ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 9 คำสารภาพของเหยื่อ
บทที่ 9 คำสารภาพของเหยื่อ
มันเป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้วที่พวกเขาช่วยเหลือเฮอร์ไมโอนี่จากวิกเตอร์ ครัมอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่มีอาการเศร้าซึมบ้างเป็นบางครั้ง แต่พวกเขาก็พยายามที่จะฟื้นฟูสภาพจิตใจของเธออย่างใจเย็น เบลส และ มาเรียเป็นคนที่ใจเย็นที่สุด ในขณะที่เดรโกยังคงชอบต่อปากต่อคำกับเธออยู่เป็นประจำ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกไม่ค่อยพอใจเดรโกนัก เนื่องจากบทสนทนาที่พวกเขาทั้งสองเจอกันเมื่อครั้งที่แล้วการที่เดรโกพูดจาดูถูกพวกผู้หญิงที่ต้องการแต่งงานกับเขามันทำให้เฮอร์ไมโอนี่โกรธ เดรโกรู้ตัวดีแต่เขาก็ยังทำเฉยและยังพยายามที่จะยียวนเธอเหมือนเดิม
เช้าวันหนึ่งพวกขาทั้งสี่คนคลุกกันอยู่ในครัว โดยมาเรียได้บอกถึงการตัดสินใจของเธอกับพวกเขาว่าเธอจะใช้เวลาทั้งหมดเพื่อสอนเบลสถึงวิธีการเต้นรำที่ถูกต้องด้วยตัวของเธอเอง
“ เบลส ซาบินี่ ฉันจะสอนคุณเต้นรำเองไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม มันไม่มีทางเลือกอีกต่อไปแล้ว เพราะดูเหมือนว่าเธอคิดที่จะกำจัดครูสอนเต้นรำทุกคนที่ฉันพยายามหามาให้เธอ ดังนั้นฉันคิดว่าคงจะไม่มีใครอื่นที่จะทำได้ดีกว่าฉันอีกแล้ว”มาเรียพูดเสียงเข้มและจริงจังทำให้พวกเขาทั้งสามถึงกับสะดุ้ง เฮอร์ไมโอนี่สะกิดเบลสและกระซิบถามเมื่อเห็นมาเรียเดินไปหยิบกาน้ำร้อนที่เตา
”ทำไมแม่ของคุณถึงจริงจังในเรื่องนี้มากนักล่ะเบลส ”
เบลส ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจเขาเองก็อดรู้สึกแปลกใจกับความคิดแผลงๆของแม่เขาอยู่เหมือนกัน
“มันไม่แปลกไปหน่อยหรือฮะแม่”
เบลสคร่ำครวญไปยังแม่ของเขา”แม่กับผมพวกเราต้องเต้นรำด้วยกันผมเขินแย่”เขาพูดอย่างนึกเขินในใจมาเรียกรอกตาของเธอและมองไปยังเฮอร์มโอนี่ที่มองเธอและยิ้มให้เล็กน้อย ดังนั้นมาเรียจึงมีความคิดที่ดีขึ้นในหัว
”เธอจะต้องเต้นรำกับเฮอร์ไมโอนี่”เธอพูดเสียงใสกังวาลราวเสียงดนตรี
“อะไรนะ”ทั้งสามคนตะโกนเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“คุณพูดเล่นใช่ไหมค่ะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดค่อนข้างแตกตื่น”ครั้งสุดท้ายที่พวกเราพยายามทำให้ดี แต่มันก็ไปได้ไม่สวยเลย”เธอกล่าวหน้าเศร้าเล็กน้อยเมื่อเธอคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“เวลานี้ คนที่จะสอนคุณไม่ใช่ผู้หญิงที่มีจิตใจคับแคบคนนั้น นอกจากฉันคนนี้”เธอกล่าวอย่างนุ่มนวล”หนุ่มสาวทุกคนจะต้องเรียนการเต้นรำ เพราะมันเป็นการสื่อสารของการบอกรักที่สวยงาม”
เฮอร์ไมโอนี่เตรียมตัวที่จะเอ่ยปากคัดค้าน ถึงแม้จะดูเลือนรางเต็มทีก็ตาม แต่มีเสียงเคาะประตูเสียก่อนมาเรียจึงเดินเข้าไปดูว่ามีใครมาอยู่ที่หน้าประตู
หนุ่มสาวทั้งสามจึงอยู่ภายในครัวกันตามลำพังและทานอาหารเช้ากันต่ออย่างเงียบๆ
“เธอคงไม่ตกใจเมื่อต้องเต้นรำอีกครั้งหรอกนะใช่ไหมเกรนเจอร์”เดรโกถาม
“โอ้ว เงียบไปเลยมัลฟอย”เฮอร์ไมโอนี่โต้ตอบเขาอย่างเย็นชาเธอยังไม่ให้อภัยในสิ่งที่เขาทำกับพวกผู้หญิงที่ต้องการเข้าแถวเพื่อรอแต่งงานกับเขา และแน่นอนมันค่อนข้างที่จะน่ารังเกียจสำหรับการกระทำของเขา
“เกรนเจอร์ มันก็แค่เรื่องตลกน่ะ”เขากล่าวและยกคิ้วสูงขึ้นสูง”ฉันรู้ว่าเธอรำคาญฉันในตอนนี้แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ แต่สิ่งที่ฉันอยากบอกต่อเธอในตอนนี้คือมาเรียจะเป็นครูที่ดีดังนั้นเธอไม่ควรวิตกหรือกังวลใจใดๆอีก”เดรโกกล่าวและยิ้มให้เธอด้วยความจริงจัง
“ฉันไม่ได้วิตกกังวลเรื่องนั้น แต่.....”เฮอร์ไมโอนี่กล่าวเสียงเบา เธอก้มหน้านิ่งบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิดจนพวงแก้มเธอแดงระเรื่อจนเห็นได้ชัด ความใกล้ชิดระหว่างชายหญิงเวลาที่ต้องเต้นรำกันนั่นมันทำให้เธอวิตก การสัมผัสที่รุนแรงของวิกเตอร์มันทำให้เธอผวากับการสัมผัสของผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอ และดูเหมือนเดรโกจะเป็นเพียงผู้เดียวที่เข้าใจเธอ
“มันเป็นเพียงการเข้าใกล้ทางสังคมที่ผู้ชายจะต้องให้เกียรติผู้หญิงเพื่อพาเธอไปตามจังหวะของบทเพลง ขอให้เธอคิดแค่นั้น เกรนเจอร์ อย่าวิตกเลย”
เบลสฟังที่เดรโกพูดแล้วพอที่จะเข้าใจถึงความวิตกกังวลของเธอ เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าอย่างยอมรับ
กลายๆและเขี่ยอาหารเช้าที่อยู่บนจานเล่น
”มันจะไปได้สวยเกรนเจอร์ อย่าห่วงเลย ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ เธอวางใจฉันได้แต่มันอาจจะทำให้เธอบาดเจ็บบ้างตอนที่ฉันอาจเหยียบเท้าเธอ” เบลสพูดติดตลกและมีเสียงหัวเราะเล็กน้อยจากเฮอร์ไมโอนี่ ”อย่ากังวลเลย เบลสเพราะฉันเองอาจจะเป็นคนที่เหยียบเท้าคุณเองก็ได้”
มีเสียงหัวเราะมาจากประตูห้องครัวในขณะที่มาเรียเข้ามากับผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาเธอมีผมสั้นสีดำรวมทั้งดวงตาสีดำขลับของเธอ เธอเป็นคนมีรูปร่างผอมบาง และค่อนข้างสูง และที่สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนคือแผลเป็นตั้งแต่ใต้คางลงมายังกระดูกคอ
เบลสกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ของเขาและโผเข้าสวมกอดเธออย่างดีใจ
”แพนซี่ในที่สุดคุณก็มาจนได้นะ ”เขาบอกและยิ้มอย่างยินดีที่เห็นเธอ
เดรโกมองแพนซี่อย่างไม่ค่อยจะสบายใจนัก ก่อนที่เขาจะชำเลืองไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่มองแพนซี่อย่างแปลกใจระคนสงสัย
”แพนซี่”เดรโกเรียกชื่อเธอและพยักหน้าเป็นการทักทาย แต่แพนซี่ก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดมาทางเขาแทน
“เดรโก”แพนซี่ พากิสันมองกลับมาที่เขาอย่างเย็นชา ก่อนที่จะส่งสายตาของเธอจับจ้องไปที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นอดีตศัตรูเก่าของเธอ ใบหน้าของแพนซี่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที
”เกรนเจอร์”เธอพูดอย่างสุภาพเสียงของเธอดูอ่อนลงเล็กน้อย
“หวัดดีพากิสัน”เฮอร์ไมโอนี่พูดกลับอย่างแผ่วเบาและเสมองไปอีกทางหนึ่งอย่าอึดอัดใจ
“เอาล่ะเด็กๆ ตอนนี้ฉันจะปล่อยเธอให้อยู่กันตามลำพังก่อนก็แล้วกันนะ” มาเรียพูดและยิ้มก่อนออกไปจากครัวเหมือนเธอรู้ว่าพวกเขาต้องการพูดคุยสะสางอะไรกันในบางเรื่อง
เมื่อรอจนมาเรียออกไปพ้นการรับรู้แล้ว แพนซี่มองไปที่เดรโกอย่างขัดใจเต็มกำลัง
”เดรโก ทำไมนายไม่บอกฉันว่าคนที่นายพูดถึงคือเกรนเจอร์”เธอกล่าวเสียงคาดคั้น”ทำไมนายไม่บอกว่าคือเธอ”
“เพราะว่าเธออาจจะไม่ยอมมาถ้าฉันบอกว่าเป็นใคร”เขากล่าวอย่างใจเย็นและเริ่มเขี่ยขนมปังเล่นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มันเรื่องอะไรกัน ฉันอยู่ที่นี่ มันก็เรียบร้อยดีนี่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย พวกคุณกำลัจะทำอะไรกันน่ะ”เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นมาอย่างอึดอัดใจ เมื่อเธอไม่รู้สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน ไม่มีใครพูดหรือบอกอะไรให้เธอเข้าใจทั้งสิ้น พวกเขากำลังทำอะไรที่เธอไม่รู้อย่างนั้นหรือ?
“ฉันมาที่นี่เพราะเดรโก” แพนซี่กล่าวอย่างโกรธแค้น”ฉันไม่ใช่คนที่โหดร้ายหรอกนะ ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ฉันจะช่วยได้ แต่มันจะช่วยฉันถ้าฉันรู้ ว่าคนที่ฉันจะช่วงเหลือคือใครและเขาเต็มใจแค่ไหน แต่ตอนนี้เท่าที่ดูเธอไม่ต้องการให้ฉันช่วยหรอก จริงไหม เกรนเจอร์”
“ใจเย็นหน่อย แพนซี่ พวกเราไม่ได้บอกคุณ เพราะพวกเราคิดว่าคุณจะปฎิเสธมัน”เบลสเป็นเพียงคนเดียวที่พยายามจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ในขณะที่เดรโกกลับนิ่งเฉยเพราะเขารู้ตัวดีว่าในเวลานี้แพนซี่คงไม่ยอมฟังเขาแน่ เพราะระหว่างเขากับเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลังจากที่เขาพูดจาทำร้ายจิตใจของเธอในบางเรื่องมันทำให้พวกเขายิ่งหมางเมินต่อกันและในตอนนี้ถ้าเขาพูดอะไรออกไปอาจจะเป็นการยั่วยุอารมณ์ของแพนซี่ให้ปะทุมากกว่าเก่าและแผนการณ์ที่จะทำให้เธอหันมาช่วยเฮอร์ไมโอนี่ก็อาจจะเป็นหมันไปก็ได้
“เฮ้ ฉันอยู่ที่นี่นะ”เฮอณ์ไมโอนี่พูดเสียงดังแต่ก็ยังคงถูกเพิกเฉยจากการนิ่งเงียบของทุกคนมันทำให้เธอรู้สึกขุ่นมัวและโมโหอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”ใครก็ได้ช่วยบอกฉันทีเกิดบ้าอะไรขึ้น”เธอตะโกนถามอย่างเอาไม่อยู่
“สิ่งที่เกิดขึ้น เกรนเจอร์ พวกเขาส่งนกฮูกไปหาฉัน”แพนซี่ส่งสายตามุ่งร้ายไปยังพวกผู้ชาย”แล้วถามว่าฉันจะสามารถมาช่วยพวกเขาได้ไหมเนื่องจากพวกเขามีใครบางคนที่ซึ่งอยู่ในสถาณะการณ์เดียวกันกับสิ่งที่เกิดกับฉัน พวกเขาคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีสำหรับฉันที่จะช่วยเธอได้มากกว่าพวกเขาซึ่งเป็นผู้ชาย”แพนซี่อธิบายให้หญิงสาวอดีตคู่อริของเธอฟัง น้ำเสียงของแพนซี่ดูนุ่มนวลขึ้นมากเมื่อพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งพร้อมกับหายใจลึกๆ”ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน”เธอกล่าวเสียงสั่น และก่อนที่ใครๆจะได้ทันพูดอะไรออกมา เฮอร์ไมโอนี่กระโจนออกไปจากที่นั่นในทันที แต่เธอก็ยังคงได้ยินเสียง ใครบางคนฟาดกำปั้นลงบนโต๊ะเสียงดังลั่นเ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เหลียวมองดูว่าเป็นใครแต่เธอก็เดาได้ค่อนข้างแม่นยำว่าเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนคนนั้น คือ เดรโก มัลฟอย
ในห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่
เฮอร์ไมโอนี่กำลังครุ่นคิด ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในตลอดสัปดาร์นี้ตั้งแต่เธอมีปากเสียงกับเดรโกซึ่งเธอพยายามที่จะปฎิเสธถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของวิกเตอร์ จนทำให้เดรโกรู้สึกโกรธและพยายามบังคับความทรงจำของเธอ เธอตัดสินใจผิดพลาดเดินกลับไปหาวิกเตอร์ ครัม จนมาเรียเข้าไปช่วยเหลือเธอออกมาได้อีกครั้ง เดรโกกลับมาและขอโทษเธอก่อนที่จะกลับไปทำตัวน่ารำคาญกับการรังเกียจผู้หญิงที่ตามตอแยเขาและในตอนนี้เขากำลังจะทำตัวงี่เง่า โดยการ ตามตัวแพนซี่มาช่วยเหลือเธอ ทำไม? มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอสักหน่อย!
”ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ! ”เธอพูดซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่เธอนั่งตัวงออยู่บนเตียง เธอไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว แต่ทำไมน้ำตาของเธอไม่ยอมหยุดไหลเสียที
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความอบอุ่นของสองแขนที่โอบกอดเธอและโอบกอดเธอแนบแน่นใกล้ชิดเข้าไปอีก เฮอรืไมโอนี่เอี้ยวตัวของเธอแล้วซบหน้าไปกับหัวไหล่ของแพนซี่และเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
“มีบางอย่างเกิดขึ้น เฮอร์ไมโอนี่”แพนซี่ปลอบโยน”เธอไม่สามารถที่จะเก็บมันโดยการพูดโกหกเกี่ยวกับมันได้”
เฮอร์ไมโอนี่สะอึกสะอื้นอยู่ที่หัวไหล่ของแพนซี่โดยที่แพนซี่ยังคงโอบกอดเธออย่างเข้าใจ เฮอร์ไมโอนี่ผละออกจากการโอบกอดของแพนซี่เมื่อเธอได้ยินเสียงเบลส ซาบินี่พึมพำอยู่หน้าห้องของเธอก่อนที่ประตูจะเปิดผั่วะออกมา
ที่หน้าห้องของเฮอร์ไมโอนี่ “ห้า สี่ สาม สอง ตอนนี้เลย เดรโก”เบลสนับขณะที่เปิดประตูให้เดรโกเดินผ่านเข้ามาเขานั่งคุกเข่าตรงหน้าของเฮอร์ไมโอนี่และจับมือของเธอขึ้น
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันมันงี่เง่า ฉันเสียใจ”เขากล่าว เฮอร์ไมโอนี่ดึงมือของเธอออกมาจากเขาและเช็ดน้ำตาของเธอก่อนยืนขึ้น
“นายมันงี่เง่า เดรโก มัลฟอย”เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาใส่เขา ในขณะเดียวกับที่แพนซี่ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆเฮอร์ไมโอนี่
“มากับฉันเถอะเฮอร์ไมโอนี่พวกเรามีเรื่องต้องคุยกัน”แพนซี่กล่าวอย่างอบอุ่นก่อนที่จะจ้องมองไปที่เดรโกและดึงเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากห้องโดยไม่สนใจเด็กหนุ่มทั้งสองอีกเลย พวกเธอทั้งคู่เดินกันไปเงียบๆผ่านห้องโถงจนกระทั่งพวกเธอมาอยู่หน้าประตูไม้สีขาวซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยสังเกตุเห็น
มาก่อนเลย
“นี่คือห้องอะไรน่ะ ฉันไม่เคยสังเกตุเห็นมันมาก่อนเลย”เธอถามขึ้นอย่างสงสัย
"นี่คือ" แพนซี่แตะเล็บมือที่ตกแต่งไปด้วยสีสันไปยังตามขวางของลายไม้ที่ประตูและเปิดมันโดยปราศจากเสียง
"นี่คือห้องของผู้หญิงที่มีทุกข์" แพนซี่กระซิบอย่างตื่นเต้นในขณะที่พวกเธอเดินไปยังกลางห้องโล่งๆ มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายถึงอาการปวดหัวในทันทีความเจ็บปวดที่ดูเหมือนห้องจะหมุนจากเฉดสีชมพูทั้งหมดที่เธอเห็นในตอนแรกเปลี่ยนเป็นสีเทาและน้ำตาลซึ่งมันลดอาการเจ็บปวดลงไปทีละเล็กละน้อย
เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาเมื่อหายจากอาการมึนงงดีแล้ว”ฉันสาบานได้ว่าสีชมพูมันทำให้ฉันเจ็บปวดในวินาทีที่ผ่านมา”
“ใช่มันเป็นอย่างนั้น”แพนซี่หัวเราะเบาๆ”มันมาจากประสาทสัมผัสของคุณเอง คุณเกลียดสีชมพูใช่ไหม เฮอร์ไมโอนี่”เธอวิเคราะห์
“ฉันไม่ชอบสีชมพูเลย”เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับขณะที่แพนซี่พาเธอมานั่งที่โซฟาที่อยู่ตรงมุมห้อง
"ฉันไม่ชอบสีชมพู ... ใช่ ฉันไม่ชอบมัน ..." เธอ เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเธอเข้ามาในห้องครั้งแรกมันถึงเป็นแบบนั้น. "วิคเตอร์ใช้ความรักที่เป็นเหมือนสีชมพู " เธอกล่าว "เขามักจะให้ฉันใส่เสื้อคลุมสีชมพูหรือส่วนประกอบอื่นๆที่เป็นสีชมพูความรักของฉันเป็นที่พอใจของเขาเฮอร์ไมโอนี่กล่าวด้วยความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัดในน้ำเสียงของเธอ.
แพนซี่ทำเสียงขึ้นจมูกในขณะที่เอาแขนพาดไปยังขอบที่นั่งบนโซฟาสีน้ำตาลอันแสนสบาย
"พ่อของฉันได้บอกฉันถึงวิธีการแต่งตัวอย่างไรเมื่อเพื่อนของเขามา"เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก"มันเป็นความสนุกเล็กๆน้อยๆของพวกเขา"เธอหน้าตาบูดบึ้ง"แต่มันมีบางอย่างที่มันมากเกินไปเสื้อผ้าที่ฉันใส่ถ้ามันไม่น้อยชิ้น อย่างมากก็จะเป็นเพียงแค่เสื้อคลุมอาบน้ำ"
เฮอร์ไมโอนี่ตกใจเธอไม่เคยได้ยินทุกคนพูดหรือเปิดเผยเกี่ยวกับสิ่งนี้ ขนาดตัวเธอเองยังไม่สามารถคิดเกี่ยวกับสิ่งที่วิกเตอร์ทำกับเธอได้ดังนั้นเธอจึงคิดที่จะปฎิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ แพนซี่เธอกลับพูดออกมาอย่างเปิดออกซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ง่ายนักสำหรับผู้ที่ถูกกระทำอันเลวร้ายแบบนี้
"พากิสัน ฉันหมายถึง แพนซี่ พ่อของเธอทำอะไรกับเธองั้นเหรอ"เธอถามราบเรียบแต่เสียงของเธอกลับสั่นอย่างหดหู่ใจ เธอภาวนาว่ามันคงจะไม่ใช่ในสิ่งที่เธอคิด
แพนซี่หัวเราะอย่างขึ่นขมและสั่นเล็กน้อย "มันเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากเฮอร์ไมโอนี่ พ่อของฉัน"เธอเริ่มเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เธอนิ่งไปชั่วครู่ เพื่อปรับอารมณ์ของตัวเองก่อนจะเล่าเรื่องเลวร้ายในอดีตให้หญิงสาวฟัง
"พ่อของฉันได้กระทำสิ่งที่น่ากลัวมากต่อฉัน” ดวงตาของแพนซี่เหมือนถูกหลอกหลอนในขณะที่เธอจ้องไปยังเปลวไฟที่ถูกเผาไหม้
"ครั้งแรกมันเริ่มผิดปกติตอนที่ฉันอายุได้แปดขวบเขาเข้ามาในห้องนอนของฉันทุกคืนและในสัปดาร์แรกเขาเพียงแต่จูบและกอดฉันซึ่งฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่ต่อมามันเริ่มรุนแรงขึ้น เขาข่มขืนฉัน ตลอดเวลา จนกระทั่งฉันได้เข้าเรียนในฮ๊อกวอตส์ เมื่อฉันไปเรียนที่ฮ๊อกวอตส์ มันหยุดไปชั่วขณะหนึ่งเขาไม่ได้แตะต้องฉันจนกระทั่งฉันขึ้นปีสี่เมื่อฉันกลับไปบ้านในวันหยุดเขาเริ่มทรมานฉันถ้าฉันต่อต้านเขา และต่อมาในปีหก เขาเริ่มนำเพื่อนของเขามามีเซ็กซ์กับฉันพวกเขาทั้งหมดยืนรอบๆฉันและ..." แพนซี่นิ่งเงียบริมฝีปากของเธอสั่นระริก
“ฉันเสียใจ ฉันไม่น่าถามเลย”เฮอร์ไมโอนี่กล่าว และวางมือลงบนแขนที่สั่นเทาของแพนซี่
“ไม่ต้องเสียใจหรอกฉันไม่ได้ละอายใจไปกับมัน เฮอร์ไมโอนี่ เขาต่างหากที่สมควรละอายใจ ฉันเป็นเหยื่อ มันอาจน่าขยะแขยง แต่มันไม่ใช่ความผิดของฉันแน่”เธอมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างจริงจัง “และดูเหมือนมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเช่นกัน เฮอร์ไมโอนี่ ”
“ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น”เฮอร์ไมโอนี่ยังคงปฎิเสธทั้งๆที่จิตใจของเธอเริ่มอ่อนล้ากับความคิดที่เธอพยายามจะปฎิเสธตลอดเวลาว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
“มีบางอย่างเกิดขึ้นเฮอร์ไมโอนี่ เธอไม่สามารถปฎิเสธมันได้อีกต่อไปแล้ว ฉันรู้ว่ามันเจ็บปวดและเธอก็อับอาย แต่เธอต้องยอมรับมันให้ได้” แพนซี่พูด พร้อมกับผงกหัวให้กำลังใจเธอ เฮอร์ไมโอนี่หายใจอย่างแรงเธอเริ่มรู้สึกลังเลในการยอมรับมัน เธอสูดอากาศเข้าไปลึกๆก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอให้แพนซี่ได้รับรู้บ้าง
"ครั้งแรกที่เขาตบตีฉัน ฉันแทบไม่รู้สึกตัวเลยว่าฉันสลบไปตอนไหน จนกระทั่งฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยฟกช้ำบนใบหน้าของฉันและตามตัว"มือของเธอจับอยู่ที่แก้มของเธอเหมือนเธอจดจำความเจ็บปวดมากมายนั้นได้
“เหคุผลที่เขาตบฉันเพราะว่าฉันไม่ชอบชุดที่เขาซื้อให้ฉันมันดูน่าเกลียดฉันบอกคุณได้เลยว่ามันดูฟูฟ่องและเป็นสีชมพู มันมองดูแล้วน่าเกลียดมาก"เธอกล่าวหน้าตาบูดบึ้งด้วยความโกรธและเกลียดที่สั่งสมมานาน
"หลังจากนั้นล่ะ "แพนซี่กระตุ้นเธอ"ฉันเผชิญหน้ากับเขาและเขาเกือบฆ่าฉัน"เธอกล่าวและปล่อยลมหายใจยาวๆ"เขาให้ฉันบอกแฮร์รี่และจินนี่รวมทั้งรอนว่าฉันสะดุดบ้างตกบันไดบ้าง แน่นอนพวกเขาทั้งหมดเชื่อฉัน ฉันไม่ได้ตำหนิวิกเตอร์ เพราะฉันพอจะรู้ว่าเขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยได้และที่สำคัญฉันรักเขา"
“เขามันบ้า”แพนซี่กล่าว”นั่นนะมันน่ากลัวนะ”
“แต่มันก็เป็นสวรรค์เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณเผชิญมา”เฮอร์ไมโอนี่ยอมรับอย่างเงียบๆ
“ตอนไหนที่เดรโกเจอเธอ”แพนซี่ถามต่อ
"คืนนั้นมันเป็นนรกชัดๆหลังจากงานเลี้ยงที่สถานทูตบัลแกเรีย เขาดื่มเหล้าไปมาก และฉันก็รู้ ฉันขอตัวกลับออกมาก่อนและฉันรู้สึกได้ว่ามีคนเดินตามฉันออกมา เขาคือวิกเตอร์ เขากระชากตัวฉันเข้าไปในตรอกเล็กๆที่แคบ มืดและสกปรก เขา ..... "น้ำตาวิ่งลงมาไหลตามแก้มของเธอและเธอปล่อยเสียงสะอื้นออกมา
“เมื่อเขาดึงฉันเข้าไปในซอยก่อนถึงทางเข้าบ้านเขาต่อยฉันฉันไม่ต้องการมันฉันรู้สึกได้ว่าเขาอยู่ด้านบนของฉันลมหายใจของเขาเหมือนสัตว์ป่าฉันกรี๊ดร้องและเขาก็ตบฉันอีกครั้งฉันเกิอบไม่ได้สติต่อมามัลฟอยได้มาถึงและเขาก็ต่อสู้กัน ฉันจำเป้นต้องหยุดมันดังนั้นฉันจึงสาปวิกเตอร์ให้เป้นหิน และนั่นคือทั้งหมดที่ฉันจำได้"
แพนซี่ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมและสวมกอดเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้
"เห็นไหม มันไม่ได้หนักหนาเลย เพียงแค่เจ็บปวด นิดหน่อย แต่ในตอนนี้อย่างน้อยเธอก็ยอมรับมันได้"แพนซี่กล่าวให้กำลังใจ เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่พยักหน้าในขณะที่เธอยังคงสะอึกสะอื้นอยู่
“ฉันเสียใจที่มันเจ็บปวดแต่นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเธอสามารถทำสิ่งนี้ได้ เฮอร์ไมโอนี่ แล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้น "เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่แพนซี่และพยักหน้าอีกครั้งก่อนที่เธอจะฝังหัวลงบนที่ไหล่ของแพนซี่อีกครั้งหนึ่ง
TBC
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น