ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~คลังสะสมจินตนาการ~

    ลำดับตอนที่ #8 : 明美の日記

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 61



    明美の日記

    Hisashi Akemi another side story.

     

    วันๆของหนูเอก็คงจะเป็นแบบนี้แหละค่ะ

    หนูเอไม่มีอะไรที่อยากได้ไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ ได้อยู่กับคุณแม่แล้วก็คุณยายแค่นี้หนูเอก็ดีใจแล้ว....


     


                ฮิซาชิ อาเคมิ วันๆหนึ่งของเธอเริ่มต้นเมื่อแสงอาทิตย์อันเป็นสัญลักษณ์ของเช้าวันใหม่เข้ามาทักทายตัวเธอที่กำลังหลับสนิทผ่านบานหน้าต่างในห้องนอน แสงสีทองอ่อนลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทดีอย่างเงียบงัน อาบไล้แก้มใสของคนที่กำลังหลับสนิทอย่างอ่อนโยน


                อือ....เสียงติดแหบเล็กน้อยเนื่องด้วยยังไม่ตื่นดีดังแผ่วเบาจากลำคอ ร่างบอบบางพาตัวเองออกจากห้วงนิทราแสนสบายมาเผชิญกับเช้ายามเช้าที่เจ้าตัวคิดว่าสดชื่นเฉกเช่นทุกวัน


                เพดานห้องสีขาวคือภาพแรกที่เด็กสาวมองเห็นหลังจากเปิดเปลือกตาขึ้นมา ภาพนั้นพร่ามัวจากอาการสายตาสั้นก่อนจะค่อยๆชัดขึ้นเมื่อแว่นกรอบกลมสีช็อคโกแลตบนโต๊ะข้างเตียงถูกหยิบขึ้นมาสวม อาเคมิหยัดกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงแบบติดพื้น มองเห็นห้องนอนสีอ่อนแบบญี่ปุ่นขนาดสี่เสื่อที่เห็นมาจนชินตาและจำได้ทุกซอกทุกมุมขณะเหยียดแขนบิดขี้เกียจพลางอ้าปากหาวหวอด


                นาฬิกาเรือนน้อยทำด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปนกฮูกน่าเอ็นดูอันเป็นของขวัญวันเกิดที่ได้รับจากคุณยายเมื่อสองปีที่แล้วกำลังตีบอกเวลาหกนาฬิกาตรง อาเคมิมองเข็มสั้นเข็มยาวบนหน้าปัดเรือนเล็กอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกจากเตียงมาปัดๆที่นอนพร้อมด้วยพับผ้าห่มและจัดเครื่องนอนให้เป็นระเบียบ


                อีกสิบห้านาที...เด็กสาวพึมพำก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวพร้อมด้วยชุดสำหรับเปลี่ยนเพื่อไปเข้าใช้ห้องน้ำชั้นสองที่อยู่ด้านนอกห้องนอน


                แต่ทว่า....


                ปึก!!


                “โอ๊ยยยย!! อีกแล้วเหรอ T^T” คนตัวบางถึงกับทรุดตัวลงไปกุมเท้าร้องโอดโอย ดวงตากลมใต้กรอบแว่นนั้นมีน้ำตาปริ่มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ใต้ฝ่ามือนั้นคือปลายนิ้วก้อยเท้าแดงจัดซึ่งเกิดจากการกระแทกกับขอบประตูเข้าอย่างจัง


                น่าสงสารที่ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งที่สามของสัปดาห์แล้วที่นิ้วก้อยเท้าของเธอมีกรณีพิพาทกับขอบประตูห้องจนต้องลงไปนั่งกุมเท้าอยู่แบบนี้....


                ฮืออออออเสียงถอนหายใจดังแผ่วปะปนไปกับเสียงสะอื้นน้อยๆ อาเคมิค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นพลางลากเท้าเดินกะเผลกๆไปจนถึงห้องน้ำด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง


                ยามเช้าของฮิซาชิ อาเคมิ ก็เริ่มต้นด้วยอะไรประมาณนี้ล่ะนะ

                   .



                อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณยายเสียงแจ่มใสนั้นเอ่ยทักทายเหมือนเช่นทุกวัน อาเคมิวาดแขนกอดเอวของผู้เป็นมารดาก่อนจะจรดปลายจมูกสูดกลิ่นหอมจากเนื้อนิ่มอุ่นอย่างเคยชิน


                อาเคมิผละจากผู้เป็นแม่ก่อนจะขยับตัวไปกอดคุณยายที่อ้าแขนรอหลานสาวอยู่แล้ว เด็กสาวอายุสิบหกปีทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยในสายตาของหญิงวัยหกสิบสามปีหัวเราะคิกคักเมื่อมือเหี่ยวย่นนั้นบรรจงลูบเส้นผมของตนเหมือนอย่างทุกที


                หญิงวัยกลางคนทว่าความสวยสะคราญไม่ได้ร่วงโรยไปตามวัยอมยิ้มเบาๆกับความอบอุ่นที่ได้รับ มือเรียวสวยหยิบถ้วยข้าวที่ใส่ข้าวสวยอยู่เต็มส่งให้กับลูกสาว ส่วนอีกถ้วยที่มีข้าวอยู่เพียงครึ่งส่งให้กับหญิงชราที่นั่งรออยู่หัวโต๊ะ บนโต๊ะไม้ตัวเตี้ยขัดมันมีถ้วยข้าวและจานกับข้าววางพร้อมกำลังส่งควันฉุย อาเคมิหยิบตะเกียบแล้วจัดการคีบหมูชุบแป้งทอดใส่ถ้วยข้าวของตัวเองเพื่อแบ่งให้เป็นชิ้นพอดีคำ


                บ้านฮาซาชินั้นรับประทานอาหารที่โต๊ะตัวเตี้ยในห้องแบบญี่ปุ่นเป็นปกติแล้วใช้พื้นที่ในห้องครัวเฉพาะการประกอบอาหารและล้างถ้วยชามเท่านั้น หญิงสาวสามคนในบ้านนี้สะดวกที่จะได้พูดคุยกันและใช้เวลากับมื้ออาหารบนโต๊ะอเนกประสงค์มากกว่าจะไปนั่งทานข้าวที่โต๊ะในห้องครัว อาเคมิชอบเวลาที่ลมอ่อนๆยามเช้าพัดเข้ามาทางชานบ้านที่คุณยายจะตื่นแต่เช้ามาปัดกวาดและเปิดประตูแบบบานเลื่อนเอาไว้พร้อม ลมอ่อนๆนั้นจะพัดกลิ่นข้าวหอมๆทำให้เธอรู้สึกสดชื่นกว่าการทานข้าวในห้องครัว


                บ้านของอาเคมิอยู่ด้วยแบบเรียบง่ายด้วยวิถีชีวิตที่เกือบๆจะเป็นญี่ปุ่นแท้ ทั้งบ้านมีอยู่สามคนคือคุณยาย คุณแม่ และตัวอาเคมิเอง ส่วนคุณพ่อของอาเคมินั้นท่านเสียไปตั้งแต่อาเคมิอายุยังน้อยเหลือไว้เพียงรูปถ่ายเก่าๆกับคำบอกเล่าจากปากของผู้เป็นมารดาว่าคุณพ่อเป็นนักโบราณคดีที่ป่วยแล้วจากไปด้วยโรคร้ายก่อนวัยอันควร


                เด็กสาวไม่ได้รู้สึกว่าการขาดพ่อจะทำให้ชีวิตของตัวเองขาดหาย การเหลือเพียงผู้เป็นมารดาและผู้เป็นยายไม่ทำให้เธอรู้สึกว่ามันเป็นปมด้อยแต่อย่างใด คุณอาจจะมีบางครั้งที่ดุบ้าง แต่อาเคมิก็เติบโตมาด้วยความรักและความอบอุ่นที่พร้อมบริบูรณ์ดี


                เมื่อเช้าได้ยินเสียงดัง สะดุดอีกแล้วเหรอหนูเอ


                “ค่ะคุณแม่... หนูเอเดินออกจากห้องทีไรเป็นโดนขอบประตูทุกทีเลยค่ะ แหะแหะ


                อาเคมิหัวเราะแผ่วๆขณะคีบหมูชุบแป้งทอดกรอบๆเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เนื่องด้วยบ้านหลังนี้ถ้าหากไม่ใช่พื้นที่ภายในห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิกับห้องครัวที่ปูด้วยกระเบื้องสีนวลแล้ว ตัวพื้นบ้านและชั้นสองเกือบทั้งหมดทำจากไม้กระดานขัดมันอย่างดีเวลาทำอะไรจึงได้ยินเสียงตึงตังชัดเจน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้อาเคมิถูกปลูกฝังแต่เล็กว่าห้ามวิ่งภายในบ้านเพราะจะส่งเสียงดังตึงตังน่ารำคาญ


                เจ็บมากมั้ยหนูเอ กินข้าวเสร็จมาหายายมา ทายาสักหน่อยก่อนไปศาลเจ้าจะได้ไม่ปวดไม่บวมนะ


                “ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย ไม่ต้องทายาก็ได้ หนูเอโดนบ่อยแล้วเรื่องแค่นี้มากสบายค่ะ!” คุณนายฮาซาชิหลุดคำทันที


                “สบายมากจ้ะหนูเอ


                “เอ๋!!? หนูเอพูดผิดอีกแล้วเหรอคะ ; w ;”


                ในตอนเช้าหลังจากรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาแล้วอาเคมิจะช่วยคุณแม่เก็บล้างถ้วยชามก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วสวมรองเท้าเพื่อออกจากบ้านไปศาลเจ้าพร้อมกับคุณยาย เจ้าตัวจะไปช่วยคุณยายกวาดลานหินของศาลเจ้ากับคนเฒ่าคนแก่ท่านอื่นบ้าง พูดคุยกันบ้าง บางทีก็นำอาหารนกไปโปรยให้นกพิราบละแวกนั้น ใช้เวลาผ่อนคลายอยู่เกือบสิบห้านาทีแล้วจึงเดินทางไปโรงเรียนในตอนเจ็ดนาฬิกา


                ชีวิตในตอนเช้าของฮิซาชิ อาเคมิก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายแบบนี้นั่นแหละ

                .

     


                เวลาชีวิตเกือบทั้งวันของอาเคมิถ้าหากว่าไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์หรือช่วงปิดเทอมก็จะหมดไปกับการเรียนหนังสือและใช้ชีวิตเรื่อยๆอยู่ในโรงเรียน


                อาเคมิจะมาถึงโรงเรียนช่วงประมาณเจ็ดโมงกว่า เด็กสาวจะนำกระเป๋าขึ้นมาเก็บบนห้องแล้วนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง ที่นั่งของเธออยู่หน้าห้องเป๊ะๆตามที่คุณแม่เคยบอกไว้ว่าการนั่งหน้าห้องอาจจะช่วยให้เธอได้อะไรจากการเรียนบ้าง ที่นั่งของอาเคมิจึงมักจะอยู่หน้าห้องเสมอตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น จนทุกคนก็จะรู้กันว่าหากรายชื่อของอาเคมิไปอยู่ที่ห้องไหนก็จะต้องเว้นโต๊ะหน้าห้องเอาไว้ให้เธอคนนี้หนึ่งตัว


                ช่วงที่มาโรงเรียนเช้าๆก่อนเข้าเรียนบางวันอาเคมิก็คุยกับเพื่อนๆบ้างแต่ก็จะไม่พ้นการพูดคุยสองสามประโยคแล้วแยกย้ายไปต่างคนต่างทำเนื่องด้วยไม่สนิทกันมากนัก เวลาเบื่อๆอาเคมิจะชอบไปยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วมองลงไปด้านล่าง แต่วันนี้อาเคมิไม่ค่อยอยากจะไปยืนริมหน้าต่างเท่าไหร่จึงเลือกที่จะพาดแขนลงกับโต๊ะเรียนแล้วซบหน้าลงกับท่อนแขนแทน


                น่าเบื่อจังเลย....


                เสียงใสพึมพำกับตัวเอง อาเคมิไม่ค่อยชอบช่วงเวลาเบื่อๆก่อนเข้าเรียนแบบนี้เลย แต่พอถึงเวลาเรียนอาเคมิก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี ตอนนี้อาเคมิก็เลยไม่ค่อยจะมั่นใจว่าอะไรกันแน่ที่น่าเบื่อระหว่างการอยู่แบบเนือยๆในตอนเช้ากับตอนที่ต้องตั้งอกตั้งใจในห้องเรียน


                วันนี้วิชาในตารางเรียนวิชาหนึ่งระบุว่าเป็นวิชาคณิตศาสตร์ วิชาที่อาเคมิตั้งชื่อให้อย่างลับๆว่า วิชาที่เข้าใจยากที่สุดในโลกวิชาคณิตศาสตร์ห้อยท้ายอยู่เป็นวิชาสุดท้ายก่อนอาเคมิจะได้กลับบ้าน เด็กสาวอายุสิบหกปีหยิบหนังสือและสมุดออกจากกระเป๋านักเรียนเมื่ออาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามาในห้อง ทำความเคารพแล้วเริ่มเปิดหนังสือตามที่อาจารย์บอก


                บทที่หนึ่งหน้าที่สิบสี่...


                เซ็ต? เรื่องนี้คือเรื่องอะไรกันนะหนูเอไม่เห็นเข้าใจเลย TT^TT


                ดวงตากลมมองสลับระหว่าเนื้อหาในหนังสือกับเนื้อหาบนกระดาน อาเคมิขมวดคิ้วมองวงกลมสองอันทับซ้อนกัน พออาจารย์พูดอีกเรื่องหนึ่งวงกลมสองอันก็เพิ่มเป็นสามอันวางซ้อนกันอยู่ เด็กหน้าห้องเริ่มเบะปากเมื่ออาจารย์แรเงาลงบนพื้นที่บางส่วนของแผนภาพ ปลายนิ้วจิ้มค้างบนรูปในหนังสือรูปเดียวกับที่อาจารย์วาดบนกระดานเป๊ะๆ


                หนูเอไม่เข้าใจอีกแล้ว....


                วงกลมสองอันสามอันนี่คืออะไรกันนะ อาจารย์จะวาดมิกกี้เมาส์ให้หนูเอดูเหรอคะ ; w ;


                “นี่คือแผนภาพแบบของเวนย์และออยเลอร์...พออาจารย์เริ่มพูดเด็กสาวก็จับปากกาแล้วเขียนเนื้อความลงในสมุดอย่างบรรจง แผนภาพที่จะทำให้เข้าใจเรื่องเซ็ตมากขึ้น โดยนำข้อมูลที่กำหนดมาใส่ลงในพื้นที่ของแผนภาพ.....


                อาจารย์พูดอะไรยาวเหยียดเหมือนหางปลาซาบะตัวที่หนูเอกินเมื่อคืนเลย


                นำข้อมูลที่กำหนดมาใส่พื้นที่? แล้วพื้นนี่อยู่ตรงไหนเหรอคะ หนูเอเห็นแต่มิกกี้เมาส์ ฮือออออ


                หนูเอไม่เข้าใจอีกแล้วค่ะอาจารย์ ; w ;


                รู้ตัวอีกทีพอหมดคาบอาเคมิก็จดอะไรก็ไม่รู้ลงในสมุดวิชาคณิตศาสตร์เต็มไปหมด เด็กสาวมองเพื่อนๆที่เริ่มทยอยเก็บของเมื่ออาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้วด้วยสีหน้าปลงตก แว่วเสียงถอนหายใจเบาๆก่อนเจ้าตัวจะซบหน้าผากลงกับโต๊ะเรียนเสียงดังโป๊ก


                เป็นอะไรน่ะอาเคมิ!!?”


                คุณแม่ขาหนูเอนี่ไม่ได้เรื่องเลยค่ะ แต่นี่หนูเอก็พยายามแล้วนะคะ!!

                  .


     

                ทุกเย็นหลังจากเลิกเรียนอาเคมิจะเดินคอตกกลับบ้าน แต่พอเจอหมาแมวระหว่างทางก็จะกลับมายิ้มร่าเริงเหมือนดังเคย เด็กสาวชอบทางเดินกลับบ้านที่จะได้เจอคนเยอะแยะกับหมาแมวน่ารักๆ บางวันเธอเลยมักจะซื้อขนมมาสานสัมพันธ์กับเจ้าเพื่อนสี่ขาเหล่านี้ด้วย


                ใช้เวลาไม่นานในการเดินทางกลับบ้าน ทันทีที่หมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไปกลิ่นขนมหอมๆก็ลอยแตะจมูกทันที คุณแม่ของหนูเอเป็นแม่บ้านคอยดูแลบ้านและมักจะทำงานเสริมด้วยการช่วยกันกับคุณยายทำขนมกับน้ำสมุนไพรส่งขาย เมื่อทำครบตามจำนวนและนำไปส่งเรียบร้อยแล้วจึงจะมาทำขนมและของว่างรออาเคมิกลับบ้าน กลิ่นขนมจึงมักจะลอยมาจากห้องครัวเพื่อต้อนรับเด็กสาวในตอนที่กลับถึงบ้าน


                คุณแม่ขา คุณยายขาหนูเอกลับมาแล้วค่ะ


                เด็กสาวส่งสัญญาณบอกเหมือนอย่างเคย อาเคมิจัดการเก็บรองเท้านักเรียนเข้าตู้ ก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนเพื่อนำกระเป๋าไปเก็บและถอดถุงเท้าใส่ตะกร้าแยกเพื่อรอซักในวันหยุดก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างแล้วตรงเข้าห้องครัว


                กลิ่นหอมของขนมลอยฟุ้งแตะจมูกทันที อาเคมิเดินเข้าไปกอดคุณยายที่กำลังเช็ดโต๊ะแล้วหอมแก้มท่านทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะเดินไปกอดคุณแม่ที่กำลังคีบขนมจากถาดอบใส่จานพร้อมกับหอมแก้มท่านฟอดใหญ่


                ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างจ๊ะหนูเอ?คำถามเดิมที่มักจะถามทุกครั้งเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน ผู้เป็นมารดาส่งยิ้มละไมให้ลูกสาวก่อนจะส่งจานขนมให้เป็นเชิงให้เอาไปทานได้


                อาเคมิเป่าลมเบาๆออกจากริมฝีปาก เส้นผมหน้าม้าซึ่งถูกตัดเป็นระเบียบไหวน้อยๆตามแรงเป่า ก็เหมือนเดิมเลยค่ะคุณแม่ หนูเอพยายามแล้วนะคะ แต่มันยากจังเลยค่ะ


                แววทดท้อที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงทำให้ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะเด็กสาวเพื่อปลอบโยน สัมผัสอ่อนโยนบนเส้นผมทำให้อาเคมิสบายใจและเริ่มคิดที่จะพยายามใหม่


                แม่เชื่อว่าหนูเอทำได้นะจ๊ะ ตอนนี้ไปทานขนมกันดีกว่าจ้ะ---- มาค่ะคุณแม่เดี๋ยวหนูช่วย


                อาเคมิถือจานขนมกับกระปุกแยมส้มทำเองไปที่ห้องแบบญี่ปุ่น วันนี้คุณแม่ทำสโคนร้อนๆเอาไว้กินคู่กับแยม ที่วางอยู่คู่กับจานขนมเป็นน้ำชาฝีมือคุณยาย คุณนายบ้านฮาซาชิเปิดโทรทัศน์เพื่อดูข่าวในขณะที่เด็กสาวเอนตัวพิงหญิงชรา จิ้มแป้งร้อนๆกับแยมกลิ่นหอมแล้วส่งเข้าปาก


                อาเคมิชอบช่วงเวลาที่ตัวเองได้กลับมาถึงบ้าน พอถึงบ้านแล้วจะได้กลับมากินขนมที่คุณแม่และคุณยายทำไว้รอ บางวันคุณแม่จะดูข่าวแต่บางวันก็จะเป็นละครเรื่องดังที่นำมาฉายซ้ำ ส่วนอาเคมิชอบที่จะได้ทานขนมแล้วนอนหนุนตักอุ่นๆของคุณยายไปด้วย พอกินขนมเสร็จอาเคมิก็นำจานและถ้วยไปล้างทำความสะอาด หลังจากนั้นจะถึงเวลาที่เด็กสาวต้องขึ้นไปอาบน้ำระหว่างที่คุณนายบ้านฮาซาชิออกไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อของมาเข้าครัวทำอาหารเย็น


                อาหารเย็นจะถูกลำเลียงขึ้นโต๊ะตัวเตี้ยในห้องแบบญี่ปุ่นเมื่อนาฬิกาตีบอกเวลาหนึ่งทุ่ม สัญญาณคือเสียงหง่างๆของนาฬิกาแขวนแบบลูกตุ้มและเจ้านกคุกคูที่จะผลุบโผล่ออกมาจากประตูบานน้อยทุกครั้งที่เข็มยาวกลับมาบรรจบที่เลขสิบสอง ระหว่างรออาหารเย็นจะเป็นช่วงเวลาให้อาเคมิได้ทำการบ้าน บางวันสบายหน่อยก็จะลงมานอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมาบนเสื้อทาทามิแล้วช่วยคุณยายปัดกวาดชานบ้าน


                วันนี้อาเคมิไม่มีการบ้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ลงมานอนเล่นดูการ์ตูนทางโทรทัศน์ได้ทันที ปกติแล้วเด็กสาวมักจะใช้เบาะรองนั่งต่างหมอนแต่ก็จะถูกคุณยายดุว่าไม่ให้เอาของรองนั่งไปรองนอน เลยต้องหยิบหมอนใบนุ่มติดลงมาด้วย


                ดูการ์ตูนไปได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงคุณยายเรียกให้ออกมาช่วยกวาดชานบ้าน ลมตอนเย็นพัดมากำลังสบายในตอนที่เด็กสาวจับไม้กวาดลากไปตามพื้นแล้วมีคุณยายคอยเดินเช็ดนั่นถูนี่ตามหลัง ตามปกติแล้วอาเคมิควรจะเป็นคนกวาดและถูชานบ้านแต่เพราะอุปนิสัยซุ่มซ่ามของเจ้าตัวที่มักจะทะเลาะกับไม้ถูอยู่บ่อยครั้งคุณยายจึงป่วยการที่จะไหว้วานแล้วยกงานกวาดพื้นให้เธอเพียงอย่างเดียวแทน


                เมื่อนาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มอาหารควันฉุยก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ วันนี้อาหารเย็นเป็นหม้อไฟของโปรดของอาเคมิ ควันกรุ่นขาวโชยกรุ่นจากหม้อกระเบื้องขนาดกลางม้วนตัวลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศพร้อมด้วยกลิ่นหอมฉุย เต้าหู้และเนื้อปูขาวเนียนเดือดปุดๆอยู่กลางหม้อ อาเคมิคีบตะเกียบส่งผักและปูใส่ถ้วยให้กับคุณยาย ตามด้วยเต้าหูในถ้วยของคุณแม่ ส่วนของอาเคมิพิเศษหน่อยเพราะเจ้าตัวชอบทานหม้อไฟกับข้าวสวย ในถ้วยประจำตัวจึงมีข้าวสวยครึ่งถ้วยใส่อยู่ด้วย


                คุณยายขาพรุ่งนี้หนูเออยากเอาอาหารไปให้นกพิราบที่ศาลเจ้าค่ะ...อาเคมิหันไปออดอ้อนหญิงชราที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ สีหน้าของหลานสาวน่ารักน่าเอ็นดูจนหล่อนต้องพยักหน้ารับผสมกับหัวเราะเบาๆ


                บรรยากาศในมื้ออาหารเย็นไม่แตกต่างจากช่วงเช้ามากนัก ทั้งสามคนจะรับประทานอาหารผสมกับพูดคุยกันบ้างโดยมีเสียงทีวีเปิดคลอตามไปด้วย รอจนรับประทานอาหารเสร็จอาเคมิจึงจะช่วยคุณแม่เก็บล้างแล้วกลับมาปิดปะตูกั้นระหว่างด้านในกับชานบ้าน หลังจากนั้นจะเป็นช่วงเวลาให้คุณนายบ้านฮาซาชิได้อาบน้ำและเตรียมตัวพักผ่อนซึ่งระหว่างที่รออาเคมิก็จะเข้าห้องไปจัดเตรียมที่นอนและเปิดเครื่องปรับอากาศให้ภายในห้องเย็นสบาย


                ห้องนอนของคุณแม่คือห้องเดียวกับคุณยายซึ่งจะอยู่ชั้นแรกของบ้านเพราะคุณยายไม่สามารถเดินขึ้นบันไดหลายๆขั้นได้บ่อยนัก เมื่ออาเคมิจัดแจงที่นอนเรียบร้อยแล้วคุณยายก็จะเข้ามาในห้องเพื่อให้เด็กสาวนวดไหล่ให้ นวดไปคุยกันไปจนคุณแม่กลับเข้าห้องมาก็จะได้เวลาที่อาเคมิขึ้นห้องนอนของตัวเองที่อยู่ชั้นสอง


                พรุ่งนี้หนูเอก็จะพยายามอีกนะ!!”


                เสียงใสเอ่ยกับตัวเองด้วยกิริยากระตือรือร้น มือเล็กยกขึ้นตบแก้มนิ่มเบาๆ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆสามทุ่มแล้วใกล้ได้เวลานอนของอาเคมิเข้าไปทุกที เด็กสาวเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะกลับมาจัดกระเป๋านักเรียนเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้วก็ปิดสวิตซ์ไฟแล้ววิ่งตื๋อมากระโดดขึ้นเตียง


                ร่างบางซุกตัวในผ้านวมสีอ่อนลายตัวการ์ตูนตัวโปรด แว่นตาถูกถอดวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงจนมองเห็นเพดานห้องเป็นเพียงภาพพร่าเบลอ อาเคมิอ้าปากหาวน้อยๆก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงแล้วปิดเปลือกตาลง พาตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราอันยาวนานยามท้องฟ้าสีกำมะหยี่ ดวงจันทร์และดวงดาวมาเยี่ยมเยือน


                ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีของหนูเอด้วยนะคะ....


                แล้ววันพรุ่งนี้ แสงอาทิตย์ก็จะมาทักทายอีกครั้ง : )


                ถึงคนที่กำลังอ่านบันทึกเล่มนี้.... วันๆของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ฮิซาชิ อาเคมิก็เป็นแบบนี้แหละ เอาใจช่วยเธอไปพร้อมๆกันด้วยนะ J


    -FIN

              

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×