริงๆตัวเองก็ไม่ได้สายบ้าออกกำลังกายนะ แต่บังเอิญว่าค่าหมอมันแพงกว่าค่ารองเท้าวิ่งคู่นึงเยอะ(มาก)อ่ะ...(ที่ซื้อเป็นรองเท้าวิ่งนี่คือใช้ยาวหลายปี ซ่อมแล้วซ่อมอีกจนมันเยินเกินซ่อมแล้วค่อยเปลี่ยน รักษาสุขภาพเท้าด้วย)

     

    อีกเรื่องที่ต้องรู้คือ...แม้จะเค็มชนิดที่ว่าทะเลเรียกแม่ แต่รูริกะจะไม่โกงเงินใครหรือหาเงินมาด้วยวิธีการผิดๆเด็ดขาด มือเท้าสมองก็มีเหมือนกัน งานดีๆสุจริตมีออกเยอะแยะ ถ้าไม่เลือกงานทำ เก็บตังค์ดีๆ มันก็พอใช้ป่ะ? ไม่ใช่ถอยไอโฟนทุกรุ่นแล้วมาบอกว่าไม่มีตังใช้เลย โถววววว หากเจอแบบนี้รูริกะไม่ใช่แค่ไม่ปลอบ แต่สมน้ำหน้าซ้ำเลยค่ะ ทำตัวเองนี่นา อ้อ ไม่ต้องมาขอยืมเงินเธอด้วยนะ มี...แต่ไม่ให้ ถ้ามีเงินซื้อของแพงกินของหรูก็เอาไปจำนำเอาตังมาใช้สิ ไม่ทำเหรอ? แสดงว่าไม่เดือดร้อนจริงนี่หว่า...ไม่ต้องมาพูดกันเรื่องนี้อีก โอเค๊?

    สนิทแค่ไหนก็ไม่ให้ยืมเงิน (ยกเว้นแค่พี่สาวบุญธรรมคนเดียว) เพราะจากประสบการณ์ ไม่ให้ยืมเงินอาจเสียเพื่อน แต่ถ้าให้ยืมอาจเสียทั้งเงินทั้งเพื่อน แถมอาจจะต้องเครียดเรื่องที่ทวงตังค์คืนไม่ได้อีก ตัดปัญหา ไม่ให้ยืมแม่ม จบ จะเอาไปด่าว่าไม่มีน้ำใจก็เชิญ นี่ไงข้อดีอีกอย่างของเงิน มันช่วยกรองคนที่ไม่โอเคออกไปจากชีวิตเราได้ด้วย เห็นมั้ย?

     

    เงินสำหรับรูริกะเป็นสิ่งมีค่าและจำเป็น แต่เธอก็ไม่ได้บูชาเงินดั่งพระเจ้าแต่อย่างใด...

     

    ถึงจะเค็ม แต่รูริกะก็ไม่ได้แล้งน้ำใจ อะไรที่พอช่วยเพื่อนพ้องได้เธอก็ช่วย (ยกเว้นเรื่องเงิน) ส่วนใหญ่มักเป็นการลงแรง เห็นตัวเล็กๆ หน้าเด็กจนคนเข้าใจผิดกันไปหมดแบบนี้ แรงเยอะมาก และถึกมาก แถมยังมีความสามารถในการแก้ไขและซ่อมแซมสูงมาก เสื้อขาด ท่อตัน ลูกบิดประตูหลุด ก๊อกแตก บลาๆ หากไม่ใช้ความรู้หรือเครื่องมือเฉพาะทางมากเกินไปหรืออันตรายเกินไป...เธอแก้เองได้! แถมแก้แล้วใช้งานดีด้วยนะ เหตุผลหลักๆคือเรียกช่างซ่อมมันเปลืองค่ะ เลยใช้วิธีแอบดูช่างซ่อมเขาทำ หลอกถามนิดๆหน่อยๆแล้วจำมาทำเอง เป็นพวกเรียนรู้เร็วและช่างสังเกต อาศัยครูพักลักจำได้เยี่ยมยอดประหนึ่งว่าเอาสกิลเพอร์เฟ็คก็อปปี้ของคิเสะมาใช้ก็ไม่ปาน

     

    ในสายตาคนนอก...รูริกะเป็นคนใจเย็นมาก และเป็นคนที่เดาทางไม่ค่อยออกว่าคิดอะไรอยู่ในหัว เพราะใบหน้ามักจะยิ้มน้อยๆ ไม่ก็นิ่งเฉยชาไปเลยจนไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่กลับคนรู้จักหรือสนิทในระดับหนึ่งแล้วจะเป็นคนที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างซอฟท์ๆ ทำอะไรดูนุ่มนวลเหมือนทุกอย่างเป็นสีพาสเทล(?)แม้กระทั่งซ่อมท่อ คือก็จริงจังนะแต่ในสายตาคนอื่นมันดันดูมุ้งมิ้งไปซะงั้น กรณีอารมณ์ปกติน่ะนะ มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดคนให้เข้าหา ไม่แปลกใจเลยว่าเธอสามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้อย่างดีเยี่ยม ไปที่ไหนก็มีเพื่อนมันไปเสียทุกที่ แต่สนิทมากน้อยก็แล้วแต่คนไป ราวกับสายน้ำที่ไม่ว่าจะไหลไปที่ใดก็สามารถปรับรูปร่างให้เข้ากับแหล่งพักพิง แต่ก็ยังคงเป็นสายน้ำดังเดิมอยู่ดี

     

    รูริกะเป็นเหมือนสายน้ำ...และทุกคนคงรู้ดีว่าเวลาสายน้ำคลั่งนั้นน่ากลัวเพียงใด เธอเวลาโกรธก็น่ากลัวแบบนั้นแหละ จะเปลี่ยนโหมดจากที่ดูซอฟท์กลายเป็นสายฮาร์ดคอร์พร้อมกับทำลายเป้าหมาย(ตัวการที่ทำเธอโกรธ)ให้สิ้นซาก ไม่ว่าใบหน้าจะยิ้มหรือไม่ก็ตามแต่ ด้วยคำพูดระดับสุภาพถึงหยาบปานกลางแต่แทงเข้ากลางใจชนิดที่ว่าพูดแบบนี้กระโดดถีบขาคู่ใส่กันยังเจ็บน้อยกว่าเลย และขอแสดงความนับถือที่ทำให้รูริกะโกรธได้ เพราะรูริกะเป็นคนที่ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตจริงๆ จะมีความอดทนสูงมาก และถ้าเป็นรอบแรกๆก็อาจจะเป็นแค่เตือน แต่ถ้ายังมีซ้ำอีกก็เตรียมใจเจอสึนามิอารมณ์ถล่มได้เลยค่ะ เป็นพวกระบายความโกรธออกมาสองแบบ แบบแรกก็แบบฮาร์ดคอร์ไปเลยคือด่ามันตรงๆ เชือดมันให้ตายตรงนั้นแหละ (ตัวอย่างหาได้ในลักษณะคำพูดนะคะ) กับอีกอย่างคือเงียบ...เงียบไปเลยเหมือนเรื่องนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แต่ไม่ได้ลืมนะ ที่เงียบที่คือกำลังไปวางแผนเอาคืน ใครเจอถือว่าโคตะระซวยเพราะหากเจอแบบนี้เธอเล่นทีกระอักเลือดตายได้เลยทีเดียวเชียวล่ะ เพราะเป็นคนแค้นแรง และยึดถือสโลแกน บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ซะด้วย หากเสียใจก็จะไประบายแบบก๊อกแตกกับคนที่ไว้ใจ ซึ่งคนประเภทที่ว่านี้มีน้อยนับหัวได้เลยค่ะ เพื่อนเยอะก็จริง แต่ที่ไว้ใจจริงๆอ่ะ...น้อย...พอดีไม่ได้เชื่อคนง่ายเท่าไหร่ เพราะเคยมีประสบการณ์โดนคนที่คิดว่าไม่น่าจะทำเรื่องไม่ดีทรยศความเชื่อใจมาแล้ว แต่หากรักใครอย่างจริงจังก็จะเชื่อมั่นในตัวคนนั้นอย่างถึงที่สุดโดยไม่มีการติดใจสงสัยใดๆทั้งสิ้น

     

    รูริกะเป็นคนหน้าเด็กและตัวเล็ก เข้าข่าย “เตี้ย แบน ซึน(เหรอ?)” ไม่แปลกใจเลยว่าจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นเด็ก ทั้งที่ความจริงอายุตัวเองน่ะเลยคำว่าเด็กมานานแล้ว และผลพลอยได้คือเวลาซื้อตั๋วทีไรจะไรมักได้ตั๋วเด็กที่ราคาถูกกว่าทุกที ไอ้เธอก็พยายามบอกเขาแล้วนะ...แต่เผอิญเวลาที่ว่ามันมักจะเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เกรงใจคนข้างหลัง สุ่มตรวจบัตรก็เจือกไม่โดนสักที แต่ก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะ เลยเอาส่วนต่างที่เหลือไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน คือไม่กล้าเก็บ TwT

     

    รูริกะเป็นคนที่ทั้งตรงและซับซ้อนในเวลาเดียวกัน คือเป็นคนที่คิดยังไงก็จะพูดออกไปประมาณนั้น แต่ทุกสิ่งที่พูดจะไม่ใช่ทุกสิ่งที่คิด และส่วนต่างที่ว่าคือความซับซ้อนของเธอ คือเป็นส่วนที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคิดอะไร เป็นโลกที่มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่รู้ เป็นพวกความรู้สึกบางทีก็ขาดๆเกินๆ บางอย่างก็หยาบไป บางอย่างก็ละเอียดอ่อนไป ไอ้เรื่องที่ไม่ควรรู้ดันมองออกไปหมด ส่วนบางเรื่องที่ควรจะรู้ก็ดันไม่รู้เพราะไม่ได้โดนบอกตรงๆซะงั้น ที่ต้องบอกอีกอย่างคือเธอไม่ได้ตรงไปตรงมาเสียทุกเรื่อง แถมดันเกิดมาเป็นพวกโกหกแบบลอยหน้าลอยตาได้ดีอีก (แต่ถ้าจับสังเกตดีๆก็ไม่ยากเหมือนกัน) แถมยังเป็นคนที่บางทีชอบพูดทีเล่นทีจริง คนเลยเดาไม่ค่อยถูกว่าตกลงยัยนี่กำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ยกเว้นเจ้าตัวจะแสดงชัดเจนมากๆเช่นตอนโกรธหรือจริงจังแบบสุดๆ ส่วนหากเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆ...ไปเลยจ้า...ซึนออกทะเลไปแล้วววววววว แถมเป็นคนที่เขินแล้วจะแดงทั้งหน้าทั้งหู เรียกว่าเขินทีคนเห็นในระยะสิบเมตรเลย

     

    รูริกะเป็นพวกใจกล้า กล้าได้กล้าเสีย มีลูกล่อลูกชนพอสมควร เป็นคนที่มีทักษะในการเจรจาแปลกๆ คือทำให้คู่สนทนาชอบใจหรือถูกใจได้ ไม่ว่านางจะพูดแรงใส่แค่ไหนก็ตาม เป็นความสามารถที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามี ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าพวกคนที่ชอบเนี่ยมันเป็น M รึเปล่าฟระ?

     

    รูริกะมีความสามารถในหลายด้านก็จริง แต่ที่ต้องละเว้นให้คือ...การทำอาหารคาวค่ะ ย้ำว่าของคาวเท่านั้น ของหวานกับเครื่องดื่มนี่เธอทำได้อร่อยมาก แต่พอเป็นของคาว ไม่รู้เหมือนกันว่าเทพเจ้าแห่งของคาวเกลียดเธอหรืออย่างไรเลยสาปให้ออกมาเป็นคนที่ทำอาหารคาวได้วินาศมาก เลเวลน้องๆเบียงกี้...คือแค่รสชาติหมาไม่รับประทานสุดๆ ยังไม่ถึงตายหรือท้องเสียเท่านั้นเอง เพราะงั้นเธอจะไม่ทำกับข้าวเองเด็ดขาด เปลืองของ!

    (ให้พี่สาวบุญธรรมทำเบนโตะให้)

      

    รูริกะเป็นพวกทำตัวสบายๆ ไม่เคร่งมารยาทเท่าไหร่ แต่ก็ทำตัวตามกาละเทศะได้อย่างเหมาะสม รู้ว่าอะไรควรไม่ควร เห็นอย่างนี้แต่ก็เป็นลูกผู้ดีเก่า เวลาต้องมีมารยาทจริงเลยสง่างามมากแบบราศีจับเลยทีเดียว เป็นคนที่แต่งตัวดูดีแต่เรียบๆไม่หวือหวาอะไร พอดีเสื้อผ้ามันแพง เลยเลือกที่มันใส่ได้หลายโอกาสน่ะ

     

    จริงๆแล้วรูริกะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นพยายามสูงมาก หากตั้งเป้าหมายอะไรไว้แล้วก็จะตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้ได้ตามนั้น เด็ดขาดกับตัวเองมากแม้ว่าผลลัพธ์จะทำให้เธอเจ็บปวดก็ตาม เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกหรือป่าวประกาศคนเลยไม่ค่อยเห็นกันเท่าไหร่ เป็นคนที่จิตใจไม่ค่อยหวั่นไหวกับสิ่งยั่วยวนเท่าไหร่ นางสตรองค่ะ ข้างนอกว่าสตรองแล้ว ในนี่สตรองยิ่งกว่า แต่แน่นอนว่าเธอก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีความอ่อนแอเหมือนเดิม หากไปสะกิดโดนจุดเข้าก็อาจจะเกิดอาการแทงใจดำ น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน

     

    ปัจจุบันรูริกะไม่คิดเรื่องหาแฟนเลยค่ะ เพราะคิดว่าไม่มีก็ไม่ตาย ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เดี๋ยวถ้าจะมีก็มาเองแหละ...

     

    ประวัติ :: “ฟุยุซากิ รูริกะ” หรือที่จริงคือ “เฌอร์ลีย์ แบล็คเบิร์น” นั้นเป็นลูกสาวคนเล็กในตระกูลแบล็คเบิร์นที่เป็นตระกูลที่เป็นเจ้าของผับชื่อดังหลายแห่งในอังกฤษ เรียกว่าเป็นตระกูลต้นๆในพวกสิ่งมึนเมาก็ไม่ผิดเท่าไหร่ นั่นคือเบื้องหน้าที่ทุกคนรู้เกี่ยวกับตระกูลแบล็คเบิร์น แต่เบื้องหลังตระกูลนี้เป็นผู้มีอิทธิพลสูงในด้านการเมืองอย่างเหลือเชื่อ เฌอร์ลีย์ในฐานะลูกสาวคนเล็กที่พ่อแม่ค่อนข้างจะหวงมากที่สุด (เพราะพี่ๆเป็นผู้ชายหมด มีลูกสาวแค่คนเดียว) จึงได้รับการเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหิน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรนักหรอก จนกระทั่งถึงวัยที่เธอควรจะมีเพื่อนสักคน ออกไปโรงเรียนเหมือนเด็กทั่วไป แต่ทางบ้านกลับให้เธอเรียนที่บ้านโดยจ้างครูพิเศษมาสอนแทน โดยอ้างว่ารร.ข้างนอกไม่ดี ทั้งที่เหตุผลที่แท้จริงคือตระกูลนี้มีศัตรูทางการเมืองเยอะมากพอๆกับมิตรทางการเมือง และในขณะนั้นการเมืองกำลังคุกกรุ่นได้ที่ มีลูกหลานหรือผู้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหายตัวไปไม่น้อย พ่อแม่จึงตัดสินใจไม่ให้ลูกออกไปข้างนอกเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากตัวเองไม่มีเวลาดูแลลูกกันเท่าไหร่ และคุณครูพิเศษคนที่ทางบ้านจ้างมานี้เองเป็นคนเปลี่ยนชีวิตเธอ...

     

    ครูพิเศษที่ทางบ้านพ่อแม่เธอจ้างมานั้นเป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นชื่อว่า “ฟุยุซากิ คิมิเอะ” ที่เพิ่งเรียนจบจากอ็อกซ์ฟอร์ดมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1  มีหน้าที่ในการสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเธอ และเป็นพี่เลี้ยงประจำตัวของเธอด้วย แต่นอกจากนั้นแล้ว...คิมิเอะยังสอนเรื่องราวต่างๆจากโลกภายนอกที่เฌอร์ลีย์ไม่เคยรับรู้ให้อีกด้วย เรียกว่าคิมิเอะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเฌอร์ลีย์กับโลกภายนอกเพียงหนึ่งเดียวก็ไม่ผิดนัก ไม่น่าแปลกใจที่เฌอร์ลีย์จะติดคุณครูพิเศษคนนี้มากและคิดเสมอว่าเป็นเหมือนพี่สาว ส่วนคิมิเอะเองก็เอ็นดูเฌอร์ลีย์ราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ เพราะเธอเป็นลูกคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน

     

    มีอยู่วันหนึ่ง...บทเรียนที่เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนชีวิตของเฌอร์ลีย์ก็เริ่มขึ้น วันนั้นเป็นวันที่อากาศไม่เลวร้ายนัก หิมะตกโปรยปรายข้างนอกไม่ขาดสายตัดกับท้องฟ้าสีครื้ม ทั้งสองกำลังนั่งจิบชาอยู่ในคฤหาสน์แบล็คเบิร์น พูดคุยไปเรื่อย จนมาถึงประเด็นที่คุณหนูเล็กแห่งแบล็คเบิร์นติดใจมานานแต่ไม่เคยถาม

    “แล้ว...ทำไมคิมิเอะถึงมาทำงานที่นี่ล่ะ? ทั้งๆที่เรียนเก่งขนาดนี้แท้ๆ...ไปสมัครงานที่ไหนก็น่าจะรับหมดนี่”

    คุณครูสาวชะงักเล็กน้อย เบือนหน้ามองหน้าต่าง ถอนหายใจแล้วหันกับมายิ้มบางๆให้ศิษย์ของเธอ

    “เอาจริงๆ...ก็เพราะว่าค่าจ้างน่ะ...ที่นี่ให้ค่าจ้างดีมาก ฉันก็เลยเลือกมาที่นี่”

    “เงิน...สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

    คิมิเอะยิ้มอีกครั้ง วางถ้วยชา แล้วยื่นมือมาลูบหัวเฌอร์ลีย์เบาๆ

    “เฌอร์ลีย์...ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอโตมากับเงิน ดังนั้นเธอไม่รู้หรอกว่าการไม่มีเงินมันทำให้คนเราเป็นทุกข์ได้ขนาดไหน ซึ่งก็ดีแล้วล่ะ...ฉันมีแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ต้องใช้เงินค่ารักษามากก็เลยอยากได้งานที่เงินมันดีหน่อยน่ะนะ...แต่ฉันก็ไม่เสียใจที่มาที่นี่หรอกนะ เพราะมันทำให้ฉันได้เจอลูกศิษย์น่ารักๆอย่างเธอไงล่ะ”

    “อื้อ! ฉันก็ดีใจที่ได้เจอคิมิเอะเหมือนกัน” เฌอร์ลีย์ยิ้มร่า แต่แล้วสายตาก็เหลือบมองไปเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งหนาวสั่นอยู่ข้างนอก เสื้อผ้าเก่ามีรอยขาด เธอนิ่งมองอยู่นาน จนคิมิเอะเอ่ยขึ้น

    “นั่นคือ...ตัวอย่างของคนที่ไม่มีความสุขเพราะไม่มีเงินไง”

    “หมายความว่ายังไง?”

    “เสื้อผ้าที่เธอใส่ บ้านที่อยู่ แม้กระทั่งยาและค่ารักษาพยาบาลของแม่ฉัน...สิ่งของทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อทั้งนั้น”

    “ทุกอย่าง? แล้วทำไมเงินถึงซื้อได้ทุกอย่างล่ะคิมิเอะ?”

    “นั่นสินะ...” คิมิเอะยิ้ม “เงินน่ะ ถ้าเอาตามจริงมันก็แค่ชิ้นเหล็กกับแผ่นกระดาษเท่านั้น แต่ที่ทุกคนให้ความสำคัญกับมัน ก็เพราะพวกเราทุกคนยอมรับว่าเงินมันมีค่า มันถึงได้มีค่าไงล่ะเฌอร์ลีย์”

    “มันซื้อได้ทุกอย่างจริงเหรอ?”

    “ส่วนใหญก็ใช่...แต่ไม่เสมอไปหรอกนะ บางสิ่งก็ซื้อด้วยเงินไม่ได้เหมือนกัน”

    “เช่นอะไรล่ะ?”

    “ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่ามันมีอะไรบ้าง แต่อย่างหนึ่งที่ฉันแน่ใจก็คือจิตใจคน...นี่เฌอร์ลีย์ จำไว้ให้ดีนะ มีเงินไม่ได้ความว่าเราจะมีความสุขเสมอไป เพราะเงินซื้อความสุขไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีเราจะทุกข์แน่นอน เพราะมันจำเป็นกับเรา เข้าใจนะ?”

    “...อืม เข้าใจแล้ว”

    ที่เฌอร์ลีย์รับคำได้ง่ายดาย ก็เพราะว่าเธอเข้าใจ...แม้ว่าจะเกิดมาในกองเงินกองทอง โดนเอาอกเอาใจ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะมีความสุขนัก เธอโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ทั้งพี่พ่อแม่แทบไม่มีเวลาให้เธอเลย สำหรับเธอแล้วคิมิเอะเหมือนเป็นครอบครัวคนเดียวของเธอด้วยซ้ำ หากไม่มีคิมิเอะจะเป็นอย่างไร เธอไม่กล้าคิดและภาวนาว่าขอให้พวกเธอไม่ต้องแยกจากกันตลอดไป

     

    น่าเสียดาย...ที่ว่าคำว่าตลอดไปนั้นไม่มีจริง...

     

    เมื่อเฌอร์ลีย์อายุครบ 17 ปี และสามารถสอบเทียบมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ ก็หมดหน้าที่ของคิมิเอะแล้ว แม้ว่าจะเสียใจเพียงใดก็ไม่อาจรั้งให้คุณครูที่เธอรักที่สุดอยู่ต่อได้ อีกอย่างคือคิมิเอะต้องกลับไปดูใจคุณแม่ของท่านที่อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ก่อนจากไปเฌอร์ลีย์จึงมอบเงินเก็บของเธอจำนวนหนึ่งให้เพิ่มเติม ตอบแทนที่คิมิเอะอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด แต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ บอกว่าแค่ความรู้สึกเป็นห่วงที่มอบให้ก็เกินพอแล้ว จากนั้นทั้งสองก็แยกจากกัน เฌอร์ลีย์เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีแห่งหนึ่งในอังกฤษ และได้เห็นสิ่งต่างๆมากมาย ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวย จนกระทั่งมาถึงจุดเปลี่ยนอีกจุดในชีวิตของเธอจุดที่สอง...

     

    เงินที่บ้านหายไปถึงหกส่วนอย่างลึกลับ ทำเอาไลฟ์สไตล์ของบ้านแทบจะพลิกกลับหลัง จากที่เคยอยู่อย่างหรูหราก็เปลี่ยนมาเป็นแค่พอกินพอใช้ เรื่องนี้ทำให้เธอนึกถึงคิมิเอะ และเริ่มต้นเก็บออมเงินอย่างจริงจัง เผื่อว่าหากเหตุการณ์เลวร้ายกว่านี้ เธอจะได้ไม่ลำบากมากนัก เวลาผ่านไปได้สี่ปี เธอมีเงินเก็บมากพอที่จะอยู่สบายๆไปทั้งชีวิตหากทำงานร่วมด้วย วันหนึ่งเธอบังเอิญกลับบ้านเร็วจากการทำงานจนมาได้ยินบางสิ่งที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สาม...และสุดท้าย...

     

    ที่แท้เงินที่หายไปก็ไม่ใช่ฝีมือคนไหนไกลตัว แต่เป็นพี่ชายคนรองที่แอบเอาไปใช้หนี้พนัน และเมื่อเธอลองสืบสาวเรื่องราวดูเพิ่มก็พบว่าพ่อและพี่คนโตของเธอเองก็เอาเงินที่บ้านไปติดสินบนคนใหญ่คนโตเพื่อให้การทำงานในด้านการเมืองราบรื่น ไม่สนว่าใครจะเดือดร้อน ขอแค่พรรคพวกตัวเองรอดก็พอ ใช้เงินเหมือนกับว่ามันไม่มีค่า หามาเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งที่บางคนพยายามแทบตาย แม่ก็รู้ทุกอย่างแต่ไม่ห้ามปรามใดๆ แม้ว่าเธอจะไปพูดเท่าไหร่พวกเขาก็ไม่เปลี่ยนความคิด แถมยังด่าว่าเธอยังเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรอีกด้วย ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจตระกูลตัวเองเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งเกิดความคิดบางอย่างในหัว เธอจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวใดๆต่อไป

     

    ในวันคริสต์มาสของปีนั้น วันที่ทั้งครอบครัวจะมารวมตัวกันฉลอง แต่กลับไร้วี่แววของเฌอร์ลีย์ แม้จะมืดค่ำแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว โทรไปมือถือก็ปิด ทำเอาคนที่บ้านเริ่มกังวล เมื่อมีเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดีใจนึกว่าลูกสาวกลับมา แต่เมื่อเปิดประตูกลับเป็นตำรวจที่เข้ามาจับกุมพวกเขาทั้งหมดข้อหาฉ้อโกงและติดสินบนเจ้าพนักงาน โดยมีหลักฐานเป็นคลิปวีดิโอจากบุคคลนิรนาม...ส่งผลให้พวกเขาติดคุกไปอีกหลายสิบปี

     

    ใช่...มันเป็นฝีมือเฌอร์ลีย์ เธอแจ้งจับคนบ้านตัวเอง!

     

    ส่วนเฌอร์ลีย์ในตอนนั้นได้บินมาที่ญี่ปุ่น เพื่อตามหาคิมิเอะ...คนเดียวในโลกที่เข้าใจเธออย่างแท้จริง แม้จะใช้เวลาอยู่พอสมควร แต่สุดท้ายพวกเธอทั้งสองคนก็ได้เจอกันในที่สุด หลังจากผ่านการอธิบายอย่างยาวเหยียดและการอบรมสั่งสอนเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ ทั้งคู่ก็อาศัยอยู่ด้วยกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในตอนนี้...ไม่มีเฌอร์ลีย์ แบล็คเบิร์น คุณหนูคนเล็กแห่งตระกูลแบล็คเบิร์นอีกต่อไป แต่เป็น ฟุยุซากิ รูริกะ น้องสาวบุญธรรมของคิมิเอะ ผู้ใช้ชีวิตธรรมดาๆ ร่วมกับพี่สาวอย่างมีความสุขเท่านั้น

     

    ชอบ :: คิมิเอะ (เป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอตลอดและเข้าใจเธอที่สุด) / ขนมเค้กและฮอทเค้ก (อร่อย~) / หิมะ (เธอคิดว่ามันสวยดี และเธอชอบอากาศเย็นด้วย) / ชาอังกฤษใส่นม – รอยัลมิลค์ที (ดื่มแล้วละมุนละไม เธอชอบรสชาติที่หอมหวานนุ่มนวลของมัน) / เลขเงินในบัญชีธนาคารที่สูงขึ้น (เอ่อ...เรียกว่าทำตามเป้าหมายได้ละกัน)

    ไม่ชอบ/เกลียด :: การถูกกักขัง (รู้สึกอึดอัด) / คนที่ไม่เห็นค่าของเงินหรือคิดว่าเงินทำได้ทุกอย่าง (จะเบะปากในใจแรงๆ แล้วไม่ยุ่งกับพวกนั้น) / พวกขอยืมตังค์ชาวบ้านทั้งๆที่ตัวเองผลาญใช้เอง (เบื่อ...น่าเกลียดมากด้วย) / การโกง (รู้สึกขยะแขยงและไม่สบายใจ) / สัตว์ประเภทจิ้งจกและตุ๊กแก (หยึย...) / อากาศร้อน (เหนอะหนะ เพลียด้วย...)

    กลัว :: แมลงสาบบบบบบบบบบบบบบบบบ! (เคยเจอมันบินใส่ค่ะ ถ้าเจอจะเอาไบก้อนฉีดไล่จากระยะไกลๆ ไม่ก็ไปตามคนอื่นมาช่วยแทน) / การพรากจากและสูญเสียคนสำคัญ (เคยเจอมาแล้วและไม่อยากรับรู้รสชาติแบบนั้นอีก)

    แพ้/ภูมิแพ้ :: แมลงสาบอีกนั่นแหละค่ะ จะมีผื่นขึ้นจนเห่อเลย

    งานอดิเรก :: ทำขนม / เก็บออมเงิน / นั่งจิบชาคุยเล่นกับคิมิเอะ / ...ไปวิ่ง  

    จุดอ่อน :: เป็นคนที่แค้นแล้วแค้นฝังใจจนกว่าจะได้ชำระ น่ากลัวมาก / ทำของคาวได้ห่วยแตกจนน่าร้องไห้ / เค็มจนบางทีก็เกินลิมิตคนธรรมดาไปหน่อย... / เดาใจยากมาก / บางทีก็ตรงจนปากร้ายไปหน่อย

    จุดแข็ง :: เป็นคนที่หากมีเป้าหมายแล้วจะทำให้สำเร็จตามเป้าให้ได้ / ปรับตัวเก่ง / เรียนรู้เร็ว ช่างสังเกต / มีวินัยกับตัวเองมาก / ทำตัวติดดิน อยู่ง่ายกินง่าย

    ของพกติดตัว :: ต่างหูรูปดอกไม้สีเงินเล็กๆที่คิมิเอะซื้อให้ / ขนมชิ้นเล็กๆสักสองสามชิ้น

    สถานที่ที่อยากไป ::  ขั้วโลกเหนือ...เธออยากเจอหมีขาวตัวเป็นๆค่ะ...

    ลักษณะการพูด พร้อมตัวอย่าง :: เป็นคนที่พูดจาสบายๆ ไม่ค่อยเคร่งเรื่องคำลงท้ายอะไรมากมาย แต่ฟังเพราะดี พูดตรงจนปากทีก็น่าจับปิดปาก กวนตีนบ้างก็มี แต่หากโกรธขึ้นมาจะสุภาพหรือหยาบกว่าปกติหนึ่งหรือสองระดับพร้อมออร่ามืด อาจมีนิ้วกลางแถมให้แบบเถื่อนๆ

    แทนตัวเองว่า “ฉัน” กับคนทั่วไป “รูริกะ” กับคนสนิท กับคนอื่นจะแทนว่า “เธอ / นาย /คุณ / แก” ตามแต่อารมณ์และสถานการณ์ และหากเรียกชื่อ...มักจะเรียกชื่อจริง! ไม่ค่อยเรียกนามสกุลเท่าไหร่ยกเว้นจะไม่สนิทกันจริงๆหรือเพิ่งเจอเป็นครั้งแรกๆ อ้อ...บางทีเผลอหลุดศัพท์อิ้งแบบไม่ได้ตั้งใจด้วย

    (ปกติ)

    “ฟุยุซากิ รูริกะจ้า อ้อ...บอกไว้ก่อนนะว่าฉัน 26 แล้ว”

    “เรียกช่างทำไม? เรื่องแค่นี้เดี๋ยวรูริกะซ่อมให้เอง”

    “อื้ม~ เค้กนี่อร่อยจัง ไว้ฉันจะมากินอีกนะ”

    “จะ...จะบ้าเหรอ! ฉะ..ฉันไม่ได้เขินสักหน่อย ที่หน้าแดงเพราะมันร้อนต่างหาก!!!

    (ตอนอารมณ์เสีย / โกรธ)

    “นี่...ไอ้การที่เธอถอยมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด กระเป๋าแบรนด์เนม แล้วมาบอกฉันว่าไม่มีตังค์ใช้ ขอยืมนี่มันไม่ Make sense เลยนะ ถ้าไม่มีตังค์ใช้จริงก็เอาพวกนี้ไปขายก็ได้ตังค์แล้วนี่นา...ว่าไง? อ้อ...ไม่อยาก? งั้นก็แปลว่าไม่ได้ลำบากจริงนี่นา...งั้นคำตอบฉันก็มีแค่...รอชาติหน้าเถอะ!

    “นี่คุณคะ...ถ้าหูฟังภาษาคนดีๆไม่รู้เรื่องงั้นฉันจะพูดใหม่ให้ก็ได้...ช่วยถอดเกือกแล้วไสหัวไปไกลๆหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เวรเอ้ย!!!” (อันนี้โหมดฮาร์ดคอร์ บางทีอาจชูนิ้วกลางแถม...)

     

    คู่ :: มุราซากิบาระ อัตสึชิ

    เพิ่มเติม ::

    - ที่ได้ชื่อญี่ปุ่นว่ารูริกะ เพราะคิมิเอะที่เป็นคนตั้งให้ตั้งจากสีดวงตาของเฌอร์ลีย์ที่เป็นสีฟ้าสวยงามเหมือนอัญมณีค่ะ

    - รูริกะเรียนจบด้านกฎหมาย แต่พอมาญี่ปุ่น บ้านคิมิเอะทำคาเฟ่...เลยไปเรียนทำขนมเพิ่ม

    - รูริกะเปลียนสัญชาติอย่างถูกกฎหมายนะจ๊ะ

    - รูริกะหวงของก็จริง แต่ที่หวงมากที่สุดคือเงินกับของกินส่วนของตัวเอง ใครมาแย่งกินโดยไม่ขอก่อนต่อให้เธอกินเหลือก็เถอะ มันโดนแน่! (เหลือก็เก็บไว้กินต่อได้ เป็นคนทานปกติ)

     

    บทสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

     -สวัสดีค่ะ ไรท์ชื่ออัสเตรียนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

    (ตอบ) สวัสดีค่า...เบื่อหน้าเราหรือยังคะ? 555

    -ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้เหรอคะ?

    (ตอบ) เหมือนคนแรกเลยค่ะพล็อตโฉดแซ่บ

    -อยากส่งมากี่คนกันคะ?

    (ตอบ) นี่สุดท้ายแล้วค่ะ ไม่ไหวแล้ว...แต่คนนี้ปั่นประวัติมันส์มาก 555

    -ทำไมถึงส่งคู่กับคนนี้กันคะ? (คนที่คู่ด้วย)

    (ตอบ) ชอบคำโปรยคุ่นี้ และอยากเห็นเด็กโข่งไททันกินผู้ใหญ่โลลิค่ะ (ว้อท?)

    -เรื่องนี้มีความดาร์ก โหดและส่อเสียดสังคมนะคะ พอรับได้ไหมหากเรื่องนี้มีความดราม่าและความดาร์กเต็มพิกัด

    (ตอบ) ตามสบายค่ะจัดไป

    -อาจมีการดองยาวเกิดขึ้นเพราะฟิคนิยายอีกเรื่องของไรท์นะคะ แต่ไรท์อัพแน่นอนแต่อาจช้าไปหน่อยน้าาา

    (ตอบ) ไม่มีปัญหาค่ะ

    -ถ้าติดอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตัวละครนิดๆหน่อยๆนะคะ อนุญาติไหมค้าาาา?

    (ตอบ) เชิญค่ะ

    -ถ้าไม่ติด จะว่าไรท์ไหมคะเนี่ย ToT?

    (ตอบ) ก็คงเสียใจน่ะค่ะ แต่ก็เป็นการตัดสินใจของไรท์เตอร์อยู่แล้ว

    -ขอให้ผ่านนะค้าาาาาา 

    (ตอบ) ขอบคุณค่า ฝากพิจารณาลูกทั้งสี่คนด้วยนะคะ

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×