ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่จิ้น The Movie (YAOI)

    ลำดับตอนที่ #8 : ต้องระวังให้มากกว่านี้

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 57


    ตอนที่ 7 : ต้องระวังให้มากกว่านี้

     

     

                ผมตื่นมาตอนเช้า ก็เห็นไอ้เชนกะเผลกพาร่างของมันมาหาผม มันบอกว่า กว่ามันหายเจ็บเท้าไปเอาเอารถได้ก็คงอีกสัก 2-3 วัน มันกลัวว่าผมจะไม่ได้กุญแจสักที มันเลยโทรไปบอกที่ร้านว่าจะให้ผมไปเอารถแทนมัน ผมเห็นว่าก็ถูกของมัน ถ้าผมมัวแต่รอให้มันหาย ก็คงไม่ได้เข้าห้องแน่ๆ ก็เลยรับตังค่าแท็กซี่จากมันมาแล้วนั่งไปที่ร้านที่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไร

     

                พอไปถึงที่ร้าน ก็เป็นอย่างที่ผมคิด ตอนล้างรถ(ล้างอ้วก)พนักงานเจอกุญแจห้องผมตกอยู่ ทางร้านเลยเก็บไว้ให้ ผมดีใจจนแทบจะกอดเจ้าของร้านอยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้กลับง่ายๆหรอกครับ เพราะพนักงานในร้านคงจะเป็นแฟนคลับตัวพ่อของวงผม ก็เลยรุมล้อมขอถ่ายรูปกันไปหลายท่า ผมอารมณ์ดีอยู่ เลยให้ถ่ายเต็มที่

     

                ในที่สุดผมก็เข้าห้องได้ ผมขอบคุณไอ้เชนไปยกใหญ่ มันก็หน้านิ่งรับ แถมบอกว่ามีไรให้ช่วยก็บอกได้ เออ จริงๆมันก็เป็นคนดีนะ เสียแค่ปากไม่ดีเท่านั้น ใครโดนมันด่านี่เตรียมตัวพบจิตแพทย์ด่วนเลย เพราะมันด่าทีทำเอาเสียคนได้

     

                ผมเข้าห้องไปดูโทรศัพท์ที่ชาร์ต เชี่ยยยย สายเข้าที่ไม่ได้รับสาย รวมๆกันผมว่าหลายร้อย มีทั้ง เตี่ย ม๊า เจ๊ส้ม แล้วก็เพื่อนในวง นอกจากนั้นก็มีสาวๆที่ผมคุยๆด้วย โทรมาอีก 5 คน แค่คุยเฉยๆนะครับ อย่าเพิ่งด่าผมว่าเจ้าชู้  แล้วผมจะเอาไงดีเนี่ย เยอะขนาดนี้

     

                แต่สุดท้ายผมก็ต้องโทรไปหาทีละคน ใช้เวลาคุยอธิบายทุกคนก็  2 ชั่วโมงกว่าๆ เจอเจ๊ส้มด่ายาวเป็นนาทีทำเอาผมมึนไปเลย ไม่พอตอนโทรไปหาม๊า ก็โดนร่ายยาว เทศนาอีกเกือบชั่วโมง เหนื่อยสุดๆ ร้อนหูไปหมด แต่ก็ดีที่ทุกคนเข้าใจ (ผมใช้มุกมือถือหาย แค่นี้ก็แก้ตัวได้ไปเยอะแล้ว)

     

                ด้วยความที่ผมฝากไอ้เบลบอกเจ๊ส้มว่าขอลา วันนี้ผมเลยว่างอีก 1 วัน แต่หลังจากวันนี้ ก็รับกรรมจากการหยุดยาวไปเลยครับ ผมเห็นตารางที่เจ๊ส้มส่งมา ก็เครียดเลยครับ มึงโกรธกูใช่ไหมอีเจ๊ ยัดงานมาให้ขนาดนี้ ว่าแล้วผมน่าจะโทรไปขอบคุณเบลมันหน่อย

     

                “ฮัลโหล สวัสดีเพื่อนรัก”  ผมทักทายเสียงกวนใส่ไอ้เบล

     

                “ย่ะ เพื่อนรัก มึงรู้มั้ย หลังจากที่ทุกคนรู้ว่ากูติดต่อมึงได้เนี่ย แต่ละคนก็โทรหากูกันยกใหญ่ โทรมาแม้ตอนที่กูนอน”  ไอ้เบลบ่นเสียงแหลม

     

                “กูคนดังก็งี้แหละ หายตัวไป ใครเขาก็ตามหา”  กวนมันสักหน่อย ไม่ได้โดนมันด่ามานานละ

     

                “จ้า..... ศิลปินดัง  ถ้ามึงจะหายไปแบบนี้ กูว่ามึงตายไปเลยดีไหม จะได้ไม่เป็นภาระกับคนอื่น” 

     

                “ถ้ากูตายมึงไม่เสียใจเหรอ”  ทำเสียงอ้อนมันหน่อย เดี๋ยวมันจะด่าแรงกว่าเดิม

     

                “เอ่ออ... เออ ก็เสียใจ แต่...........อย่ามาทำเสียงกระแดะใส่ กูรู้สันดานมึงดี”  ว้า...อุตส่าห์จะเสียใจที่ผมตาย แต่ก็ปิดท้ายด้วยการด่าอยู่ดี

     

                “โอเค กูแค่จะมาบอกว่า ขอบใจ แค่นั้น เดี๋ยวกูช่วยจีบไอ้เชนให้”

     

                “มึงรู้ได้ไงว่ากูชอบพี่เชน แล้วนี่มึงมาเรียกพี่เชนว่า ไอ้เชนได้ไง ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะยะ”  ไอ้เบลแผดเสียงจนผมต้องขยับหูออกจากโทรศัพท์

     

                “ใครจะไม่รู้วะ ก็เห็นทักมาถี่ขนาดนั้น กูว่ามึงมีชั้นเชิงหน่อยก็ดีนะ จีบแบบไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ ไอ้เชนมันคงคิดว่ามึงล่ะอยากจะแดกมันเต็มแก่”

     

                “อ๊ายยยยย ไอ้เจ๋งงง มึงหาว่ากูแรดเหรอ”  เสียงกรี๊ดไอ้เบล แหวกโทรศัพท์มาจนลำโพงแทบแตก

     

                “ไม่มีคำว่าแรดสักคำเลยนะ”

     

                “กูรู้มึงจะด่ากูแบบนั้น แต่เดี๋ยว....แล้วนี่มึงไปใช้เฟสบุคของพี่เชนได้ไง อธิบายมาเดี๋ยวนี้”  ผมว่าผมคุยกับไอ้เบลพอหอมปากหอมคอละ ถึงเวลาชิ่งเสียที

     

                “เบล ไว้คุย........”

     

                “ถ้ามึงไม่เล่าให้กูฟัง กูก็จะไม่เล่าให้ฟังเรื่องที่พี่เชนคุยกับกูเรื่องมึง เอาซี่”  ไอ้เชนมันคุยอะไรกับไอ้เบลเรื่องผมวะ หรือว่าเรื่องที่ผมมาอยู่คอนโด หรือว่าเรื่องที่ผมทำอะไรโง่ๆให้ไอ้เชนเห็น

     

                “เรื่องอะไรวะ”

     

                “มึงอธิบายมาก่อนว่าไปใช้เฟสบุคพี่เชนได้ยังไง”  โอ๊ยยยยย ทำไงดี จะบอกยังไงดี หรืออธิบายไปตรงๆ

     

                “ก็....เอ่ออ.....คือ...กูทำมือถือหาย แล้วก็.....คือ.....”

     

                “จะอ้ำอึ้งทำไม นี่มึงคิดเรื่องตอแหลจะมาเล่าให้กูฟังใช่ไหม”  ทำไมมึงรู้ใจกูดีขนาดนี้วะ โกหกไปไอ้เบลรู้แน่ๆ แต่ผมก็ไม่อยากจะเล่าความจริง เอาไงดีวะ อยากรู้ก็อยากรู้เรื่องที่ไอ้เบลคุยกับไอ้เชนเรื่องผม

     

                ผมเลยตกลงเล่าเรื่อง(เกือบ)ทั้งหมดให้ไอ้เบลฟัง เรื่องที่ผมซื้อคอนโดไว้ไม่บอกเตี่ย เรื่องที่ไอ้เชนพาผมไปโรงพยาบาล เรื่องที่ผมทำกุญแจตกในรถไอ้เชน เรื่องที่ผมแอบใช้เฟสบุคไอ้เชนเพราะไม่กล้าขอมัน (แต่ผมขอไม่เล่าที่ผมพยายามทำให้มันชอบผม แล้วก็เรื่องที่ผมดูแลมันตอนป่วย)

     

                ไอ้เบลฟังเสร็จก็ขำใหญ่ อืม กูรู้ว่าเรื่องมันงี่เง่าแต่ว่ามึงก็อย่าหัวเราะสมน้ำหน้ากูซะดังขนาดนั้นก็ได้

     

                “แล้วมึงจะเล่าได้ยัง เรื่องที่ไอ้เชนคุยกับมึงเรื่องกู”  เห้ย มึงหยุดขำสักทีดิวะ กูเริ่มรำคาญล่ะนะเว้ย

     

                “หะๆๆๆ โอเคๆ พอพี่เชนเขาเห็นแชตที่มึงพิมพ์มา เขาก็มาถามกูว่ามึงทำแบบนั้นทำไม กูก็บอกไปว่า  ที่มึงไปใช้เฟสของพี่เชน เพราะว่ามึงน่ะสมองปลาทอง จำพาสเวิร์ดเฟสบุคตัวเองไม่ได้  ก็คงหมดหนทางเลยแอบไปใช้เฟสของพี่เชน”  เรื่องนี้กูรู้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเล่าก็ได้ หรือว่าผมจะโง่ทำตามไอ้เบลเพราะแค่มาฟังเรื่องที่ผมรู้แล้ว

     

                “แล้วก็”  มี แล้วก็ ด้วยเว้ย มีอะไรมากกว่านั้นเหรอ

     

                “เขาถามว่า...”  ว่าอะไร มึงรีบพูดมาดิ

     

                “ถามว่า......................................... มึงเป็นเกย์เหรอ”  ไอ้เชี่ยเชนนนนน แค่กูดูแลมึงนิดหน่อย เออ ก็แค่เอาตัวไปให้กอด แค่นี้ มาหาว่ากูเป็นเกย์ พอๆ พอกันที ไอ้ที่เคยมองมึงว่าดีเนี่ย กูขอถอนความคิด

     

                “แล้วมึงตอบมันไปว่าไง”

     

                “กูตอบไปว่า ใช่ มึงเป็นเกย์”

     

                “ไอ้เชี่ยเบลลลลลลลลลลลลลล มึง”

     

                ตู๊ดๆๆๆๆๆ’  รีบวางสายไปเลยนะมึงไอ้เบล ผมจะทำไงดีเนี่ย ไม่ได้ๆ ผมต้องรีบไปแก้ตัวกับไอ้เชนให้เข้าใจผมใหม่ เอ๊ะ หรือว่าที่มันกลับมาทำดีกับผมเพราะว่ามันนึกว่าผมเป็นเกย์ แล้วถ้ามันคิดว่าผมเป็นเกย์ แล้วมันทำดีกับผม แสดงว่าไอ้เชนก็คงเป็น....

     

                “ตึงๆๆๆๆๆๆ”  ใครมาเคาะประตูวะ ผมรีบเดินไปเปิดประตู

     

                “ขอโทษนะ คือช่วยขึ้นไปสับคัตเอาท์ให้ผมได้ไหม พอดีปลั๊กไฟมันช็อต คัตเอาท์มันเลยเด้งลงมา”  ไอ้เชนยืนขาเดียวทำหน้าน่าสงสาร ผมควรทำไงดี คือผมต้องไปช่วยมันใช่ไหมเนี่ย

     

                “อ่อๆๆ ได้ๆ”  ผมไม่รอให้มันเดินตามผมหรอก ให้มันเดินนำผมไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว พอไปถึงในห้อง ไอ้เชนก็ชี้ตรงคัตเอาท์ให้ผมดู ผมเห็นข้างล่างมีเก้าอี้วางอยู่ สงสัยมันคงพยายามจะปีนขึ้นไปเอื้อมสับคัตเอาท์ไฟ แต่เท้าเป็นแผลขนาดนั้น มันคงรู้สภาพตัวเองดี เลยต้องไปรบกวนผม

     

                โอเค แค่สับคัตเอาท์ แป๊บเดียวเสร็จ ผมตัดสินใจปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้แล้วเอื้อมไปสับคัตเอาท์

     

                “ให้ผมจับขาคุณไว้ไหม”

     

                “ไม่ต้อง!”  ผมรีบตอบทันที มันคงเห็นเก้าอี้ทำท่าโยกๆ แต่อย่าเลยมึง แค่นี้กูก็กลัวเสียอธิปไตยให้มึงมากแล้ว อย่าจับตัวกูเลยนะ

     

                “เห้ยระวัง” ไอ้เชนตะโกนเสียงดัง เก้าอี้เชี่ยนี่ขาไม่มั่นคงอย่างแรง ผมเอื้อมมือไปจนสับคัตเอาท์ไฟได้ แต่ก็ต้องล้มลงพร้อมเก้าอี้ ดีที่ตกไปที่โซฟาเลยไม่เจ็บตัว

     

    เชี่ยโซฟาที่ไหนกัน ผมตกไปบนตัวไอ้เชนนี่หว่า มันเอาตัวมารองผมตอนที่ผมล้มลง มันหน้านิ่งมองผม ส่วนผมน่ะเหรอตกอยู่ในภวังค์แววตาน่าดึงดูดของมันอย่างจัง

     

     ไอ้เจ๋งมันเป็นเกย์ ผมได้สติก็ตอนที่ เสียงไอ้เบลหลอนมาในหัว

     

    “เชี่ย กูไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย”  ทำไมผมคิดออกมาดังขนาดนี้

     

    “โอเคครับ คุณไม่ได้เป็นเกย์ แต่ว่าช่วยลุกขึ้นหน่อยได้ไหม”  เห้ย ทำไมผมยังนอนทับตัวมันอยู่เนี่ย ผมรีบลุกแทบจะทันทีที่มันบอก พอยืนขึ้นได้ ผมก็เก้ๆกังๆ ไอ้เชนดันตัวขึ้นมานั่งแล้วยิ้มขำให้ผม

     

    “ไม่มีอะไรแล้ว ไปนะ”  ผมรีบชิ่งทันที พอกลับมาถึงห้องก็นั่งคิดว่า ตัวเองทำอะไรลงไป จะสบถเสียงดังอย่างนั้นทำไม แถมตอนมองตาก็ทำหน้าเคลิ้มไปกับแววตามันด้วย มึงบ้าไปแล้วเจ๋ง ทำไมต้องใจเต้นเวลาที่ไอ้เชนมองด้วยวะ สงสัยผมจะกลัวไอ้เชนทำมิดีมิร้ายแน่ๆ ต้องใช่ ต้องใช่สิ ผมว่าที่ไอ้เชนมันถามว่าผมเป็นเกย์ไหม แสดงว่ามันแอบชอบผมเพราะว่ามันก็คงเป็นเหมือนกัน และพอไอ้เบลบอกว่าผมเป็น มันก็เลยหลอกล่อให้ผมติดกับมันแน่ๆ ไม่ได้ๆ  ผมต้องระวังตัวไว้ละ พอๆ ยกเลิกแผนทำให้ไอ้เชนมาชอบได้แล้ว เพราะว่าถ้าทำต่อ มีหวังผมเสร็จไอ้เชนแน่ๆ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×