คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #89 : บทที่ 15 สถานีรถไฟคิงส์ครอส
บทที่ 15 สถานีรถไฟคิงส์ครอส
วันที่ 1 กันยายน 2005
ร่างสี่ห้าร่างกำลังหัวหมุนกับการเตรียมของมากมาย หีบใส่สัมพาระ กรงนกฮูกและรถ เพื่อไปส่งเลนนี่ที่สถานีรถไฟคิงส์ครอสก่อนเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง โชคดีหน่อยที่วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์พอดิบพอดี มันคงเป็นช่วงที่มักเกิ้ลพลุกพล่านสักหน่อยแต่ว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องลางานที่กระทรวงเพื่อไปส่งพวกเด็กๆ
ตอนนี้สกอร์เปียสอายุได้หนึ่งขวบสี่เดือน เขาเริ่มเดินเล่นเตาะแตะไปตามประสาแล้ว เดลฟินี่เป็นพี่สาวแสนน่ารักให้เขาเกาะติดไปทุกหนทุกแห่ง แต่เด็กหญิงอายุหกขวบกว่าก็อยากไปส่งพวกพี่ๆ ที่ฮอกวอตส์เช่นกันทำให้วันนี้เฮเลนต้องพ่วงสกอร์เปียสไปด้วย ต้องขอบคุณเดรโกที่เขาสอบใบขับขี่มักเกิ้ลผ่านได้ภายในครั้งเดียวทำให้พวกเขาได้รถยนต์ขนาดกลางมาใช้ในครอบครัว
"แล้ววันนี้คุณแม่ไม่ไปส่งพวกเราด้วยเหรอครับ" เลนนี่เอ่ยถามขึ้นทันทีที่ทุกคนขึ้นรถครบแล้ว แต่อลิซาเบ็ธไม่ได้ตามมาด้วย เนื่องจากคำสาปกำลังกลืนกินจิตใจของเธอเข้าไปทำให้ไม่อาจมาส่งพวกเด็กๆ ได้ ตอนนี้อลิซาเบ็ธมีความคิดอยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านเก่าที่ผุพังไปแล้วของเธอมากกว่าสิ่งอื่นใดเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ
"คุณแม่ไม่สบายน่ะ" แอนนาตอบ เด็กสาวหลบตาเลนนี่ "พี่บอกให้เขาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน -- แม่บอกว่าจะเขียนจดหมายไปหาเธอเองที่หลัง"
เฮเลนมองแอนาที่มีสีหน้าเฉยชาเป็นครั้งแรก ตอนนี้ในหมู่พี่น้องต่างพ่อแม่ของพวกเขาเธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าอลิซาเบ็ธเป็นมาเลดิกตัสที่กำลังจะกลายเป็นปิศาจโดยสมบูรณ์แบบเพราะในปีนี้อลิซาเบ็ธมีอายุโดยรวมสี่สิบเก้าปี เธออายุมากเกินกว่าที่จะควบคุมตัวเองได้ ร่างที่กลายเป็นปิศาจในทุกๆ ค่ำคืนไม่อาจปล่อยให้เด็กๆ เป็นอันตรายได้ เธอเลือกที่จะให้ลูกเลี้ยงของเธออยู่ที่คฤหาสน์มัลฟอยและตัวเธอตอนนี้ยังอยู่ที่หมู่บ้านเดิมและเก็บตัวเงียบๆ เมื่อกลายร่าง
"แปดโมงกว่าแล้ว" เดรโกร้องบอก "เรากำลังจะสาย -- เกาะให้แน่นๆ ล่ะ!"
เฮเลนไม่รู้ว่าเดรโกขับรถเร็วกี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง เธอรู้แค่ว่าเธอกอดสกอร์เปียสตัวน้อยเอาไว้แน่นในอ้อมอก จนกระทั่งถึงสถานีคิงส์ครอส พวกเขาช่วยกันขนสัมพาระของเด็กทั้งสี่คนลงมาจากรถ
"ตื่นเต้นจังเลยนะที่ปีนี้จะได้เป็นผู้นำทีม!" แอนนาพูดพลางเข็นรถเข็นไปตามทางเดินอย่างอารมณ์ดี เธอคอยมองทางระวังไม่ให้เดลฟินี่ที่นั่งห้อยขาอยู่บนหีบใส่ของตกลงไป "ไม่คิดเลยว่าอยู่ดีๆ จะได้เป็นกัปตันทีมฮัฟเฟิลพัฟก่อนเรียนจบ"
วันเปิดเทอมปี 7 วันแรกของแอนนากำลังจะเริ่มต้นขึ้น เหมือนเธอจะถูกเลือกเป็นกัปตันทีมควิดดิชบ้านฮัฟเฟิลพัฟแต่พลาดตำแหน่งประธานนักเรียน แอนนาดูไม่หวั่นใจในเรื่องนั้น เธอเป็นทั้งพรีเฟ็ตและเธอมีความสุขกับการเล่นควิดดิชในตำแหน่งซีกเกอร์เพื่อทีมบ้านและยังเห็นเซตริก ดิกกอรี่ผู้สละชีวิตปกป้องแฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นฮีโร่อีกด้วย
"ไม่เห็นจะน่าดีใจเลย" อีธานว่าพลางเบ้ปาก "ฉันจะเอาชนะเธอให้ได้คอยดู! -- ถ้วยควิดดิชปีนี้จะเป็นของกริฟฟินดอร์!"
และวันนี้เป็นวันเปิดเทอมปี 5 ของอีธาน ดูเหมือนเขาจะเล่นควิดดิชในตำแหน่งเชสเซอร์ของทีมกริฟฟินดอร์ โชคร้ายที่เขาไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นพรีเฟ็ตประจำบ้าน ทำให้อีธานค่อนข้างชอบกระแนะกระแหนแอนนาเป็นบางครั้ง เด็กชายเข็นรถเข็นไล่ตามแอนนาไปติดๆ
"ฉันก็จะไม่ยอมแพ้พวกนายหรอก!" อเล็กซ์ตะโกนไล่หลังพร้อมกับเข็นรถเร็วจี๋ตามทั้งคู่ไป "เรเวนคลอต้องได้ถ้วยยย!!"
ส่วนเด็กชายอเล็กซ์นั้นเพิ่งอยู่ปี 3 และเขาเลือกเรียนวิชาเลือกที่เขาคิดว่าตัวเองต้องชอบอย่างการดูแลสัตว์วิเศษ วิชามักเกิ้ลศึกษาและวิชาการเล่นแร่แปรธาตุที่ถูกเสนอชื่อออกมาเพราะมีจำนวนนักเรียนที่ต้องการเรียนมากพอสมควร เฮเลนยังแอบคิดเลยว่าเมื่อนิโคลัส เฟลมเมลไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ใครจะเป็นผู้สอนวิชานี้ นอกจากนั้นอเล็กซ์ยังผ่านการคัดเลือกเป็นคีปเปอร์คนใหม่ของทีมเรเวนคลอ แม้ว่าเขาจะตัวเล็กก็ตาม
"เดี๋ยวสิพวกเธอ!" เดรโกกุมขมับพลางส่ายหน้า "ฉันคงต้องตามไปคุมสักหน่อยแล้วล่ะ -- เฮ้! แอนนาาา!! เดลฟินี่อยู่บนรถเธอนะ ระวังด้วยสิ!!"
เดรโกวิ่งไล่ตามเด็กๆ ไปอย่างรวดเร็ว ฝ่าฝูงมักเกิ้ลที่ชุกชุมเต็มชานชาลาไปโดยให้เฮเลนคอยจับรถเข็นของเลนนี่ที่มีกรงนกฮูกกรงใหญ่วางอยู่ด้านบนโดยมีเลนนี่ช่วยเข็น เธอสะพายเด็กชายสกอร์เปียสเอาไว้ด้านหน้าและให้อาเธอร์นั่งบนหีบใส่ของของเลนนี่เพื่อจับตามองไม่ให้พวกเขาซุกซน
"พวกพี่เขาพูดถึงเรื่องอะไรกันเหรอครับ" เลนนี่เอ่ยถามขึ้นทันทีที่แผ่นหลังของเดรโกหายลับไป "ทำไมคนต่างบ้านต้องทะเลาะกันด้วยล่ะครับ -- ควิดดิชนี่มันก็กีฬาไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ครับผม" เฮเลนอธิบายพลางกวาดตามองเด็กๆ ที่วิ่งนำหน้าไปด้วย "แต่ว่าที่ฮอกวอตส์เรามีแข่งขันควิดดิชเพื่อชิงรางวัล -- ถ้าเลนนี่เข้าไปที่นั่น เลนนี่ก็จะรู้เอง"
"แต่ผมไม่อยากอยู่บ้านสลิธีรินเลย" เลนนี่ว่า "แอนนาบอกว่ามีแต่คนไม่ดีนี่ครับ"
เฮเลนยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้า เธอมองเห็นเดรโกแล้วในตอนนี้ เขากำลังยืนอยู่ระหว่างแผงกั้นชานชาลาเก้ากับสิบและกำลังดุแอนนา อีธานและอเล็กซ์อยู่ตรงนั้น
"เดรโกก็มาจากสลิธีรินนะ" เฮเลนบอกเลนนี่ "กริฟฟินดอร์กับสลิธีรินต่างกันแค่เส้นบางๆ กั้นเอาไว้ -- มันก็เหมือนเหรียญที่มีสองด้านนั่นแหละ -- สลิธีรินก็กล้าหาญ กริฟฟินดอร์ก็กล้าหาญ แต่แค่เขากล้าหาญแบบไหนเท่านั้นเอง -- ไม่ใช่สลิธีรินทุกคนจะเป็นคนไม่ดี ถ้าวันหนึ่งเธอได้เรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เธอจะได้พบอาจารย์คนหนึ่ง..."
เฮเลนหยุดพูดเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาสมทบกับพวกเดรโกเรียบร้อยแล้ว แอนนาเกาคอและขอโทษอย่างสำนึกผิดที่ทำให้เดลฟืนี่ตกใจกลัว แต่เฮเลนเห็นว่าเดลฟินี่ตัวน้อยดูมีสนุกมากกว่าจะตกใจกลัว
"เก้าโมงจะครึ่งแล้ว" เดรโกร้อง เขาอุ้มเดลฟินี่ขึ้นมาแนบอก "รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรถไฟ เร็วเข้า!"
แอนนาพุ่งเข้าไปเป็นคนแรกตามด้วยอีธานและอเล็กซ์ที่มีเดรโกที่อุ้มเดลฟินี่อยู่ข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งจับรถเข็นของอเล็กซ์เข้าไปด้วย เฮเลนพาเลนนี่ อาเธอร์และสกอร์เปียสตามเข้าไปโดยไม่รอช้า รถจักรไอนำสีแดงจอดคอยอยู่ที่ชานชาลาซึ่งแน่นไปด้วยผู้คน ป้ายพลาสติกแขวนเอาไว้เหนือหัวเขียนเอาไว้ว่าชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่และป้ายที่แปะเอาไว้บนหัวรถจักรเขียนเอาไว้ว่ารถด่วนฮอกวอตส์ ควันของหัวรถจักรลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือหัวผู้คนที่กำลังส่งเสียงคุยกันจอแจ แมวสีต่างๆ กำลังคลอเคลียพันขาคนนั้นคนนี้ นกฮูกส่งเสียงร้องทักทายกันเหมือนกับว่าพวกมันกำลังบ่นถึงเจ้าของ เสียงหีบหนักๆ ลากครูดไปกับพื้น
เฮเลนไม่ได้พูดอะไรจนกระทั่งยกสัมพาระของเด็กๆ ขึ้นไปบนรถไฟจนเสร็จเรียบร้อย เฮเลนเห็นแอนนาวิ่งร่าไปยังตู้รถไฟที่เต็มไปด้วยเด็กๆ บ้านฮัฟเฟิลพัฟ อีธานเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กกริฟฟินดอร์และอเล็กซ์โบกมือให้กับกลุ่มเพื่อนเรเวนคลอของเขา ทำให้เลนนี่ทำท่าเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
"ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกทิ้งเลยครับ" เด็กชายทำหน้ามุ่ย "พี่ๆ มีบ้านหมดแล้ว คงเหลือแต่ผม -- แล้วที่เฮเลนพูดค้างเอาไว้เมื่อกี้คืออะไรครับ"
หญิงสาวอุ้มสกอร์เปียสไปฝากเดรโอเอาไว้ชั่วคราว ร่างสูงวางเดลฟินี่ลงให้เธอยืนเกาะชายเสื้อเขาไว้และสั่งห้ามไม่ให้วิ่งเล่นเพื่อไม่ให้หลงกัน เฮลเลนลูบศีรษะของเลนนี่เบาๆ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
"ถ้าวันหนึ่งเธอได้เรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เธอจะได้พบอาจารย์คนหนึ่ง" เฮเลนพูด "เขาคือสลิธีรินที่กล้าหาญที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยเจอมาเลยล่ะ"
เมื่อเธอพูดจบก็ได้ยินเสียงแอนนาตะโกนออกมาว่า "เลนนี่! พวกเราอยู่ตรงตู้นี้นะ ถ้าคุยเสร็จแล้วก็รีบมาล่ะ"
ดวงตากลมมองไปยังสามพี่น้องที่กลับมานั่งอยู่ในตู้รถไฟคันเดียวกันพร้อมกับกวักมือเรียกน้องชายต่างสายเลือกให้เข้าไปนั่งด้วยกันพร้อมรอยยิ้ม เฮเลนจูบแก้มเลนนี่เบาๆ ด้วยความเอ็นดู เธอคิดว่าถ้าเขาไม่ได้อยู่บ้านกริฟฟินดอร์เขาก็คงได้อยู่บ้านที่เอื้ออารีอย่างฮัฟเฟิลพัฟแน่ๆ เลนนี่วิ่งเข้าไปในตู้รถเดียวกันกับแอนนา อีธานและอเล็กซ์ เขาคงไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วในตอนนี้
"อีกกี่ปีหนูถึงจะได้ไปฮอกวอตส์คะ" เดลฟินี่ถามพลางมองตามขบวนรถไฟที่กำลังเคลื่อนที่ออกไป "หนูอยากไปเรียนแล้ว เห็นพวกพี่ๆ ไปแล้วมันน่าสนุกมากค่ะ"
เดรโกหันไปยิ้มให้เธอ เขาประคองสกอร์เปียสที่เริ่มจะหลับในอ้อมอกเอาไว้ เฮเลนยิ้มให้เดลฟินี่เล็กน้อยและเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆ นั้นเอาไว้
"เดี๋ยวหนูก็ได้ไปฮอกวอตส์" เฮเลนบอกพร้อมกับมองรถไฟที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากชานชาลา แอนนา อีธาน อเล็กซ์และเลนนี่โบกมือให้พวกเขาผ่านกระจก เฮเลนรู้สึกเหมือนตัวเองมีลูกชายลูกสาวเพิ่มมาอีกห้าคน อาเธอร์ยืนโบกมือตอบพี่น้องต่างพ่อแม่ของเขาก่อนจะหันมาหาเดรโกและเฮเลน
"ผมต้องรออีกสองปีสินะ" อาเธอร์ว่า "ตอนนั้นแอนนาก็เรียนจบพอดี -- ผมหวังว่าตัวเองจะไม่ได้เข้าไปอยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ"
"เธอไม่ชอบบ้านฮัฟเฟิลพัฟเหรอ" เดรโกเอ่ยถาม "ตัววีเซิลน่ารักออกนะ"
"ไม่ครับ" อาเธอรีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว "ผมชอบสลิธีรินมากกว่า"
เดรโกเลิกคิ้ว เขากับเฮเลนหันไปมองหน้ากันและหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
"แต่ถ้าผมไม่ได้อยู่สลิธีริน -- " อาเธอร์ลังเล "ผมว่ากริฟฟินดอร์ก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก"
เดรโกเลื่อนมือไปลูบศีรษะอาเธอด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า "หมวกคัดสรรจะทำตามที่เธอขอ -- ขอเเค่เธอบอกมันเท่านั้นเอง"
พวกเขารอจนขบวนรถไฟแล่นไปจนลับจากสายตาจึงพาอาเธอร์ เดลฟินี่และสกอร์เปียสกลับคฤหาสน์ นาร์ซิสซาคงรอคอยพวกเขาอยู่ที่นั่นพร้อมอาหารมื้อเช้า เฮลนคิดว่าจะเปลี่ยนสายงานตัวเองไปอยู่กองบังคับควบคุมกฏหมายเวทมนตร์ กองการใช้สิ่งประดิษฐ์ของมักเกิ้ลในทางที่ผิดเหมือนนายวีสลีย์หรือไม่ก็กองออกระเบียนและควบคุมสัตว์วิเศษ แผนกสัตว์วิเศษ เพราะเธอเริ่มเบื่อการปรับเปลี่ยนความทรงจำมักเกิ้ลพวกนั้นแล้ว
และดูเหมือนเดรโกก็อยากเปลี่ยนตัวเองไปเป็นมือปราบมาร ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินมาว่าแฮร์รี่ใกล้จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ามือปราบมารในอีกไม่ช้า เธอคิดว่าเขาคงอยากทำตัวเป็นคู่แข่งของแฮร์รี่เหมือนที่เคยเป็นมาตลอดตอนอยู่ฮอกวอตส์
รถไฟแล่นฉิวออกห่างจากชานชาลาไปเรื่อยๆ จนคนที่ยืนส่งพวกเขาอยู่เล็กลงจนลับตาไป ทิวทัศน์ต่างๆ ที่ได้มองผ่านหน้าต่างทำให้เลนนี่รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดหน่อย มีรถเข็นขายของเข็นผ่านหน้าห้องพร้อมขนมมากมายอยู่บนนั้น แอนนาซื้อพายพักทอง พายมันฝรั่งและพายเบอร์รี่ และซื้อกบชอคโกแลตให้พวกเขาทานระหว่างการเดินทาง
"เธอคิดว่าจะได้อยู่บ้านไหนล่ะ เลนนี่" แอนนาถามพลางกัดพายฟักทองคำโต เลนนี่แกะห่อกบชอคโกแลตออกก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเธอ "ฉันไม่คิดว่าเธอจะได้อยู่สลิธีรินหรอกนะ"
"นายต้องได้อยู่สลิธีรินแน่" อีธานกัดพายมันฝรั่งไปพลางพูดไปพลาง
"เรเวนคลอก็อาจจะเป็นไปได้นะ" อเล็กซ์พูด เขาจัดเนคไทของตัวเองให้ดูเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ฉันไม่อยากอยู่สลิธีริน" เลนนี่ตอบ "แต่ว่า ไม่ว่าจะได้อยู่บ้านไหน -- ฉันก็ยังคือฉันอยู่ดี"
"แสดงว่าเธอทำใจแล้วใช่ไหมว่าอาจจะได้อยู่สลิธีริน" แอนนาเลิกคิ้วถาม
"เปล่า!" เลนนี่พูดเสียงสดใส "แต่ฉันมั่นใจว่า -- ฉันเลือกได้ว่าฉันจะไม่อยู่บ้านสลิธีริน"
พวกเขาหัวเราะอยู่ด้วยกันและคุยเรื่องสัพพเหระไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงประกาศตามสายดังขึ้น หลังจากนั้นไม่นานรถไฟก็จอดเทียบท่า
"พวกเราไปก่อนนะเลนนี่" อีธานว่า "แล้วเจอกันที่ฮอกวอตส์"
"เจอกันนะ" แอนนาและอเล็กซ์พูดพร้อมกัน
เลนนี่โบกมือลาพวกเขาน้อยๆ ก่อนจะเดินชออกไปสมทบกับเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆ ที่เดินกันขวักไขว่อยู่ที่ระเบียงทางเดินรถไฟ อากาศเย็นสบายยามค่ำคืน มีแสงตะเกียงยามค่ำส่องวูบวาบเมื่อเด็กนักเรียนทยอยลงจากรถไฟ
“ปีหนึ่ง! พวกปีหนึ่งมาทางนี้!!”
ชายร่างสูงที่แอนนาเคยเล่าให้ฟังว่าเขาชื่อว่าแฮกริดตะโกนเสียงดัง เขาเรียกให้เด็กๆ เดินตามไปตามทางที่ชันและแคบ ไม่มีใครพูดอะไรมากนัก เขาพาทุกคนเลี้ยวมุมหนึ่งไปก่อนที่เสียงพูดคุยจอแจจะดังขึ้นมาอีกรอบ ทางแคบๆ นั้นกว้างออกทันที ที่ริมขอบทะเลสาบใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีภูเขาสูงอยู่ฝั่งตรงข้าม บนยอดคือปราสาทหลังใหญ่ที่มีป้อมและหอคอยมากมาย แสงสว่างจากไฟที่เปิดอยู่ภายในปราสาททอแสงเป็นประกายสวยงามภายใต้ท้องฟ้าสีดำสนิทแต่ประดับเอาไว้ด้วยดวงดาวประกายแสงระยิบระยับ
“เรือลำหนึ่งนั่งไม่เกินสี่คนนะ” เขาร้องบอกและชี้ไปที่เรือบดลำเล็กๆ ที่จอดนิ่งอยู่ที่ริมฝั่งทะเลสาบ
เลนนี่หันซ้ายหันขวาเพื่อหาเพื่อนั่งไปด้วยแต่ว่าเขาไม่ได้ทำความรู้จักกับใครมาก่อนจึงไม่มั่นใจว่าควรจะไปที่เรือลำไหนดีจนกระทั่งมือเล็กๆ ของใครบางคนเอื้อมมาจับมือเขาและดึงให้นั่งลงบนเรือลำเดียวกัน
"มานั่งกับฉันก็ได้นะ" เด็กหญิงผิวขาวเรือนผมสีส้มอ่อนๆ ดวงตาสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง บนเรือของเธอมีเพื่อนอีกสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว "พวกเราขาดคนหนึ่งพอดี -- หวังว่าเราจะได้อยู่บ้านหลังเดียวกันนะ"
เลนนี่ยิ้มให้เธอ ในที่สุดกองทัพเรือลำเล็กๆ ก็เคลื่อนที่ออกไปพร้อมกัน มันแล่นฉิวผ่านทะเลสาบที่ราบเรียบไปราวกับกระจก เลนนี่จ้องมองไปยังปราสาทหลังใหญ่ที่เรือแล่นเข้าไปใกล้เรื่อยๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอ่าวใต้ปราสาท ไม่มีการพูดคุยใดๆ ในระหว่างนั่งเรือ เด็กๆ ปีนป่ายไปตามทางเดินท่ามกลางโขดหินตามหลังแสงตะเกียงของแฮกริดไปและในที่สุดก็มาถึงสนามหญ้าเปียกๆ ใต้เงาของปราสาทพวกเขาเดินขึ้นบันไดหินไปและออกันอยู่หน้าประตูบานมหึมา เขายกมือขึ้นเคาะประตูสองสามครั้ง พ่อมดร่างสูงผมดำในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิทเดินออกมาพร้อมใบหน้าเคร่งขรึม
“นักเรียนปีหนึ่งครับ ศาสตราจารย์สเนป” เขารายงาน
“ขอบใจแฮกริด ต่อจากนี้ฉันจะดูแลเอง”
เขาพูดแล้วเปิดประตูออกกว้าง ห้องโถงกลางนั้นกว้างยิ่งกว่าคฤหาสน์ของเสียอีก กำแพงหินติดคบไฟสว่างไสว เพดานสูงลิ่วเสียจนคะเนความสูงไม่ถูกและบันไดหินอ่อนหรูหราก็ทอดนำสู่ชั้นบน พวกเด็กๆ เดินตามศาสตราจารย์สเนปขึ้นไปตามทาง เสียงคุยจอแจดังขึ้นหลังประตูบานหนึ่ง ก่อนที่จะได้เข้าไปเขาก็หันหน้ามากวาดตามองเหล่าเด็กๆ
“ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์” ศาสตราจารย์สเนปกล่าว “งานเลี้ยงรับเปิดเทอมจะเริ่มในไม่ช้านี้ แต่ก่อนที่พวกเธอจะได้เข้าไปนั่งประจำที่ พวกเธอต้องได้รับการคัดสรรเข้าบ้านแต่ละบ้านก่อน พิธีคัดสรรเป็นพิธีที่สำคัญมาก บ้านของเธอจะเสมือนครอบครัวเธอ เธอจะเรียนร่วมกับเพื่อนในบ้านเดียวกัน นอนในห้องพักของบ้านและใช้เวลาว่างในห้องนั่งเล่นรวมในบ้านของเธออีกเหมือนกัน” ศาสตราจารย์พูดต่อ “พิธีคัดสรรจะมีขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้ ต่อหน้านักเรียนทั้งหมดของโรงเรียน ฉันขอแนะนำให้พวกเธอจัดการทำตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ระหว่างที่คอยอยู่ตรงนี้”
เลนนี่พยายามจัดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขารู้สึกคุ้นหูกับชื่อศาสตราจารย์สเนปอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ามีคนในครอบครัวพูดถึงชื่อในให้ฟังอยู่บ่อยครั้งเพียงแค่เขาไม่สนใจที่จะฟังหรือจดจำมัน เลนนี่เพิ่งเข้าใจในตอนนี้เองว่าทำไมอเล็กซ์ถึงได้พิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวของเขานักหนา
“เตรียมพร้อมได้แล้ว” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้น “พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว”
ศาสตราจารย์สเนปเดินกลับมา เขาสั่งให้เด็กๆ เข้าแถวตอนเรียงหนึ่งและพาพวกเขาเดินผ่านประตูเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ เลนนี่กวาดตามองเทียนเป็นพันๆ เล่มที่ลอยอยู่กลางอากาศเหนือหัวและโต๊ะยาวสี่ตัวที่มีพวกนักเรียนมากมายนั่งอยู่ บนโต๊ะมีจานและถ้วยมีเชิงทำจากทองคำแวววาว บรรดาอาจารย์นั่งอยู่ที่โต๊ะยาวอีกตัวที่ตรงสุดปลายห้อง ศาสตราจารย์สเนปพานักเรียนปีหนึ่งมาหยุดยืนเรียงแถวประจันหน้ากับนักเรียนที่เหลือโดยมีเหล่าอาจารย์นั่งอยู่ข้างหลัง เพดานเวทมนตร์ที่ประดับเอาไว้ด้วยดวงดาวประกายมากมายทำให้มีบรรยากาศเหมือนกับยืนอยู่ภายนอก
เลนนี่เห็นแอนนานั่งอยู่ที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยนักเรียนที่สวมชุดคลุมสีเหลือง เธอมีใบหน้าสดใสและมีตราอะไรสักอย่างกลัดอยู่บนอกเสื้อ อีธานนั่งอยู่ที่โต๊ะของนักเรียนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงสด เขาใช้ช้อนควงเล่นในมือไปมาด้วยใบหน้าเบื่อโลก แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขาก็ไม่ได้ละไปจากเลนนี่เลยแม้แต่น้อย ส่วนอเล็กซ์ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะของนักเรียนสวมเสื้อคลุมสีฟ้า เขากางสมุดอะไรสักอย่างไว้บนโต๊ะและพยายามดันเพื่อนข้างๆ ให้หยุดคุยในระหว่างที่เขากำลังมองที่เลนนี่อย่างใจจดใจจ่อ
ศาสตราจารย์สเนปยกแป้นสูงสี่ขาขึ้นมาตั้งตรงหน้านักเรียนปีหนึ่ง เขาวางหมวกทรงสูงลงบนแป้น หมวกที่มีรอยปะเต็มไปหมด สองสามวินาทีที่ทั้งห้องเงียบเสียง รอยแยกของขอบหมวกก็เผยอออกก่อนที่มันจะร้องเพลงอะไรสักอย่างที่เลนนี่ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจ ราวกับมันกำลังจะบอกเรื่องราวของแต่ละบ้านผ่านเพลงนั้น
เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากที่มันร้องเพลงจบ ศาสตราจารย์สเนปออกมายืนตรงหน้า ในมือถือม้วนกระดาษแข็งมาด้วย ก่อนจะพูดว่า “เมื่อฉันเรียกชื่อคนไหน ให้ออกมานั่งบนม้านั่งนี่เพื่อสวมหมวกคัดสรร”
เลนนี่นั่งมองเพื่อร่วมทางที่เดินออกไปทีละคน ทุกคนต่างถูกคัดสรรไปอยู่ในบ้านที่เหมาะสมกับตัวเองไม่ว่าจะ กริฟฟินดอร์ ฮัฟเฟิลพัฟ เรเวนคลอหรือสลิธีริน เลนนี่ยังคงหวังอยู่เสมอว่าหมวกคงไม่ขานชื่อให้เขาไปอยู่ในบ้านสลิธีรินตั้งแต่หมวกยังไม่แตะปลายเส้นผมของเขาหรอกนะ
"ไฮเดน, เลนนี่" ทั้งห้องโถงเงียบกริบราวกับทุกสายตากำลังจับจ้องมายังเขา เลนนี่เดินตัวเกร็งแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องยืดตัวตรงและก้าวเดินออกไปนั่งลงบนแป้นด้วยท่าทางปกติที่สุดเท่าที่จะทำให้มันเป็นได้
หมวกคัดสรรถูกวางลงบนหัวของเลนนี่ แอนนา อีธานและอเล็กซ์จ้องมองมายังร่างที่นั่งอยู่บนแป้นอย่างใจจดใจจ่อ บางทีพวกเขาอาจจะกำลังลุ้นอยู่เงียบๆ ว่าเขาจะถูกคัดสรรคไปอยู่บ้านไหน
“เธอชอบไขว่หาความรู้ เรเวนคลอก็ดูจะเหมาะสม กล้าหาญและไม่เกรงกลัวที่จะเผชิญกับอันตราย อยู่กริฟฟินดอร์ก็ใช้ได้ เป็นมิตรและซื่อสัตย์ ไม่โลเล ฮัฟเฟิลพัฟก็ดี..”
หมวกพึมพำ เลนนี่ไม่ได้ตอบอะไร หมวกคัดสรรใช้เวลานานราวๆ หนึ่งนาทีพึมพำสิ่งที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาในขณะที่ทั้งห้องเงียบกริบเหมือนกับตั้งใจฟังประกาศจากหมวกคัดสรร เลนนี่รู้สึกกังวลใจแปลกๆ เขากลัวที่จะไปอยู่สลิธีรินเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
"ไม่เอาสลิธีริน" เลนนี่พึมพำ "ผมไม่อยากไปสลิธีริน -- "
"ไม่เอาสลิธีริน? " หมวกถาม "เธอไม่เหมาะกับสลิธีรินหรอก -- เชื่อฉัน -- ฉันจะคัดเธอไปอยู่..."
เลนนี่รอฟังอย่างตั้งใจไม่ต่างจากเเอนนา อีธานหรืออเล็กซ์เลย พี่ๆ ทั้งสามต่างหวังให้เลนนี่อยู่บ้านเดียวกับตนทั้งนั้น และในที่สุดหมวกก็ประกาศออกมาเสียงดัง
"ฮัฟเฟิลพัฟ!"
ในที่สุดเลนนี่ก็รอดพ้นจากการก้าวเข้าไปสู่บ้านสลิธีริน เขาวิ่งยิ้มร่าเข้าไปกอดแอนนาที่ยืนรอรับเด็กชายตัวเล็กอย่างยินดี...
ติดตามตอนต่อไป...
ตอนต่อไปจะเป็นตอนพิเศษจ้าาา
เป็นเรื่องราวของแอนนา อลิซาเบ็ธ โดโรธีที่หลงรักใครบางคน
จะให้ไรท์เขียนแต่เรื่องของเฮเลนกับเดรโกอย่างเดียวมันก็ใกล้จะหมดมุกแล้ว 55555
แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไปจ้า
ความคิดเห็น