คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Vol. 8 - Bloody Mary
Bloody Mary
Vol. 8
ไม่รอให้เธอคลาดสายตา ผมยกปืนขึ้นมาลั่นไกยิงสนามโน้มถ่วงไปยังบริเวณที่เธอยืนอยู่ สาวผมแดงพลันทรุดฮวบลงกับพื้น เธอสะบัดหน้าขึ้นมา หยดน้ำฝนสีเลือดรอบกายพลันแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นกระสุนนับร้อยพุ่งเข้ามาโจมตีทันที
ผมรีบผละตัวถอยกลับเข้าไปหลบหลังเสาเหล็ก เสียงกระแทกของกระสุนเลือดดังเกรียวกราว เท่าที่ศึกษาถึงเผ่าพันธุ์ของแฟนตาเซียมาเมื่อคืน นี่คงจะเป็นคุณลักษณะพิเศษของเผ่าพันธ์หายากที่เกิดมาจากหลอมวิญญาณรวมเข้ากับต้นไม้พิษ เวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนของเหลวให้กลายเป็นเลือดและควบคุมมันได้ตามใจนึก ข้อมูลระบุไว้ว่าเหลือเผ่าพันธุ์นี้เพียงไม่กี่คนในอาณาจักร ไม่คิดว่าจะได้มาเจอ...
แถมเจอในเวลาที่ฝนกำลังตกอยู่แบบนี้
หายนะแล้วไหมล่ะ
ผมไม่มีทางต่อกรกับเธอได้ในสภาพแบบนี้ การยอมปล่อยให้เธอเข้าไปในอาคารได้ก็ไม่ใช่เรื่องฉลาด หนทางเดียวคือคงต้องแปลงเป็นเซิร์ก
ตัดสินใจได้ดังนั้นจึงรีบกระตุ้นร่างกายให้คืนสภาพสู่ร่างเดิม หากมันไม่เป็นอย่างที่คิด ต่อมประสาทส่วนนั้นไม่ยอมทำงาน แอ่งน้ำใกล้ๆ เริ่มกลายเป็นสีเลือด ผมรีบออกวิ่งด้วยความเร็วสูงพลางลองพยายามอีกครั้ง
เป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยมีปัญหา
ต้องไม่ได้พักผ่อนติดต่อกันเป็นระยะเวลานานต่อมส่วนนั้นถึงจะหยุดทำงานแบบนี้ ผมแค่ไม่ได้นอนตั้งแต่วันที่ปริภูมิเสียชีวิต... มันเพิ่งผ่านไปแค่หกวันเท่านั้น
...หกวัน?
ผมไม่ได้นอนมาหกวันแล้วงั้นเหรอ
นึกสบถในความเลินเล่อของตนที่ไม่ได้เตรียมพร้อมร่างกายมาก่อนต่อสู้ จะแอบงีบหลับในเวลาแบบนี้ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ ผมวิ่งออกจากที่หลบภัย มุ่งหน้าไปยังยานยนต์พร้อมยิงปืนสร้างสนามโน้มถ่วง ดึงกระสุนเลือดห่าใหญ่ที่โจมตีเข้ามาให้ร่วงลงสู่พื้น ดูเหมือนยิ่งไกลจากเจ้าตัวความรุนแรงก็ยิ่งลดลง
ประตูทางเข้าโรงไฟฟ้าอยู่ทางทิศใต้ ทางที่ดีควรล่อเธอออกมาจากทางนั้นให้ได้ ผมกระโดดขึ้นจักรยานยนต์สุญญากาศ เบนรถขับข้ามรั้วเข้าไปในป่า สาวผมแดงวกกลับไปขึ้นยานยนต์ของตนและขับไล่ตามผมมา บังคับเม็ดฝนสีเลือดเข้าโจมตีอย่างไม่ลดละ จิตสังหารที่แผ่ออกมามากพอจะทำให้รู้ได้ว่าถ้าผมหยุดอยู่เฉยเมื่อไหร่ก็เตรียมพรุนไปทั่งร่างได้เมื่อนั้น
ผมลดความสูงลงขับจมลงในป่าไม้ ไม่ลืมจับตามองว่าเธอยังคงตามมาตลอดเวลา โชคดีที่เธอเลือกจะไม่ปล่อยให้ผมหนีไปง่ายๆ สาวผมแดงบังคับยานยนต์ไล่หลังมาอย่างกระชั้นชิด เมื่อออกห่างจากแสงไฟ ภายในป่าก็เหลือเพียงไฟหน้ายานยนต์เล็กๆ ช่วยตัดผ่าความมืด
ไม่สนว่าชาวแฟนตาเซียจะไปเรียนรู้วิธีบังคับยานของเมโทรโปลิสแบบนี้มาจากไหน แต่อย่างไรก็คงไม่มีทางเทียบชั้นกับผมที่ขับมาทั้งชีวิตได้ จักรยานยนต์สุญญากาศถูกบังคับหักเลี้ยวกะทันหัน เอียงเครื่องลอดผ่านต้นไม้ที่ล้มโค่น ก่อนวนกลับไปทางเดิมเป็นวงกลม ในที่สุดผมก็พลิกตนเป็นฝ่ายไล่ตามเธอแล้ว
ผมฉวยจังหวะยิงปืนเลเซอร์ใส่หลังไวๆ ของหญิงสาว ประจวบเข้ากับจังหวะที่เธอสร้างโล่เลือดขึ้นมากั้นด้านหลังตัวเองไว้ ลำแสงทะลุผ่านไปได้หากลดความรุนแรงลง เฉี่ยวเข้าที่แขนซ้ายของเธอเกิดเป็นแผลเพียงเล็กน้อย หญิงสาวไม่ยอมให้มีครั้งที่สอง ร่างสูงถีบตัวออกจากยานก่อนหันกลับมา เรียกให้ผมต้องหยุดยิงเพื่อรีบเบรกยาน บังคับให้ถอยหลังกลับเดี๋ยวนั้น
ไม่ทันการ ราวกับได้ยินเสียงกระซิบ น้ำสีเลือดจากรอบบริเวณถูกดึงขึ้นมาแปรสภาพกลายเป็นหอกแหลมนับสิบ พุ่งเข้ามาโจมตีด้วยความเร็วดุจลูกธนูยักษ์ เสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะเข้ามาถึงตัว ผมชักปืนแรงโน้มถ่วงขึ้นมายิงดูดหอกเหล่านั้นลงบนพื้นตรงหน้า แน่นอนว่าร่างของผมและยานก็ถูกดึงร่วงลงสู่พื้นเช่นเดียวกัน
ต้องขอบคุณร่มไม้ช่วยลดลูกกระสุนของเธอ และพลิกให้ผมเป็นฝ่ายที่มีอาวุธรายล้อมอยู่รอบด้านเสียแทน สวัสดีเพื่อนรัก คงต้องยืมกำลังนายอีกแล้ว
ผมวิ่งเข้าไปหลบหลังต้นไม้ โอบรอบลำต้นและดึงถอนออกมาจากดินโคลน เหวี่ยงฟาดไปยังทิศที่หญิงสาวยืนอยู่ เธอดึงน้ำจากโดยรอบมาสร้างเป็นม่านกั้นเอาไว้ แรงกระแทกรุนแรงพอจะทำให้ร่างนั้นต้องถอยหลังพรืด ผมวาดแขนยกต้นไม้ขึ้นแล้วเหวี่ยงฟาดเข้าที่ด้านข้าง คราวนี้หญิงสาวตั้งรับไม่ทัน เธอถูกปัดกระเด็นเข้าไปชนกับต้นไม้ ผมใช้พุ่มกิ่งไม้กดร่างเธอไว้ ชักปืนเลเซอร์ขึ้นมายิงซ้ำไปยังบริเวณนั้นทันที
ความร้อนของเลเซอร์ในปริมาณมากจุดไฟให้ลุกท่วมท่ามกลางสายฝน ผมกระหน่ำยิงไม่ยั้งจนกระทั่งปีนหยุดรีโหลด จึงพับเก็บเข้าที่เข็มขัด ยืนรออีกสักพักเพื่อดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างจบลงแล้ว
สายฝนช่วยดับไฟลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงม่านควันลอยคละคลุ้งไปทั่วในความมืดมิด ผมมองเห็นได้ดีแม้จะเป็นที่อับแสง ก้าวย่ำฝ่าความมืดเข้าไปสำรวจดูบริเวณที่สรรพสิ่งมอดไหม้เป็นจุล แต่มันก็ไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ – ไม่มีร่างของเธออยู่
หากอยู่ๆ ในอกก็พลันเจ็บแน่น แสบร้อนไปทั้งลำคอคล้ายกับมีอะไรบางอย่างตีย้อนขึ้นมาตามหลอดอาหาร ในที่สุดสิ่งนั้นก็ทะลักออกมาจากปาก เมื่อใช้มือปาดขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือเลือด
ไม่ทันจะถอยหลังหนี เลือดอีกก้อนก็พลันทะลักออกมาจากปากอีกครั้งจนต้องทรุดลงกับพื้น สำรอกออกมาไม่ให้มันไหลลงไปในหลอดลม เสียงเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเป็นสัญญาณเตือนให้รีบตั้งตัว
ผมเงยหน้าขึ้นมาจากกองเลือด ใช้สายตามองตัดควันหาตำแหน่งของหญิงสาว เมื่อครู่นี้เธอคงสร้างโล่กำบังหลบออกมาก่อนถูกล็อคตัวไว้ได้ทัน หรืออาจจะมีความสามารถอื่นซ่อนไว้อีก ประมาทไม่ได้ ที่รู้เพิ่มขึ้นมาคือเธอมองเห็นในความมืดได้ดีไม่แพ้กัน คราวนี้ผมต้องเป็นฝ่ายพาตัวเองหนีออกจากบริเวณนี้ให้ได้ การสำรอกเลือดคงเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเข้าใกล้เธอมากเกินไป
คล้ายแรงดันในร่างสูบฉีดแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขืนอยู่นานกว่านี้ลูกตาคงจะกระเด็นออกมาจากเบ้า ไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากต้องงัดระเบิดแสงขึ้นมาปาออกไป ผมหลับตา ยกแขนกันแสงสีขาวที่พลันสาดไปทั่วบริเวณ
หญิงสาวที่ชินกับความมืด เมื่อต้องเจอกับแสงสว่างปริมาณเข้มข้นสมองจึงต้องหยุดสั่งการไปชั่วขณะ ส่งผลให้พลังของเธอคลายออกไป ผมหยุดสำลักเลือด รีบฝืนความมึนหัว ทรงตัวลุกขึ้นยืนแล้วออกวิ่งเข้าไปในป่าทันที
แสงจ้าหายไปแล้ว ผมพยายามออกไปให้ห่างจากโรงไฟฟ้า อาศัยควันเป็นจุดสังเกต การเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ ต้องลอบโจมตีเท่านั้น และแน่นอนว่าการหาตัวเธอในป่านี้ไม่ใช่เรื่องยาก
ผมเปิดโฮโลแกรมบนสายรัดข้อมือขึ้นมา ใช้เรดาร์ค้นหาสิ่งมีชีวิตที่อยู่โดยรอบ สาวผมแดงกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงข้ามกับโรงไฟฟ้าเช่นเดียวกัน เธอยังคงหนักแน่นที่จะไม่ยอมปล่อยให้ผมหนีไปง่ายๆ
ฝนเทกระหน่ำลงมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ทั้งที่พายุเข้าติดต่อกันเป็นสัปดาห์แต่ก็คงยังไม่หนำใจหญิงสาว บางทีผมคงจะเกลียดฝนเข้าให้แล้ว หยดน้ำเย็นๆ ที่กระทบหูกระทบตา นอกจากจะน่ารำคาญแล้วยังพาลทำให้นึกถึงงานศพของปริภูมิ
หรือระหว่างนี้จะแอบงีบสักงีบ...ผมพยายามแปลงกายเป็นเซิร์กอีกครั้งแต่ไร้ผล
ได้แต่จดจ้องมองจุดบนจอโฮโลแกรม ค่อยๆ อ้อมวกไปทางด้านหลังของเธอ ถึงเสียงฟ้าฝนจะดังกลบเสียงอื่นๆ แต่ก็ยังพอได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งอยู่ ไม่รู้ว่าชาวแฟนตาเซียจะหูดีกว่ามนุษย์ทั่วไปหรือไม่ แต่แน่นอนว่า...คงไม่ดีไปกว่าเซิร์ก
ในระยะนี้ผมไม่จำเป็นต้องพึ่งเรดาร์ หากลองตั้งใจฟัง ผมได้ยินแม้แต่เสียงหอบหายใจของสาวแฟนตาเซีย
ผมสะกดฝีเท้า ก้าวตามเธอไปอย่างเงียบเชียบที่สุด พยายามอาศัยเงามืดและร่มไม้บดบังอำพราง มองเห็นร่างของเธอแล้ว หญิงสาวมีท่าทีระวังตัวตลอดเวลา ไม่เปิดช่องว่างเลยแม้เพียงเล็กน้อย น่าหวาดเสียวว่าถ้าเกิดพลาดเหยียบโดนหางอึ่งอ่างแล้วมันส่งเสียงร้องขึ้นมา ชีวาคงจะดับสิ้นเมื่อนั้น เดี๋ยวก่อน อึ่งอ่างไม่มีหาง
บางทีผมอาจจะเมากลิ่นเลือด หรือตากฝนจนไม่สบายอย่างที่มิคังเคยเตือนไว้เข้าแล้วจริงๆ, จะอะไรก็แล้วแต่
สะบัดปืนแรงโน้มถ่วงและปืนเลเซอร์ขึ้นเข้ามาถือเอาไว้ จังหวะที่กำลังเตรียมพร้อมยิง รองเท้าก็ดันเหยียบจมลงในแอ่งน้ำ มั่นใจว่าเสียงจ๋อมนั้นเบาเสียยิ่งกว่าเสียงอึ่งอ่างร้อง แต่หญิงสาวรู้ตัว เธอเหลียวหน้าพร้อมปาบางสิ่งเข้ามาใส่ทันที
ดูเหมือนจะไม่ถูกเป้าที่เจ้าตัวต้องการ แต่วัตถุคล้ายมีดนั้นก็สามารถปัดปืนเลเซอร์กระเด็นออกไปจากมือได้ ผมยิงปืนแรงโน้มถ่วงดึงเธอให้หมอบลงไปกับพื้น แต่หญิงสาวไม่ให้เวลาผมเก็บปืน สีแดงเข้มแพร่ออกจากร่างของเธอไปตามพื้นที่น้ำเจ่อนอง มันกระจายตัวอย่างรวดเร็วราวกับงูเลื้อย ผมจำต้องปล่อยนิ้วออกจากไกแล้วออกวิ่งไปให้ห่างทันที
หญิงสาวพลิกตัวลุกขึ้นยืนแล้วไล่ตามมา หยดน้ำจากรอบทิศทางถูกดึงมาเป็นกระสุนเลือดพร้อมจู่โจม ผมพยายามวิ่งวนกลับไปทางเก่าเพื่อดึงเธอให้ออกห่างจากเตาปฏิกรณ์ ไม่รู้เธอเหนื่อยหรือยัง แต่ผมเริ่มเบื่อกับเกมวิ่งไล่จับนี้แล้ว ถ่วงเวลาได้สักพักแต่ก็คงดึงไว้จนกำลังเสริมมาถึงไม่ไหว
จากการต่อสู้ที่ผ่านมา ยืนยันให้รู้ว่าผมทำอะไรเธอท่ามกลางสภาพอากาศแบบนี้ไม่ได้ แน่นอนว่าถ้าจะล่อให้เข้าไปสู้ในโรงไฟฟ้ายิ่งโง่เข้าไปใหญ่
ตอนนี้อยากหลับสักงีบเหลือเกิน
ความจริงแล้วยังเหลืออีกหนึ่งวิธีเพื่อให้กลายเป็นเซิร์กได้ แต่เสี่ยงเกินไป ถ้าหากมันไม่ทำงานขึ้นมาได้มีสิทธิ์หลับไปตลอดกาลสมใจอยากแน่
อยู่ๆ หางตาก็พลันเหลือบไปเห็นแสงไวๆ มียานยนต์กำลังขับผ่าความมืดเข้ามาจากทางด้านซ้าย คงเป็นทหารที่กำลังลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ ผมไม่อยากให้เขาเข้ามาในสมรภูมินี้ มันไม่ใช่ที่สำหรับคนธรรมดา แต่ไม่มีเวลาพอให้ติดต่อไปทางสายรัดข้อมือ ผมจำต้องส่งเสียงตะโกนออกไป “จากหน่วยพิเศษ! อย่าเข้ามา!”
ยานยนต์ชะงักหยุดเล็กน้อยตามคำบอก แต่หญิงสาวไล่ตามผมมาทันแล้ว ความร้อนแล่นพล่านขึ้นมาในหลอดอาหารก่อนมันจะทะลักออกมาจากปาก ผมรีบก้าวเท้าเพื่อวิ่งต่อแต่โคนขาก็พลันเจ็บแปลบขึ้นมา ในที่สุดกระสุนเลือดก็ยิงถูกเป้าเสียที
แสงจากยานยนต์เริ่มเคลื่อนไหว ทหารผู้กล้าเลือกจะขับตรงมาหาผมทั้งที่ควรจะหนี ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากปล่อยให้เขาเข้ามา ผมตัดสินใจหันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสาว หนีต่อไปก็ไร้ประโยชน์
กระสุนไม่ได้รุนแรงมากเท่าใด มันฝังเข้าไปถึงแค่กล้ามเนื้อชั้นนอก แต่ถ้าโดนในปริมาณมากก็มีสิทธิ์พรุนได้เหมือนกัน ผมหยิบแท่งลักษณะคล้ายด้ามปากกาขึ้นมาถือไว้ กดปุ่มคายแส้เคลือบพลาสม่าออกมายาวเรี่ยพื้น แอ่งน้ำที่ถูกกระทบกลายเป็นควันร้อนพวยพุ่ง
ผมกระชับปืนแรงโน้มถ่วงไว้อีกมือพร้อมถลาตัวเข้าไปหาเธอ เม็ดฝนโดยรอบกลายเป็นกระสุนเลือดเข้าโจมตี ผมแตะไกปืนเบาๆ ดึงพวกมันลงไป เข้าประชิดตัวหญิงสาวแล้วเหวี่ยงแส้ฟาดไปยังเอว เธอสร้างเกราะเลือดขึ้นมากั้นเอาไว้ ผมตวัดแส้ฟาดไปอีกด้าน เธอรีบดึงหยดน้ำฝนมาหลอมรวมกันเป็นเกราะกันเอาไว้อย่างรวดเร็วเช่นเดิม
ไม่มีการโจมตีโต้กลับ แสดงว่าถ้าหากหญิงสาวจดจ่ออยู่กับการตั้งรับที่กระชั้นชิด เธอจะไม่สามารถโจมตีผมกลับได้ในทิศทางอื่นๆ
ม่านเลือดแข็งตัวไม่ทันการโจมตีครั้งที่ห้า แส้เคลือบพลาสม่าฟาดหวิดเข้าที่ท่อนแขนขวาของหญิงสาว เพราะถูกเลือดดูดซับอนุภาคไปจึงทิ้งไว้ได้เพียงรอยเลือดเป็นทางยาว หากโดนแส้นี้เต็มๆ มันสามารถตัดชั้นเนื้อเข้าไปจนถึงกระดูกได้
ผมไม่รีรอที่จะโจมตีครั้งต่อไปทันที และการโจมตีครั้งที่แปดก็โดนเป้าอีกครั้ง ชิ้นเนื้อบนสะโพกซ้ายของหญิงสาวขาดวิ่นออกมา แผลเรียบสวยงามไร้เลือดแม้เพียงหยด เธอทรุดลงเล็กน้อยจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงคนพูดจากด้านหลัง ทหารคนนั้นกำลังรายงานสถานการณ์พร้อมก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ออกไปจากตรงนี้!” ผมตะโกนห้ามเขาอีกครั้ง ให้ตาย, หวังว่าทหารของเมโทรโปลิสจะไม่ได้โง่แบบนี้ทุกคน
หากภายในวินาทีนั้น ความเจ็บก็พลันแล่นปรี่ขึ้นสมองจนต้องหลุดร้อง มีอะไรบางอย่างพุ่งขึ้นมาจากแอ่งน้ำที่ผมเหยียบ มันเสียบทะลุเท้าของผมขึ้นมาถึงน่อง เธอฉวยโอกาสนั้นชักมีดขึ้นมา จ้วงแทงเข้าที่หน้าอกของผมจนสุดแขน
รับรู้ได้เลยว่าขั้วหัวใจขาดสะบั้นไปเรียบร้อย
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าชุดสีดำของตนชุ่มโชกไปด้วยเลือดมานานแล้ว หญิงสาวผลักผมให้ล้มลงไปจมกับพื้นโคลน สร้างหอกเลือดแล้วบังคับให้พุ่งตรงเข้าไปยังตำแหน่งของทหารคนนั้น แค่อึดใจเดียวก็ได้ยินเสียงตุบเบาๆ เธอไม่ให้โอกาสเขาร้องแม้เพียงสักแอะ
หยดน้ำฝนตกกระทบลงบนม่านตา ทุกอย่างเริ่มพร่ามัว การที่ร่างกายบาดเจ็บขนาดนี้คงต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ไม่ก็ต้องแปลงเป็นเซิร์ก
แต่ว่า...ใช่ ผมแปลงเป็นเซิร์กตอนนี้ไม่ได้ และแน่นอนว่าแม่สาวกระหายเลือดคนนั้นคงไม่ปล่อยให้ผมนอนรักษาตัวสบายๆ
หญิงสาวก้าวเดินมาย่อตัวลงนั่งด้านข้าง เรือนผมสีแดงคลอเคลียไหล่ ในที่สุดก็ได้เห็นใบหน้าของเธอในระยะใกล้ เป็นใบหน้าที่งดงามไม่สมกับความบ้าเลือดนั่นเลยจริงๆ
สัมผัสเย็นเยียบของคมมีดแตะแนบเข้าที่ลำคอ คล้ายคำบอกราตรีสวัสดิ์
ถึงเวลาหลับฝันดีแล้ว
ผมปิดเปลือกตาลง หวังว่าสายรัดข้อมือคงจะแจ้งเหตุเสียชีวิตของผมอย่างเงียบเชียบ ไม่เอะเอะจนสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
............
ความคิดเห็น