คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ แ ป ด
ต อ น ที่ แ ป ด
“....อีกดิ้”
“เห้ยเบา....เบาหน่อย”
“ก็บอกว่าเทอีกไง” โอเซฮุนมองเพื่อนตัวเล็กที่นั่งตัวตรงแหน่ว ตอนนี้กำลังเอ่ยปากสั่งเสียงแข็งให้เขาเทเหล้าใส่แก้วให้ พอเทเท่าเดิมที่เคยกินมันก็บอกให้เทอีกและก็เป็นแบบนี้มานานกว่าหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่กลับจากห้องน้ำแล้ว กลับมาด้วยท่าทางตึงๆไม่พูดไม่จาคว้าแก้วเขาไปกระดก แก้วพี่คริสรวมไปถึงแก้วของอีทงเฮด้วย
“มึงกินไปเกินสิบแล้วนะแบคฮยอน พักก่อนมั้ย”
ตอนนี้เกมเกิมอะไรพวกพี่ๆเลิกเล่นกันไปนานแล้วก่อนจะกลายเป็นการเล่าเรื่องโจ๊กขำขันในวงเหล้าแทน พี่คริสที่เพิ่งกลับมาจากเข้าห้องน้ำนั่งลงข้างๆน้องรหัสตัวเอง “แบคฮยอนเป็นไร?”
“ไม่รู้ว่ะพี่ นี่มันกินเยอะมากไม่หยุดเลย”
แบคฮยอนนั่งตัวตรงแหน่ว แม้ใบหน้าขาวจะขึ้นสีแดงระเรื่อแต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกตัว ตอนนี้เขารู้ว่าตัวเองกำลังมึนหัวแต่เขาไม่ได้เมา
คิดว่าอย่างนั้นนะ
อีทึกที่กำลังกรึ่มๆได้ที่พอเห็นแบคฮยอนกำลังกระดกเหล้าเข้าปากอีกทีก็ส่งเสียงแซว “โอ้โหมันคอแข็งเว้ย แบคฮยอน....แบคฮยอน”
“หื้อ?”
“ยังไหวมั้ยวะ?”
“อื้อ”
“นี่กี่นิ้ว” ว่าจบก็ชูออกมาสองนิ้ว แบคฮยอนเพ่งมันอยู่พักใหญ่ เขาเห็นว่ามันเป็นสองนิ้วนิ้วโป้งกับนิ้วก้อย ร่างเล็กยกมือขึ้นมาบ้างพยายามจะทำตามอีกคนแต่สุดท้ายเขาก็กางมันออกทั้งห้านิ้ว เท่านั้นแหละเสียงหัวเราะก็ดังครืนกันยกวงไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างโอเซฮุนที่ก่อนหน้าที่ยังเป็นห่วงเป็นใยอยู่
“เมาแล้ว! เมาแล้ว”
“....ไม่เมา” แบคฮยอนปฏิเสธเสียงแข็งพลางนิ่วหน้า เขายังนั่งตัวตรงขนาดนี้ แถมไม่ได้ออกอาการเรื้อนเลื้อยไปทั่วจะเมาได้ยังไง มือเล็กขยับเอื้อมไปหยิบขวดเหล้าที่เหมือนจะกลายเป็นขวดประจำตัวไปเสียแล้วมาเทใส่แก้วเมื่อเห็นว่าโอเซฮุนไม่ยอมเทให้เหมือนเคย
“ไปนอนมั้ย?”
พี่คริสขยับเข้ามากระซิบเมื่อเสียงรอบข้างมันดังขึ้น แบคฮยอนส่ายศีรษะสองสามทีก่อนจะเงยหน้าพบว่าคนที่เป็นต้นเหตุให้เขาอยากเมากำลังมองมาทีนี้
มอง...มองอะไรนักหนา
อยากมองนักก็จะจัดให้
จนถึงตอนนี้แบคฮยอนถึงได้ตระหนักว่าเขากำลังเมาอย่างจริงแท้แน่นอน คนตัวเล็กค่อยๆขยับตัวไปพิงพี่รหัสปีสามของตัวเองเอาไว้ เอื้อมมือไปกอดเอวหนาเอาไว้ เขาค่อยๆปรือตาขึ้นมามองแน่นอนว่าปาร์คชานยอลยังคงอยู่ แถมจ้องหนักกว่าเก่าอีก
“พี่ว่าเราเมาแล้วนะ ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพาไป”
พี่คริสเริ่มพูดเสียงเข้ม เอื้อมมือมาลูบศีรษะเขาเบาๆก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นยืนพร้อมๆกับพยุงแบคฮยอนขึ้นยืนด้วย และตอนนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ยืนยันให้แบคฮยอนได้รู้จริงๆว่าตัวเองเมาได้ที่แล้ว ตัวของเขาเซเข้าหาพี่คริสแบบไม่ได้ตั้งใจ ดีว่าแขนแข็งแรงของอีกคนคว้าเอวเขาได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นคงได้มีหน้าแหกกันบ้าง
“เฮ้ยคริส! ไปไหนวะ?” อีทึกรีบเอ่ยขึ้นก่อนที่แบคฮยอนจะถูกหิ้วออกไป
“ต่อไปตามึงร้องเพลงละนะ”
“เออน่าพี่ ให้คนอื่นร้องไปก่อน เดี๋ยวผมกลับมา”
“ไม่ได้! ให้คนอื่นพาไปดิวะ”
“งั้นผมเองพี่...” โอเซฮุนอาสายกมือขึ้นแต่ยังไม่ทันจะได้ลุกยืนก็โดนอีทงเฮตะครุบตัวไว้ก่อน “มึงจะไปไหน....เบี้ยวเหล้ากูใช่มั้ย”
“ไม่เบี้ยว แต่กูไปส่งแบคฮยอนแป๊บ”
“ไม่ต้องเลย ไม่ต้องเอามันมาอ้าง มึงนั่งนี่เลยไม่ต้องไปไหนเลย”
กดคอของรุ่นน้องที่เคยเป็นเพื่อนเล่นหัวกันเอาไว้จนโอเซฮุนไม่สามารถขยับไปไหนได้ จงอินเห็นเพื่อนตัวเองยังนั่งนิ่งไม่ยอมทำอะไรซักทีเลยชักจะหงุดหงิด ฉุดไอ้คนมึนปากแข็งให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะผลักมันออกไปด้านหน้า
“เดี๋ยวไอ้ชานยอลมันจะพาแบคฮยอนไปนอนเอง แม่งว่างมาก”
“งั้นโอเคเลย! ชานยอลพาแบคฮยอนไปนอนละกัน เป็นอันตกลง ไอ้คริสมึงนั่ง”
คังอินเสริมขึ้นอีกแรงก่อนจะทำมือบอกให้น้องคณะเภสัชที่เรียนอยู่ปีสามนั่งลง ในขณะที่ปาร์คชานยอลก็เดินออกมารับตัวแบคฮยอนไปพยุงไว้เสียเอง
“กว่าจะยอม...เล่นตัวชิบหายเลย”
สองเพื่อนซี้ปีสี่บ่นออกมากลางวงเมื่อสองร่างเดินหายออกไปจากห้องประชุม
แซ่ก แซ่ก
แบคฮยอนถูกลากออกมาด้านนอกเพื่อเดินกลับห้องพัก เขาพยายามที่จะทำตัวให้ตรงแล้วแต่เหมือนว่าร่างกายมันจะเซเข้าหาอีกคนอยู่ร่ำไป จนในที่สุดปาร์คชานยอลก็ทนความทุลักทุเลไม่ไหว รั้งร่างเล็กเอาไว้แนบชิดก่อนจะจัดการยกขึ้นอุ้มเสียเลย
แบคฮยอนพอรู้ว่าตัวเองโดนอุ้มลอยหวือก็ตกใจยกมือขึ้นกอดคออีกคนเอาไว้ ปรือตามองด้วยความยากลำบาก พอรู้ว่าเป็นใครจึงเริ่มงอแง
“ปล่อยยย.....”
“เดินไม่ไหวแล้วยังจะดื้อ”
“บอกให้...ปล่อยยย” ร่างน้อยดิ้นอีกครั้งเพื่อให้อีกคนรำคาญ จนในที่สุดชานยอลก็ยอมวางคนเมาที่โคตรดื้อให้ยืนลงกับพื้น ดวงตาคู่เล็กที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำใสๆตวัดหันมามองเขาด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเสียหนึ่งทีก่อนจะเดินต่อไปข้างหน้า พออีกคนเอื้อมมือเข้าไปจะช่วยพยุง แบคฮยอนก็ปัดมือนั่นทิ้ง
“ไม่ต้องมาจับ....”
เป็นแบบนั้นแล้วคนตัวสูงเลยถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจเดินตามอีกคนไม่ห่างมากนัก ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นสวมรองเท้าแตะหนีบกำลังค่อยๆเดินต่อไปข้างหน้า เขาค่อยๆก้าวเท้าตาม ให้อยู่ในระยะที่พอจะสามารถเอื้อมมือเข้าไปคว้าตัวอีกคนได้ถ้าหากคนที่เดินนำหน้าเกิดหน้าทิ่มไป
“....นี่อยู่ไหนวะ”
เด็กข้างบ้านหยุดเดินก่อนจะพูดอะไรพึมพำออกมา มือเล็กยกขึ้นเคาะหน้าผากตัวเองเบาๆแล้วเลือกที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า ชานยอลเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่ออีกคนเดินเขาก็เดินตาม
มันเป็นแบบนี้อยู่สิบนาทีได้ แบคฮยอนเดินๆหยุดๆอยู่หลายหน จนเกือบจะออกนอกรั้วรีสอร์ทเขาถึงได้คว้าแขนอีกคนเอาไว้ ตอนตาปรือๆไม่มองหน้าเขาก็ว่าง่ายอยู่หรอก แต่พอรู้ว่าคนที่จับแขนตัวเองอยู่เป็นใครก็เกิดอาการพยศทันที
“อย่ามาจับ...”
“จะไปไหน?”
“กลับบ้าน”
“แล้วจะกลับยังไง”
“.......ยุ่งน่ะ” เขาขมวดคิ้วแน่นไม่คิดว่าเด็กข้างบ้านที่เคยว่าง่ายกลับมาพูดจาแบบนี้ใส่ ชานยอลออกแรงรั้งอีกนิดให้คนตัวเล็กขยับเข้ามาใกล้
“แบคฮยอน....”
“ใช่ แบคฮยอน บยอนแบคฮยอน...รู้จักไหม แบคฮยอนน่ะ”
ร่างเล็กพูดชื่อตัวเองซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้งก่อนจะแสยะยิ้มออกมา ดวงตาคู่เล็กที่ฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ค่อยๆเลื่อนมาสบตาเขาที่ยืนอยู่ไม่ห่าง คนที่บอกว่าตัวเองชื่อบยอนแบคฮยอนเอามืออีกข้างขยับมาขยุ้มเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้เบาๆ เขย่ามันไปมา
“ผมไม่เข้าใจพี่เลย...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
“........”
“พี่ต้องการอะไรจากผมกันแน่วะ”
ความสับสนจากดวงตาของแบคฮยอนกำลังถูกส่งมายังเขา
ถึงตอนนั้นเขาก็ได้แต่ถามตัวเองด้วยคำถามแบบเดียวกันกับที่แบคฮยอนถาม
แท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากคนตรงหน้ากันแน่
ปาร์คชานยอลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตามอีกคนออกมาด้วยซ้ำ แค่ใช้คิมจงอินให้ทำอย่างที่ผ่านมาก็ได้ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาคอยดูแลเด็กข้างบ้านคนนี้ที่ไม่มีอะไรเลย เป็นผู้ชายท่าทางโผงผาง ที่ไม่มีเสน่ห์อะไรให้สนใจด้วยซ้ำ
ถ้าอย่างนั้น....เขาทำไปเพื่ออะไร?
“พี่มีผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ไม่ควรจะมาทำแบบนี้กับผมป่าววะ”
“........”
“พี่มีเขาแล้ว...แล้วจะมาทำให้ผมรู้สึกดีทำไมวะ”
“...แบคฮยอน”
“หรือที่จริงแล้วแม่งผิดที่ผมเอง ผิดที่ย้ายมาอยู่ข้างบ้าน ผิดที่ทำข้าวให้กิน ผิดที่คอยทำตัวอ่อนแอให้พี่ช่วย ผิดที่สุดท้ายแล้วห้ามใจตัวเองไม่ได้”
“.........”
“แม่งผิดที่ผมเอง...ผมผิดเอง”
สุดท้ายแล้วดวงตาคู่นั้นก็หลุบต่ำพร้อมๆกับลดมือลง แบคฮยอนทำท่าจะผละออก แต่คนเมาก็ยังเป็นคนเมาอยู่วันยังค่ำเขาถอยหลังแล้วทำท่าจะล้มปาร์คชานยอลก็แสนจะใจดีเอื้อมมือมากอดรัดเขาเอาไว้ได้ก่อน
“ขอโทษ.....”
แบคฮยอนซบหน้าลงบนไหล่กว้างเมื่อได้ยินคำกล่าวขอโทษ เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะตีความไปทางไหน ขอโทษที่ทำให้เขารู้สึกแย่หรือว่าขอโทษที่ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวแล้วตัวเองรับผิดชอบความรู้สึกนี้ไม่ได้
เขาไม่รู้....ไม่เคยรู้ความคิดของปาร์คชานยอลเลยจริงๆ
จู่ๆน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอีกครั้ง ทั้งหมดนี่แบคฮยอนโทษให้เป็นความผิดของแอกอฮอล์ที่ทำให้อารมณ์ของเขาอ่อนไหวได้ง่ายขนาดนี้ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ หยาดน้ำใสๆไหลออกมาจากตาไม่ยอมหยุด
เขาไม่ชอบคำนี้ คำว่าขอโทษ
ไม่ชอบเลย ไม่ชอบจริงๆ
“ฉันชอบนาย”
“....ฮึก ผมผิดเอง”
“ฉับชอบนาย”
“.......ฮึก”
“ฉันชอบนาย....แบคฮยอน”
มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กเบาๆ ยกมืออีกข้างกอดรัดเอวบางเอาไว้แน่น สุดท้ายแล้วเขาก็จนใจจริงๆไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่เห็นจำเป็นเลย
ไม่เห็นจำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้หญิงเลย
จากที่ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะวางความสัมพันธ์ของเด็กข้างบ้านไว้แค่น้องชาย เพราะแบคฮยอนเป็นเด็กที่น่ารักน่าแกล้ง แต่นานเข้ามันกลายเป็นอีกอย่างไปตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ รู้ตัวอีกทีเขาก็รู้สึกว่ามันข้ามมาไกลแล้ว
ผู้ชายมันก็ต้องคู่กับผู้หญิงไม่ใช่หรอ?
คิดได้แบบนั้นเลยถอยห่างออกมาแต่ไม่คิดว่าจะทำให้เด็กข้างบ้านรู้สึกหงุดหงิดได้ขนาดนี้ เขาคิดว่าบางทีกับซอนมีถ้าหากจะเป็นมากกว่าที่คุยกันอยู่ตอนนี้ได้มันก็อาจจะดี
อาจจะดี
แต่สุดท้ายแล้วเขากับซอนมีก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าเพื่อนที่ตอนนี้ทำงานรับน้องด้วยกัน
“............”
“............”
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
“....หลอกอีกแล้วใช่มั้ย”
“ฉันชอบนาย”
“........”
“ฉัน......”
“ผมกลับห้องดีกว่า” ก่อนที่อีกคนจะพูดมันออกมาอีกครั้งร่างเล็กรีบดันตัวออก และเขาก็คิดว่านี่อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อีกแล้วที่ทำให้เขาประสาทหลอน พอหันหลังกลับก็ยิ้มให้กับตัวเองน้อยๆที่คิดไปเองเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนั้น
ตอนนี้เหมือนตัวเองจะสร่างเมาขึ้นมานิดหน่อยเลย....
ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปไหนอีกคนก็จัดการเข้ารวบตัวเขาไว้จากด้านหลัง ลมหายใจร้อนๆกับสัมผัสอุ่นวาบจากทางด้านหลังทำเอาร่างน้อยสะดุ้งโหยง
“ตอนนี้นายอาจจะเมาอยู่”
“........”
“แต่ไม่เป็นไร....”
“........”
“ฉันจะพูดมันอีกครั้งหลังจากที่นายหายเมาแล้ว”
------ GIDDY CHANYEOL ------
2 5 %
ถึงจะมึนหัวเบาๆแต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็รู้ทั้งหมดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
อาจจะมีหลงๆลืมๆตอนที่กลับมาที่พักแล้วบ้างอะไรบ้าง แต่ก่อนหน้านั้นเขาจำได้แม่น
จะเอาหน้าที่ไหนไปเจอปาร์คชานยอลวะเนี่ยย!!
“เอ้า ตื่นแล้วหรอ” โอเซฮุนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำทักด้วยน้ำเสียงงงๆ เพราะดูนาฬิกาแล้วนี่ก็เพิ่งจะแปดโมงเท่านั้น แบคฮยอนหันไปทำหน้าเบ้ใส่เพื่อน ปากเล็กๆเบะออกก่อนจะยกมือขึ้นขยุ้มผม
“ชิบหาย”
“อะไร? ปวดหัวหรอ?”
“แย่แน่...”
“เป็นไรวะ” เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อน แบคฮยอนไม่ยอมตอบคำถามก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ทำตัวเหมือนสาวน้อยที่เพิ่งมีความรักครั้งแรกด้วยการยกผ้าห่มขึ้นปิดหน้า
“ชิบหายแล้ว ชิบหายแล้ว โอ๊ยชิบหายแล้ว”
“อะไร เมนมารึไง”
“เมนมาก็เหี้ยแล้ว!”
“เอ้า แล้วทำตัวสาวแตกแบบนี้คือไรวะ”
“คืองี้....คืองี้.....” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกตลบผ้าขึ้นมาแล้วลุกนั่ง ทำตาโตแล้วพยายามเรียบเรียงเรื่องไหนหัว คิดว่าควรจะใช้คำพูดแบบไหนที่กำลังจะอธิบายสถานการณ์ที่ตัวเองเป็นอยู่ได้ดีที่สุดและคำแบบไหนที่จะไม่ทำให้โอเซฮุนแตกตื่นมากจนเกินไป
“เคยมีคนบอกชอบมึงปะ?”
“หน้าอย่างนี้ มาตรฐานระดับห้าดาวขนาดนี้ ไม่ต่ำกว่าสิบนะบอกเลย”
อื้อหือ...กูไม่เล่าละ
ไม่ว่าเปล่ายังมีการทำท่าเสยผมสะบัดหน้าไปมาเบาๆ คนอื่นๆเห็นเข้าคงคิดว่าหล่อดีอยู่หรอกแต่คงไม่ใช่กับเขาตอนที่เพิ่งจะตื่นนอนดี พอทำท่าจะล้มตัวลงนอนไอ้เพื่อนตัวดีก็ดึงแขนเอาไว้
“เออ เล่า เล่าก่อน”
“ถ้าสมมติ...แค่สมมตินะ พอดีเมื่อคืนกูนึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนของน้อง น้องที่เป็นญาติห่างๆทางฟังพ่อเขาฝากมาถาม”
“........”
“ถ้าเกิดคนที่มึงชอบมาบอกชอบมึง จะทำไง”
“คนที่กูชอบหรอ? ก็ไม่ไง คบเลยดิวะ รออะไร?”
“แต่แบบ ก่อนหน้านั้นเขาทำมึงรู้สึกแย่มากนะ ไปยุ่งกับคนอื่นไรงี้ พอมึงร้องไห้เขาก็เลยบอกชอบมึง”
“มึงรู้เรื่องเพื่อนของน้องที่เป็นญาติห่างๆทางฝั่งพ่อของมึงดีจังเลยวะ”
“.....” พอเป็นแบบนั้นแบคฮยอนเลยหุบปากฉับ หลบตาเพื่อนทำท่าเหมือนกับประสาทจะแตกอีกครั้ง คราวนี้ล้มลงไปนอนบนเตียงโดยไม่คิดจะเอาผ้าห่มคลุมหน้าอีก กางแขนกางขาออกเหมือนกับคนบ้า ขยับมันขึ้นลงไปมาจนโอเซฮุนชักจะรำคาญตา
“จะหงุดหงิดไรนักหนา”
“กูแค่กำลังคิดว่าจะมองหน้าเขายังไง”
“ไหนบอกว่าเรื่องของน้องมึงงะ”
โอเซฮุนกวนตีนสัดๆเลย
แบคฮยอนคราวนี้ปิดปากเงียบจริงจัง เขาคิดว่าจะไม่ยอมพูดอะไรออกไปอีกแล้วกลัวว่าหากหลุดไปมากกว่านี้อีกคนคงจะรู้แน่ว่าเรื่องทั้งหมดที่แท้จริงแล้วหมายถึงใคร
ร่างเล็กลุกจากเตียงกำลังจะหายตัวเข้าไปในห้องน้ำ พอได้ยินเสียงของไอ้เพื่อนตัวแสบที่เอาแต่คอยจับผิดเมื่อซักครู่พูดขึ้นมาเขาเลยชะงัก
“ถ้าเป็นกู.....”
“........”
“กูจะเล่นตัวซักหน่อยแล้วค่อยให้อภัยเขา”
------ GIDDY CHANYEOL ------
ป้ายชื่อหาย
ป้ายชื่อที่เขียนเอาไว้ว่า 'แบคฮยอน #1' มันหายไป
เขารู้ตัวก็เมื่อตอนที่อาบน้ำเสร็จแล้วจะออกไปหาอะไรกินนั่นแหละ เขาค้นมันอยู่นานแต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนตอนที่เมาเอาไปวางไว้ตรงไหน พอเจออีทงเฮก็เดินเข้าไปหา
“มึง ป้ายชื่อหายอะ”
“หือ? ไปขอไอ้ชานยอลใหม่ดิ มันเป็นคนดูแลป้ายชื่อน้อง”
“มีคนอื่นอีกมั้ยวะ”
“จงอินไง”
อย่างนี้ค่อยโอเคหน่อย
แบคฮยอนยิ้มกว้างออกมาก่อนจะรีบมองหารุ่นพี่หน้าดำกัมจงที่ชอบเดินร่อนไปร่อนมารอบๆรีสอร์ท ใช้เวลาไม่นานนักก็หาเจอเพราะเจ้าตัวกำลังยืนคุยหัวเราะระรี้ระริกอยู่กับรุ่นน้องผู้หญิงกลุ่มใหญ่
เรียกกูเตี้ยๆดีนัก.....
“พี่จงอินนน”
วิญญาณความแรดเข้าสิงทันที แบคฮยอนพุ่งปรี่เข้าไปกอดแขนจงอินจากทางด้านหลัง เจ้าตัวสะดุ้งเหมือนโดนน้ำร้อนสาดหันหน้ากลับมามองก่อนจะพบว่าไอ้เตี้ยที่เรียกเป็นประจำกำลังยิ้มเผล่
รีบหันซ้ายหันขวาด้วยความกังวล
“พี่ไปก่อนนะสาวๆ”
บอกลากลุ่มสาวๆแล้วลากไอ้เตี้ยจอมแก่นออกมาให้ห่าง ถึงจะแอบชอบนิดๆที่อีกคนมากอดแขนก็เถอะแต่มาทำแบบนี้ถ้าไอ้ชานยอลมาเห็นเข้า เขาตายศพไม่สวยแน่
ไม่เอา ไม่เอา ศพไม่หล่อดีกว่า
“ว่าไงมีไรน้องเตี้ย”
“ผมจะมาขอป้ายชื่อ.....”
“ให้ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วไง”
“ผมทำหายอะพี่”
“งั้นต้องไปขอชานยอลใหม่” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ พี่ดำกัมจงยักไหล่น้อยๆแล้วจ้องมองเขาที่แอบสั่นหัวดิ๊กๆก่อนจะเอ่ยปากถาม “ทำไม?”
“ผมเอาใหม่จากพี่ไม่ได้หรอวะ พี่ทงเฮแม่งบอกว่ามาเอากับพี่ได้อะพี่เป็นคนดูแลเรื่องป้ายชื่อไม่ใช่ไง?”
“ก็ช่วยกันดูแล แต่ชานยอลเป็นคนเก็บป้ายชื่อ”
“....โห่พี่ เดินไปขอจากเขามาให้ผมไม่ได้ไง้?”
“นี่ๆน้องแบคฮยอนครับ ป้ายชื่อหายนี่มีความผิดร้ายแรงมากนะครับในค่ายเนี่ย น้องต้องไปรับบทลงโทษจากมันเลยครับ”
ไอ้เรื่องลงโทษน่ะไม่เป็นปัญหาหรอก แต่ที่มีแน่ๆเลยคือเขาไม่คิดว่าจะมองหน้าของปาร์คชานยอลได้ในตอนนี้ต่างหากล่ะ
“ผม....”
“งั้นเอางี้ พี่ลงโทษนายเองดีกว่า”
เป็นแบบนั้นค่อยใจชื้น ร่างเล็กระบายยิ้มกว้างออกมาก่อนจะพยักหน้า แต่พอคิดให้ดีอีกทีเขาก็กลับคำไม่ทันเสียแล้ว รอยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นบนใบหน้าที่แม้จะไม่หล่อมากแต่มีเสน่ห์เต็มร้อยทำเอาใจสั่นเสียไม่ได้
ที่ใจสั่นเนี่ยไม่ใช่อะไรเลย
ไอ้พี่จงอินเล่นกูแล้วไง
“ให้เดินไปกอดไอ้ชานยอลสิบห้าวินาทีแล้วพูดออกมาดังๆว่า น้องผิดไปแล้วขอป้ายชื่ออันใหม่ให้น้องด้วย”
ไอ้....ซั๊ซ! (อีโมร้องไห้หนักมาก)
------ GIDDY CHANYEOL ------
เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่พี่อีทึกและพี่คังอินจะเรียกรวมตัว ซึ่งจะเป็นช่วงเช็คป้ายชื่อและเริ่มจัดการลงโทษคนที่ทำป้ายชื่อหาย และหลังจากนั้นจะเข้ากิจกรรมในช่วงบ่ายต่อไป แบคฮยอนเดินตามปาร์คชานยอลแบบห่างๆห่างมากๆมาร่วมสิบนาทีแล้ว ตอนนี้เขากำลังชั่งใจว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ระหว่างกับทำตามบทลงโทษของคิมจงอินหรือจะยอมโดนพี่อีทึกกับพี่คังอินลงโทษแทน
'พี่อีทึกกับพี่คังอินเล่นแรงกว่านี้นะบอกเลย กับผู้หญิงนี่ใจดีจะตาย แต่เป็นเด็กผู้ชายไม่มีคำว่าปราณี'
เอาซะกูเห็นภาพจิ๊กโก๋สองคนอ้วนผอมกำลังรอเล่นงานกูที่หน้าปากซอยเลย
“เร็วๆเข้าหน่อย พี่ทำให้ดูแล้วตามที่ขอ เอาให้ได้แบบนั้นเลยนะ”
ใช่ พอเขาสวนกลับไปว่าให้คิมจงอินลองทำให้ดู มัน(สาบานว่าเขาเคารพจงอินเอามากๆ)ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนจากทางด้านหลังพลางเอาหนวดที่ขึ้นรำไรๆไปถูไถที่บ่ากว้างแล้วพูดเสียงดังว่าน้องผิดไปแล้วขอป้ายชื่ออันใหม่ให้น้องด้วย
แน่นอนว่าโดนถีบกลับมาแบบไม่ต้องสงสัยเลย
พอปาร์คชานยอลหันกลับมามองทางด้านหลังก็สบตากันเข้าอย่างจัง บยอนแบคฮยอนเลยรีบใส่ตีนหมาโกยแน่บออกมาเพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากันในตอนนี้
“....ผมว่าผมไปหาอีกทีดีกว่า อาจจะทำหล่นแถวๆนี้.....”
สุดท้ายแล้วก็หมุนตัวกลับจะเดินออกไปหาป้ายชื่อเอาตามทางถึงจะจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเดินไปตรงไหนยังไงมั่งก็เถอะ แต่มันก็ยังดีกว่าให้เขาพุ่งเข้าไปกอดปาร์คชานยอลทั้งๆที่เมื่อคืนเขาเพิ่งจะโดนกอดเสียอีก!
แค่คิดก็......
พัง พัง พังหมดแล้ว
“โน้ ถ้าไม่ทำพี่จะไปบอกพี่อีทึกแล้วนะ”
“โหไรวะ”
“ผู้ชายแมนๆเขาก็ทำได้เป็นเรื่องปกติป่าววะ”
แต่ต้องไม่ใช่หลังจากที่กูโดนสารภาพรักเมื่อคืนมั้ยล่ะ!
เกือบแล้ว เกือบจะหลุดออกไปแล้ว
ยกมือขึ้นลูบหน้าอกตัวเองขึ้นลงก่อนจะหันไปจ้องไอ้พี่จงอินที่คว้าคอเสื้อเขาเอาไว้ไม่ให้เดินหนีไปไกลมากกว่านี้ ในมือของคนข้างบ้านตัวสูงมีป้ายชื่อเปล่าอยู่สิบกว่าอันเตรียมพร้อมสำหรับการทำกิจกรรมต่อไปเต็มที่ คิมจงอินค่อนๆลากเข้าไปใกล้ ไม่รู้ว่าไม่ใกล้พอหรือชานยอลไร้ความรู้สึกกันแน่อีกคนถึงได้ไม่รู้ตัวว่ามีใครกำลังเดินตามอยู่แบบนี้
พลั่ก!
ปั้ก!
“หือ?”
หมับ!
เดี๋ยว....เขาจะอธิบายทีละขั้นนะ
ไอ้เสียงพลั่กอันแรกคือเสียงที่คิมจงอินคนทรยศผลักเขาเข้าไปชนแผ่นหลังกว้างจนเกิดเสียงดังปั้ก ส่วนไอ้คนที่ถูกชนก็ทำท่างงๆเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีตัวอะไรบางอย่างกระแทกอย่างจังและก่อนที่ปาร์คชานยอลจะหันกลับมาวงแขนเล็กก็ขยับโอบรัดอีกคนเอาไว้
“ยะ...อย่าเพิ่งหันมานะ”
แบคฮยอนบอกเสียงสั่นก่อนจะเริ่มนับในใจหนึ่งถึงสิบห้า รีบหลับตาปี๋ก่อนจะมุดหน้าลงเข้าที่แผ่นหลังอีกคน รีบนับไวๆก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายออกมาเสียงดัง
“น้องผิดไปแล้ว ขอป้ายชื่อใหม่ให้น้องด้วย!”
ว่าเสร็จก็รีบปล่อยมือก่อนจะเตรียมโกยแน่บอย่างที่เคยทำมาทว่าอีกคนกลับรั้งแขนเขาเอาไว้พาลให้หัวใจเต้นตึกตักลุ้นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเมื่อคืนรึเปล่า
“ถ้าป้ายชื่อของนายล่ะก็อยู่นี่”
เสียงทุ้มนั่นเอ่ยออกมาเบาๆแต่ฟังดูแล้วมันกลับชัดเจนเสียเหลือเกิน ป้ายชื่อขนาดพอดีถูกสวมเข้ามาที่คอก่อนที่ประโยคถัดไปจะดังออกมา
“ไอ้จงอินเป็นคนขโมยไปเมื่อคืน”
เจอกูแน่ล่ะคิมจงอิน
------ GIDDY CHANYEOL ------
5 0 %
กิจกรรมช่วงบ่ายกระชับความสัมพันธ์กับพี่น้องแน่นแฟ้นมาก
เป็นกิจกรรมใสๆไร้แอลกอฮอล์ พี่วงในน้องวงนอกแล้วพี่ก็จะหมุนขวาเปลี่ยนคู่กันไปเรื่อยๆ กิจกรรมสันทนาการที่ดูน่ารักน่าชัง แน่นอนว่าไม่แคล้วโดนผู้หญิงที่ชื่อคิมซอนมีแกล้งอีกครั้งด้วยเกมกินป๊อกกี้ที่วนกลับมาได้อย่างไรก็ไม่ทราบ เขาชิงหักมันก่อนที่ริมฝีปากจะชนกัน
ไม่หักล่ะก็เจ้าหล่อนคงเขมือบริมฝีปากเขาเข้าไปแน่ๆ
แบคฮยอนโดนทำโทษด้วยการเต้นแรงเต้นกาท่าประหลาดๆ ไม่นานนักก็กลับมายืนที่เดิม เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่จะเปลี่ยนคู่อีกสองสามครั้งจนในที่สุดก็คู่กับพี่ผู้หญิงคนนึง ขวามือของเขาคือจองอึนจีเพื่อนที่ไอดีติดกันส่วนคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าคือคิมจงอิน
“ให้น้องกระโดดขี่หลังพี่เป็นเวลาสิบห้าวินาที ใครตกลงมาก่อนถือว่าแพ้ ให้เวลาในการปีน เอาเลย”
แบคฮยอนหันมองหน้ารุ่นพี่ผู้หญิงที่ตัวไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ถึงความสูงเกือบๆจะเท่ากันแต่จะให้เขากระโดดขี่หลังผู้หญิงมันก็กระไรอยู่ หันไปมองอึนจีที่กำลังลังเลว่าจะขี่หลังคิมจงอินที่หันหลังรอไว้แล้วดีมั้ย เขาก็แอบกระซิบขอเปลี่ยนคู่โดยที่ไม่ให้คนที่กำลังยิ้มกริ่มได้ทันรู้ตัวแล้วหลังจากนั้นจึงโถมตัวเข้าใส่ไอ้คนขี้แกล้งเสียเดี๋ยวนั้น
“โอ๊ะ....หนักจังวะ เฮ้ย..! ขน ขนหน้าแข้ง”
อีกคนทำท่าจะเหวี่ยงเขาลงจากหลังแต่แบคฮยอนก็เกาะคออีกคนเอาไว้เสียแน่น เสียงหัวเราะดังมาจากคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์และพอพี่อีทึกเริ่มจับเวลาคิมจงอินก็ยืนนิ่ง เขาหัวเราะออกมาเบาๆแล้วทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดโถมตัวใส่รุ่นพี่
“แสบนักนะน้องเตี้ย”
“ก็เห็นพี่รักพี่เอ็นดูผม เลยต้องมาให้แบกซะหน่อยจะได้หายคิดถึง”
ไม่นานนักก็ถูกปล่อยตัวให้ยืนบนพื้น เต้นด้วยกันด้วยเพลงสันทนาการอีกสองเพลงแล้วจึงเปลี่ยนคู่ เป็นปาร์คชานยอลก็มายืนอยู่ด้านหน้าเพราะเจ้าตัวยืนถัดไปจากคิมจงอิน เสียงกลองจู่ๆก็เงียบลงซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม พอทำเป็นมองข้ามร่างสูงไปก็พบว่าพี่อีทึกส่งสัญญาณให้กลองหยุด
“ต่อจากนี้จะเป็นการพี่บอกรักน้อง”
ดวงตาคู่เล็กหันมองคนที่เป็นคู่ตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจ
“พี่ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาด้านหน้าหงายมือขึ้นนะครับ” ปาร์คชานยอลแม้จะดูงงๆแต่ก็ยอมทำตามในขณะที่แบคฮยอนก็ทำท่าจะหันไปกระซิบขอเปลี่ยนคู่กับจองอึนจีเพื่อกลับไปยังที่เดิม เสียงของพี่อีทึกที่ดังผ่านลำโพงก็ขัดเขาเอาไว้เสียก่อน
“ห้ามเปลี่ยนคู่นะครับน้องใครเปลี่ยนคู่พี่จะให้ออกมาเป็นคู่สาธิตด้านหน้า”
เพราะแบบนั้นร่างน้อยเลยขยับกลับมายืนตรงหน้าของคนข้างบ้านเหมือนเดิม
“หลังจากนั้นให้น้องเอามือวางลงบนมือของพี่แบบนี้”
พี่คังอินและพี่อีทึกสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่าง แบคฮยอนแกล้งทำเป็นมองออกไปก่อนจะพบว่าทั้งสองคนจับมือกันแล้วหลังจากนั้นก็จ้องตากันอยู่นานเกือบครึ่งนาที
เดี๋ยวนะเดี๋ยว.....
“จ้องตากันจนกว่าพี่จะบอกว่าเริ่มได้ก็ให้บอกรักน้องที่เป็นคู่ออกมาดังๆเลยนะ”
เขาหันมองปาร์คชานยอลอีกครั้ง แน่นอนว่าเจ้าตัวทำท่าเหมือนจะอึ้งนิดหน่อยอาจจะเพราะไม่เคยได้ยินเกมนี้มาก่อน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ทำท่าแตกตื่นเหมือนเขา
“นี่ขอพี่ผู้หญิงบ้างไม่ได้หรอ กูคู่กับมึงอีกแล้วหรอ”
เขาได้ยินเสียงของโอเซฮุนบ่นมาแว่วๆ พอหันไปมองก็พบว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าไม่ใช่ใครคนอื่นนอกจากพี่รหัสปีสามสุดที่รักและรักที่สุดที่ไม่ว่าอย่างไรก็หนีกันไม่พ้น
“กูเองก็อยากได้รุ่นน้องน่ารักๆป่าววะ”
“จ้องตากับมึงเนี่ย....โอยยยยย เพลีย”
ผลัดกันบ่นคนละทีสองทีแต่พอเสียงนกหวีดดังขึ้นเลยต้องรีบหยุด ชานยอลยื่นมือตัวเองออกมาด้านหน้ารอเขาเอามือวางลงไป แบตฮยอนเม้มปากแน่นชั่งใจคิดไม่ตก แต่พอพิธีกรสองคนนั่นที่ดูเหมือนจะคิดเกมนี้เพื่อเขาโดยเฉพาะกำลังเดินเข้ามา
“ไม่มองตากันออกไปเต้นท่าแมงมุมกันสองคนนา”
เท่านั้นแหละแบคฮยอนเลยยอมสบตากับคนตัวสูงกว่าทันที
ไอ้ท่าแมงมุมที่ว่าคือคนนึงทำท่าคล้ายๆกับนอนหงายส่วนอีกคนก็ทำท่าเหมือนกับคว่ำตัวลง เพลงที่มันร้องว่า แมงมุมขยุ้มหลังคา เดินไปเดินมา ขยุ้มๆ จบแต่ละรอบก็ต้องค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าหาจนในที่สุดก็ซ้อนทับกันแล้วทำท่าขยุ้มๆคล้ายกับกำลังขย่มตัวไปมา...
โอ้โห้ ให้ไปเต้นแบบนั้นเปิดห้องให้เลยเถอะ!
จู่ๆหัวใจเจ้ากรรมดันเต้นแรงเมื่อมือของเขาสัมผัสกับฝ่ามือเย็นๆของอีกคน แบคฮยอนหรี่ตาลงให้เล็กสุดเท่าที่จะทำได้เพราะกลัวว่าอีกคนจะเห็นว่าเขากำลังเขินแค่ไหน ร่างสูงนั่นยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือของเขาให้แน่นแทน
เอาแล้วไง....ปาร์คชานยอลเล่นกูแล้วไง
“บอกรักน้องได้เลยค้าบบ”
เสียงตะโกนดังกันระงม ที่ได้ยินชัดที่สุดคือเสียงของอีทงเฮที่ตะโกนบอกรักน้องตัวเองเสียดังลั่นก่อนจะกระโดดเข้าจุ๊บเหม่งเข้าเต็มรักแสดงออกว่ารักกันมากขนาดไหน โอเซฮุนอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะรีบเอามือถูหน้าผากตัวเอง แบคฮยอนหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางประหลาดของคู่ด้านข้าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอีกครั้ง
อีกคนยังคงจ้องเขาอยู่แบบนั้น แน่นอนว่านี่ทำให้แบคฮยอนประสาทเสียอย่างหนัก อยากจะดึงมือกลับแต่ชานยอลก็ยังคงจับเอาไว้ ดวงตาคู่โตนั่นก็ยังคงจับจ้องมาที่เขา
ให้ตาย....ห่าสิ
“........”
“.........”
คือเขาจะไม่อะไรเลยถ้าหากว่าไอ้คนตัวสูงไม่เอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่แบบนี้ แล้วยังไม่พูดอะไรอีก ไม่รู้ว่าจะทำหน้ามึนจ้องหน้าเขาไปแบบนี้อีกนานเท่าไหร่แบคฮยอนเริ่มล่อกแล่กเมื่อคู่อื่นๆเริ่มเงียบเสียงลงแล้วพากันจับจ้องมายังเขาและปาร์คชานยอลที่ยังไม่ยอมปล่อยมือกัน
“ขยับเข้ามาหน่อย”
“...เรื่องอะไรล่ะ”
แอบเถียงออกไปก่อนจะหันมองซ้ายขวาและพยายามจะดึงมือออกอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วคนมึนนั่นก็ยังคงเอาแต่ใจออกแรงดึงออกเบาๆจนร่างเล็กที่ทำตัวดื้อขยับเข้าไปใกล้ จัดแจงมือของแบคฮยอนให้เกาะอยู่ที่เอวตัวเอง พอเห็นดวงตาตี่ๆฉบับหนุ่มเกาหลีกำลังเบิกกว้างเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ชอบ......”
“......ห๊ะ?”
“ก็ชอบไง จะแปลว่าอะไรได้อีกล่ะ J ”
มะ....แม่งเอ๊ย! ขนาดบอกชอบยังทำหน้ามึนเลย! คนบ้าอะไรเนี่ย
------ GIDDY CHANYEOL ------
“นายชอบน้องเขาหรอ”
หลังจากเล่นเกมจบก็เป็นเวลาเล่นน้ำ ปาร์คชานยอลที่กำลังยืนมองเด็กข้างบ้านที่กำลังโดนโอเซฮุนกับอีทงเฮจับแบกไปโยนน้ำก็ต้องละสายตาออกมาเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาหา คิมซอนมีในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายีนส์ขาสั้นหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเอ่ยปากถามถึงเหตุการณ์ที่เป็นประเด็นฮอตในตอนนี้
“ใส่เสื้อสีนี้แล้วจะไม่เล่นน้ำหรือไง”
“เล่นย่ะ มีดีต้องโชว์น่ะรู้จักไหมผู้ชายซื่อบื้อ นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะชานยอล”
ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เอาไว้สวมทับเสื้อกล้ามสีขาวด้านในออกวางโปะลงบนศีรษะของอีกคนโดยไม่คิดจะตอบคำถามของคิมซอนมีแม้แต่น้อย
“ถ้าไม่ตอบฉันถือว่าไม่ได้คิด”
“คิดอะไร?”
“ฉันว่าแบคฮยอนน่ารักดี จีบได้ใช่มั้ย”
มือบางกระชับเสื้อนอกเอาไว้ก่อนจะหันไปฉีกยิ้มกว้างให้กับคนตัวสูง ปลายเท้าเรียวเขย่งขึ้นจนใบหน้าใกล้กัน ปาร์คชานยอลทำหน้านิ่วแล้วเอามือดันหน้าของหญิงสาวออก
“ไม่ได้”
“อะไรกันล่ะ ก็นายไม่ยอมตอบคำถามของฉันนี่”
“ไม่ตอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะจีบได้ แล้วก็เลิกสนใจเด็กนั่นได้เลย”
“แย่ชะมัด ฉันชอบผู้ชายน่ารักด้วยสิ”
“เพราะอย่างนี้เธอเลยไม่ชอบฉัน?”
“เออ นายมันผู้ชายซื่อบื้อ ซื่อบื้อสุดๆ”
นิ้วเรียวจิ้มเข้ากลางหน้าผากของคนตัวสูงสองสามที แน่นอนว่าชานยอลขมวดคิ้วอีกครั้งเขาจับมือนั่นเอาไว้ค่อยๆขยับให้ถอยห่าง ใบหน้าสวยตามแบบฉบับสาวมั่นทำหน้าหงิก มองเสื้อเชิ้ตที่คลุมอยู่บนไหล่ตัวเองแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมา ถอดเสื้อที่คลุมอยู่ออกก่อนจะยัดมันคืนให้คนซื่อบื้อ
“เอาคืนไป ฉันไม่ใช่แฟนนายไม่ต้องมาห่วงใยอะไรขนาดนั้น”
“แต่......”
“เก็บมันไว้ทำกับคนพิเศษเถอะ เพราะนายทำแบบนี้ไงเลยไม่มีใครกล้าเข้าหาฉันซักคน ตั้งแต่ตอนที่ฉันไปหานายที่คณะนั่นแล้ว”
“...ตอนไหน?”
“วันที่ฝนตกหนักไง พอเห็นว่าชุดฉันเปียกนายก็เอาเสื้อชอปมาให้ใส่ ให้ตายสิ ว่าจะไปส่องหนุ่มวิดวะซักหน่อย โดนเข้าใจผืดคิดว่าเป็นเด็กของนายกันหมดแล้ว”
นึกย้อนไปเมื่อประมาณเดือนที่แล้วที่เข้าสู่หน้าฝน คิมซอนมีตัวเปียกซ่กเข้ามาหาเพื่อคุยเรื่องเกี่ยวกับงานรับน้อง ด้วยความที่เสื้อของหญิงสาวเปียกประกอบกับหน้าตาที่จัดได้ว่าสวยทำเอาเขาเป็นห่วงไม่ใช่น้อยเลยบังคับให้อีกคนสวมเสื้อชอปของเขาไปก่อน
ปาร์คชานยอลก้มลงมองเสื้อเชิ้ตสีเข้มของตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งไล่กวดเพื่อนอยู่ริมชายหาด แอบยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อเห็นเด็กคนนั้นทำหน้าหงิก แต่แล้วก็ต้องทำหน้านิ่วอีกครั้งเมื่อพบว่าคนที่แบคฮยอนวิ่งไล่ไม่ใช่โอเซฮุนแต่เป็นพี่คริสที่จงอินบอกว่าเป็นพี่รหัสปีสามของเด็กข้างบ้าน
“เอาเป็นว่าแบคฮยอนน่ะ ฉันยุ่งไม่ได้ใช่มั้ย”
“อืม”
“โอเค้ เห็นว่ารู้จักกันมานานหรอกนะเลยจะยอมหยวนๆให้ งั้นไปล้ะ”
ร่างบอบบางยักไหล่น้อยๆก่อนจะเดินกลับเข้ากลุ่มตัวเองไป ทิ้งให้อีกคนยืนฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว เขาเอาแต่มองตามร่างเล็กที่ตอนนี้เริ่มจะยิ้มออกมานิดหน่อยก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่ไม่นานนักเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเด็กเตี้ยนั่นสะดุดกำลังจะล้ม รู้ดีว่าจากตรงนี้เข้าไปรับอีกคนไม่ทันแน่แต่ขามันขยับก้าวออกไปแล้ว ทว่าก็ต้องชะงักไว้เท่านั้นเมื่อพบว่ามีใครอีหคนเข้ามารับไว้เสียก่อน
พี่คริส.....
แบคฮยอนในตอนแรกก็หลับตาปี๋แต่พอรู้ว่าตัวเองไม่ต้องหน้าทิ่มทรายก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นยืนโดยที่มือเกาะแขนของคนที่เข้ามาช่วยเหลือ ปาร์คชานยอลเห็นว่าสองคนนั้นกำลังคุยกันแต่เขาไม่ได้ยินว่าคุยอะไร
มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหงุดหงิดมากๆ
หงุดหงิด......
“ไม่ระวังเลย”
“ก็พี่แหละเอาแต่วิ่งหนี”
“ไม่วิ่งก็โดนตบดิ”
แบคฮยอนทำหน้าเบ้นิดหน่อยแล้วจึงค่อยๆขยับตัวยืนให้ดี เอ่ยปากขอบคุณอีกคนที่ช่วยตัวเองเอาไว้ก่อนจะรู้สึกตัวว่ามีใครกำลังมองอยู่ กวาดสายตามองซ้ายขวาก่อนจะพบว่าคนที่กำลังยืนมองเขายืนอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก
ชานยอล.....
ร่างสูงนั่นยืนกอดอกเอนกายพิงอยู่ใต้ต้นไม้ มองจากตรงนี้เขายังรู้เลยว่าอีกคนกำลังทำหน้านิ่วขนาดไหน พอสบตาเข้าจังๆเขาเลยค่อยๆดันพี่คริสที่ประคองเขาอยู่ให้ขยับออกอย่างมีมารยาท ก้มหัวขอบคุณอีกครั้ง
“ขาพลิกขาแพลงอะไรรึเปล่า”
พี่คริสพอเห็นหน้าเขาเจื่อนไปนิดหน่อยอีกคนก็ทำท่าจะก้มลงไปยกเท้าเขามาดู แบคฮยอนรีบโบกมือเป็นพัลวัล “ไม่เป็นไรพี่ กระโดดเตะพี่ได้สบายมาก”
“แน่ใจนะ?”
“ลองให้ผมเตะป้าว”
“โอเค ไม่ได้เป็นไรจริงๆ” แบคฮยอนหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะหันกลับไปมองที่จุดเดิมอีกครั้ง และคราวนี้ปาร์คชานยอลหายไปแล้ว
หายไปไหนของเขาวะ.....
“มองอะไร?”
“อ๋อ เปล่าๆ ผมไปเล่นต่อก่อนนะ ไปแล้ว”
รีบหันกลับมาปฏิเสธก่อนจะถอยห่างออกมา ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันน้อยๆเพราะกลัวว่าการที่เขากำลังจะล้มเมื่อกี้อาจจะทำให้อีกคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดขุ่นเคืองใจ ร่างเล็กขยับตัววิ่งไปตามชายหาดจนมายืนอยู่ที่ที่ชานยอลคอยยืนเมื่อซักครู่แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ
หลังจากที่ได้ฟังคำว่าชอบชัดๆอีกครั้งแบบไม่มีแอลกอฮอล์เข้ามาปะปนเขาก็ตีหน้ามึนเปลี่ยนคู่ไปเลยเมื่อพี่อีทึกส่งสัญญาณให้รุ่นพี่ขยับหมุน ถึงตอนนั้นชานยอลก็ไม่ได้เซ้าซี้จะให้เขาตอบอะไรกลับไป เจ้าตัวหันมาส่งยิ้มมุมปากให้เขาอีกครั้งแล้วหันไปสนใจจองอึนจีแทน
เหมือนกับจะบอกว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะกลับมาทวงคำตอบที่อยากได้ยิน
“หายไปไหนวะ....”
บ่นพึมพำเมื่อหาร่างสูงที่มักจะเด่นอยู่เสมอไม่เจอ เป็นแบบนั้นแบคฮยอนเลยตั้งใจจะเดินกลับไปยังทะเลที่อีทงเฮกับโอเซฮุนยังคงเล่นกันอยู่ตรงนั้น
เวลาล่วงเข้าหกโมงเย็น ก็ถูกพี่ๆไล่ให้กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แบคฮยอนตัดสินใจบอกให้โอเซฮุนไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองจะยังเดินเล่นอยู่แถวนี้ แล้วจะตามขึ้นไปตอนเกือบๆทุ่มนึงเพื่อให้เพื่อนได้มีเวลาอาบน้ำ ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มจะมืดสนิท ตัวที่เคยเปียกตอนนี้เริ่มแห้งและมีแต่ทรายติดเต็มไปหมด
ไอ้พวกนั้นแกล้งเอาเขาจับฝังทราย
พอเห็นว่าตัวเล็กกว่าหน่อยเลยแกล้งเอาๆ อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากไปเล่นกล้ามให้ปูดแบบอีทงเฮบ้างเขาจะยังโดนแกล้งอยู่แบบนี้มั้ย แต่ก็ต้องมีอันพับโครงการไปเมื่อนึกถึงภาพของตัวเองในสภาพเตี้ยล่ำแบบนั้น
ยอมอ้วนแบบนี้ต่อไปก็ได้วะ
พอใกล้ได้เวลาเลยเดินกลับเข้าไปในรีสอร์ทเพราะฟ้ามันมืด แสงที่พอให้เห็นทางได้ก็คงเป็นแสงจากตะเกียงที่ติดตามหน้าบ้านแต่ละหลัง แบคฮยอนยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบาๆเพราะเริ่มรู้สึกหนาวอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักตัวเอง แบคฮยอนเคาะประตูเบาๆแล้วยืนรอให้คนในห้องเปิดประตูออกมา แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเคาะประตูอีกครั้ง
โอเซฮุนหายเงียบไป ออกเดินดูรอบบ้านมองว่าไฟห้องน้ำยังเปิดอยู่ไหมแต่มันกลับมืดสนิท นั่นหมายความว่าโอเซฮุนไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแล้ว เขามองไฟที่ห้องใหญ่ มันก็มืดเหมือนกัน
เอ้า! หรือมาผิดหลัง
พอวนกลับมาดูเลขหน้าประตูแบคฮยอนก็ขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาผิดหลัง ร่างเล็กหมุนตัวกลับมองบ้านทร่อยู่ข้างๆซ้ายขวา ไม่นานนักคนที่นอนอยู่หลังข้างๆก็เปิดประตูออกมา เขาผงะไปนิดเมื่อพบว่าเป็นปาร์คชานยอลที่เปิดออกมา
“ยืนทำอะไรอยู่?”
“เอ่อ....พี่เห็นไอ้เซฮุนมั้ยอะ”
“ออกไปไหนกับพี่ทงเฮไม่รู้”
“อะ....อ้าว แล้วงี้ผมจะเข้าห้องไงอะ มันได้ทิ้งกุญแจให้พี่ปะ”
“ไม่.....” อีกคนพูดพลางส่ายหัวประกอบทำเอาร่างเล็กกัดฟันกรอด ก่นด่าไอ้เพื่อนตัวดีอยู่ในใจ ร่างเล็กก้าวเท้าออกจากบริเวณหน้าบ้านจะไปตามหาโอเซฮุน ทว่าเสียงอีกคนกลับรั้งเขาไว้เสียก่อน
“เข้ามาอาบน้ำที่ห้องฉันสิ”
“ไม่เป็นไรพี่”
“ไม่มีคนอาบแล้ว”
“เดี๋ยวผมเดิน.....”
“ที่ห้องอาบได้นะ ไม่มีใครอยู่เลย”
โอเค...กูเข้าไปอาบห้องนั้นก็ได้
สุดท้ายแล้วเลยยอมแพ้ความมึนของคนข้างบ้านด้วยการเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู ปาร์คชานยอลหายตัวเข้าไปในห้องก่อนจะยื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหม่มาให้แล้วขยับตัวออกให้เขาเดินเข้าห้องน้ำไป
แบคฮยอนจัดการถอดเสื้อผ้าและพยายามที่จะทำให้ห้องของอีกคนเปื้อนน้อยที่สุดด้วยการถอดทุกอย่างลงในอ่างอาบน้ำ ไม่เช่นนั้นแล้วทรายคงได้ทำพื้นห้องน้ำอีกคนสกปรกแหง
ใช้เวลาซักพักกว่าจะจัดการตัวเองเสร็จ แบคฮยอนที่เคยมอมแมมเปรอะเปื้อนไปด้วยทรายและกลิ่นเค็มของน้ำทะเลกลับมาสะอาดเหมือนเก่า เสื้อผ้าก็จัดการซักเสร็จเรียบร้อย คนตัวเล็กจัดการนุ่งผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวเอาไว้ เปิดประตูโผล่หน้าออกไปมองซ้ายขวา
“พี่.....ไอ้เซฮุนมายังอะ”
เอ่ยปากเรียกเจ้าของห้องเบาๆก่อนจะเอ่ยถามถึงเพื่อนร่วมห้องของตัวเองที่ไม่รู้ว่าป่านี้กลับมาหรือยัง ปาร์คชานยอลเดินมาหาก่อนจะยื่นเสื้อผ้าแห้งของตัวเองมาให้
“ยังไม่มา....เอานี่ไปใส่ก่อน”
“เฮ้ยไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมก็นั่งอยู่แบบนี้แหละ ไม่เป็นไร”
“.....แน่ใจนะ”
ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกแต่พออีกคนถามย้ำก่อนจะใช้สายตามึนๆนั่นจ้องที่ตัวของเขาอย่างถือวิสาสะแบคฮยอนถึงสัมผัสได้ถึงพลังความหื่นอันรุนแรงแบบที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนของปาร์คชานยอล
“ใส่ก็ได้”
รีบคว้าเสื้อจากมือของอีกคนมาก่อนจะปิดประตูห้องน้ำจนดังโครมคราม หันมองกระจกในห้องน้ำก็พบว่าตัวเองกำลังแก้มแดงจนร้อนเห่อไปหมดทั้งหน้า เขาจัดการสวมเสื้อยืดตัวใหญ่ของอีกคนแล้วสวมกางเกงเลแบบหวิวๆเพราะไม่มีชั้นใจ แต่ดีว่าเสื้อยาวพอที่จะปิดทับมันอีกชั้นทำให้อั่นใจขึ้นมาหน่อย
ใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานเพราะไม่อยากจะออกไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย แต่พอได้ยินเสียงเคาะประตูเลยต้องเปิดออกไปด้วยความเกรงใจกลัวว่าอีกคนจะอยากเข้าห้องน้ำ
“นึกว่าเป็นลมไปแล้วซะอีก”
“ปะ....เปล่า ขอบคุณที่ให้ยืมนะ...ละ แล้วก็ป้าเปียกเดี๋ยวมาเอา ขอไปตามหาไอ้เซฮุนก่อน”
เพราะห้องน้ำอยู่ใกล้กับประตูเลยหมายมั่นว่าจะพุ่งตัวรีบออกจากห้องไป แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ชานยอลรั้งเขาเอาไว้ก่อนจะลากให้เดินกลับมานั่งลงบนเตียง คาดว่าคงจะเป็นเตียงนอนของเจ้าตัวนั่นแหละ แบคฮยอนดีดตัวขึ้นราวกับโดนของร้อน แต่ลุกขึ้นได้ไม่เท่าไหร่ก็โดนอีกคนผลักให้กลับลงไปนั่งอีกครั้ง
อื้อหืออออ นี่เตียงนะเตียง! เตียง!!
เขาจะไว้ใจสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง
เกิดโดนทำอะไรต่อมิอะไรขึ้นมา น่ากลัวว่าเขาจะไม่ขัดขืนเอาน่ะสิ!
แบคฮยอนก็เป็นคนแบบนี้แหละบอกเลย!
“เช็ดผมให้แห้งก่อนสิ”
อีกคนว่าด้วยน้ำเสียงดุๆก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหัวซึ่งคาดว่าน่าจะยังไม่ได้เพราะพับวางไว้เรียบร้อยอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง มือใหญ่จัดการขยี้เส้นผมเปียกๆของอีกฝ่ายก่อนจะวางผ้าลงไป
แบคฮยอนนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อหน้าของตัวเองอยู่ไม่ห่างจากแผ่นอกกว้างซักเท่าไหร่ กลิ่นของอีกฝ่ายตลบอบอวลไปหมดไม่ว่าจะเป็นจากตัวปาร์คชานยอลเองหรือแม้กระทั่งเสื้อผ้าของชานยอลที่เขาสวมอยู่ตอนนี้
ดวงตาคู่เล็กค่อยๆปิดลง ภาวนาว่าอย่าให้อีกคนได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นดังรุนแรงอยู่ ณ ตอนนี้เลย
“หิวหรือยัง”
ศีรษะเล็กผงกเบาๆแต่หลายครั้ง บางทีถ้าเขาบอกไปว่าหิวมากๆปาร์คชานยอลอาจจะยอมปล่อยให้เขาออกไปนอกห้องก็ได้ “งั้นรออีกแป๊บ”
ถามเพื่อใคร.....
สุดท้ายแล้วเขาเลยต้องนั่งให้ชานยอลเช็ดผมให้อีกซักพัก ไม่นานนักอีกคนก็ขยับถอยห่าง แบคฮยอนเลยรีบลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยปากขอบคุณเบาๆด้วยใบหน้าที่ร้อนเห่อ เขามั่นใจว่าตอนนี้หน้าตัวเองจะต้องแดงจนดูไม่ได้แน่ๆ
“ก่อนออกจากห้องมีเกมจะให้เล่น”
“....อะไร?”
“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร นายต้องพูดคำเดียว”
“คำไหน?”
“รับปากสิว่าจะเล่น”
“บอกมาก่อนสิว่าจะให้พูดอะไร”
“ไม่รับปากก็ไม่ให้ออกจากห้อง”
คนตัวใหญ่ยืนกอดอกพิงประตูแล้วใช้สายตามึนๆนั่นจ้องมายังเขา เป็นรอบที่ร้อยของวันที่เขาเม้มปากอย่างใช้ความคิด พอเห็นว่าปาร์คชานยอลจะยืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืนโดยที่ไม่หลบไปไหนแน่
“ก็ได้....ผมต้องพูดคำว่าอะไรล่ะ”
ทันทีที่เขายอมตกลงรับปาก รอยยิ้มร้ายๆที่ดูแล้วน่าหมั่นไส้ก็ผุดพรายขึ้นมาประดับอยู่บนใบหน้าของอีกคน “พูดได้คำเดียวว่าใช่”
เหมือนคำว่าชิบหายลอยมาโปะหน้าเต็มๆเลย
แบคฮยอนไม่ตอบรับอะไรกลับไปแต่ก็พยักหน้าน้อยๆเหมือนกับจะส่งสัญญาณให้อีกคนรีบๆเริ่มเกมบ้าบอนี่เสียที
“ปาร์คชานยอลหล่อมาก”
เขากัดฟันกรอดก่อนจะตอบออกไป “....ใช่”
“ปาร์คชานยอลนิสัยดีสุดๆ”
“ใช่”
“แบคฮยอนเตี้ย” เขาทำตาขวางใส่ แต่สุดท้ายก็ต้องพูดคำเดิม “...ใช่”
“แบคฮยอนขี้เหร่......”
“เออ”
“ห้ามพูดว่าเออดิ ต้องพูดว่าใช่”
อีกคนขัดขึ้นมาด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ แน่นอนว่าเขากำลังอยากจะเข้าไปข่วนหน้าหล่อๆที่เจ้าตัวมั่นใจนักหนาให้แหกกันไปข้าง แต่สุดท้ายเขาก็ได้แต่ทำคอแข็งส่งเสียงครางตอบรับกลับไปเบาๆ
“แต่....รู้ตัวใช่มั้ยว่าน่ารัก”
“ห๊ะ?”
“ฮื่อ บอกว่าห้ามพูดคำอื่นไง ถ้าพูดอีกครั้งจะทำโทษแล้วนะ”
ปาร์คชานยอลทำหน้านิ่วซึ่งแบคฮยอนที่กำลังเบิกตาตี่ๆของตัวเองขึ้นก็รีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว กลัวว่าบทลงโทษของชานยอลอาจจะทำเขาประสาทเสียก็ได้
“รู้ใช่มั้ยว่ามีคนชอบ”
“.......ชะ....ใช่”
“แล้วรู้ใช่มั้ยว่าวันนี้ที่ไปเล่นกับไอ้พี่คริส ทำให้มีคนหึง”
แบคฮยอนก้มหน้างุดแล้วตอบรับเสียงอู้อี้ “ใช่”
“จริงๆแล้ว....นายก็ชอบฉันใช่มั้ย”
“ไรวะ ขี้โกงอะ”
พอเขาพูดคำอื่นออกมาปาร์คชานยอลก็เลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย ตอนนั้นแบคฮยอนเองถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำพลาดที่เงยหน้ามามอง โดนฉวยโอกาสเบาๆที่ริมฝีปาก ใบหน้าหวานเลยร้อนเห่อมากกว่าเดิม
“ถ้าไม่ตอบ....ก็อยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆนะ”
อื้อหือ....เขานี่รู้สึกอยากจะระเบิดตัวเองลงกลางทุ่งหญ้าแล้วกลายเป็นโกโก้ครั้นช์มาก แต่เพราะนี่คือบยอนแบคฮยอนเลยทำได้แค่ยืนนิ่งๆหน้าแดงก่ำอยู่ตรงนี้ เสียงหวานสั่นเล็กน้อยเมื่อเอ่ยปากพูด “ใช่...”
“เพราะอย่างนั้น เวลาที่เหลือในทริปนี้ นายจะอยู่ห่างจากพี่คริสอย่างน้อยสามเมตรใช่มั้ย”
“ใช่”
“ดีมาก”
“จบแล้วใช่มั้ย” เงยหน้าอีกครั้งเมื่อพบรอยยิ้มของความพึงพอใจระบายเต็มกว้างใบหน้าหล่อ แต่แทนที่อีกคนจะพยักหน้ากลับกลายเป็นว่าชานยอลกำลังส่ายศีรษะช้าๆ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นมา “ต่อไปเป็นคำถามสุดท้าย”
แบคฮยอนเม้มปากก่อนจะพยักหน้ารีบให้อีกคนพูดมันออกมาเสียที มันคงไม่มีประโยคไหนร้ายแรงไปมากกว่าประโยคที่ทำให้เขาต้องยอมรับว่าชอบปาร์คชานยอลนั่นอีกแล้ว แต่ไอ้อาการเสียวสันหลังวาบนี่ทำเอาเขาชักไม่แน่ใจเท่าไหร่
“ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้ว....ใช่ หรือไม่ใช่?”
------ GIDDY CHANYEOL ------
แกร๊ จะสอบมิดเทอมแล้ว นี่ชั้นทำไรอยู่แกร๊
55555555555555555555555555
บอกลาคะแนนอันสวยงาม แล้วสวัสดีหมากับแมวเร้ว
งงก็เรื่องของแกล้ะถ้างั้น
5555555555555555555555555555
ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่า ชานยอลมันร้ายนะคะท่านหัวหน้า
5555555555555555555555
เจอกันหลังมิดเทอมนะจิบิ
ปล.จบมิดเทอมวันที่ 9 มีนา คิดถึงก็โทรมา
09xxxxxxxx
จะรอรับโทรศัพท์นะจุ้บ
#ชานมึน
ความคิดเห็น