คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : EP [7] ระยะห่างที่ใกล้ ✓
EP [7] ระยะห่างที่ใกล้
คิวก็พาไอวี่กลับมาที่เรือนแก้วส่วนตัวเองได้รับคำรายงานจากลูกน้องคนสนิทว่าต้องไปรายงานผลการดูตัวในครั้งนี้กับ
‘ไอศวรรย์’ หรือนายใหญ่ตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุล
เมื่อมาถึงด้านหน้าคฤหาสน์ก็พบ ‘ไอสูรย์’ พี่ชายของไอวี่
ซึ่งเป็นหลานชายคนโตของตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุลยืนสูบบุหรี่อยู่
คิวไม่สนใจทักทายเดินผ่านอีกฝ่ายไปทว่าไอสูรย์ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
“ไม่คิดจะทักทายกูหน่อยรึไง
หรือว่าไม่เห็นหัวกูแล้ว”
“...” คิวหันมามองแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ถึงจะเป็นคนของปู่เป็นคนที่น้องสาวฉันไว้ใจแต่ก็ควรมีมารยาท”
ทั้งที่ไม่อยากจะเสวนาด้วยแต่ก็ต้องจำยอมทักทายไอสูรย์โดยการพยักหน้าให้เล็กน้อย
“ได้ข่าวว่าน้องกูไปดูตัวมานี่เป็นยังไงบ้างล่ะ” ท่าทีที่ถามไม่ได้สนใจมากเหมือนกับคำพูดที่เอ่ยออกมาคิวจึงขมวดคิ้วนิ่ง
“ไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องรายงานใคร”
“หึ สุนัขรับใช้ผู้แสนซื่อสัตย์?”
“คงแบบนั้น”
“คนแบบมึงนี่กูชอบจริงๆ ย้ายมาฝั่งกูสิกูจะให้ทุกอย่างที่มึงต้องการ” ไอสูรย์ยิ้มเย็นแต่คิวก็ยังคงยืนทำหน้านิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
“ถ้าไม่มีอะไรก็ขอตัว”
“จะดีเหรอวะที่เมินกู แต่ว่านะถึงตอนนี้มึงไม่คิดจะย้ายข้างแต่กูมั่นใจว่าสักวันมึงต้องมาแน่”
คิวสบสายตาของไอสูรย์นิ่งๆ ก่อนจะหันตัวออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
และเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของนายใหญ่ คิวก็เคาะประตูไม่กี่ทีก่อนจะเข้าไปด้านใน
เมื่อเดินเข้ามาก็พบผู้ที่อยู่เหนือทุกคนในตระกูลนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่
คิวไม่ได้ส่งเสียงแต่มั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเป็นเขาแน่นอน
“นั่งก่อนสิ” ไอศวรรย์หยิบเอากระดาษที่เพิ่งเขียนเสร็จใส่แฟ้มสีดำด้านข้างก่อนจะเงยหน้ามองผู้ที่เข้ามา
“วันนี้ไอวี่เป็นยังไงบ้าง”
เป็นคำถามที่คิวได้ยินบ่อยตั้งแต่ถูกคนคนนี้ย้ายให้ไปคุ้มกันหลานสาวอย่างไอวี่
คิวรู้สึกชินที่จะต้องรายงานเรื่องของหญิงสาวให้อีกฝ่ายได้รับรู้ อาจจะเพราะรู้ดีว่าไอวี่เกลียดปู่ของเธอดังนั้นจึงไม่ค่อยจะเข้าหาเหมือนกับคนอื่นๆ
ที่ขยันเข้ามารายงานเรื่องต่างๆ ของตนเองกับผู้นำตระกูลได้รู้
คิวเล่าเรื่องของวันนี้ให้ผู้เป็นนายฟัง
เนื้อหาใจความก็มีเพียงไอวี่ยอมใส่สร้อยที่อีกฝ่ายส่งไปให้
การพบเจอกันของไอวี่กับลูกนายกรัฐมนตรี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเหมือนจะราบรื่นดีต่างฝ่ายต่างพอใจแต่ก็ไม่ได้รายงานเสียหมดทุกเรื่อง
ก็แค่สรุปย่อๆ เพียงเท่านั้น
“อืมขอบใจมาก ถ้าไม่ได้เธอวันนี้คงไม่ราบรื่นแบบนี้”
ไอศวรรย์พูดขึ้นก่อนจะเปลี่ยนประเด็นไปที่คู่ดูตัวแทน
“ฉันได้ยินมาว่าลูกคนโตของคุณพิสุทธิ์ค่อนข้างรักสนุกควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า..เธอคิดว่าเขาเป็นยังไง”
คิวเงียบไปครู่หนึ่ง
“ผมให้คนสืบมาแล้วไม่มีปัญหาครับเพียงแต่ว่าจะมีข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ อย่างนิสัยเจ้าชู้แต่คิดว่าต่อไปคงจะปรับปรุงได้”
“อืมฉันก็คิดแบบนั้น” ไอศวรรย์ไม่ได้ถามต่อเพราะให้ลูกน้องหาข้อมูลเกี่ยวกับดิสโก้มาแล้ว และข้อมูลนั้นก็อยู่ในแฟ้มตรงหน้าที่เพิ่งจะอ่านจบไปก่อนที่คิวจะมาถึงได้ไม่นาน
“ได้ยินว่าไอวี่ถูกลอบยิง”
“เรื่องลอบยิงผมให้คนสืบแล้วเพียงแต่ต้องรอตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเป็นฝีมือของใคร
หากได้เรื่องผมจะรีบจัดการให้ในทันทีครับ”
คิวไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เพราะความจริงเขาได้ข้อมูลมาแล้วแต่เขายังไม่อยากจะบอกคนตรงหน้าก็เท่านั้น
“ตามเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะความปลอดภัยของไอวี่นั้นสำคัญกว่าเรื่องอื่นๆ”
ไอศวรรย์พูดอย่างจริงจัง
“ส่วนเรื่องงานในบริษัทภายใต้ชื่อของไอวี่ฉันให้สิทธิ์เธอจัดการทุกอย่าง
รีบจัดการปัญหาให้จบก่อนที่งานครบรอบวันจัดตั้งบริษัทใหญ่ที่จะมาถึง” ไอศวรรย์สั่งคิวอย่างเด็ดขาด
เพราะไม่อยากให้ใครมาต่อว่าหลานสาวของตนเองได้ ไม่ว่าจะเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องใดก็ตาม
งานครบรอบวันจัดตั้งบริษัทใหญ่ของตระกูลจะจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า
ซึ่งเป็นงานใหญ่งานหนึ่งที่เชิญคนสำคัญและเหล่านักธุรกิจ อีกทั้งวันนั้นคล้ายกับเป็นวันรวมญาติ
ไม่ว่าจะตระกูลหลักตระกูลรองล้วนแล้วแต่จะต้องมาด้วยกันทั้งหมด
ยกเว้นเสียแต่บางคนที่ถูกอนุญาตไม่ให้เข้าร่วมก็ได้ ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตามคิวจะต้องจัดการปัญหาทุกอย่างให้จบก่อนถึงวันงาน
เพราะถ้าหากบริษัทที่อยู่ภายใต้ชื่อของไอวี่มีปัญหา วันนั้นจะเป็นวันที่หญิงสาวต้องรับศึกหนักที่สุด
“ผมจะรีบจัดการให้ครับ” คิวรับปากผู้เป็นนายก่อนจะคุยงานเรื่องอื่นอีกสักพัก
จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็คุยเสร็จเรียบร้อย
คิวยังไม่ออกไปจากห้องทำงานของไอศวรรย์เพราะรอที่จะพูดเรื่องธุระส่วนตัว
“มีอะไรอีก” ไอศวรรย์ถามอย่างแปลกใจ
“ผมจะถามเรื่องที่ผมขอหยุดทุกวันอาทิตย์ครับ”
“อืมฉันอนุญาต เดี๋ยวฉันจะหาคนมาแทนให้” ไอศวรรย์เอ่ยปากอนุญาตก่อนจะพูดเสริมขึ้นมาอีก
“เรื่องส่วนตัวฉันสัญญาแล้วว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง
แต่เธอเองก็ควรจะรักษาสัญญาทุกข้อและอย่าให้สิ่งอื่นสำคัญไปกว่างานที่เธอต้องทำ”
“ครับ” คิวตอบรับ
“เรื่องครอบครัวของเธอหาพบรึยัง”
คิวเงยหน้าสบตาผู้เป็นนาย เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้ว่าความจำของเขาเริ่มกลับมาบ้างแล้วแต่ก็คงไม่รู้ว่าเขาแกล้งความจำเสื่อมหรือรู้จุดประสงค์ของเขา
“ยังครับ”
“จะให้ฉันช่วยสืบให้ไหมล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องของผมผมขอจัดการเอง” คิวบอกออกมาโดยไม่เผยพิรุธซึ่งไอศวรรย์เองก็มองกลับมาโดยไม่ได้พูดสิ่งใดเช่นกัน
“ฉันฝากไอวี่ไว้กับเธอด้วยแล้วกัน
ต่อไปฉันก็คงไม่ได้เรียกให้เธอเข้ามาหาบ่อยนัก ถ้ามีอะไรฉันจะให้คนติดต่อไป”
คิวตอบรับก่อนจะเดินออกมาจากคฤหาสน์ ระหว่างทางก็คิดถึงสายตาของไอศวรรย์ไปด้วย
แน่นอนว่าคิวรู้ว่าอีกฝ่ายคาดเดาในตัวเขาไม่ได้ เพียงแต่ใช้หลักจิตวิทยาเพื่อหาข้อพิรุธก็เท่านั้น
และแน่นอนว่าคิวที่เก่งเรื่องแบบนี้ไม่ได้เผยพิรุธใดๆ ออกไปเลยแม้แต่น้อย
ก่อนจะมาทำงานที่นี่ไม่ใช่ว่าคิวไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร
แต่เพราะรู้ถึงได้แฝงตัวเข้ามาในตระกูลนี้ โดยแกล้งความจำเสื่อมและทำงานถวายหัวให้เพื่อซื้อความไว้วางใจและจะทำให้การแฝงตัวของเขานั้นแยบยลไม่มีใครจับได้
ครอบครัวของคิวเคยเป็นครอบครัวสุขสันต์แต่กลับพังไม่เป็นท่าเพราะตระกูลนี้
ถ้าจะเล่าแบบละเอียดเรื่องมันก็คงจะยาวเกินกว่าที่คิวอยากจะนึกให้เมื่อยกล้ามเนื้อสมองและไม่อยากจะมานั่งหงุดหงิดเสียอารมณ์กับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ตราบใดที่ทุกคนที่นี่ยังไม่รู้ความจริงคิวก็จะแฝงตัวอยู่แบบนี้
เพื่อสืบให้รู้ว่าใครในบ้านนี้กันแน่ที่ฆ่าพ่อและแม่ และใครที่ทำให้น้องสาวของตนต้องเสียความทรงจำ
ใช่..จุดประสงค์ก็เพื่อตามหาคนที่ฆ่าพ่อและแม่ของเขา
ทว่าทุกสิ่งที่เคยราบรื่นกำลังจะสั่นคลอนเพราะตัวแปรใหม่พี่เพิ่งจะเพิ่มเข้ามาเมื่อเช้านี้..
ดิสโก้..คิวไม่ได้คิดเอาไว้ว่าคนที่รับมือยากอย่างมันจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหงส์ฤดีเกียร์ติกุล
ทว่าก็คงไม่ทำให้แผนการของคิวคลาดเคลื่อนไปเท่าไรนัก
ถึงมันจะก้าวเข้ามาเพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามผลที่คิวคิดเอาไว้ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลง
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของคิวดังขึ้น คิวหยิบขึ้นมาดูว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
ทว่าพอเห็นรายชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอก็เดินไปหามุมรับโทรศัพท์แทน
“ครับ ได้ข้อมูลมาแล้วใช่ไหมครับ ไม่ต้องส่งมาเดี๋ยวผมจะไปเอาข้อมูลด้วยตัวเอง..ครับ..ขอบคุณครับ”
คิววางสายก่อนจะระบายยิ้มออกมาเมื่อได้รับข่าวดีจากปลายสาย
เพราะจากที่รอมาเกือบหลายปีก็ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เสียที
เมื่อกลับมาที่บ้านพักคิวก็ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นว่าไอวี่ยืนรออยู่
เขาเคยบอกแล้วว่าไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามแถวบริเวณเขตส่วนตัว ถึงคนคนนั้นจะเป็นหลานสาวเจ้าของอาณาเขตบ้านก็ตามที
“มีอะไร”
“คือฉัน..” ไอวี่อึกอักซ่อนบางอย่างเอาไว้ด้านหลัง
เป็นเพราะวันนี้ไอวี่ได้รับความเอาใจใส่ที่ดูจะจริงใจกว่าทุกครั้งเธอก็เลยไม่อยากจะเสียบรรยากาศแบบนั้นไป
อย่างน้อยคืนนี้เธอได้อยู่กับคิวต่ออีกสักนิดก็ยังดีจึงหาเหตุผลที่คิวจะไม่ปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยง
ไอวี่ก็นึกบางสิ่งออกเธอรีบไปเปิดกระเป๋าและหาใบงานที่อาจารย์สั่งมาก่อนหน้านี้แต่ยังไม่ได้ทำแล้วเดินมาหาคิวทันทีโดยไม่ได้คิดเหตุผลหรือคำพูดที่จะต้องพูดกับคิวก่อน
คิวมองไอวี่ด้วยสายตานิ่งเรียบแต่พอเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายถือมาก็ถอนหายใจออกมา
“ทำไมไม่ให้ริต้ามาเรียก”
“ก็ฉันได้ยินจากทิมว่านายไปบ้านใหญ่
ไม่อยากให้นายย้อนไปย้อนมาก็เลยคิดว่ามารอที่นี่ดีกว่า”
“ไปรอที่เรือนแก้วไป” คิวเดินเข้าบ้านพักตนเองโดยไม่สนใจไอวี่ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะเรียกให้หญิงสาวเข้ามารอด้านในบ้านเพราะเป็นพวกหวงพื้นที่ส่วนตัวไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ
แต่ยกเว้นวันนั้นที่ไอวี่ถือวิสาสะเข้ามาก่อนได้รับอนุญาต..
ไอวี่ที่ยืนนิ่งอยู่กับที่จนคิวปิดประตูบ้านไปแล้วก็ยังกระพริบตาปริบๆ
อย่างมึนงงเพราะความรู้สึกมากมายตีกันในใจป่วนไปหมดที่คิวยอมสอนการบ้านเธอโดยไม่ด่าหรือไม่บ่ายเบี่ยงเลยแม้แต่น้อย
เธอดีใจมากแต่ก็รู้สึกหงุดหงิดด้วยเหมือนกันที่อีกฝ่ายเอ่ยปากไล่ให้ไปรอที่บ้านแทน
ไอวี่ยอมกลับมารอที่เรือนแก้วอย่างว่าง่าย
เพราะถ้าหากดื้อรั้นเธอกลัวว่าคิวจะไม่พอใจแล้วบรรยากาศดีๆ ระหว่างเธอกับเขาจะหายไป
“ทิมนายเคยเข้าไปในห้องของคิวรึเปล่า” ไอวี่ถามขึ้นระหว่างนั่งรอคิวอยู่ที่โถงใหญ่ภายในคฤหาสน์เรือนแก้ว
“ไม่เคยครับคุณหนู”
“แล้วเมืองสิงห์ล่ะ”
“ก็น่าจะไม่เคยนะครับ”
“รู้ไหมว่าทำไมคิวถึงไม่อยากให้ใครเข้าไป”
“ไม่ทราบครับ”
“แล้วรู้รึเปล่าว่าคิวชอบกินอะไร”
“ไม่ทราบครับ”
“นายเป็นลูกน้องภาษาอะไรถึงไม่รู้ว่าเจ้านายชอบอะไรไม่ชอบอะไรเนี่ย” ไอวี่เริ่มจะหงุดหงิดใส่ทิม
“เรื่องของคุณคิวถ้าพวกผมไม่ได้รับอนุญาตให้รู้ก็คงไม่รู้
เรื่องไหนที่คุณคิวอยากให้รู้ก็จะบอกเองครับ”
“ให้ตายเถอะน่าเบื่อทั้งเจ้านายลูกน้อง
ออกไปไกลๆ เลยไป”
ไอวี่ไล่ ทิมจึงขยับถอยห่างไปอีกนิด ประจวบเหมาะกับที่ทิมเห็นผู้เป็นนายเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบๆ
จึงถอยหลังออกมารวมกับทุกๆ คน พอได้รับสัญญาณมือให้ออกไปทิมจึงไล่เด็กรับใช้ออกไปบริเวณตัวบ้านส่วนเขาเองก็ไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมายมาก่อนหน้านี้
ไอวี่มองคิวที่เดินมานั่งที่โซฟา เธอมองเขาอย่างไม่พอใจที่อีกฝ่ายปล่อยให้เธอรอเกือบหนึ่งชั่วโมง
แต่ถึงจะไม่พอใจหรือแสดงสีหน้าอย่างไรอีกฝ่ายคงไม่สนใจอยู่ดี อีกทั้งยังหยิบใบงานทุกอย่างขึ้นไปอ่านด้วยใบหน้าเรียบเฉยด้วย
เธอมองเขาที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่แล้วอย่างสำรวจ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในสไตล์ไหนก็ดูดีไปเสียหมด
ยิ่งตอนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ผมสีดำเข้มจะลู่ลงไปกับโคลงหน้าทำให้ยิ่งเด็กและลดความเย็นชาลงแบบนี้ทำให้หัวใจเธอเต้นโครมครามจนน่ารำคาญ
“ไม่เข้าใจตรงไหน” คิวถามขึ้น
ไอวี่พลันได้สติตอนที่คิวถามขึ้นมา เธอเก็บความลนลานเอาไว้ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าที่เป็นปรกติที่สุด
“ทุกตรง”
คิวเงยหน้าขึ้นมามองไอวี่อย่างเคร่งเครียด ส่วนไอวี่เองก็เชิดหน้าเลิกคิ้วให้หนึ่งข้างคล้ายจะบอกว่าที่พูดออกไปเป็นความจริงไม่ได้กวนโมโห
“นายก็รู้ว่าฉันไม่เก่งคณิตศาสตร์ฟิสิกส์เคมีและวิทยาศาสตร์”
“...”
“...”
“ทำไมไม่ให้ริต้าหรือทิมสอน”
“ฉันใช้ให้ไปทำงานอย่างอื่น”
ไอวี่โกหกออกไปเพราะอยากให้คิวเป็นคนสอนเธอมากกว่า “ทำไมนายสอนฉันไม่ได้เหรอ?”
“...”
ไอวี่คิ้วกระตุกไปในทันทีที่คิวไม่ตอบแต่ใบหน้าที่แสดงออกมานั้นคล้ายกับจะตะโกนใส่หน้าว่า
‘เธอโง่เกินกว่าที่เขาจะสอนได้’
“ไม่อยากสอนก็ต้องสอนเพราะฉันเป็นเจ้านายของนายนี่
มีหน้าที่ดูแลและช่วยงานก็ทำไปสิ ชอบไม่ใช่รึไง ‘หน้าที่’
น่ะ”
ไอวี่พูดประชดออกมา
ส่วนคิวทำได้เพียงแค่ถอนหายใจแล้วหยิบกระดาษไปอ่านอย่างเงียบๆ
ไอวี่ลอบมองคิวที่กำลังอ่านใบงานของเธอ ไอวี่เปลี่ยนท่านั่งเอาแขนท้าวกับคางมองใบหน้าคมที่ฉายชัดถึงความตึงเครียด
ความจริงแล้วมันไม่ยากสำหรับคิวนักหรอกแต่ที่อีกฝ่ายเครียดแบบนี้ก็คงกำลังคิดหาทางสอนเธอยังไงให้รู้เรื่องก็เท่านั้น
“เดี๋ยวจะสรุปวิธีจำและวิธีคิดให้ง่ายๆ ตั้งใจฟังให้ดี”
ไอวี่พยักหน้าหงึกๆ
ก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อคิวเขยิบเข้ามานั่งใกล้ๆ ใกล้มากจนหัวใจเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากอก
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้ชายคาริสม่าแรงโชยมาเตะจมูก
มันเป็นน้ำหอมกลิ่นเฉพาะตัวของคิวที่เธอได้กลิ่นอยู่เป็นประจำ นอกจากจะทำให้ผ่อนคลายแล้วมันก็ทำให้สติของเธอไม่ค่อยอยู่กับตัวเท่าไรนัก
เธอแอบมองมือของอีกฝ่ายที่ทำตัวอย่างให้ดู
คิวเป็นผู้ชายที่มือสวยมาก นิ้วเรียวดูแข็งแรงและไม่ใหญ่เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาตอนอธิบายก็ทุ้มต่ำคล้ายกับมนต์สะกดให้เธอเคลิ้มฝันเพราะมันนุ่มนุ่มนวลกว่าทุกครั้งที่เธอเคยได้ยิน
อีกทั้งใบหน้าที่กำลังตั้งใจอธิบายนั่นทำให้วิญญาณของไอวี่หลุดออกจากร่างไปแล้วโดยสมบูรณ์
“เข้าใจรึเปล่า?” ไอวี่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจเพราะตั้งแต่แรกเธอก็ไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดเลย
เธอส่ายหน้าไปมา ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มนิ่งกว่าเดิม
สายตาเรียบนิ่งเชิงตำหนิทำเอาเธออยากจะยิ้มออกมาแต่ก็ต้องข่มใจไว้
“ไม่เข้าใจตรงไหน”
“อ่าน่าจะเป็นตรงนี้” ไอวี่ชี้ซึ่งมันคือจุดเริ่มต้นนั่นเอง
คิวเลิกคิ้วเล็กน้อย คงคิดว่าเธอจะกวนประสาทอะไรเขาสักอย่าง แต่เธอเปล่า..
ผิดเหรอที่เธอสนใจเขามากกว่าสิ่งที่เข้าใจยากพวกนั้น...
“ให้เธอจำสูตรตรงนี้ให้ได้ก่อนว่ามันมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
แล้วค่อยมาทำตัวอย่างง่ายๆกัน”
ไอวี่พยักหน้ารับฟังก่อนจะท่องจำโครงสร้างสูตร เมื่อจำได้คิวก็สอนโจทย์ง่ายๆ
ให้แต่ว่าง่ายยังไงมันก็ยังยากสำหรับเธออยู่ดี
“นี่เธอโง่หรือว่าโง่
สอนไปห้ารอบแล้วทำไมยังทำไม่เป็นอีก”
คิวบ่นออกมาซึ่งเธอไม่โกรธออกจะรู้สึกดีที่คิวรู้สึกโมโหแต่ก็รู้สึกผิดไปในเวลาเดียวกัน
“ก็มันยากนี่
และดูนายสอนสินายคิดว่าตัวเองเป็น
เลออนฮาร์ด ออยเลอร์เหรอ? พูดแต่ละอย่างทำไมมันเข้าใจยากแบบนี้ล่ะ!”
“สิ่งที่ฉันสอนมันไม่ได้ยากแต่เธอไม่ตั้งใจพอต่างหาก..เอาแต่มองหน้าฉันคงจะแก้โจทย์ได้หรอก”
ไอวี่สะดุ้งกับประโยคท้ายๆ ที่คิวรู้ว่าเธอเอาแต่แอบมองเขาแล้วไม่สนใจเรียน
“ขืนเธอยังไม่ตั้งใจเรียนและทำให้ตัวเองฉลาดขึ้นเร็วๆ
ไม่ช้าไม่เร็วคงโดนโกงจนกิจการของเธอคงจะถูกคนอื่นหุบไปแน่..”
ไอวี่ได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป
สิ่งที่เธอได้ยินในหัวซ้ำๆ คือคิวกำลังสอนให้เธอยืนหยัดด้วยตนเองอย่างอ้อมๆ อยู่
ซึ่งเธอควรจะดีใจแต่เธอดันไปจับประเด็นอื่นมากกว่า
“ทำไมล่ะ
ถึงตอนนั้นก็ให้นายนายจัดการให้ก็ได้นี่ นายบอกจะอยู่ข้างฉันช่วยฉันคอยเป็นมือขวาฉันยังไงก็ให้นายจัดการได้อยู่แล้วใช่มั๊ย?
นายจะไม่ไปไหนใช่ไหมคิว..ฉันไว้ใจนายนะ” ไอวี่ถามด้วยเสียงที่กังวล
“เคยสอนไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าอย่าไว้ใจใครนอกจากตัวเอง”
“แม้แต่นายน่ะเหรอ?”
“ใช่ แม้แต่ฉันเธอก็ห้ามไว้ใจ” คิวพูดจบเขาก็ไม่ได้วกเข้าประเด็นอีก
เขาหันไปสอนไอวี่อีกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้เขาเน้นเป็นพิเศษจนไอวี่เริ่มเข้าใจและทำใบงานได้แล้ว
ไอวี่นั่งทบทวนสิ่งที่คิวสอนมา
ไม่รู้จะบอกว่าเขาเป็นอัจฉริยะหรืออะไรดีเพราะเขาสามารถสอนเธอให้เริ่มเข้าใจอะไรแบบนี้ได้
ไอวี่นั่งทำงานไปจนเสร็จ พอมองนาฬิกาพบว่ามันผ่านมาแล้วสามชั่วโมงเธอจึงหันไปมองคิวที่ตอนนี้..หลับไปแล้ว...
ไอวี่ละสายตามานั่งจ้องมองคิว มองคนที่ตัวเองชอบมาสองปี
ถึงอีกคนไม่ได้คิดอะไรกับเธอแต่เธอก็ไม่สนใจ ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่เธอมีสิทธิ์ที่จะทำตามใจตัวเอง
ไอวี่สำรวจโครงหน้าอันหล่อเหลา คิวดูนิ่งสงบเหมือนทุกทีแต่บรรยากาศรอบๆ
กลับผ่อนคลายกว่าทุกครั้ง เหมือนว่าคิวลดเกาะป้องกันของตัวเองลง เธอลอบยิ้มออกมาเพราะมีความสุขที่เริ่มกะเทาะกำแพงหินภายในใจของคิวได้บ้าง
เธออยากบรรยากาศระหว่างเธอกับคิวเป็นแบบนี้ตลอดไปเลยก็ว่าได้
“ทำเสร็จแล้วรึไง”
ไอวี่สะดุ้งเบาๆ เพราะคนที่เธอแอบมองอยู่ไม่ได้หลับเหมือนที่คิด
กลับกันพอดวงตาคมจ้องมองกลับมาเธอก็ลนลานกลับมานั่งดีๆ
“เสร็จแล้วลองตรวจดูสิ”
คิวหยิบกระดาษขึ้นไปดูก่อนเขาจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ทำถูกแล้ว” เรียบๆ นิ่งๆ ไม่มีคำชมเหมาะสมกับเป็นเขา
ไอวี่ยิ้มออกมาก่อนจะโม้สรรพคุณตัวเอง
“เห็นไหมล่ะคนอย่างไอวี่หากจะทำก็ทำได้น่า”
“อืม วันนี้พอแค่นี้ก่อน..ไปนอนได้แล้ว”
ไอวี่เม้มปากเล็กน้อย เธอยังอยากอยู่กับคิวอยู่เลยแต่เหมือนเขาจะรู้ทันจึงพูดดักขึ้นมา
“ฉันมีงานต้องทำ” ไอวี่จึงพยักหน้าให้โดยจำยอม
เธอไม่อยากเป็นคนงี่เง่าให้เขาลำบากใจในตอนนี้
ไอวี่มองคิวผ่านทางหน้าต่างบนห้อง เธอเห็นเขากับลูกน้องคนสนิทอย่างทิมและเมืองสิงห์ยืนคุยกันอยู่
คิดว่าคงจะสั่งอะไรบางอย่างและเลือกให้ใครสักคนอยู่คุมที่นี่ และแน่นอนเหมือนกับทุกครั้งว่าจะต้องเป็นทิมที่ตามดูแลเธอส่วนคิวกับเมืองสิงห์ขับรถออกไปแล้ว
“คุณหนู”
“เป็นไงบ้าง”
ไอวี่ถามริต้าทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาในห้อง
“ยังไม่คืบหน้าแต่คิดว่าน่าจะได้เรื่องเร็วๆ นี้ค่ะ”
“พี่ไปพักเถอะเดี๋ยวฉันก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
ไอวี่บอกก่อนจะไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน
เธอให้ริต้าไปสืบข้อมูลของคิวซึ่งเธอก็รู้ว่างานที่ให้ไปสืบมันน่าจะยากที่สุดที่ริต้าเคยได้ทำ
อีกทั้งขนาดคนเก่งๆ แบบคิวยังสืบเรื่องของตนเองไม่ได้แม้แต่ปู่ของเธอเองก็น่าจะไม่รู้เช่นกัน
เธอจึงอยากจะสืบเรื่องนี้ให้คิวเพื่อที่จะใช้เรื่องนี้ไปเซอร์ไพร์สอีกฝ่าย
ไอวี่จำได้ว่าปู่ของเธอช่วยเหลือคิวมาจากต่างประเทศเมื่อห้าปีก่อน
สภาพที่ไอวี่เห็นคิวครั้งแรกที่มาหน้าคฤหาสน์นี้คือมีแต่รอยแผลเต็มตัวไปหมดแต่หนักสุดคงจะเป็นแผลที่หัวของร่างสูงที่ดูจะหนักหนากว่าที่อื่นๆ
ผ้าพันแผลสีขาวที่มีสีแดงของเลือดประดับนั่นเป็นภาพคุ้นตาสำหรับไอวี่
ทุกคนไม่รู้ว่าคิวเป็นใครมาจากไหนแต่ทักษะการต่อสู้ที่อยู่ภายใต้จิตสำนึกนั้นเข้าตาของนายใหญ่ตระกูลหงส์ฤดีเกียรติกุล
จึงโดนพามารักษาตัว ฝึกฝนและทำงานให้กับตระกูลของเธอจนกลายเป็นที่ยอมรับและเป็นมือดีอันดับต้นๆ
ของตระกูล
คิวเป็นลูกน้องของปู่อยู่สองปีจากนั้นก็ถ่ายโอนมาดูแลเธอเมื่อเกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้น
ไอวี่จำได้ว่าวันนั้นเธอโดนศัตรูของตระกูลจับตัวไปและถูกกักขังเอาไว้เป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์
เหตุผลก็ความขัดแย้งทางด้านธุรกิจมืดอะไรเนี่ยล่ะ ได้ยินว่าปู่เธอให้ลูกน้องทุกหน่วยตามหาเธอแต่ด้วยความที่ศัตรูแข็งแกร่งเกินไปรึเปล่าจึงหาไม่เจอ
หรือเจอแต่ปู่เธอก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อยอมตกลงธุรกิจก็ไม่รู้ เธอจึงต้องหวาดกลัวและอดทนอยู่กับคนพวกนั้น
บางครั้งด้วยความไม่ยอมคนของเธอก็มีเถียงพวกมันไปบ้างจนพวกมันโมโหเกือบฆ่าเธอตายแต่พวกมันก็ไม่ทำได้แต่ทรมานเธอเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนเธอแทบจะหมดหวัง ในความสิ้นหวังมันก็ยังมีความคิดที่ว่าจะต้องมีใครสักคนมาช่วยเธอได้
แต่แล้วสวรรค์ก็เห็นใจเธอเพราะความหวังที่มีเพียงน้อยนิดถูกเติมเต็มโดยผู้ชายคนหนึ่งที่มาช่วยเธอด้วยตัวคนเดียว..ใช่..คนคนนั้นคือคิว
เขามาช่วยเธอจากกลุ่มผู้ร้าย ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยไว้ใจใครอีกเลยนอกจากคิว
และจากวินาทีนั้นเธอก็หลงรักผู้ชายคนนี้โดยสมบูรณ์ ไม่มีข้อแม้หรือข้อกังขาในความรู้สึก
และนั่นคือเรื่องของคิวเธอรู้ ตลอดมาเธอเอาแต่สนใจปัจจุบันของเขาโดยไม่ได้คิดถึงว่าอดีตของคิวจะเป็นอย่างไร
แต่พอมาถึงตรงนี้เธอชักอยากจะเข้าใกล้คิวมากขึ้นจึงเริ่มที่จะตามหาอดีตที่เขาหลงลืมไป
เธอได้ข่าวว่าคิวเองก็ตามหาอดีตเช่นกันดังนั้นเธอจึงคิดที่จะช่วยเขาตามหาด้วยอีกแรง
เธออยากรู้เรื่องราวของคิวให้มากที่สุดและอยากเห็นรอยยิ้มของคิวเมื่อรู้ถึงเรื่องราวในอดีตจากปากของเธอก็เท่านั้น
ღ
Talk
น้องแน่ใจรึว่าอยากจะสืบหาจริงๆ
ถ้าน้องรู้ว่าพี่คิวเป็นใครน้องจะเสียใจไหมหืออออ
โหวต เม้นท์ เฟบ ให้กำลังใจ ※
______________________________
ความคิดเห็น