คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตัวอย่าง : Caffeine 2
นานเท่าไหร่แล้วนะ .. ? ที่ไม่ได้มีคนอื่นก้าวเข้ามาในห้องนี้
“นายนอนตรงนี้ก็ได้”
ยงกุกกล่าวกับเด็กน้อยตัวสูงที่ยืนกะพริบตาปริบๆอยู่ข้างๆพลางมองเขาจัดการปูผ้านวมหลายๆชั้นลงบนพื้น เพื่อที่จะให้สามารถรองรับร่างกายของมนุษย์ได้ ชายหนุ่มพยายามที่จะจัดการพื้นที่ที่เคยรกระเกะระกะไปด้วยอุปกรณ์วาดเขียนนานาชนิดออกไปจากพื้นที่ให้หมด เพื่อให้คนที่จะมานอนไม่ได้รับอันตราย และเพื่อที่จะให้สิ่งของพวกนั้นเป็นอันตรายหากคนที่มานอนมีอาการละเมอโดยที่เขาไม่รู้ก็เป็นได้
“ตกลงไหม ? ว่าไง?”
เด็กน้อยพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะจัดการนั่งลงและเอามือลูบผืนผ้าที่ใช้ปู ไม่นานนัก ร่างนั้นก็ลงไปนอนกลิ้งอยู่บนที่นอนฉุกเฉินที่ทำขึ้นมาให้ไม่นาน
สาเหตุที่ทำไมเจ้าเด็กนี่อยู่ที่นี่น่ะเหรอ .. ?
ตอบได้คำอย่างไม่ต้องคิดเลย
ยัยนางมารร้าย จอน ฮโยซอง -__-
“นายเอาเด็กนี่ไปดูที” หล่อนพูด ดวงตามองเด็กน้อยปริศนาที่โผล่มาท่ามกลางพายุฝน ซึ่งบัดนี้กำลังหลับสนิทอยู่บนที่นอนปิกนิกหลังร้านของตัวเอง เสื้อผ้าทุกชิ้นถูกเปลี่ยนใหม่แทนที่ชุดเก่าที่เปียกปอนไปด้วยน้ำฝน สายน้ำเกลือที่ติดมากับหลังข้อมือถูกถอดออกและทำแผลแทนที่ สิ่งเดียวที่พอจะบอกได้ว่าเด็กคนนี้เป็นใครมีเพียงสายรัดข้อมือที่ตัวอักษรเริ่มเลือนรางเพราะหยดน้ำ
ชเว จุนฮง
15/10/1996
“ฮะ! ได้ไงกันล่ะ!”
“เด็กนี่อุตส่าห์เอาร่มมาคืนนายนะยงกุก แสดงความรับผิดชอบหน่อยสิ”
“แต่เจ้าเด็กนี่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้นะ ฮโยซอง”
“แล้วแต่นายนะ .. น่าสงสารจริงๆนะเด็กน้อย อุตส่าห์ทำความดีแท้ๆ แต่กลับทำคุณบูชาโทษซะได้ ตัวต้องมาไม่สบาย แถมตานี่ก็แล้งน้ำใจกับนายที่พยายามตามเอาของมาคืนอีก เฮ้อ ~”
และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เจ้าเด็กนี่มานอนกลิ้งอยู่บนกองผ้าของห้องเขา ณ ตอนนี้ เวลานี้ ..
“นายชื่ออะไรนะ ? จุนฮง ? ใช่หรือเปล่า ?”
“ฮื่อ..”
มีเพียงเสียงตอบรับเล็กๆจากลำคอ ดูเหมือนเจ้าเด็กคนนี้จะไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไหร่ เด็กหนุ่มยังคงพยายามที่จะจับผืนผ้าเหล่านั้นมาพันรอบตัวเอง สายฝนยังคงตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง แสดงทีท่าว่าคงไม่หยุดตกเอาง่ายๆเป็นแน่ การพยายามทำให้ตัวเองอบอุ่นที่สุดจึงเป็นสิ่งที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่ ณ ขณะนี้
“หืม? อะไร ?”
เขาถาม เมื่อเห็นเจ้าเด็กเจ้าปัญหาลุกขึ้นมานั่งในสภาพที่ผ้าปูทั้งหลายพันตัวเองเอาไว้เป็นม้วน ดวงตาใสๆคู่นั้นกะพริบตาใส่เขาสามทีราวกับต้องการขอความช่วยเหลือ
“เอาออกให้หน่อย ..”
“-__-.. เฮ้อ มานี่มา”
ความรู้สึกของบัง ยงกุกในตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากเจ้านายที่พยายามช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่ซุกซนจนตัวไปติดอยู่ในผ้าจนเอาตัวออกมาไม่ได้ แต่สภาพในความเป็นจริงออกจะลำบากและทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย เพราะเจ้าสัตว์เลี้ยงคนนี้ตัวใหญ่กว่าเขาซะอีก กว่าจะหาทางแก้ผ้าปูที่เจ้าตัวเอามาพันเสียยุ่งเหยิงก็ต้องเสียเวลาไปมากโขอยู่เหมือนกัน
“อะไรอีก ? -*-”
เหมือนเรื่องจะไม่จบง่ายๆ หลังจากที่ร่างใหญ่นั้นถูกดึงออกมาจากผืนผ้าแล้ว ดวงตาใสๆคู่นั้นยังจ้องมาราวกับจะเว้าวอนอะไรสักอย่าง ..
“หิว ...”
-_________-….
เป็นความลำบากอย่างมากถึงมากที่สุดที่ผู้ชายที่ใช้ชีวิตโสดอย่างเขาต้องลุกขึ้นมานั่งทำอาหาร โดยมีเจ้าลูกหมาในร่างเด็กยักษ์คอยนั่งทำหน้าซื่อตาใสให้กำลังใจอยู่ที่เดิม และเมนูที่ยงกุกสามารถคิดค้นออกมาได้จากวัตถุดิบที่หลงเหลืออยู่ในตู้เย็นและตู้เก็บของอันว่างเปล่าก็คงจะมีเพียงแค่รามยอนธรรมดาๆ ที่เพียงแค่แกะห่อออกมาเติมน้ำร้อนรอ 3 นาทีก็พร้อมกินได้แล้ว
“เอ้า! ในห้องก็มีแค่นี้แหละ กินได้ไหม?”
ชามรามยอนถูกวางลงตรงหน้า เด็กหนุ่มไม่พูดไม่จา แต่ยกถ้วยขึ้นมาและค่อยๆละเลียดกับเส้นรามยอนทีละนิดๆโดยที่ไม่พูดไม่จาสักคำ ยงกุกรินน้ำลงแก้ววางไว้ข้างๆ พลางมองหน้าใบหน้าขาวนั้นอย่างพินิจ ผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์และขาวเนียนนั้นบ่งบอกได้ทันทีว่าได้รับการดูแลมาอย่างดีเป็นแน่ สภาพของเด็กหนุ่มดูเหมือนคนที่ทั้งชีวิตไม่เคยเจอแดดมาเลยด้วยซ้ำ แก้มยุ้ยๆนั้นค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อเล็กน้อยจากความร้อนของรามยอน
“ค่อยๆกินก็ได้จุนฮง เดี๋ยวลวกปาก น้ำวางไว้นี่นะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินอย่างจริงจัง ไม่รู้เพราะรามยอนมันอร่อยหรือเพราะความหิวกันแน่ที่ทำให้อาหารในถ้วยหมดลงในเวลาไม่นาน จุนฮงวางชามลง คว้าแก้วน้ำเข้ามาซดรดเดียวจนหมดแก้ว มือขาวยกขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมเพราะความเผ็ดร้อนของรามยอน
“เป็นไง ?”
เด็กหนุ่มแล่บลิ้นออกมา หายใจออกแรงๆ “ร้อน”
“ฮ่ะๆ สมควรอยู่หรอก เล่นซดซะขนาดนั้นน่ะ”
“…” บทสนทนาเงียบลง ดวงตาใสคู่นั้นจ้องเขาอีกครั้ง
“มีอะไร ? -*- จ้องทำไม? จะเอาอะไรงั้นเหรอ? จุนฮง”
“ชื่อ ..”
“อ้อ! จริงสิ ฉันชื่อบัง ยงกุก ลืมแนะนำตัวไป ขอโทษที”
“ยงกุก .. ?”
“ฮยองด้วยสิ! ฉันเป็นพี่นายนะ ไหนพูดใหม่สิ ยงกุกฮยอง”
“ยงกุก .. ฮยอง”
“อืม! ดีมาก !” มือหนาเลื่อนขึ้นลูบกลุ่มผมสีบลอนด์อย่างเบามือ เด็กน้อยมองหน้าเขาราวกับสงสัย แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆเอ่ยออกมา รอยยิ้มกว้างจากเด็กหนุ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า แสดงถึงไมตรีที่มีตอบกลับมา ..
มันอาจจะดำเนินไปด้วยดีก็ได้ กับการที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน ..
เวลาผ่านล่วงเลยไปจนเข็มของนาฬิกาชี้มาที่เลข 12 ทั้งสองเข็ม พายุฝนด้านนอกไม่มีทีท่าจะซาลงเลยแม้แต่น้อย สายลมภายนอกยังคงพัดกระหน่ำ ยงกุกปิดผ้าม่านของประตูระเบียง ก่อนจะปรับอุณหภูมิห้องอีกครั้ง เพราะอากาศภายนอกที่เย็นลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ภายเย็นตามไปด้วย มันอาจจะทำให้เจ้าเด็กแปลกหน้าที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนกองผ้าปูบนพื้นหนาวจนอาจจะไม่สบายหนักขึ้นไปอีกก็เป็นได้
กว่าจะปราบให้จุนฮงเข้านอนได้เล่นเอาเขารู้สึกเหนื่อยเหมือนคนแก่อายุสักแปดสิบ ไหนจะช่างสงสัยถามโน่นถามนี่ไปเรื่อย (ซึ่งเขาเองก็บ้ายอตอบมันทุกคำถาม) ไหนจะอาบน้ำนานเป็นชั่วโมง (สุดท้ายเขาก็ต้องไปลากอออกมาแล้วพบว่าเจ้าเด็กนี่เป็นลมเพราะแช่น้ำร้อนนานไป) ไหนจะมาสะบัดผมจนเกือบโดนงานที่จะต้องแก้ส่งลูกค้า (แล้วก็ต้องมารับบทคุณพ่อจำเป็นนั่งเป่าผมเช็ดหัวในแห้งจนได้) ยังดีที่เสื้อผ้าของเขายังใหญ่พอที่จะยัดร่างยักษ์ๆของจุนฮงลงไปได้ ไม่งั้นปัญหาในคืนนี้คงไม่จบลงง่ายๆเป็นแน่ ยังดีที่เพราะอาการไม่สบายที่ยังตกค้างอยู่ทำให้จุนฮงยอมที่หลับไปแต่โดยดี
ตอนนี้ในห้อง .. เหลือแต่เขาแล้ว
ร่างสูงบางยกแก้วกาแฟที่มีไอร้อนลอยเหนือถ้วยขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังโต๊ะทำงานของตัวเดียวที่กระจัดกระจายไปด้วยของหลายๆสิ่ง ไฟในห้องถูกปิดลง เหลือเพียงไฟดวงเล็กๆเหนือโต๊ะเท่านั้น รสชาติของกาแฟสำเร็จรูปอาจจะไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ถ้าเทียบกาแฟสดที่ร้านของฮโยซอง แต่ความเข้มข้นของคาเฟอีนนั้นมากพอที่จะทำให้เขาลุยกับงานไปตลอดจนทั้งคืนได้ กลิ่นของกาแฟคละคลุ้งไปทั่วช่องปากจนแทบจะตีขึ้นจมูก .. มันเป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจจะนึกออก
ทั้งห้องเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังแข่งกับเสียงสายฝนด้านนอกเท่านั้น .. ยงกุกลงมือจับดินสอเพื่อร่างแบบแก้ลงบนงาน เวลาค่อยๆล่วงเลยไปทีละนิด ในวันที่ฝนตกแบบนี้ เขาจำต้องหาอะไรสักอย่างทำ เพื่อไม่ให้สมองคิดฟุ้งซ่าน ไม่ให้คิดถึงเรื่องราวและความเจ็บปวดในอดีตที่ยังคงย้ำและวนเวียนในสมองทุกครั้งที่ฝนลงเม็ดลง ..
เขาไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่า .. เขาไม่ได้คิดเธอคนนั้นแล้ว ..
เธอที่เขาหลงรักมาตลอด .. เธอที่บัดนี้กลายเป็นพี่สะใภ้ของเขาเรียบร้อยแล้ว ..
ทุกครั้งที่ฝนตก ทุกครั้งที่อยู่คนเดียว เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องเก่าๆ ปล่อยให้ชีวิตผ่านไปเรื่อยๆโดยการทิ้งตัวเองไว้กับความทรงจำเหล่านั้น เพื่อนรักทั้งสองคนอย่างฮโยซองและฮิมชานเองก็อดไม่ได้ที่จะต้องเตือนให้เขาเลิกคิดถึงสิ่งเหล่านั้นได้แล้ว เขาเข้าใจในความหวังเหล่านั้นของทั้งคู่ดี อันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะคิดถึงอะไรมากนักหรอก เขาได้แต่หวัง .. ว่าระยะเวลาจะเป็นตัวสมานความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้
แต่มันไม่ง่ายถึงขนาดนั้น ..
ยงกุกไม่สามารถนอนหลับได้ .. เพราะเสียงสายฝนที่ดังกระหน่ำอยู่ข้างนอกมันทำให้เขายิ่งคิดถึงเธอ ..
เขาเจอเธอครั้งแรกในวันที่ฝนตก .. และเธอก็กลายเป็นของคนอื่นในวันที่ฝนตกเช่นกัน ..
การฝังตัวอยู่กับงาน หรือไม่ก็กิจกรรมเล็กๆน้อยๆสุดจะสรรหาได้ในแต่ละคืนฝนตกจึงเกิดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับกาแฟหลายต่อหลายแก้วที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนกว่าจะรุ่งสางหรือจนกว่าฝนจะหยุดลง .. สำหรับยงกุกแล้ว เขายอมนอนไม่หลับเพราะฤทธิ์ของคาเฟอีน ดีกว่านอนไม่หลับเพราะความทรมานจากการคิดถึงใครสักคนที่เขาไม่ได้รักเรา .. ไม่ได้รักเลยแม้แต่น้อย ..
“ฮึบ..”
ผ่านพ้นมาจนตี 3 ครึ่ง ฝนยังควไม่หยุดตก น้ำกาแฟหายหมดไปจากแก้ว เหลือไว้แต่เพียงคราบสีน้ำตาลจางๆเกาะบริเวณขอบแก้ว ร่างสูงวางดินสอลงก่อนจะบิดขี้เกียจไปมาเพื่อคลายความเมื่อยล้า เวลาผ่านไปรวดเร็วจนเขาไม่รู้ตัวเลยว่าผ่านมาหลายกี่ชั่วยามแล้ว ยงกุกโกยเศษขี้ยางลบที่กระจายอยู่เต็มทั่วโต๊ะลงถังขยะใบเล็กด้านล่าง เขายันตัวกับโต๊ะเพื่อลุกขึ้น หยิบแก้วกาแฟขึ้นหมายจะนำไปไว้ในอ่างล้างจานแล้วก็ลุกขึ้นมาล้างในตอนเช้า
“หืม ? จุนฮง? ทำไมยังไม่นอนอีก”
ความแปลกใจบังเกิดขึ้นเมื่อเห็นร่างที่ควรจะนอนอยู่กับที่มานั่งขดตัวกอดเข่ามองเขาอยู่ด้านหลังแบบนี้ ไหนจะลากผ้าที่เขาใช้ปูให้นอนมาห่อตัวเองเอาไว้อีก
“นอนไม่หลับ ..”
“เมื่อกี้ก็หลับได้ไม่ใช่หรือไง?”
“มันหนาว .. เสียงดังด้วย”
“เสียงดัง .. ?”
เปรี้ยง!!
เพิ่งเริ่มสงสัยได้ทันไรก็ได้คำตอบทันทีเมื่อเสียงฟ้าร้องดังขึ้น เสียงที่จุนฮงพูดถึงคือเสียงนี้นี่เอง เด็กน้อยรีบดึงผ้าห่มลงมาคลุมตัวเองเอาไว้ ร่างกายสั่นเทาไม่รู้ว่ากลัวหรือเพราะว่าหนาวกันแน่ แต่แปลก .. ตลอดเวลาที่นั่งทำงานอยู่ เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย หรือเพราะว่าเขากำลังจริงจังอยู่กับงานมากเกินไปจนไม่ได้สังเกตหรือสนใจอะไรสิ่งรอบตัว .. ไม่ได้รู้สึกแม้กระทั่งว่ามีเด็กคนหนึ่งมานั่งจุ้มปุ้กอยู่ข้างหลังตั้งนานแล้ว..
“กลับไปนอนได้แล้วจุนฮง เป็นเด็กต้องนอนเยอะๆเข้าใจไหม” เขาย่อตัวลง เอื้อมมือหนาเช้าไปลูบกลุ่มหัวคนที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ราวกับจะปลอบขวัญ ดวงตาใสคู่นั้นเงยขึ้นสบตา .. ร่างกายหยุดสั่น หากแต่อาการที่เจ้าตัวส่ายหัวรัวๆนั้นทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
“ทำไม ? อย่าดื้อสิ”
“ฮยองมานอนเป็นเพื่อนหน่อย ..”
“หา ?”
ยังอ้าปากค้างกับประโยคขอร้องที่เด็กน้อยเอื้อนเอ่ยออกมาได้ไม่ทันหายงง เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ดึงผ้าห่มคลุมหัวอย่างเดียว แต่กลับลงไปนอนหมอบกับพื้นพร้อมคลุมตัวเองเสียมิด ยงกุกส่ายหัวเบาๆ
สงสัยคืนนี้ถ้าไม่ยอมไปนอนเป็นเพื่อนคงไม่ได้นอนกันทั้งคืนเพราะมัวแต่ปลอบขวัญเจ้าเด็กนี่แน่ๆ
“มานี่ .. ลุกขึ้นได้แล้ว ฮยองจะพาไปนอน”
“แล้วฮยองจะนอนกับจุนฮงด้วยไหม ?”
เด็กน้อยโผล่ออกมาจากผ้าห่ม เงยหน้ามองเขา ดวงตาคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำใสๆรื้นขึ้นมา .. ความอดทนของบัง ยงกุกก็พังทลายลง .. เขาไม่ชอบร้องไห้ และไม่ชอบเห็นใครร้องไห้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันทำให้เขารู้สึกสงสารจนอดไม่ได้ .. ในที่สุด เขาจับให้จุนฮงลุกขึ้นจากพื้น ถอนหายใจเบาๆ
“ตกลง ฮยองจะไปนอนด้วย ลุกขึ้นได้แล้วจุนฮง นี่มันดึกมากแล้วนะ”
สุดท้ายแล้ว แก้วกาแฟก็ไม่ได้ถูกนำไปไว้ที่อ่างอย่างที่ตั้งใจ มันถูกวางไว้ที่เดิม ซึ่งยงกุกหวังว่าเขาเองคงจะไม่ลืมเอาไปล้างในตอนเช้า ตอนนี้เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าจะต้องทำ นั่นคือการสวมบทพี่เลี้ยงเด็กจำเป็น จูงมือคนที่ตัวสูงกว่าพาไปที่เตียง .. คนอย่างบัง ยงกุกเคยเป็นอาสาสมัครพี่เลี้ยงเด็กก็จริง .. แต่กับเด็กอายุ 16 ที่ตัวสูงโย่งอย่างนี้มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
เตียงนอนยงกุกเคยคิดว่ามันกว้างเกินไปสำหรับเขามาโดยตลอด บัดนี้กลับดูเล็กลงไปทันทีที่มีผู้ชายร่างใหญ่สองคนนอนด้วยกัน ภาพที่เด็กคนนี้มานั่งมุดผ้าห่มเพื่อหนีจากความหนาวเหน็บนั้นทำเขาไม่อาจปล่อยจุนฮงให้นอนบนพื้นอย่างเดิมได้อีก จนต้องพามานอนบนเตียงด้วยกันจนได้ บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ในคราวนี้แสงไฟที่เคยมีดับสนิทลง ห้องนอนมืดสนิท เสียงลมหายใจสม่ำเสมอและอาการนิ่งสงบของคนข้างๆทำให้เขารู้ว่า อีกฝ่ายได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปในเวลาอันรวดเร็วเรียบร้อยแล้ว
ยงกุกยังคงนอนไม่หลับ .. ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะฤทธิ์ของคาเฟอีนที่ดื่มเข้าไป หรือเป็นเพราะเสียงสายฝนที่ยังคงกระหน่ำอยู่ภายนอกกันแน่ ..
ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อร่างของอีกคนขยับเข้ามาใกล้ กลุ่มผมสีบลอนด์นั้นอยู่ใกล้เพียงคืบจากปลายจมูกของเขา
ไม่รู้ทำไม .. ทั้งที่จุนฮงใช้แชมพูของเขา แต่กลิ่นที่แตะจมูกเขาอยู่นั้นกลับไม่เหมือนกัน ..
เป็นครั้งแรกที่ยงกุกรู้สึกว่า .. แชมพูที่ใช้อยู่เป็นประจำในทุกๆวันมันหอมมากขนาดนี้
หอมจนหาสาเหตุไม่ได้ .. หรือเพียงเพราะมันอยู่บนตัวของคนอีกคน
เขาทิ้งความสงสัยเอาไว้อย่างนั้น เมื่อความรู้สึกหนักที่เปลือกตาเกิดขึ้น ก่อนจะปิดลงอย่างง่ายดาย .. คาเฟอีนหลายขนานที่เคยกระดกเข้ามาเหมือนจะไม่มีผลอะไรในเวลานี้แล้ว
เขาผล็อยหลับไปโดยที่ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆเหล่านั้นโชยมาแตะจมูกอยู่จางๆ ..
ความคิดเห็น