ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fic : SJ & TVXQ by Cho-kune

    ลำดับตอนที่ #8 : [KyuxMin] Break up.....Ver.Min

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 52


    Title : [KyuxMin] Break up.....Ver.Min <ความจริง-Annธิติมา>

    Type : Short Fic

    Rate : PG 

    'คยู เราเลิกกันเถอะ'

    '.........'

    'ฉันทนมามากแล้ว ทนกับความเจ้าชู้ของนาย ความไม่เอาใจใส่ ไม่มีสักครั้ง...ที่นายจะมีฉันคนเดียว นายคอยแต่จะมองหาคนอื่นตลอด ถึงแม้ว่ามือนายจะกุมมือฉันอยู่....ก็ตาม ฮึก'

    'ซอง...'

    'พอเถอะ อย่าพูดอะไรเลย........ฉันกับนาย......ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวอีกต่อไป.....ลาก่อนคยู'

    ...............................................................................................



     

      จะมีใครรู้คำตอบ ว่าการลืมใครสักคน

      นั้นต้องทำอย่างไร ต้องใช้เวลาแค่ไหน






    .....สิ่งที่กำลังทำนั้นถูกใช่มั้ย ทำร้ายตัวเองนั้นดีแล้วใช่มั้ย ถึงไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ ก็...รอบๆตัวเขามีแต่คนคอยห้อมล้อมนี่นา.....

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นความฝันที่ตามมาหลอกหลอนผมทุกค่ำคืน....วันที่ผมบอกเลิกโจว คยูฮยอน...นาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงบ่งบอกเป็นเวลาตีห้า ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน 

    ความรักที่ผมไม่กล้าริที่จะลองอีกต่อไป ลองไปแล้วมีแต่ความเจ็บปวดกลับคืนมา.....ถึงรู้อยู่เต็มอกว่าเขาแค่หลอกใช้ก็ยังที่จะดันทุรังทนต่อไปจนหัวใจตัวเองมีแต่แผลเหวอะหวะ...

    ผมสอดหนังสือพิมพ์ไว้หน้าบ้านแต่ละคนและปั่นจักรยานออกไป ไม่ใช่ว่างานที่ผมทำอยู่รายได้มันน้อยจนต้องหางานอื่นทำแต่จริงๆแล้วผมไม่ต้องการทำตัวให้ว่างมีเวลานึกถึงเรื่องนั้นต่างหาก เรื่องที่ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้....





      เนิ่นนานเป็นปีที่เราจาก ต่างคนทำตามหัวใจ

      แล้วทำไมสุดท้าย ยังเสียใจจนวันนี้






    หลังจากส่งหนังสือพิมพ์เสร็จผมกลับมายังร้านเบเกอร์รี่ของตัวเองที่ย้ายมาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณสามปีได้ ผมลงทุนกระจายสาขามาอยู่ที่แห่งนี้เพื่อต้้องการจะหลบหนีใครบางคน ส่วนที่โซลผมปล่อยให้แจจุงเพื่อนที่รู้จักันตั้งแต่สมัยเด็กและเป็นหุ้นส่วนมาดูแลแทน

    ผมเปิดประตูเข้าไปด้านหลังร้าน ผมเจอพวกลูกน้องกำลังง่วนกับการทำงาน ผมถอดเสื้อโค้ทออกและหยิบหมวกกับผ้ากันเปื้อนมาใส่ลงมือช่วยงานทำเค้กและคุ้กกี้....

    ครั้งแรกที่เขามานั่งในร้านช่างดึงดูดสายตาของผมเสียเหลือเกิน ประจวบเหมาะกับร้านยุ่งๆจนผมที่เป็นเจ้าของร้านลงมาช่วยงาน

    'รับอะไรดีครับ'

    'ขอลาเต้ที่หนึ่งครับ'

    'แล้วรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ'

    'ไม่ครับ'

    ผมโปรยยิ้มไปทีนึงก่อนที่จะเดินไปจัดการชงกาแฟสดและนำมาให้ ก่อนที่จะหันไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นๆนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้รู้จักและคบหากัน......ผมต้องการที่จะหนีทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่แดนอาทิตย์อุทัยแต่มันกลับตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา





      บอกตัวเองให้ลืมทุกอย่าง

      แต่ภาพเธอกลับยังฝังใจ






    ......ผมเดินเข้าห้องคยูตามปกติ ก็เขาให้กุญแจห้องให้ผมไว้นี่นา ผมตรงเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้กินเมื่อเขาตื่นขึ้นมา ตอนนี้ผมรู้ตั้งนานแล้วว่าผมไม่ใช่ที่หนึ่งสำหรับเขาแต่อยู่ในลำดับที่เท่ากับคนอื่นๆคือที่สอง ที่สาม ที่สี่...ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ทุกครั้งที่รู้ความจริงข้อนี้ความน้อยใจมันแล่นขึ้นมาจุกอกได้ทุกทีสิน่า

    ทุกครั้งที่ผมรู้ว่าเขาแอบไปมีคนอื่น ทุกครั้งที่ผมโดนดักทำร้าย โดนส่งจดหมายขู่จากบรรดาคนในคลังของเขาผมแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวตลอดเวลา พอได้เห็นหน้าเขากำลังใจที่จะต่อสู้ต่อก็มาอย่างท่วมท้น

    วันนี้ก็อีกเช่นกันผมโดนโทรศัพท์ข่มขู่ให้เลิกคบกับคยูมันเป็นสิ่งที่ผมต้องเจอกับมันทุกวี่ทุกวันจนชาชิน  ผมเดินไปปลุกคนที่นอนหลับปุ๋ยจากการไปเที่ยวตอนกลางคืนให้ลุกขึ้นมากินข้าว

    'คยูตื่นน น น น เลิกจมตัวอยู่กับที่นอนได้แล้ว'

    ผมเขย่าตัวคยูเป็นรอบที่สามจนเริ่มอารมณ์เสียนิดๆ จู่ๆมือของคยูก็ยกขึ้นมากอดผมให้ล้มตัวลงไปนอนกับเขาด้วย

    'เหวอ!!'

    'อรุณสวัสดิ์ครับซองมิน ^^'

    'คยู!! รีบตื่นแล้วไปกินข้าวได้แล้วนะเดี๋ยวมันเย็นชืดไม่อร่อยกันพอดี'

    ผมอดแหวใส่คยูไม่ได้ชอบเล่นอะไรให้ตกใจอยู่เรื่อย

    'ครับๆ งั้นก่อนไป....'

    คยูยื่นหน้ามาหาผม....แน่นอนว่าหมอนี่ต้องขอจูบจากผมแน่นอนไม่ยังงั้นไม่มีทางที่เขาจะลุกออกจากเตียงแน่นอน ผมอดแก้มร้อนๆจากความเขินไม่ได้ก่อนที่จะมอบจุมพิตตามที่คนตรงหน้าต้องการ...

    'อา...อิ่มจัง ฝีมือของซองมินนี่อร่อยที่สุดในโลกเลย'

    ผมสะอึก...ใช่ว่าผมไม่รู้ คำพูดที่เขาใช้ทุกครั้งกับคนที่ทำอาหารให้แม้กับผมก็ตาม คำชมที่ไร้ความหมาย คำชมที่ไม่ออกมาจากใจ แต่ผมก็ยังยินดีที่จะรับเอาไว้ ผมขอหลอกตัวเองว่ายังสำคัญกับเขา ผมขอหลอกตัวเองว่าผมคือที่หนึ่งสำหรับเขา...

    'แน่นอนก็อยากให้คยูอร่อยนี่นา'

    ผมยิ้ม.......ขอแค่คนตรงหน้ายังยอมให้ผมยืนเคียงข้างแค่นั้นก็พอแล้ว.....


      อยากลืม ความจริงที่ใจของฉันยังมีเธอ

      ความจริงที่ใจอยากพบเธอ

      แค่ฝันว่าเจอ ตื่นจากฝันก็มีน้ำตา

      อยากจะลืม ความจริงที่ใจคิดถึงเธอทุกวัน

      ความจริงที่ใจยังทรมาน

      เพราะฉันไม่ลืม ลืมว่าใจมันยังรักเธอ






    "โอนเนอร์ครับ!!"

    "ห่ะ! มีอะไรโช"

    ผมสะดุ้งจากอาการเหม่อลอย

    "ยอดขายของวันนี้ครับ"

    "อืม"

    ผมรับรายงานมาไว้ในมือ ทุกๆวันในร้านของผมจะมีคนเข้ามารับประทานกันเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนหญิงที่มาทั้งเป็นกลุ่มหรือมากับแฟน ถ้าช่วงเช้าๆก็จะเป็นพนักงานบริษัทที่จะเข้ามาเพื่อหากาแฟดื่มก่อนที่จะเข้าบริษัทจะได้มีแรงไปสู้รบกับกองงานที่ต้องทำ 

    อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาผมลงมือปิดร้านและกลับไปยังเพนท์เฮ้าส์ตัวเองก่อนที่จะเปลี่ยนชุดใส่เสื้อสีขาวยืดตัวโคร่งที่คว้านคอเสิ้อเสียลึกและกางเกงเดฟยีนส์สีชมพูสด ไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋าสะพายใบเก่งออกไปท่องเที่ยวยามราตรี....ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคยูเขาถึงชอบออกเที่ยวตอนกลางคืนนักเพราะมันช่วยไล่ความเหงา ความเจ็บปวดออกไป ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม...


    "ไง มาตรงตามเวลาเลยนะซัจจี้"

    "เหรอ??ฉันไม่เคยสังเกตเลยแฮะ จิน"

    ผมนั่งลงตรงด้านหน้าบาร์ทักทายอาคานิชิ จินบาร์เทนเดอร์ประจำผับแห่งนี้และเป็นเพื่อนอีกคนของผม

    "วันนี้นายจะมีหนุ่มมาจีบอีกแหงๆเล่นใส่ซะเซ็กซี่และสะดุดตาแบบนี้ ฉันว่ารายแรกคงเป็นโต๊ะนั้นชัวร์"

    ซองมินมองตามสายตาของจินไปเจอกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาประมาณสามสี่คนมองมาแต่ผมไม่สนใจหันไปคุยกับจินต่อ

    "ฉันว่าคาเมะแฟนนายมากกว่านะ พูดถึงก็มาพอดีเลยแฮะ โอยาสุมินาไซคาเมะ"

    ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางหน้าตาน่ารักสวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวแถมปลดกระดุมด้านบนทิ้งเสียเม็ดสองเม็ดและกางเกงขาสั้นพอๆกับผมเดินเข้ามาทักทาย

    "โอยาซุมินาไซมินมิน พรุ่งนี้นายไม่ต้องส่งหนังสือพิมพ์รึไง"

    "ส่งสิเดี๋ยวเที่ยงคืนค่อยกลับ"

    "หืม?มินมินเป็นซินเดอเรลล่ารึไง"

    "คงงั้น..กลัวราชรถจะกลายเป็นฟักทองไปเสียก่อน"

    ผมเท้าคางคุยกับคาเมะที่หย่อนตัวนั่งลงข้างๆผม

    "ถ้ายังงั้นซัจจี้คงกินราชรถตัวเองลงท้องชัวร์"

    "จิน!!"

    ผมหันไปแหวใส่ ตามด้วยเสียงหัวเราะร่วนของคาเมะทำให้ผมนั่งหน้าบูดกระดกคอกเทลเข้าปาก เมื่อเวลาบอกถึงเที่ยงคืนผมได้เวลากลับไปยังเพนท์เฮ้าส์....ผมอาบน้ำชำระล้างกลิ่นบุหรี่ออกจากตัวสวมชุดนอนก่อนที่จะกินยานอนหลับไปเศษหนึ่งส่วนสี่ของเม็ดหนึ่งเพื่อทำให้ผมหลับสนิทจะได้ไม่ต้องฝันอะไรเพ้อเจ้ออีก......













    ...วันนี้เป็นวันที่ผมหมดความอดทน ทนกับความเจ็บปวด การหักหลังของแฟนตัวเอง ผมเข้ามาเก็บของทุกอย่างที่เคยไว้ในห้องลงในกระเป๋าเดินทางในเวลาที่คยูไม่อยู่ห้อง ผมกลัวว่าถ้าเจอหน้าแล้วผมจะร้องไห้ทำใจไม่ได้ ระหว่างที่ผมกำลังเข็นกระเป๋าออกมากลับเจอคยูที่เข้ามาในห้องพอดี พระเจ้าท่านกำลังเล่นตลกกับผมใช่มั้ย?!

    'ซองมินจะไปไหนเหรอครับ?'

    ผมสบตาคยูผมพูดไม่ออกหลายสิบนาทีก่อนที่จะตัดสินใจพูดคำนั้นออกมา

    'คยู...เราเลิกกันเถอะ'

    คยูยืนนิ่งอึ้งไม่ตอบ เขาคงทำท่าแบบนี้กับทุกคนที่บอกเลิกเลยสินะทำให้ดูเหมือนว่ายังไม่อยากให้จากไป

    '.........'

    'ฉันทนมามากแล้ว ทนกับความเจ้าชู้ของนาย ความไม่เอาใจใส่ ไม่มีสักครั้ง...ที่นายจะมีฉันคนเดียว นายคอยแต่จะมองหาคนอื่นตลอด ถึงแม้ว่ามือนายจะกุมมือฉันอยู่....ก็ตาม ฮึก'

    ผมระบายความในใจพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาผมปาดน้ำตาที่ไหลลงมาตามแก้มทิ้งไป น้ำตาแห่งความเสียใจ แห่งความเจ็บปวด คยูเปล่งเสียงเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

    'ซอง...'

    ผมยังไม่อยากได้ยินเสียงคยูเรียกชื่อหรือพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ไม่ยังงั้นใจผมคงอ่อนยวบแน่นอน

    'พอเถอะ อย่าพูดอะไรเลย........ฉันกับนาย......ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวอีกต่อไป.....ลาก่อนคยู'

    ผมลากกระเป๋าผ่านคยูที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น เขาไม่แม้แต่จะรั้งหรือห้ามแม้แต่น้อย ผมคงสำคัญตัวผิดไปหวังว่าเขาจะมารั้งให้อยู่ต่อ คงหวังมากไปจริงๆ....ผมกลับมาที่ห้องและโทรติดต่อญาติที่อยู่ญี่ปุ่นที่เคยมาขอให้ผมเช่าที่ทำร้านอยู่ที่นั่นเพื่อตอบตกลงเขาไป หลังจากนั้นจึงโทรบอกแจจุงที่อยู่เฝ้าร้านให้ดูแลที่นี่แทนผม 

    ผ่านไปสามสี่วันผมตื่นขึ้นนัยน์ตาแดงบวมช้ำที่ผ่านจากการร้องไห้เหมือนเช่นเคย ผมไปที่ร้านซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่แผ่นดินบ้านเกิด ผมช่วยทุกคนขายของตามปกติ ช่วงเย็นๆมีผู้ชายสี่ห้าคนเดินเข้ามาในร้าน....พวกเพื่อนๆของคยูพวกเขามาทำไมกัน??

    'ซองมิน' 

    'มีอะไร เยซอง'

    'ซองมินช่วยไปดูแลไอ้คยูทีได้มั้ย'

    'ทำไมฉันต้องไปดูแลเขาด้วยล่ะ ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะฮัน'

    ผมพยายามฉีกยิ้มแต่มันคงออกมาดูฝืดเฝื่อนน่าดู

    'มันเอาแต่เที่ยวหนักจน...'

    'ก็เป็นเรื่องปกติของคยูไม่ใช่เหรอ วอน'

    'มันก็ใช่...'

    'งั้นก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ฉันต้องเข้าไปดูแลเค้า บอม เค้ามีคนที่พร้อมที่จะดูแลทั้งนั้นโทรไปเรียกพวกเค้าเถอะ เค้าคงไม่มานั่งปฏิเสธแบบฉันหรอก'

    'ต้องเป็นนายเท่านั้นซองมิน ที่จะ..'

    'ฉันกับเค้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว คังอิน!!'

    ผมพูดเสียงดัง ยังดีที่เป็นเวลาปิดร้านจึงไม่มีลูกค้าอยู่มีแต่พนักงานที่กำลังช่วยกันเก็บร้านเท่านั้น ผมปาดน้ำตาที่ไหลลงมา เพียงแค่ผมได้ยินว่าเขาเที่ยวกลางคืนหนัก แค่นั้นน้ำตามันมาคลอแทบจะร่วงอยู่รอมร่อ ผมยังไม่ลืมเขาใช่มั้ย?? ถ้าผมยังอยู่ที่นี่คงไม่มีทางที่จะลืมได้ใช่มั้ย...

    'ฉันขอตัว'

    ผมหมุนตัวกลับเข้าหลังร้านไม่ฟังเสียงที่เรียกชื่อผม เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นก็จะไม่มีใครที่จะหาผมเจอในโซลอีกแล้ว.....


      เส้นทางที่เรานั้นเดินอยู่ ไม่มีวันจะพบกัน

      และทั้งเธอแหละฉัน เราเลือกให้เป็นแบบนี้

      แต่ใจทำไมไม่เป็นสุข กับความเป็นจริงเสียที

      ไม่มีเธอวันนี้ ชีวิตดูหมดความหมาย 





    ....ทำไมขนาดหลับผมต้องฝันถึงด้วย......ฝันที่มีแต่เรื่องเลวร้าย ฝันที่ทำให้ผมต้องเสียน้ำตาทุกครั้งที่นึกถึง ทำไมผมยังต้องคิดถึง ทำไมถึงลืมมันไปไม่ได้....





      บอกใจให้ลืมแล้วทุกทุกอย่าง

      แต่ฉันไม่อาจทำได้เหมือนใจ





    ผมสะดุ้งตื่นน้ำตาไหลรินจากดวงตา ทุกครั้งที่ผมฝันมักจะมีน้ำตาไหลออกมาด้วยเสมอทั้งๆที่มันผ่านมาตั้งสองปีแล้วทำไมผมถึงยังไม่ลืมมันไปอีก ผมลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเริ่มตารางในชีวิตประจำวันต่อ 


      อยากลืม ความจริงที่ใจของฉันยังมีเธอ

      ความจริงที่ใจอยากพบเธอ

      แค่ฝันว่าเจอ ตื่นจากฝันก็มีน้ำตา

      อยากจะลืม ความจริงที่ใจคิดถึงเธอทุกวัน

      ความจริงที่ใจยังทรมาน

      เพราะฉันไม่ลืม ลืมว่าใจมันยังรักเธอ





    วันนี้ที่ร้านยังคงมีลูกค้าตามปกติ ผมนั่งเหม่อมองไปด้านนอกเมื่อลูกค้าในร้านซาลงบรรยกาศที่กำลังจะย่างเข้าฤดูหนาวช่างดูน่าหดหู่และเงียบเหงาเหลือเกินสำหรับผม ผมหยิบถาดเพื่อจะไปเก็บถ้วยกาแฟที่โต๊ะด้านชานระเบียงร้าน

    "โอนเนอร์ครับเดี๋ยวผมไปเก็บเอง"

    "ไม่เป็นไรโคคิ เดี๋ยวฉันไปเก็บเอง"

    ผมไม่อยากที่จะนั่งว่างๆเดี๋ยวพาลจะย้อนไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต ผมยกถ้วยกาแฟใส่ถาดปุยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ร่วงลงมาบนหลังมือ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าอธิษฐานกับหิมะแรกจะได้สมปารถนากับสิ่งที่ขอไป ถ้ามันเป็นเรื่องจริงช่วยทำให้คำภาวนาที่อยู่ส่วนลึกในใจเป็นจริงได้มั้ยนะ ผมยกถาดเข้าไปด้านใน

    "หิมะตกแล้วนะครับโอนเนอร์"

    "อืม แล้วโคคิกับจุนโนะเอาร่มหรือเสื้อกันหนาวมาหรือเปล่า"

    ผมถามลูกน้องที่อยู่เฝ้าหน้าร้านกับผม ส่วนที่เหลือเข้าไปช่วยทำเค้กกันหลังร้าน

    "ผมเอาร่มมาครับ ส่วนเจ้าโคคิน่ะไม่เคยสนใจอะไรสักอย่าง"

    จุนโนะแอบเบ้ปากใส่เพื่อนของตน

    "เฮ้ยใครมันจะไปรู้ล่ะว่าหิมะมันจะตกลงมา ฉันไม่ใช่พวกอุตุฯนะเว้ย"

    โคคิหันไปโวยใส่และทั้งสองคนก็เถียงกันจนเป็นเรื่องปกติวิสัย ผมหัวเราะคิกๆก่อนที่จะเข้าไปหลังร้านเพื่อช่วยทำเค้ก......

    .....ผมอยากที่จะยืนหยัดด้วยขาทั้งสองข้างภายในป่าอันมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง อยากพยายามเดินฝ่ามันออกไปด้วยตะเกียงที่มีแสงไฟหริบหรี่ที่อยู่ในมือด้วยตัวคนเดียว แต่จริงๆแล้วผมอยากจะเจอใครบางคนที่เดินอยู่ในทางมืดมิดและจับมือพากันออกไปเพื่อเจอกับแสงสว่าง...


      เพราะ ฉันไม่ลืม ไม่เคยลืมว่ายังรักเธอ.......

     M ag ic 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×