คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #188 : Shalala☆Summertime | Chapter 3
วันนี้ร้านของเธอปิด
ถึงจะบอกว่า ‘ร้าน’ แต่ที่จริงมันก็แค่ฟู้ดทรัคขายบาร์บีคิวเล็กๆ บนเกาะโอกินาวะที่ชื่อลิตเติล ปาปาเท่านั้น แถมยังไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าเป็น ‘ร้านของเธอ’ อีกต่างหาก เนื่องมาจากฐานะหุ้นส่วนจำนวนน้อยนิดไม่เกินห้าเปอร์เซ็นต์ และตำแหน่งพนักงานรับออเดอร์ประจำที่ใครๆ ก็ว่าเห็นแล้วชื่นใจ ขณะเจ้าของหุ้นส่วนรายใหญ่ที่สุดของลิตเติล ปาปา ผู้ควบทั้งตำแหน่งเจ้านาย ผู้จ่ายเงินเดือน และเชฟมือดีที่สุดด้วยมีชื่อว่าโคจิ ยูโกะ ที่เธอยังรู้จักเขาเพิ่มเติมอีกในฐานะอดีตคนรักของพี่สาวที่กำลังจะแต่งงาน
“พี่ว่าปิดร้านสักสองสามวันก็แล้วกันนะ เผื่อเราจะต้องไปช่วยงานพี่สาวหรืออะไร”
ทั้งที่เจ้าตัวน้องสาวก็ปัดปฏิเสธไปว่า “ไม่ยุ่งค่ะ! ไม่ยุ่งเลยสักนิดเดียว!” ตามความเป็นจริงก็แล้ว ในเมื่อพี่สาวของเธอก็มีออแกไนเซอร์ชั้นหนึ่งที่เชื่อถือได้คอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี ซ้ำยังเผื่อแผ่มาถึงเหล่าญาติๆ ฝ่ายเจ้าสาวด้วยอีกต่างหาก ทว่านายใหญ่แห่งลิตเติล ปาปาก็ยังยืนกรานคำพูดของตัวเองอยู่ท่าเดียวเช่นกัน จนต้องพากันเหนื่อยหน่ายใจ แล้วจึงตามมาด้วยเสียงหัวเราะขบขัน และการจำยอมเอออออย่างทั้งเสียไม่ได้ กระนั้นก็เต็มอกเต็มใจของเธออยู่เสมอ
สำหรับคาตาโยเสะ ยูคาริแล้ว โคจิ ยูโกะ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เจ้านายและเจ้าของฟู้ดทรัค หรืออดีตคนรักของพี่อาคาเนะเท่านั้น แต่ยังเป็นคนสำคัญที่มอบชีวิตใหม่ให้เธอ ณ โอกินาวะสุดขอบฟ้า หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยฮาวายที่ย้ายไปอยู่กับยายตั้งแต่ชั้นไฮสคูลปีสองด้วยโอกาสทางชีวิตใหม่ที่เธอยินยอมพร้อมใจอย่างที่สุด เมื่อชีวิตในช่วงชั้นไฮสคูลปีหนึ่งที่โตเกียวแทบจะไม่มีสิ่งใดควรค่าพอให้จดจำหรือคนสำคัญที่จะเรียกขานกันอย่างสนิทใจว่าเพื่อน เธอไม่มีความสุขเลยที่นั่น เธอเกลียดโรงเรียนใหม่ เมืองใหม่ สังคมใหม่ ไม่สามารถจะเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้เลยแม้สักอย่างเดียว ในเมืองหลวงแสนเย็นชาที่ไม่มีอะไรเหมือนกับโอกินาวะบ้านเกิดที่จรจากมา เป็นคุณยายที่มองเห็นความหดหู่ในชีวิตคราวมาเยี่ยมเยือนช่วงฤดูหนาว และตัดสินใจว่าจะพาเธอไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นด้วย ท่ามกลางความเป็นกังวลของพ่อกับแม่ ต่อลูกสาวคนเล็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบประคบประหงมมาแต่อ้อนแต่ออก ไม่เหมือนพี่สาวแก่กว่าสองปีที่ปีกกล้าขาแข็งมาตั้งแต่จำความได้ หากเพียงขอให้ได้ไปให้พ้นจากโรงเรียนนี้ เมืองนี้ สังคมนี้ จะเป็นที่ไหนเธอก็จะไปทั้งนั้น คุณยายให้คำมั่นว่าเธอจะมีความสุขที่มานัว และก็จริงดังว่า เธอไม่เคยเสียเวลาคิดถึงช่วงที่เลวร้ายที่สุดในโตเกียวเลยแม้แต่วันเดียว แต่ไม่ใช่กับโอกินาวะ เธอชอบฮาวายมากก็จริง แต่หลายครั้งก็จะฉุกคิดขึ้นมาว่า ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่บ้านเกิดอันคุ้นเคยของตนอีกครั้ง ที่เมืองซึ่งตนตกหลุมรัก เหมือนกับคุณยายที่ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขกับรักแท้ครั้งที่สองทุกวันกับคนที่รัก และเมืองที่รัก ในมานัวนี้
แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะทริปเดินขึ้นเขาชมวิวปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งถูกแก๊งเพื่อนๆ บังคับไปด้วยกันในวันนั้น เธอก็คงจะพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิตไปแล้ว
เมื่อชาวญี่ปุ่นเยี่ยงเธอที่พบเห็นได้ทั่วไปในมลรัฐนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงคนแปลกหน้าเมื่อมอบความช่วยเหลือให้แก่คนขาแพลงตอนเดินปาดเหงื่อขึ้นเขา แต่ก็ดันจะดั้นด้นไปไม่ถึง หลังจากพูดคุยกันนิดหน่อย ยูคาริก็หลุดปากพูดถึงบ้านเกิดของตน จึงได้รู้ว่าเขากำลังจะย้ายไปลงหลักปักฐานที่นั่น หลังจากทำงานเก็บเงินก้อนหนึ่งมาได้พอสมควร เขาเป็นคนคานากาวะ ไม่ได้เกลียดเมืองหลวง เพียงแค่ตกหลุมรักทะเลและท้องฟ้าอันเจิดจ้ามากเท่านั้น ในที่สุด เขาก็คิดได้ว่าถ้าจะต้องเหนื่อยแล้ว ก็อยากจะเหนื่อยกับสิ่งที่ชอบไปทุกๆ วัน ยูคาริที่ตอนนั้นเพิ่งจะเรียนจบมาได้ไม่กี่เดือนจึงตกลงใจตอบรับคำชวนของยูโกะกลับมายังบ้านเกิดที่ห่างไปถึงเจ็ดปีด้วยอย่างไม่ลังเล โดยที่คุณยายก็ไม่ได้ออกปากคัดค้านอะไรหลานสาวคนเล็ก ที่บัดนี้ได้เรียนรู้ชีวิตของตนเองแล้ว และมีปีกที่พร้อมจะโบยบินด้วยตนเองได้ในที่สุด
ชีวิตใหม่ที่ถิ่นฐานเดิมของเธอจึงได้เริ่มต้นขึ้น...
ยังคุนิกามิ อีกครั้ง
เช่นเดียวกับพี่สาวที่รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตในเมืองหลวง หล่อนตกลงใจย้ายมาอยู่กับน้องสาวและได้งานที่จูราอุมิอควาเรียมอย่างรวดเร็วและง่ายดาย พี่สาวเลิกก้าวก่ายกับชีวิตของน้องสาวเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว แต่กลับเป็นเธอที่ดันเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องความรักของพี่สาวกับเจ้านายของเธออันแสนสั้น แทบไม่ถึงสามเดือนดีด้วยซ้ำ ก่อนจะจบลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าฤดูเปลี่ยนผ่าน โดยที่คนนอกอย่างเธอไม่เคยเข้าใจและรับรู้ถึงเหตุผลจริงแท้ที่ไม่มีทางใช่ “เราแค่รู้สึกว่าไม่ใช่” และยูคาริก็ไม่เคยเข้าใจได้เลยว่าพี่ยูโกะรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นพี่อาคาเนะของเธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นแบบนี้
คนที่ว่างจากการทำงานเพราะไม่รู้จะทำอะไรจึงได้แต่แกร่วอยู่ที่ห้องในโฮสเทลคนเดียว ตื่นมากดมือถือเล่นสักพักก็กลับไปงีบหลับอีกหนึ่งตื่น สะดุ้งตื่นมาอีกทีตอนสายๆ แล้วจึงลุกไปล้างหน้าล้างตา กลับมานอนแกร่วอ่านนิตยสารแฟชั่นอะไรเรื่อยต่อบนเตียง เธอไม่ได้ซื้อบ้านที่นี่ และการเช่าห้องอยู่เป็นรายปีก็ไม่ได้ราคาสูงจนเกินไปนัก ครอบครัวเองก็คิดว่าดีเพราะอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เธอรู้ว่าพวกท่านคิดอยากให้ลูกคนเล็กไปอยู่ใกล้หูใกล้ตาที่โตเกียว ยิ่งเมื่อพี่อาคาเนะจะย้ายกลับไปปักหลักกับว่าที่สามีด้วยอีก แต่ไม่มีทางเสียล่ะ! เธอขึ้นไปเยี่ยมได้ หากไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องเอาความสุขไปทิ้งที่นั่น ทั้งคุณปู่เจ้าของคิตาจิมะโฮสเทลและหลานสาวทั้งสองคนที่สลับกันมาช่วยดูแลบ้างก็น่ารักและใจดีจนทำให้ที่นี่อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน น่าเสียดายที่วันนี้เป็นทีของหลานสาวคนโตซึ่งมารับหน้าที่ดูแลโฮสเทลแทนในวันธรรมดา ยูคาริชอบพี่ชู แต่ก็ไม่ได้สนิทสนมขนาดว่าจะนั่งพูดคุยกันได้อย่างลื่นไหล แตกต่างจากหลานสาวคนเล็กที่ต่อให้เธอไม่เปิดปากพูดก็ไม่เป็นปัญหาต่อคนช่างจาเลย พี่ยูโกะก็เอาแต่คิดว่าเธอต้องยุ่งจนหัวหมุนอยู่กับการช่วยงานแต่งของพี่สาว ไหนจะเพื่อนสนิทที่สุดบนเกาะนี้อย่างเจสซี่ก็ไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องหยุดงานเหมือนอย่างเธอ (หรือจะพูดว่าเขาไม่คิดว่าจำเป็นต้องหยุดงานมาอยู่เป็นเพื่อนเธอก็ไม่ผิดไปจากความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว) ยูคาริมีความสุขทุกวันที่นี่ แต่ยอมรับว่าบางครั้งก็รู้สึกเหงาขึ้นมา
ล่วงบ่ายเข้าไปแล้ว คนที่มัวแต่นอนอ่านหนังสือให้ได้รู้สึกหิว คิดว่าควรจะลงไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องกว่าขนมถุงมื้อสายสักที แล้วจึงผุดเด้งตัวลุกพรวดพราด เปิดประตูออกไปจากห้องเป็นครั้งแรกในรอบวัน
เมื่อหลานสาวคนโตเห็นหน้าแขกคนคุ้นเคยก็จะรีบปรี่เข้ามา แตะบ่า
“ยูคาริ นี่ว่าจะขึ้นไปเรียกตัวอยู่พอดี พี่ขอรบกวนอะไรหน่อยสิ”
“เอ๊ะ...อะไรคะ?”
“พี่ฝากช่วยดูแลที่นี่แทนแป๊ปนึง เผอิญว่าพี่ต้องออกไปรับแขกด่วนน่ะ ไม่รบกวนใช่ไหม?”
สีหน้าที่แสดงความรู้สึกผิดทำเอายูคาริต้องรีบโบกไม้โบกมือเสริมคำตอบรับเป็นการใหญ่ ตรงส่วนของห้องอาหารนั้นใกล้กับเคาน์เตอร์อยู่แล้ว ต้มราเมนง่ายๆ กินแล้วนั่งเฝ้าไปด้วยจะเป็นไรไป มีหลายครั้งที่ผู้พักอาศัยยาวนานที่สุดจะถูกเรียกตัวไปช่วยงานซึ่งไม่ได้ยากเย็นเหลือกำลังเลยแม้แต่นิดเดียว หล่อนขับรถออกไปแล้ว แขกอีกสองรายก็ออกไปเที่ยวในตัวเมืองกันตามโปรแกรมตั้งแต่เช้าๆ และคงจะไม่กลับมาจนกว่าจะเย็นย่ำไม่ก็ค่ำมืดดึกดื่น บัดนี้ คิตาจิมะโฮสเทลจึงมีเพียงเธออยู่ลำพังคนเดียวอย่างแท้จริง ด้วยเห็นว่าเงียบเหงา จึงหยิบแผ่นซีดีใส่เครื่องเล่นแล้วปล่อยให้ดนตรีเพลงตะวันตกรุ่นคุณปู่อยู่เป็นเพื่อน คุณปู่มักจะเล่าเรื่องคุณย่าที่เสียไปตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองให้ฟัง แต่หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องสงครามซึ่งคงจะกระทบกระเทือนจิตใจของตนเกินไป ถึงจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แต่คุณปู่ก็ยอมรับว่าไม่เคยรักใครเท่าคุณย่ามิจิโกะในวัยสิบแปดตอนนั้นเลย ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ยูคาริเป็นต้องน้ำตาคลอตามโศกนาฏกรรมรักของคุณปู่จนหน้าแดงจมูกแดงตามประสาคนอ่อนไหวง่าย ให้ได้โดนอีตาเพื่อนสนิทแกล้งแหย่เล่นเป็นประจำ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับความรักของพี่อาคาเนะและพี่ยูโกะ ความรักหนอความรัก ถึงจะล่วงเข้าสู่วัยยี่สิบตอนกลาง เธอก็ยังคงไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่ารักอย่างถ่องแท้เสียที
คนที่นั่งเท้าคางรอน้ำเดือดและรับฟังบทเพลง ‘อิทส์ อะ เลิฟลี่ เดย์ ทูมอร์โรว์’ ของดอริส เดย์ ได้แต่ปล่อยความคิดให้เลื่อนไหลไปตามท่วงทำนอง ริมฝีปากวาดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ
วันพรุ่งนี้ จะเป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของพี่อาคาเนะ
หวังว่าเธอเองก็เช่นกัน
“เอ่อ...สวัสดีครับ”
สติของเธอหวนคืนกลับมากับอาการสะดุ้งตัว เธอยืดตัวตรง ก่อนสีหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อได้เห็นคนที่ลากกระเป๋าเดินทางเข้ามา
“โฮคุโตะเหรอ?”
“อ้าว ยูคาริ” แล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาเฉกเช่นกัน
_______________
ความคิดเห็น