คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [KyuxMin] Break up.....Ver.Min
Title : [KyuxMin] Break up.....Ver.Min <ความจริง-Annธิติมา>
Type : Short Fic
Rate : PG
'คยู เราเลิกกันเถอะ'
'.........'
'ฉันทนมามากแล้ว ทนกับความเจ้าชู้ของนาย ความไม่เอาใจใส่ ไม่มีสักครั้ง...ที่นายจะมีฉันคนเดียว นายคอยแต่จะมองหาคนอื่นตลอด ถึงแม้ว่ามือนายจะกุมมือฉันอยู่....ก็ตาม ฮึก'
'ซอง...'
'พอเถอะ อย่าพูดอะไรเลย........ฉันกับนาย......ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวอีกต่อไป.....ลาก่อนคยู'
...............................................................................................
จะมีใครรู้คำตอบ ว่าการลืมใครสักคน
นั้นต้องทำอย่างไร ต้องใช้เวลาแค่ไหน
.....สิ่งที่กำลังทำนั้นถูกใช่มั้ย ทำร้ายตัวเองนั้นดีแล้วใช่มั้ย ถึงไม่มีเราเขาก็อยู่ได้ ก็...รอบๆตัวเขามีแต่คนคอยห้อมล้อมนี่นา.....
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นความฝันที่ตามมาหลอกหลอนผมทุกค่ำคืน....วันที่ผมบอกเลิกโจว คยูฮยอน...นาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียงบ่งบอกเป็นเวลาตีห้า ผมลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะออกไปส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน
ความรักที่ผมไม่กล้าริที่จะลองอีกต่อไป ลองไปแล้วมีแต่ความเจ็บปวดกลับคืนมา.....ถึงรู้อยู่เต็มอกว่าเขาแค่หลอกใช้ก็ยังที่จะดันทุรังทนต่อไปจนหัวใจตัวเองมีแต่แผลเหวอะหวะ...
ผมสอดหนังสือพิมพ์ไว้หน้าบ้านแต่ละคนและปั่นจักรยานออกไป ไม่ใช่ว่างานที่ผมทำอยู่รายได้มันน้อยจนต้องหางานอื่นทำแต่จริงๆแล้วผมไม่ต้องการทำตัวให้ว่างมีเวลานึกถึงเรื่องนั้นต่างหาก เรื่องที่ทำให้ผมกลายเป็นแบบนี้....
เนิ่นนานเป็นปีที่เราจาก ต่างคนทำตามหัวใจ
แล้วทำไมสุดท้าย ยังเสียใจจนวันนี้
หลังจากส่งหนังสือพิมพ์เสร็จผมกลับมายังร้านเบเกอร์รี่ของตัวเองที่ย้ายมาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณสามปีได้ ผมลงทุนกระจายสาขามาอยู่ที่แห่งนี้เพื่อต้้องการจะหลบหนีใครบางคน ส่วนที่โซลผมปล่อยให้แจจุงเพื่อนที่รู้จักันตั้งแต่สมัยเด็กและเป็นหุ้นส่วนมาดูแลแทน
ผมเปิดประตูเข้าไปด้านหลังร้าน ผมเจอพวกลูกน้องกำลังง่วนกับการทำงาน ผมถอดเสื้อโค้ทออกและหยิบหมวกกับผ้ากันเปื้อนมาใส่ลงมือช่วยงานทำเค้กและคุ้กกี้....
ครั้งแรกที่เขามานั่งในร้านช่างดึงดูดสายตาของผมเสียเหลือเกิน ประจวบเหมาะกับร้านยุ่งๆจนผมที่เป็นเจ้าของร้านลงมาช่วยงาน
'รับอะไรดีครับ'
'ขอลาเต้ที่หนึ่งครับ'
'แล้วรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ'
'ไม่ครับ'
ผมโปรยยิ้มไปทีนึงก่อนที่จะเดินไปจัดการชงกาแฟสดและนำมาให้ ก่อนที่จะหันไปต้อนรับลูกค้าคนอื่นๆนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมได้รู้จักและคบหากัน......ผมต้องการที่จะหนีทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่แดนอาทิตย์อุทัยแต่มันกลับตามมาหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา
บอกตัวเองให้ลืมทุกอย่าง
แต่ภาพเธอกลับยังฝังใจ
......ผมเดินเข้าห้องคยูตามปกติ ก็เขาให้กุญแจห้องให้ผมไว้นี่นา ผมตรงเข้าไปในครัวทำกับข้าวให้กินเมื่อเขาตื่นขึ้นมา ตอนนี้ผมรู้ตั้งนานแล้วว่าผมไม่ใช่ที่หนึ่งสำหรับเขาแต่อยู่ในลำดับที่เท่ากับคนอื่นๆคือที่สอง ที่สาม ที่สี่...ผมใช้หลังมือปาดน้ำตาทิ้ง ทุกครั้งที่รู้ความจริงข้อนี้ความน้อยใจมันแล่นขึ้นมาจุกอกได้ทุกทีสิน่า
ทุกครั้งที่ผมรู้ว่าเขาแอบไปมีคนอื่น ทุกครั้งที่ผมโดนดักทำร้าย โดนส่งจดหมายขู่จากบรรดาคนในคลังของเขาผมแอบไปร้องไห้อยู่คนเดียวตลอดเวลา พอได้เห็นหน้าเขากำลังใจที่จะต่อสู้ต่อก็มาอย่างท่วมท้น
วันนี้ก็อีกเช่นกันผมโดนโทรศัพท์ข่มขู่ให้เลิกคบกับคยูมันเป็นสิ่งที่ผมต้องเจอกับมันทุกวี่ทุกวันจนชาชิน ผมเดินไปปลุกคนที่นอนหลับปุ๋ยจากการไปเที่ยวตอนกลางคืนให้ลุกขึ้นมากินข้าว
'คยูตื่นน น น น เลิกจมตัวอยู่กับที่นอนได้แล้ว'
ผมเขย่าตัวคยูเป็นรอบที่สามจนเริ่มอารมณ์เสียนิดๆ จู่ๆมือของคยูก็ยกขึ้นมากอดผมให้ล้มตัวลงไปนอนกับเขาด้วย
'เหวอ!!'
'อรุณสวัสดิ์ครับซองมิน ^^'
'คยู!! รีบตื่นแล้วไปกินข้าวได้แล้วนะเดี๋ยวมันเย็นชืดไม่อร่อยกันพอดี'
ผมอดแหวใส่คยูไม่ได้ชอบเล่นอะไรให้ตกใจอยู่เรื่อย
'ครับๆ งั้นก่อนไป....'
คยูยื่นหน้ามาหาผม....แน่นอนว่าหมอนี่ต้องขอจูบจากผมแน่นอนไม่ยังงั้นไม่มีทางที่เขาจะลุกออกจากเตียงแน่นอน ผมอดแก้มร้อนๆจากความเขินไม่ได้ก่อนที่จะมอบจุมพิตตามที่คนตรงหน้าต้องการ...
'อา...อิ่มจัง ฝีมือของซองมินนี่อร่อยที่สุดในโลกเลย'
ผมสะอึก...ใช่ว่าผมไม่รู้ คำพูดที่เขาใช้ทุกครั้งกับคนที่ทำอาหารให้แม้กับผมก็ตาม คำชมที่ไร้ความหมาย คำชมที่ไม่ออกมาจากใจ แต่ผมก็ยังยินดีที่จะรับเอาไว้ ผมขอหลอกตัวเองว่ายังสำคัญกับเขา ผมขอหลอกตัวเองว่าผมคือที่หนึ่งสำหรับเขา...
'แน่นอนก็อยากให้คยูอร่อยนี่นา'
ผมยิ้ม.......ขอแค่คนตรงหน้ายังยอมให้ผมยืนเคียงข้างแค่นั้นก็พอแล้ว.....
อยากลืม ความจริงที่ใจของฉันยังมีเธอ
ความจริงที่ใจอยากพบเธอ
แค่ฝันว่าเจอ ตื่นจากฝันก็มีน้ำตา
อยากจะลืม ความจริงที่ใจคิดถึงเธอทุกวัน
ความจริงที่ใจยังทรมาน
เพราะฉันไม่ลืม ลืมว่าใจมันยังรักเธอ
"โอนเนอร์ครับ!!"
"ห่ะ! มีอะไรโช"
ผมสะดุ้งจากอาการเหม่อลอย
"ยอดขายของวันนี้ครับ"
"อืม"
ผมรับรายงานมาไว้ในมือ ทุกๆวันในร้านของผมจะมีคนเข้ามารับประทานกันเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนหญิงที่มาทั้งเป็นกลุ่มหรือมากับแฟน ถ้าช่วงเช้าๆก็จะเป็นพนักงานบริษัทที่จะเข้ามาเพื่อหากาแฟดื่มก่อนที่จะเข้าบริษัทจะได้มีแรงไปสู้รบกับกองงานที่ต้องทำ
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาผมลงมือปิดร้านและกลับไปยังเพนท์เฮ้าส์ตัวเองก่อนที่จะเปลี่ยนชุดใส่เสื้อสีขาวยืดตัวโคร่งที่คว้านคอเสิ้อเสียลึกและกางเกงเดฟยีนส์สีชมพูสด ไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋าสะพายใบเก่งออกไปท่องเที่ยวยามราตรี....ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคยูเขาถึงชอบออกเที่ยวตอนกลางคืนนักเพราะมันช่วยไล่ความเหงา ความเจ็บปวดออกไป ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวก็ตาม...
"ไง มาตรงตามเวลาเลยนะซัจจี้"
"เหรอ??ฉันไม่เคยสังเกตเลยแฮะ จิน"
ผมนั่งลงตรงด้านหน้าบาร์ทักทายอาคานิชิ จินบาร์เทนเดอร์ประจำผับแห่งนี้และเป็นเพื่อนอีกคนของผม
"วันนี้นายจะมีหนุ่มมาจีบอีกแหงๆเล่นใส่ซะเซ็กซี่และสะดุดตาแบบนี้ ฉันว่ารายแรกคงเป็นโต๊ะนั้นชัวร์"
ซองมินมองตามสายตาของจินไปเจอกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาประมาณสามสี่คนมองมาแต่ผมไม่สนใจหันไปคุยกับจินต่อ
"ฉันว่าคาเมะแฟนนายมากกว่านะ พูดถึงก็มาพอดีเลยแฮะ โอยาสุมินาไซคาเมะ"
ชายหนุ่มรูปร่างผอมบางหน้าตาน่ารักสวมเสื้อเชิ้ตพอดีตัวแถมปลดกระดุมด้านบนทิ้งเสียเม็ดสองเม็ดและกางเกงขาสั้นพอๆกับผมเดินเข้ามาทักทาย
"โอยาซุมินาไซมินมิน พรุ่งนี้นายไม่ต้องส่งหนังสือพิมพ์รึไง"
"ส่งสิเดี๋ยวเที่ยงคืนค่อยกลับ"
"หืม?มินมินเป็นซินเดอเรลล่ารึไง"
"คงงั้น..กลัวราชรถจะกลายเป็นฟักทองไปเสียก่อน"
ผมเท้าคางคุยกับคาเมะที่หย่อนตัวนั่งลงข้างๆผม
"ถ้ายังงั้นซัจจี้คงกินราชรถตัวเองลงท้องชัวร์"
"จิน!!"
ผมหันไปแหวใส่ ตามด้วยเสียงหัวเราะร่วนของคาเมะทำให้ผมนั่งหน้าบูดกระดกคอกเทลเข้าปาก เมื่อเวลาบอกถึงเที่ยงคืนผมได้เวลากลับไปยังเพนท์เฮ้าส์....ผมอาบน้ำชำระล้างกลิ่นบุหรี่ออกจากตัวสวมชุดนอนก่อนที่จะกินยานอนหลับไปเศษหนึ่งส่วนสี่ของเม็ดหนึ่งเพื่อทำให้ผมหลับสนิทจะได้ไม่ต้องฝันอะไรเพ้อเจ้ออีก......
...วันนี้เป็นวันที่ผมหมดความอดทน ทนกับความเจ็บปวด การหักหลังของแฟนตัวเอง ผมเข้ามาเก็บของทุกอย่างที่เคยไว้ในห้องลงในกระเป๋าเดินทางในเวลาที่คยูไม่อยู่ห้อง ผมกลัวว่าถ้าเจอหน้าแล้วผมจะร้องไห้ทำใจไม่ได้ ระหว่างที่ผมกำลังเข็นกระเป๋าออกมากลับเจอคยูที่เข้ามาในห้องพอดี พระเจ้าท่านกำลังเล่นตลกกับผมใช่มั้ย?!
'ซองมินจะไปไหนเหรอครับ?'
ผมสบตาคยูผมพูดไม่ออกหลายสิบนาทีก่อนที่จะตัดสินใจพูดคำนั้นออกมา
'คยู...เราเลิกกันเถอะ'
คยูยืนนิ่งอึ้งไม่ตอบ เขาคงทำท่าแบบนี้กับทุกคนที่บอกเลิกเลยสินะทำให้ดูเหมือนว่ายังไม่อยากให้จากไป
'.........'
'ฉันทนมามากแล้ว ทนกับความเจ้าชู้ของนาย ความไม่เอาใจใส่ ไม่มีสักครั้ง...ที่นายจะมีฉันคนเดียว นายคอยแต่จะมองหาคนอื่นตลอด ถึงแม้ว่ามือนายจะกุมมือฉันอยู่....ก็ตาม ฮึก'
ผมระบายความในใจพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาผมปาดน้ำตาที่ไหลลงมาตามแก้มทิ้งไป น้ำตาแห่งความเสียใจ แห่งความเจ็บปวด คยูเปล่งเสียงเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
'ซอง...'
ผมยังไม่อยากได้ยินเสียงคยูเรียกชื่อหรือพูดอะไรออกมาทั้งนั้น ไม่ยังงั้นใจผมคงอ่อนยวบแน่นอน
'พอเถอะ อย่าพูดอะไรเลย........ฉันกับนาย......ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวอีกต่อไป.....ลาก่อนคยู'
ผมลากกระเป๋าผ่านคยูที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น เขาไม่แม้แต่จะรั้งหรือห้ามแม้แต่น้อย ผมคงสำคัญตัวผิดไปหวังว่าเขาจะมารั้งให้อยู่ต่อ คงหวังมากไปจริงๆ....ผมกลับมาที่ห้องและโทรติดต่อญาติที่อยู่ญี่ปุ่นที่เคยมาขอให้ผมเช่าที่ทำร้านอยู่ที่นั่นเพื่อตอบตกลงเขาไป หลังจากนั้นจึงโทรบอกแจจุงที่อยู่เฝ้าร้านให้ดูแลที่นี่แทนผม
ผ่านไปสามสี่วันผมตื่นขึ้นนัยน์ตาแดงบวมช้ำที่ผ่านจากการร้องไห้เหมือนเช่นเคย ผมไปที่ร้านซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะอยู่แผ่นดินบ้านเกิด ผมช่วยทุกคนขายของตามปกติ ช่วงเย็นๆมีผู้ชายสี่ห้าคนเดินเข้ามาในร้าน....พวกเพื่อนๆของคยูพวกเขามาทำไมกัน??
'ซองมิน'
'มีอะไร เยซอง'
'ซองมินช่วยไปดูแลไอ้คยูทีได้มั้ย'
'ทำไมฉันต้องไปดูแลเขาด้วยล่ะ ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะฮัน'
ผมพยายามฉีกยิ้มแต่มันคงออกมาดูฝืดเฝื่อนน่าดู
'มันเอาแต่เที่ยวหนักจน...'
'ก็เป็นเรื่องปกติของคยูไม่ใช่เหรอ วอน'
'มันก็ใช่...'
'งั้นก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ฉันต้องเข้าไปดูแลเค้า บอม เค้ามีคนที่พร้อมที่จะดูแลทั้งนั้นโทรไปเรียกพวกเค้าเถอะ เค้าคงไม่มานั่งปฏิเสธแบบฉันหรอก'
'ต้องเป็นนายเท่านั้นซองมิน ที่จะ..'
'ฉันกับเค้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว คังอิน!!'
ผมพูดเสียงดัง ยังดีที่เป็นเวลาปิดร้านจึงไม่มีลูกค้าอยู่มีแต่พนักงานที่กำลังช่วยกันเก็บร้านเท่านั้น ผมปาดน้ำตาที่ไหลลงมา เพียงแค่ผมได้ยินว่าเขาเที่ยวกลางคืนหนัก แค่นั้นน้ำตามันมาคลอแทบจะร่วงอยู่รอมร่อ ผมยังไม่ลืมเขาใช่มั้ย?? ถ้าผมยังอยู่ที่นี่คงไม่มีทางที่จะลืมได้ใช่มั้ย...
'ฉันขอตัว'
ผมหมุนตัวกลับเข้าหลังร้านไม่ฟังเสียงที่เรียกชื่อผม เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นก็จะไม่มีใครที่จะหาผมเจอในโซลอีกแล้ว.....
เส้นทางที่เรานั้นเดินอยู่ ไม่มีวันจะพบกัน
และทั้งเธอแหละฉัน เราเลือกให้เป็นแบบนี้
แต่ใจทำไมไม่เป็นสุข กับความเป็นจริงเสียที
ไม่มีเธอวันนี้ ชีวิตดูหมดความหมาย
....ทำไมขนาดหลับผมต้องฝันถึงด้วย......ฝันที่มีแต่เรื่องเลวร้าย ฝันที่ทำให้ผมต้องเสียน้ำตาทุกครั้งที่นึกถึง ทำไมผมยังต้องคิดถึง ทำไมถึงลืมมันไปไม่ได้....
บอกใจให้ลืมแล้วทุกทุกอย่าง
แต่ฉันไม่อาจทำได้เหมือนใจ
ผมสะดุ้งตื่นน้ำตาไหลรินจากดวงตา ทุกครั้งที่ผมฝันมักจะมีน้ำตาไหลออกมาด้วยเสมอทั้งๆที่มันผ่านมาตั้งสองปีแล้วทำไมผมถึงยังไม่ลืมมันไปอีก ผมลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเริ่มตารางในชีวิตประจำวันต่อ
อยากลืม ความจริงที่ใจของฉันยังมีเธอ
ความจริงที่ใจอยากพบเธอ
แค่ฝันว่าเจอ ตื่นจากฝันก็มีน้ำตา
อยากจะลืม ความจริงที่ใจคิดถึงเธอทุกวัน
ความจริงที่ใจยังทรมาน
เพราะฉันไม่ลืม ลืมว่าใจมันยังรักเธอ
วันนี้ที่ร้านยังคงมีลูกค้าตามปกติ ผมนั่งเหม่อมองไปด้านนอกเมื่อลูกค้าในร้านซาลงบรรยกาศที่กำลังจะย่างเข้าฤดูหนาวช่างดูน่าหดหู่และเงียบเหงาเหลือเกินสำหรับผม ผมหยิบถาดเพื่อจะไปเก็บถ้วยกาแฟที่โต๊ะด้านชานระเบียงร้าน
"โอนเนอร์ครับเดี๋ยวผมไปเก็บเอง"
"ไม่เป็นไรโคคิ เดี๋ยวฉันไปเก็บเอง"
ผมไม่อยากที่จะนั่งว่างๆเดี๋ยวพาลจะย้อนไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต ผมยกถ้วยกาแฟใส่ถาดปุยหิมะสีขาวบริสุทธิ์ร่วงลงมาบนหลังมือ คนญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าอธิษฐานกับหิมะแรกจะได้สมปารถนากับสิ่งที่ขอไป ถ้ามันเป็นเรื่องจริงช่วยทำให้คำภาวนาที่อยู่ส่วนลึกในใจเป็นจริงได้มั้ยนะ ผมยกถาดเข้าไปด้านใน
"หิมะตกแล้วนะครับโอนเนอร์"
"อืม แล้วโคคิกับจุนโนะเอาร่มหรือเสื้อกันหนาวมาหรือเปล่า"
ผมถามลูกน้องที่อยู่เฝ้าหน้าร้านกับผม ส่วนที่เหลือเข้าไปช่วยทำเค้กกันหลังร้าน
"ผมเอาร่มมาครับ ส่วนเจ้าโคคิน่ะไม่เคยสนใจอะไรสักอย่าง"
จุนโนะแอบเบ้ปากใส่เพื่อนของตน
"เฮ้ยใครมันจะไปรู้ล่ะว่าหิมะมันจะตกลงมา ฉันไม่ใช่พวกอุตุฯนะเว้ย"
โคคิหันไปโวยใส่และทั้งสองคนก็เถียงกันจนเป็นเรื่องปกติวิสัย ผมหัวเราะคิกๆก่อนที่จะเข้าไปหลังร้านเพื่อช่วยทำเค้ก......
.....ผมอยากที่จะยืนหยัดด้วยขาทั้งสองข้างภายในป่าอันมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง อยากพยายามเดินฝ่ามันออกไปด้วยตะเกียงที่มีแสงไฟหริบหรี่ที่อยู่ในมือด้วยตัวคนเดียว แต่จริงๆแล้วผมอยากจะเจอใครบางคนที่เดินอยู่ในทางมืดมิดและจับมือพากันออกไปเพื่อเจอกับแสงสว่าง...
เพราะ ฉันไม่ลืม ไม่เคยลืมว่ายังรักเธอ.......
M ag ic
ความคิดเห็น