ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are ...คือ เรารักกัน [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 ลอยกระทง

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 55










    ตอนที่
    8
     




     
    กลับมาจากห้องไอ้ภูมิ ผมกะว่าจะนอนหลับพักผ่อนเอาแรงแต่พอหัวแตะหมอน ไอ้เพื่อนเวรก็โทรมาราวกับว่ามันตั้งนาฬิกาไว้

    (วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำคึกคะนอง ท่วมตะหลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง ดี้ทอม กระเทยไปลอยกระทง ลอยกระทง ลอยกระทง)

    “อะไรของมึงคิว”

    (ลอยกระทงไง วันนี้วันลอยกระทง)

     “แล้วเกี่ยวไรกับกู กูไม่ลอยเว้ย”

    (โอเค เจอกันทุ่มนึงมารับกูด้วย ซ้อมกีต้าร์มือบวม เจ็บ ขับรถไม่ได้ เสื้อลายสก๊อตนะ)


    “เฮ้ย คิว  …”ตุ๊ดๆๆๆๆผมทำหน้างงใส่โทรศัพท์อยู่ประมานสามวิ ตกลงว่ากูส่งสารผิดหรือคนรับสารมันเมาวะ

    แล้วเมื่อกี้มันพูดเรื่องติ่งอะไร ผมไม่เข้าใจอะไรเลยนะได้ยินคำสุดท้ายก๊อตๆ ก๊อตซิล่าหรือเปล่าวะ เมื่อทนความบกพร่องทางภาษาของมันไม่ไหวผมก็ต้องเสียตังโทรกลับไปหามัน


    (วอทซับ เกิร์ล)ดูมันรับโทรศัพท์(ใส่สำเนียงตอแหลๆนะครับ ม้วนลิ้นเยอะๆ)
    “เกิร์ลพ่อง ทุ่มนึงดึกไป หน้าม.รถยิ่งติดอยู่”


    (คัมม่อนเกิร์ล ไปเร็วก็ลอยดึกเหมือนเดิมนั่นแหละ หรือมึงอยากไปดูขบวนแห่ ฮ่าฮ่า)ได้ยินคำว่าขบวนแห่แล้วมันจี๊ดครับ

    เพราะเมื่อปีที่แล้วผมได้เป็นตัวแทนคณะร่วมขบวนของมหาลัยเป็นเจ้าเมืองด้วยนะ แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศแต่เสืรอกเตี้ยกว่ามเหสี อายชิบหาย ไอ้เวรคิวนั่นแหละเสนอชื่อผม
     
    ส่วนมันก็ไปโชว์หล่อเรียกคะแนนจากสาวๆด้วยการขึ้นร้องเพลง


    “เออแมร่ง ทุ่มก็ทุ่ม มึงนัดพวกนั้นแล้วใช่มั้ย”
    (โอ้วเยส เกิร์ล ไม่น่าถามก็ลอยด้วยกันทุกปี แสรดดดดดด) เห็นบ้าๆห่ามๆ แบบนี้แต่พวกผมมักจะฉลองเทศกาลด้วยกันนะครับ เรามักจะเลือกเพื่อนก่อนเสมอแม้วันนี้อาจมีใครซักตัวหิ้วแฟนมาด้วย ยกเว้นวาเลนไทน์ที่พวกมันจะหายหัวไปสามสี่วัน ทิ้งผมไว้คนเดียว เชี่ย

    “เออๆเดี๋ยวกูไปรับ”

     (โอเคเกิร์ล เสื้อลายสก๊อตเด้อ จุ๊บุๆเลิกกันๆ)ห่าทำเป็นวอตำรวจไปได้ ไอ้ที่ผมได้ยินก๊อตสิล่าไม่ใช่ครับ ฮ่าฮ่า มันบอกว่าเสื้อลายสก๊อตต่างหาก


    ไอ้คิวมันเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งซึ่งไม่เคยรักษาให้หายขาดได้ นั่นคือการชอบให้คนในกลุ่มใส่เสื้อเหมือนกันซึ่งคนปกติเนี่ยเขาจะทำเสื้อรุ่นเสื้อกลุ่มก็ต่อเมื่อจะเรียนจบหรือตอนจะจากกันใช่มั้ยครับ แต่เพื่อนผม โนวว พี่แกคึกช่วงไหนแมร่งก็ทำมันตอนนั้นเลย ผมจะไม่มีเงินซื้อสีซื้อพู่กันก็เพราะต้องคอยจ่ายค่าสกรีนเสื้อให้มันนี่แหละ แล้วผมจะมีมั้ยไอ้เสื้อลายสก๊อตเนี่ย -_-
     
     
    ……………………………………………..
     
     
    ผมกับไอ้คิวมาถึงมหาลัยตอนสองทุ่มกว่า รถติดไม่เท่าไรครับแต่หาที่จอดเนี่ยสิ รู้งี้มาบีทีเอสดีกว่า แต่เหตุผลจริงๆที่ผมมาช้าก็เพราะรอไอ้คุณชายคิวมันแต่งองค์ทรงเครื่องต่างหาก ไม่รู้มันจะสำอางอะไรหนักหนา กลิ่นน้ำหอมมันทำเอาผมแทบอ้วก แต่ว่าเสื้อลายมันเจ็บมากครับ ม่วงแดง

    ในมหาลัยคนเยอะมาก อย่างกับปลวกเดินกันยั๊วเยี๊ยะ  ทั้งร้านค้า ขนม น้ำ ซุ้มเกมส์ซึ่งก็เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวนิสิตนักศึกษานี่แหละครับที่ร่วมมือร่วมใจกันออกร้านจัดกิจกรรมเป็นสีสันของงาน ทั้งเสียงพิธีกร เสียงพลุ เสียงเพลง ลิเก เรกเก้ หมอลำ ฮิพฮอพ ลำตัด มโนราห์ มึงจะนานาชาติไปไหนครับ มิกซ์ซะกูแยกไม่ออก ไม่รู้เสียงไหนเป็นเสียงไหน

    “ฮัลโหล!!! ฮัลโหล ได้ยินกูมั้ย!!!”ไอ้คิวแหกปากใส่โทรศัพท์ มันหันมามองผมให้รีบเดิน ก็คนมันเบียดนี่ ผมหายใจไม่ออกโว้ย อากาศข้างล่างแมร่งก็ต่ำต้อยชิบหาย อากาศข้างบนสดชื่นมั้ยคิว


    “เออ กูกับไอ้พีมถึงแล้ว พวกมึงอยู่ตรงไหนวะ ฝั่งไหนของสระ อ๋อ เออๆเดี๋ยกูเดินไป ”


    “มึงเดินเร็วๆ” เร่งอยู่ได้อย่าให้กูสูงบ้างนะมึง ที่ไอ้คิวมันดี้ด๊าเป็นพิเศษเพราะในค่ำคืนนี้มันจะได้ออกล่าเหยื่อ มันคงอยากช่วยวัยรุ่นไทยทำลายสถิติยอดการเสียตัวในวันลอยกระทง ถ้านางนพมาศรู้ว่าวัตถุประสงค์ของวันลอยกระทงมันเปลี่ยนไปในทางเสื่อมๆพระนางคงเสียใจที่คิดประเพณีขอขมาแม่น้ำนี้ขึ้นมา
     


    “นั่นไงๆ พวกไอ้แทน”จะหาพวกไอ้เชนไอ้แทนหาไม่ยากหรอกครับ ตรงไหนหญิงรุมเยอะๆตรงนั้นก็จะมีเปรตสามสี่ตัวยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ แต่คราวนี้พวกมันดูโดดเด่นสะดุดตาดูมีออร่าน่าหลงใหลกว่าครั้งไหนๆคงเป็นเพราะผู้ชายที่ใส่เสื้อเชิ้ตลายสก๊อตสีน้ำเงินขาว คงเพราะ “ไอ้ภูมิ”
     
    แค่เห็นมันในระยะสิบเมตรสติผมก็เริ่มโบกมือลา สมองได้แต่ตะโกนบอกว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอ มันอธิบายไม่ถูกก็คงเหมือนที่ผมทำตัวไม่ถูก มันตื่นเต้น งงๆไม่ได้กลัวความลับจะแตก ไม่ได้กลัวว่าใครจะรู้เรื่องคลิป

    ติงต๊องของผม แต่กลัวใจตัวเอง ยิ่งมันหันมามองจนเหมือนจ้อง ผมยิ่งไม่รู้ว่าจะต้องก้าวขาไหน ต้องเดินยังไง ขาจะพันกันล้มแล้ว
     

    แม้ไม่ใช่คำสั่งของสมองแต่ผมก็อยากส่งยิ้มให้มัน แต่พอเหลือบไปเห็นไอ้เบียร์ยิ้มมุมปากส่งมาทางนี้ ผมก็รีบหุบยิ้มทันที ห่าเบียร์ยิ้มมึงน่ากลัวมาก
     
    พอมาใกล้ๆ ผมถึงได้รู้ว่าไอ้คิวมันแน่มากครับ มันสามารถบงการชีวิตผู้ชายหกคนให้ทำตามความต้องการของมันได้ เพราะทุกคนมาในตีมเชิ้ตสก๊อตยกแผง แล้วรู้อะไรมั้ยครับ ผมกับไอ้ภูมิใส่สีเดียวกัน น้ำเงินขาว บังเอิญไปม๊ายยย

    ไอ้แทนกับไอ้ฟ่างก็ดูโอ้คู่รักขาวดำมาเลยถ้าหน้าตาไม่ดี  ไม่เท่ห์ ใส่แล้วอาจจะเสี่ยวแดกได้ แต่มันสองตัวรอดครับ

     คุณชายเบียร์ก็เขียวขจีหล่อขยี้หัวใจ ม้าม ตับปอดเลยครับ ไอ้เชนมาแบบลายเยอะจัดผมแยกไม่ออกว่าสีอะไรเอาเป็นว่ามันคงคอนเซปลายหมากรุกไว้  


    แต่รู้สึกว่าเพื่อนผมหายครับไอ้ปันกับไอ้มิคไปไหน เหลือไว้แค่สาวสวยสองคนที่ยืนขนาบข้างไอ้เชนกับไอ้ภูมิ ทั้งสองคนส่งยิ้มให้ผมกับไอ้คิวอย่างเป็นมิตร ไอ้คิวแซวไอ้เชนสนุกปากส่วนผมแค่ยิ้มตอบแฟนเพื่อน(ซึ่งเมื่อวานที่มันพามากินข้าวไม่ใช่คนนี้ ขอให้รถไฟเจอกันสักครั้งนะมึง)
     
     แต่สำหรับสาวสวยตาโตมาดคุณหมอที่ยืนจับมือกับไอ้ภูมิ ผมไม่แน่ใจเลยว่ารอยยิ้มที่ผมให้เธอนั้นมันมาจากใจจริงหรือเปล่า พวกเราทักทายกันเล็กน้อย แฟนไอ้เชนชื่อแบมเรียนบัญชีแต่ไม่ใช่ที่นี่ ส่วนแฟนไอ้ภูมิชื่อหม่อมเรียนแพทย์มหาลัยเดียวกับพวกผม


    ผมไม่กล้ามองหน้าไอ้ภูมิเท่าไร ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ไม่ใช่เหตุผลเดียวกับที่รู้สึกในตอนแรก ที่ไม่มองไม่ใช่ตื่นเต้น


    แล้วกูเป็นอะไรวะแม่ง
     
    “ไอ้ปันกับไอ้มิคละ”
    “ไปลอยกับเมีย เดี๋ยวก็ตามมา”ไอ้ฟ่างตอบหน้าเซ็งๆ ผมจะพยามยามทำใจให้ชินภาพผู้ชายหล่อบรรลัยโอบไหล่กัน

    “ไม่ต้องไปถามถึงคนอื่นกูนัดสองทุ่ม มึงมาตรงเวลากันมาก”คุณชายเชนผู้จงรักภัคดีต่อเข็มนาฬิกา เวลาและปฏิทินก็ออกอาการเหวี่ยงครับ

    “ก็ไอ้พีมแมร่งขับช้า” เวรแล้วไง ไอ้ภูมิตวัดตามองผมดุๆก็ผมเคยโกหกมันไว้ว่าขับรถไม่เป็น

    “แล้วให้พวกกูใส่เสื้ออะไรห๊ะใส่คนเดียวกูไม่ว่าแต่นี่เป็นกลุ่ม แม่งอย่างกับลิเก คอนเซปอะไรของมึ้ง ไอ้คิว”

    “ผู้ชายลายสก๊อตถึงจุดสุดยอดแบบเบาๆ”


    “ฆวยยยยยยยยย”ไอ้คิวได้รับการแจกจ่ายนิ้วกลางอย่างทั่วถึง แต่ก็น่าแปลกที่พวกผมก็บ้าจี้ใส่ตามที่มันบอก ไม่รู้สิแต่เหมือนไอ้คิวมันมีของถ้ามันบอกว่าวันนี้คอนเซปนี้ก็ต้องตามนั้น


    “พูดอะไรกันวะพวกมึง เกรงใจแบมกับหม่อมบ้าง จริงมั้ยครับ”ไอ้คิวยิ้มประจบแบมกับหม่อม แต่มึงไม่ใช่หรอที่เปิดประเด็น สาวๆเขาก็ยิ้มหัวเราะไปไม่ถือสาคนบ้าไม่เต็มอย่างมัน


    “แมนสัดอะเพื่อนกู ”ไอ้แทนยื่นตีนไปเตะตูดไอ้คิว แต่มือยังคงเกาะไหล่ไอ้ฟ่างอย่างเหนียวแน่น
    “แล้วเอาไงจะเที่ยวงานก่อนหรือจะลอยเลย แบมอยากเดินเล่นก่อนมั้ยคะ” ไอ้เชนถามเพื่อนแต่ให้ความสนใจกับแฟน จัดการระบบความสัมพันธ์ได้ยอดเยี่ยมมากเพื่อนผม

    “แบมยังไงก็ได้คะ แล้วแต่เพื่อนๆเชน”
    “แล้วหม่อมละครับ”ไอ้คิ๊ว แฟนเขาก็ยืนอยู่ข้างกันมึงจะเสนอหน้าอะไรนักหนา


    และก็เป็นครั้งที่สองที่ผมเผลอมองหน้าและสบตาไอ้ภูมิ วันนี้มันดูสดใสมีความสุขกว่าทุกครั้งที่ผมเคยเจอ เวลามีแฟนอยู่ใกล้ๆเป็นใครก็คงมีความสุขทั้งนั้น


    ไอ้ภูมิยิ้มมุมปากเล็กๆให้ผมแต่ผมทำได้แค่มองไปทางอื่น ไม่รู้ว่าเสียมารยาทมั้ย ไม่รู้ว่ามันจะว่ารึเปล่า ผมไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย พี่เป้สเลอได้อีกกู


    “ภูมิว่าไง หม่อมก็อย่างงั้นคะ”เสียงแซวจากไอ้คิวทำให้แก้มสีชมพูของหม่อมน่ามองกว่าเดิม ไอ้ภูมิเองก็ยิ้มเอ็นดูแฟน ไหนใครบอกว่ามันเจ้าชู้ ก็ดูจะรักจริงนี่หว่า เฮอะ


    “ไอ้เบียร์ไอ้คิว พวกมึงจะเล่นดนตรีตอนไหน”


    “สี่ทุ่มมั้ง แต่กูต้องไปสแตนบายก่อนครึ่งชั่วโมง”


    “งั้นก็แยกย้ายเป็นคู่ มาเจอกันตรงหน้าเวทีอินดี้ตอนสี่ทุ่ม โอเค๊”ไอ้แทนเป็นคนเสนอไอเดีย ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ไอ้เชนไม่รอช้าพาแฟนเดินลิ่วเข้าซุ้มทันตะอย่างไวว่อง แต่เดี๋ยวก่อนนะ ไปกันเป็นคู่ แล้วกูละ


    “ไอ้พีมมึงมากับกู”เป็นไอ้แทนที่ดึงแขนผม

    “เฮ้ย ไม่เป็นไร มึงก็ไปกับไอ้ฟ่างไง กูไม่อยากเป็น กขค สส อบต ศอฉ(แรว๊ง)กูไปรอไอ้คิวที่ซุ้มศิล
    …. อ้าว…”ไอ้คิวหาย  ผมหันซ้ายหันขวาหาเพื่อนชายนายคิวแล้วก็เห็นหลังมันไวๆมุ่งไปตรงซุ้มนิเทศ ไอ้ฟายยยย
     
    “มันไปตั้งแต่พูดคำว่าสแตนบายจบแล้ว” มึงชวนกูมาแล้วทิ้งกูแบบนี้หรอ เชี่ย- คิว

    “มึง
    …….”


    “เดี๋ยวกูเดินกับพีมเอง” ผมหันไปมองไอ้ภูมิเพราะเมื่อกี้เหมือนมันจะพูดอะไรซักอย่างกับผมแต่ไอ้เบียร์ดันชิงเสนอตัวเป็นผู้อุปการะรายใหม่ซะก่อน


    “จะจีบเพื่อนกูหรอมึง”ไอ้แทนยิ้มล้อเลียนกวนตีนผมกับไอ้เบียร์ เลยได้กินฝ่ามือผมเน้นๆสองทีติด

    “ห้าม เพราะกูจองมันเป็นน้องสะใภ้”แต่มิวายไอ้ฟ่างก็แก้แค้นแทนแฟนมัน ผมไม่กล้าตบหัวมันครับเลยได้แต่ปล่อยเหี้ยไปเลียขา


    “พูดเรื่องอะไรของพวกมึงวะ กูเดินคนเดียว จบ”ผมหันหลังเดินจ้ำอ้าวอย่างกับจะไปตามควายหายมีเพียงเสียงหัวเราะแบบปีศาจของไอ้คู่ผัวตัวเมียไล่หลังมาพร้อมกับมีแขนยาวๆหนักๆของไอ้เบียร์ที่พาดผ่านคอผมและประโยคสุดท้ายจากปากหม่อมที่แว่วๆมาเข้าหู


     “ภูมิ เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมหน้าเครียดๆ”
     
    “เดินห่างๆกันก็ได้มึง กูร้อน”

    “แต่กูหนาว” ผมขอคิดใหม่ ทำใหม่ พูดใหม่ ว่าไอ้เบียร์ไม่ใช่หนุ่มหล่อนัยน์ตาเศร้าเจ้าของรอยยิ้มหวานฉบับคุณชายอีกต่อไป แต่มันคือ ผู้ชายมาดดีที่ปากหมาคนหนึ่ง
     

     

    ……………………………………………………………..
     
     



     ผมกับไอ้เบียร์เดินเที่ยวงานแบบอึนๆมึนๆไร้เป้าหมาย จะว่าไปผมกับมันก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานแต่ทำเหมือนกับรู้จักกันมาสักสิบชาติ ผมสืบความได้ข่าวว่าที่มันต้องมาลอยกระทงเดียวดายก็เพราะเมียงอนยังง้อไม่สำเร็จ สมน้ำหน้า

    เดินกันไม่เท่าไรผ่านซุ้มไหนไอ้เบียร์มักจะถูกรุ่นพี่รุ่นน้องสาวๆ(สาวเทียมก็มี)ลากเข้าไปเล่นเกมส์ในซุ้ม จนมันต้องฝากโทรศัพท์ไว้ที่ผม ผมเลยต้องยืนแกร่วคนเดียวรอมันอีก ไม่ต่างจากเดินคนเดียวเล้ย เซ็งโว้ย เบื่อโว๊ยยย

    แถมไอ่ห่าเบียร์ก็ชอบพูดอะไรแปลกๆ อย่าง“กูรู้นะมึง” “เล่นแมร่งเลย เดี๋ยวกูช่วย” “ช้า อดนะ” ไรของมันก็ไม่รู้อย่าไปสนใจเลยครับ

    มาสนใจเรื่องนี้ดีกว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนรู้จักผมด้วย ฮะๆ
    ^_^ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับไอ้พวกสถาปัตย์ฯเพื่อนบ้านเรานี่เอง พวกนี้มันรั่วฮาบ้าจริงๆ ผมถูกมันลากไปปาหนุ่มน้อย(มั้ง)ตกน้ำ ได้ตุ๊กตาผีเสียกระบาลมาด้วย

     “เฮียคร้าบบบบบบ”เฮือก ขาผมหยุดชะงัก ระบบปฏิบัติการของร่างกายส่งสัญญานเตือนภัย  ไม่ใช่มั้งพีม ไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้น มึงหูฝาด มึงหูแว่ว มึงฝันพีม ผมสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกสุดขั้วแล้วก้าวขาต่อไป

    “เฮียพีมมมมมม” สงสัยจะไม่ใช่ฝันแล้ววะ หมดกันวันลอยกระทงที่แสนสวยของไอ้พีม ผมค่อยๆหันหลังกลับมา


    ไอ้เต้ย
    ตัวเป็นๆ


    ไอ้ผู้ชายตัวขาวหน้าหล่อตัวกระเปี๊ยกไม่ต่างจากผมเท่าไร มันแต่งตัวเหมือนเพิ่งมาจากสยามไม่บอกก็รู้ว่าไปเต้นบีบอยมา มันวิ่งกระดิกหางชูคอหูตั้งยิ้มแฉ่งมาเกาะแข้งเกาะขาผมเหมือนหมาเห็นเจ้าของ
     
     “เฮียมาลอยกระทงด้วยหรอ มากับใคร ทำไมไม่ชวนเต้ย หรือว่ามาเชียร์เต้ยเต้น โหย โคตรประทับใจเลยอ่าแต่เต้ยเต้นเสร็จแล้ว สาวเยอะโคตรอะเฮีย แต่ไอ้แชมป์มันไม่อยู่ดูเต้ยมันไปลอยกระทงกับแฟน ไอ้ลูกหมา ว่าแต่เฮียแวะซุ้มไหนแล้วบ้าง ไปซุ้มคณะเรายัง ปะๆเดี๋ยวเต้ยพาไปดูนะ ทางนี้เฮีย^^”

    คงไม่ต้องสงสัยแล้วใช่มั้ยครับว่าทำไมผมถึงได้จิตหลุดที่มาเจอไอ้เด็กหน้าขาวๆปากแดงๆนี่ ก็เพราะ มันเป็นตัวป่วนกวนตีนขี้วีนหน้าม่อและจ้อได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน


    “เฮ้ย ไอ้เต้ย มึงจะลากกูไปไหน”ผมเพิ่งตั้งสติได้ก็ตอนที่มันยื้อยุดฉุดกระชากลากแขนผม
     

    “ไปดูซุ้มศิลปกรรมของเราไงเฮีย ปีนี้เจ๋งกว่าปีที่แล้วอีกนะ”ไอ้เด็กเวร มึงจะบอกว่าปีกูห่วยกว่ารุ่นมึงงั้นสิ

    ไอ้เต้ยมันเป็นรุ่นน้องในคณะผมเอง ผมกับมันสนิทกันมากจนคนคิดว่าเป็นพี่น้องแท้ๆที่สนิทกันขนาดนี้ก็เพราะมันเป็นเพื่อนของน้องรหัสผมและที่สำคัญไอ้เด็กนี่เป็นน้องรหัสไอ้คิว


    เดือนคณะทั้งพี่ทั้งน้อง แสบซ่าบ้าก็พอๆกัน เลยทำให้พี่รหัสกับน้องรหัสไม่กินเส้นกันซักเท่าไร เต้ยมันเลยมาซี้กับผมซะมากกว่า แต่ถึงจะสนิทกันยังไงผมก็ไม่พร้อมที่จะเจอมันเพียงลำพัง แล้วไอ้เบียร์จะหาผมเจอมั้ยเนี่ย ไหนจะโทรศัพท์มันที่อยู่กับผมอีก


    “หลบๆพวกมึงเห็นมั้ยว่ากูพาใครมา”ในที่สุดมันก็ลากผมมาจนได้ ไอ้เต้ยมันแหวกวงเพื่อนมันที่เต้นแรงเต้นกาเชิญคนที่ผ่านไปมาเข้ามาเล่นเกมส์แต่ดูแล้วคงไม่มีใครกล้าเข้าเพราะแมร่งน่ากลัวกันชิบหาย ใครใช้ให้มึงทำคอนเซปวันฮาโลวีน นี่มันวันลอยกระทงไอ้เด็กเปรต


    “อ้าวเฮียพีม หวัดดีคร้าบบบ ”พวกรุ่นน้องยกมือไหว้ผมแบบลวกๆผมก็เลยรับไหว้แบบส่งๆกลิ่นเหล้าเคล้าบุหรี่ลอยมาติดจมูกผมคลุ้งไปหมด เออดี วันลอยกระทงก็ไม่มีเว้นนะพวกมึง กูรู้นะไอ้ขวดน้ำนั่นมันบรรจุอะไรไว้ ทำไมไม่ใช้กระติกวะสะดวกกว่ากันเยอะ หึหึ


    “ทำไมมาคนเดียวครับเฮีย สามีไปไหน ฮิ้วววว”พวกเด็กเวรทั้งหลายมันชอบแซวผมกับไอ้คิวว่าเป็นผัวเมียกันเพราะตัวติดกันตลอด เฮอะ แค่คิดก็จะอ้วกออกทางเล็บเท้า


    “ปากหมา เอาตีนกูไปเลี้ยงหมาในปากมั้ยพวกมึง”ไม่ใช่ผมนะครับ ไอ้เต้ยๆ มันกางปีกออกตัวปกป้องผมเยี่ยงชายชาตรีและเป็นไปตามหน้าที่ที่น้องชายพึงกระทำ(ภาษามึงหลายระดับมาก)
    “หวงจังนะมึง ตกลงมึงเป็นน้องรหัสพี่คิวหรือพี่พีมกันแน่ไอ้เชี่ยเต้ย”

    “เรื่องของกู เฮียไม่ต้องไปสนใจพวกมัน มาเล่นเกมส์ทางนี้ดีกว่า”

    “ไอ้เต้ย กูมากับเพื่อน”ผมฝืนตัวไม่ไปตามแรงมัน ตัวก็ไม่สูงกว่าผมเท่าไรทำไมแรงเยอะจังวะ

    “ใคร พี่คิวหรอ”

    “ไอ้คิวมันจะขึ้นร้องเพลง กูเลยมาเดินกับเพื่อนรอ แต่ก็ถูกมึงลากมาพวกกูหลงกันแล้วเนี่ย”

    “อ้าวหรอ แฮะๆแล้วทำไมเฮียไม่รีบบอกละ”

    “อึหือ มึงเว้นจังหวะให้กูบอกมาก ฟังกูมาก มาถึงก็ใส่ไม่ยั้งห่า”ไอ้เต้ยยิ้ม แหะๆ หัวเราะตอแหลไปตาม
    ปะสา ผมเลยขอตบหัวมันสักฉาด “ถ้ามึงอยากเที่ยวงาน ไว้ดูไอ้คิวร้องเพลงเสร็จเดี๋ยวกูพาเดิน”

     “เย้จริงหรอๆ เลี้ยงขนมเต้ยด้วยนะเฮีย ว่าแต่พี่คิวร้องเพลงเวทีไหน”

    “ฝั่งอินดี้ เดี๋ยวมันก็ขึ้นแล้วเนี่ย มึงจะไปดูกับพี่มั้ยละ”


    “ไปดิๆ ”และตลอดทางตั้งแต่ซุ้มคณะศิลปกรรมยันเวทีอินดี้ ไอ้เต้ยก็วิ่งซนไปทั่วและผลาญเงินในกระเป๋าผมไปเยอะเลย กว่าจะถึงเวทีผมละเหนื่อยแทนมัน


    “สายไหมมั้ยเฮีย อร่อยดี” ^___^

    “เลอะเต็มปาก กินดีๆหน่อย”มันส่งยิ้มกว้างวิ่งซนต่อไป ปากเชิดๆรั้นๆบอกได้ดีว่าเจ้าของมันโคตรเอาแต่ใจแค่ไหน และเหมือนมันจะไม่รู้ว่ามีคนมองมันเหมือนอยากจะเก็บใส่กระเป๋ากลับบ้านด้วย

    ถ้าไม่ติดว่าผมรู้สันดานมันหมดเปลือก ผมก็คงคิดว่าไอ้เต้ยเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักมากๆคนหนึ่ง แต่


    “เมื่อไรเฮียพีมจะโตวะ ชอบแอ๊บเด็กตลอดเลยนะ กินๆจะได้เลิกเตี้ย” พี่รหัสมันสอนมาดีจริงๆ

    “ไอ้เด็กเวร เอาค่าน้ำ ค่าปาลูกโป่ง ค่าขนม ค่าตุ๊กตากูคืนมา”

    “ให้แล้วทวง นิสัย เฮียแทนนนนนน”ไอ้เต้ยตะโกนเรียกไอ้แทนในระยะหลายหลา คนที่ถูกเรียกกำลังยืนกอดอกโยกหัวเบาๆตามเพลง ไอ้แทนเอี้ยวคอกลับมามองเป็นจังหวะเดียวกันที่ไอ้เต้ยกระโดดกอดคอมัน เดี๋ยวเถอะมึงเดี๋ยวไอ้ฟ่างมาเจอโดนหักคอแน่ไอ้เต้ย ไอ้แทนไม่ใช่เฮียแทนคนเดิมที่เคยพามึงม่อสาวไปวันๆแล้วนะ


    “อ้าว มึงไปเก็บไอ้เด็กนี่มาจากไหนพีม”

    “เจอข้างถังขยะ เห็นนั่งร้องไห้อยู่สงสารเลยเก็บมา”

    “รุมวะ เฮียไม่รักน้อง เต้ยจะฟ้องพี่เชน”

    “ไอ้เชนมันไปกับเมียแล้ว หึหึ หมาหัวเน่าแน่มึงไอ้เต้ย”ไอ้เต้ยมันยื่นสายไหมสีฟ้าให้พี่มัน ไอ้แทนหยิบกินนิดเดียว แล้วเอามือเหนียวๆไปเช็ดเสื้อไอ้เต้ย

     ไอ้เด็กแสบมันก็ร้องโวยวายลั่นแข่งกับเสียงลำโพง พวกไอ้คิวที่กำลังเช็คซาวว์ เซ็ตกลอง กีต้าร์บนเวที สงสัยมันจะได้ยินเสียงน้องรหัส

    เลยหันมาด่าแบบไร้เสียงจับใจความได้ว่า หอหีบสระเอียไม้โท ไอ้เต้ยมันทำแก้มป่องเป่าลมพัดคำนั้นกลับไปหาไอ้คิว พี่รหัสมันหัวเราะชอบใจส่วนไอ้น้องรหัสมันก็เลียสายไหมในมือต่อ


    “ไอ้เชนนิ!!!มันขึ้นไปทำไมวะแทน!!!”ผมยืนอยู่ตรงกลางระหว่างไอ้แทนกับไอ้เต้ยยังต้องตะโกนแข่งกับเสียงร้องลิเกที่อยู่ใกล้ๆกับเวทีอินดี้ งานนี้คงมีสับสนกันบ้างละวะ

    “ไอ้เคมือเบสเมาถูกตำรวจเรียกเป่าป่านนี้ยังนอนอยู่โรงพักอยู่เลย ไอ้เชนมันเลยต้องเล่นแทน ฮะๆ โคตรฮา”

    “ไอ้เคเด็กถาปัตอ่ะนะ หึหึ แมร่งซ่าส์จริงวะ แต่ไอ้เชนมันไม่ได้ซ้อมจะไหวหรอวะ”

    “ก็คงได้ มันเทพ”

    “ทำไมเฮียแทนไม่เล่น”

    “กูแขวนไม้กลองแล้วไอ่น้อง”ไอ้เต้ยพยักหน้างึกหงักเข้าใจแล้วเล็มสายไหมในมือต่อ ถ้ามีของกินล่อมันก็จะนิ่งแบบนี้แหละครับ

    ตอนอยู่มัธยมพวกผมฟอร์มวงเล่นดนตรีในโรงเรียน ไอ้คิวกีต้าร์ร้องนำและเครื่องดนตรีอีกล้านแปดที่มันเล่นได้ ไอ้เชนเบส กีต้าร์ได้หมด ไอ้แทนตีกลอง กีต้าร์มันก็เล่นได้ ผมกีตาร์อย่างเดียว และไอ้ปันเป็นผู้จัดการ จัดการกับชีวิตพวกผมให้คอยช่วยมันหาเสียงตอนสมัครเป็นประธานนักเรียนจนมันได้ดั่งใจปรารถนา
     “ไอ้ฟ่างละมึง”

    “คุยโทรศัพท์”ไอ้แทนพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลัง ไอ้ฟ่างกำลังป้องปากคุยโทรศัพท์เพราะตรงนี้เสียงดังมากครับจะไม่ดังได้ไงพวกผมยืนซะข้างเวที กลัวเพื่อนไม่เห็นครับว่ามาเชียร์ จะไปอยู่ตรงหน้าเวทีก็ไม่ได้ คนยืนกันเต็มแล้ว โดยเฉพาะพวกสาวๆเบียดกันจนแทบไม่มีที่จะยืน ก็บรรดาแฟนคลับไอ้พวก นักร้องวง FunFun นั่นแหละ
    FunFun เป็นชื่อวงของพวกผมตั้งแต่สมัยมัธยม จนเข้ามหาลัยไอ้คิวก็ยังใช้ชื่อนี้หากินอยู่ แต่มันหาเพื่อนต่างคณะมาเล่นเพราะพวกผมไม่เล่นแล้ว นานๆครั้งถึงจะจับกีต้าร์ เหลือมันคนเดียวที่ยังรักการเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ


    FunFun ไม่ได้มาจาก Funny ที่แปลว่าสนุกสนานนะครับ เข้าใจใช่มั้ยว่าฟันไหน มันเป็น verb ครับ หึ ไอ้แทนมันคิดเสื่อมได้อีก

    เสียงลองกีต้าร์ของไอ้เบียร์เรียกเสียงกรีดร้องของสาวแท้สาวเทียมดังกระหึ่ม


    “สวัสดีคร้าบ สาวๆจำกันได้มั้ยครับ คนที่เคย
    Funทั้งหลาย” พี่สาวหน้าเวทีกรีดร้องดิ้นกระแด่วๆแทบละลายไปกับรอยยิ้มและคำพูดไอ้คิว “ไหนใครยังไม่มีคู่ลอยกระทง พี่เบียร์มือกีต้าร์ของเรายังว่างนะครับ”เสียงกรี๊ดกับเสียงตะโกนเรียกพี่เบียร์ น้องเบียร์ดังลั่น ไอ้คุณชายยิ้มสวยก็แจกยิ้มหวานบาดใจอย่างทั่วถึง


    “แต่พี่เชนมือเบสไม่ว่างนะครับเพราะพี่ชินมือกลองจองแล้ว”ไอ้ชินตีกลองรับมุขไอ้คิว เรียกเสียงสาวแท้สาวเทียมจนอื้ออึงไปหมด ไอ้เชนหัวเราะแล้วหันไปด่าไอ้คิว


    เสียงเคาะไม้กลองเป็นการให้จังหวะเริ่มต้น เพลงแรกพวกมันมาแบบชิวๆ หวานเย็นของวง
    mind เสียงไอ้คิวยังคงเท่ห์คงสไตล์มันไม่เปลี่ยน จะมีก็กีต้าร์ที่หนักแน่นขึ้น

    คนฟังโยกพร้อมร้องคลอตาม แต่ส่วนมากจะเพ้อหน้านักร้องนักดนตรีเสียมากกว่า เฮอะ ร็อคบอยแบนชัดๆช่วงกลางเพลงเหมือนสายแจ๊คเบสไอ้เชนจะมีปัญหาเพราะมันจับบ่อยๆแล้วหันไปพูดอะไรซักอย่างกับไอ้ชิน
    แต่ทุกอย่างก็โอเคเมื่อเข้าเพลงที่สองมันข้ามไปร้องLinkin Parkเลยทีเดียว เชี่ย มึงกล้ามาก มันเอาเวลาไหนไปซ้อมวะ ที่สำคัญภาษาอังกฤษมึงแข็งแรงวะคิว หึหึ
     
    มันส่งยิ้มเท่ห์ให้พวกผมเหมือนจะเย้ย ว่ากูแน่ มันแจกยิ้มหล่อกราดอย่างทั่วถึง ถ้าสาวที่มันหมายตาไว้ไม่ติดกลับห้องคงไม่ใช่ไอ้คิวละวะ แต่คนอื่นก็ใช่จะน้อยหน้ามีเสียงเรียก น้องเชน พี่เบียร์ พี่ชินกันเซงแซ่ รวมทั้งพวกผมก็โยกมันส์ไปกับเพื่อนด้วย

    “พี่เบียร์โคตรเท่ห์!!!!”ไอ้เต้ยแหกปากตะโกนเชียร์ลั่น ทำเอาผมกับไอ้แทนตกใจนึกว่าใครเหยียบตีนมัน และสงสัยว่าไปรู้จักไอ้เบียร์ตอนไหน


    “ไอ่น้อง มึงรู้จักไอ้เบียร์ด้วยหรอ!!!”ไอ้แทนตะโกนถาม

    “ รู้จักดิเฮีย!!! ก็พี่เบียร์เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าเต้ย!!!”ไอ้เต้ยแหกปากตอบ

    “อ้าว!!! มึงเลือดขาวแดงหรอ!!!”ไอ้แทนตะโกนอีกครั้ง กูขอชื่นชมในความพยายามของพวกมึงมากๆ ตะโกนคุยกัน เยี่ยม เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ

    “เยสสสส พี่เบียร์เป็นประธานสีสีเต้ยด้วย กลุ่มพี่เขาดังมาก เต้ยก็สนิทกับพวกพี่เขานะ แต่พอพี่ๆจบไปแล้วก็ไม่ค่อยคุยกัน แถมเต้ยมาอยู่กับพวกเฮีย เสียเด็กเลย เฮ้อ”อันนี้เริ่มเข้าโหมดเสียงระดับปกติเพราะพวกไอ้คิวเล่นจบเพลงที่สามพอดี มันพักให้พวกป้าๆกับพวกขาโดดทั้งหลายได้พักหายใจหายคอ

     “น้อยๆหน่อย จบโรงเรียนไฮโซแล้วทำซ่าส์หรอมึง”ไอ้แทนล็อคคอไอ้เต้ยไว้ใต้รักแร้ แล้วจัดการตีหัวน้อง
     “โอ๊ย ปล่อยๆ เฮียเต้ยเจ็บ พี่รหัสเต้ยสุดยอดกว่าอยู่แล้ว”

    “หึ ซื้อพวงมาลัยไปคล้องพี่มึงเลยดิ”ไอ้แทนปล่อยน้องเป็นอิสระ ไอ้เด็กแสบยู่ปากทำหน้าคิดเหมือนจะทำจริงๆไอ้แทนขำแล้วตบหัวไอ้เต้ยจนหน้าทิ่ม ไอ้นี่ชอบแกล้งน้องแรงๆ

     
    บรรยากาศรอบตัวผมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสุข ครึกครื้นสนุกสนาน แต่ทำไมหัวใจผมมันถึงรู้สึกหนักๆหน่วงๆแบบนี้ ใครโยนก้อนหินกับท่อนซุงใส่หัวใจผมวะ มันเป็นเพราะอะไร ทำไม ทำไมต้องมีแต่หน้าไอ้ภูมิลอยผ่านหัวผมตลอดเวลาวะ ทำไมๆๆๆๆๆ


     “พีม กูออกไปรับพวกไอ้ปันไอ้มิคนะ มันหาเราไม่เจอ ถ้าฟ่างกลับมาบอกมันด้วย”
    “อือๆ”เสียงไอ้แทนเรียกผมออกจากความคิดสีหม่นๆ

    “เฮียไปไหน”
    “รับเพื่อน เดี๋ยวมา”
     
    ไอ้เต้ยโยกไปตามจังหวะอินโทรเพลงที่เปลี่ยนไมค์จากไอ้คิวเป็นไอ้เบียร์ เสียงดีนี่หว่าแต่น่าจะไปร้องเพลงรักมากกว่าเพลงร็อค ไอ้เต้ยส่งเสียงทั้งร้องทั้งเชียร์ไอ้เบียร์แถมยังพยายามชูมือผมให้กระโดดตามมันอีก พอผมไม่กระโดดมันก็เอาหัวที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนมาโขกไหล่ผมเล่น กูเจ็บ


    แต่อยู่ๆไอ้เต้ยมันก็หยุดเต้น


    “เหมือนพี่เบียร์มองเฮียพีมของเต้ยเลย” หืม
    ??? มองงั้นหรอ
     

    โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โน โน โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โน โน
    โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โน โน โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ โน โน
    …………………………………………
    รู้ก็ทั้งรู้ว่าเธอเป็นใคร และฉันก็ไม่คิดจะปีนขึ้นไป
    คงไม่มีทางจะเป็นไปได้ ก็เรานั้นมันต่างกัน
    ทำได้แค่เพียงเจียมตัวมันไป วัน วัน ฉันเข้าใจ
    ไอ้เบียร์ มึงอย่ามองกูแบบนั้น สัดขนลุก

    แต่ฉันก็ไม่รู้เพราะความบังเอิญ หรืออันที่จริงฉันนั้นจงใจ
    เวลาที่เธอมายืนใกล้ ใกล้ ก็ยังเผลอไปสบตา
    รู้ก็ทั้งรู้ว่าคงไม่มีปัญญา คงไม่มีหวัง ไม่อยากจะเหลียวมอง
     
    มันมองผมก็จริง แต่ไม่ใช่แววตาพิศวาส
    เหมือนมันกำลังล้อผมมากกว่า
     
    ฉันคอยบอกตัวเอง แต่ยังทำไม่ได้ ไม่อยากจะสนใจ
    รู้ว่าไม่มีทาง แต่ก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร อดใจไม่ไหวเมื่อได้พบหน้า
     
    เวลาเจอหน้าไอ้ภูมิ ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำตัวแบบไหน
    ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ผมหวั่นไหวกับมันตั้งแต่ตอนไหนกันนะ

    ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมายังหวั่นไหว ยังเป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน
    ฉันต้องคอยหักห้ามใจ (มันยังอดใจไม่ได้ มันยังห้ามใจไม่ได้)
    อดใจไม่ไหวทุกทีที่เจอ เพียงแค่แอบเผลอมองตา
    จะผิดไหม เก็บเอาไปฝันอยู่ทุกคืน ฉันต้องทำตัวเช่นไร ช่วยบอกได้ไหมเธอ
    กูต้องทำยังไง มึงช่วยบอกกูทีสิภูมิ
     




    “ไอ้เตี้ย”อยู่ๆก็มีแรงดึงคอเสื้อจากข้างหลัง ผมเสียหลักเดินถอยหลังตามแรงดึง พยายามหันหน้าไปมองคนที่มันกล้าทำการอุกอาจลากคอผมแบบไม่เกรงใจและก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้ภูมินี่หว่า


    “เฮ้ย มึงจะลากกูไปไหน”


    “ไปกับกู”


    “เดี๋ยวๆรถกู เต้ย!!!เฮียฝากกุญแจให้ไอ้คิวด้วย”ผมขว้างกุญแจรถตัวเองไปให้ไอ้เต้ยที่ยืนทำหน้าเง๋อ(เอ๋อ+งง)และพอผมมองขึ้นไปบนเวที ไอ้เบียร์กำลังยิ้มเหมือนมันได้ครองโลก นั่นคือภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนที่จะถูกไอ้ปีศาจภูมิลากห่างออกมาจากฝูงคนเรื่อยๆ
     


    ไอ้เบียร์มึงรู้อะไรใช่มั้ยไอ้ควาย
     
     















                                   …………………………………………………………
     
     













    “มึงจะพากูไปไหน แล้วหม่อมละแฟนมึงอยู่ไหน มึงทิ้งผู้หญิงไว้คนเดียวหรอ แมร่งเลว ทำไมมึงสันดานแบบนี้วะ แล้วน้องกูมันจะอยู่กับใครไหนจะโทรศัพท์ไอ้เบียร์ที่มันฝากกูไว้อีก”ผมโวยวายเป็นไอ้บ้าอารมณ์ร้ายตั้งแต่ถูกไอ้ภูมิลาก ถูกมันยัดใส่รถจนนั่งมาได้ซักพักแต่ผมยังไม่หยุด ชักจะเหมือนไอ้เต้ยแล้วสิกู





    “ห่วงมันมากหรอไอ้เบียร์น่ะ ห๊ะ
    !!!” ผมสะดุ้งตกใจเสียงตะคอกกับดวงตาคมของมันที่เหมือนมีไฟลุกอยู่ในนั้น ผมกำมือจนเกร็ง อย่านะพีม ถ้ามึงชกมัน เรื่องอาจจะวุ่นวายกว่านี้








    …………………………………”ผมเงียบ






    ………………………………….”มันก็เงียบ แมร่งอึดอัดชิบ ปกติผมไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน ไม่ใช่คนชอบใช้อารมณ์ อะไรที่พอยอมได้ก็ยอมแต่บางครั้งการที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดแต่ต้องมาถูกไอ้ภูมิทำพฤติกรรมสถุนๆใส่ผมก็ไม่อยากจะทน







    “จะพากูไปไหน จะฆ่ากูหรอ ก่อนฆ่าช่วยบอกความผิดของกูด้วยนะ เผื่อยมบาลถามจะได้ตอบถูก”






    ……………………………”มันไม่ตอบเอาแต่เงียบและเยียบคันเร่งลูกเดียว ผมหันออกไปมองนอกกระจก รถแมร่งวิ่งเร็วจัดเสาไฟไหลจนผมตาลาย







    "มึงเป็นคนของใคร"






    "ห๊ะ อะไรนะ"อยู่ๆไอ้ภูมิก็ถามอะไรแปลกๆขึ้นมา เล่นเอาผมถึงกับงงเลยทีเดียวสำหรับคำถามนี้ มันจะมาไม้ไหนอีกวะ
    "มึงเมาเนื้อใช่มั้ย "ผมมองหน้ามันแบบไร้ความเข้าใจใดๆทั้งสิ้น






     "ถามก็ตอบไม่ใช่มาย้อน เดี๋ยวปั๊ดชกตาหลุด"เอะอะจะทำร้ายร่างกายกูตลอด ถามว่ากลัวมั้ย กลัวครับ กร๊าก(กูก็นึกว่าแน่)






    “มึงถามว่าไงนะ”ผมขอทวนคำถามอีกรอบแต่มันหันมามองตาเขียวแถมส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ





    “มึงเป็นเบ๊ใคร”





    "กูเป็นเบ๊มึง พอใจรึยัง"




    "หึ ดี แล้วจำไว้ด้วย ว่ากูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร" แค่เนี๊ยะ แล้วจะมาบอกผมทำไม ฮึ๋ย อะไรของมันวะ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันนักแต่ผมก็พยักหน้าส่งๆให้มันจบๆเรื่องไป
     

    และแล้วก็มาถึงสถานที่หนึ่งซึ่งผมไม่คิดว่าชาตินี้คนอย่างไอ้ภูมิจะรู้จัก วัดอรุณราชวรารามครับคุณผู้อ่านโปรดฟัน(ฟังดีกว่ามั้ย)อีกครั้งหนึ่ง ที่นี่คือวัดอรุณฯครับ



    บรรยากาศที่นี่ดีดีกว่าที่มหาลัย อาจจะเป็นเพราะว่าดึกแล้วคนเลยไม่วุ่นวายแต่ก็ถือว่ายังเยอะอยู่ดี มีออกร้าน ขายของคาว ขนมหวาน อาหารแห้ง ต้นไม้ดอกไม้ สินค้าOTOP คล้ายที่อื่นๆ



    แต่ความรู้สึกมันสงบ สบายใจกว่า อาจจะเป็นเพราะมีพระปรางค์ยอดสวยทำให้รู้สึกถึงความเป็นไทย ให้ความรู้สึกดี นึกถึงตอนปีหนึ่งที่อาจารย์ให้ออกเขียนรูปนอกสถานที่ วัดอรุณฯนี่แหละครับที่ทำให้ผมคว้าB+ วิชาdrawing1 มาได้อย่างทุลักทุเล เหอๆ




     
    “ที่นี่จัดงานลอยกระทงด้วยหรอ”






    “อ้าว กูนึกว่ามึงรู้ นี่มึงไม่ได้ตั้งใจจะพากูมาแต่มาแบบเดาๆว่างั้น”





    “เออ อย่าพูดมาก จะเที่ยวมั้ย”เมื่อไรจะเลิกเหวี่ยงซักทีวะ



    “สะ…” จะด่าสัดแล้วครับแต่นึกได้ว่าอยู่ในวัดเลยต้องสำรวมหน่อย ถึงมันจะไม่ได้ตั้งใจพาผมมาที่นี่แต่ผมก็ไม่คิดว่าไอ้ภูมิจะเลือกเลี้ยวเข้ามาในสถานที่ที่เรียกว่าวัด คนอย่างมันน่าจะไปรักษากระแสใหม่ของวันลอยกระทงอย่างทำให้ผู้หญิงเสียตัวสักคนสองคนมากกว่า





    ไอ้ภูมิบอกแล้วเดินเบียดไปกับฝูงคน ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้น กี่ครั้งแล้วนะที่ผมมักจะมองมันจากข้างหลัง มองมันด้วยสายตาที่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันสื่ออะไร หมายถึงอะไร รู้สึกยังไงกันแน่
    “ยืนบื้ออยู่ได้ เดินมาดิ”แต่คราวนี้มันหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ มันหันมามองและรอผมก้าวไปหา





     
     ได้ กูจะเดินไปหามึงเอง



     
    พวกผมก็เดินดูอะไรเรื่อยเปื่อย คุณชายมันก็บ่นนู่นบ่นนี่ เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวคอแห้ง เดี๋ยวรำคาญที่คนมอง แต่คนก็ไม่รู้จะมองมันทำไมกันนักกันหนา ไม่เคยเห็นคนรึไงวะ หน้าไอ้ภูมิก็มีปาก มีตาตาสองข้างมีจมูกสองรู เหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ หงุดหงิดเว้ย




    “เป็นไร ทำหน้าเหมือนจะตาย”


    “กูหิวน้ำ”





    “ไปซื้อสิ”




    “พาไปหน่อย”



    “อย่าสำออย” ฟายยยด่ากูตลอด





    “ทีมึงหิวกูยังพาไปซื้อเลย”ให้ไปคนเดียวหรอ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวมันก็ทิ้งผมอีก





    “เรื่องมาก”มันดึงข้อศอกผมให้ก้าวตาม ขามันยาวก็ก้าวฉับๆได้ดิ แต่ผมแมร่งต้องซอยเท้าถี่ยิบเหมือนแข่งเดินเร็ว ถ้าทำเอวด็อกแด็กๆอีกนิดใช่เลยนะเนี่ย





    “น้ำขวดนึง”มึงจะซื้อน้ำหรือท้าชกปากชาวบ้าน ห้วนได้อีก


    “อ้าว พี่ภูมิ มาลอยกระทงที่นี่ด้วยหรอพี่”




    “อืม แล้วมึงมาทำอะไร”




    “ขายน้ำ หึหึ” ไอ้เด็กนั่นตอบทำหน้ากวนตีน เรียกเสียงหัวเราะจากผมและไอ้ภูมิ มันทะเล้นเหมือนไอ้เต้ยเลยแฮะ ภายในร้านมีนักศึกษาเกือบยี่สิบคนถ้าให้เดาน่าจะเป็นพวกชมรมพุทธศาสนาของมหาลัยผม มันมาออกร้านถึงที่นี่กันเลยหรอ และไอ้เด็กที่กล้าเล่นกับไอ้ภูมิคงไม่ธรรมดา


     
    “ แล้วมากับใครอ่ะพี่ ฮั่นแน่ แฟนหรอพี่ภูมิ” ไอ้เด็กเวร เห็นๆอยู่ว่ากูเป็นผู้ชาย




    “มึงอย่ากวนตีนไอ้เจย์ เอาน้ำมา เร็วๆ"




     “ฮี่ฮี่ ไม่กวนๆ ใครจะกล้ากวนพี่รหัสสุดหล่อละคร้าบบบ นี่ครับน้ำ”อ่อ ที่แท้ก็น้องรหัส หน้าตาไม่น่าอยู่ชมรมพระชมรมเจ้าเลยนะมึง แบบนี้คงตามเมียมา ไอ้หน้าตี๋มันยื่นขวดน้ำให้ไอ้ภูมิแถมแจกยิ้มมาเผื่อผมด้วย






     “แต่พี่หน้าคุ้นๆว่ะ หน้าเหมือนแฟนเก่าผมเลย” เย้ดเขร้ มามุขนี้หมาในปากไอ้พีมไม่ทำงานเลยครับ แล้วเชี่ยภูมิแมร่งทำหน้าเหมือนเชื่อ มันก้มลงมองหน้าผมตาเขียวปั๊ด อะไรอี๊ก ไม่พอใจอะไรกูอีกครับมึง  ส่วนไอ้ตี๋ฟันเหล็กแมร่งก็หัวเราะคิกคักมันถูกอกถูกใจอะไรนักหนาวะ






    “แฟนเก่าพี่เพิ่งถูกยิงตายวันก่อนนี่เอง น้องจำคนผิดแล้วละ ภูมิไปเหอะ” ผมไม่รออยู่ดูหน้าตี๋ๆของไอ้เด็กนั่น
    เหวอนานนัก รีบลากไอ้ภูมิออกมา



    “หึหึ”


    “ขำเหี้ยไร น้องมึงน่าเอาส้นเท้าตรวจสุขภาพช่องปากมาก”






    “หึหึ แต่มันก็แพ้มึง อ่ะน้ำ”ไอ้ภูมิยังขำต่อไปผมรับน้ำมากระดกดับกระหาย เมื่อไรผมถึงจะหลุดพ้นจากการถูกผู้ชายเกี้ยวพาราสีซักที จะพูดเล่นพูดจริงพูดแซวพูดขำๆก็ไม่ชอบ เข้าใจมั้ยสาดดด






    “ห่า ทำไมไม่เปิดฝาวะ”มิน่ายกจนก้นขวดตั้งฉากเก้าสิบองศาแต่น้ำไม่หยดลงมาซักแอะ





    “มากไปแล้วไอ้เตี้ย เจียมบอดี้บ้างกูเจ้านายนะ”





     “ไหนวันนี้มึงบอกว่าจะงดหน้าที่เบ๊ให้กูไง"




     “เออกูลืมไป กะว่าจะทำบุญทำทานวันลอยกระทงซักหน่อย หึ เอาขวดมาดิ”แล้วมันก็รับขวดคริสตัลราคาสิบบาท(ขึ้นราคาหน้าเทศกาล)ไปแกะพลาสติกพร้อมเปิดฝาให้ผมเสร็จสรรพ







    “เฮอะ ขอบพระคุณนะครับเจ้านายยยยยย”ได้ดื่มน้ำเย็นๆอารมณ์ก็พลอยดีไปด้วย เลยเดินเที่ยวกันต่อ แต่คราวนี้คนเริ่มน้อยลงก็มันจะเที่ยงคืนแล้วครับระหว่างเดินก็มีรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาลัย ทักทายไอ้ภูมิไม่ขาด กว้างขวางจริงๆพ่อคุณ มันก็แค่ยิ้มให้ ทักบ้าง แต่หลายครั้งเหมือนมันไม่รู้จักอีกฝ่าย






    เราซื้อขนมโป๊งเหน่งกินกันคนละไม้แต่ผมกินได้แค่สองคำดันมีเด็กวิ่งชนจนขนมหลุดมือ ไอ้ภูมิหัวเราะสะใจหน้าดำหน้าแดงแต่มันก็ยอมแบ่งให้ผมกินด้วย มีร้านขนมโบราณหน้าตาแปลกๆเยอะแยะพวกผมเลยเดินว่อนทั้งงาน







    ได้ลองปั่นสายไหมด้วยครับ สนุกดี แล้วก็ได้ทำขนมหม้อเงินหม้อทองคุณยายเจ้าของร้านบอกว่าเป็นขนมมงคลใช้ในพิธีแต่งงาน ไม่รู้ว่าคำพูดคุณยายไปสะกิดต่อมอะไรเข้าผมกับไอ้ภูมิถึงได้เงยหน้ามามองตากัน เกิดมาเพิ่งสะกดคำว่า เขิน จริงๆจังๆก็ครั้งนี้ละวะ







    ผมกับมันเข้าร้านนู้นออกร้านนี้ เล่นเกมส์สารพัด ปาลูกโป่ง สอยดาว โยนห่วง ส่วนมากจะหนักไปทางล่ารางวัล เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณชายก็ปาลูกโป่งแม่นเหมือนกัน









    “เอาตัวนี้ๆ ตัวนั้นอ่ะพี่ ตุ๊กตาควาย นั่นแหละๆ”ผมชี้บอกพี่เจ้าของร้านปาลูกโป่ง หลังจากไอ้ภูมิมันปาลูกดอกลูกที่เจ็ดสังหารเจ้าลูกโป่งโชคร้ายแตกจนครบ“มึงนี่สุดยอดเลยวะ ไอ้แทนเซียนๆยังไม่เทพเท่ามึงเลย กูขอนะ ชอบ”^_^





    “เอาไปดิ หน้าเหมือนมึงดีออก” มันหัวเราะแล้วกดหัวผมบี้ลงกับไอ้ตุ๊กตาที่เพิ่งได้มากอด แหม ไอ้คนหน้าตาดีไอ้คนหล่อ มันว่าผมหน้าควายอ่ะ



    เมื่อมันสาแก่ใจในการทำร้ายร่างกายผมแมร่งก็เดินตัวปลิวไปเฉยเลย จะช่วยกูถือหน่อยก็ไม่ได้ คนไทยรึเปล่า น้ำใจมีบ้างมั้ย เมื่อมันไม่คิดจะช่วย ผมคงต้อง







    “เฮ้ยมึง ช่วยกูถือหน่อยดิ”มือขวามีตุ๊กตาหมีตัวเท่าควาย มือซ้ายมีตุ๊กตาควายตัวเบ้อเร่อ จริงๆไม่ได้ไซส์นี้หรอกครับแต่ผมเลียแข้งเลียขาขอเจ้าของร้าน เขาเมตตาสงสารเห็นว่าดึกแล้วเลยให้มา ไอ้ภูมิมันส่ายหน้าเอือมระอาคงอายมั้ง ทำไมละ ก็อยากได้





    “อยากได้ก็ถือเองสิ”


    “ก็กูหนัก”



    จึ๊บ มันจิ๊ปากทำหน้างอ




    “น่ารำคาญว่ะพีม” ไม่ได้อึ้งที่มันช่วยเอาตุ๊กตาควายไปถือ แต่ผมกำลังควบคุมหัวใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับการได้ยินชื่อของผมที่หลุดออกจากปากมัน เข้าใจอารมณ์มันตอนที่ผมเรียกชื่อมันครั้งแรกแล้ว





    “มองหน้าทำไม จะลอยมั้ยกระทง”




    “หะ เออๆ ลอยๆ”ไอ้ภูมิพาผมเดินไปร้านขายกระทงที่เหลือแค่ร้านเดียว เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีคนแล้วครับผมหันซ้ายหันขวา รวงร้านต่างๆทยอยเก็บของกันแล้ว บรื่อ มืดๆในวัด ผี อ๊ากกก


     
    “ป้ากระทงหมดแล้วหรอครับ”





    “เหลืออันนี้อันเดียวแล้วลูก”กระทงอันสุดท้ายแถมสวยมากด้วย สงสัยว่าจะแพงคนเลยไม่ซื้อ ผมกับมันมองหน้ากัน ใครจะได้ครอบครองกระทงอันนี้ มาลุ้นกันครับ





    “เท่าไร/เท่าไรครับ”






    “ป้าขายสามร้อย แต่มันดึกแล้เดี๋ยววป้าลดให้นะ ”ถึงคุณป้าไม่ลดมันก็สมราคาครับ ประณีตสวยงามขนาดนั้น ผมวางไอ้หมีโข่งไว้ว่าจะล้วงกระเป๋าตัง





    “สามร้อยใช่มั้ย นี่ครับ”ไอ้ภูมิยื่นแบงค์สีม่วงๆให้คุณป้า สัดตัดหน้ากู ผมฟึดฟัดใส่มันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคว้าไอ้หมีขาวขั้วโลกขึ้นมาแบกไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม“ไม่ต้องทอนครับ แต่ช่วยทำกระทงอีกอันได้มั้ย”ผมเงยหน้ามองไอ้ภูมิ และเผลอกอดรัดไอ้หมีจนแน่น  







    “แต่ใบตองหมดแล้วนะพ่อหนุ่ม เหลือแต่ต้นกล้วยกับดอกไม้”มันแรงก็ตรงนี้แหละ ลองคิดสภาพกระทงของผมคร่าวๆสิครับ แต่ก็เอาเถอะของฟรีมีเสี่ยจ่ายตังให้






    “ยังไงก็ได้”






    “งั้นก็รอเดี๋ยวนะ”คุณป้าลงมือทำกระทงที่ไร้ใบตองมีแต่ต้นกล้วยเพียวๆผมเหลือบมองกระทงกลีบมรกตของไอ้ภูมิก็หมั่นไส้มันนิดๆ ไอ้กระทงอันนี้มันไม่มีคนซื้อหรือว่าสวรรค์เก็บไว้รอไอ้ภูมิวะ อิจฉาๆๆๆ







    “อยากได้หรอ”มันหันมาถามผมด้วยใบหน้าระรื่น ออกแนวเย้ยมากๆ



    “เปล๊า”





    “อยากได้ก็บอกว่าอยากได้สิ จะเอาให้”




    “กูไม่ได้อยากได้ แค่หมั่นไส้มึง คนอะไรวะเกิดมาโชคดีชิบหาย ดูดิดึกป่านนี้ยังมีกระทงสวยๆเหลือ รอให้มึงมาลอยเลย”





    “แต่มีบางอย่างที่กูอยากได้ แต่ไม่รู้จะได้รึเปล่า”





    “อะไรวะ”ในโลกนี้มีอะไรที่คุณชายภูมิอยากได้แล้วไม่ได้ด้วยหรอ แมวดำหกขารึเปล่าวะ






    “ก็….”ผมรอฟังคำตอบของมัน แววตาสีดำไหวระริกเหมือนไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ นี่ผมสบตากับไอ้ภูมิอยู่หรอเนี่ย มิน่าใจสั่นหวั่นไหวอีกแล้ว







    “กระทงเสร็จแล้วลูก ป้าไม่คิดเงินหรอกจ๊ะ เอาไปลอยเถอะ เด็กหนุ่มๆสมัยนี้ดีนะที่ยังไม่ลืมประเพณีของไทย ดูสิดึกป่านนี้ยังพาน้องมาลอยเลย”ไม่ใช่น้องคร้าบบบ เห็นเตี้ยๆหอบตุ๊กตาแต่อายุก็ยี่สิบแล้วนะครับป้า







    “อ่อ ครับ ขอบคุณนะครับคุณป้า”นึกว่าจะถูกสูบวิญญาณเข้าไปในดวงตาไอ้ภูมิแล้วซะอีก ผมรับกระทงพร้อมเงินทอนสองร้อยยื่นให้มัน







    “หึหึ”ไอ้ภูมิมันหัวเราะเยาะกระทงผมครับ ผมก็อยากจะขำนะแต่แมร่งขำไม่ออกวะ สงสารตัวเอง นึกภาพตามนะครับต้นกล้วยที่เกือบกลมแผ่นเล็กๆมีดอกดาวเรืองปักรอบๆสามสี่ดอกตรงกลางมีกลีบกุหลาบโรยเบาๆพร้อมธูปเทียนปักไว้






    หรูได้อีก ประหยัดได้อีก พอเพียงสุดๆ ประยุกต์สุดๆทำไมสวรรค์ต้องทำกับไอ้พีมสุดหล่อแบบนี้ ลอยกระทงทั้งทีปีนึงมีหนเดียว แล้วทำไมๆๆโถ่กระทงพิการของพ่อ






    “เอาน่า ทำด้วยใจ หึหึ”




    “ใจกูโคตรเป็นกุศลเลยว่ะ” กว่าคุณป้าจะทำกระทงเสร็จในเขตบริเวณนี้ก็แทบไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่แต่ก็ยังดีที่มีหลอดไฟประดับประดาตามทางเดินไปจนถึงท่าน้ำ เลยไม่ค่อยมืดไม่น่ากลัวเกินไป พวกผมเอาน้องควายกับน้องหมีนั่งชมพระจันทร์รอที่ศาลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา






    “มึงมีไฟแช็คป่ะภูมิ”





    “มี” มันล้วงเอาไฟแช็คในกระเป๋ากางเกง ห่านี่ สูบบุหรี่นี่หว่า





    “เอามือบังลมไว้ดิพีม” เมื่อไรผมถึงจะชินกับการถูกมันเรียกซะทีว๊า ไอ้ภูมิวางกระทงของตัวเองแล้วจุดเทียนในกระทงให้ผม เพราะมันมัวแต่จดจ่อกับการจุดไฟ เลยไม่รู้ว่าผมมองมันอยู่ สีหน้าท่าทางที่ดูตั้งอกตั้งใจของมันก็ดูมีเสน่ห์ดีแฮะ






    “จ้องมากๆคิดว่ากูเขินไม่เป็นรึไงเตี้ย” มันช้อนตาขึ้นมองพร้อมกับยิ้มมุมปากที่แมร่งโคตรอ่อนโยนชิบหาย และก่อนที่ผมจะกระโดดน้ำเจ้าพระยาตายเพราะอายที่ถูกจับได้ว่าแอบมองมัน ไอ้ภูมิก็หันไปจุดเทียนในกระทงของมันบ้าง แม้ลมจะแรงแต่คนมันมีไฟไงครับ เทียนเลยไม่ดับ(อวยตัวเองตะร๊อดๆ)



    “ขายิ่งสั้น ระวังสะดุดตกน้ำละ”


    “รู้ ไม่ต้องย้ำ เฮ้ยเดี๋ยว จะลอยเลยรึไง มึงต้องอธิฐานก่อนสิ หลับตาแล้วก็อธิฐาน”มันทำหน้าไม่เก็ทผมเลยสาธิตให้ดู ด้วยการนั่งยองๆลงตรงท่าน้ำหลับตาถือน้องกระทงพิการ







    ก่อนที่จะขอพร ผมขอบคุณพระแม่คงคา ขอบคุณน้ำทุกหยดแม่น้ำทุกสาย ทะเลทุกแห่ง ขอบคุณที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ส่วนคำอธิฐานในปีนี้ ผมไม่ได้ขออะไรมากมายที่มากไปกว่าการได้เห็นรอยยิ้มของผู้ชายที่อยู่ข้างๆในตอนนี้







    ขอให้ไอ้ภูมิมีความสุขนะครับ




     
    “นานว่ะ”




    “เฮ้ย”ผมตกในแทบตกน้ำจริงๆก็ตอนที่ลืมตาขึ้นมาแล้วหน้าไอ้ภูมิอยู่ใกล้ๆ“เออ เสร็จแล้วๆ ลอยดิ”เราวางกระลงบนผืนน้ำพร้อมกัน คลื่นค่อนข้างแรงกระทงอันเล็กๆของผมจะจมมั้ยเนี่ย 







    “มึงว่ากระทงของกูจะจมมั้ยวะ”





    “ไม่จมหรอกเพราะกระทงกูให้มึงเกาะ”





    “หึ เออว่ะ”กระทงอันเล็กของผมล่องลอยฝ่ากับคลื่นของแม่น้ำโดยมีกระทงแสนสวยอย่างไอ้ภูมิลอยเคียงอยู่ข้างๆให้พึ่งพิง ผมกับมันยืนมองกระทงจนแสงไฟริบรี่ห่างไปไกลเรื่อยๆ เรายืนรับลมเย็นๆโดยไม่มีใครพูดอะไรเป็นนานสองนานกว่าจะหอบไอ้ควายกับไอ้หมีขึ้นรถกลับ







    วันนี้ผมสนุกมาก มีความสุขมาก ได้ตุ๊กตา ได้กินขนม  ได้เล่นเกมส์







    และได้เดทในวันลอยกระทงตอนตีหนึ่งกับไอ้ภูมิ
     






     
     
                                     ……………………………………………..
     








     

    “ภูมิ”ผมเรียกมันเมื่อนั่งรถมาได้ซักพักใหญ่ๆ ถนนโล่ง ไฟสีส้มก็สวย สบายตาดี ผมเห็นเงาสะท้อนของผู้ชายคนหนึ่งในกระจกรถ เขาดูมีความสุขจนน่าอิจฉา
     





    “อืม”ไอ้ภูมิหันมามองผม มันรอให้ผมพูดแล้วก็หันกลับไปขับรถต่อ ผมหันมองเซี้ยวหน้าคมด้านข้างของมัน
     






    วินาทีนี้ผมรู้แล้วว่าไอ้ที่ผมมักจะถามตัวเองว่า ทำไม เพราะอะไร คำถามทั้งหลายที่คั่งค้างอยู่ในใจผมได้คำตอบแล้ว
    ว่า
     








    ผมชอบมัน









     
    ผมชอบไอ้ภูมิ
     
















    “กูขอไปค้างที่ห้องมึงนะ”
     
     

















     
    TBC>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
     
     
     
















    …………………………………………………..
     
     










     
    Talk: บอกได้คำเดียวว่าไอ้พีม แรว๊ง รุกฆาตคะ ^____^ และแล้วพีมของเราก็รู้ใจตัวเองซะที ว่าแต่เมื่อไรพระเอกถึงจะมีใจน๊า ต้องติดตามตอนต่อๆไปนะจ๊ะ และขอฉลองเทศกาลลอยกระทงด้วยรูปแทนกับฟ่างคะ
    แล้วก็เอาอิมเมจน้องเต้ยมาฝากด้วย น่าร้ากกกกกกกกกก
    แม้จะล่วงเลยเทศกาลลอยกระทงมาเป็นสัปดาห์แต่เราก็หาได้แคร์ไม่ จะลงอ่ะ หึหึ ยาวเว่ออีกแล้ว ตัดตอนไม่เป็นยกมาทั้งแผงเลยคะ เหอๆ







     

    น้องเต้ยคะ น่าร้ากกก ปล สาวๆบางคนอาจจะคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้ คึคึ จิ้นเข้าไว้นะคะ คิดเป็นหน้านี้เข้าไว้












    ส่วนอันนี้ แทนกับฟ่างนะคะ  หึหึ อ้ายแทนลายสก๊อตด้วย

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×