ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #86 : บทที่ 12 เดลฟินี่ เลสแตรงจ์

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 65


    บทที่ 12 เดลฟินี่ เลสแตรงจ์

    สองสามสัปดาห์ถัดมาภารกิจฟื้นฟูฮอกวอตส์ก็ใกล้จะจบลงเสียที ดูเหมือนว่ารอนและแฮร์รี่ค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องเกรดและอะไรต่อมิอะไรมากมายเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจไม่เรียนต่อตามเกณฑ์ เฮเลนและเฮอร์ไมโอนี่ตัดสินใจที่จะกลับมาเรียนซ้ำรุ่นเดียวกับจินนี่เพื่อเรียนให้มันจบๆ เสียที ส่วนเดรโก เขากับนาร์ซิสซาถูกสอบสวนเรื่องของโวลเดอมอร์ คาดว่ากว่าจะจบการสอบสวนก็คงกินเวลาไปร่วมเดือน ทั้งคู่กลับไปอยู่ที่คฤหาสน์ เฮเลนแนะนำให้พวกเขาเก็บตัวอยู่ที่นั่นสักพัก แต่คิงสลีย์ตัดสินใจจะให้อภัยครอบครัวมัลฟอยเนื่องจากพวกเขาช่วยสนับสนุนการต่อต้านศาสตร์มืดโดยเฉพาะเดรโกที่คอยดูเเลเฮเลนอยู่ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีครึ่งจนกระทั่งถึงช่วงสงคราม นอกจากนั้นเดลฟินี่ เลสแตรงจ์ก็ตกไปอยู่ภายใต้ความดูแลของนาร์ซิสซาในระหว่างนั้น คิงสลีย์บอกว่านาร์ซิสซาเป็นญาติเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่จึงทำให้เดลฟินี่ต้องอยู่กับเธอ

    ลูปินเป็นมนุษย์หมาป่าได้รับเหรียญตราแห่งเมอร์ลินชั้นหนึ่ง หลังการเสียชีวิตในสงครามโลกเวทมนตร์ ครั้งที่ 2 ที่ฮอกวอตส์ รีมัส ลูปิน เป็นมนุษย์หมาป่าคนแรกที่ได้รับเหรียญตราแห่งเมอร์ลิน ซึ่งส่งผลให้มนุษย์หมาป่าได้รับการยอมรับมากขึ้น จากความกล้าหาญและเอื้ออารีของเขา นอกจากนั้นผู้ที่เสียชีวิตจากการรบของฮอกวอตส์นั้นพวกเขาก็ได้จัดงานพิธีศพให้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยเฉพาะกับบุคคลที่เฮเลนร้องขอคิงสลีย์อย่างแท็ค โดยมีสเนปเป็นผู้ที่วางโลงของเขาลงในหลุมดินและเสกพวงดอกไม้สีขาวพวงใหญ่ให้กับเขา

    สเนปถูกศาสตราจารย์มักกอนนากัลโกรธเคืองแม้ว่าการฆ่าดัมเบิลดอร์จะเป็นแผนที่ดัมเบิลดอร์ต้องการอยู่แล้วก็ตาม เฮเลนมั่นใจว่ามักกอนนากัลคงไม่ได้แค่โกรธสเนปเพียงคนเดียวแน่ เธอคงแอบเคืองดัมเบิลดอร์เรื่องที่ทำให้สเนปกลายเป็นผู้ที่ต้องรับภาระทางความรู้สึกและความเจ็บปวดเหล่านั้นด้วย  เขาได้รับการให้อภัยและได้กลับไปสอนในวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอีกครั้ง แถมแฮร์รี่ยังพยายามนำรูปของสเนปเข้าไปติดในห้องอาจารย์ใหญ่ทั้งที่ไม่ได้รับอนุญาติอีกด้วย

    โดโลเรส อัมบริดจ์ ที่เคยทำงานนั่งแท่นเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการลงทะเบียนผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ล ถูกตัดสินข้อหาที่มีส่วนร่วมในการยึดอำนาจการปกครอง ตัดสินโทษทรมานผู้อื่น รวมถึงมักเกิ้ลและทำให้ถึงแก่ชีวิต เธอถูกตัดสินโทษให้ไปอยู่ที่อัซคาบัน แต่คิงสลีย์ตัดสินใจเปลี่ยนการคุมขังนักโทษใหม่ โดยกวาดล้างบรรดาผู้คุมวิญญาณทั้งหมดออก และเปลี่ยนการดูแลเป็นมือปราบมารแทน เพราะเขามองว่าการใช้ผู้คุมวิญญาณควบคุมนักโทษเป็นความเสื่อมทรามของกระทรวงเวทมนตร์ในยุคก่อนๆ ทำให้เฮเลนรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่อัมบริดจ์ไม่ได้เผชิญหน้ากับผู้คุมวิญญาณที่หล่อนชื่นชอบนักหนา

    "เมื่อไหร่เดรโกจะออกมานะ" รอนบ่นกระปอดกระแปด ในขณะที่ดึงเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลของตัวเองเพื่อจัดให้มันเข้าที่เข้าทางมาร่วมสิบนาทีแล้ว เฮเลนกรอกตามองรอนอย่างหงุดหงิด "ฉันต้องรอจนเสื้อยับเลยไหมเนี่ย"

    "เธอก็บ่นอยู่ได้น่ารอน" เฮอร์ไมโอนี่หันไปจับไหล่เขาให้หันมาประจันหน้ากับตนเองก่อนจะจัดปกเสื้อให้กับเขา "พวกเขากำลังถูกสอบสวนเรื่องผู้เสพความตายที่ภัคดีกับโวลเดอมอร์ มันก็ต้องนานอยู่แล้ว"

    "ทำไมเราต้องรอมัลฟอยก่อนไปด้วยล่ะ" จินนี่เอ่ยขึ้นพร้อมใบหน้างงงวย "แล้วนี่เราจะไปไหนกัน ทำไมรอนต้องแต่งตัวดีขนาดนี้ด้วยเนี่ย"

    "เราจะต้องให้เขาพาไปสถานที่สำคัญน่ะ" แฮร์รี่ตอบจินนี่ เขาเลื่อนแขนไปโอบเอวบางดึงมาแนบชิดกับตน เฮเลนรู้ว่าเขากำลังอยากทำแบบนี้มานานแล้วแค่พยายามไม่แสดงออกเท่านั้นเอง "จะว่าไปทำไมเฮเลนดูเงียบจังเลย เธอเครียดเรื่องที่จะเข้าเรียนต่ออีกปีหนึ่งงั้นเหรอ"

    "ใครคิดถึงเรื่องนั้นกัน" เฮเลนแยกเขี้ยวใส่แฮร์รี่ ที่จริงตอนนี้ฮอกวอตส์ใกล้จะซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์แล้วดังนั้นเธอไม่เครียดเรื่องเรียนเลยสักนิดเดียว แต่สิ่งที่เธอกำลังนึกถึงตอนนี้ก็คือเรื่องที่กำลังจะต้องเผชิญในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าต่างหาก "ฉันแค่คิดว่าเซเลสเทียจะจำเราได้หรือเปล่าเท่านั้นแหละ อีกอย่าง ตอนนี้ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์เปิดทำการอีกรอบหรือยังล่ะ"

    เฮเลนหันไปหารอนที่ตอนนี้เลิกสาละวนกับเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองแล้ว เขาทำท่าคิดเล็กน้อย

    "ฉันว่าเฟร็ดกับจอร์จคงกลับไปเปิดมันแล้วล่ะ" รอนตอบ "แน่นอนว่าร้านยังคงขายดิบขายดีเหมือนเดิม ยังไม่นับสาขาที่มาอยู่ที่ฮอกส์มี้ดแทนร้านซองโก้ด้วยนะ ฉันว่าเจ้าพวกนั้นคงรวยเละเทะ"

    พวกเขายืนคุยกันเรื่องสัพพะเหระกันต่ออีกสักครู่ ไม่นานนักเดรโกก็เดินออกมาจากห้องสอบสวน ภายในกระทรวงเวทมนตร์ร้อนตับแตก เฮเลนไม่เข้าใจว่ารอนยอมทนสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนาๆ นั่นได้อย่างไร 

    "เยี่ยม" เดรโกพูดทันทีเมื่อเดินมาถึง "ฉันคิดว่าฉันคงไม่มีธุระกับที่นี่ไปอีกสักระยะล่ะนะ -- คิงสลีย์บอกว่าพวกเขาตามตัวผู้เสพความตายที่เหลืออยู่ได้เกือบครบแล้ว ทีนี้เหลือแค่ตามจับพวกนี้ให้ครบก่อนถึงจะเรียกตัวให้มาช่วยอีกครั้งหนึ่ง"

    "ยอดเยี่ยมไปเลย" แฮร์รี่พูด เขายื่นมือออกไปจับมือกับเดรโกเขย่าเบาๆ

    "ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณชายตกอับกับผู้ถูกเลือกจะมายืนจับมือกันได้แบบนี้" รอนล้อเลียน เดรโกและแฮร์รี่หัวเราะ

    "ขอเกลียดประโยคเมื่อกี้ได้ไหมรอน" เฮเลนแบะปาก หน้าตาเธอคงตลกจนทำให้จินนี่หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ "เอาเป็นว่านี่มันก็ใกล้จะถึงเวลาที่เรานัดกันแล้ว... เตรียมของไปพร้อมหรือยัง -- บันทึกของแท็คอยู่กับใครน่ะ"

    เฮเลนถามขึ้นทันที เธอและแฮร์รี่ให้เดรโกพาเข้าไปในหอนอนบ้านสลิธีรินและไปได้บันทึกเล่มนี้มา โดยใช้ความทรงจำของแท็คนำพาไป ไม่มีใครกล้าเปิดอ่านมันเลยสักคน พวกเขาเก็บมันห่อเอาไว้ในกุงผ้าที่แท็คห่อมันเอาไว้อยู่แล้ว

    "อยู่กับฉัน!" เฮอร์ไมโอนี่ตอบพร้อมหยิบมันออกมาจากกระเป๋าลูกปัดของเธอ "ทีนี้เราจะไปกันได้หรือยัง แล้วรอนรู้ใช่ไหมว่าเราจะต้องไปที่ไหน"

    "แน่นอน รู้สิ" รอนยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

    รอนจับมือเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้แน่น เฮเลนดึงมือเดรโกและเดินเข้าไปจับมือซ้ายของเฮอร์ไมโอนี่ ส่วนแฮร์รี่ดึงข้อมือจินนี่และจับมือขวาของรอนเอาไว้ พวกเขาพยักหน้าให้กันก่อนที่ความรู้สึกที่เหมือนถูกท่อยางรัดก็กระแทกเข้ามาเต็มแรง เฮเลนรู้สึกเหมือนลำไส้บิดตัวซ้ำไปซ้ำมาจนกระทังสองเท้าของพวกเขาแตะลงบนพื้นถนนเล็กๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่นี่ไม่ได้เป็นเหมือนหมู่บ้านร้างเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

    แสงอาทิตย์สีทองทอแสงอาบหลังคาสีแดงสดใส หน้าต่างบ้านหลายหลังเปิดออกรับแสงแดดและลมพัดอ่อนๆ ที่เย็นสบาย ผู้คนออกมาเดินคุยกันจอแจราวกับว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาเป็นเพียงฝันร้ายที่ยากที่จะตื่นขึ้นมา แต่ในที่สุดพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วในตอนนี้ ตื่นจากฝันร้ายตลอดกาล

    "เอาล่ะ" รอนยกมือขึ้นเท้าเอว "บ้านเซเลสเทียอยู่ไหนกันนะ"

    เฮเลนหันควับไปหารอนด้วยใบหน้าเซ็งเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ในสัปดาห์นี้ เฮอร์ไมโอนี่กลอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพยักเพยิดบอกให้เฮเลนเดินนำหน้าไปก่อน หญิงสาวไม่รอช้าก้าวขาออกเดินนำหน้าทุกคนไปในทันที ทั้งหกคนเดินผ่านบ้านหลายหลังที่กำลังกวาดทำความสะอาดระเบียงบ้านหรือแม้กระทั่งเดินออกมานั่งพูดคุยกันในสวน ใบหน้าสดใสเหล่านั้นช่างทำให้เธอรู้สึกอิ่มเอมใจเสียจริงๆ

    ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาจนถึงบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ผ้าม่านสีฟ้าไม่ได้ถูกปิดอีกต่อไป รั้วไม้มีต้นไม้แปลกๆ เลื้อยพันอยู่โดยรอบ สวนที่ตอนนั้นเฮเลนเคยเดินย่ำดินโคลนก็เต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวขจี มีเด็กชายและเด็กหญิงวิ่งเล่นอยู่ในสวนนั้นอย่างร่าเริง เฮเลนสะกิดแขนรอนเล็กน้อยเพื่อชี้ให้เขาเห็นแอนนาที่กำลังกัดแอปเปิ้ลเข้าปากคำโตๆ อยู่ตรงริมรั้ว

    "อเล็กซ์!" เฮเลนเห็นเด็กชายผมสีดำร้องขึ้นก่อนใคร เขาชี้มาที่เฮเลนและรอนด้วยใบหน้าตื่นเต้น "นั่นใช่แอนเจลิน่าหรือเปล่า! นั่น สเเตน! พวกเขากลับมาหาเราอย่างที่คุณแม่บอกจริงๆ ด้วยล่ะ!!"

    เฮเลนหัวเราะออกมาพร้อมกับเดินข้ามรั้วเข้าไปในสวนโดยมีเดรโกและคนอื่นๆ มองตามหลังเธอไป อีธานวิ่งเข้ามากระโดดกอดเธออย่างแรง เฮเลนเห็นว่าเลนนี่วิ่งไปตะโกนอะไรบางอย่างที่ประตูบ้านด้วยท่าทางตื่นตระหนก ไม่นานนักเธอก็เห็นเซเลสเทียวิ่งออกมาจากบ้านด้วยใบหน้าตกใจ

    "พวกเธอกลับมาจริงๆ" เซเลสเทียพูด รอยยิ้มประทับอยู่บนใบหน้า "ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้เราปลอดภัยจากพวกคนเลวนั่น"

    เฮเลนตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนเซเลสเทียจะรู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าพวกเธอเป็นใคร เหมือนดังตอนนี้ที่พวกเธอรู้แล้วว่าตัวจริงของเซเลสเทียเป็นใคร

    "เซเลสเทีย!" รอนตะโกนมาจากทางด้านหลังเฮเลน "ขอพวกเราเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหมครับ"

    เซเลสเทียยิ้มร่าและกวักมือเรียกให้พวกเขาเข้าไปด้านในบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ภายใต้แววตาดีอกดีใจและเป็นสุขนั้นกลับซ่อนเอาไว้ด้วยความเศร้าที่เฮเลนไม่อาจบรรยายได้ มันเหมือนกับฝนที่กำลังตกอยู่ใต้แสงแดด ถึงจะสดใสแต่ก็เปียกชื้นไปหมด

    "ฉันกำลังอบพายแอปเปิ้ลอยู่พอดี พวกเธอทานอะไรกันมาหรือยังล่ะ" เธอถามพร้อมรอยยิ้ม ทั้งหกคนมองหน้ากันเล็กน้อย มีเพียงจินนี่คนเดียวเท่านั้นที่ต้องการทานพายฝีมือเธอ เซเลสเทียเชิญให้พวกเขานั่งบนโซฟาตัวยาวหน้าเตาผิง รอนและเดรโกนั่งตรงที่เท้าแขนส่วนเฮอร์ไมโอนี่ จินนี่ แฮร์รี่และเฮเลนนั่งเรียงกันได้พอดิบพอดี เฮเลนเรียกให้แอนนามานั่งบนตัก เด็กหญิงตัวเล็กๆ รีบวิ่งขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว

    "คือ เซเลสเทีย" รอนเกริ่น "ความจริงเรามีเรื่องที่จะต้องบอกคุณ"

    "เราทานอาหารกันก่อนดีกว่าเนอะ" เธอรีบตอบทันควันราวกับว่ารู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร "แล้วค่อยคุยธุระกันทีหลังนะ ดีไหม"

    "แต่เราคิดว่าเราควรพูดมันตอนนี้เลยค่ะคุณแม็คมาเวลล์" เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น สายตาห้าคู่หันไปมองเธอทันที เฮเลนเห็นเซเลสเทียชะงักกึก มือที่กำลังหยิบพายออกจากเตาสั่นอย่างเห็นได้ชัด "เอ่อ... คุณเบนนอน"

    "เธอพูดอะไรของเธอ" รอนกระซิบลอดไรฟัน "แบบนี้เขาก็รู้หมดน่ะสิ เธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกให้เราค่อยๆ พูดค่อยๆ บอกทีละนิดน่ะ"

    "ขอโทษที ฉันเผลอไปน่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าสำนึกผิด ทั้งห้องเงียบกันอยู่นาน มีเพียงเสียงของเด็กๆ ที่กำลังคุยกันอยู่เท่านั้น เฮเลนมองแผ่นหลังบางที่กำลังสั่นระริกนั่นอยู่พักหนึ่ง มันคือความจริงที่ตัวจริงของเซเลสเทีย เบนนอนคืออลิซาเบ็ธ มอร์ริแกน แม็คมาเวลล์หรือเธอก็คือน้าของแท็คที่รับเลี้ยงเขาเอาไว้โดยที่เพิ่งจะรับรู้ว่าแท็คเป็นลูกชายของพี่สาวหรือหลานแท้ๆ ของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ แถมพอหลังจากรับรู้แล้วยังต้องเสียเขาไปอีก เฮเลนไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดมากมายเพียงใด

    "ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าสักวันพวกเธอต้องรู้" เซเลสเทีย (หรือที่จริงคืออลิซาเบ็ธ) หันหลังให้กับพวกเขาและตัดแบ่งพายออกเป็นชิ้นๆ ด้วยมืออันสั่นเทา เฮเลนหันไปมองหน้าเดรโกอย่างขอความช่วยเหลือเพื่อแก้สถานการณ์ "ดัมเบิลดอร์ไม่อาจซ่อนฉันเอาไว้ได้ตลอดกาลหรอก โดยเฉพาะหลังจากที่เขาตายไปแล้ว"

    พวกเขายังไม่มีใครกล้าตอบอะไรออกไปจนกระทั่ง...

    "พวกเรามีเรื่องที่สำคัญมากจะต้องบอกคุณครับ" แฮร์รี่พูดทำลายความเงียบนั้นและมันช่วยเปิดประเด็นคลายความอึดอัดไปได้เล็กน้อย "แล้วพวกเราก็มีของมาให้คุณด้วยครับ คุณแม็คมาเวลล์"

    "เรียกฉันว่าอลิซาเบ็ธก็ได้ แฮร์รี่ พอตเตอร์" เธอตอบและหันมามองพวกเขาด้วยใบหน้าที่กำลังฝืนยิ้ม "มีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ ฉันดีใจมากเลยนะที่พวกเธอมาหา เพราะเด็กๆ ก็รอคอยพวกเธออยู่เหมือนกัน"

    พวกเขามองหน้ากันอย่างชั่งใจในขณะที่จินนี่รับพายมาจากเธอ เฮเลนเห็นอเล็กซ์กอดเลนนี่เอาไว้ในขณะที่กำลังเล่นไล่จับกับอีธาน ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาทำแบบนั้นทำไม แอนนาเหมือนจะกำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของพวกเขา แต่สีหน้าเธอดูไม่เข้าใจเสียเท่าไหร่นัก ในที่สุดเดรโกก็ตัดสินใจที่จะพูดขึ้นก่อนเป็นคนแรก 

    "พวกเรามาที่นี่เพราะเรื่องแท็คครับ" เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเธอ อลิซาเบ็ธหลุบตาลงมองพื้น เธอยื่นช้อนให้จินนี่และเดินไปนั่งที่โซฟาเยื้องกับพวกเขา "เขาฝากเรื่องสำคัญให้เรามาบอกกับคุณ"

    อลิซาเบ็ธกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เธอพยายามฝืนยิ้มอีกครั้ง

    "เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ ตอนนี้เขาเองก็ควรจะมาด้วยนะ" เธอพูด "ฉันคิดว่าเขาคงถูกจับให้ไปอยู่ที่อัซคาบันแน่ๆ เลยถึงไม่ยอมมาหากันแบบนี้"

    พวกเขามองหน้ากันอย่างชั่งใจอีกครั้งหนึ่ง เฮเลนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ และพยายามตั้งสติให้มากที่สุดก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปให้อลิซาเบ็ธได้ฟัง

    "เขาจากเราไปแล้วค่ะ" เฮเลนพูดอย่างใจเย็น ดวงตาสีเขียวจ้องมองใบหน้าของหญิงตรงหน้าอย่างตั้งใจ เธอกังวลเหลือเกินว่าอลิซาเบ็ธจะเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา แต่มันก็ผิดคาดที่เธอทำเพียงแค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เท่านั้น "เขาเป็นฮอร์ครักซ์... เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าเขาจะต้องตาย เขาเสียสละเพื่ออิสระของพวกเราค่ะ"

    ดวงตาที่มีรอยย่นเล็กน้อยนั้นหลุบมองพื้น อลิซาเบ็ธนิ่งเงียบไปราวกับตกอยู่ในความคิดของตัวเองชั่วครู่ เธอเงยหน้าขึ้นมองเฮเลนและกวาดตามองทั้งหกคนด้วยแววตาโล่งใจแต่มันก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจเช่นกัน

    "ขอบคุณที่บอกฉันเรื่องนี้" เธอพูด "ฉันทำใจเอาไว้แล้วว่ายังไงเขาก็คงไม่ได้กลับมาให้ฉันกอดอีกครั้งเหมือนในตอนนั้น -- พระเจ้าสร้างเขาขึ้นมาให้พบคำสาปอันน่ารังเกียจที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดโดยไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ทั้งฉัน ทั้งพี่สาวและเขาต่างก็ทรมานกับมันมาเป็นเวลานาน -- เขาเป็นอิสระจากมันแล้ว ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่ว่าฉันก็อดไม่ได้ที่จะเสียใจแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกชายของฉันก็ตาม"

    "ที่จริงเขาฝากสิ่งนี้เอาไว้ที่เราค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่ดึงห่อสมุดบันทึกออกมาจากในกระเป๋าลูกปัด "พวกเราคิดว่าควรจะมอบมันให้กับคุณ"

    เธอยื่นมันให้กับอลิซาเบ็ธ มือผอมๆ นั้นยื่นมารับมันเอาไว้และวางมันลงบนหน้าตัก เธอคคงไม่อยากอ่านมันตอนนี้เป็นแน่ การสูญเสียคนที่รักมันทำให้เจ็บปวดมากแค่ไหนพวกเขาย่อมรู้ดีที่สุดโดยเฉพาะกับเดรโกที่ต้องสูญเสียลูเซียสไปเมื่อสองปีก่อน 

    "เขาฝากให้เรามาบอกคุณ" รอนพูด "เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงเขา ไม่ต้องห่วง เขาไม่ได้เจ็บปวดอะไร ดูแลคนที่คุณอยากจะดูแลต่อไปให้ดี ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ เขาอยากให้คุณมีความสุขกับพวกเด็กๆ เลี้ยงดูพวกเขาให้มีความสุขเหมือนที่คุณเลี้ยงเขา"

    อลิซาเบ็ธพยักหน้าอย่างขมขื่น เธอร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เฮเลนเดินเข้าไปดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้เบาๆ เผื่อว่าการกอดครั้งนี้จะพอทุเลาความเจ็บปวดในหัวใจของเธอไปได้บ้างไม่มากก็น้อย เธอเอาแต่พึมพำว่า "ฉันจะทำให้ดีที่สุด" ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

    พวกเขาอยู่เป็นเพื่อนอลิซาเบ็ธอีกสักพักหนึ่งเพื่อเล่นเป็นเพื่อนพวกเด็กๆ ในขณะที่เธอจ้องมองสมุดบันทึกในมืออย่างใจลอย รอนและเฮอร์ไมโอนี่อุ้มเลนนี่ที่อายุน้อยที่สุดขึ้นมาพร้อมกับมองหน้ากันราวกับว่าพวกเขากำลังคิดถึงอนาคตตอนที่มีลูกด้วยกันอยู่ยังไงอย่างนั้น แฮร์รี่และจินนี่เดินไปหยิบพายมาป้อนให้อเล็กซ์ทานอย่างเอ็นดู ส่วนเฮเลนพาเดรโกออกมาที่สวนโดยมีแอนนาและอีธานเดินตามมาด้วย ทั้งสองคนเป็นเด็กที่โตที่สุดในกลุ่มจึงหนีไม่พ้นคำถามเกี่ยวกับเรื่องฮอกวอตส์ 

    "การคัดสรรบ้านของฮอกวอตส์ตัดสินจากอะไรคะ แอนเจลิน่า" แอนนาเอ่ยถามเมื่อเฮเลนทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้า เด็กหญิงมองใบหน้าเฮเลนด้วยดวงตาใสซื่อจนเธออยากจะบีบแก้มกลมๆ นั้นแรงๆ เสียทีหนึ่ง "ถ้าเกิดหนูอยากอยู่บ้านเรเวนคลอ จะต้องทำตัวยังไงคะ"

    เฮเลนเห็นเดรโกแอบหัวเราะ เธออมยิ้มเล็กน้อยเมื่ออีธานเองก็ทำท่าสนอกสนใจเช่นกัน

    "บางครั้งฉันก็คิดว่าพวกเราคัดสรรกันเร็วเกินไป" เฮเลนพูด เธอนึกถึงประโยคนี้ของดัมเบิลดอร์ขึ้นมาได้ "เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ไปอยู่เรเวนคลอ ถ้าตัวเธอคิดว่าเธอเหมาะสมกับมัน หมวกคัดสรรจะเลือกให้เธอไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นเอง"

    "หมวกคัดสรรคือออะไรครับ" อีธานถามขึ้นบ้าง

    "มันคือสิ่งที่เมื่อเราสวมแล้วมันจะบอกว่าเราควรไปอยู่ที่บ้านหลังไหน" เดรโกตอบเขา "แต่บางครั้งหมวกคัดสรรก็ไม่ได้เลือกถูกเสมอไป"

    "เพราะคนที่กล้าหาญ ไม่ได้จำเป็นจะต้องอยู่แค่บ้านกริฟฟินดอร์" เฮเลนเสริมพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเดรโกที่ยังคงยืนอยู่ "เพราะคนกล้าหาญ ไม่ว่าเขาจะอยู่บ้านหลังไหน พวกเขาก็จะยังเป็นผู้ที่กล้าหาญอยู่ดี"

     "แล้วตอนนี้พวกเธออายุเท่าไหร่กันแล้วล่ะ" เดรโกถามพลางย่อตัวลงและมองแอนนากับอีธานสลับกันไปมา

    "ผมอายุเก้าปีครับ" อีธานรีบตอบ "อีกสี่ปี ผมก็ได้ไปแล้วครับ"

    "หนูอายุสิบเอ็ดค่ะ" แอนนาตอบ "แต่ว่าหนูดูเหมือนอายุไม่ถึงสิบเอ็ดเลย เขาจะให้หนูไปไหมคะ"

    เดรโกกับเฮเลนหันมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา

    "ให้ไปสิ" เฮเลนพูดพร้อมยิ้มกว้าง เธอเลื่อนมือไปลูบศีรษะแอนนาอย่างเบามือ "ตราบใดที่เธอเป็นแม่มด ฮอกวอตส์ก็พร้อมต้อนรับเธอเสมอ"

    เสียงประตูเปิดดังขึ้น จินนี่ก้าวออกมาจากบ้านก่อนใครตามมาด้วยแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ อลิซาเบ็ธเดินตามมาส่งพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม แม้ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นจะซ่อนความเศร้าเอาไว้ก็ตาม เฮเลนคิดว่าเธอคงพยายามใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในส่วนของแท็คก่อนที่จะกลายไปเป็นปิศาจอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตข้างหน้า 

    พวกเขาบอกลาอลิซาเบ็ธ เลนนี่ เอล็กซ์ อีธานและแอนนาก่อนจะหายตัวเพื่อไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ที่จำเป็นต้องไปตามคำขอของแท็ค ที่จริงเดรโกบอกแล้วว่าเธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยนาร์ซิสซา แต่ว่าแท็คได้ขอร้องเฮเลนเอาไว้ในความทรงจำพวกนั้น ทำให้เธอจำเป็นที่จะต้องมาที่นี่เพื่อดูเดลฟินี่เสียหน่อยก่อนจะไว้วางใจนาร์ซิสซา

    คฤหาสน์กว้างใหญ่ยังคงเป็นสีดำทะมึนทั้งหลัง แต่บรรยากาศโดยรอบนั้นดูสดใสกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เดรโกเดินนำหน้าพวกเราเข้าไปในคฤหาสน์ เฮเลนเหลือบตามองนกยูงสีขาวที่เดินแผ่หางอยู่ในสวน ครั้งหนึ่งเธอเคยเเอบคิดว่านากินีคงกินมันไปแล้ว แต่โชคดีที่ไม่ใช่ 

    เดินไปได้ครึ่งทาง เสียงกระพือปีกแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น ลาเมียบินอย่างรวดเร็วตรงมาทางพวกเขา มันร่อนลงเกาะไหล่เฮเลนได้อย่างสวยงามดังเคยเมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าประตูเข้าคฤหาสน์พอดี 

    "ไม่เคยทำตัวน่ารักแบบนี้กับฉันเลยสักครั้งเดียว" เดรโกพูดพลางยักไหล่เล็กน้อย "ฉันว่าแม่น่าจะอยู่ในห้องเลี้ยงเด็กข้างบน -- ตื่นตาตื่นใจอะไรกัน"

    เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่มองลาเมียด้วยดวงตาเป็นประกายวิบวับราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่จริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนจริงๆ เนื่องจากลาเมียไม่เคยปรากฏตัวให้พวกเขาเห็นเลยสักครั้งแม้กระทั่งตอนที่เฮเลนอยู่กับแฮร์รี่ นกขี้อายตัวนี้ก็ไม่สนใจที่จะมาหา ที่จริงรอนควรเคยเห็นมันครั้งหนึ่งแต่ว่าตอนนั้นเขาหลับอยู่จึงน่าจะไม่เห็น

    "นี่มันออเกรย์!" เฮอร์ไมโอนี่พูด "จากหนังสือสัตว์มหัษจรรย์และถิ่นที่อยู่ของคุณนิวท์ สคามันเดอร์บอกกับเราว่าออเกรย์เป็นสัตว์วิเศษที่ค่อนข้างหายากมากเลยนะ นายมีมันได้ยังไง!"

    "มันสวยมากเลย" จินนี่ร้องพลางยื่นมือเข้าหาลาเมีย แต่มันทำท่าจะงับ เธอจึงชักมือออกทันควัน "มันคือนกฟินิกซ์ไอริชใช่ไหม"

    "ใช่ มันคือนกฟินิกซ์ไอริช" เดรโกตอบ "ถึงมันจะหายาก แต่ได้รับอนุญาตให้เลี้ยงได้ เข้าบ้านกันเถอะ"

    "ถ้านายเรียกที่นี่ว่าบ้าน" รอนพูดเมื่อพวกเขาเดินตามเดรโกเข้าไปในคฤหาสน์ "แล้วบ้านฉันจะเรียกว่าอะไร"

    "กระท่อมโพรงกระต่าย" แฮร์รี่พูดแหย่รอน เขาหันมาแยกเขี้ยวใส่จนแฮร์รี่ต้องยกมือยอมแพ้พร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี "ฉันล้อเล่นน่ารอน"

    เดรโกพาพวกเขาเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้าน พวกเขาเดินเลาะไปตามระเบียงทางเดินที่ดูจะโล่งๆ ผิดปกติไปนิดหน่อย ที่สุดทางมีประตูบานใหญ่บานหนึ่งเปิดแง้มอยู่และมีเสียงเพลงกล่อมเด็กดังออกมาจากห้องนั้นเบาๆ เฮเลนจำได้แม่นเลยว่านั่นคือเสียงของนาร์ซิสซา เดรโกดันประตูเปิดเข้าไปก่อนเป็นคนแรกและตามมาด้วยคนอื่นๆ

    ภาพที่เห็นตรงหน้าคือนาร์ซิสซากำลังอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆ เอาไว้ในอ้อมกอด ทารกน้อยผิวขาวซีดและมีปอยผมสีดำเข้มบนศีรษะ ดวงตากลมโตสีเข้มและดูท่าทางน่ารักน่าชังเอามากๆ เฮเลนไม่รู้ว่าสายเลือดของโวลเดอมอร์และเบลาทริกซ์จะทำให้เด็กทารกน่ารักคนนี้กลายเป็นปิศาจในอนาคตหรือไม่ แต่เธอก็กลัวจับใจว่าสิ่งที่เเท็คบอกเอาไว้จะไม่เป็นความจริง เรื่องที่ว่าเด็กคนนี้จะไม่มีวันเหมือนพวกเขาถ้าเกิดเธอเป็นคนดูแล

    "สวัสดีค่ะ ซิสซี่" เฮเลนเอ่ยทักเป็นคนแรก "นั่นคือ..."

    "เดลฟินี่" นาร์ซิสซาเอ่ย "หลานสาวฉันเอง -- ใครจะไปคิดว่าคนอย่างเบลาทริกซ์จะยอมทำถึงขนาดนั้น"

    ทั้งหกคนองหน้ากันเล็กน้อย

    "เขาเป็นยังไงบ้างครับ" แฮร์รี่พูด "เอ่อ -- ผมหมายถึงว่าท่าทาง... ทำนองนั้น"

    "ก็อย่างที่เห็นว่าเขาไม่ร้องไห้เลย" นาร์ซิสซาตอบ "แต่ว่ามีอะไรอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ เขาอาจจะเป็นเด็กที่น่ารักกว่าที่คิดก็ได้ จริงไหม?"

    นาร์ซิสซาวางเดลฟินี่ลงในเปลเด็ก เฮเลนเห็นว่าเด็กทารกน้อยยังไม่ยอมหลับแต่นาร์ซิสซาคงยอมแพ้ที่จะกล่อมให้เธอหลับใหลแล้ว พวกเขาเดินออกมาจากห้องเลี้ยงเด็กและตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่พวกเขาเคยถูกพวกเกรย์แบ็คพาตัวมาเพื่อหาคำตอบว่าแฮร์รี่ใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์ตัวจริงหรือเปล่า เธอผายมือเชิญให้พวกเขานั่งลงบนโซฟาที่ถุกจัดวางใหม่แล้วในตอนนี้

    "วันนี้พวกเธอมีธุระอะไรถึงได้มาที่นี่ล่ะ" นาร์ซิสซาเปิดประเด็นถามขึ้น "หรือว่าจะเป็นเรื่องของเดลฟินี่"

    "จริงๆ ก็ใช่ครับ" รอนตอบ นาร์ซิสซาเลิกคิ้วเล็กน้อย

    "คือ -- แท็คบอกพวกเราเรื่องเดลฟินี่ค่ะ" เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ นาร์ซิสซาหันไปจ้องหน้าเธอแทน "เขาบอกเราว่าเธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่อันตรายอะไร"

    "แท็คบอกหนูค่ะ ซิสซี่" เฮเลนพูดต่อขึ้นอย่างรวดเร็ว ดึงสายตาของนาร์ซิสซาให้มามองที่เธอแทน "คือว่า -- แท็คฝากให้ฉันดูแลเขาค่ะ เขาบอกว่าเด็กคนนั้นจะเติบโตมาดีแน่ๆ ถ้าหากว่าฉัน -- "

    "คงไม่ได้" นาร์ซิสซาพูดขัดขึ้นมาทันที "ฉันเหลือหลานสาวเพียงแค่คนเดียวในบ้านหลังนี้ -- ฉันให้เธอพาเขาไปไม่ได้หรอก"

    พวกเขาเงียบเสียงลงไปในทันที เดรโกเลื่อนมือไปจับมือของเฮเลนเอาไว้มั่น เขาส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าเธอไม่มีทางเปลี่ยนใจแม่ของเขาได้ เฮเลนเห็นจินนี่ยังคงมองลาเมียอย่างทึ่งๆ ในขณะที่มันบินขึ้นไปเกาะอยู่ที่หน้าเตาผิง และสะบัดขนไปมาอย่างสบายตัว

    "แต่ถ้าเธออยากจะเลี้ยงดูเดลฟินี่ ฉันก็มีข้อเสนอให้นะ" นาร์ซิสซาพูด เฮเลนสังเกตว่าเธอลอบยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ "รีบแต่งงานแล้วย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ซะสิ แล้วเธอจะได้ทำตามความต้องการของแท็คยังไงล่ะ"

    แฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่หันเหความสนใจของตนไปยังนาร์ซิสซาในทันที เฮเลนสะดุ้งและเดรโกที่อมยิ้มน้อยๆ อย่างเคอะเขิน

    "ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ" นาร์ซิสซาเลิกคิ้ว "ก็พวกเธอ --- "

    "อย่าเพิ่งครับ!" แฮร์รี่พูดขึ้นทันควัน "คือ -- น้องสาวผมยังเรียนไม่จบ ผมคิดว่าเราควรรอให้เธอเรียนจบก่อน"

    "ฉันไม่คิดว่าเธอจะซีเรียสเรื่องนั้นด้วยนะ แฮร์รี่ พอตเตอร์" นาร์ซิสซามองเขา แฮร์รี่ยกมือขึ้นเกาแก้มอย่างเขินๆ 

    "แต่หนูก็คิดแบบนั้นค่ะ" เฮเลนบอก "จริงๆ หนูบอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอาไว้ว่าจะกลับไปเรียนต่อให้จบ -- อาจจะจบช้าไปรุ่นหนึ่ง แต่ก็อยากให้จบ -- ถึงแม้แฮร์รี่จะตัดสินใจไม่เรียนก็ตาม"

    แฮร์รี่หันมาถลึงตาใส่เธอ ส่วนนาร์ซิสซาทำท่าคิดเล็กน้อย

    "ได้สิ ถ้าเธอต้องการ" เธอพูด "แต่อย่าลืมนะว่าตอนนี้เดลฟินี่อยู่ที่นี่กับฉัน และคฤหาสน์นี้ต้อนรับพวกเธอเสมอ -- มาได้ทุกเมื่อถ้าต้องการ"

    "คาถาต่อต้านการหายตัวถูกลบไปหรือยังคะ" เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น "พวกเราไม่กล้าหายตัวเข้ามาในนี้ แต่เราหายตัวมาที่หน้ารั้วบ้านค่ะ"

    "หลังจากเขาตายมันก็สลายไปแล้วล่ะ" นาร์ซิสซาตอบ "ตอนนี้ที่นี่ก็สามารถหายตัวเข้าออกได้เหมือนปกติแล้วล่ะ"

    พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นานนัก เดรโกขอตัวอยู่ที่บ้านเลยส่วนรอนและแฮร์รี่อยากจะไปหาคิงสลีย์ที่กระทรวงเวทมนตร์ เฮเลน เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่จึงกลับไปที่ฮอกวอตส์อีกครั้งเพื่อไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรื่องที่พวกเขาสามารถลงทะเบียนเรียนในวิชาเดิมได้อีกหรือไม่

    "ฉันเกือบลืมไปแล้วว่าวิชาอักษรรูณมันอ่านยังไง" เฮอร์ไมโอนี่บ่นกระปอดกระแปดในขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านหน้าร้านไม้กวาดสามอันหลังจากที่หายตัวมาโผล่ที่หมู่บ้านฮอกส์มี้ด "ทำไมฉันไม่ทบทวนหน่อยนะในสองสามอาทิตย์นี้น่ะ"

    "ฉันว่าเธอคิดมากเกินไปแล้ว" จินนี่พูด พวกเขาเดินเลี้ยวโค้งขึ้นไปยังประตูโรงเรียน "พวกอาจารย์คงไม่ว่าอะไรหรอก -- พวกเธอเป็นถึงวีรสตรีนี่นา"

    "ต้องพูดว่าพวกเราสิ" เฮเลนหันไปบอกจินนี่และเฮอร์ไมโอนี่ ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงทางเดินเข้าสู่ปราสาทฮอกวอตส์อันแสนคุ้นตา แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดกระทบหลังคาปราสาทสะท้อนแสงสีทองอร่ามดุจเกล็ดมังกร บานหน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่ชั้นบนสุดเผยให้เห็นห้องอาจารย์ใหญ่อันคุ้นเคย "ฉันว่าเราควรขึ้นไปบนนั้นนะว่าไหม"

    "ฉันก็คิดแบบนั้น" เฮอร์ไมโอนี่เสริมและเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างบานเดียวกัน

    "ใครจะอยู่ที่ห้องนั้นกันนะ" จินนี่ถามพร้อมกับยกมือป้องตากันแสง

    "ใครจะรู้" เฮเลนยักไหล่ "บางทีเขาอาจจะเป็นอาจารย์ใหญ่คนใหม่ของพวกเราก็ได้"

    ว่าแล้วทั้งสามคนก็เดินเข้าไปในปราสาท กลิ่นไอและสายลมเย็นสบายที่พัดมาหวนให้คิดถึงความทรงจำเหล่านั้น เวลาเจ็ดปีที่ผ่านไปมันช่างว่องไวเกินกว่าจะรั้งเอาไว้จริงๆ



    ติดตามตอนต่อไป...

    (เอาจริงๆ ไรท์อยากเขียนให้จบ 100 ตอนจะได้ไหมนะ 555)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×