ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★ MY CONOR .

    ลำดับตอนที่ #9 : ♡ (FIC) End..And

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 56


    น้องจีบอกว่าอยากอ่านฟิค เลยบอกว่างั้นจะแต่งช็อตฟิคให้ละกัน เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อต้นปี และฟิคเรื่องนี้ก็แต่งไว้นานมากตั้งแต่สิบสี่มกราฯ
    แต่แต่งไปแล้วเกิดไม่ชอบพล็อตนี้ขึ้นมาเลยหยุดอยู่แค่นี้ ผ่านไปจะเป็นปีแล้วก็ยังไม่มีให้น้องจีอ่านสักเรื่อง รู้สึกว่าตัวเองน่าเศร้ายังไงไม่รู้ก่ะ *;-;*

    ตอนนี้ก็ยังไม่ชอบพล็อตนี้อยู่ดี มีความรู้สึกว่ามันเป็นฟิคที่จืดมาก ดูไม่มีอะไร ใช่แนวเราเหรอ ? อ่านซ้ำก็เพลินดีนะ แต่ให้แต่งต่อก็คงไม่แล้ว *;-;*
    ไว้ค่อยไปแก้มือในเรื่อง Beautiful Things แทนก็แล้วกัน xD เอามาเก็บไว้ในนี้เผื่ออยากอ่านตอนปิดคอมแล้วจะได้อ่านได้สะดวกจ่ะ ~

     


    “ End..And ”
    BGM : End..And - Dickpunks
    Ban Yurim x Kim Jongin :-) 

     

    ..ทั้งที่ปณิธานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นอีก..

    แต่ในคืนวันศุกร์กลางร้านอาหารในอีฮวาดงที่ลูกค้าค่อนข้างบางตา ทว่าหากนับรวมวงดนตรีร็อกที่กำลังขับกล่อมผู้คนอยู่บนเวทีด้วยบทเพลงบัลลาด รวมทั้งพนักงานในร้านด้วยแล้ว ก็คงจะมีผู้คนไม่น้อยกว่ายี่สิบชีวิตที่ได้เห็นร่างแบบบางของเธอสั่นไหวจากแรงสะอื้น โดยมีแก้วกาแฟเย็นชืดคอยรองรับหยาดหยดน้ำตาที่ไหลรินลงมา

    และพันยูริมก็ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองสะอื้นไห้อยู่อย่างนั้น

    ใช่จะไม่อับอายกับความอ่อนแอที่เคยคิดว่าจะไม่แสดงออกมาต่อหน้าใครอีก และแน่นอนว่าไม่ใช่ต่อหน้าคนแปลกหน้ากลางร้านอาหารแบบนี้ แต่เพราะจิตใจที่เข้มแข็งของเธอได้จากไปแล้วพร้อมกับใครคนหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นที่เธอมอบทั้งหัวใจให้ แม้กระทั่งจนวินาทีนั้น

     

    ยูริม ฉันว่าเราไม่พบกันอีกเลยดีกว่านะ

    แก้วกาแฟร้อนที่แตะกับขอบปากพลันหยุดชะงัก หากคิ้วที่ขมวดมุ่นอย่างฉงนของเธอนั้น ได้ช่วยเรียกคำตอบจากชายหนุ่มตรงหน้าออกมาอย่างชัดเจน..ชัดจนเกินพอ

    ฉันก็แค่..ไม่ได้ชอบเธอแล้ว

     

    เพราะยูริมรู้ว่าตัวเองเข้มแข็ง

    เธอจึงไม่ได้ฉุดรั้งเขาทั้งด้วยคำพูดหรือการกระทำ

    แม้ในยามที่ร่างสูงโปร่งที่ยูริมหลงใหลเสมอมาลุกออกไป ทิ้งไว้เพียงธนบัตรหมื่นวอนเป็นค่ากาแฟร้อนของอดีตคนรัก ยูริมก็ปล่อยให้เขาจากเธอไปอย่างง่ายดาย ไร้ซึ่งคำอำลาทั้งจากปากของเขาและเธอ

     

    บทเพลง떠나지마(อย่าทิ้งฉันไป)ของยุนมิเรศิลปินฮิปฮอปหญิงชั้นแนวหน้าของเกาหลี ที่วงดนตรีในร้านนำมาเรียบเรียงและขับร้องใหม่เป็นสไตล์ของตัวเองที่เพิ่งเล่นจบไป แทบจะเข้ากันดีกับหัวใจที่ปริร้าวจนใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงของยูริม

    ถึงจะไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีใดๆออกมา แต่ข้างในใจกลับมีถ้อยคำมากมายอัดแน่นจนแทบจะระเบิด ..อย่าทิ้งฉันไป..กลับมาหาฉันเถอะ..บอกฉันสิว่าเธอแค่โกหก..ไม่มีเธอแล้วฉันจะอยู่ได้ยังไง..

     

    จิตใจของยูริมอาจหลุดลอยไป แต่สติไม่ได้จากไปไหน เพราะอย่างนั้นเธอจึงรับรู้ได้ เมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งที่พูดว่า ขอโทษนะครับ พร้อมกับที่คนที่กำลังก้มหน้า ได้เห็นเงาร่างของใครคนนั้นนั่งลงตรงข้ามแทนที่อดีตคนรัก

    แล้วเธอก็มองเห็นผ้าเช็ดหน้าที่เขาเลื่อนมาวางลงตรงหน้า พร้อมคำพูดอ่อนโยนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจนยูริมยังสัมผัสได้

    เอาไปเช็ดน้ำตานะครับ

    ทั้งที่ยังก้มหน้างุด ยูริมก็ส่ายหน้าดิ๊ก พยายามที่จะคุมน้ำเสียงให้สั่นน้อยที่สุดขณะตอบเขากลับไปว่า ไม่ค่ะ..ฉันไม่เป็นไร

    ทำไมจะไม่เป็นไรล่ะครับ!” น้ำเสียงกลับกร้าวขึ้นจนต้องเผลอเงยใบหน้าชุ่มน้ำตาขึ้นมา ทั้งพี่แทฮยอน พี่จุนยอง แล้วก็พี่ฮยอนอู เค้าก็เป็นห่วงคุณกันทั้งนั้นนะครับ!!”

    จึงพอจะคลับคล้ายคลับคลาว่าผู้ชายตรงหน้าเธอคือมือเบสในวงดนตรีบนเวที นอกจากชื่อจุนยองที่แค่พ้องกับชื่อรุ่นพี่ของเธอที่โรงเรียนสอนเต้นแล้ว ทุกชื่อบุคคลที่เขาร่ายมาก็ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับเธอในด้านใด นอกจากสถานะคนแปลกหน้าเท่านั้น แน่นอนว่ารวมถึงเขาด้วยเช่นกัน

    จะไม่รับความหวังดีของผมก็ได้ แต่อย่าบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่จริงๆแล้วมันมีอะไรสิครับ

    ฉันไม่ได้รู้จักชื่อที่คุณพูดมาเลยสักนิด ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่ใบหน้าเปรอะคราบน้ำตาของยูริมกลับอดไม่ได้ที่จะยิ้มจางๆออกมากับแค่คำพูดธรรมดาๆนั้น คุณ..แปลกคนที่ก็เรียกเสียงหัวเราะจางๆจากคนตรงหน้าได้ไม่ต่างกัน

    ก่อนเขาจะยื่นไปแตะผ้าเช็ดหน้าที่วางอยู่ตรงหน้ายูริม เอ่ยปากเชิงขอร้องแกมบังคับ เอาผ้าเช็ดหน้าผมไปใช้นะครับเมื่อเห็นเธอยังละล้าละลังจึงพูดเสริมเข้าไปอีกว่า ผมยังไม่ได้ใช้หรอกครับ คุณเอาไปใช้เถอะ

    ยูริมจึงก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหยิบมันขึ้นมา ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะ

    นัยน์ตาของยูริมยังคงมัวพร่าอยู่บ้างเพราะม่านน้ำตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสนิท หากก็พอจะมองเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนของคนตรงหน้าได้ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนบางสีน้ำตาลอ่อนซับหยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ที่หน่วยตา ได้กลิ่นหอมเข้มจากโคโลญจน์ที่ระบุไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นกลิ่นอะไรออกมาจากผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น

    มันแตกต่างกับน้ำหอมกลิ่นฉุนราคาแพงที่เขาชอบใช้..แม้จะไม่ชอบ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหลงใหลมัน ยิ่งยามเมื่อวงแขนแข็งแรงนั้นกอดเธอจนกลิ่นน้ำหอมที่เขามักจะฉีดมันใต้เสื้อยืดตัวบางติดอยู่ที่ปลายจมูก

    เอากาแฟถ้วยใหม่มั้ยครับ ยูริมส่ายหน้าตอบปฏิเสธคำถามของเขาในทันที ราวกับจะสะบัดเรื่องราวความคิดถึงอดีตคนรักไปด้วย ชายหนุ่มคนถามจึงครางฮือออกมาเป็นเชิงว่ารับรู้

    แล้วจึงปล่อยให้ความเงียบเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะไปด้วยพักใหญ่

    ยูริมกำผ้าเช็ดหน้าวางลงบนตัก เสใบหน้าหันไปทางอื่นที่ปลอดผู้คน ด้วยหัวสมองที่คิดอะไรหลายอย่างผสมปนเปกันไป จนเมื่อเสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้นไล่เพื่อนร่วมทางที่ไม่ได้รับเชิญให้จากไป ก็ดังเป็นการเรียกสติเธอให้กลับคืนมา

    ผมชื่อคิมจงอินครับ

    จึงหันหน้ากลับมาทักทายเขา พันยูริมค่ะ

    คิมจงอินพยักหน้าตอบรับ ยามเมื่อเขาทวนชื่อเธอซ้ำด้วยริมฝีปากที่ขยับเป็นรอยยิ้ม..ดูราวกับยินดีที่ได้รู้จักชื่อเธอ..ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ยูริมใจเต้นขึ้นมานิดหนึ่ง

    ..แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น..

    เมื่อใจที่วูบไหวกลับถูกกระตุกให้กลับมาอยู่ที่ตำแหน่งเดิม ที่เธอควรจะต้องอยู่ในยามนี้ เมื่อภาพของใครคนนั้น ที่ทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี กลับหวนคืนมาในห้วงความคิด

    คิดแล้วน้ำตาก็พาลจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง จนต้องใช้นิ้วโป้งยกขึ้นปาดลวกๆ และการกระทำนั้นก็ทำให้รอยยิ้มของคนตรงหน้าพลันจืดจางลงไป

    ผมไม่ได้อยากจะละลาบละล้วง และผมก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางระหว่างคุณยูริม(유림)..กับ..ผู้ชายคนนั้น จงอินเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ผู้หญิงน่ะ ไม่คู่ควรกับน้ำตาหรอกนะครับ..ถ้ามันไม่ได้มาจากความดีใจ

    คำพูดของเขาทำให้ยูริมชะงัก

    แค่คนที่เพิ่งรู้จักกัน..แต่มอบความห่วงใยให้กับคนแปลกหน้าได้ขนาดนี้เชียวหรือ

    จำไม่ได้แล้ว..ไม่สิ..เคยด้วยหรือ..ที่แฟนเก่าของเธอจะมีคำพูดแบบนี้ให้

    ขอบคุณนะคะ โคลงศีรษะไปให้เบาๆจนจงอินต้องรีบก้มคืน พลางพร่ำบอกว่าไม่เป็นไรเป็นพัลวัน แต่เราไม่ได้รู้จักกัน คุณจงอินไม่ต้องมาเสียเวลาสนใจเรื่องฉันหรอกค่ะ

    เปล่าเลย..ยูริมไม่ได้เล่นตัวหรืออยากหยิ่งใส่ผู้ชายแปลกหน้าที่แสนดีคนนี้

    แต่เพราะเกรงใจที่เขาต้องมารับรู้เรื่องราวของคนที่เพิ่งรู้จักกัน ทั้งที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อยที่เขาต้องมาทำดีหรือเป็นห่วงเป็นใยกับเรื่องราวของเธอขนาดนี้

    ไม่หรอกครับ จงอินยังคงยิ้ม ถ้าเราทำความรู้จักกันมากกว่านี้ เราก็จะไม่ได้เป็นแค่คนแปลกหน้าของกันและกันใช่ไหมครับ

    นัยน์ตาคมของยูริมสบเข้ากับนัยน์ตาของคนตรงหน้า

    หาได้มีแววกรุ้มกริ่มกะลิ้มกะเหลี่ยอย่างคนเจ้าชู้ที่ต้องการจะก้อร่อก้อติกเช่นที่ได้เคยพานพบ แต่ในแววตาของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความห่วงใย

    ทำให้รู้สึกวางใจจนยิ้มออกมาได้ในที่สุด

    อาจจะยังไม่มากพอที่จะเป็นรอยยิ้มกว้างหรือสดใสแบบพันยูริมคนเดิม แต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากข้างในหัวใจ..ด้วยความรู้สึกขอบคุณ

     

    แต่ถึงอย่างไร มิตรภาพจากเพื่อนใหม่ที่ชื่อคิมจงอิน ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ยูริมหยุดฟุ้งซ่านจนน้ำตาไหลได้ เมื่อต้องกลับหอพักไปเผชิญกับความเงียบเหงาลำพังในค่ำคืนที่แสนยาวนานราวจะไม่มีวันจบสิ้น

    ยูริมร้องไห้หนักเสียจนคิดว่ามันจะไม่มีวันหยุด และเรื่องราวความทรงจำที่ผ่านมาตลอดหนึ่งปีของเธอกับเขาก็ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาทักทายในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอผล็อยหลับไปทั้งที่น้ำตายังนองเต็มหน้า

    เพราะเหตุนั้น รุ่งเช้ามา ใต้ตาของยูริมจึงบวมช้ำ จนเพื่อนสนิทที่แม้จะไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรจากปากของเจ้าตัว หากก็พอจะคาดเดาเหตุการณ์ได้ เมื่อไม่เห็นเงาของแฟนเพื่อนที่มักจะมาส่งคนรักที่แผงขายกระเป๋าและรองเท้าเพ้นท์ลายของคนทั้งคู่หน้ามหาวิทยาลัยฮงอิกที่จัดเป็นตลาดนัดในบ่ายวันเสาร์เหมือนเช่นทุกคราว

    อีโฮวอนเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่แอบคัดค้านและต่อต้านแฟนหนุ่มคนนั้นของเพื่อนสนิทอยู่เงียบๆ อาจดูเห็นแก่ตัวไปสักหน่อยถ้าจะบอกว่าเหตุผลหลักก็คือเขารู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนั้น ที่ตั้งแต่แรกพบ ก็ไม่เคยจะทักทายเขามากไปกว่าปรายตามอง ทั้งที่เขาก็ส่งคำทักทายอย่างเป็นมิตรที่สุดแล้วไปให้ แค่ความสัมพันธ์ขั้นต้นก็เข้าขั้นติดลบแล้ว เรื่องอื่นคงไม่ต้องพูดถึง!

    แต่ผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนดีของยูริม

    โฮวอนเคยคิดว่าแค่ผู้ชายคนนั้นทำให้เพื่อนรักของเขามีความสุขก็เพียงพอแล้ว เขาคิดและเชื่ออย่างนั้นมาตลอด จนกระทั่งวันนี้..ที่โฮวอนเลิกคิดไปนานแล้วว่าจะมีวันนั้น..แต่ในที่สุดมันก็มาถึง..วันที่ยูริมต้องเลิกรากับแฟนของเธอ..แม้จะเห็นใจ แต่ด้านที่เห็นแก่ตัวของโฮวอนก็ไม่ปฏิเสธว่าก็รู้สึกโล่งใจ

    ยูริมเองก็ไม่ได้เห็นแก่ตัวหรือปิดตาอยู่แต่กับความรักของตัวเอง จนดูไม่ออกว่าคนรักกับเพื่อนสนิทของเธอเข้ากันไม่ได้สักเท่าไรนัก เพราะอย่างนั้น โฮวอนเองจึงรู้สึกอึดอัด ค่อนไปทางสงสารยูริมในหลายที ที่ต้องมาเป็นคนกลางระหว่างแฟนกับเพื่อนสนิท

    และเพราะยูริมเป็นเพื่อนรักของเขา การจะให้เธอมีคนรักเป็นผู้ชายดีๆสักคน..ที่โฮวอนก็แอบหวังไว้ในใจว่าขอให้ดีกับเขาที่เป็นเพื่อนสนิทของยูริมบ้าง..มันก็ย่อมต้องดีกว่าอยู่แล้วไม่ใช่หรอกหรือ

     “ยูริม ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านไปก่อนเหอะนะ เล่นมานั่งหน้าเศร้าอย่างนี้ ลูกค้าที่ไหนจะกล้าเข้ามาซื้อ

    ยูริมที่ปกติคงจะเล่นมุกยอกย้อนเพื่อนสนิทกลับไปเมื่อถูกหยอกเช่นนี้ หรือไม่ก็คงจะรีบทำหน้าให้ร่าเริงที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในคราวนี้ เธอกลับกล่าวขอบคุณโฮวอนด้วยน้ำเสียงเบาโหวงและใบหน้าเศร้าซึมที่ไม่ได้ดีขึ้นเลย

    ขอโทษนะที่วันนี้ไม่ได้ช่วยอะไร

    โฮวอนยกมือขึ้นโบกบอกว่าไม่เป็นไร หากเมื่อเพื่อนสาวคนสนิทกำลังจะลุกขึ้น เขาก็วางมือที่กำลังระบายสีพู่กันลงบนแฟลตชูส์สีขาวสะอาดไปแตะลงบนไหล่เล็กของเธอเบาๆ แทนความห่วงใยตามประสาคนพูดปลอบใจใครไม่เก่ง ยูริมยิ้มบางๆและเอ่ยขอบคุณความหวังดีที่เพื่อนรักมีให้ก่อนจะลุกจากไป

    โฮวอนมองตามภาพด้านหลังของยูริมที่ค่อยๆไกลห่างออกไปจนกระทั่งลับตา

    ท่าทางอ่อนแอที่ไม่ได้พบเห็นมานานของยูริมที่เข้มแข็งมาตลอดพลอยทำให้เขารู้สึกหดหู่ไปด้วย

    อดที่จะโกรธนิสัยที่แข็งกระด้าง ห้าวๆห่ามๆของตัวเองไม่ได้ ก็เพราะเป็นคนแบบนั้นไง ถึงไม่เก่งเรื่องการปลอบใจหรือมีคำพูดดีๆให้กับใคร..แม้แต่กับเพื่อนสนิทของตัวเอง

    โฮวอนหวังว่ายูริมจะทำใจและกลับมาเป็นพันยูริมคนเดิมได้เร็วๆด้วยสักทาง..หรือไม่ก็ด้วย..ใครสักคน..เขาหวังเช่นนั้นจริงๆ

     

    ทิวทัศน์ที่คุ้นตาของมาโพอย่างกับต้องการจะบีบคั้นให้น้ำตาของยูริมไหลออกมาซะให้ได้..เหมือนกลัวว่าเธอจะเจ็บปวดไม่พออย่างไรอย่างนั้น

    ทั้งร้านเค้กที่ผนังเป็นสีฟ้าน้ำทะเลเข้มซึ่งเป็นร้านโปรดของยูริม ที่คนรักของเธอมักจะบ่นอยู่เสมอเวลาเธอดึงดันจะพาเขามาลิ้มรสเค้กช็อกโกแลตหรือไม่ก็มานั่งจิบโกโก้รสเข้มพูดคุยกัน

    ร้านขายอาหารของคุณตาคุณยายชเวผู้มีใจรักเพลงร็อกของศิลปินฝรั่งในยุคเก่า ห้องแถวเล็กๆห้องนั้นจึงตบแต่งออกมาในบรรยากาศยุคซิกส์ตี้อย่างเรียบง่าย ทว่ามากล้นไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง เป็นแหล่งรวมตัวอีกแห่งหนึ่งของเหล่านักศึกษาที่มีใจรักในดนตรีหรือเหล่านักดนตรีไส้แห้ง ให้มาฝากท้องกับอาหารฝรั่งราคาถูกได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ

    ร้านขายเครื่องดนตรีตรงหัวมุม ที่อยู่บนห้องซ้อมดนตรีที่ต้องลงบันไดไปชั้นใต้ดินอีกที รวมไปถึงพี่เจ้าของร้านที่เป็นทั้งคนขายเครื่องดนตรีและคนจัดการดูแลห้องซ้อม ต่างก็เป็นสถานที่และบุคคลที่เธอและคนรักสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    หรือจะเป็นแกลเลอรี่เล็กๆ ที่ยูริมกับเพื่อนร่วมคณะศิลปะเคยมาเปิดโชว์ผลงานภาพวาดกัน และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้มาเยี่ยมชม รวมถึงคนรักของเธอ..ที่แม้จะไม่ได้ชื่นชอบงานศิลปะเหมือนเช่นเธอ..แต่เขาก็บอกว่าเธอทำได้ดีมาก..และเขาชอบมันมาก

    ทุกสถานที่ที่ผ่านไป..พร้อมกับทุกความทรงจำที่เวียนผ่านเข้ามา ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ยูริมต้องเจ็บปวดใจ

     

    หักเลี้ยวพาตัวเองเข้าไปในคอฟฟี่ช้อปเล็กๆที่หลบซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของตรอกซอกซอยมากมายในฮงแด อึนฮาซู ทาบัง..ชื่อร้านที่คุ้นตาแต่เป็นร้านที่ไม่คุ้นเคย ด้วยไม่เคยเข้ามาเป็นลูกค้าเลยสักครั้งจนกระทั่งวันนี้

    หยิบถ้วยกาแฟดำรสขมปี๋ที่ไม่ได้เติมนม น้ำตาล หรือครีมเทียมเพิ่มลงไปแม้แต่อย่างเดียวขึ้นมาดื่ม รสชาติขมปร่าแตะอยู่ที่ปลายลิ้น แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ยูริมผู้ไร้ชีวิตจิตใจสะทกสะท้านแต่อย่างใด

    ที่จริง..เธอเหมือนจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากาแฟไหลผ่านลงคอไปหมดตั้งแต่เมื่อไหร่

    ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มาหยุดดื่มกาแฟที่ร้านนี้เสียด้วยซ้ำ

    บางที..อาจเพราะมันเป็นสถานที่ที่ไม่มีความทรงจำของเธอกับเขาเลย..คงเป็นเพราะอย่างนั้น

    วางแก้วกาแฟที่ถูกตกแต่งด้วยรูปดูเดิ้ลส์น่ารักๆเป็นสไตล์และเอกลักษณ์ของร้านลง เหม่อมองออกไปข้างนอกร้าน ที่ซึ่งมองเห็นร้านขายสินค้าวินเทจเล็กๆตั้งอยู่ตรงข้ามผ่านกระจกใส แม้จะอยู่ในสายตา แต่ภาพตรงหน้ากลับไม่ได้ผ่านเข้าไปในห้วงความคิดเลยแม้แต่น้อย

    ..พันยูริมคนที่เข้มแข็งและมีรอยยิ้มอยู่เสมอคนนั้นหายไปไหนแล้ว..

    เธอรู้ดี..ว่าแบบนี้ไม่ใช่ตัวเอง..ไม่สมกับเป็นตัวเธอเองเลย

    ทำไมเมื่อเขาจากไป..ถึงไม่พาความรักที่เธอมีให้จากไปด้วย

    ..ทำไมความรักมันถึงไม่ง่ายแบบนั้นนะ..

     

    “คุณยูริม

    น้ำเสียงที่แฝงเจือความไม่มั่นใจเรียกให้เจ้าของชื่อต้องหลุดจากภวังค์ และเมื่อมองเห็นว่าเป็นใคร ยูริมก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ อ๊ะ..คุณจงอิน!”

    เธอวางมือที่เท้าคางลงและก้มหัวทักทาย ชายหนุ่มเจ้าของชื่อยิ้มรับ เสนอตัวขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย ทันทีที่ยูริมตอบตกลง คนที่ถือแก้วชาเขียวเย็นในมือก็เลื่อนเก้าอี้ตัวตรงข้ามลงนั่งพร้อมคำขอบคุณ

    ยูริมยกกาแฟดำขึ้นจิบอีกครั้ง แต่ในตอนนี้ เธอกลับเริ่มสัมผัสได้ถึงความขมของมันจนต้องเบ้หน้า

    ถ้าไม่ชอบกินกาแฟดำก็อย่าไปฝืนทรมานตัวเองสิครับ มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ

    คนที่เพิ่งจะเบือนหน้าออกไปยังร้านขายของวินเทจตอบเสียงค่อย อื้อ..ฉันรู้

    แล้วก็ปล่อยให้ความเงียบเป็นเพื่อนร่วมทางอีกคราว

    หากก็เหมือนเมื่อวาน ที่จงอินเป็นฝ่ายผลักไล่ความเงียบออกไป ผมก็เคยถูกทิ้งนะ

    ประโยคนั้นเรียกให้ยูริมต้องหันกลับมามองคนตรงหน้า ที่ก็กำลังทอดสายตามองออกไปข้างนอกร้านเหมือนเธอเมื่อครู่

    ผมเข้าใจนะ และผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้ง่ายๆ.. ก่อนเขาจะเบือนหน้ากลับมามองสบกับดวงตาของเธอ แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณยูริมต้องมานั่งเสียใจคนเดียว

    ใช่ว่ายูริมจะสัมผัสไม่ได้ถึงความห่วงใยของโฮวอน แต่เพราะเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ค่อยมีคำพูดปลอบใจมากนัก และเลือกที่จะแสดงออกด้วยการกระทำแบบอ้อมๆเสมอ

    ดังนั้น การได้ยินจงอิน..ที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่เพียงวันเดียว..มาให้ความห่วงใยกับเธอ ทั้งด้วยคำพูดตรงๆ และการแสดงออกอย่างไม่อ้อมค้อม จึงทำให้ยูริมตื้นตันจนน้ำตาพาลจะรื้นออกมา

    จะร้องไห้ก็ได้นะครับ มองเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ถูกจงอินวาดขึ้นบนใบหน้า อย่างน้อยตอนนี้คุณยูริมก็มีผมอยู่ข้างๆ

     

    อ่อนแอ และกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาต่อหน้าเพื่อนใหม่ไปได้อย่างไร..ยูริมเองก็ไม่รู้

    นอกจากเสียงเพลงบอสซ่าที่เล่นคลอเบาๆจากเครื่องเล่นซีดีในร้านกาแฟเล็กๆนี้แล้ว ยูริมก็ได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเธอเองที่กำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะแว่วมาเข้าหูเบาๆ โดยมีผ้าเช็ดหน้าเจือกลิ่นโคโลญจน์ที่เริ่มจะคุ้นเคยของจงอินอยู่ในมือ

    จงอินมองดูร่างที่สั่นริกของคนตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนออกไปข้างนอกอย่างไร้จุดหมายด้วยนัยน์ตาที่เหม่อลอย

     

    แทบทุกคนที่รู้จักคิมจงอิน มักจะพูดอยู่เสมอว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจดี ด้วยไม่ใช่คนที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จงอินจึงไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและใจดีอย่างที่ทุกคนว่าจริงๆหรือเปล่า

    แรกพบ..จงอินก็แค่ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะมองข้ามคนที่กำลังร้องไห้อยู่ลำพังไปได้

    แต่ไม่รู้ทำไม เขากลับคิดว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างที่มากกว่านั้น

     

     

     

    - His motto is “I’d rather bend then break…”. 

    - His ideal type is someone like Han Yeseul. 

    - He is warm-hearted and he would like to treat everyone well, but when It comes to expressing feelings he gets awkward. 

    - The habit he often does is biting his lips. 

    - He likes to wear a lot of T-shirts with characters on them. 

    - His favorite movie is “Pirates of The Caribbean”. 

    Dance (ballet, jazz, hip hop, popping, rocking)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×