ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #8 : chapter 7 อย่ามายุ่งกับคนของฉัน

    • อัปเดตล่าสุด 10 เม.ย. 54


     

    Chapter 7

     

                เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ซีวอนโทรศัพท์มาบอกให้คยูฮยอนนำนาฬิกาข้อมือไปให้ที่มหาวิทยาลัย โดยปกติแล้วซีวอนไม่ใช่คนที่จะลืมของอะไรพวกนี้ และถ้าหากหลงลืมจริงๆ ก็จะเป็นคนขับรถกลับมาเอาของที่บ้านเอง

     

                ไม่ใช่เอาแต่ใจเช่นวันนี้

     

                มือเรียวกดโทรศัพท์มือถือเครื่องถูกๆ ออกไปหาเจ้านาย ซีวอนรับสายอย่างรวดเร็วราวกับรอเขามาเนิ่นนานแล้ว

     

                [ว่าไง?]

     

                “คุณซีวอนครับ ผมอยู่หน้าตึก...เอ่อ...เอสโอ...” ใบหน้าหวานแหงนขึ้นไปอ่านชื่อตึกภาษาอังกฤษที่ไม่คุ้นตา ก่อนจะส่งเสียงตะกุกตะกักออกไปจนซีวอนหงุดหงิด

     

                [Social Science Complex ใช่ไหม]

     

                “นะ...น่าจะใช่มั้งครับ คุณซีวอนจะลงมารับของด้านล่างหรือว่า...”

     

                [เรื่องแค่นี้คิดเองไม่เป็นหรือไง]

     

                กริ๊ก!

     

                เสียงสัญญาณขาดหายไปอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนค่อยๆ ลดมือเรียวลงมาดูหน้าจอ ก่อนจะพบว่าซีวอนกดวางสายใส่เขาเสียแล้ว ร่างโปร่งเดินไปถามทางจากนักศึกษาคนอื่นในมหาวิทยาลัย แต่กว่าจะหาห้องที่ซีวอนนั่งรออยู่จนพบก็โดนสายตาเหยียดหยามมาตลอดทาง

     

                จะเอาอะไรกับเสื้อผ้าของคนรับใช้

     

                “โดดเรียนอีกแล้วใช่ไหม วันนี้ทำตัวไม่น่ารักเลยนะ”

     

                เสียงสดใสของฮีชอลดังออกมาจากห้องจนคยูฮยอนชะงัก ดวงตากลมโตชะเง้อมองเข้าไป เมื่อเห็นภาพที่ฮีชอลกำลังจิ้มนิ้วเรียวไปที่หน้าอกแกร่งของซีวอน ดวงตาคู่นั้นก็ฉายแววเศร้า

     

                “ก็ผมคิดถึงพี่ฮีชอลจนเรียนไม่รู้เรื่องนี่ครับ”

     

                “คนบ้า” ฮีชอลตีหน้าอกของอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้าด้วยความเขินจนซีวอนชิงหอมแก้มใส

     

                “ผมพูดจริงนะ เวลานั่งเรียนก็มีแต่หน้าพี่ลอยมาเต็มกระดาน พอก้มหน้าพี่ฮีชอลก็ยังโผล่มาในหนังสือ พอหลับตา...”

     

                “พอเถอะ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าซีวอนของพี่ปากหวาน...แค่ไหน” พูดจบก็ประทับริมฝีปากเข้าจูบคนรักทันที คยูฮยอนอ้าปากค้างกับภาพนั้น มือเรียวที่กำถุงกระดาษปล่อยร่วงสู่พื้นจนเกิดเสียงดัง

     

                ตุ้บ!

     

                ฮีชอลกับซีวอนผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว คยูฮยอนรีบเก็บถุงขึ้นมาถือไว้ในมืออีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

     

                “ผะ...ผมเอานาฬิกามาให้คุณซีวอนครับ”

     

                “มาถึงแล้วก็เรียกสิ จะยืนแอบอยู่ตรงนั้นทำไม” ซีวอนเดินเข้ามาหาร่างโปร่งแล้วกระชากถุงไปถือไว้เอง

     

                “นี่ก็เย็นแล้ว ผมติดรถคุณซีวอนกลับบ้านด้วยได้ไหมครับ” ถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทำเอาซีวอนหันมาย่นคิ้วอย่างแปลกใจ

     

                “คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาขอนั่งรถฉัน” น้ำเสียงดุดันทำให้คนรับใช้ถึงกับสะดุ้งเฮือก คยูฮยอนช้อนตาขึ้นมองเจ้านายแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาของซีวอนอีกครั้งด้วยความเกรงกลัว

     

                “นายก็ให้เด็กนี่ขับรถให้สิซีวอน” ฮีชอลเดินมาเกาะแขนคนรักพลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม หากแต่คยูฮยอนกลับรู้สึกว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่กำลังเย้ยหยันเขาเหลือเกิน

     

                “ผมขับรถเองได้”

     

                “แต่พี่ไม่อยากให้นายเหนื่อย” ฮีชอลช้อนตาบอกคนรัก คยูฮยอนได้แต่มองทั้งสองคนสลับกันไปมา ซีวอนเอื้อมมือหนาไปกุมมือของคนรักเบาๆ ก่อนจะหันมาบอกคนรับใช้

     

                “ฉันจะไปกินข้าวกับฮีชอล ไปดูหนังแล้วก็ไปเที่ยวต่อ นายมายังไงก็กลับอย่างนั้นแล้วกัน”

     

                พูดจบก็เดินไปเก็บกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาวางไว้บนบ่าทันที ซีวอนเดินจากไปพร้อมกับฮีชอลเหลือเพียงแผ่นหลังกว้างให้คยูฮยอนได้มองเห็นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เอ่อคลออยู่เต็มเปี่ยม

     

                อีกแล้วที่คยูฮยอนต้องร้องไห้

     

                เป็นอีกครั้งแล้ว...แต่ทำไมโจ คยูฮยอนถึงเลิกรักชเว ซีวอนไม่ได้เลย

     

     

     

                ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่เพื่อปรับแสงให้เป็นปกติ ก่อนจะชันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการปวดหนึบที่ศีรษะ แผ่นเจลลดไข้ไหลตกลงมาบนตัก และเมื่อมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องพยาบาล

     

                “อือ...” เสียงครางในลำคอดังขึ้นทำให้คนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงสะดุ้งตื่นขึ้นมา ทงเฮขมวดคิ้วสงสัย คิบอมนั่งเฝ้าเขาตลอดเวลาเลยงั้นเหรอ

     

                “ตื่นแล้วเหรอ?”

     

                “นาย...” ทงเฮเลิกคิ้วสูงเมื่อคนที่เงยหน้าขึ้นมาคือฮยอกแจ

     

                “ปวดหัวอยู่ไหม?” เสียงนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับมือหนาที่ทาบลงบนหน้าผากมน ทว่าทงเฮกลับเบี่ยงตัวหนี

     

                “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่”

     

                “ฉันปวดหัว แต่ไม่มีเตียงว่างเลย เพราะนายนั่นแหละ” ฮยอกแจโบ้ยความผิดให้คนตัวเล็ก ทงเฮสะบัดหน้าหนี ก่อนจะแอบอมยิ้มกับอาการปากแข็งของคนข้างกายที่อุตส่าห์เสียเวลามาเฝ้าไข้เขา

     

                “ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว นายนอนสิ” บอกกับอีกฝ่ายแล้วลุกจากเตียงทันที

     

                “ฉันก็รู้สึกดีขึ้นแล้วเหมือนกัน งั้นฉันกลับล่ะ” ฮยอกแจรีบเดินหนีออกมาก่อนที่ทงเฮจะเห็นสายตาห่วงใยจากเขา ทว่าเสียงของทงเฮกลับดังไล่หลังขึ้น

     

                “ช่วยฉันทำไม” ทงเฮถามเสียงเรียบ ทำเอาใบหน้าคมหันกลับไปมองหน้าเหวอ

     

                “พูดอะไรของนาย”

     

                “นายช่วยฉันทำไม ตอนที่ฉันเป็นลมนายอุ้มฉันมานี่ทำไม เป็นห่วงเหรอ”

     

                “คิบอมต่างหากที่อุ้มนายมา”

     

                “แต่คิบอม...”

     

                “อย่าสำคัญตัวเองนักสิทงเฮ ฉันไม่ชอบลูกชายของทูตหรอกนะ คนพวกนั้นชอบยัดเงินให้รัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น”

     

                ทงเฮกัดฟันกรอดที่ฮยอกแจล้อเลียนคำพูดของเขาจากวันเปิดเทอมวันแรก แม้ว่าทงเฮจะไม่รู้แน่ชัดว่าใครเป็นคนอุ้มเขามาที่นี่กันแน่ แต่อย่างน้อยทงเฮก็เห็นมือของคิบอมกำลังกำข้อมือซองมินไว้ตรงหน้าเขาเอง

     

                ไม่มีทางที่คิบอมจะรับร่างของเขาได้รวดเร็วขนาดนั้น

     

                “ถ้านายไม่ชอบก็อย่ามายุ่งกับฉันอีก” พูดจบก็เดินหนีออกไปทันที ฮยอกแจยืนนิ่งอึ้ง เขามีเวลาตัดสินใจเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

     

     

     

                คยูฮยอนเดินคอตกลงมาจากตึกเรียน ร่างกายเขาไม่ได้เหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด หากแต่ท่าทางเช่นนี้ก็เพื่อปกปิดน้ำตาที่อ่อนแอของตัวเองเท่านั้น

     

                ซีวอนคงออกไปจากมหาวิทยาลัยตั้งนานแล้วสินะ

     

                “กวางน้อย” เสียงทุ้มดังขึ้นมาจากด้านหลัง มันก็แค่เสียงที่กระทบโสตประสาทของคยูฮยอนเท่านั้น ร่างโปร่งไม่ได้สนใจแต่อย่างใด จนกระทั่งมือหนาสัมผัสที่ไหล่ของตัวเอง “กวางน้อย...”

     

                “คุณเรียกผมเหรอครับ?” ตาหวานเบิกกว้างพร้อมทั้งชี้นิ้วเข้าหาตัว

     

                “ก็นายน่ะสิ น่ารักเหมือนกวางตัวน้อยๆ เลย” คนตรงข้ามเอ่ยบอก ก่อนจะวิสาสะหยิกแก้มของเขาจนคยูฮยอนช้อนตามองด้วยความงุนงง

     

                “ขอบคุณที่ชมผมนะครับ”

     

                “ทำตัวสุภาพแบบนี้ น่ารักจังนะ” คยูฮยอนเบิกตาอีกครั้ง ผู้ชายคนนี้ชมเขาเป็นครั้งที่สองแล้วตั้งแต่พบหน้ากัน ร่างโปร่งได้แต่กระพริบตาปริบๆ ส่งกลับไปอย่างงุนงง

     

                “เอ่อ...”

     

                “ร้องไห้ขี้แงเป็นเด็กเลย หาทางกลับบ้านไม่เจอเหรอ ให้ฉันไปส่งไหม” มือหนาเอื้อมมาเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าน่ารัก ก่อนจะเลื่อนลงไปจับข้อมือบางเอาไว้แน่นหนาจนคยูฮยอนยืนตัวเกร็ง

     

                “คือว่า...”

     

                “ไม่ต้องกลัวหรอกน่า หน้าตาฉันดูเป็นคนเลวขนาดนั้นเลยหรือไง” คนแปลกหน้าพยายามจะฉุดข้อมือของคยูฮยอนออกไปยังที่จอดรถ ร่างโปร่งอยากจะขัดขืนเหลือเกิน ทว่าเขากลับสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ จนกระทั่งสายตาเหลือบไปเห็นซีวอนที่กำลังยืนหันหลังโบกมือลากับฮีชอลพอดี ขาเรียวจึงหยุดกึกอย่างแปลกใจ

     

                ไหนว่าจะไปด้วยกัน?

     

                “นายอยากให้ฉันพาไปส่งที่บ้านหรือว่าเราควรจะไปทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อนดีล่ะ หืม?”

     

                “ปล่อยแถอะครับ” คยูฮยอนแกะมือแกร่งออกจากข้อมือของตัวเอง เสียงหวานที่ปฏิเสธออกไปทำให้ซีวอนที่ยืนอยู่หันขวับมามองด้วยแววตาลุกเป็นไฟ ขายาวย่างสามขุมเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระชากแขนเรียวของคนรับใช้เข้าหาตัว

     

                “ชิม ชางมิน” ซีวอนกดเสียงต่ำเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

     

                “หืม?” ทว่าคนตรงข้ามกลับเลิกคิ้วถามอย่างยั่วโมโหเท่านั้น

     

                “อย่ามายุ่งกับคนของฉัน”

     

                “นี่คนของนายเหรอ? ถ้าฉันจำไม่ผิด...นายกำลังคบกับพี่ฮีชอลนี่”

     

                “คยูฮยอนเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้านของฉัน ฉันแค่เตือนนายไว้เผื่อนายไม่รู้”

     

                ร่างสูงรั้งเอวบางของเด็กรับใช้ที่ว่าเข้าหาตัวเองอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ชางมินกระตุกยิ้มเบาๆ อย่างไม่เชื่อ เขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าสายตาที่ซีวอนมีให้คนรับใช้มันมีความหมายมากแค่ไหนกัน

     

                “ฉันไม่เกี่ยงหรอก ขอแค่น่ารักเป็นพอ” มือหนาเอื้อมมาหยิกแก้มคยูฮยอนจนใบหน้าหวานก้มงุดอย่างเขินอาย ทว่าซีวอนกลับปัดมือของชางมินออกอย่างรังเกียจ

     

                “ขึ้นรถสิ มัวยืนอ่อยผู้ชายอยู่ทำไม” เสียงทุ้มหันไปออกคำสั่งกับคนข้างๆ

     

                “ครับ?” คยูฮยอนเลิกคิ้วถาม

     

                “ฉันบอกให้ขึ้นรถ!

     

                “แต่คุณซีวอนไม่ชอบให้...”

     

                “กล้าขัดคำสั่งฉัน?” ไม่เพียงแค่เอ่ยถามเท่านั้น ใบหน้าหล่อเหลายังโน้มเข้าไปใกล้จนคยูฮยอนหน้าขึ้นสีเรื่อด้วยความอาย นิ้วเรียวแกะมือของเจ้านายออกจากเอวบางของตนเอง ก่อนจะวิ่งขึ้นรถไปด้วยความรวดเร็ว

     

                “ดูนายจะหวงคนรับใช้มากเลยนะ ฉันก็แค่อยากเล่นสนุกๆ นายจะหวงอะไรนักหนา”

     

                คำพูดของชางมินทำให้ซีวอนที่กำลังจะเดินตามไปขึ้นรถกำหมัดแน่น ร่างสูงหันกลับมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายช้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

                “ของของฉันไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้หรืออะไรก็ตาม ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่ง จำเอาไว้!

     

     

     

                ฮยอกแจดึงข้อมือบางกลับเข้ามาด้านในห้องพยาบาลอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ทงเฮเผื่อใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฮยอกแจจะต้องทำเช่นนี้ ทว่าเมื่อใบหน้าอยู่ใกล้กันไม่ถึงคืบ เขากลับทำอะไรไม่ถูกเลยสักนิด

     

                แม้แต่กลืนน้ำลายลงคอยังยาก

     

                “นายป่วยอยู่”

     

                “แล้ว?” ทงเฮช้อนตาขึ้นถาม ก่อนจะเสมองออกไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่จ้องเขาราวกับจะแผดเผาให้มอดไหม้ไปทั้งตัว

     

                “ฉันจะไปส่งนายที่บ้าน”

     

                “นายก็ป่วยไม่ใช่เหรอ เอาเวลาไปดูแลตัวเองเถอะ” คนตัวเล็กพูดประชดประชัน ก่อนจะก้าวถอยหลังไปเพื่อเว้นระยะห่างเอาไว้

     

                “ฉันหายแล้ว” ฮยอกแจตอบ

     

                “ฉันก็หายแล้วเหมือนกัน”

               

                “จะหายได้ยังไง ตัวยังร้อนอยู่เลย” ฮยอกแจเผลอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ทงเฮจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉยทั้งที่ในใจก็แอบปลื้มอยู่ไม่น้อย

     

                หากแต่ท่าทางนั่นยังทำให้ทงเฮสงสัย...

     

                ทำไมฮยอกแจถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงกอดเขาไว้แน่นแล้วบอกกับเขาว่าเป็นห่วงมากแค่ไหน บอกเขาว่ากังวลมากแค่ไหนที่เขาป่วยจนเป็นลมไปแบบนี้

     

                “นายเป็นห่วงฉันเหรอ?” คนตัวเล็กเชิดหน้าถาม หวังจะได้ยินคำตอบดีๆ จากฮยอกแจบ้าง

     

                “คือฉัน...”

     

                ครืด...

     

                เสียงโทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงขายาวของฮยอกแจทำให้ใบหน้าคมถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะกดรับแล้วกระชากน้ำเสียงใส่

     

                “ทำไม?”

     

                [ฮยอกแจ ทงเฮเป็นยังไงบ้าง] คิบอมส่งเสียงร้อนรนถามเข้ามา ทำให้ฮยอกแจยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าร่างบาง ทงเฮเลิกคิ้วถาม ก่อนจะรับโทรศัพท์ไปถือด้วยความงุนงง

     

                “ยอโบเซโย”

     

                [ทงเฮ นายยังเจ็บตรงไหนอีกไหม รู้สึกดีขึ้นหรือยัง ฉันถูกพ่อเรียกตัวมาช่วยงานที่บริษัทเลยอยู่เฝ้านายไม่ได้ ขอโทษนะทงเฮ ขอโทษที่ปล่อยให้นายโดนทำร้ายแบบนี้]

     

                คำพูดที่จริงใจของคิบอมทำให้ทงเฮปล่อยน้ำตาไหลรินออกมาเป็นทาง ฮยอกแจยืนมองด้วยความโมโห เขาไม่ชอบให้คนอื่นทำให้ทงเฮร้องไห้ ฮยอกแจไม่ชอบเห็นน้ำตาของทงเฮ

     

                ครั้งสุดท้ายที่ต้องจากกัน ฮยอกแจก็จากทงเฮด้วยน้ำตา พอเจอกันอีกครั้ง เขาก็ต้องมาเจอน้ำตาของทงเฮอีก ใบหน้าคมเบนหนีไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของทงเฮดังขึ้น

     

                “ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย ขอบคุณมากๆ นะคิบอม”

     

                ทงเฮเอาแต่บอกคำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างเล็กคุยกับคิบอมสักพักใหญ่ ก่อนจะวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้กับฮยอกแจ ร่างสูงเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะจ้องหน้าคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง

     

                “ทีกับคนอื่นพูดขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ทีกับฉันล่ะไม่มีซักคำ”

     

                “คิบอมไม่ใช่คนอื่น เขาเป็นเพื่อนของฉัน” ทงเฮเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ หลังมือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะหันหน้าหนี

     

                “ฉันเป็นคนอื่นสำหรับนายงั้นสิ” ฮยอกแจถามเสียงสูง

     

                “แล้วไม่ใช่หรือไง”

               

                “อย่ามาพูดกับฉันแบบนี้นะทงเฮ นายเป็นอะไรทำไมถึงทำเฉยชาใส่ฉัน ฉันทำอะไรผิดก็บอกมาสิ” ฮยอกแจดึงข้อมือบางเข้าหาตัวเอง เขาถามทงเฮด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ จนทงเฮรู้สึกอาย ทงเฮจ้องมองคนตรงข้ามอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะบิดข้อมือของตัวเองออก แล้วเอ่ยขึ้นอย่างน้อยใจ

     

                “นายจำไม่ได้เหรอว่าวันที่เปิดเรียนวันแรก นายเมินใส่ฉันก่อน”

     

                “แล้วนาย...” ฮยอกแจกัดฟันกรอด “นายโกหกทุกคนทำไม เสแสร้งทำไมว่าตัวเองเป็นคนรวยเหมือนคนอื่น นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันเกลียดคนแบบนี้ แต่นายก็ยังทำมัน”

     

                ฮยอกแจระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาจนหมด เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เข้าใจทงเฮมากที่สุด เป็นคนที่สนิทกับทงเฮมากที่สุดและรู้จักทงเฮมากที่สุด

               

                แต่สุดท้ายแล้วฮยอกแจก็ได้รู้ว่า...เขาเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลย

     

                “คงลืมไปสินะว่าแม่เลี้ยงของนายสอนฉันมายังไง คนที่จะอยู่รอด...”

     

                “...”

     

                “...คือคนที่ต้องโกหกเท่านั้น!” ทงเฮพูกจบก็เดินหนีออกไปทันที ทิ้งให้ฮยอกแจยืนก้มหน้ากับความผิดของตัวเองเท่านั้น เขาผิดเองที่วันนั้นไม่สามารถช่วยอะไรทงเฮได้

                คนที่ทำให้ทงเฮเป็นแบบนี้ไม่ใช่แม่เลี้ยงหรอก

                แต่เป็นฮยอกแจเองที่ไม่กล้าหาญพอที่จะปกป้องคนที่เขารักมากที่สุด

     

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                เจอกันอีกครั้งวันที่ 14 เมษายนนะคะ

    ตอนหน้าพบกับทุกคู่ค่ะ

    ทั้งทึกฮี วอนคยู และอึนเฮ

    ช่วยรอด้วยนะค้า...

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×