ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fic : SJ & TVXQ by Cho-kune

    ลำดับตอนที่ #9 : [KyuxMin] Break up.....

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 52



    Title : [Kyu x Min] Break up........<ให้โอกาสได้ไหมเธฮ - Ann ธิติมา>


    Type : Short Fic


    Rate : PG
















    เครื่องบินที่เพิ่งจะร่อนลงที่ท่าอากาศยานนาริตะของประเทศญี่ปุ่นกำลังพาใครคนนึงมายัง ณ แดนอาทิตย์อุทัย รถลิมูซีนขับมาจอดรอด้านนอกของท่าอากาศยาน ชายหนุ่มใส่สูทสีดำสนิทกำลังลากกระเป๋ตรงมายังที่รถ คนขับรถรีบลงมานำกระเป๋าไปเก็บไว้ด้านท้าย  และชายหนุ่มเข้าไปนั่งบนเบาะหนังหนานุ่มมองวิวด้านนอกเมื่อตัวรถเคลื่อนออกจากที่แห่งนี้

    ชายหนุ่มโจว คยูฮยอนเจ้าของบริษัทมาตรวจดูความเรียบร้อยของบริษัทลูก....วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆเป็นเวลาสี่ปีได้มั้ง ผมก็ยังเป็นคนที่ไร้อากาศให้หายใจเช่นเคย อากาศของผมหลุดลอยหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมพยายามตามหาจนทั่วเกาหลีแต่ผลสุดท้ายที่ได้คือความผิดหวังกลับมา.....ถ้าพระเจ้ายังเห็นใจผมอยู่ช่วยทำให้ผมหาอากาศของผมเจอด้วยเถิด....

     

     

     

     


      จากครั้งที่เราแยกทางกันเดินมันดูเนิ่นนาน
     
      ก็คิดว่าลืมที่เคยรักกันดูเหมือนมันช่างห่างไกล

     

     


    วันรุ่งขึ้นในตอนบ่ายผมหลบออกมาจากบริษัทเพื่อมาหากาแฟทาน ผมเดินไปเรื่อยเปื่อยตามคำแนะนำของพนักงานในบริษัทที่ว่าแถวนี้มีร้านกาแฟที่รสชาติดีแถมเค้กก็อร่อยจนเป็นลูกค้าประจำเกือบครึ่งค่อนบริษัท 

    ผมเห็นร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม สงสัยจะเป็นที่นี่ล่ะมั้งเห็นมีอยู่แค่ร้านเดียว ด้านหน้ามีต้นไม้ดูแล้วรมรื่นเหมาะกับการจิบกาแฟอย่างเพลิดเพลิน ทั้งร้านตกแต่งไปด้วยสีเขียวและสีชมพูอย่างลงตัวทำให้ผมนึกถึงซองมินขึ้นมาทันที นึกถึงวันแรกที่พบกัน.....

     

     

    'รับอะไรดีครับ'

     

     

    ผมเงยหน้าจากเมนูขึ้นมามองหน้าพนักงาน เพียงแค่เห็นแว้บแรกผมรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

     

     

    'ขอลาเต้ที่หนึ่งครับ'

     

     

    'แล้วรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ'

     

     

    'ไม่ครับ'

     

     

    เขายิ้มให้ผมก่อนที่จะไปทำกาแฟมาให้ รอยยิ้มที่สดใสกะจ่างตามันยังติดตาผมมาถึงปัจจุบัน....

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินเข้าไปในร้านบริกรชายติดป้ายชื่อว่าโคคิมาต้อนรับผม

     

     

    "คนนิจิวะ ไม่ทราบจะรับกี่ที่ครับ"

     

     

    "ที่เดียวครับ"

     

     

    "ต้องการจะนั่งด้านในหรือด้านนอกครับ"

     

     

    "ด้านนอกก็แล้วกันครับ"

     

     

    "งั้นเชิญด้านนี้เลยครับ"

     

     

    พนักงานเดินนำทางผมไปด้านนอกตรงชานระเบียงที่มีต้นไม้ให้ร่มเงา

     

     

    "จะรับอะไรดีครับ"

     

     

    "ลาเต้ที่หนึ่งครับ"

     

     

    "รับเค้กหรือคุกกี้เพิ่มมั้ยครับ ทางร้านเราขึ้นชื่อมากเลยนะครับ อย่างเช่นPink rabbit cakeที่กำลังเป็นที่นิยมของร้านเราตั้งแต่เปิดร้านเลยนะครับเพราะรสชาติของมันไม่หวานเลี่ยนเหมือนร้านอื่นๆ หรือจะเป็นCeral cakeที่ดีต่อสุขภาพ นี่เพิ่งวางขายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วแต่ก็ขายดีเหมือนกันนะครับ"

     

     

    "....งั้นเอาPink rabbit cakeที่หนึ่ง"

     

     

    Pink rabbit....ยังงั้นเหรอ กระต่ายสีชมพู.....จะมีโอกาสที่ร้านนี้เป็นของนายมั้ยนะ ซองมิน? ผมหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางเพื่อให้ลูกค้าอ่านขึ้นมานั่งไล่ดูว่าตอนนี้มีข่าวอะไรบ้าง

     

     

    "กาแฟได้แล้วครับ"

     

     

    เสียงใสๆที่คุ้นเคยนั้นทำให้มือที่ถือหนังสือพิมพ์นั่นสั่นระริกและมันก็ใช่.....ผมรู้สึกเหมือนหายใจได้สะดวกมากขึ้น หัวใจเริ่มกลับมาเต้นได้อีกครั้ง

     

     

    "ซองมิน"

     

     

    "คยู"

     

     

     

     


      แต่วันนี้ต้องเจอ เธอนั้นที่เคยคุ้นใจ

      ความทรงจำที่หายไปก็ย้อนมา กลับทำให้ใจไหวหวั่น

     

     

     


    น้ำตาเอ่อท้นในนัยน์ตาของผมก่อนที่ไหลลงมา ผมรีบหมุนตัวกลับเข้าไปในร้านเพื่อหลบหนีคนที่ไม่สามารถลบเลือนออกไปจากจิตใจได้

     

     

    "เดี๋ยว ซองมิน!!"

     

     

    มือของคยูคว้าข้อมือผม ผมหันไปมองมืออีกข้างที่ยกขึ้นมาปาดน้ำตาของผมทิ้ง

     

     

    "ในที่สุด...ผมก็หาอากาศเจอซะที"

     

     

    ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คยูพูด อากาศ? ใครคืออากาศ? ผมค่อยๆบิดมืออกจากการเกาะกุมอย่างสุภาพ

     

     

    "ปล่อย ผมมีงานที่ต้องทำอีกเยอะแยะ"

     

     

    "ทำไมจู่ๆถึงย้ายมาอยู่ที่นี่?"

     

     

    "ผมต้องไปทำงาน!!"

     

     

    ผมผลักคยูและวิ่งเข้าไปในร้านเพียงแค่เห็นหน้าความรู้สึกที่ผมปิดตายไปตั้งแต่สี่ปีแล้วกลับเอ่อท้นออกมาแค่เจอหน้าใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนครั้งแรกที่เจอหน้า ผมทรุดตัวลงในห้องที่พนักงานกำลังวุ่นทำเค้กกันอยู่น้ำตานั้นไหลลงมาอีกระลอก

     

     

    "โอนเนอร์เป็นอะไรครับ"

     

     

    ยูอิจิเข้ามาถาม

     

     

    "โอนเนอร์ร้องไห้ทำไมครับ"

     

     

    โชเดินมาถามผมบ้าง

     

     

    "มะ ไม่มีอะไรหรอก พวกนายไปทำงานกันต่อเถอะ"

     

     

    ผมปาดน้ำตาทิ้งก่อนที่จะหมกตัวอยู่ในหลังร้านตลอดทั้งวัน ผมพยายามหาอะไรทำเพื่อใจจะได้ไม่นึกถึงคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าร้าน

     

     

     

     


      เพิ่งรู้ตัวเองว่าไม่เคยลืม ลืมเธอได้เลย

      เพิ่งรู้ตัวเองว่ายังรักเธออย่างเหมือนที่เคยผ่านมา

      หากไม่สายเกินไป อยากขอให้เธอหวนมา

      อย่างเวลาที่สองเราเคยมีกัน 

     

     

     

     

    เวลาผ่านไปจนถึงเวลาปิดร้านผมยังคงนั่งอยู่หน้าร้านเพื่อรอซองมิน อากาศเริ่มย็นนิดๆแต่ผมไม่สนใจ สิ่งที่ผมสนใจนั้นเป็นเจ้าร้านนี้มากกว่า

     

     

    "ขอโทษนะครับคุณลูกค้าคือร้านเราจะต้องปิดแล้วนะครับ"

     

     

    "อ่า ครับ"

     

     

    ผมวางเงินไว้บนโต๊ะ

     

     

    "เอ่อ..คุณครับคือเจ้าของร้านนี้ใช่ของคนที่ชื่อลี ซองมินใช่มั้ยครับ"

     

     

    "ครับ"

     

     

    บริกรโคคิทำหน้างงๆ

     

     

    "พอดีว่าผมรู้จักกับเจ้าของร้านนี้น่ะครับ ตอนนี้เจ้าของร้านยังอยู่มั้ยครับ"

     

     

    "อยู่ครับ กำลังเก็บของอยู่ด้านหลังร้าน"

     

     

    "ครับ"

     

     

    ผมเดินไปดักรออยู่ด้านหลัง จนผ่านไปหนึ่งชั่วโมงอากาศด้านนอกเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆผมหายใจออกมาเป็นไอสีขาวสงสัยคงเข้าฤดูหนาวแล้วล่ะมั้ง หิมะเริ่มโปรยปรายลงมา.....ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมงพนักงานเริ่มทยอยกันออกมา

     

     

    "อ้าวคุณ ยังรอโอนเนอร์อยู่เหรอครับ"

     

     

    "ครับ"

     

     

    บริกรคนเดิมเดินเข้ามาทักผม

     

     

    "ผมชื่อทานากะ โคคิ ส่วนคนนี้เพื่อนผมชื่อทางุจิ จุนโนะสึเกะ"

     

     

    "โจว คยูฮยอนครับ"

     

     

    "คุณเป็นคนเกาหลีเหรอเนี่ย"

     

     

    "ครับ ผมดูไม่เหมือนเลยงั้นเหรอ"

     

     

    "ก็ประมาณนั้นน่ะครับ โหย คุณมารอจนหิมะเกาะตามตัวคุณหมดแล้วนะเนี่ย ผมช่วยปัดนะครับ"

     

     

    "ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมปัดเอง"

     

     

    ผมยกมือปัดหิมะที่อยู่ตามบ่าออกไป

     

     

    "คุณยืมร่มผมมั้ย?"

     

     

    ทางุจิถามผม

     

     

    "ไม่เป็นไรครับ พวกคุณต้องใช้ไม่ใช่เหรอครับ"

     

     

    "เดี๋ยวผมใช้ร่มคันเดียวกับโคคิก็ได้ คุณเอาไปเถอะดูเหมือนว่าโอนเนอร์เขาจะลืมเอามาด้วยน่ะครับ"

     

     

    ผมยื่นมือไปรับร่มมาและทั้งสองคนเดินจากไป ผมนั่งคอยไปอีกประมาณสิบนาทีซองมินถึงออกมากำลังล็อคประตูก่อนที่จะหันมา ซองมินปล่อยกุญแจที่ถืออยู่ทิ้งลงบนพื้น ผมลุกเดินไปหาซองมินแต่เค้ากลับถอยหลังไปเรื่อยๆจนถึงกำแพง

     

     

    "ซองมิน....ทำไมถึงต้องถอยไปขนาดนั้นด้วย"

     

     

    ผมอดอมยิ้มกับท่าทางที่ดูหวาดกลัวเหมือนกกระต่ายตัวน้อยกำลังจถูกหมาป่าขย้ำ

     

     

    "ทะ ทำไมถึง..."

     

     

    "ถ้าจะถามว่าทำไมผมถึงอยู่ที่นี่ เพราะว่าผมต้องมาดูแลบริษัทลูกที่อยู่ที่นี่และทำให้ผมได้มาเจอกับคุณซองมิน"

     

     

    ทั้งผมทั้งซองมินยืนเงียบอยู่หลายนาที

     

     

    "ฮะ ฮัดเช้ย!!!"

     

     

    เสียงจามของผมทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดลง ซองมินหันมาทางผมก่อนที่จะความหาผ้าเช็ดหน้าและเช็ดน้ำมูกให้

     

     

    "มายืนรอตั้งนานแล้วใช่มั้ย?"

     

     

    มือที่ผมเคยจับกำลังปัดเศษหิมะที่เกาะบนศรีษะน้ำเสียงฟังดูอ่อนลง ผมเอื้อมมือจับข้อมือเล็กค่อยๆนำมาวางไว้บนอกด้านซ้าย

     

     

    "คุณ..! !"

     

     

    "ซองมิน ผมขอโทษที่เคยละเลยไม่เอาใจใส่ดูแล...จนเมื่อวันที่ซองมินจากผมไปผมถึงได้เรียนรู้จากผลกรรมที่ตัวเองทำไว้ ผมต้องอยู่โดยไร้อากาศให้หายใจมันเหมือนตายทั้งเป็น ผมพยายามหาอะไรทำเพื่อลบเลือนคุณออกไปจากจิตใจแต่มันทำไม่ได้มันกลับแจ่มชัดขึ้นทุกครั้ง......

    ผมขอให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย กลับมาเป็นอากาศให้ผมเหมือนเดิม ผมรู้ว่าคุณยังไม่สามารถอภัยกับสิ่งที่ผมในอดีตได้ แต่ผมขอเพียงแค่โอกาสเท่านั้น โอกาสที่ผมจะได้พิสูจน์ตัวเองให้คุณได้รู้ว่าผมรักคุณจริงๆ"

     

     

     

     


      อยากรักเธออีกครั้ง ให้โอกาสไหมเธอ
     
      ขอให้เธออยู่เคียงข้างฉันเหมือนวันเก่าที่แล้วมา

      อยากมีเธอตรงนี้ รู้ว่าใจต้องการ

      ให้เธอนั้นคืนกลับมา คืนมารักกัน

     

     

     

     


    ....เวลาผ่านไปผมมักจะเห็นคยูนั่งจิบกาแฟทุกๆบ่าย ตอนเย็นมารอรับกลับไปส่งยังเพนท์เฮ้าส์....วันนี้อีกเช่นกันที่มาส่งผม

     

     

    "วันนี้ซองมินไปไหนหรือเปล่าครับ"

     

     

    "ถามทำไม"

     

     

    ผมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าคยูเจื่อนลงเล็กน้อย

     

     

    "ก็เผื่อผมจะได้ไปด้วยไงครับ"

     

     

    "จำเป็นด้วยเหรอที่นายจะต้องติดสอยห้อยตามฉันไปทั่ว"

     

     

    คราวนี้คยูหน้าจ๋อยหดเหลือแค่สองนิ้วเองมั้งจนผมอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ตอนนี้ถึงทีที่ผมจะเอาคืนให้หนำใจบ้างล่ะปล่อยให้ผมทนกับนิสัยแย่ๆของเขามาตั้งนาน

     

     

    "ล้อเล่นน่า คืนนี้ไปเที่ยวผับ"

     

     

    "ไปเที่ยวผับ!!"

     

     

    คราวนี้คยูโวยขึ้นมาทันที

     

     

    "ไปทำไม!! ห้ามไป!"

     

     

    "ห้ามไปงั้นเหรอ?? ใช้คำได้ดีนี่คุณชาย แต่คุณมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบถึงมาห้ามไม่ให้ไปนู่นไปนี่"

     

     

    ผมกอดอกมองหน้า คยูสะอึกและหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    "โธ่เว้ย!!! เดี๋ยวผมมารับตอนสามทุ่ม"

     

     

    "ผับที่ฉันไปสองทุ่มก็เปิดแล้ว"

     

     

    "งั้นสองทุ่มมารับ"

     

     

    ผมพยักหน้าก่อนที่จะเดินเข้าเพนท์เฮ้าส์ไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ผมแต่งอย่างพิถีพิถันกว่าทุกวัน...ไหนๆก็จะมีเรื่องให้แกล้งก็ขอให้มันสุดๆไปหน่อยเถอะ ฮิฮิ คยูโทรมาบอกว่ามารออยู่หน้าเพนท์เฮ้าส์เรียบร้อยแล้ว

     

     

    "อีกสิบนาทีเดี๋ยวลงไป"

     

     

    ผ่านไปสิบนาทีผมก็ยังคงนั่งแกล้งถ่วงเวลาให้เขาอารมณ์เสียเล่นๆ คยูโทรมาอีกผมก็ปล่อยไม่ยอมรับสายเขาโทรจนถึงMissed callที่สิบผมถึงลงไปด้านล่าง

     

     

    "ทำอะไรอยู่ทำไม....ถึง...ลงมา..ช้า"

     

     

    คยูชะงักและลดระดับเสียงลงเมื่อเห็นผมเดินลงมา ผมสวมเสื้อยืดที่ปาดคอเสื้ออวดช่วงบ่าขาวที่ลาดเนียนและสร้อยคอที่ใส่ กางเกงยีนส์ขาสั้นจนเห็นเรียวขาสวยที่ขาวเนียน กลิ่นน้ำหอมที่ผมจงใจพรมเยอะกว่าทุกครั้งและทิ้งกลิ่นเอาไว้เวลาเดินผ่านให้ทุกคนเหลียวหลังกลับมามองได้อย่างง่ายดาย

     

    ส่วนคยูเลือกที่จะสวมเสื้อยืดและมีเสื้อฮู้ดคลุมทับอีกทีและกางเกงยีนส์สีเข้มสวมรองเท้าผ้าใบราคาแพงทำให้เขาดูเด็กกว่าอายุจริงเดิมโข

     

     

    "โทษทีไปกันได้รึยัง เดี๋ยวจะช้านะ"

     

     

    "อะ อืม"

     

     

    คยูขับรถมายังผับตามทางที่ผมบอก พอถึงที่ผมเดินตรงไปยังบาร์เพื่อหาอะไรดื่มปล่อยให้คยูหาที่จอดรถเอาเอง

     

     

    "ไง วันนี้มาเลทไปครึ่งชั่วโมงนะ ซัจจี้"

     

     

    "จะมาเลทบ้างไม่ได้รึไงจิน"

     

     

    "เปล๊า แค่แปลกใจเท่านั้นเอง"

     

     

    "ชิ"

     

     

    ผมเหลือบไปเห็นคยูกำลังเดินเข้ามาและพวกสาวๆส่งสายตาเชิญชวน คยูยิ้มตอบแต่ก็เดินตรงมาหาผม ผมยิ้มน้อยๆก่อนที่จะปรับเปลี่ยนท่านั่งให้ดูยั่วยวนและก้มตัวลงจนคนตรงข้ามมองเห็นอกขาวๆเต็มสองตาพร้อมกับยื่นหน้าไปหาจิน

     

     

    "งั้นฉันเอาเหมือนเดิมนะจิน"

     

     

    "เฮ้ นายจะมาเล่นบ้าอะไรของนายฉันไม่ขำหรอกนะ"

     

     

    จินขมวดคิ้วเข้าหากัน ผมรู้ว่ามันไม่อยากจะเสี่ยงโดนกรงเล็บนางพญาข่วนแขวกลงหน้าสักเท่าไหร่

     

     

    "ฮิฮิ"

     

     

    "ซองมิน!!"

     

     

    คยูยืนทำหน้าเดือดดาลอยู่ข้างๆผม จินหันไปมอง

     

     

    "หืม?อะไรคุณคยูฮยอน"

     

     

    ผมเอียงคอถาม

     

     

    "นั่งให้ดีๆหน่อยสิ!!!"

     

     

    "นั่งยังไง นี่ก็ดีอยู่แล้ว"

     

     

    "นั่งดีอยู่แล้วยังงั้นเหรอ"

     

     

    คยูกดเสียงต่ำ ผมแอบกลืนน้ำลายตอนนี้คยูเริ่มที่จะโกรธขึ้นมาจริงๆซะแล้วเวลาเขาโกรธนั้นเหมือนพายุถล่มเมืองดีๆนี่เอง

     

     

    "คุณเป็นเพื่อนของซัจจี้ใช่มั้ย ผมอาคานิชิ จินเป็นเพื่อนกับซัจจี้หรือซองมินนั่นล่ะครับ โอ๊ะ!ส่วนคนที่กำลังเดินเข้ามาใส่เสื้อกล้ามสีฟ้านั่นคาเมนาชิ คาซึยะแฟนผมเอง"

     

     

    จินรีบอธิบายอย่างร้อนรน ผมถลึงตามองหมอนั่น ปัดโธ่เว้ย!! ไอ้เพื่อนบ้าช่วยกันหน่อยก็ไม่ได้

     

    "โอยาซุมินาไซมินมิน เอ่อ..."

     

     

    "โจว คยูฮยอนครับ"

     

     

    "ครับ"

     

     

    คาเมะยิ้มอย่างเป็นมิตรและมันก็ไปกระตุกต่อมหึงของจินเข้าอย่างจัง ผมดึงเสื้อของจินเบาๆ

     

     

    "แล้วโจวซังเป็นเพื่อนของซัจจี้เหรอครับ"

     

     

    จินถามขึ้น ผมสะดุ้ง เพื่อนงั้นเหรอ? ตานั่นคิดยังไงเนี่ยถึงถามคำถามบ้าๆนี่ขึ้นมา

     

     

    "ไม่ใช่ครับ เขาคืออากาศของผม"

     

     

     

     


      หากเธอยังจำเรื่องราวของเราที่เคยซึ้งใจ
     
      หากแม้ว่าเธอยังไม่มีใครในใจของเธอตอนนี้

      อยากจะบอกรักเธอ บอกรักเธออีกสักที

      ใจยังรอเธอที่แสนดี มารักกันเหมือนเดิม

     

     

     

     

     


    ผมนั่งเหม่อมองหิมะที่โปรยปรายลงจากท้องฟ้าในร้านของตัวเอง....คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผมตอนนี้คือ...เขารักและต้องการผมจริงๆเหรอ??....คำถามนี้ไม่มีใครตอบได้มีแต่เจ้าตัวนั้นที่สามารถบอกผมได้ ผมรู้ว่าคนเราถ้าขาดอากาศก็จะตายเหมือนกับคยูฮยอนในตอนนี้.....ถ้าคนเราอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ต้องพยายามขวนขวายหาอากาศกลับมาให้ตัวเองมีชีวิตต่อไป

     

    รายงานผลกำไรที่บริษัทของผมได้รับวางอยู่ตรงหน้ามันไม่ได้ดึงดูดความสนใจผมแม้แต่น้อย ผมนั่งมองหิมะสีขาวที่ลอยลงมา....สิ่งที่ผมพอที่จะพิสูจน์ว่าผมต้องการเขา ผมรักเขา ผมได้ทำลงไปแล้วไม่รู้ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ สิ่งที่ผมไม่เคยทำให้ใคร ผมทำให้คนๆนี้เป็นคนแรก....ผมทำลายอะไรๆหลายๆอย่างมาแล้วแต่ครั้งนี้ที่ผมอยากจะประกอบสิ่งที่แตกสลายจนเป็นเสี่ยงๆให้มันกลับมาเหมือนเดิมเป็นครั้งแรก

     

     

     


      ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม ไม่ได้ขอเกินไปใช่ไหม

     

     


    หัวใจของแต่ละคนพระเจ้าประทานมานั้นมีความรักเปี่ยมล้นอยู่ด้านใน และพระเจ้าได้แบ่งครึ่งโยนลงมาสู่โลกมนุษย์กระจัดกระจายเพื่อให้ขวนขวายหาส่วนที่ขาดหายมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน

     

    แต่มันก็ขึ้นอยู่กับคนพระเจ้าประทานให้ว่าจะใช้มันยังไงจะปลูกต้นรักให้งดงามหรือปลูกต้นหนามให้ทิ่มแทงจนเจ็บปวดดั่งเช่นคยูฮยอนที่พาดพลั้งปลูกต้นหนามลงไปในหัวใจของซองมิน

     

    วิธีแก้ที่พระเจ้าประทานลงมาให้นั่นคือ.....คำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจและการกระทำที่สื่อความหมายถึงคำว่ารัก เพื่อสักวันนึงมันจะเปลี่ยนเป็นต้นรักที่เริ่มผลิบานในขวากหนาม

     

     

     

     

     


      อยากรักเธออีกครั้ง ให้โอกาสไหมเธอ

      ขอให้เธออยู่เคียงข้างฉันเหมือนวันเก่าที่แล้วมา

      อยากมีเธอตรงนี้ รู้ว่าใจต้องการ
     
      ให้เธอนั้นคืนกลับมา คืนมารักกัน

     

     

     

     

     


    วันนี้ผมพาซองมินไปเที่ยวสวนสนุก เครื่องเล่นแต่ละชิ้นต้องผ่านการเล่นจากซองมินมาหมดทั้งสิ้นโดยเฉพาะพวกผาดโผน อา...ต่อไปเป็นชิ้นที่ห้าคือไวกิ้งค์...........

     

     

    "อ๊ากกกกกกกกกกก!!!!"

     

     

    "กรี๊ดดดดดดดด!!!"

     

     

    ของคนเล่นแต่ละคนร้องเพื่อความสนุกของมัน ยกเว้นผมคนนึงที่เดินโซเซลงมาจากเครื่องเล่น

     

     

    "อ้าวๆ ยอมแพ้แล้วเหรอ"

     

     

    ผมยิ้มแทนคำตอบตอนนี้ผมไม่อยากจะพูดอะไรเลยจริงๆในท้องมันปั่นป่วนจนอยากจะอ้วกออกมาให้ได้ ซองมินหัวเราะคิกคักและเดินหายไป สงสัยหน้าตาผมคงตลกมากเลยสินะ ผมหลับตาลงด้วยความเพลีย

     

     

    "ตื่นขึ้นมาได้แล้วคุณคยูฮยอน"

     

     

    ผมค่อยๆลืมตาซองมินส่งน้ำเย็นมาให้ผม ผมรับมาแล้วกระดกเข้าปากอย่างน้อยก็รู้สึกดีกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย ซองมินนั่งลงด้านข้าง

     

     

    "นอนลงมาสิ"

     

     

    ผมทำหน้างงๆ นอน?แล้วจะให้ผมนอนตรงไหนล่ะเนี่ย

     

     

    "นอนลงสิบนตักฉันเนี่ย"

     

     

    "หา!!"

     

     

    เดี๋ยวๆ ผมกำลังหูฝาดไปใช่มั้ย?? เมื่อกี้ซองมินบอกว่าให้นอนตัก....นอนตัก....นอนตัก

     

     

    "เลิกทำหน้าตาเอ๋อซะทีได้มั้ย เดี๋ยวเปลี่ยนใจให้นอนบนม้านั่งแข็งๆซะเลยดีมั้ยเนี่ย!!"

     

     

    ผมล้มตัวลงบนตักทันที ใครจะไปพลาดโอกาสดีๆแบบนี้กันล่ะ หุหุ ซองมินเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำแล้ววางไว้บนหน้าผาก

     

     

    "นายนอนไปเถอะ...นายคงฝืนที่ไปขึ้นเครื่องเล่นกับฉันใช่มั้ยถึงได้มีอาการแบบนี้"

     

     

    "เปล่าซะหน่อย ผมเต็มใจต่างหาก"

     

     

    ผมยิ้มออกมา ซองมินแก้มแดงระเรื่อไม่ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหนซองมินก็ยังคงเป็นซองมินที่ใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเดิมถึงผมจะแอบช็อคที่ซองมินแต่งตัวซะยั่วยวนขนาดนั้นเมื่อตอนไปผับก็เถอะ

     

    เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงนึงผมรู้สึกอาการดีขึ้นซองมินจึงชวนไปเล่นของเล่นที่ลดความผาดโผนลง วันนี้ถือว่าเป็นวันที่ดีสำหรับผมอีกวันนึงเช่นกัน

     

     

     

     

     

     


      หากเธอยังจำเรื่องราวของเราที่เคยซึ้งใจ

      หากแม้ว่าเธอยังไม่มีใครในใจของเธอตอนนี้
     
      อยากจะบอกรักเธอ บอกรักเธออีกสักที

      ใจยังรอเธอที่แสนดี มารักกันเหมือนเดิม

     

     

     

     

     


    วันเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายวัน พรุ่งนี้จะถึงกำหนดเวลากลับโซล...แต่ผมยังไม่ได้อากาศของผมกลับคืนมา...ผมควรจะทำยังไงดี??....

     

     

     

     

    ผมยังคงวุ่นวายกับร้านของตัวเองเช่นเคยในทุกๆวัน

     

     

    "โอนเนอร์ครับ คยูซังเขามาน่ะครับ"

     

     

    โคคิโผล่หน้ามาบอกผม ผมหน้ามุ่ยแต่ปากกลับอมยิ้ม คยูมาหาผมจนพวกลูกน้องในร้านจำได้แถมยังสนิทกันอีกต่างหาก

     

     

    "โคคิยกลาเต้ไปให้เขาแล้วบอกว่าเดี๋ยวฉันออกไปหา"

     

     

    "ครับ"

     

     

    ผมล้างมือและกำลังเช็ดมือหลังจากเพิ่งวางผลไม้บนหน้าเค้กเสร็จ ยูอิจิยื่นหน้ามาถามผม

     

     

    "คยูซังนี่เขาเป็นแฟนของโอนเนอร์เหรอครับ"

     

     

    "หา!! นายไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนเนี่ย ยูอิจิ!!"

     

     

    ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนฉ่าเหมือนขนมปังเพิ่งยกออกมาจากเตาอบ

     

     

    "ก็เห็นเขามาหาโอนเนอร์ทุกวันเลยนิครับ แล้วอีกอย่างถ้าไม่มีอะไรกันจริงโอนเนอร์หน้าแดงแจ๋ทำไม"

     

     

    "ยูอิจิ!!!!!!"

     

    ยูอิจิเผ่นแผล่วไปทำงานทันที ผมเดินกระแทกเท้าปึงปังไปหน้าร้าน

     

     

    "ทำไมซองมินหน้าหงิกยังงั้นล่ะครับ"

     

     

    คยูยิ้มให้ผม

     

     

    "ไม่มีอะไร"

     

     

    ผมตอบเสียงสะบัด

     

     

    "ถ้าไม่มีอะไรถึงต้องตอบเสียงแบบนั้นด้วยล่ะครับ ผมว่าซองมินเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่านะ"

     

     

    ผมหายใจพรืดและหัวเราะคิกๆกับคำพูดของเขา

     

     

    "ซองมินครับ...ซองมินยังจะให้โอกาสที่จะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ย"

     

     

    ผมหยุดหัวเราะและมองหน้าคยู

     

     

    "ทำไม?"

     

     

    "ช่วยตอบผมหน่อยเถอะ ผมอยากรู้จริงๆ"

     

     

    ผมลุกขึ้นหนีเขาดื้อๆ.....ผิดมั้ยถ้าผมต้องการที่จะยื้อให้เขายังคอยตามตื้ออยู่ไม่ใช่เพราะอยากแกล้ง แต่กลัว...กลัวว่าคบแล้วเขาจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมรู้ว่าเมื่อคนๆหนึ่งต้องการของบางสิ่งกลับคืนมาเขาจะทำทุกทางไม่ว่ามันจะฝืนใจตัวเองอยู่ก็ตาม....

     

     

     

     


      ฮืม ให้โอกาสได้ไหมเธอ.........

     

     

     

     


    วันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาส่งหนังสือพิมพ์และกลับไปทำงานที่ร้านตามปกติ พอถึงช่วงบ่ายโมงเป็นเวลาที่คยูฮยอนจะต้องมาหาแต่วันนี้กลับมีดอกไม้ช่อใหญ่ส่งมาแทน ช่อดอกโรสแมรี่และมีซองแนบมาด้วย ของใครกัน?? ผมเปิดซองหยิบการ์ดออกมาเปิดอ่าน

     

     

    'To Pink Rabbit

     

    ดอกไม้ที่ผมส่งไปให้สวยมั้ยครับ? หวังว่าคงถูกใจคุณนะ

     

    คุณรู้ความหมายของมันมั้ย ถ้าคุณไม่รู้ผมจะบอกคุณนะ...

     

    ดอกโรสแมรี่นั้นหมายถึงการคุณเข้ามาในชีวิตของผม ทำให้ผมมีชีวิตชีวา

     

    สำหรับผมแล้วมันเช่นนั้นจริงๆ

     

    ไม่รู้ว่าสำหรับคุณการที่ผมเข้ามาในชีวิตคุณมันจะเป็นเเบนั้นด้วยหรือเปล่า??

     

    ผมก็ไม่รู้

     

    ถ้าไม่เป็นแบบนั้นผมก็ขอโทษด้วย

     

    คำถามที่ถามไปผมยังต้องการคำตอบอยู่นะถึงแม้ว่าจะใช้ทั้งชีวิตของผมก็ตาม

     

    ถึงมันจะดูเหมือนมันโอเวอร์แต่มันออกมาจากใจจริงของผม

     

    มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกคุณวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่ที่ญี่ปุ่น จริงๆแล้วผมไม่อยากจะไปเลยก็ตาม

     

     

     

     

    ที่รัก...ถ้าคุณยังต้องการผมช่วยโทรมาหาผม

     

    ถ้าคุณไม่ต้องการช่วยโยนดอกไม้นี้ทิ้งไปซะเหมือนกับว่าโจว คยูฮยอนไม่เคยข้องเกี่ยวกับคุณเลย


     

    ถ้าคำตอบของคุณคือข้องสอง

     

    ผมขอให้คุณมีความสุขกับชึวิตให้มากๆ ซองมินคุณยังสามารถพบเจอคนที่ดีๆมากกว่าผมอีกมากมายนัก

     

     

     

     

    Ps.ถ้าคุณเจอผู้ชายคนที่เหมาะสมกับคุณแล้วผมช่วยวานนำกระดาษที่อยู่ในซองนี้นำไปให้เขาที

     

    From Kyuhyun'

     

     

    ผมหยิบกระดาษอีกแผ่นที่อยู่ด้านในด้วยมือที่สั่นเทา ความรู้สึกมันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด

     

     

    'To แฟนของซองมิน

     

    สวัสดีครับคุณคงเป็นแฟนของซองมิน ที่ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้น ผมแค่อยากจะบอกอะไรบางอย่างกับคุณเท่านั้นเอง

     

    คุณคงเห็นซองมินชอบตามใจคุณใช่มั้ย?จริงๆแล้วเขาชอบให้คุณเอาใจเขาต่างหาก ถ้าคุณเจออะไรก็ตามที่เป็นสีชมพูช่วยซื้อให้เขาทีเพราะเขาชอบสีนี้มากๆ ในตอนกลางคืนทุกๆวันศุกร์ช่วยพาเขาออกไปเที่ยวผับและอย่าลืมสั่งบลูฮาวายด้วยเพราะเป็นเครื่องดื่มที่ซองมินชอบสั่ง

     

    เขามักจะชอบทำอาหารให้คุณทานแต่คุณอย่าลืมชมว่า 'อาหารที่ซองมินทำน่ะอร่อยที่สุดเลยรู้มั้ย' เขาจะดีใจยิ้มแก้มปริเลยทีเดียวและคุณต้องทำพายฟักทองเป็นให้เขากินบ่อยๆ เขาชอบกินฟักทองมากที่สุด

     

    พอถึงวันเกิดเขาคุณต้องพาไปฉลองวันเกิดที่ทะเลเพราะเป็นสถานที่โปรดของเค้า เวลาคุณพาซองมินไปสวนสนุกคุณจะต้องเล่นเครื่องเล่นผาดโผนให้เป็นเพราะเขาจะพาคุณไปเล่นทุกอย่างโดยเฉพาะโรลเลอร์โคสเตอร์

     

    เวลาไปไหนด้วยกันเครื่องดื่มที่คุณจะต้องสั่งให้เขาดื่มคือนมเย็นคู่กับเค้กสตอเบอร์รี่ ทุกเดือนคุณต้องหาเครื่องประดับให้เขาสักชิ้นหรือไม่ก็พาเขาไปเลือกซื้อเสื้อผ้า ถ้าเขาเลือกซื้อเสื้อผ้าที่โป๊เกินไปคุณอย่าเพิ่งโมโหแต่จงตามใจเขา

     

    ถ้าเขาเกิดอาการไม่พอใจอย่าโวยวายใส่แต่ต้องค่อยๆพูดค่อยๆจา เขาถึงเย็นลง อย่าลืมว่าซองมินเป็นคนที่ขี้งอนขี้น้อยใจแต่ก็เข้มแข็งในเวลาเดียวกันเพราะฉะนั้นคุณต้องหมั่นดูแลเขาดีๆถึงเขาจะเข้มแข็งขนาดไหนเขาก็ยังต้องที่พึ่งอยู่ดี

     

    สิ่งที่คุณจำควรจำไว้เลยว่าซองมินเป็นคนที่เกลียดคนเจ้าชู้และคนโกหกมากที่สุด  ถ้าคุณมีอะไรก็ควรบอกความจริงเขาไปถึงแม้เขาจะงอนคุณไปหลายวันก็ตาม ส่วนความเจ้าชู้นั้นคุณก็ควรลดระดับลงซะนะไม่เช่นนั้นคุณจะเห็นน้ำตาของเขา

     

    สุดท้ายผมขอให้พวกคุณคบกันดีๆนะครับ

     

    From Kyuhyun'

     

     

    น้ำตาผมร่วงลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ไม่คิดว่าเขาจะจดจำรายละเอียดของผมได้ขนาดนี้ สิ่งที่ผมชอบ สิ่งผมเกลียด ตัวหนังสือบางตัวเลือนหายไปบ้างมันคงเป็น้ำตาของคยูสินะ ผมกดโทรหาคยูแทบจะทันที

     

     

    "ฮัลโหล สวัสดีครับ"

     

     

    "ฮึก...คยู"

     

     

    "ซองมิน...."

     

     

    "ฮือออ คยู ฮือออ"

     

     

    "เงียบซะเถอะครับ ตอนนี้....ไม่สามารถเช็ดน้ำตาให้คุณได้แล้ว"

     

     

    น้ำเสียงของคยูแหบพร่า

     

     

    "ทำไมนายเป็นคนแบบนี้ นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ฮึก ตาบ้า กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ ฮือออ"

     

     

    "อย่าร้องไห้เลยนะครับคนดี ฮึก"

     

     

    "กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ กลับมา ฮืออออ"

     

     

    "อย่าร้องเลยมันทำให้ผมอยากจะร้องไห้ไปด้วยนะคนดี"

     

     

    คยูพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

     

     

    "ฮือออ ฉะ ฉันยังรักนายอยู่ กลับมาเถอะ ฉันอยู่ไม่ได้เหมือนกันถ้าขาดอากาศจะหายใจ ฮือออ"

     

     

    "ฮึก ครับ ผมก็รักคุณ ซองมิน อีกไม่นานผมจะกลับไปเป็นอากาศหายใจของคุณ เท่านี้นะครับผมต้องไปแล้ว"

     

     

    "คยู เดี๋ยวคยู!!"

     

     

    คยูกดวางสายแต่น้ำตาผมยังไหลลงมาไม่หยุดหย่อนจนโชเข้ามาช่วยปลอบ

     

     

    "โอนเนอร์ไม่เป็นไรนะครับอย่าร้องไห้เลย"

     

     

    ผมเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวจนลูกน้องต้องช่วยกันดูแลร้านแทนผม โคคิโทรไปขอลากับทางที่ส่งหนังสือพิมพ์ให้ ยูอิจิขับรถมาส่งผมที่เพนท์เฮ้าส์ ผมเดินเข้าไปในห้องด้วยอาการเหม่อลอยและน้ำตายังคงไหลอยู่เช่นเดิม

     

    อีกสองสามวันต่อมาผมก็ยังคงมาทำงานที่ร้านเหมือนเดิมแต่รอยยิ้มนั้นเลือนหายไปจากใบหน้าและที่ร้านยังคงยุ่งวุ่นวายเช่นเคย ผมเดินไปรับออเดอร์จากโต๊ะที่มีคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ปิดหน้าปิดตา

     

     

    "ไม่ทราบว่าจะรับอะไรดีครับ"

     

     

    "ขอเป็นอากาศของผมครับ"

     

     

    ใบรับออเดอร์ร่วงลงจากมือผมลงไปอยู่บนพื้น น้ำตาเอ่อท้นในดวงตาก่อนที่ร่วงจะลงมา คยูฮยอนกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผมเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย ผมไม่ได้ฝันใช่มั้ย

     

     

    "ผมขอพ่อว่าจะมาบริหารงานที่ญี่ปุ่น เพื่อที่จะมาหาอากาศของตัวเอง"

     

     

    "ฮึก ฮือๆๆๆ"

     

     

    ผมก้มหน้าร้องไห้ทั้งประหลาดใจ ทั้งดีใจมันผสมปนเปกันไปหมด

     

     

    "เดี๋ยวๆไม่ดีใจเหรอครับที่ผมได้ย้ายมาอยู่ที่นี่

     

     

    "ตาบ้าๆๆๆๆๆ ฮึก โฮๆๆๆ"

     

     

    ผมยืนร้องไห้จ้าไม่อายใครจนทุกคนในร้านหันมามอง คยูทำอะไรไม่ถูกได้เเต่ดึงผมเข้ามากอดเพื่อปลอบ.....

     

     

     

     

     

     

    .....วันนั้นวันที่ผมขออธิษฐานกับหิมะแรก......ผมขอให้เจอกับคนที่เป็นเจ้าของหัวใจผม ขอให้สมหวัง ขอให้ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ขอให้เขารักผมเพียงคนเดียว....

     

     

     

     

     

     

     

     


       M ag ic 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×