คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ เ จ็ ด
ต อ น ที่ เ จ็ ด
“ไม่ลืมอะไรแน่นะ?”
“อื้อออออ”
“สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน....”
“แม่....ผมเตรียมมาครบแล้ว เสื้อผ้า ถุงพลาสติกใส่ชุดเปียก ป้าคุมทุกขั้นตอนการจัดกระเป๋าของผมด้วยซ้ำ ป้าจะห่วงไรอีก”
“ก็แกเหมือนไม่ฟังที่แม่พูดเลยนี่”
“ฟังน่า เอาล่ะ ผมไปละนะ อยู่บ้านดูแลตัวเองดีๆด้วย”
ชะโงกหน้าไปหอมแก้มคนเป็นแม่ก่อนจะรีบเผ่นลงจากรถ หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดย่อมลงมาด้วย แล้วจึงเดินเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย แบคฮยอนชะเง้อซ้ายขวาหาชื่อบ้านของตัวเองก่อนจะพบว่ามีพี่ผู้หญิงสองคนยืนถือป้ายอยู่ไม่ห่างเท่าไรนัก
หนึ่งในนั้นเป็นคิมซอนมี...คนที่เพิ่งพบกันเมื่อไม่กี่วันก่อน
“อ้าวน้องแบคฮยอน”
รอบยิ้มกว้างถูกส่งมาให้ คนถูกทักจึงทำเพียงยิ้มทักทายกลับก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรตามเพื่อนสนิทที่เหลือเพียงคนเดียวอย่างโอเซฮุน
“อยู่ไหนแล้ว”
[กูอยู่กับไอ้ทงเฮเนี่ย....โอ๊ยยยมึงอย่าหยิกกูสิวะ! จะให้เปลี่ยนไปเรียกพี่มันได้หรอในเมื่อมึงทำตัวแบบนี้เนี่ย]
“แล้วมันคือตรงไหนวะ”
[ที่รถบัส เดี๋ยวจะมีพี่พามาเองอะ....ไอ้สัดดด!กูยืนยันคำเดิมว่าเจ็บบ กูเจ็บ!]
แล้วพวกมันสองคนก็ตบตีจนกระทั่งเขาวางสายไป เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าพี่ซอนมีกำลังยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่ แบคฮยอนยิ้มตอบกลับไปแห้งๆ
ไม่รู้รึไงนะว่าเขารู้สึกอึดอัดจะตายอยู่แล้ว
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงที่ชื่อว่าคิมซอนมี เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ผิดแม้แต่น้อยจะผิดก็แต่เขาที่รู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นบ้าเมื่อรู้ว่าอีกคนสนิทกับคนข้างบ้านมากขนาดไหน วันนั้นถึงขนาดขับรถไปส่งที่บ้านด้วยแล้ว.....
มันก็แค่ขับรถไปส่งที่บ้าน มันก็แค่นั้นเอง แค่นั้นเองจริงๆ
ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงจุดจอดรถบัสของบ้านเอสเอ็ม คู่พี่น้องเตี้ยโย่งเดินเข้ามาหาเขาที่มาถึง ใกล้เวลารถออกเต็มทีแล้ว แบคฮยอนกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะเจอคนข้างบ้านที่ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้ามืดกำลังจัดการป้ายชื่อของน้องแต่ละคนอยู่
“ไปเอาป้ายชื่อดิ อยู่ที่ไอ้ชานยอลมัน”
เม้มปากเพียงชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าเบาๆแบคฮยอนวางกระเป๋าเป้ตัวเองลงบนพื้นไว้รวมกันกับของทงเฮและเซฮุน ร่างเล็กค่อยๆเดินเข้าไปคนคนตัวสูงที่ถูกลีอมหน้าล้อมหลังด้วยรุ่นน้อง บางคนก็เข้ามาเพื่อจะเอาป้ายชื่อบางคนก็เข้ามาเพื่อพูดคุยหาที่แทรกไม่ได้เลยได้แต่ยืนต่อคิวรอ
“เฮ้ยน้องเตี้ย”
ก็มีคนเดียวป่าววะที่เรียกเขาแบบนี้
แบคฮยอนหันขวับไปมองต้นเสียงแทบจะไม่ต้องเดาให้ปวดหัวว่าเป็นใคร คิมจงอินที่วันนี้แต่งตัวด้วยเสื้อยืดกางเกงเลเหมือนกับชาวบ้านเขาแต่ทว่ามันก็ยังดูมีรัศมีมากกว่าคนอื่น ร่างเล็กโค้งตัวลงนิดหน่อย “มาเอาป้ายชื่อหรอ”
“อือ”
“มาเซ็นชื่อก่อนแล้วไปบอกไอ้ชานยอลมัน”
เขาเหล่ไปมองคนตาโตที่กำลังยืนทำหน้ามึนแจกป้ายชื่อให้รุ่นน้องพลางบ่นพึมพำ “รอต่อแถววันนี้ก็ไม่ได้หรอกป้ายชื่อน่ะ”
มาจนถึงวันนี้เขาถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วปาร์คชานยอลฮอตกว่าที่คิดไว้เสียอีก เรื่องเนียนนี่ขอให้บอก ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่าไอ้ที่แตะมือแตะแขนน้องสาวๆที่ยื่นมือไปขอป้ายชื่อนั่นน่ะ
“ชานยอล เด็กมึงมา!”
เด็กเหี้ยอะไรล่ะครับไอ้พี่จงอิน!
แน่นอนว่าสาวๆแถวนั้นต่างพากันหันมามองเขาเป็นจุดเดียว ดวงตาคู่เล็กเบิกกว้างขึ้นนิดหน่อยหันไปตบเข้าที่ไหล่ของคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเสียหนึ่งที
“อ้อ ล้อเล่น ขอป้ายชื่อแบคฮยอนเภสัชด้วย”
ไอ้คนตัวดำหันมายิ้มให้เขาก่อนจะเอ่ยปากสั่งเพื่อนสนิทซึ่งชานยอลก็ทำตามแต่โดยดี มือใหญ่นั่นหยิบป้ายชื่อของแบคฮยอนออกมาพลางกวักมือให้เข้าไปหา นิ้วเรียวชี้เข้าหาตัวเอง พอเห็นคนข้างบ้านขมวดคิ้วพลางพยักหน้าซ้ำเลยเบียดๆตัวเองเข้าไป
“อะไรพี่?”
ไม่มีตำตอบออกจากปากอีกคนนอกจากป้ายชื่อถูกสวมเข้าที่คอ ปาร์คชานยอลมองป้ายชื่อที่ตกลงไปอยู่ที่หน้าท้องอีกคนก็ขยับเข้าไปใกล้เอื้อมมือสองข้างไปทางด้านหลังของร่างเล็กที่กำลังยืนนิ่งผูกปมเพื่อรั้งให้ป้ายชื่ออยู่ตรงกระดูกซี่โครง แบคฮยอนได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆที่ดังแบบไม่ประเจิดประเจ้อมากนัก แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังตัวแข็ง ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนเฉยๆให้อีกคนทำท่าเหมือนกอดเขาเอาไว้
รู้สึกว่าตัวเองถึงคราวชิบหายก็วันนี้เอง หัวใจเต้นแรงมาก
“เสร็จแล้ว”
“....ขะ...ขอบคุณครับ”
“ถ้าป้ายชื่อหาย....โดนทำโทษนะ”
เขากลืนน้ำลายลงคอ ไม่อยากจะนึกถึงบทลงโทษที่อีกคนพูดถึงด้วยรอยยิ้มแย่ๆแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว.....
------ GIDDY CHANYEOL ------
“เอาล่ะปรบมือต้อนรับน้องๆเข้าสู่ บ้านเอสเอ็มมมมมม!”
เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวก่อนจะมีเสียงผิวปากมาจากรุ่นพี่ปีสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้มาถึงที่ทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาเดินทางก็สามชั่วโมงกว่าระหว่างนั้นก็มีพี่คังอินและพี่อีทึกมาช่วยสร้างสีสันไม่ให้เบื่อกันเสียก่อน ตอนนี้เริ่มเข้าสู่กิจกรรมตามกำหนดการ ก่อนหน้านั้นทานข้าวและปล่อยให้เก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว
“ก่อนอื่นเลยแนะนำตัวกันอีกครั้ง พี่ชื่อีทึกวิดวะปีสี่ครับ”
“พี่คังอินวิดวะปีสี่เหมือนกันครับ เราสองคนรับหน้าที่เป็นพิธีกรตลอดกิจกรรมรับน้องในครั้งนี้ กิจกรรมวันนี้อยู่ริมชายหาดนะครับแดดร้อนและเปียกน้ำแน่นอนเพราะฉะนั้นพี่จะให้โอกาสรอบสุดท้าย ใครอยากจะไปเปลี่ยนเสื้อบ้างรึเปล่า?”
แบคฮยอนหันมองซ้ายขวาก่อนจะพบว่าไม่มีใครเลยที่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนใหญ่ก็สวมเสื้อเสื้อสีเข้มกันทั้งนั้น ไม่นานนักเฟรชชี่ปีหนึ่งก็ถูกแย่งออกเป็นสี่กลุ่มใหญ่เพื่อเข้าตามฐาน
“มึงไม่มีหมวกอ่อวะ”
“เออ ลืมหยิบมา”
“เอาของกูไปใส่ปะ?”
“ไม่เป็นไร ใส่ไปเหอะ แดดแค่นี้ จิ๊บๆ”
จิ๊บพ่อง........
ที่จริงเขาควรจะยอมรับความหวังดีจากเพื่อนที่หยิบยื่นมาให้ เพราะหลังจากที่เริ่มเข้าฐานได้ไม่ถึงห้านาทีเขาก็สัมผัสได้ถึงไอแดดที่แผดเผาไปทั่วหน้า เขานั่งเอาหน้ามุดหลังไอ้เซฮุนมาตั้งแต่นั่งส่วนหูก็ฟังกติกาที่พี่ๆกำลังอธิบาย
เกมแรกไม่มีอะไรมากแค่ต้องวิ่งไปตักน้ำมาใส่ท่อที่ถูกเจาะจนพรุนให้เต็ม ใครที่ระดับน้ำสูงกว่าก็จะชนะไปโดยแบ่งย่อยอีกทีเป็นกลุ่มละห้าคน คนที่แพ้ต้องเล่นเกมกินป๊อกกี้ให้สั้นกว่า 5 มิลลิเมตร ถ้ายาวกว่านั้นต้องกินใหม่ แน่นอนว่าเขาชนะเลยไม่ต้องไปทำอะไรแบบนั้น
เมื่อบทลงโทษสิ้นสุดก็ได้เวลาเปลี่ยนฐาน แบคฮยอนเริ่มยกเสื้อยืดขึ้นมาคลุมศีรษะตัวเองจนเสื้อลอยขึ้นเผยให้เห็นพุงเล็กๆที่แอบซ่อนไว้ในร่มผ้า ยังไม่ทันจะถึงอีกฐานใครบางคนก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน
“ทำไมไม่สวมหมวกล่ะน้องแบคฮยอน”
“เหย....พี่คริส” แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจนิดหน่อยเมื่อพบว่าคนที่มาใหม่คือพี่รหัสปีสามของเขาที่เพิ่งได้เจอและคุยแบบไม่จริงจังมากนักเมื่อสามวันก่อน ร่างสูงนั่นมีหมวกปีกกว้างที่ดูแล้วโคตรเว่ออลังการอยู่ในมือ
“เอ้าเอาหมวกไป” พี่คริสถอดหมวกแก๊ปบนหัวตัวเองก่อนจะสวมมันให้เขา แบคฮยอนทำหน้างงในตอนแรกแต่ก็ไม่คิดจะปฏิเสธเพราะถึงตอนนี้เขาก็ระลึกได้แล้วว่าแดดมันร้อนมากจริงๆ ขยับปากเอ่ยขอบคุณคนที่เอาหมวกมาให้แล้วหันไปส่งยิ้ม
“ขอบคุณมากครับพี่ เอ้อ พี่มาไงอะทำไมผมไม่เห็น”
“ขับรถตามมา พอดีตื่นไม่ไหว”
“โหย เท่เลยๆ อะ.....เอาไว้ค่อยคุยกันนะพี่ ผมไปก่อน”
พอเห็นโอเซฮุนหันมองซ้ายขวาหาเพื่อนที่จู่ๆก็หายไปไม่เจอแบคฮยอนเลยรีบบอกลาคริสแล้วรีบวิ่งไปยังฐานใหม่ทิ้งให้คนตัวสูงใหญ่มองตามด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
น้องรหัสเขานี่....จริงๆแล้วน่ารักไม่เบาเลยว่ามั้ย?
“....ถ้ายังไม่เข้าใจพี่จะสาธิตให้ดูนะคะ อืม น้องแบคฮยอนลุกหน่อยค่า”
พอรู้ตัวว่าถูกเรียกคนที่นั่งอยู่แถวหลังก็สะดุ้งเฮือกแล้วสุดท้ายจึงลุกขึ้นยืนตามที่คิมซอนมีร้องขอ ใช่...พี่ประจำฐานก็คือคิมซอนมีที่มีข่าวกุ๊กกิ๊กกับคนข้างบ้านนั่นแหละ สายตาของเธอจ้องมาทางเขาก่อนจะยิ้มออกมาราวกับว่าดีใจที่เห็นเขายอมทำตามที่พูด
“พี่จะสาธิตในส่วนของคนที่จับได้ไม้สั้นให้ดูนะ”
ว่าจบก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาก่อนจะถือปกใสที่ทาด้วยแยมสตอเบอรี่ทั้งสองฝั่งคั่นระหว่างเขาและพี่ซอนมีไม่มีการถือให้เพราะเจ้าหล่อนยัดมันใส่มือเขาให้เป็นคนถือ พอได้ยินเสียงนกหวีดเป่าขึ้นเธอก็เริ่มเลียปกใสเพื่อทานแยมสตอเบอรี่นั่นให้หมด แบคฮยอนมองอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนที่สุดท้ายจะขยับเข้าไปเลียบ้าง
“ต้องมองตากันด้วยนะคะน้อง”
พอเห็นว่าเขาหลบสายตาผู้หญิงฝั่งตรงข้ามพี่ที่เป็นคนเอาปกใสมาให้ก็พูดขึ้นเสียงดังเพื่อให้ได้ยินกันทั่วถึง แบคฮยอนเลยจำตีองเบนสายตากลับไปมองคนฝั่งตรงข้ามที่กำลังมองเขาด้วยสายตาประหลาด
จะเยาะเย้ยก็ไม่ใช่ เรียกว่า....ยั่วยวนก็คงไม่ผิดนัก
แบคฮยอนไม่ได้คิดไปเอง สายตาอีกคนที่กำลังส่งมาหากเป็นโอเซฮุนที่อยู่แทนเขาตอนนี้มันได้นัดแนะขึ้นห้องกับพี่เขาเรียบร้อยไปแล้ว
พอหมดแบคฮยอนรีบผละออกมาก่อนยื่นแผ่นใสคืนพี่ผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักชื่อไปแล้วรีบวิ่งกลับไปนั่งที่เมื่อรู้สึกแปลกๆกับสายตาที่ยังคงจับจ้องมา
“หวานหยดเยิ้มเลยนะมึง”
“ก็เหี้ยแล้ว”
“ส่วนคนที่จับได้ไม้ยาว.....น้องเซฮุน ออกมาสาธิตให้เพื่อนๆดูหน่อย”
ซังอา...พี่ซังอา อีกหนึ่งสาวอักษรที่สวยไม่แพ้กันหันนิ้วมาทางโอเซฮุน แน่นอนว่าไอ้เพื่อนตัวดียิ้มร่ายอมลุกไปข้างหน้าแบบไม่อิดออด ร่างโปร่งไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าก่อนที่พี่ซังอาจะเอาเชือกมาผูกไว้ที่เอว โดยที่ส่วนปลายอีกข้างผูกไว้กับเชือก มือเล็กขยับให้มันมาห้อยไว้ตรงกลาง
“ใครที่จับได้ไม้ยาว น้องต้องกินกล้วยให้หมดค่ะ”
โอ้โห...แยมสตอเบอรี่กับแผ่นใสกูนี่เบๆไปเลย
ไอ้เซฮุนทำหน้าอึ้งตะลึงไปพักใหญ่ก่อนจะยืนนิ่งๆไม่รู้ว่ายอมแต่โดยดีหรือช็อคตัวแข็งไปแล้ว เขาได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดด้วยความชอบใจมาจากผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนนั่งลงข้างๆ “อ้าวพี่คริส....ทงเฮ”
“กะไอ้คริสเรียกพี่ ส่วนกูเรียกทงเฮ สองมาตรฐานว่ะ”
“กระผมต้องขอประทานโทษด้วยนะขอรับที่เข้าใจผิดคิดว่าเรายังคงสนิทกันเหมือนเมื่อก่อน”
“พูดงี้จับหน้ากูไถพื้นทรายเลยก็ได้แหม” ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นรุ่นพี่ล่ะก็ เขาจับหน้ามันไถกับพื้นทรายจริงๆด้วย
แต่แบคฮยอนก็ไม่ทำอะไรนอกจากแกล้งเอามือประสานไว้ที่หน้าท้องก่อนจะทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมแล้วโค้งตัวลงจนโดนไอ้อดีตเพื่อนเตี้ยกดหัว เขาร้องโวยวายออกมาเบาๆเมื่อพบว่าหน้าตัวเองกำลังจะทิ่มทราย “ทงเฮ! ไอ้ทงเฮ!”
“เลิกแกล้งน้องได้แล้วไอ้นี่” พี่คริสปรามก่อนจะคว้ามือของคนขี้แกล้งเอาไว้ แบคฮยอนหันมาถลึงตาใส่ก่อนจะทำท่าหาเรื่อง ไม่วายโดนเสียงทุ้มของพี่คริสขัดขึ้นก่อน “เล่นเกมฐานนี้กับพี่แล้วกัน”
“หะ......?”
------ GIDDY CHANYEOL ------
เสียงวี้ดว้ายที่ดังมาจากทางริมชายหาดทำเอาคนที่เป็นฝ่ายสวัสดิการต้องหันไปมองยังต้นเสียง ก่อนจะพบเด็กผู้ชายร่างเล็กกำลังขยับหน้าเข้าไปใกล้กับรุ่นพี่ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างคริส ปาร์คชานยอลละสายตาจากเหล่าของว่างที่เตรียมไว้ให้น้องๆก่อนจะหันไปมองเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นที่ริมชายหาดซึ่งไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไรนัก
เด็กข้างบ้านตะบี้ตะบันเลียแหลกราวกับว่าจะให้จบเกมนี้ไวๆในขณะที่คริสหรือพี่คริสกลับค่อยๆละเมียดละไมราวกับว่ากำลังทานขนมหวานที่ไม่อยากให้หมด เสียงเชียร์ดังมาจากน้องผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านในบอกให้ยกแผ่นใสออก ชานยอลทำหน้านิ่ว
ไม่โอเค....นี่มันไม่โอเคเลย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่าการยืนมองอยู่แบบนี้แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองไปมา คิมจงอินที่ช่วยดูแลของอยู่ไม่ห่างหันมาเห็นเข้าเลยเอายปากถามเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติ
“มึงพูดอะไรคนเดียววะ”
“.....นู่น” ไม่มีการปิดบังหรืออะไรทั้งสิ้น ริมฝีปากบางบุ้ยไปทางริมชายหาดที่เกมบ้าบอนั่นยังไม่เลิกรา รู้แบบนี้แล้วปาร์คชานยอลไม่ควรโหวตให้มีเกมนี้ด้วยซ้ำ “มันไม่โอเคเลย”
“ไม่โอเคไรวะ กูก็เห็นน้องเขาสนุกกันดีออก”
ว่าพลางยกแขนขึ้นเท้าลงบนไหล่ของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้คิ้วแทบจะพันกัน คนผิวเข้มยกยิ้มขึ้นมาหน่อยๆเมื่อเริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า
“เอ้ออออออ”
“...ก็บอกแล้ววามันไม่โอเค”
“มึงไม่โอเคคนเดียวแหละ”
“ซอนมียังไม่เห็นสนุกด้วยเลย” ยกเพื่อนผู้หญิงที่ยืนมองสองคนนั้นอยู่ห่างๆด้วยท่าทางไม่ร่าเริงเหมือนตอนแรก จงอินส่งเสียงเหอะในลำคอหยันๆ
“ตกลงมึงไม่โอเคที่เด็กข้างบ้านโดนล้อ หรือมึงไม่โอเคที่คิมซอนมีไม่สนุกกันแน่วะ”
“....ก็ทั้งสองอย่าง”
“คำตอบแบบนี้ไม่ว่าจะซอนมีหรือแบคฮยอน.....”
“.........”
“ไม่ว่าใครมาได้ยินเข้า เขาก็ไม่ดีใจหรอกนะกูจะบอกให้”
------ GIDDY CHANYEOL ------
แบคฮยอนคิดว่าเขากำลังถูกพี่ซอนมีตามติดไม่ห่าง
เช่นเดียวกับโอเซฮุนที่โดนพี่ซังอาแซวตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน
นี่มันเรื่องนรกบ้าบออะไรกัน
พี่คริสหายตัวไปอีกครั้งเพราะบอกว่ามีธุระจะกลับมาอีกทีช่วงดึกๆ มีการแอบกระซิบว่าจะมีกิจกรรมสานสัมพันธ์อะไรไม่รู้ในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ พอเขาถามว่าตอนเช้าจะมีกิจกรรมอะไรอีกคนก็อุบไว้ไม่ยอมบอกเสียอย่างนั้น ด้วยเหตุนี้ที่นั่งทานข้าวมื้อเย็นด้วยกันเลยมีเขา เซฮุนและอีทงเฮ ทำตัวเหมือนกับเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนก่อนที่จะรู้ความจริงโดยมีโต๊ะของรุ่นพี่อักษรปีสองนั่งอยู่ไม่ห่าง
เสียงพูดคุยดังจ้อกแจ้กพลางหัวเราะคิกคักแล้วส่งสายตามาทางนี้ แบคฮยอนขยับตัวไปมาด้วยความอึดอัดก่อนจะลุกขึ้นยืน อ้างว่าจะขอตัวไปห้องน้ำแต่สุดท้ายก็ออกมาเดินเล่นด้านนอกคนเดียว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาแม่ที่วันนี้ยังไม่ได้โทรไปหาเลย
[หายไปเลยนะ]
“น่า ทำกิจกรรมทั้งวันเลย ตอนนี้เพิ่งจะว่าง ป้ากินข้าวยัง?”
[กำลังจะขึ้นนอนแล้ว แกล่ะ?]
“เพิ่งกินเสร็จเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว ตอนนี้กี่โมงเนี่ย ทำไมนอนเร็วจัง”
[มันเหนื่อยน่ะสิ้ แก่แล้วก็แบบนี้]
“อันนี้ป้าว่าตัวเองนะ ผมยังไม่ได้พูดอะไรนะ”
หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเดินเลีบนไปตามชายหาดที่สั้นกว่าเมื่อตอนกลางวันมากโข คุยกันอีกสองสามประโยคก่อนจะกดวางสายเพื่อให้คนกำลังเหนื่อยได้พักผ่อน แบคฮยอนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะชะงักเมื่อพบว่ามีใครบางคนยืนห่างออกไปเกือบสิบเมตร
คนข้างบ้านกำลังหันหน้าเข้าทะเล เสื้อเชิ้ตสีขาวบางเบาที่สวมคลุมเสื้อกล้ามเอาไว้กำลังปลิวเล็กน้อยเพราะลมที่พัดผ่าน
มายืนทำอะไรที่นี่...ตอนนี้?
ร่างเล็กหยุดมองอยู่ตรงนั้นก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ พยายามจะไม่รบกวนการใช้ความคิดของอีกคน
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นแบบนั้น บยอนแบคฮยอนรบกวนความคิดของชานยอลเข้าเต็มๆ
“ออกมาเดินมืดๆคนเดียว....”
“......?”
“เดี๋ยวก็เจอดีอีกหรอก”
เขาหยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงอีกคนทักขึ้นมา ร่างสูงเอี้ยวใบหน้าหล่อมามองเขาเล็กน้อย พูดด้วยท่าทางนิ่งๆไม่รู้ว่าเป็นห่วงจริงๆหรือทำเพราะแม่เขาฝากให้ดูแลกันแน่
“ในรั้วรีสอร์ท ไม่เป็นไรหรอกพี่”
“ในซอยบ้านตัวเองยังไม่ปลอดภัยเลย”
“โอเค ต่อไปผมจะระวังตัว พอใจยัง”
“ทำไมชอบประชดจัง” คนตัวสูงนิ่วหน้า แน่นอนว่าแบคฮยอนเองก็ทำเช่นเดียวกัน เขากลอกตาไปมาไม่รู้ว่าตัวเองไปพูดประชดประชันอีกฝ่ายตอนไหน ก็แค่พูดเพื่อตัดปัญหาให้คนข้างบ้านไม่ต้องลำบากเพราะเขาอีก
“ผมไม่ได้ประชด”
“นายทำ”
“ผมเปล่า”
“นายประชด”
“ก็บอกว่าไม่ไง”
“นาย.....”
“โอเค! ผมประชด!” สุดท้ายแล้วเขาก็แพ้คนตรงหน้าอีกครั้งซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นครั้งที่เท่าไหร่สำหรับการเถียงกัน อาจจะไม่มีเลยซักครั้งที่แบคฮยอนจะชนะ
เขาตวัดดวงตาคู้เล็กของตัวเองที่หรี่ลงด้วยอารมณ์โมโหไปยังผู้ชายหน้ามึนตัวสูงที่ตอนนี้เหมือนจะยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อย ปาร์คชานยอลหันมาสบตาเลยเป็นแบคฮยอนเองที่หลบแทบจะไม่ทัน
ชานยอลขยับริมฝีปากนิดหน่อยจะเอ่ยปากรั้งร่างเล็กที่ตอนนี้ออกตัวย่ำกลับไปทางห้องทานอาหาร หากแต่ยังไม่ทันออกเสียงก็เห็นร่างบอบบางของใครบางคนกำลังวิ่งเข้ามา
“ชานยอล! ใกล้ได้เวลาแล้วนะ”
แบคฮยอนชะงักมองคนที่วื่งเข้ามาใหม่ พี่ซอนมีเอามือป้องปากตะโกนเรียกคนที่อยู่ด้านหลังเขา ส่งยิ้มมาทางนี้นิดหน่อยก่อนจะวิ่งเลยผ่านเขาไปคว้าแขนปาร์คชานยอลวห้วิ่งกลับไปด้วยกัน
“น้องแบคฮยอนเองก็รีบๆกลับไปที่ห้องประชุมด้วยนะ”
เขาสบตากับคนที่กำลังโดนลากเพียงชั่วครู่ สายตาคู่นั้นกำลังบังคับให้เขาเอ่ยปากรับคำ
“ครับ...แล้วผมจะรีบตามไป”
ถึงตอนนั้นปาร์คชานยอลจึงยอมละสายตาจากเขาแล้วก้าวเท้ายาวๆไปตามแรงลากของอีกคน
ถึงตอนนั้นปาร์คชานยอลจึงยอมละสายตาจากเขาแล้วก้าวเท้ายาวๆไปตามแรงลากของอีกคน
4 0 %
------ GIDDY CHANYEOL ------
แบคฮยอนเดินกลับเข้ามาด้านในก่อนจะตรงไปยังห้องประชุมใหญ่ ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ ทุกคนในห้องประชุมกำลังนั่งล้อมกันเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องนั่งสลับกันเป็นจุดๆ แบคฮยอนทิ้งตัวลงนั่งข้างเพื่อนสนิทอย่างโอเซฮุน ส่วนอีทงเฮนั้นหายไปไหนก็ไม่ทราบได้
“กิจกรรมต่อจากนี้พี่จะไม่บังคับ ใครไม่ทำไม่เป็นไร แต่พี่อยากให้น้องทุกคนนั่งมีส่วนร่วมนนะ นั่งสนุกกันเฉยๆก็ได้”
“มันจะเป็นการเพิ่มความสนิทแบบแปลกๆ”
“แล้วกิจกรรมที่ว่านั่นคืออะไรครับคุณอีทึก”
“บ๋อย! จัดมา!” สิ้นคำก็มีรุ่นพี่ผู้ชายที่แบคฮยอนพอจะคุ้นหน้าคุ้นตายกลังอะไรบางอย่างออกมา ถึงตอนนั้นเขาก็ถึงบางอ้อเมื่อพบว่าเป็นเหล้าสองถึงสามลังถูกยกออกมาวางไว้กลางวงพร้อมกับขนมขบเคี้ยวอีกสิบกว่าแพค
“ต่อไปจะเป็นการผูกตับ น้องรู้จักผูกตับมั้ย”
ขวดเหล้าประมาณห้าหกขวดถูกวางอยู่ด้านหน้าของน้องปีหนึ่งและพี่ๆกระจายอย่างทั่วถึง รุ่นพี่คังอินที่เป็นพิธีกรประจำงานเริ่มกล่าวเกริ่นนำในขณะที่แบคฮยอนก็มองแก้วเปล่าตรงหน้า
“น้องผู้หญิง น้องผู้หญิงที่ไม่กินเหล้าน้องสามารถเลือกผู้ชายในวงนี้มาได้หนึ่งคน คนที่น้องไว้ใจว่าเขาจะสามารถกินเหล้าแทนเราได้เวลาที่เราเล่นเกมแล้วโดนทำโทษ ทั้งหมดนี่คือการผูกตับ”
คนรอบข้างเริ่มส่งเสียงฮือฮา เด็กปีหนึ่งด้วยกันส่งเสียงครึกครื้นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โอเซฮุนหันมามองหน้าเขาก่อนจะยักคิ้วน้อยๆ “ผูกตับกับกูป้ะ”
“ห่า กูผู้ชาย แดกเองได้”
อีกคนทำเพียงยักไหล่น้อยๆแล้วหันไปหยิบถังน้ำแข็งที่ส่งต่อกันมาเรื่อยๆใช้แก้วตักน้ำแข็งใส่แก้วทั้งของตัวเองและเผื่อแผ่มายังเขา ก่อนที่จะดันถังนั่นส่งต่อไปให้คนข้างๆ แบคฮยอนเหลือบมองไปทางใครคนนั้นที่นั่งถัดจากตัวเองไปประมาณสิบกว่าคนทางด้านขวามือ ปาร์คชานยอลกำลังแกะซองขนมในขณะที่คิมจงอินกำลังเทเหล้าใส่แก้วของเพื่อน
“มองไรวะ”
“อ้อ เปล่า”
คนถูกทักรีบเบนสายตากลับมาก่อนจะหยิบเป๊ปซี่มาเทใส่แก้วตัวเองและก่อนที่มันจะเต็มโอเซฮุนก็หยุดมือเขาไว้แล้วเอาเหล้ามาเทใส่ ใช้ขนมที่ถูกแจกมาให้คนมันเบาๆพลางเลื่อนกลับมาที่เดิม
ใช่ แบคฮยอนกำลังจะลองกินเหล้าครั้งแรกในชีวิต
เขาไลน์ไปบอกแม่เมื่อกลางวันแล้วว่ามาทริปครั้งนี้มีเหล้าแน่นอนนะ แม่ก็บ่นง้องแง้งไปตามประสาก่อนจะตบท้ายด้วยคำว่าให้ระวังตัวซึ่งเขาก็บอกไปเพื่อให้แม่สบายใจว่ามีปาร์คชานยอลอยู่ หมอนั่นคงจะไม่ปล่อยให้เขาเมาหัวราน้ำหรอก
ซึ่งมันก็....คงจะเป็นไปตามยถากรรม ตัวใครตัวมันก็แค่นั้น
“แต่การผูกตับมันไม่ได้หมดลงแค่นั้น สมมติถ้าเกิดว่าผู้ชายคนไหนถ้าไม่ได้ถูกเลือกแล้วอยากจะผูกตับกับผู้หญิงคนนั้นให้ลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่าไม่ยอม เราจะทำการดวลกันด้วยการให้ชูจำนวนนิ้วขึ้นมา”
เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นอีกครั้งและแบคฮยอนก็มองไปที่กลุ่มพี่ผู้หญิงที่เขาโดนแซวไปเมื่อกลางวัน สาวเจ้ากำลังหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจก่อนจะส่งสายตามาหาแน่นอนว่าร่างเล็กทำได้เพียงส่งยิ้มแหยๆกลับไป
“จำนวนนิ้วจะบอกถึงจำนวนวินาทีที่เราจะดื่มเหล้าเพียวๆจากขวด ใครให้มากกว่าคนนั้นก็เอาไปเลย”
“เฮ้ยๆ เอาเหี้ยไร”
“กูหมายถึงผูกตับกับผู้หญิงคนนั้นเลย แหมะไอ้เหี้ยนี่ก็คิดแต่เรื่องแบบนี้”
พี่คังอินโบกหัวพิธีกรคู่อย่างพี่อีทึกไปหนึ่งทีพร้อมกับวนกลับมาเข้าเรื่องต่อ ร่างน้อยที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากรุ่นพี่ทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาเบาๆแล้วมองไปยังผู้หญิงคนแรกที่ถูกเรียก
“ขอเชิญน้องอึนจีสาวแกร่งไร้เทียมทาน เลือกใครดีครับ?”
“รุ่นพี่ซีวอนค่ะ” สาวเจ้าว่าในขณะที่หน้าเริ่มแดงๆ แบคฮยอนเลิกคิ้วนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าจองอึนจีจะมีมุมนี้กับเขาด้วย เพื่อนของรุ่นพี่ซีวอนเริ่มส่งเสียวแซวไม่เว้นแม้แต่พี่ปีสี่อย่างพิธีกรคู่ “ขอเหตุผลที่น้องอึนจีเลือกพี่ซีวอนด้วยครับ”
“คิดว่าพี่เขาน่าจะไว้ใจได้ค่ะ”
“ถึงขนาดนี้แล้วพี่คิดว่าน้องน่าจะให้ใจน้องซีวอนไปแล้วนะ”
“เอร้วววววว” สองพิธีกรพากันหยอดพากันแซวจนคนที่ชื่อว่าจองอึนจีแทบจะม้วนตัวลงไปนอนกองกับพื้น ร่างสูงของชเวซีวอนลุกขึ้นยืนพร้อมกับแก้วเหล้าแล้วดื่มให้กับน้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเสียหนึ่งแก้ว
“มึงว่าพวกกลุ่มนั้นจะเลือกเราป่าววะ”
ระหว่างที่กำลังมองคนอื่นเพลินๆโอเซฮุนก็ชวนเขาคุยอีกรอบก่อนจะบุ้ยปากไปทางฝั่งตรงข้ามที่มีเหล่าบรรดารุ่นพี่ที่ขยันหยอดขยันแซวเขาเมื่อตอนกลางวัน โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่มีใครหันมา สองหนุ่มจากเภสัชเลยรอดพ้นจากการโดนแซวผ่านทางสายตาในตอนนี้ ศีรษะเล็กผงกหงึกหงักเพื่อยืนยันความคิดนั้น แน่นอนว่าสองคนจากทั้งหมดนั้นต้องเลือกเขาแหงแหงบ
“จริงๆกูว่าพี่เขาสวยนะ แต่แม่งขยันแซวไปหน่อย เอาไม่ลงเลยกู”
“นี่กะเอาเลย?”
“ไอ้ห่า หมายถึงจีบมั้ยยังไง มึงก็มีมุมนี้เหมือนกันนะแบคฮยอน”
แบคฮยอนหัวเราะออกมาก่อนจะนั่งมองแก้วเป๊ปซี่ที่ตอนนี้มีเหล้าผสมอยู่ด้วย เขาเอื้อมมือออกไปจับแล้วยกขึ้นจิบเล็กน้อย มันต่างจากเป๊ปซี่ทั่วไปนิดหน่อยแต่นั่นมันก็แน่อยู่แล้ว มันใช่เป๊ปซี่ที่เขากินปกติเสียเมื่อไหร่ แม้จะมีรสชาติเฝื่อนๆติดอยู่ที่ปลายลิ้นแต่มันก็ให้ความรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
ผู้หญิงคนแล้วคนเล่าผ่านไป แบคฮยอนจิบไปได้ครึ่งแก้วพลางเหลือบมองไปยังใครอีกคนที่ยังคงนั่ง ปาร์คชานยอลมีถูกเลือกบ้างแต่ก็ไม่เคยให้จำนวนในการกินเหล้ามากกว่าห้าวินาที เพราะงั้นพวกผู้หญิงที่เลือกชานยอลมีอันต้องแห้วไปและตัวหมอนั่นเองก็ยังไม่ลุกขึ้นยืนเพื่อขอแย้งการกระทำของผู้หญิงคนไหน
“ต่อไปๆ น้องซังอาปีสองครับ เลือกใครดีเอ่ย?”
“น้องเซฮุนค่ะ”
คนที่อยู่ข้างตัวแบคฮยอนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง พี่อีทึกถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปสัมภาษณ์ลีซังอาสาวอักษรปีสองที่กำลังหัวเราะคิกคักกับเพื่อน “ขอเหตุผลที่น้องเลือกกินเด็ก เอ้ยๆ เลือกน้องเซฮุนหน่อยครับ”
“กินเหล้าแล้วไม่เมากินเราได้นะเออ”
เอร้วววววววววววววว
“เหตุผลเหี้ยไรวะเนี่ย”
เพื่อนเขาถึงกับบ่นพึมพำก่อนจะแสร้งยิ้มออกไป แบคฮยอนหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเอนตัวไปตีหน้าตักเพื่อนเบาๆ และแน่นอนว่าในเมื่อไม่มีคนแย้งขึ้นมาโอเซฮุนจำค้องดื่มเหล้าหนึ่งแก้วเพื่อเป็นเกียรติให้กับรุ่นพี่ที่เลือกไว้ใจเขา ถัดไปเป็นสาวอักษรปีสองอีกเช่นกัน แบคฮยอนเผลอสบตาเข้าหน่อยเดียวก็มีอันต้องสะดุ้งโหยง
“เลือกน้องแบคฮยอน!”
“พี่ยังไม่ทันถามเลยซอนมี ของเขามาแรงจริงๆ”
“ไม่ทันแล้วพี่อีทึก ซอนมีเลือกแบคฮยอน”
ว่าจบก็วิ้งใส่ ถึงตอนนี้แบคฮยอนเลยได้รู้ว่าทำไมเพื่อนเขาถึงได้กะอักกระอ่วนอะไรขนาดนั้น คิมซอนมีสาวอักษรปีสองหันไปหัวเราะกับเพื่อนในขณะที่พี่อีทึกที่เป็นพิธีกรเริ่มเอ่ยปากหาคนที่ต้องการจะแย่งซอนมี
“มีใครไม่ยอมให้น้องซอนมีผูกตับกับน้องแบคฮยอนมั้ยครับ”
คิดว่าคงไม่ต่างจากที่เพื่อนโดนซักเท่าไหร่แบคฮยอนเลยเทเป๊ปซี่ให้เต็มแก้วเตรียมยกกระดกขึ้นดื่ม แต่จู่ๆใครบางคนก็ยืนขึ้นจนมีเสียงฮือฮาดังไปทั่ว หันไปมองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน
คิมจงอินกับปาร์คชานยอลสองเพื่อนซี้สุดฮอตจากคณะวิศวะ
“เอาล่ะครับ น้องชานยอลห้าวิกับน้องจงอินขอทุกคนลุกขึ้นมาแล้ว ขอเหตุผลที่ไม่ยอมให้น้องซอนมีผูกตับกับน้องแบคฮยอนหน่อยครับ เริ่มจากจงอิน”
“หัวใจพี่ไม่ต้องมีเหตุผล”
โอ้ตายห่า โคตรพ่อโคตรแม่เสี่ยวชิบหาย
ถึงจะลุกขึ้นเพราะไม่ยอมให้คิมซอนมีผูกตับกับเขาแต่สายตาของคิมจงอินเพื่อนสนิทของคนข้างบ้านก็มองมายังแบคฮยอนที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง เหมือนเป็นการเยาะเย้ยกลายๆว่านอกจากจะหน้าดีแล้วคารมก็ดีไม่แพ้กัน แบคฮยอนทำหน้าเบ้ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่ตอนนี้ไมค์ไปจ่ออยู่ที่ปากแล้ว
“.......ใจสั่งมา”
หัวใจแบคฮยอนกระตุกเมื่อได้ยินที่อีกคนว่า
ตกลงว่าปาร์คชานยอลชอบคิมซอนมี?
ร่างเล็กส่ายศีรษะตัวเองเบาๆไล่ความรู้สึกประหลาดในอกนี่ออกไปเสียให้หมด เสียงโห่เสียงแซวดังขึ้นระงมเพราะได้ยินประโยคแบบนี้ออกจากปากของชานยอลคนฮอตของคณะวิศวะในขณะที่เขาเองก็ยกแก้วของโอเซฮุนขึ้นดื่มไปหนึ่งอึกพลางทำหน้าเบ้เมื่อรสชาติเฝื่อนๆกระจายเต็มคอ
“จู่ๆน้องซอนมีก็เกิดจะฮอตขึ้นมาเลยทีเดียวนะครับ เอาล่ะๆ เริ่มจากน้องแบคฮยอนครับจะให้กี่วิ?”
เมื่อโดนถามแบคฮยอนเลยลุกขึ้นยืนก่อนจะชูสามนิ้วประหนึ่งเป็นลูกเสือสามัญ จงอินรีบชูห้านิ้วต่อทันที คราวนี้เลยตกไปอยู่ที่ชานยอลว่าจะให้เท่าไหร่
“เอาไงครับน้องชานยอล จงอินแย่งห้าวิของน้องไปแล้ว จะให้มากกว่านี้หรือจะยอมครับ”
ร่างสูงนั่นหันมาสบตาเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยเสียงนิ่งๆใส่ไมค์
“สิบ”
“เหยดดดด น้องซอนมีเป็นคนทำลายฉายาชานยอลห้าวิแล้วนะครับ ต่อไปวนกลับมาที่น้องแบคฮยอน เอ้าว่าไงครับน้องแบคฮยอนจะไปต่อหรือจะยอมแพ้ครับ?”
“ยอมครับ” ร่างเล็กยิ้วแหยก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งข้างโอเซฮุนเหมือนเดิม คว้าแก้วป๊ปซี่ที่ผสมเป๊ปซี่เอาไว้ในมือ ใช้มือเกลี่ยหยดน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้วนั่นไปมาพลางยกขึ้นดื่ม
ชอบเขามากขนาดนั้นเลยรึไงนะ
“ต่อไปน้องจงอินว่าไงครับ?”
“ยอมแพ้ครับพี่”
คนผิวแทนยกมือยอมแพ้แล้วทรุดตัวลงนั่งที่เดิม แบคฮยอนหัวเราะออกมาแล้วเลื่อนแก้วตัวเองไปให้โอเซฮุน เพื่อนสนิทก็เหมือนจะรู้ดีรีบจัดการชงเหล้าแล้วขยับกลับมาวางไว้ที่เดิม พี่อีทึกส่งเสียงแซวอีกครั้งและบอกให้ชานยอลหยิบขวดเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมา พอได้สัญญาณเจ้าตัวก็ยกมันซดลงคอเพียวเป็นเวลาสิบวินาทีจนคนที่มองหน้าเบ้เพราะอดฝาดคอแทนเสียไม่ได้
หน้าเบ้เพราะฝาดคอ ไม่ได้หมั่นไส้หรืออะไรเลยนะ
“ท่าทางจะตัวจริงว่ะ ไม่งั้นไม่ลุกขึ้นมาแบบนี้”
โอเซฮุนที่กำลังมองไปยังใครคนนั้นเหมือนกับเขาเอ่ยขึ้นมาพลางเอ่ยสิ่งที่คิดเอาไว้ ซึ่งแบคฮยอนก็เกิดอาการปวดหนึบที่ใจอีกครั้งจนเขาต้องขมวดคิ้วแน่น แล้วทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ
“เฮ้ยเป็นไรวะ”
“เปล่าๆ”
“แน่นหน้าอกหรอ ไหวป่าวมึง”
โอเซฮุนขยับใบหน้าก้มลงมามองด้วยความเป็นห่วง มือเรียวของเพื่อนสนิทแตะเข้าที่หน้าอกซ้อนกับมือของเขา แบคฮยอนส่ายศีรษะน้อยๆ ตอนนั้นอีทงเฮก็เดินเข้ามา
“หวีดกันอีกล้ะพวกมึงอะ จะผูกตับกับไอ้เซฮุนมั้ยล่ะ มันจะได้ทำหน้าที่”
“หน้าที่เหี้ยไรล่ะก็แดกได้ป่าววะ”
“โหด มาสายโหด แดกไปบ้างยัง?”
ว่าจบก็นั่งลงตรงที่ว่างข้างแบคฮยอน ในมือของอดีตเพื่อนที่ตอนนี้มีฐานะเป็นรุ่นพี่มีแก้วเหล้าอยู่ในมือ แบคฮยอนพยักหน้าน้อยๆก่อนจะยกแก้วเป๊ปซี่ของตัวเองกระดกมันอีกซักทีในขณะที่เซฮุนยังหน้านิ่วไม่หาย
“ยังจะแดกอีกไอ้เตี้ย หัวใจวายตายห่าขึ้นมาทำไง”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วน่า”
“ไหนหันมานี่ก่อน”
ไม่ว่าเปล่ายังมีการเอามือมาดันแก้มเขาให้หันหน้าไปหากัน คิ้วเรียวของเดือนคณะเภสัชขมวดเข้าหากันยุ่งก่อนที่มันจะจับปลายคางของเขาเอาไว้แล้วขยับซ้ายขวาราวกับจะพิจารณาหาความผิดปกติ
“หวีดกันไปแล้วพวกมึง หวีดไปแล้ว”
“กูไม่เป็นไรน่า” แบคฮยอนบ่นงึมงำอีกครั้ง ไม่สนใจเสียงของทงเฮที่กำลังร้องลั่นด้วยความอิจฉาหรือถูกเหยียบหางอันนี้เขาไม่อาจแน่ใจได้เท่าไหร่
“หืม ใครปล่อยให้น้องกูกินเหล้าวะ”
“อ้าว...พี่คริส นั่งๆพี่ นั่งๆ” แบคฮยอนเงยหน้ามองคนที่มาใหม่ก่อนจะตบลงที่ว่างข้างขวามือที่มีอีทงเฮนั่งอยู่เมื่อซักครู่ร่างสูงอดีตเดือนคณะเภสัชศาสตร์รีบนั่งลงก่อนจะดันไอ้คนที่เคยนั่งอยู่ให้ถอยออกห่าง
“เอาแก้วให้กูด้วยนะ”
“ส้นตีนมาก มาแย่งที่นั่งกูแล้วยังจะใช้กูอีก ไม่ละอายบ้างรึไงมึง!”
“จะไม่หยิบ?”
“รอแป๊บ....นี่กูจะไปหยิบขนมหรอกนะเลยจะหยิบแก้วมาเผื่อมึงด้วย” บ่นกระปอดกระแปดเล็กน้อยก่อนจะยอมลุกขึ้นเดินไปหาแก้วเปล่ามาให้ แบคฮยอนหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อเห็นว่าอีทงเฮยอมทำตามที่อีกคนสั่งง่ายๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้ดีว่าความจริงแล้วแค่อยากจะขยับปากให้ยิ้มมากกว่า
ยิ้มให้กับความรู้สึกโง่ๆในอกของตัวเองนี่
“เทแบบนี้มันเยอะไปนะ”
“หือ?” เพราะกำลังเหม่อเลยทำให้น้ำสีเหลืองอำพันจากขวดแก้วไหลลงไปเกือบครึ่งแก้ว แบคฮยอนรีบขยับขวดให้กลับมาตั้งตามเดิมก่อนจะจ้องมันซักพักแล้วหัวเราะอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรพี่ เยอะก็เยอะ”
“เอ้าแก้วมึง”
“แลกแก้วกัน” พี่คริสคว้าแก้วเปล่าจากอีทงเฮมาให้เขาก่อนจะเอาแก้วที่มีเหล้าอยู่เกือบครึ่งไปถือไว้เอง ถึงจะทำหน้านิ่วเพราะถูกขัดใจแต่แบคฮยอนก็ไม่ทำอะไรไปมากกว่าการยอมทำตามที่รุ่นพี่พูด โอเซฮุนโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเพื่อนร่างเล็กเบาๆ
“กูว่าพี่คริสสนใจมึง”
“ก็ต้องสนใจดิ กูเป็นน้องรหัสพี่เขานะ”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้น......”
“พูดอะไรเข้าใจยากว่ะ” ร่างน้อยขมวดคิ้วแล้วโบกมือตัวเองให้เพื่อนเลิกพูดอะไรที่เข้าใจยากๆแบบนั้นอีก เสียงพิธีกรวนกลับมาอีกครั้งและคราวนี้อีทึกพุ่งเป้ามาที่แบคฮยอน “แล้วน้องแบคฮยอนของเราล่ะครับ สนใจจะผูกตับกับใครคนไหนมั้ย”
คนทั้งวงหันขวับมาตามรุ่นพี่หน้าหวานที่มาหยุดยืนอยู่หน้าเขาตอนนี้ราวกับจะหาว่ายังเหลือผู้หญิงคนไหนในวงอีก แบคฮยอนหลับตาลงพลางกัดฟันกรอดน้อยๆ “ผมเป็นผู้ชายพี่”
“ผู้ชายแล้วไงล่ะ ยังไงก็เป็นน้องที่พี่ๆลงความเห็นแล้วว่าน่าจะเผื่อเอาไว้”
“เผื่อบ้าเผื่อบออะไร.....” เขาบ่นพึมพำออกมาน้อยๆก่อนที่รุ่นพี่ข้างกายจะรีบยกมือขึ้นก่อนจะลุกยืน แบคฮยอนรีบกระตุกชายเสื้ออีกคนด้วยท่าทางตื่นๆพลางส่ายศีรษะ
“พี่คริส!”
“ผมให้ห้าวิ”
“เอาแล้วครับ ต่อจากนี้จะเป็นการประมูลแย่งชิงตัวเอ้ยหัวใจน้องแบคฮยอน มีใครจะให้มากกว่านี้มั้ย”
พิธีกรเริ่มสนุก พี่คังอินหันไปทางปาร์คชานยอลที่ยังคงนั่งนิ่ง จงอินผิวปากด้วยความชอบใจก่อนจะสะกิดเพื่อนข้างๆให้ลุกขึ้นยืนบ้าง
“ผมให้เจ็ด” พอเห็นว่าเพื่อนไม่ยอมลุกจงอินเลยลุกขึ้นยืนเองก่อนจะเริ่มเล่นบ้าง แบคฮยอนเริ่มอยู่ไม่สุขหันไปมองรั่นพี่ตัวดำที่ขยิบตามาให้ด้วยท่าทางที่คิดว่าคงหล่อสุดๆแล้ว
หล่อตายห่าล่ะนั่น!
“แปด” แทบจะทันทีที่พี่คริสสวนขึ้นต่อขึ้นมา เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นกันอย่างสนุกปาก ไม่แคล้วว่าพรุ่งนี้เขาต้องเป็นประเด็นดังแน่ๆ ไม่เพียงเท่านั้น ไม่เพียงแค่พี่คริสและรุ่นพี่จงอิน ยังมีรุ่นพี่อีกสองสามคนลุกขึ้นมาแล้วแข่งกัน
เดี๋ยวๆ กูไม่ดีใจนะบอกเลย
กู ไม่ ดี ใจ นะ!
“หูย สนุกสัด มึงทำลายสถิติของซอนมีปีที่แล้วไปเลยนะแบคฮยอน”
“ดูหน้ากูนิดนึงมั้ยยังไง บอกพี่อีทึกพอได้แล้ว”
“ยี่สิบ!”
ร่างสูงของรุ่นพี่คริสที่ยืนอยู่เอ่ยขัดขึ้นมา เท่านั้นแหละทุกอย่างก็กริบลง ทุกคนขยับตัวนั่งที่เดิมของตัวเอง พี่อีทึกกับพี่คังอินมองหน้ากันแล้วส่งเสียงร้องอู้หูใส่ไมค์ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วแบคฮยอนคันตีนยิบๆชอบกล
“สรุปเป็นน้องคริสที่ได้น้องแบคฮยอนนะครับผม เอ้า! ทีเดียวๆๆ”
ขวดเหล้าขวดใหม่ที่ยังไม่ได้ถูกเทถูกยัดเข้ามือของรุ่นพี่ปีสาม แบคฮยอนทำหน้าเบ้เมื่อพี่อีทึกส่งสัญญาณให้เริ่มกินได้ พอนับไปถึงสิบคนตัวเล็กถึงได้ลุกขึ้นยืนก่อนจะจับขวดเหล้าเอาไว้หยุดอีกคน เสียงผิวปากจากคนเป็นพิธีกรดังขึ้นมาทันที
“มีอะไรในกอไผ่รึเปล่าครับเป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนี้” เขาไม่สนใจเสียงของพี่อีทึกก่อนจะหันไปมองคนที่กระดกเหล้าเพียวๆไปสิบกว่าวินาทีแล้วหยิบแก้วของตัวเองที่มีเหล้าเพียงเจือจางให้อีกคนได้กินล้างคอ
“น้องคริสต้องกินต่อให้ครบนะครับ แบบนี้คนอื่นจะหาว่าพี่ไม่ยุติธรรมเอาไว้”
“พอแล้วพี่ ผมเลือกพี่คริส ไม่ต้องให้กินต่อแล้ว ผมเลือกพี่คริสโอเคนะ”
“ผมนี่อิจฉาเลยนะครับ เอ้าทั้งสองคนนั่งลงได้ ต่อไปจะเข้ากิจกรรมของเรากันแล้ว....”
เขาไม่ได้สนใจเสียงของพิธีกรอีกต่อไปแล้วทิ้งตัวลงนั่งพลางดึงเสื้อของอีกคนให้นั่งลงตาม โอเซฮุนกระซิบเขาอีกครั้ง “กูบอกแล้วว่าพี่เขาสนใจมึง”
“.....พับผ่าสิ”
“ยังไม่เชื่อก็เรื่องของมึ้ง”
ขึ้นเสียงสูงพลางยักไหล่น้อยๆ ไม่นานนักก็ถูกแบ่งให้นั่งเป็นกลุ่มย่อยสามกลุ่มเพราะคนเยอะมากไปจะทำให้เล่นเกมได้ไม่สนุก พอแบ่งกลุ่มคนที่ผูกตับเลยต้องมานั่งด้วยกันเพราะอย่างนั้นคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาคือคิมซอนมีและปาร์คชานยอล
ให้ตายห่า....นี่นั่งตรงข้ามกูเพื่อ?
“เอาแรกๆเล่นกันหนุกๆ ใครไม่รู้จักเกมปลาโลมามั่ง”
แบคฮยอนกับเด็กปีหนึ่งอีกสองสามคนค่อยๆยกมือขึ้น พอเห็นว่าเพื่อนตัวเองไม่ยกเลยเกิดความหวาดระแวงอีกครั้ง
“มึงเป็นพี่เนียนปะเนี่ย”
“ก็แย่แล้วที่เนียนมาจนถึงตอนนี้ กูเคยเล่นหรอก” ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันไปฟังวิธีเล่นจากพี่อีทึกที่กำลังจะเริ่มอธิบายให้ฟัง
“ทั้งหมดมันจะเป็นแบบนี้คนแรกพูด ปลาโลมาหนึ่งตัว คนต่อไป กระโดดน้ำหนึ่งที ส่วนคนถัดไปก็พูด จ๋อม พอหลังจากนั้นคนต่อไปก็พูดว่า ปลาโลมาสองตัว คนต่อไปอีกก็ต้องพูดซ้ำว่าปลาโลมาสองตัว ถัดไปก็กระโดดน้ำสองที อีกคนก็กระโดดน้ำสองที ถัดไปก็ จ๋อม แล้วถัดไปอีกก็จ๋อมงี้ ถ้าใครทำผิดก็ดื่มในแก้วตัวเองให้หมด งงมะ”
แบคฮยอนส่ายศีรษะตัวเองเมื่อเข้าใจวิธีการเล่นที่แสนง่าย พอเห็นว่าเด็กๆในวงเกทกันอย่างรวดเร็วก็เริ่มเกมกันแบบช้าๆ คนแรกที่ตกเป็นเหยื่อคือคนที่ชื่อซองโมเพราะรายนั้นดูเหมือนจะเริ่มเมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกมด้วยซ้ำ แบคฮยอนหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะมองดูเพื่อนที่เริมเกมใหม่อีกครั้ง
ระหว่างเล่นเกมก็จิบไปเยอะ จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืน เขาเล่นเกมพลาดไปประมาณสองครั้งพอพี่คริสบอกว่าจะดื่มแทนเขาก็บอกว่าไม่ต้อง สุดท้ายพี่อีทึกบอกให้ดื่มแก้วใครแก้วมันไปเสียจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันให้เสียเวลา
ดื่มไปซักพักอาการปวดห้องน้ำเริ่มถามหา เขากระซิบบอกโอเซฮุนว่าจะไปห้องน้ำแล้วลุกขึ้นไปเลยโดยไม่รอให้อีกคนบอกว่าจะไปเป็นเพื่อน
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ออกมาล้างไม้ล้างมือตรงอ่างหน้าห้องน้ำที่มีไฟสีส้มสลัวๆติดอยู่ ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างเพื่อส่องกระจกก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีใครบางคนสะท้อนอยู่ในกระจกเงา เขาหมุนตัวกลับไปมองเพื่อให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้คิดถึงใครอีกคนจนเกิดภาพหลอน
ปาร์คชานยอล! เอาอีกแล้วให้ตายสิ!
“มาเงียบๆตกใจหมดเลยให้ตายดิพี่”
“....ช่วงนี้นายจงใจจะหลบหน้าฉันรึเปล่า”
แบคฮยอนขมวดคิ้ว
อะไรคือการที่คนที่ทำตัวแปลกไปมาถามเขาว่า เขากำลังหลบหน้า
ไม่ใช่ตัวเองหรือไงที่ทำตัวแบบนั้นใส่เขาก่อน
พอเห็นว่าอีกคนยังคงจ้องมาร่างน้อยเลยถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วทำท่าจะเดินหนีแต่ทว่าคนข้างบ้านคว้าแขนเอาไว้พลางออกแรงดึงให้เขากลับมายืนตรงที่เดิมด้วย
“พี่เองไม่ใช่หรอที่หลบหน้า”
“....ฉันเปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็เปล่า ผมกับพี่เราไม่ได้มีเหตุผลที่จะต้องหลบหน้ากันป่าววะ แค่ต่างคนต่างมีเวลาว่างไม่ตรงกัน”
“.........”
“เอาเวลาว่างไปดูแลผู้หญิงของพี่เถอะ อย่าเสียเวลามาดูแลเด็กกระโปกแบบผมเลย”
พูดเองก็รู้สึกหน่วงในใจอีกครั้ง แบคฮยอนพยายามจะปลดมืออีกคนที่จับอยู่บนต้นแขนของเขาอย่างเบามือซึ่งอีกคนยอมปล่อยแต่โดยดี ทว่ากลับยกแขนทั้งสองข้างยันขอบอ่างเอาไว้เสียก่อน
“ใครผู้หญิงของฉัน?”
“จะบอกว่าไม่มี?”
“ไม่มี”
“พูดมาได้ พี่ซอนมีได้ยินเขาจะไม่รู้สึกแย่หรอวะ”
“กับซอนมีก็แค่เพื่อน”
“พี่เลิกโกหกหน้าตายเหอะว่ะ มีก็บอกว่า เป็นก็บอกว่าเป็น ของมันเห็นกันอยู่ตำตาจะปฏิเสธอีกไปเพื่ออะไรวะ”
อาจจะเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ในเลือด แม้จะเพียงน้อยนิดแต่ก็ทำให้แบคฮยอนกล้าพูดในสิ่งที่ใจคิด ร่างเล็กหอบหายใจด้วยความโกรธ พยายามจะกดแขนอีกคนลงเพื่อให้ตัวเองได้เป็นอิสระจากการกักขังแบบบ้าบอที่เขาเคยเห็นในละคร อีกคนไม่ตอบคำถามเขาก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้
“...พี่อาจจะเมาแล้วชานยอล เลยไม่รู้ว่าพี่กับผมกำลังใกล้กันเกินไป”
“เรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“......ชานยอลไง”
“ลองเรียกพี่ชานยอล.....”
“พี่..........” พออีกคนบอกให้ลองเรียกเขาก็ทำท่าจะเรียกตามที่ว่าหากแต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นมันหยุดอยู่แค่นั้น แบคฮยอนขยับปากต่อไปไม่ได้ ริมฝีปากบางงับเข้าหากัน
“พี่ชานยอล” คนข้างบ้านส่งเสียงย้ำอีกครั้ง
“พี่..........”
“พี่?”
“ผมทำไม่ได้” เขาส่ายศีรษะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเขาไม่สามารถเรียกอีกคนว่าพี่ชานยอลได้ อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกแปลกๆที่กำลังเกาะกุมหัวใจเขาเลยเลือกที่จะหยุดมันเอาไว้ คำที่ออกมาเลยมีเพียงแค่พี่เท่านั้น
เขาไม่เคยเรียกว่าพี่ชานยอล.....ไม่เคยเลย
“ทำไมกับพี่คริสถึงเรียกได้”
“...ก็เขาเป็นพี่รหัสผม”
“นายชอบมัน”
“ผมเปล่า”
“นายชอบพี่คริส”
“ไม่ใช่”
“นายชอบคนนั้นคนที่ยอมกินเหล้าเพื่อนาย”
“เออ! ผมชอบพี่เขา ชอบมากเลยด้วย ผมรู้สึกดีมากที่เขายอม......”
ก่อนที่จะได้ประชดประชันอะไรออกไปมากมายกว่านั้นเสียงของคนที่กำลังโมโหเพราะถูกยัดเยียดก็ถูกอีกคนช่วงชิงไป มือใหญ่จับท้ายทอยอีกคนไว้ก่อนจะขโมยลมหายใจของร่างเล็กด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเป็นอะไรรู้แต่เพียงว่าไม่อยากได้ยินคำพร่ำของอีกคนที่มีต่อบุคคลที่สามคนนั้นอีกแล้ว
แบคฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อรับรู้สัมผัสดุดันที่ริมฝีปาก รสชาติขมปร่าของแอลกอฮอล์ที่ได้ลิ้มลองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกำลังส่งผ่านจากอีกคนมายังเขา มือเล็กวางบนแขนของอีกคนก่อนจะดึงทึ้งเบาๆเพื่อให้อีกคนปล่อย ทว่าปาร์คชานบอลยังคงเอาแต่ใจรุกรานเขาด้วยความโมโห
เมื่อน้ำตาหยดแรกไหลลงมา ปาร์คชานยอลถึงได้หยุด
พอน้ำตาหยดที่สองไหล ปาร์คชานยอลจึงผละออก มองหน้าเขาด้วยความรู้สึกผิดแต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีการเอื้อมมือเข้ามาช่วยเช็ดน้ำตา แต่นั่นมันก็ดีแล้ว แบคฮยอนไม่อยากรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“นาย.......”
“ผมชื่อบยอนแบคฮยอน ไม่ใช่คิมซอนมี”
“.............”
“พี่แม่งแย่”
“............”
“แย่ว่ะปาร์คชานยอล”
------ GIDDY CHANYEOL ------
1 0 0 %
เกิดไรขึ้นไม่รู้....มันเลยเหลือแค่ 40
ขอโทษที่ลงช้าคั้บ T T
รู้ตัวอีกทีก็เผลอหลับไปแล้ว ฮือ
.
.
.
เน็กซืสเตชั่น มิดเทอม
สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ 55555555
#ชานมึน
ความคิดเห็น