คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #118 : Hitoribocchi no Futari
“นี่ฉันเองนะ ลินดา”
เป็นเพราะเสียงอึกทึกในห้องคาราโอเกะที่โหวกเหวกโวยวายเป็นอย่างมากจากบทเพลงร็อคโชว์พลังลูกคอที่เด็กหนุ่มสองคนกำลังแย่งกันแหกปาก ทำให้เจสซี่ ลูอิส คิดว่าเขาอาจจะหูฝาดไปเองที่ได้ยินชื่อของหญิงในฝัน กระทั่งเธอจะตามติดออกมานอกความฝัน เพราะความคิดฟุ้งซ่านหลังจากบทเพลง ‘ลินดา’ ของแอน ลูอิสที่เขาจะเลือกร้องทุกครั้ง โดยไม่สนใจเสียงร้องแซวหรือคำพูดกวนประสาทของกลุ่มเพื่อนสนิททั้งที่โรงเรียนและที่เรียนพิเศษด้วยกันเลยแม้แต่น้อย จนเขาต้องเอ่ยปากขอตัวทั้งจากปลายสายรวมถึงเพื่อนที่อยู่ในห้องคาราโอเกะด้วยกันออกไปข้างนอก ถามย้ำอีกครั้งว่า “เอ่อ ขอโทษนะครับ ใครนะครับ?”
“โยชิทากะ ลินดา” เป็นความจริงที่เหมือนกับความฝัน ยิ่งเมื่อเจสซี่จะได้ยินเสียงหัวเราะบางเบาคล้ายว่าขัดเขินจัดเจือมาด้วย “ขอโทษที ฉันไปขอเบอร์คุณลูอิสมาจากคาวาชิมะ คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่ๆ! ไม่เลย!” เจสซี่สวนย้อนกลับไปอย่างเร็วรี่ แม้จะมีคำถามแล่นวนอยู่ในหัวมากมายจากคนที่ไม่ยอมให้เบอร์ของตัวเองมาตลอด แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นจะไปสำคัญอะไรอีก เหมือนกับประโยคถัดมาของเธอที่อาจลบเอาทุกเหตุผลอื่นใดบนโลกใบนี้ออกไปได้ว่า “อยากมาดูหนังด้วยกันไหม?” ที่เธอจะพุ่งเข้าประเด็นตรงๆ โดยไม่มีการอ้อมค้อม เหมือนอย่างตอนที่ปฏิเสธคำชักชวนหรือว่าร้องขอทุกอย่างของเขา...แบบที่เธอเป็น และเจสซี่ก็ควรจะเล่นตัวบ้าง ด้วยการบอกว่าวันนี้ไม่สะดวก เขากำลังคาราโอเกะอยู่กับเพื่อนอีกเป็นโขยง แต่แค่เพียงคิดถึงชื่ออันไพเราะของเธอขึ้นมาก็ทำให้เขากระวนกระวายใจ แค่เพียงคิดถึงใบหน้าเย่อหยิ่งที่งดงามที่สุด หรือริมฝีปากสีแดงที่จะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแค่เพียงน้อย ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของเขาบีบรัดขึ้นมา การได้ใช้เวลาอยู่กับเธอตามลำพังอาจทำให้เขาต้องยิ่งทรมาน แต่เจสซี่ก็รู้ว่าเขาพร้อมยินยอมรับความทรมานทุกอย่าง ถึงต่อให้จะต้องแหลกสลาย ถ้ามาจากน้ำมือของผู้หญิงคนนี้ เช่นนั้นเขาก็ยินดี
เขาไม่รู้ตัวเลยว่านิ่งเงียบไปนานแค่ไหน ไม่มีการเร่งเร้าเอาคำตอบจากเธอ หากเสียงลมหายใจที่ดังแว่วมาเป็นระยะนั้นก็มากพอที่จะบ่งบอกถึงการมีอยู่
“แค่เราสองคนเหรอ?” เขาไม่ได้ตอบรับ นอกจากถามออกไปอย่างนั้น
“อืม” เธอขานรับ ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วค่อยอย่างอ่อนโยน สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาข้างในอก จินตนาการของเขาโลดแล่นเหมือนกับว่าเธอกำลังกระซิบอยู่ข้างใบหู “แค่เราสองคน”
ผมสีดำยาวที่ปล่อยสยายของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลมยามค่ำคืนของปลายเดือนตุลาคม ขณะที่ดวงตากลมโตก็ทอดมองออกไปเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย ราวกับอยู่ในจักรวาลอันไกลโพ้นเกินกว่าที่ความคิดของเขาหรือจินตนาการของใครจะรู้ล่วง เจสซี่ถูกความสวยต้องตาสะกดใจ ถูกความคาดเดาไม่ได้เหมือนกับปริศนาที่แก้ไม่ออกดึงดูดเข้าใกล้ และกำลังถูกรอยยิ้มกว้างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนล่อลวงเข้าไป ในตอนที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ โดยไม่แม้แต่จะออกปากทักทาย ลินดาไม่ได้มีทีท่าประหลาดใจเมื่อเห็นเขา ขณะยื่นตั๋วหนังที่ซื้อล่วงหน้ามาก่อนแล้วให้
“ขอโทษที่โทร.ไปชวนปุบปับแบบนี้ด้วยนะ ไม่รู้หรอกว่าคุณลูอิสจะเคยดูหรือยัง แต่วันนี้ฉันแค่รู้สึกว่าไม่อยากดูหนังสยองคนเดียว”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”
กระทั่งตอนนี้ เจสซี่ก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำไมคนที่คอยปฏิเสธเขามาตลอดจู่ๆ ถึงได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นเสียเอง? หรือว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น? อย่างเช่นว่าเธอเกิดอกหักขึ้นมาและต้องการคนปลอบใจ ยูนะบอกว่าลินดายังไม่มีแฟน หรือไม่หล่อนก็อาจแค่ไม่เคยเห็นเอง แต่ก็เคยเปรยๆ เป็นทำนองติดตลกว่าเธอน่าจะมีคนที่ชอบอยู่ “อาจจะหล่อกว่า รวยกว่า เค้าเลยไม่เหลียวแลมองนายก็ได้” แน่นอนที่เจสซี่ย่อมไม่เก็บคำพูดเหลวไหลของเพื่อนมาใส่ใจจริงจัง ลินดาอาจไม่ได้ร่ำรวยเงินทองเหมือนอย่างพวกเขา แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจผู้ชายที่หน้าตาหรือฐานะ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่สนิทกับโยชิซาวะและคาวาชิมะที่นั่งข้างๆ ที่สุดในคลาส แต่ยอมรับว่าเขาเองก็เคยคิดถึงข้อความจริงที่ว่าเธออาจจะมีใครอื่นอยู่แล้วขึ้นมา หากเมื่อเธอไม่เคยพูดมันออกมาตรงๆ เจสซี่จึงไม่เคยคิดที่จะล้มเลิกความพยายาม
“ทำไมถึงชวนฉันเหรอ?” ในที่สุดเจสซี่ก็ตัดสินใจถาม
“หนังจะเข้าแล้ว ไปเถอะ”
ทว่าสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตอบ
มันไม่ใช่เดตอย่างที่เจสซี่คาดหวังไว้ เขาดูเรื่อง ‘โนโร่ย’ (คำสาป) กับกลุ่มเพื่อนสนิทมาก่อนแล้วตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย มันเป็นหนังสยองขวัญแบบฟาวนด์ฟุตเทจที่สมจริงมาก ขนาดที่ยูนะเอามาเล่าว่าหล่อนเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะจนต้องนอนเปิดไฟสว่างอยู่เป็นเดือน หากลินดาก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแบบที่จะเผลอไผลจับมือเขาหรืออะไรทำนองนั้น เธอเพียงแค่นั่งเอนหลังดูหนังไปเงียบๆ ไม่แม้แต่จะหันมองเขาที่เหลือบมองเธออยู่ข้างๆ มากกว่าบ่อยครั้ง เจสซี่ไม่อาจตั้งสมาธิให้จดจ่ออยู่กับภาพเคลื่อนไหวบนจอสี่เหลี่ยมเบื้องหน้าได้เลย เมื่อความคิดของเขาเอาแต่ผูกติดอยู่กับความนิ่งสนิทของคนข้างกายที่ได้แต่เฝ้าภาวนาให้เธอแค่ยื่นมือมาจับกับเขาก็ยังดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นอะไรเกิดขึ้นเลยตลอดสองชั่วโมงนั้น
เช่นเดียวกับช่วงเวลาหลังออกจากโรงหนังที่มีผู้คนเหลืออยู่เพียงประปรายมาด้วยกัน เจสซี่พยายามสงบจิตสงบใจของตัวเอง ไม่เอื้อมมือไปทำอะไรก็ตามกับเธอที่กำลังใช้มันจับกระเป๋าสะพายพาดไหล่ ก้มหน้าก้มตาคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ ครั้นพ้นออกจากโรงหนังมาเธอก็หยุดฝีก้าว หันมองหน้าเขาแล้วว่า
“ที่ก่อนหน้านี้นายถามว่าทำไมฉันถึงชวนนาย...”
เจสซี่เองก็หยุดฝีเท้ากึก ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรนอกจากก้มหน้ามองเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าอยู่เงียบๆ
“เพราะว่าฉันไม่มีใครเลย” ดวงตาสีดำสนิทของเธอจ้องสบกับเขา “ฉันคงจะเกิด...เหงาขึ้นมา”
เจสซี่ไม่มีวันจะคิด ฝัน ว่านัดแรกของเขากับเด็กสาวจากความฝันที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่คนรักจะลงเอยด้วยจุมพิต อ้อมกอด หรืออะไรที่มากกว่านั้น ริมฝีปากของเธอเย็นยะเยียบเพราะอากาศที่หนาวเหน็บ แต่มันก็ถูกหลอมละลายด้วยความอุ่นร้อนยามที่บดเบียดชิดใกล้เหมือนกับอุณหภูมิในตัวเขาที่พุ่งสูงขึ้นจนแทบจะระเบิด
เขารู้ว่ากำลังถูกเธอล่อลวง แต่เจสซี่ก็ยินดีที่จะตกเป็นเหยื่อในเกมนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ในความคิดคำนึงถึงก่อนหน้านี้ของเธอคือใคร แต่ในห้วงยามนี้ นาทีนี้ เจสซี่จะทำให้ดวงตา ริมฝีปาก และหัวสมองของลินดามีเพียงแต่เขา คนคนเดียวที่เธอจะมองเห็น ชื่อชื่อเดียวที่เธอจะร้องเรียกหา คนคนเดียวที่เธอจะคิดถึง เติมเต็มตัวเธอด้วยความปรารถนาที่เขากักเก็บมันไว้ตลอดมา
ก่อนที่จะถึงช่วงวินาทีสุดท้าย เจสซี่ก็กลั้นใจหยุดแล้วก้มลงมองเธอที่อยู่ใต้ร่าง
“ฉันชอบลินดานะ”
แล้วเธอก็ยิ้ม โน้มใบหน้าของเขาที่ชื้นไปด้วยเหงื่อลงมาเพื่อมอบคำตอบรับนั้นผ่านจูบที่แนบชิดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ต่อให้เธอจะเป็นคำสาปชักพาความตายที่ทำให้ต้องพบเจอแต่ความมืดมิด เจสซี่ก็พร้อมที่จะลงไปในความมืดมิดนั้นหากมีเธอ
_______________
ความคิดเห็น