ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #118 : Hitoribocchi no Futari

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 66


    Hitoribocchi no Futari -ひとりぼっちのふたり-
    Playlist: GLAY – Yuruginai Monotachi 「ゆるぎない者達」












    .

    นี่ฉันเองนะ ลินดา”

    เป็นเพราะเสียงอึกทึกในห้องคาราโอเกะที่โหวกเหวกโวยวายเป็นอย่างมากจากบทเพลงร็อคโชว์พลังลูกคอที่เด็กหนุ่มสองคนกำลังแย่งกันแหกปาก ทำให้เจสซี่ ลูอิส คิดว่าเขาอาจจะหูฝาดไปเองที่ได้ยินชื่อของหญิงในฝัน กระทั่งเธอจะตามติดออกมานอกความฝัน เพราะความคิดฟุ้งซ่านหลังจากบทเพลง ลินดา ของแอน ลูอิสที่เขาจะเลือกร้องทุกครั้ง โดยไม่สนใจเสียงร้องแซวหรือคำพูดกวนประสาทของกลุ่มเพื่อนสนิททั้งที่โรงเรียนและที่เรียนพิเศษด้วยกันเลยแม้แต่น้อย จนเขาต้องเอ่ยปากขอตัวทั้งจากปลายสายรวมถึงเพื่อนที่อยู่ในห้องคาราโอเกะด้วยกันออกไปข้างนอก ถามย้ำอีกครั้งว่า “เอ่อ ขอโทษนะครับ ใครนะครับ?”

    โยชิทากะ ลินดา” เป็นความจริงที่เหมือนกับความฝัน ยิ่งเมื่อเจสซี่จะได้ยินเสียงหัวเราะบางเบาคล้ายว่าขัดเขินจัดเจือมาด้วย “ขอโทษที ฉันไปขอเบอร์คุณลูอิสมาจากคาวาชิมะ คงไม่เป็นไรใช่ไหม?”

    ไม่ๆ! ไม่เลย!” เจสซี่สวนย้อนกลับไปอย่างเร็วรี่ แม้จะมีคำถามแล่นวนอยู่ในหัวมากมายจากคนที่ไม่ยอมให้เบอร์ของตัวเองมาตลอด แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างนั้นจะไปสำคัญอะไรอีก เหมือนกับประโยคถัดมาของเธอที่อาจลบเอาทุกเหตุผลอื่นใดบนโลกใบนี้ออกไปได้ว่า “อยากมาดูหนังด้วยกันไหม?” ที่เธอจะพุ่งเข้าประเด็นตรงๆ โดยไม่มีการอ้อมค้อม เหมือนอย่างตอนที่ปฏิเสธคำชักชวนหรือว่าร้องขอทุกอย่างของเขา...แบบที่เธอเป็น และเจสซี่ก็ควรจะเล่นตัวบ้าง ด้วยการบอกว่าวันนี้ไม่สะดวก เขากำลังคาราโอเกะอยู่กับเพื่อนอีกเป็นโขยง แต่แค่เพียงคิดถึงชื่ออันไพเราะของเธอขึ้นมาก็ทำให้เขากระวนกระวายใจ แค่เพียงคิดถึงใบหน้าเย่อหยิ่งที่งดงามที่สุด หรือริมฝีปากสีแดงที่จะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแค่เพียงน้อย ก็มากพอที่จะทำให้หัวใจของเขาบีบรัดขึ้นมา การได้ใช้เวลาอยู่กับเธอตามลำพังอาจทำให้เขาต้องยิ่งทรมาน แต่เจสซี่ก็รู้ว่าเขาพร้อมยินยอมรับความทรมานทุกอย่าง ถึงต่อให้จะต้องแหลกสลาย ถ้ามาจากน้ำมือของผู้หญิงคนนี้ เช่นนั้นเขาก็ยินดี

    เขาไม่รู้ตัวเลยว่านิ่งเงียบไปนานแค่ไหน ไม่มีการเร่งเร้าเอาคำตอบจากเธอ หากเสียงลมหายใจที่ดังแว่วมาเป็นระยะนั้นก็มากพอที่จะบ่งบอกถึงการมีอยู่

    แค่เราสองคนเหรอ?” เขาไม่ได้ตอบรับ นอกจากถามออกไปอย่างนั้น

    อืม” เธอขานรับ ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วค่อยอย่างอ่อนโยน สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมาข้างในอก จินตนาการของเขาโลดแล่นเหมือนกับว่าเธอกำลังกระซิบอยู่ข้างใบหู “แค่เราสองคน”

     

    ผมสีดำยาวที่ปล่อยสยายของเธอพลิ้วไหวไปตามสายลมยามค่ำคืนของปลายเดือนตุลาคม ขณะที่ดวงตากลมโตก็ทอดมองออกไปเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย ราวกับอยู่ในจักรวาลอันไกลโพ้นเกินกว่าที่ความคิดของเขาหรือจินตนาการของใครจะรู้ล่วง เจสซี่ถูกความสวยต้องตาสะกดใจ ถูกความคาดเดาไม่ได้เหมือนกับปริศนาที่แก้ไม่ออกดึงดูดเข้าใกล้ และกำลังถูกรอยยิ้มกว้างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนล่อลวงเข้าไป ในตอนที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ โดยไม่แม้แต่จะออกปากทักทาย ลินดาไม่ได้มีทีท่าประหลาดใจเมื่อเห็นเขา ขณะยื่นตั๋วหนังที่ซื้อล่วงหน้ามาก่อนแล้วให้

    ขอโทษที่โทร.ไปชวนปุบปับแบบนี้ด้วยนะ ไม่รู้หรอกว่าคุณลูอิสจะเคยดูหรือยัง แต่วันนี้ฉันแค่รู้สึกว่าไม่อยากดูหนังสยองคนเดียว”

    ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก”

    กระทั่งตอนนี้ เจสซี่ก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำไมคนที่คอยปฏิเสธเขามาตลอดจู่ๆ ถึงได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นเสียเอง? หรือว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น? อย่างเช่นว่าเธอเกิดอกหักขึ้นมาและต้องการคนปลอบใจ ยูนะบอกว่าลินดายังไม่มีแฟน หรือไม่หล่อนก็อาจแค่ไม่เคยเห็นเอง แต่ก็เคยเปรยๆ เป็นทำนองติดตลกว่าเธอน่าจะมีคนที่ชอบอยู่ “อาจจะหล่อกว่า รวยกว่า เค้าเลยไม่เหลียวแลมองนายก็ได้” แน่นอนที่เจสซี่ย่อมไม่เก็บคำพูดเหลวไหลของเพื่อนมาใส่ใจจริงจัง ลินดาอาจไม่ได้ร่ำรวยเงินทองเหมือนอย่างพวกเขา แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจผู้ชายที่หน้าตาหรือฐานะ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่สนิทกับโยชิซาวะและคาวาชิมะที่นั่งข้างๆ ที่สุดในคลาส แต่ยอมรับว่าเขาเองก็เคยคิดถึงข้อความจริงที่ว่าเธออาจจะมีใครอื่นอยู่แล้วขึ้นมา หากเมื่อเธอไม่เคยพูดมันออกมาตรงๆ เจสซี่จึงไม่เคยคิดที่จะล้มเลิกความพยายาม

    ทำไมถึงชวนฉันเหรอ?” ในที่สุดเจสซี่ก็ตัดสินใจถาม

    หนังจะเข้าแล้ว ไปเถอะ”

    ทว่าสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตอบ

     

    มันไม่ใช่เดตอย่างที่เจสซี่คาดหวังไว้ เขาดูเรื่อง ‘โนโร่ย’ (คำสาป) กับกลุ่มเพื่อนสนิทมาก่อนแล้วตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เข้าฉาย มันเป็นหนังสยองขวัญแบบฟาวนด์ฟุตเทจที่สมจริงมาก ขนาดที่ยูนะเอามาเล่าว่าหล่อนเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะจนต้องนอนเปิดไฟสว่างอยู่เป็นเดือน หากลินดาก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแบบที่จะเผลอไผลจับมือเขาหรืออะไรทำนองนั้น เธอเพียงแค่นั่งเอนหลังดูหนังไปเงียบๆ ไม่แม้แต่จะหันมองเขาที่เหลือบมองเธออยู่ข้างๆ มากกว่าบ่อยครั้ง เจสซี่ไม่อาจตั้งสมาธิให้จดจ่ออยู่กับภาพเคลื่อนไหวบนจอสี่เหลี่ยมเบื้องหน้าได้เลย เมื่อความคิดของเขาเอาแต่ผูกติดอยู่กับความนิ่งสนิทของคนข้างกายที่ได้แต่เฝ้าภาวนาให้เธอแค่ยื่นมือมาจับกับเขาก็ยังดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นอะไรเกิดขึ้นเลยตลอดสองชั่วโมงนั้น

    เช่นเดียวกับช่วงเวลาหลังออกจากโรงหนังที่มีผู้คนเหลืออยู่เพียงประปรายมาด้วยกัน เจสซี่พยายามสงบจิตสงบใจของตัวเอง ไม่เอื้อมมือไปทำอะไรก็ตามกับเธอที่กำลังใช้มันจับกระเป๋าสะพายพาดไหล่ ก้มหน้าก้มตาคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ ครั้นพ้นออกจากโรงหนังมาเธอก็หยุดฝีก้าว หันมองหน้าเขาแล้วว่า

    ที่ก่อนหน้านี้นายถามว่าทำไมฉันถึงชวนนาย...”

    เจสซี่เองก็หยุดฝีเท้ากึก ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรนอกจากก้มหน้ามองเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าอยู่เงียบๆ

    เพราะว่าฉันไม่มีใครเลย” ดวงตาสีดำสนิทของเธอจ้องสบกับเขา “ฉันคงจะเกิด...เหงาขึ้นมา”

    เจสซี่ไม่มีวันจะคิด ฝัน ว่านัดแรกของเขากับเด็กสาวจากความฝันที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่คนรักจะลงเอยด้วยจุมพิต อ้อมกอด หรืออะไรที่มากกว่านั้น ริมฝีปากของเธอเย็นยะเยียบเพราะอากาศที่หนาวเหน็บ แต่มันก็ถูกหลอมละลายด้วยความอุ่นร้อนยามที่บดเบียดชิดใกล้เหมือนกับอุณหภูมิในตัวเขาที่พุ่งสูงขึ้นจนแทบจะระเบิด

    เขารู้ว่ากำลังถูกเธอล่อลวง แต่เจสซี่ก็ยินดีที่จะตกเป็นเหยื่อในเกมนี้ ถึงจะไม่รู้ว่าผู้ชายที่อยู่ในความคิดคำนึงถึงก่อนหน้านี้ของเธอคือใคร แต่ในห้วงยามนี้ นาทีนี้ เจสซี่จะทำให้ดวงตา ริมฝีปาก และหัวสมองของลินดามีเพียงแต่เขา คนคนเดียวที่เธอจะมองเห็น ชื่อชื่อเดียวที่เธอจะร้องเรียกหา คนคนเดียวที่เธอจะคิดถึง เติมเต็มตัวเธอด้วยความปรารถนาที่เขากักเก็บมันไว้ตลอดมา

    ก่อนที่จะถึงช่วงวินาทีสุดท้าย เจสซี่ก็กลั้นใจหยุดแล้วก้มลงมองเธอที่อยู่ใต้ร่าง

    ฉันชอบลินดานะ”

    แล้วเธอก็ยิ้ม โน้มใบหน้าของเขาที่ชื้นไปด้วยเหงื่อลงมาเพื่อมอบคำตอบรับนั้นผ่านจูบที่แนบชิดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

    ต่อให้เธอจะเป็นคำสาปชักพาความตายที่ทำให้ต้องพบเจอแต่ความมืดมิด เจสซี่ก็พร้อมที่จะลงไปในความมืดมิดนั้นหากมีเธอ












    2022年02月14日
    _______________
    ★ ฟิควาเลนไทน์ที่ปีนี้ก็ยังไม่ใช่อุมิสักที บ้า ไป แร้ว 55555 ใช่มึง กูบอกเองว่าเดือนนี้กูกลับมาใจสะอาด ไม่แต่งหรอกนะเอร้งเอโระใดๆ แต่อันนี้แต่งไว้นานแล้ว ถือว่าไม่นับจ้า แค่เผอิญได้รูปเดือนนี้พอดีเลยเอาลงรับวาเลนไทน์เช้ยๆ นะ และใช่มึง เชื่อว่ามึงต้องดูออกว่ามันคือตอนที่สองของเรื่องอาเบะจังเซนเซที่กูบ่นตลอดว่าหาทางลงไม่ได้ (ที่จริงก็หาไม่ได้สักเรื่อง) นั่งคิดนอนคิดอยู่นานก็ไม่เจอตอนจบที่ถูกใจเลยเทๆๆ! เบื่อพระเอกแล้วก็เทๆๆ! แต่แต่งไว้นานมากตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว พอย้อนกลับไปอ่านก็เสียดายเพราะชอบการบรรยาย ชอบซีนที่ร้องคาราโอเกะเพลงชื่อเดียวกับนางเอก ที่กูบอกมึงว่าหาชื่อหาเพลงยุคเก่ามาเองนะ กูบ่หาให้ และรู้ว่ายังไงมึงก็ต้องหาได้อยู่แล้ว ฮิฮิ (เมาท์ ต้นฉบับเป็นเพลงอิโรฮะของสปิตซ์ หึ จัม!) หรือตอนไปดูโนโร่ยที่โอ๊ย ขนลุกข้าวพอง >_< แล้วไหนๆ ตอนนี้อาเบะจังก็ไม่เด่น ให้กูเอามาลงกับพระเอกเดิมก็...ฮ่าๆๆ ตอนแรกก็ลังเลว่าจะเจสซี่หรือเก็นตะบ่าวเก้าสูนใดๆ แต่ไม่ว่ะ เก็นตะในใจกูไม่ใช่แบบนี้ ละพอเลือกเจสซี่ก็ทำให้กูระลึกได้ว่าเหมือนกูไม่ได้แต่งฟิคพี่เค้าให้มึงนานแล้วใช่ไหมนะ มีแต่ฟิคแปลงแนวอิหยังวะตลอด โธ่อี ทั้งที่กูก็รู้ว่ามึงเมนเจสซี่สุดแต่ก็ยังไม่ยอมแต่ง ทีตัวเองเมนอุมินี่แต่งให้เค้าทุกเรื่องว่ะ จำไว้นะ คนสันดารต่ำๆ มันก็จะหลอกใช้มึงแบบกูนี่แหละ
    ★ เป็นบรีฟคอมมิชที่ไล่ควายมาก ตอนแรกก็ลังเลว่าจะมีหรือไม่มีดี แต่วันหนึ่งตอนทำงานกูก็คิดว่าเอาล่ะ กูจะสั่ง จากนั้นก็บรีฟทุกอย่างเสร็จหมดในสองชั่วโมง แน่นอนว่ากูไม่ได้คิดท่าโพส แต่หาชุดจากสตรีทสแนปยุคเก้าสูนสองพันตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เกี่ยวกับสีของพระเอกใดๆ คือคิดแค่ว่าอยากให้ใส่กระโปรงลายสก็อตสีแดง แต่เผอิญไปเจอชุดนี้แล้วมันสวยว่ะ ร็อคว่ะ ต่อให้พระเอกจะเป็นเร็นเป็นเก็นตะกูก็จะเลือกชุดสีนี้อยู่ดี เพราะสีแดงสดนี่ยังไงก็สวยจริงเนาะ ขอเสียงชาวร็อคหน่อยคนับ ส่วนฉากหลังกูก็ส่งแนวสแนปจากแมกยุคนั้นไปให้เหมือนกัน ที่คุณพอยวาดออกมาเป็นฉากค่ำๆ แบบในรูปจริง แต่ที่จริงฉากหลังมันฟีลเหมือนหน้าห้างเซนเฟสหันออกถนนอ่ะมึง 55555 แต่คุณพอยก็เปลี่ยนเป็นตึกแบบนี้ ใส่จักรยานมาให้ ดูมีความญี่ปุ่นญี่ใจเลย งง แล้วก็แน่นอนว่าสวยกว่าแบบที่กูให้มาก เนี่ย พอเจอนักวาดที่ถุูกคอก็คุยกันถูกใจอยู่กันไปยาวๆ เค้าบอกด้วยว่าที่วาดให้กูนี่เอาไปรวมคอลเลคชั่นสาวๆ ได้เลย ว่าซ่านว่ะ แต่เค้าวาดแนวญี่ปุ่นแล้วสวยจริงเนาะ ตอนฟิคเกลย์อันนั้นก็สวย เวลาคอมมิชมันสนุกตรงบรีฟฉากหลังกับบรีฟชุดนี่แหละเนาะมึงเนาะ >_<
    ★ จะเล่าตอนต่อเท่าที่คิดไว้ให้ฟัง พอวันต่อมา อิโรฮะก็จะมาทักเร็นก่อนแล้วทุกคนก็เลยแบบ เฮ้ย! สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน! ทีนี้มิโซระก็จะไม่พอใจ แล้วก็ขู่ว่าจะฟ้องเร็นเรื่องอาเบะจัง แต่อิโรฮะก็แบบ ฟ้องก็ฟ้องสิ มิโซระก็จะเสียใจร้องห่มร้องไห้ ส่วนอาเบะจังที่สนิทกับเร็นมากก็ห้ามเร็นไม่ให้คบเพราะไม่อยากให้เสียใจ แต่ไม่บอกเรื่องที่อิโรฮะมาสารภาพรักนะ เร็นก็จะโกรธว่าทำไมต้องมาห้าม แต่สุดท้ายเร็นก็จะรู้จนได้แหละว่าอิโรฮะชอบอาเบะจัง มิโซระไปฟ้องมั้งจำไม่ได้ (ตอนนั้นในกลุ่มมิโซระจะมีเจสซี่ที่แอบชอบคอยปลอบใจ ในกลุ่มก็มีเจสซี่ เร็น พี่ไทย มิโซระ) แต่ก็โกรธอิโรฮะไม่ลง ไปลงกับอาเบะจังแทน อิโรฮะก็เลยจะโกรธเร็น แต่ยังไงต่อไม่รู้ กูหาทางลงไม่ได้ แต่งไปก็ไม่สนุก เพราะยังไงอาเบะจังก็ไม่มีวันชอบอิโรฮะ ส่วนอิโรฮะก็ไม่มีวันชอบเร็นหรอก อ๋อ นึกออกแล้วว่าอยากแต่งเอโระตอนใช้เพลงชิตโตะด้วย แต่ช่างเถอะ เอาไว้เรื่องใหม่...กับอุมิ สวัสดี
    ★ ตอนแรกจะไม่ใช้เกลย์แล้ว แต่ฟิคเรื่องนี้เกิดขึ้นได้เพราะเพลงเกลย์นี่นะ แล้วมึงเชื่อไหม กูมีพล็อตในหัวจากเพลง Way of Difference อยู่เลย แต่มันต้องเป็นเร็นกับเจสซี่เท่านั้นว่ะ สงสัยเพราะตอนนั้นมันมีแมกที่สองคนนี้ถ่ายด้วยกัน กูก็ไปนั่งดูรูปแล้วก็ชอบของกู เฮ้อ ถึงยังไงกูก็ยังชอบเร็นที่เป็นเพื่อนเจสซี่อยู่ดีแหละนะ / อยากอวดว่าที่จริงตอนแรกฟิคนี้จะมีสามตอน ชื่อตอนแรกคือรัก ตอนสองคือเกลียด ตอนสามก็หึง โอ้โห! ปิดด้วยเพลงชิตโตะยังไงล่ะ! แต่สุดท้ายก็ ฮ่าๆๆ ไหนวะ ฮ่วย มันมีอาถรรพ์หรือยังไง ทำไมเวลากูจะใช้เพลงเกลย์ที่รักมากๆ ทีไรต้องมีอุปสรรคทุกที ไม่เหมือนมึงที่ใช้ลาร์คเป็นร้อยละมั้ง หมดบั้มยัง เออพูดถึงเกลย์ละบอกตรงนี้เลยว่าฟิคทูเบลล์ฯกูล่มละเพราะมีเหตุขัดข้องในการวางพล็อตหลายประการ โอ้โหอีเหี้ย คนจริงต้องเท แต่กูแต่งตอนที่หนึ่งไว้อยู่ ไว้จะเอามาลงเป็นอนุสรณ์
    ★ ชื่อเรื่องแปลว่าคนเหงาทั้งสอง มาจากชื่อเพลงของคุณคิว ซากาโมโตะ ส่วนชื่อเพลงแปลได้ว่าสิ่งที่ไม่สั่นคลอน เหมือนความรักที่มึงมีให้พี่เจสสี้มาแล้วสองปี ขอบคุณที่กลับมาบ้าจอห์นนีส์ตามกูอีกครั้งนะเพื่อนนะ หมดจากนินจากูคงไม่ติดตามจูเนียร์ต่อแล้ว หมดจากทราวิสก็คงจะเลิกเปย์วงไหนแล้วตามฟังเพลงสโตนส์วงเดียวแหละ (มั้ง) มึงก็อยู่กับกูไปก่อนจนกว่าจะถึงวันนั้น หรือไม่ก็วันที่กูจะเลิกแต่งฟิคในอีกไม่กี่ปีนี้แหละ เกษียณไปปลูกผัก ดำน้ำ ดูปะการัง
    ★ ปล. กูย้อนไปดูทวิตที่เคยไลค์แล้วถึงรำลึกได้ว่าเร็นเคยรีเควสเพลงเคอร์เทนคอลล์ในราจิรา กูถึงได้เคยชอบเค้ามากยังไงล่ะ เยี่ยมพัยเลย! แต่แล้วยังไง อุมิก็เคยร้องวินเทอร์, อะเกนแล้วกัน
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×