คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Part VIII
3P – Three LovE
Title : 3P – Three LovE
Author : -BallOonzA-
Staring : Lee Dong Hae x ????
Part VIII
“ทำไมคยูถึงจะมาอยู่ที่เกาหลีตอนปิดเทอมนี้ล่ะครับ” พี่ชายคนโตสอบถามน้องชายตัวสูง
“อืม... อยากจะมาอยู่ใกล้ใครซักคนล่ะมั้งครับ” คยูฮยอนกระดกน้ำอัดลมเข้าปากหลังจากตอบจบ
“เหงาสินะ เป็นลูกคนเดียวก็อย่างงี้ล่ะน๊า.. อยู่บ้านเรารับรองว่าคยูต้องไม่เหงาแน่” เพราะไม่เคยคิดว่า..ความเอาใจใส่และความรักที่คยูมอบให้นั้น..มันมากกว่าคำว่า พี่น้อง ทงเฮจึงไม่เคยคิดล้ำลึก
“ผมจะไม่เหงา เพราะมีทงเฮไงครับ” เด็กหน้าเจ้าเล่ห์ยิ้มดูจริงใจเป็นพิเศษ
“แหงล่ะ ไหนจะดงแฮกับดองเฮ คยูเหงาเมื่อไหร่..ก็มาได้ตลอดนะ บ้านนี้ยินดี้ต้อนรับคยูเสมอ” อยากจะลูบหัวคยูฮยอนเหมือนวันวาน แต่เวลานี้คงทำไม่ได้เสียแล้ว น้องชายโตเป็นหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ ขนาดแค่จะให้ทงเฮเรียกแทนตัวเองว่าพี่ยังไม่ให้ทำ หากว่าทงเฮทำแบบในวันวาน..คยูฮยอนคงไม่ชอบใจเท่าใดนัก..ทงเฮคิดว่าอย่างนั้น จึงได้แค่ยิ้มอบอุ่นให้
“แล้วทงเฮล่ะครับ ตอนที่เราไม่เจอกัน คิดถึงผมบ้างมั๊ย”
“คิดสิ ก็คยูเป็นน้องชายของพี่คนนึง ไม่คิดถึงคยูจะคิดถึงใคร” พี่ชายตอบประสาญาติมิตร
“แต่ผมคิดถึงทงเฮทุกวัน” คยูฮยอนวางแก้วน้ำ แล้วกุมมือพี่ชายตัวเล็ก
“ให้จริงเถอะ เดี๋ยวกลับญี่ปุ่นก็ต้องไปอ้อนแฟนๆ แทนพี่ชายอย่างทงเฮอยู่แล้วล่ะ คยูออกจะหล่อขนาดนี้ เดี๋ยวก็ต้องลืมทงเฮแน่ๆ” การคาดคะเนของทงเฮไม่น่าจะผิดนัก
“ไม่เหมือนกันหรอกครับ จะกี่ปี ก็ไม่มีใครเหมือน” คำพูดกำกวมแบบนี้ ทงเฮไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองนัก การเผลอคิดอะไรบ้าๆ กับลูกพี่ลูกน้อง..คงไม่ใช่เรื่องดี
“อย่างน้อยก็เหมือน..ดงแฮ แล้วก็ดองเฮไงครับ ทงเฮเป็นแฝดกับน้องๆ นะครับ” ความจริงนี้มันฝังอยู่ในหัวใจของสามแฝดนี้เสมอ ...ตนเองไม่ใช่คนคนเดียวในโลก แต่ยังมีเงาสะท้อนอีกสองชีวิต...ที่เหมือนกัน
“รูปกายภายนอก มันหลอกตาได้ แต่หัวใจมันหลอกความรู้สึกไม่ได้หรอก ทงเฮเลิกคิดแบบนั้นเถอะ” คยูฮยอนอาจจะเป็นคนเดียวที่รู้สึกถึงปมด้อยในจิตใจข้อนี้ของสามพี่น้องแฝดลี เห็นทงเฮระลึกถึงสิ่งนั้น คยูฮยอนจึงเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการลุกขึ้นยืนแล้วฉุดแขนคนตัวเล็กกว่าให้ยืนตาม
“ป่ะ ไปดูหนังกันดีกว่า หนังจะเข้าแล้ว เรื่องนี้เค้าบอกว่าฮา ทงเฮจะได้คลายเครียดไงครับ” คยูฮยอนแย่งกระเป๋าใบเดิมของทงเฮที่มักสะพายเบี่ยงไปไหนมาไหนมาถือไว้เสียเอง
“อืม..ไปสิ เสร็จแล้วเราไปซื้อของให้เจ้าสองแสบกันนะ”
“คร้าบบ ทราบแล้ว เฮ่อ หัดคิดถึงตัวเองก่อนเจ้าพวกนั้นซักพักเถอะน่า อย่างน้อย...ก็เวลาอยู่กับผม โอเค๊” คยูฮยอนไม่ได้รอคำตอบ มันคือการบังคับจากผู้อ่อนวัยกว่าที่เอาแต่ใจ..แต่ทำไปเพื่อทงเฮ เขาลากมือพี่ชายเดินเข้าไปยังโรงหนังโดยไม่คิดจะปล่อยมือแต่อย่างใด
ฝ่ายแฝดกลางที่มีคนรออยู่หน้าปากซอย ถึงปากจะบอกว่ารำคาญสักแค่ไหน แต่สองขาก็กลับวิ่งไวไม่อยากให้ใครคนนั้นรอนาน ดงเฮเดินกึ่งวิ่ง ไม่รู้ว่าทำไมต้องรีบ แต่ขามันพาตัวเองไปเสียอย่างนั้น
“แฮ่กๆ ๆ” ดงแฮเหนื่อยหอบ ยืนก้มหน้าใช้สองมือยั้งตัวเองไม่ให้เผลอนั่งด้วยการค้ำยันที่หัวเข่าไว้
“เหนื่อยเหรอ” คิบอมทักทายจากการเห็นอาการ เขายืนโพสต์ท่าเท่ห์ๆ พิงรถอยู่ ไม่ได้นั่งรออยู่ในรถแต่อย่างใด เห็นอาการคนรักก็ชักเอ็นดูเข้าไปใหญ่...ดงแฮรีบมาหาเขา
“ก็เออสิ ถามควายๆ” ดงแฮเงยหน้ามาค้อนใส่
คิบอมอมยิ้มนิดๆ แล้วเดินมาเปิดประตูฝั่งคนขับให้ผู้ที่กำลังค้อน “เชิญ”
“ขอบใจ ทีหลังไม่ต้อง มีมือ...เปิดเองได้” หากคุณรู้จักดงแฮอย่างที่คิบอมรู้จัก จะรู้ทันที..ว่านี่ คือการกลบความเขินของดงแฮ
“เต็มใจ” คิบอมไม่ได้พูดอะไรมาก (อย่างเคย)
..
..
..
หลังจากเข้ามานั่งในรถ คิบอมไม่ได้ออกรถทันที แต่กลับปรับแอร์ให้พุ่งมาทางดงแฮ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ ดงแฮปัดป้องบ้างในคราแรก แต่ท้ายที่สุดก็อยู่นิ่งให้พ่อห้วนเอาใจ
“รีบๆ ออกรถซะทีน่า เลิกวุ่นวายกับหน้าชั้นซักที” คนเขินโวยวาย
“อืม ... แก้มแดง..น่ารัก” คิบอมขโมยโอกาสหอมแก้มขณะที่อีกคนกำลังทำโมโหแก้มป่อง ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว คิบอมก็ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เบือนหน้าไปขับรถ ปล่อยให้ดงแฮอารมณ์ค้างที่โดนขโมยดมดอมแก้มหอม อ้าปากค้าง อยากจะด่า..แต่ด่าไม่ออก...
‘ไอ้หน้าด้านนนนนนนนนนนนนนนนนน’
ผลจากการลักโกรธ (เอ๊ะ..เหมือนลักหลับรึเปล่า?) ทำให้ดงแฮไม่ยอมพูดจานั่งเป็นเป่าสาก ได้แต่พ่นลมฮึดฮัดกระฟัดกระเฟียด คิบอมเองก็ไม่พูดเช่นกัน ปล่อยให้เสียงลมหายใจไม่สบอารมณ์ของดงแฮดังเป็นจังหวะ R&B ไปเรื่อยๆ กระทั่งคิบอมเอ่ยถามก่อน..
“กินอะไร”
“กินหัวนายน่ะสิ ทำไมชอบทำทะลึ่งกับชั้นฮะ ชั้นกำลังโกรธนายอยู่นะ ไอ้ห้วนหื่น”
ดงแฮรอโอกาสให้คิบอมพูดก่อนอยู่แล้ว พอได้เริ่มจึงใส่ไม่ยั้ง
“รัก” คำพูดง่ายๆ คำเดียวตอบทุกอย่าง กระแทกหน้าดงแฮจนโวยต่อไม่ไหว
“ร..รักบ้ารักบออะไร หื่นล่ะไม่ว่า น้ำหน้าอย่างนายก็หื่นไปกับทุกคนล่ะสิ” คนอย่างดงแฮไม่ยอมจนมุมให้ใคร
คิบอมหักเลี้ยวปาดเข้าข้างทางด้วยความรวดเร็ว แรงเบรคทำให้ดงแฮไถลตัวไปด้านหน้า จนใบหน้าแทบจะกระแทกคอนโซล ยิ่งเจอแบบนี้ดงแฮยิ่งโกรธหนัก
“นี่..!! ขับรถประสาอะไรฮะ ใบขับขี่นี่ซื้อมารึไง ใช้ตีนคนสิเหยียบเบรค ใช้ตีนควายกระทืบเบรคเหรอฮะ” ดงแฮโวยวายยกใหญ่ แต่คงไม่ทราบว่าอีกคนที่ไม่ค่อยพูดนั้น ดูจะเดือดกว่า
“คนเดียว !! แค่คนเดียว” คิบอมหน้าตึงเหี้ยม ดูจะโกรธเอามากที่ดงแฮบังอาจดูถูกความรักของตน ใช้สายตาจ้องอย่างเอาเรื่องจนดงแฮชักจะหงอ ...ไอ้บ้านี่พอเอาเรื่อง...น่ากลัวชะมัด
“คนเดียวก็คนเดียวสิ เสียงดังทำไมล่ะ” แฝดกลางลดระดับเสียงและลดระดับโทสะพร้อมกัน
“..........” คิบอมไม่พูด แต่เบือนหน้า ต้องเรียกว่าสะบัดคงจะเหมาะกว่า เขากลับไปขับรถ สปีดออกตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนดงแฮหลังติดเบาะ
ไม่มีการถามว่าจะกินอะไร
ไม่มีคำพูด
ไม่มีการหันมาเหลือบมองบ่อยๆ อย่างเคย
คิบอมกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ขับรถได้
ดงแฮสำนึกได้ว่า...ไม่ควรจะพูดดูถูกความรักของชายคนนี้อย่างเด็ดขาด ปกติก็พูดน้อย ยิ่งไม่พูดอะไรเลยโดยมีใบหน้าตึงแบบนี้...มันไม่น่าเข้าใกล้ แม้ยามธรรมดาคิบอมพูดถามคำตอบคำกับเขา แต่อ่อนโยนและดูและเอาใจใส่แทบจะทุกกระเบียด ยามนี้...สิ่งเหล่านั้น มันว่างเปล่า
“ร้านนี้สุดยอดเลยนะเว่ย รับรองไม่ผิดหวัง” ยูชอนการันตีกับเพื่อน หลังจากนั่งประจำโต๊ะเรียบร้อย
“เออ ให้จริงอย่างปากว่า อืม...บรรยากาศใช้ได้เลยล่ะ เหลือแค่รสชาดอาหาร” ยุนโฮตอบเพื่อนรักที่อุตส่าห์พามาทานข้าว
“สั่งสิเพื่อน วันนี้ยูชอนไม่อั้น เพราะยังไงก็หารสอง” ยูชอนพูดติดตลกกับเพื่อน
“โถ่เอ๊ย นึกว่าจะเลี้ยง พูดซะดิบดีเลยนะไอ้ห้อย” ยุนโฮส่ายหัว
“ห้อยเป๊ะอะไรล่ะ เค้าเรียกปากอวบอิ่มเซ็กซี่เว่ย นี่ล่ะที่สาวๆ หลง” เขาอุตส่าห์ภูมิใจกับริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพูของตัวเอง แต่ยุนโฮเพื่อนรักกลับเรียกซะเสียเลยว่า...ห้อย
“เออ ตามใจ หลอกตัวเองให้สนุกก็แล้วกัน”
“บ๊ะ ไอ้นี่ จะแดกข้าวหรือแดกตีน”
“ข้าวสิ ถามแปลก สั่งเถอะ มัวแต่อวดปมด้อยอยู่นั่นล่ะ ผมขอ......” ยุนโฮเลิกสนใจเพื่อนชั่วขณะ หันไปสั่งอาหารกับบริกรที่ยืนรอรับรายการอาหารและแอบขำสองหนุ่มหล่อที่ต่อล้อต่อเถียงกัน
..
..
..
การเดินทางอันแสนอึดอัดหยุดลงชั่วขณะ บัดนี้คิบอมจอดรถในที่ที่จอดเรียบร้อย ไม่ได้สอบถามความพอใจของดงแฮด้วยซ้ำว่าอยากทานอะไร ตัดสินใจจอดหน้าร้านนี้เอง ซึ่งดงแฮก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร... ในเมื่อรู้ตัวว่าผิด ก็ไม่ควรหาเรื่องเพิ่ม
มนุษย์พูดห้วนเปิดประตูแล้วลงมาเปิดให้ดงแฮ แม้การกระทำจะเหมือนเดิม แต่ดงแฮยังอึดอัดไม่คลาย เพราะพอเขาลงเสร็จ คิบอมก็เดินนำหน้าเข้าไปในร้านทันที
สองคนนั่งที่เรียบร้อย โดยไม่มีการพูดจา คิบอมสั่งอาหารเผื่อดงแฮ... เพราะรู้ดีว่ามนุษย์จอมโวยนี่ชอบหรือไม่ชอบอะไร
“นี่.. โกรธเหรอ” ดงแฮทนไม่ไหวต้องเริ่มพูดก่อน
“........” คิบอมแค่จ้องหน้าแต่ไม่ได้พูด จ้องอย่างไม่วางตา
“ชั้นก็โกรธนายนะ อย่ามาทำหน้าทำตาแบบนี้ใส่ชั้น ทีนายเบรครถแรงๆ จนเข่าชั้นกระแทกเขียวปี๋ชั้นยังไม่ต่อว่านายเลย ห้ามมาด่าชั้นด้วยสายตา..ชั้นไม่ชอบ” ศักดิ์ศรีก็มีอยู่ค้ำคอ เคยเป็นฝ่ายถูกง้อตลอด ถึงจะด้วยวิธีแปลกๆ ของคิบอมก็เถอะ แต่คิบอมก็ง้อ... นี่คิบอมโกรธ เค้าควรจะง้องั้นเหรอ
ชายพูดน้อยลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินออกจากร้านไปเสียเฉยๆ ดงแฮหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูก ...นี่เขาถูกคิบอมทิ้งงั้นเหรอ
“คิบอม.. คิบอม ไอ้ห้วน ไอ้ควาย ไอ้... โอ๊ย กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ ห้ามมาทิ้งชั้นแบบนี้นะ” ดงแฮร้องเรียก เพราะไม่รู้จะทำยังไง จะวิ่งตามงั้นเหรอ... ไม่..เขาจะไม่วิ่งตามใคร
..
..
..
“เฮ้ย ยุนโฮดูนั่นสิ แม่งโดนทิ้งว่ะ น่าอนาถ” ยูชอนชักชวนให้เพื่อนรักมองตามไปดูคนโวยวายที่โดนทิ้ง
“เรื่องของชาวบ้าน อย่าไปยุ่งเลยน่า” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ยุนโฮก็อดหันไปมองไม่ได้
“อ๊ะ นั่นมัน...” ยูชอนเอ๊ะอ๊ะ เพราะคนคนนั้นคุ้นตาเสียจริง
“ดงแฮ.... หึหึ สนุกล่ะ เค้าว่า..คนอกหักจะขโมยหัวใจได้ง่าย ชั้นไปดามอกก่อนนะเว่ย” ด้วยนิสัยแบบชาวตะวันตก ทำให้ยุนโฮกล้าที่จะเข้าหาใครก่อน
..
..
..
ดงแฮรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเสียดื้อๆ ไม่มีแรงจะก้าวขา หรือเปล่งเสียงใดใดเหนี่ยวรั้งคนที่เดินหนีออกจากร้านไป ไม่มีแม้แต่แรงจะหลบหนีความอับอายจากการถูกทิ้งไว้ลำพังด้วยซ้ำ ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม แล้วหยุดนิ่ง
“สวัสดีครับ คุณดงแฮ” ยุนโฮยิ้มร่าเปิดเกมส์ โอกาสดีดีแบบนี้คงปล่อยไปไม่ได้
“........” ดงแฮไม่ได้สนใจ เหมือนยุนโฮไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ น้ำใสใสมันมาคั่งที่ลูกตา เหมือนเป็นม่านบังทุกอย่าง หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงใคร
“เพื่อนทิ้งเหรอครับ คนพรรค์นั้นอย่าไปใส่ใจเลยน่า มาคบกับผมแทนดีกว่า”
“ทิ้ง...” ดงแฮทวนคำ คำนี้มันเจ็บจัง น้ำตาที่คั่งค้างไว้ อาจจะเปิ่มปริมาณมาเพียงเสี้ยวเดียวของมิลลิกรัมแต่มันก็มากพอที่จะผลักดันให้รวมกันเป็นหยดและไหลออกมาเปื้อนใบหน้า
“คุณ.. คุณร้องไห้นี่” ยุนโฮทนน้ำตาใครไม่ค่อยได้ รีบเดินเข้าไปใช้สองมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้านั่นทันที รู้ว่าอาจจะจาบจ้วงไปนิดที่ถึงเนื้อถึงตัว...แต่เขาสงสาร
“.......” ดงแฮยังคงเงียบ ไม่มีการสะอึกสะอื้น.. แค่ร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตาไหล
ไอ้ที่เคยคิดจะเล่น ...ยุนโฮกลับเห็นความงามที่เพิ่มมากขึ้นจากน้ำตาเหล่านั้น เขาอาจจะโรคจิต แต่พอเห็นคน(เคย)เข้มแข็งหยิ่งทะนงใส่ตนเองร้องไห้ กลับสงสารจับจิต...อยากจะปลอบและปกป้อง
“อย่าร้องเลยนะครับ ผมจะดูแลคุณแทนเค้าเอง” มันพูดได้ทันทีโดยไม่คิด ยุนโฮรู้สึกอย่างที่พูด อาจเป็นเพราะน้ำตา หรือใบหน้าที่ดูอมทุกข์นั่นก็เป็นได้
“ปล่อย !!!!” เสียงทุ้มระเบิดเสียงดัง ชายผู้กลับมาขัดเคืองใจจนแทบจะกระโดดเข้าไปตะบันหน้าผู้แตะต้อง..คนของเขา
“คิบอม...” ดงแฮเงยหน้ามาพบเจ้าของเสียง คนที่ทิ้งเขาไป
“ปล่อย..ดง..แฮ” คิบอมจ้องอาฆาตยุนโฮอย่างร้ายกาจ
“ถ้าคุณไม่อยากให้ผมมาปลอบเค้า ก็อย่าทิ้งเค้าสิ” ยุนโฮเตือนสติ ลุกมายืนประจันหน้ากัน
“ไม่ได้ทิ้ง” คิบอมตอบแค่นั้น ขบเคี้ยวเคี่ยวกรามตนเองจนเป็นสันมองเห็นเด่นชัด ไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำว่าในมือของเขาถืออะไรอยู่
“ไม่ทิ้งก็ดี อย่าทำให้ดงแฮร้องไห้อีก ครั้งหน้า..ผมไม่คืนให้แน่” ยุนโฮยิ้มมุมปากก่อนจะหันมายิ้มให้ดงแฮ แล้วเดินกลับโต๊ะตนเองไป .....วันนี้อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะช่วงชิง
“คิบอม...เจ็บ” ดงแฮเริ่มสะอื้น เรียกหาคนที่ทำให้เจ็บ คิบอมปราดเข้ามานั่งคุกเข่าข้างเก้าอี้ดงแฮทันที จับเนื้อตัวหาสิ่งผิดปกติ ใช้มือป้ายน้ำตาออกจนเหลือเพียงคราบชื้นๆ บนใบหน้า
“เจ็บตรงไหน” คิบอมถลกกางเกงขาสั้นที่ยาวกว่าหัวเข่าของดงแฮขึ้นมาดูช่วงหัวเข่าให้เต็มตา บางทีอาจจะเป็นตรงหัวเข่ากระมังที่เจ็บ มันเขียวจริงๆ เสียด้วย
“ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ ไอ้ห้วน ไอ้....” ดงแฮรู้ว่าเจ็บ แต่จะให้บอกจริงๆ น่ะเหรอ..ว่าเจ็บในอก..เจ็บที่โดนทิ้ง
“อย่าขยับ” คิบอมจับขาขาวๆ นั่นไว้แน่น ก่อนจะบรรจงทายาเบาๆ แล้วเป่ามนต์
“อึ๊...” ดงแฮครางเบาๆ จากความเย็นของเจลที่คิบอมทาลงไป “ไปเอายามาจากไหน”
“เดินไปซื้อ..ตะกี๊” คิบอมไล้นิ้วเบาๆ ช่วงสีเขีวบนหัวเข่าดงแฮ แล้วรีบดึงกางเกงลงมาให้ยาวได้มากที่สุด ปิดป้องช่วงสีขาวที่ไม่อยากให้ใครเห็น..นอกจากตนเอง
“นาย...เดินออกไป...ซื้อยางั้นเหรอ” ดองแฮแอบแปลกใจ
“อืม” คิบอมยืนขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่ตนเอง
“ชั้นนึกว่านาย.....”
“ไม่ได้ทิ้ง” คิบอมรีบรวบตอบคำถาม หรือสิ่งที่ดงแฮคิดจะพูดแต่พูดไม่ออก
“ทีหลังห้ามทำชั้นตกใจอีกนะ ห้ามทำแบบนี้อีก..ได้ยินมั๊ยคิมคิบอม” ดงแฮคาดคั้นเอาคำตอบ หรือคำสัญญาจากปากอีกคนให้ได้
“บอกแล้ว ไม่ทิ้ง ไม่เคยคิด” ไม่ได้ตอบคำถาม คิบอมทำอย่างนี้เหมือนทุกๆ ครั้ง มักไม่ตอบคำถามตรงๆ แต่พูดอย่างอื่นสั้นๆ ....ที่มันสะเทือนใจแฝดกลางได้ตลอด คิบอมอาจจะไม่รู้ตัวว่ามัน...ทำให้ดงแฮ...สะเทือน
“ขอโทษ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ดงแฮพูดแบบนั้น นี่เป็นครั้งแรก..ที่เขาขอโทษผู้ชายคนนี้
“เหมือนกัน” เหมือนพูดคนละภาษา เหมือนพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่เขาสองคนก็เข้าใจภาษาของอีกฝ่ายทุกครั้ง ไม่รู้ทำไม
“คิบอม....” ดงแฮเรียกชื่อนี้อีกครั้ง หลังจากที่บริการเสิร์ฟอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“หืม”
“ขอบใจนะ” ดงแฮพูดแล้วรีบก้มหน้าก้มตากิน วันนี้เขาพูดอะไรที่มันดูไม่ใช่ตัวเองไปตั้งหลายอย่าง ตะโกนเรียกด่าให้กลับมาหา ขอโทษ และขอบคุณ ....มากไปแล้วสำหรับวันนี้ มากไปแล้วสำหรับการเผลอใจให้ทำอะไรกับชายที่ชื่อคิมคิบอม มากไปจริงๆ
“อืม” คิบอมก็เป็นแบบนี้ แค่เขายิ้มตอบ ดงแฮก็รู้ดี ว่าคิบอมอารมณ์ดีแล้ว
ไม่เคยมีคำหวาน ไม่เคยโรแมนติก แต่การกระทำที่คิบอมแสดงกับเขามาตลอด... มันมีค่ากว่าคำลวงหูพวกนั้นเป็นไหนๆ
..
..
..
“แห้วเหรอวะ ยุนโฮ” เพื่อนรักที่ดูสถานการณ์ห่างๆ แล้วพร้อมเข้าเตรียมตะบุมบอนหากว่าไอ้ผู้ชายถือถุงยานั่นลงมือกับเพื่อน ยูชอนถามเมื่อเห็นยุนโฮเดินกลับมาเฉยๆ
“ยังหรอก แค่โอกาสของเราไม่ใช่วันนี้” ยุนโฮไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก เพราะเขาไม่ได้แคร์อยู่แล้วว่าดงแฮจะผ่านใครมาบ้าง หากเขาคิดจะรัก ก็จะรักที่หัวใจ ร่างกายที่ผ่านมาในอดีต ก็เป็นแค่อดีต หัวคิดแบบฝรั่งนี้มันทำให้เขากล้าที่จะรักใครโดยไม่คิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว
“เป็นนายนี่ก็ดีแฮะ”
“ยังไง” ยุนโฮไม่เข้าใจที่เพื่อนหมายความถึง
“ไม่รู้สิ รักได้โดยไม่แคร์ ว่าผ่านอะไร หรือเป็นยังไงมาก่อน” ยูชอนเองก็ตอบไม่ถูก ทัศนคติคนเราต่างกันจริงๆ เพราะยูชอนเองก็เคยคิดว่า..คนที่เขาจะรัก ต้องเพียบพร้อม บริสุทธิ์หรืออะไรทำนองนั้น
“นายจะหาคนสะอาดจากไหนล่ะ ในเมื่อตัวเราเองยังไม่ดี นายอย่าหวังของดีที่สุด ถ้าเราไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด” ยุนโฮบอกตามที่คิด
“นั่นสินะ”
“กินเถอะว่ะ เดี๋ยวต้องไปซ้อมอีก ชั้นว่า..ถ้าชั้นชนะศึกนี้ได้ บางทีโอกาสอาจจะเป็นของชั้นบ้างก็ได้” ยุนโฮพูดเหมือนมีอะไรในใจอยู่
“อะไรเหรอ... แต่ก็ช่างเถอะ ขอให้นายทำให้เราชนะเจ้านั่นได้ก็พอแล้วล่ะ เต็มพี่เพื่อน” แล้วสองเพื่อนรักก็ทานอาหารต่อ โดยที่ยุนโฮไม่หันไปมองโต๊ะนั่นอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว... ไม่อยากเห็นภาพอะไรจากโต๊ะตัวนั้น มันอาจจะทำให้เขารู้สึกอะไรอีกก็ได้
ความคิดเห็น