คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter:8th Debt
Chapter:8th Debt
ในที่สุดผมก็รอดพ้นจากเชือกไนลอนของไอ้อัคมาอย่างหวุดหวิดด้วยความอนุเคราะห์ของพี่พาสที่ขึ้นมาเรียกผมลงไปทานข้าวข้างล่างหลังจากที่ไอ้อัครเดชถูกเรียกตัวไปทำหน้าที่ประธานนักเรียนของมัน!!! ผมรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่มันโดนจิกหัวใช้เยี่ยงทาส ทั้งๆที่วันนี้ราชการประกาศให้หยุดเรียนเนื่องจากเป็นวันสำคัญทางศาสนาหนึ่งในสามวันสำคัญที่ผมแยกแยะไม่ค่อยออกเท่าไหร่ทั้งที่เรียนมาทุกปีตั้งแต่ประถม!! รู้ครับว่าโง่ ไม่ต้องตอกย้ำ!!
แต่เรื่องก็ไม่ได้เป็นไปตามคาดเพราะทันทีที่ผมก้าวเท้าลงจากบันไดขั้นสุดท้ายผมก็โดนฉุดกระชากให้เปลี่ยนทิศทางจากห้องอาหารไปเป็นประตูหน้าบ้านแทน ผมพยายามขัดขืนเจ้าของมือที่กำลังลากผมออกไปทางโรงรถหน้าบ้านแต่ก็ไม่สำเร็จ!!
‘มึงไปกะกูเลยไอ้คุณ’ นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนโดนฉุดขึ้นรถมินิคูเปอร์สีน้ำเงินในโรงรถก่อนออกมาข้างนอก!!
‘มึงจะพากูไปไหน?’ผมถามมันหน้าเหลอหลาหลังจากถูกยัดลงมาที่นั่งข้างคนขับ
‘กูจะไปเอาวารสารโรงเรียนที่สำนักพิมพ์ เมื่อกี้โอปอโทรมาบอกว่าให้ไปรับมาให้หน่อย เพราะไม่มีใครว่างไปเอา และเหลือกูคนเดียวที่ว่าง’อัคพูดนิ่งๆเหมือนบอกเล่าเรื่องดินฟ้าอากาศ
‘แล้วทำไมมึงต้องลากกูมาด้วย?’
‘เพราะกูไม่อยากให้ใครเห็นสภาพมึงตอนนี้อ่ะดิ!!’
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ผมต้องมานั่งติดแหงกในรถกับไอ้คุณอัค ณ ตอนนี้ บนถนนที่มีรถติดที่สุดในประเทศไทย!! ซึ่งทำเอาผมอยากกระโดดขยุ่มคอไอ้คนขับที่บังอาจพาผมมาลำบากตากตรำ นั่งหงุดหงิดกับการจราจรของประเทศไทยทั้งที่ผมควรจะได้นั้งกินข้าวเช้าอย่างสบายใจและกลับบ้านกับเฮียผมในตอนสาย(ได้ข่าวว่าก่อนแกออกมามันอีก20นาทีเที่ยง:โทรเลขด่วน)
ผมมองออกไปด้านนอกกระจก เห็นสัญญาณไฟแดงแปร๊ดข้างหน้า พร้อมรถที่ติดแหงกเป็นเพื่อนกันยาวเหยียดแล้วถอนหายใจ ‘เมื่อไหร่กูจะได้ไปไม่ทราบ’!!!!!!!!!!!
ผมหันไปมองคนขับที่ตอนนี้มันกำลังทำท่า ‘สบายใจ’ นั่งฟังเพลงจากเครื่องเสียงภายในรถ ปากก็ฮัมเพลงไปด้วย ดูมันไม่หงุดหงิดกับสภาพรถที่กำลัง ‘ติดแบบสุดซึ้ง’ ข้างนอกเลย!!!!
‘จ๊อก!!’เสียงท้องของผมร้องเตือนเบาๆ บอกว่าถึงเวลาที่ผมต้องส่งอาหารไปให้มันย่อย ก่อนที่ผนังกระเพาะผมจะทะลุเป็นรูซะก่อน-_-;;
“กูหิว” ไอ้อัค ชะงักกับคำพูดของผม พร้อมหันมามองหน้าผม เหมือนมันเพิ่งนึกอะไรออกสักอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากยิ่งกว่า นาซ่าปล่อยยานอวกาศไปโคจรรอบโลก ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยมาตั้งแต่เช้า!!!
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยได้อัค มึงลากกูออกมาทั้งที่กูยังไม่ได้แดกอะไรเลยตั้งแต่เช้า กูหิวจนท้องกูร้องหลายรอบแล้วเนี่ยมึง!!” ผมเอามือลูบหน้าท้องอันแบบราบของตัวเอง ที่ประท้วงออกมาเพราะเลยเวลาที่ต้องหาอะไรมาย่อยแทนผนังกระเพาะตั้งนานแล้ว
“โทษทีวะ! กูลืมไปว่ามึงยังไม่ได้กินข้าว แล้วมึงอยากกินไรอ่ะกูจะได้ไปถูก” ผมมองหน้าไอ้อัค คิดเรื่องอาหารที่อยากกินตอนนี้ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า ‘กูคิดไม่ออกวุ้ย!!’
“ก็ไม่รู้ว่ะ!! มึงพาไปแล้วกัน ร้านแถวนี้กูไม่ชำนาญ”ผมว่า มองออกไปข้างทาง มีร้านอาหารเต็มไปหมด เลือกไม่ถูกเพราะไม่ค่อยมากินแถวนี้! วันๆนอกจากสยามแล้วผมไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไหร่นัก มีนัดเพื่อนไป ‘สังสรรค์’ บ้างแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น
“งั้นก็กินที่โรงแรมข้างหน้าก็แล้วกัน ถัดไปอีกไม่กี่ตึก มึงทนไหวเปล่าวะ?”มันเคาะพวงมาลัยเหมือนเร่งให้ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเร็วๆ
“ไหว!! แต่เร็วๆหน่อยก็ดี”ไอ้อัคพยักหน้าเข้าใจ มันจัดการเปลี่ยนเกียร์เมื่อไฟจราจรเปลี่ยนจากแดง ไปเป็นเขียว มันหักพวกมาลัยเบนรถเข้าด้านซ้าย รถเคลื่อนผ่านมาได้2ตึกมันก็เลี้ยวเข้าทางเข้าอาคารจอดรถของโรงแรม ขนาดของโรงแรมทำผมต้องคิดถึงเงินในกระเป๋าตังค์ทันที ด้วยตังค์ที่มีอยู่ในกระเป๋าผมตอนนี้มีอยู่ไม่ถึงพัน แต่ไอ้อัคดันพาเข้าร้านอาหารในโรงแรมหรู ‘กูได้อยู่เป็นเด็กล้างจานเจ็ดวันเจ็ดคืนแน่ๆ’!!
ผมได้แต่นั่งนิ่งอยู่ในรถจนมันจอดสนิทอยู่ชั้นใต้ดินของตึก ไอ้อัดปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกแล้วเปิดประตูออกไปนอกรถ ผมจัดการทำตามแล้วลงจากรถ สำรวจดูตัวเองเล็กน้อยแล้วก็พบว่า ผมแต่งตัวโคตรอุบาตเลย กางเกงสีเทาขาสั้น กับเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ทำเอาผมต้องพับแขนเสื้อขึ้นเพราะมันยาวเกินไป ส่วนรองเท้าก็เป็นรองเท้านักเรียนที่สวมมาเมื่อวานโดยปราศจากถุงเท้าและที่สำคัญคือเหยียบส้นอีกต่างหาก สิ่งที่ดูดีที่สุดบนตัวผมคงจะเป็นนาฬิกาเลือนสีดำสนิท ที่น้าสาวผมซื้อมาให้จากสวิสแลนด์ ที่ข้อมือผมเท่านั้นแหละครับ!!
“จะกินไรอ่ะ อาหารญี่ปุ่นป่ะ?”ไอ้อัคหันมาถามผม ผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับ เนื่องจากไม่รู้ว่ามีอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากอาหารญี่ปุ่นที่มันว่าหรือเปล่า? ไอ้จะถามก็กระไรอยู่ เลยตามเลยแล้วกัน!!
ผมเดินตามไอ้อัคที่ดูจะคุ้นเคยกับสถานที่เป็นอย่างดี ผมมองมันที่เดินนำหน้าเหมือนมันเป็นคุณชายส่วนตัวผมที่เดินตามมันต้อยๆเป็นคนรับใช้ของมัน!!! แล้วไอ้การแต่งตัวที่ต่างกันราวหน้ามือกับหลังเท้านี่มันก็เหมือนเป็นเครื่องยืนยันสถานะของเราสองคนได้เป็นอย่างดี ไอ้อัคเป็นหนุ่มเมโทรเต็มขั้นครับ มันแต่งตัวเนียบมาก ก็ไม่ถึงขนาดใส่สูทผูกไทด์ แต่ก็ไม่ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาหรอกครับ!!
ไอ้อัคมันใส่เสื้อเชิตสีดำกับกางเกงยีนส์ขาเดฟกัดสีจนซีด พร้อมร้องเท้ายี่ห้อดังที่คู่ละ5-6พันสีดำอีกคู่ ถึงจะไม่ได้หรูหราอะไรแต่ผมก็พอจะรู้ว่าเฉพาะเสื้อผ้าและร้องเท้าที่มันใส่อยู่ก็คงเกินหลักพันไปมากโข เพราะขนานเสื้อเชิ้ตที่มันให้ผมยืมใส่ยังราคาเป็นพันแถมกางเกงอีก อย่างที่ผมบอกแหละครับ แมร่งมันคุณชาย!!
***
“มองหาไรอ่ะคุณ?”เสียงไอ้อัคดังขึ้นหลังจากที่เราออกจากลิฟต์มาแล้ว ผมที่กำลังชะเง้อคอมองไปรอบๆต้องกลับมาสนใจเจ้าของเสียง
“หาตู้ATM กูมีตังค์ติดตัวอยู่ไม่ถึงพัน แต่มึงเสือกพากูเข้าร้านหรู กูเลยต้องหาทุนทรัพย์เตรียมไว้ก่อน กูขี้เกียจล้างจาน!!”
“555+ มึงมากับกู กูไม่ทิ้งให้มึงล้างจานหรอกน่าคุณ!! เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเองก็ได้ คิดมากว่ะ”ไม่พูดเปล่า เสือกเอามือมาผลักหัวกูอีก!! ไอ้ห่านี่!! ถ้าไม่เห็นมึงจะเลี้ยง กูไม่มีวันปล่อยมึงไว้แน่!!
“จะมองหน้าผมจนอิ่มเลยใช่มั้ยครับเนี่ย?”คำพูดมันเล่นเอาผมทำหน้าบูดยิ่งกว่าเดิม ไอ้อัคหลุดขำออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของผม กูไม่ใช่ตลกคาเฟ่นะมึง!!~ มันเจอหน้าผมที่ไรต้องเป็นขำออกมาทุกที ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะขำอะไรผมนักหนา ทั้งที่ผมไม่ได้หน้าตาเหมือนหม่ำ วงศ์คำเหลาเลยสักนิด!!
“ขำเชี่ยไรอีก!! กูหิวแล้วรีบๆเข้าไปเลยมึง” ผมดันหลังไอ้อัคเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นG ของโรงแรม มีพนักงานต้อนรับอยู่ด้านหน้าสองคนยืนต้อนรับเรา ไอ้อัคชูสองนิ้วเพื่อบอกจำนวนที่นั่งที่ต้องการ พี่สาวพนักงานยิ้มแล้วพาเราไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ที่นั่ง และพี่พนักงานนำเมนูอาหารมาให้ ผมเปิดดู พลิกไปพลิกมาหลายรอบอย่างช่างใจ!! หน้าตาอาหารในเมนูน่าทานทั้งนั้นผมเลือกไม่ถูกครับว่าจะกินอะไรดี มีแต่ไอ้อัคเท่านั้นที่พลิกดูเมนูเพียงสองสามหน้าเท่านั้นก่อนที่จะสั่งอาหารอย่างคล่องปาก!!
“คุณจะเอาอะไรอ่ะ?”เมื่อสั่งจบ มันก็ถามผมทันที ผมมองหน้าอัคสลับกับเมนูอย่างชั่งใจ ’กูจะแดกไรดี?’
“งั้นผมเอาคอร์สอาหารเที่ยงประจำวันนี้แล้วกันครับ แล้วก็เครื่องดื่มเป็นชาอูหลงแล้วกัน”ผมสั่ง ก่อนปิดเมนู พี่สาวพนักงานทวนรายการอาหารยาวเหยียดแล้วเดินจากไป ผมมองออกไปนอกกระจกใส เห็นรถที่เคลื่อนตัวอย่างติดขัดด้านนอก กว่าผมจะทานอาหารมื้อนี้เสร็จไม่รู้สภาพการจราจรตอนนั้นจะเป็นยังไง? ผมภาวนาให้มันโล่งกว่านี้แล้วกันครับ สาธุ!!
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วเราเดินไปร้านพิมพ์ดีมั้ย? กูกว่าไม่มีที่จอดรถหน้าร้านว่ะ” ไอ้อัคทำลายความเงียบ
คำถามมันทำให้ผมคิดเล็กน้อย ความคิดมันก็ดีเหมือนกัน!! แต่ผมก็ชั่งใจเล็กน้อย ผมไม่ทราบจำนวนเล่มของวารสารโรงเรียนอย่างแน่ชัดนัก เห็นว่ามีจำนวนเยอะอยู่เหมือนกัน ได้ยินมาว่าสี่พันกว่าเล่ม?
“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวให้พี่เขาช่วยใส่รถเข็นมาส่งให้ก็ได้ แล้วรถมึงจะขนหมดเหรอวะ? ตั้งสี่พันกว่าไม่ใช่เหรอ?” ผมถามเจ้าของรถ เพราะผมประมาณดูแล้ว รถมินิคูเปอร์คันนั้นไม่น่าใส่วารสารเล่มหน้าสี่พันกว่าเล่มนั่นหมด
“ไม่ถึงสี่พันเล่มหรอกคุณ พวกแตมป์มาเอากลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เอาไปไม่หมด เห็นว่าเหลืออยู่แค่2-3ร้อยเล่มเท่านั้นแหละ”ผมพยักหน้ารับรู้กับข้อมูลที่มันบอก ก่อนที่การสนทนาของเราจะหยุดลงหลังจากที่จานอาหารทยอยมาเสริฟบนโต๊ะ
‘ผมขออนุญาตทานก่อนแล้วกันนะครับ หิวจนแสบกระเพราะแล้วล่ะครับ!!!”
กว่าที่ผมกับไอ้อัคจะจัดการอาหารบนโต๊ะเสร็จก็กินเวลาไปเกือบสามชั่วโมง ไอ้อัคจัดการเรียกพนักงานเพื่อมาเช็คบิลล์ที่โต๊ะ สักพักพี่พนักงานก็เดินมาพร้อมสลิปเงินที่ยาวไม่ใช่เล่น ผมจัดการหยิบเคดิตการ์ดในกระเป๋าตังค์เพื่อจ่ายเป็นค่าอาหารมื้อนี้ แต่ก็ต้องค้างเพราะไอ้อัคจัดการส่งการ์ดสีเงินให้พี่พนักงาน ก่อนที่เธอจะเดินหายไปอีกครั้ง!!
“สัด!! มึงตัดหน้ากูจ่ายตังค์เหรอวะ?”ผมจ้องหน้าไอ้อัค ที่ตอนนี้ปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ผม เห็นหน้ามันตอนนี้แล้วผมอยากชกมันสักหมัดจริงๆ!!
“ก็บอกแล้วไงว่ากูจะเลี้ยง! คุณเสือกควักการ์ดออกมาทำไมล่ะครับ”มันพูด หน้าตาไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด
“กูไม่อยากติดหนี้มึงเยอะไปกว่านี้ เดี๋ยวกูไปกดเงินสดให้!”ผมที่เลื่อนเก้าอี้แล้วลุกขึ้นยืน แต่ก็มีมือมาฉุดแขนผมเอาไว้ ผมหันไปมองคนที่นั่งตรงข้ามผม หน้ามันไม่ยิ้มเหมือนเดิมอีกแล้ว มันขมวดคิ้วมองหน้าผมอย่างดุๆ
“ไม่ต้องมามองหน้ากูแบบนั้นเลยไอ้อัค!! แล้วก็ปล่อยแขนกู กูจะไปกดตังค์เอามาคืนมึง” แต่เหมือนคำสั่งของผมจะไม่ได้ผลเท่าที่ควรนัก เพราะนอกจากเจ้าของมือจะไม่ปล่อยแล้ว มันยังออกแรงฉุดให้ผมนั่งลงอีกด้วย!!
“กูบอกแล้วว่ากูจะเลี้ยงก็คือกูจะเลี้ยง มึงนั่งลงแล้วอยู่เฉยๆเลย” น้ำเสียงมันดูจริงจังจนผมต้องนั่งลงตามที่มันบอก ผมมองหน้ามัน สีหน้าของผมแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ไอ้อัคที่เห็นผมทำตามที่มันบอกทำสีหน้าพอใจเล็กน้อย
“กูบอกว่ากูไม่อยากเป็นหนี้มึงเยอะไปกว่านี้”ผมบอกอีกครั้ง ไอ้อัคทำท่าไม่สนใจคำพูดของผม มันจ้องหน้าผม พ้นลมหายใจออกมาทางจมูก ส่ายหน้าอ่อนใจกับความดื้อดึงของผม
“ไว้คราวหน้ามึงเลี้ยงกูคืนแล้วกัน!! แต่ครั้งนี้กูขอเลี้ยงมึงก่อน” ผมกำลังจะแย้งมัน แต่พี่พนักงานนำบัตรเคดิตและสลิปมาคืน ไอ้อัคเซ็นชื่อลงในใบเสร็จก่อนยื่นปากกาคืนพี่พนักงานไป เมื่อเห็นพนักงานเดินไปแล้ว อัคลุกจากเก้าอี้ ผมก็ลุกตามมันออกมา
“ยังไงกูก็จะคืนมึง!! กูบอกแล้วว่ากูไม่อยากเป็น หนี้!!” ผมเดินชนหลังอัค ที่อยู่ๆมันก็หยุดเดินซะเฉยๆ ทำเอาผมเบรคไม่ทัน เดินชนมันอย่างจัง ‘ไอ้นี่หยุดโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า!!’
ผมลูบจมูกตัวเองป่อยๆ เจ้าของแผ่นหลังหันกลับมาด้านหลังยืนมองหน้าผมนิ่ง ‘ถ้าดั้งกูยุบแล้วจะทำไง!!’ ผมสงสายตาอาฆาตไปให้มัน แต่ไอ้อัคไม่มีท่าทีสนใจความหมายของมันเลย มันจ้องหน้าผมนิ่ง จนผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆพิกล
“มึงฟังกูนะคุณ!! มื้อนี้กูเป็นคนจ่ายเอง มึงไม่ต้องเอาเงินมาใช้กู” อัคพูดนิ่งๆ ผมมองหน้ามัน ก่อนจะตอบ
“แต่!!”
“ไม่มีแต่!! ถึงมึงจะเอาเงินมาให้กู กูก็ไม่รับ” อัคพูดขัดขึ้นมา
“แต่กูไม่อยากเป็นหนี้!!”ผมพยายามบอกเหตุผล ว่าทำไมผมอยากจะใช้เงินคืนมันนัก ผมไม่อยากเป็นหนี้มันเยอะไปกว่านี้ สิ่งที่มันทำให้ผมมันมากเกินไปด้วยซ้ำถึงจะขึ้นชื่อว่าเพื่อน แต่ยังไงก็ไม่ใช่ ‘เพื่อนสนิท’ !!!
“กูไม่รู้ว่ามึงพูดเรื่องอะไรนะเว้ยคุณ!! แต่กูจะบอกมึงว่ามึงไม่เคยเป็นหนี้กู!! กูเต็มใจที่กูจะทำแบบนี้ และกูก็ไม่ต้องการได้อะไรคืนจากมึง” พูดจบ อัคก็หมุนตัวเดินออกจากร้านไป ผมก็ได้แต่เดินตามมันไปเช่นเคย
ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันคิดอะไรอยู่ แต่การกระทำของมันก็ทำให้ผมรู้ว่า ต่อไปนี้ ผมคงมีเพื่อนสนิท เพิ่มขึ้นมาอีกคน
To Be Continued
Edit 21 March 2011
ความคิดเห็น