คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #78 : บทที่ 4 ทางเลือก
บทที่ 4 ทางเลือก
เฮเลนอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ เสียที
ทำไมเธอถึงได้ลืมไปได้นะว่าอะเล็กโตจะต้องโผล่มาตอนนี้ ไม่สิ
เธอลืมไปเลยว่าอะเล็กโตจะ... โอ๊ย ช่างหัวมันเถอะ! เธอคิด วินาทีที่นิ้วของเธอแตะตรานั้น
แผลเป็นก็รู้สึกแสบร้อนอย่างแสนสาหัส ห้องที่เต็มไปด้วยดวงดาวกายวับไปจากสายตา
เสียงทะเลซัดสาดโครมครามอยู่ในหัว – พวกมันจับเด็กพวกนั้นได้
เสียงเปรี้ยงดังสนั่นดึงให้เธอกลับคืนมาสู่ปัจจุบัน
อะเล็กโตล้มฟาดลงกับพื้น เธอกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงจนกระจกที่ตู้หนังสือเขย่ากราว
“ฉันไม่เคยสะกดนิ่งใครมาก่อนเลย
นอกจากในชั้นเรียนของเรา” ลูน่าพูดท่าทางสนอกสนใจ “เสียงดังกว่าที่คิดนะ”
แน่นอนว่าทันใดนั้นเพดานก็เริ่มสั่นสะเทือน
เสียงฝีเท้าขวั่กไขว่สะท้อนก้องหลังประตูหอนอน
คาถาของลูน่าปลุกนักเรียนเรเวนคลอที่หลับอยู่ข้างบน
“คลุมผ้าเร็ว!” เฮเลนร้อง
เดรโกสะบัดผ้าคลุมคลุมทั้งสี่คน
พวกเขายืนเบียดกันอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนที่เฮเลนรู้สึกว่ามันแคบมากแต่ก็ต้องทน
ประตูหอนอนเปิดออก กลุ่มนักเรียนเรเวนคลอไหลทะลักเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวม
ทุกคนยังสวมชุดนอนอยู่ มีเสียงอุทานเบาๆ
และเสียงร้องด้วยความประหลาดใจเมื่อพวกเขาเห็นอะเล็กโตนอนหมดสติอยู่
มีเสียงเคาะประตูห้องนั่งเล่นรวม
เสียงไพเราะดังขึ้นอีกครั้ง “วัตถุที่หายไป นั้นไปอยู่ที่ไหน”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง หุบปากซะ!” เสียงตวาดดังขึ้น
นั่นคงเป็นเสียงของอะมีคัส “อะเล็กโต อะเล็กโต เธออยู่ในนั้นหรือเปล่า
เธอได้ตัวเขาหรือเปล่า เปิดประตูสิ!”
พวกเรเวนคลอกระซิบกระซาบกันด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ทันใดนั้นก็มีเสียงปังๆ ดังติดต่อกันเป็นตับ
“อะเล็กโต! ถ้าท่านมาแล้วเราไม่มีแฝดพอตเตอร์ล่ะก็ เธออยากเจอแบบพวกมัลฟอยหรือไง ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้นะ”
อะมีคัสตะเบ็งเสียง คำว่าอยากเจอแบบพวกมัลฟอยทำให้เดรโกสะดุ้งเบาๆ
เฮเลนจับมือเขาเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขาสติหลุด
แต่แล้วก็มีเสียงที่สองดังขึ้นด้านหลังประตู
“ฉันขอถามหน่อยว่าคุณมาทำอะไรที่นี่
ศาสตราจารย์แคร์โรว์”
“พยายาม – ผ่าน – ประตูเปรต –
นี่เข้าไปน่ะสิ!” อะมีคัสตะคอก
“ไปตามฟลิตวิกมา! ไปตามเขามาเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
“แต่น้องสาวของคุณไม่ได้อยู่ข้างในนั้นหรอกเหรอ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม “ศาสตราจารย์ฟลิตวิกเพิ่งเปิดประตูให้เธอเข้าไปเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง
ตามคำขอเร่งด่วนของคุณยังไงล่ะ บางทีเธออาจเปิดประตูให้คุณได้กระมัง คุณจะได้ไม่ต้องปลุกคนครึ่งปราสาทด้วย”
“ก็เขาไม่ตอบฉัน! ยัยไม้กวาดหงำเหงือก”
อะมีคัสตะคอก “แกนั่นแหละต้องเปิดให้ฉัน ให้ตาย! ทำเลย
ทำเดี๋ยวนี้!”
“ได้แน่นอนถ้าคุณต้องการ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดเสียงเย็นเฉียบ
จากนั้นมีเสียงเคาะประตูอย่างนุ่มนวลและเสียงไพเราะเหมือนดนตรีก็ดังขึ้นอีก
“วัตถุที่หายไปนั้นอยู่ที่ไหน”
“ไปอยู่ที่ซึ่งไม่มีตัวตน
ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นทุกๆ สิ่ง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบ
“เป็นถ้อยวลีที่ไพเราะ”
ที่เคาะประตูนกอินทรีตอบแล้วประตูก็เหวี่ยงเปิดออก
นักเรียนเรเวนคลอไม่กี่คนที่ยังเหลือวิ่งขึ้นบันไดไปทันที
อะมีคัสบุกผ่านธรณีประตูเข้ามาพลางหวดไม้กายสิทธิ์ไปด้วย เขาหลังค่อมเหมือนน้องสาว
มีใบหน้าบวมฉุและซีดเผือด ดวงตาเล็กกระจิดริดของเขามองเห็นร่างอะเล็กโตทันที
เธอยังนอนแผ่ไม่ไหวติงอยู่บนพื้น เขาร้องลั่นด้วยความโกรธผสมความกลัว
“พวกมันทำอะไร! ไอ้พวกลูกหมา” เขาแผดเสียง
“ฉันจะกรีดแทงพวกมันทุกคนจนกว่าจะยอมบอกว่าใครทำ – แล้วนี่จอมมารจะว่ายังไง!” อะมีคัสกรีดร้อง “จับตัวมันก็ไม่ได้แถมอะเล็กโตยังโดนรุมฆ่าอีก!”
“เขาแค่ถูกสะกดนิ่งเท่านั้นแหละ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างรำคาญ “เดี๋ยวก็หายแล้ว”
“เขาจะไม่มีวันหายแน่!” อะมีคัสตะเบ็งเสียง
“ถ้าจอมมารได้ตัวเขาล่ะก็ไม่มีทาง! เขาเรียกตัวท่านมา
ฉันรู้สึกได้ว่าตราของฉันร้อน ท่านต้องคิดแน่ว่าเราได้ตัวพอตเตอร์!”
เฮเลนเหลือบไปมองใบหน้าเดรโก เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ
“ทำไมพวกคุณถึงคิดว่าพอตเตอร์ถึงจะพยายามเข้ามาในหอคอยเรเวนคลอล่ะ
พวกเขาอยู่บ้านฉัน!”
ภายใต้ความโกรธและไม่เชื่อถือนั้น
กระแสความภูมิใจเจืออยู่ในน้ำเสียงของเธอ
“ท่านบอกเราว่าเขาจะเข้ามาที่นี่”
แคร์โรว์พูด “ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าทำไม!”
เฮเลนถอนหายใจเบาๆ ใต้ผ้าคลุม
“ฉันไม่คิดว่าคนในกลุ่มผู้เสพความตายจะมีใครฉลาดไปมากกว่าสเนปหรือเดรโกแล้ว”
เฮเลนกระซิบให้เบาที่สุด “เห็นแล้วรำคาญใจจริงๆ”
เฮเลนหันไปทางอะมีคัสที่ยืนกระวนกระวายอยู่
“เราจะโยนความผิดให้เด็กๆ
ก็แล้วกัน” อะมีคัสพูด “ใช่แล้ว เอาอย่างนี้แหละ
เราจะบอกว่าอะเล็กโตโดนดักทำร้ายโดยไอ้พวกเด็กข้างบนนั่น”
เขาแหงนหน้ามองหอนอนเหนือเพดานรูปดวงดาว “แล้วเราจะบอกว่าพวกมันบังคับให้เขากดตรา
ท่านก็เลยได้รับสัญญาณหลอกๆ ... ทีนี้ท่านก็จะได้ลงโทษพวกมันแทน ก็แค่เด็กสองสามคน
จะต่างกันตรงไหน”
“ต่างกันตรงความจริงกับคำโกหก
ความกล้าหาญกับความขี้ขลาดยังไงล่ะ” ศาสตราจาราย์มักกอนนากัลพูด ใบหน้าซีดเผือด
“หรือถ้าจะพูดสั้นๆ ก็คือความต่างที่คุณกับน้องสาวจะไม่มีวันเข้าใจ”
“โทษทีนะ”
อะมีคัสก้าวเข้ามายืนชิดศาสตราจารย์มักกอนนากัลอย่างหยาบคาย
แต่เธอก็ไม่ยอมถอยหลังเช่นกัน “แกมีสิทธิ์อะไรจะมายอมหรือไม่ยอมให้ฉันทำ มินอร์ว่า
มักกอนนากัล ยุคของแกน่ะหมดไปแล้ว ตอนนี้เราคุมที่นี่ แกจะต้องสนับสนุนฉัน
หรือไม่งั้นก็ต้องเสียใจ”
แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายใส่หน้าเธอ
ผ้าคลุมล่องหนถูกดึงพรวดออกไป
ทั้งสี่คนปรากฏขึ้นกลางหอคอยเรเวนคลอ แฮร์รี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น
“แกไม่ควรทำแบบนั้น”
แฮร์รี่พูดในจังหวะที่อะมีคัสหมุนตัวกลับมาพอดี “ครูซิโอ!”
ผู้เสพความตายตัวลอยขึ้นไปจากพื้น
เขาดิ้นรนอยู่กลางอากาศเหมือนคนกำลังจมน้ำ
แขนหวดฟาดไปมาและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่คิดว่าโวลเดอมอร์จะโง่พอฟังเรื่องที่แกโกหกหรอกนะ”
เฮเลนเท้าเอวยืนมองอะมีคัสที่จ้องมองมายังฝาแฝดอย่างอาฆาต “น่าสงสารชีวิตแกจริงๆ
ที่เกิดมาโง่ได้ขนาดนี้”
แฮร์รี่สะบัดไม้กายสิทธิ์
อะมีคัสพุ่งไปชนตู้หนังสือจนกระจกแตกกระจายแล้วล้มลงไปกองหมดสติอยู่บนพื้น
“เราพูดชื่อนั้นได้แล้วเหรอ”
ลูน่าถามด้วยสายตางงงวย เฮเลนถอนหายใจเบาๆ และพยักหน้าให้เธอ
“ฉันเข้าใจแล้วว่าที่เบลาทริกซ์พูดนั่นหมายความว่ายังไง”
แฮร์รี่พูด “เราต้องตั้งใจให้เป็นแบบนั้นจริงๆ”
“พอตเตอร์! พอตเตอร์! – พวกเธอ – มัลฟอย – อยู่ที่นี่! อะไร – ยังไง – ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกุมมือที่หน้าอก เธอพยายามคุมสติ “พอตเตอร์ นั่นมันโง่มากนะ”
“ศาสตราจารย์มักกอนนากัลครับ!” แฮร์รี่พูดอย่างรีบร้อน
“โวลเดอมอร์กำลังตรงมาที่นี่แล้ว”
การปรากฏตัวของคนนอกกฎหมายทั้งสามคนคงทำให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหมดแรง
เธอซวนเซถอยหลังแล้วทรุดนั่งบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด
“พวกเธอต้องหนี!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกระซิบ “ไปเดี๋ยวนี้เลย
พวกเธอ! ให้เร็วที่สุด...”
“ไม่ได้ค่ะ!” เฮเลนแทรก “เรามีภารกิจต้องทำ”
“อาจารย์ครับ!” แฮร์รี่ว่า
“อาจารย์รู้ไหมครับว่ารัดเกล้าของเรเวนคลออยู่ที่ไหน”
“ระ –
รัดเกล้าของเรเวนคลอมันสาบสูญไปนานแล้ว” เธอนั่งตัวตรงขึ้นเล็กน้อย “นี่มันบ้ามาก
ที่พวกเธอเข้ามาในปราสาท – ”
“ผมจำเป็นครับ” แฮร์รี่พูด
และชะงักเมื่อได้ยินเสียงเศษแก้วดัง อะมีคัสเริ่มรู้สึกตัวแล้ว แต่ก่อนที่เฮเลน
แฮร์รี่ ลูน่าหรือเดรโกจะได้ลงมือ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ลุกขึ้น
เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ผู้เสพความตายที่ยังอ่อนเปลี้ยอยู่แล้วพูดว่า “อิมเปริโอ”
อะมีคัสลุกขึ้นเดินไปหาน้องสาว
เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอขึ้นมาแล้วเดินลากเท้าไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลอย่างเชื่อฟัง
เขาส่งไม้ของน้องและของตัวเองให้เธอ จากนั้นก็ลงนอนบนพื้นข้างอะเล็กโต
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง
เชือกสีเงินประกายโผล่ขึ้นมาจากอากาศ มันเลื้อยพันรอบตัวสองพี่น้องแคร์โรว์
มัดทั้งสองคนติดกันอย่างแน่นหนา
“พวกเธอทำตามคำสั่งของดัมเบิลดอร์เหรอ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด เธอยืดตัวตรง “เราจะป้องกันโรงเรียนจากคนที่ต้องไม่เอ่ยชื่อ
ระหว่างที่พวกเธอค้นหา – หาวัตถุนี้ มาเถอะ เราต้องไปบอกอาจารย์ประจำบ้านคนอื่นๆ
พวกเธอสวมผ้าคลุมกลับไปดีกว่า”
เธอเดินไปทางประตูพร้อมกับชูไม้กายสิทธิ์ขึ้น
แมวสีเงินสามตัวระเบิดออกมาจากปลายไม้ ทุกตัวมีลายรูปแว่นตาอยู่รอบๆ ตาด้วย
ผู้พิทักษ์ทั้งสามวิ่งปราดเปรียวนำหน้าไป ส่องแสงสีเงินไปตามบันไดเวียน
ขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัล แฮร์รี่ เฮเลน ลูน่าและเดรโกเร่งรีบลงไป
พวกเขาวิ่งไปตามระเบียงทางเดิน
ผู้พิทักษ์จากไปทีละตัว เสื้อคลุมนอนลายสก็อตของศาสตราจารย์มักกอนนากัลระไปกับพื้น
ทั้งสี่วิ่งเหยาะๆ ตามหลังเธอไปใต้ผ้าคลุมและหวังกันว่าจะไม่มีใครมองเห็นข้อเท้าที่โผล่พ้นผ้าคลุมนี้ไป
ทั้งหมดลงมาได้สองชั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ
ดังขึ้นสมทบกับเสียงของพวกเขา
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ดูเหมือนจะรู้ตัวว่ามีคนเข้ามาใกล้ เธอหยุดเดิน
ชูไม้กายสิทธิ์ในท่าพร้อมต่อสู้ แล้วพูดว่า “ใครอยู่ที่นั่น”
“ผมเอง” เสียงต่ำๆ ตอบ
เซเวอร์รัส สเนปก้าวออกมาจากด้านหลังชุดเกราะ
เขาถือไม้กายสิทธิ์อยู่ในขั้นเตรียมพร้อม
“พี่น้องแคร์โรว์อยู่ที่ไหน”
เขาถามเสียงเบา
“คุณสั่งให้เขาอยู่ที่ไหนล่ะเซเวอร์รัส”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบ
“ผมเข้าใจว่า...” สเนปพูด “อะเล็กโตจับผู้บุกรุกได้”
“จริงเหรอ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “แล้วอะไรทำให้คุณเข้าใจเช่นนั้นล่ะ”
สเนปขยับแขนข้างซ้ายเพียงนิดเดียว
บริเวณที่ตรามารประทับอยู่บนผิวหนัง
“อ้อ จริงสินะ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “ผู้เสพความตายแบบพวกคุณมีวิธีสื่อสารส่วนตัว ฉันลืมไป”
“ผมไม่รู้ว่าคืนนี้คุณต้องลาดตระเวน
มินอร์ว่า”
“คุณขัดข้องเหรอ”
“ผมสงสัยว่าอะไรทำให้คุณออกมาจากเตียงนอนในเวลาดึกดื่นเช่นนี้”
“ฉันคิดว่าฉันได้ยินเสียงอะไรผิดปกติ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตอบ
“จริงเหรอ
แต่ทุกอย่างดูเงียบสงบดีนะ”
สเนปจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ
“คุณเห็นฝาแฝดพอตเตอร์รึเปล่ามินอร์ว่า
เพราะถ้าคุณเห็น ผมต้องยืนยัน – ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ
ไม้กายสิทธิ์ของเธอกรีดผ่านอากาศ เฮเลนฉุดทุกคนให้เดินถอยห่างออกมาให้ไกล
คาถาบินว่อนใส่กันไม่เว้นระยะให้หายใจ
“มินอร์ว่า” เสียงแหลมๆ ร้องขึ้น
เฮเลนหันกลับไปมอง
เห็นศาสตราจารย์ฟลิตวิกและศาสตราจารย์สเปราต์วิ่งห้อตรงมาทั้งชุดนอน
มีศาสตราจารย์ซลักฮอร์นร่างมหึมาวิ่งหอบแฮกๆ อยู่รั้งท้าย
“อย่านะ!” ฟลิตวิกร้องเสียงหลง “แกต้องไม่ทำฆาตกรรมที่ฮอกวอตส์อีก!”
คาถาเริ่มสาดใส่กันอีกครั้ง
เฮเลนดึงเสื้อเดรโกพุ่งตัวหลบไปอีกฝั่งกว่าจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็พบว่าสเนปวิ่งหายเข้าไปในห้องๆ
หนึ่ง อึดใจให้หลังก็ได้ยินว่า “คนตาขาว! คนตาขาว!”
เดรโกฉุดเธอลุกขึ้นยืน
พวกเขาวิ่งตามระเบียงทางเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว ศาสตราจารย์มักกอนนากัล
ฟลิตวิกและสเปราต์ยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่แตก
“เขากระโดดออกไป”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด
“เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ!” เฮเลนร้อง “สเนปจะตายแน่!”
“ตายไปเสียก็ดี!” ศาสตราจารย์ฟลิตวิกพูดเสียงแข็ง
“พวกมันจับเธอไปอยู่ที่คฤหาสน์มัลฟอยเป็นปีๆ ไม่รู้สึกแค้นบ้างเลยหรือยังไง!”
เฮเลนมองเห็นร่างคล้ายค้างคาวตัวใหญ่บินผ่านความมืดไปไกลๆ
ตรงไปทางรั้วโรงเรียน เฮเลนมั่นใจว่าต่อให้พูดอะไรออกไป ความเกลียดชังและเคียดแค้นคงไม่อาจทำให้เขามองเห็นสิ่งที่สเนปทำเอาไว้เบื้องหลังเป็นแน่
ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าหนักๆ แล้วก็เสียงหอบหายใจดังๆ ซลักฮอร์นเพิ่งจะวิ่งมาทัน
“พอตเตอร์!” เขาหายใจหอบ พลางนวดคลึงแผ่นอกกว้างใหญ่ใต้ชุดนอนไหมสีเขียว
“เด็กๆ ที่รัก – ฉันแปลกใจมาก – มินอร์ว่า กรุณาอธิบาย...”
“อาจารย์ใหญ่ของเราขอตัวชั่วคราว”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดและชี้ไปที่รูรูปตัวสเนปบนหน้าต่าง
“โวลเดอมอร์กำลังมา!” แฮร์รี่โพลง “เราต้องป้องกันโรงเรียน
เขากำลังมาแล้ว!”
“อ้อ จริงสิ”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “คนที่ต้องไม่เอ่ยชื่อกำลังมาแล้ว
พอตเตอร์ต้องทำงานบางอย่างในปราสาทตามคำสั่งของดัมเบิลดอร์
เราจะเสกคาถาป้องกันทุกอย่างที่ทำได้ ระหว่างที่พอตเตอร์ทำสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำ”
“ฉันขอเสนอให้เราวางแนวป้องกันทั่วโรงเรียน”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดต่อ “จากนั้นก็รวบรวมนักเรียนทั้งหมดมาพบกันที่ห้องโถงใหญ่
นักเรียนส่วนมากต้องอพยพออกไป แต่ถ้าคนไหนอายุเกินเกณฑ์แล้วอยากจะอยู่สู้ ฉันคิดว่าพวกเขาควรได้รับอนุญาต”
“เห็นด้วย” ศาสตราจารย์สเปราต์พูด “ฉันจะพานักเรียนบ้านฉันไปพบคุณที่ห้องโถงในอีกยี่สิบนาที”
เธอวิ่งหายออกไปจากห้อง
“ผมจะลงมือจากที่นี่เลย” ฟลิตวิกพูด
เขาชี้ไม้กายสิทธิ์ออกไปนอกหน้าต่างที่แตกและเริ่มพึมพำคาถาที่ซับซ้อน
“ไปเถอะ” เฮเลนพูด “เรารู้แล้วว่าหน้าตาของรัดเกล้าเป็นยังไง”
“พาพวกเรเวนคลอไปพบกันที่ห้องโถงใหญ่นะ
ฟิเลียส” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดและผงกศีรษะเรียกให้พวกเขาตามเธอไป “ตามฉันมาก่อน”
ทั้งห้าเพิ่งไปถึงประตูเมื่อซลักฮอร์นส่งเสียงออกมา
“โอ๊ยตาย” เขาหายใจฟืดฟาด “วุ่นวายกันไปใหญ่!
ผมไม่แน่ใจว่านี่เป็นการกระทำที่ฉลาดหรอกนะมินอร์ว่า
เขาต้องหาทางเข้ามาได้อยู่แล้ว คุณก็รู้ ใครก็ตามที่พยายาม – ”
“ฉันหวังว่าคุณกับนักเรียนบ้านสลิธีรินจะมาอยู่ในห้องโถงใหญ่ภายในเวลาอีกยี่สิบนาทีด้วยเช่นกัน”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด “ถ้าคุณอยากไปจากที่นี่พร้อมกับนักเรียนของคุณ
เราจะไม่ห้ามคุณเลย แต่ถ้าพวกคุณคนใดคนหนึ่งพยายามบ่อนทำลายการต่อต้านของเราหรือหยิบอาวุธขึ้นสู้กับเราในปราสาทนี้ล่ะก็
ฮอเรซ เราจะสู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง!”
“มินอร์ว่า!” ซลักฮอร์นผงะอย่างตกใจ
“ถึงเวลาแล้วที่บ้านสลิธีรินต้องตัดสินใจว่าจะภัคดีต่อฝ่ายไหน”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลขัด “ไปปลุกนักเรียนของคุณเถอะ ฮอเรซ”
พวกเขาก้าวตามศาสตราจารย์มักกอนนากัลไปยังระเบียงทางเดินและยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นแต่เสียงใครบางคนตะโกนโหวกเหวกขึ้นมาเสียก่อน
“นักเรียนออกนอกเตียง!
นักเรียนอยู่ตามระเบียง!”
“สวรรค์โปรด! ก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ
เจ้างั่งไร้สติ!” มักกอนนากัลตะโกน “ไปตามหาพีฟส์!”
“พะ – พีฟส์เหรอครับ”
ฟิลช์พูดตะกุกตะกักราวกับว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ใช่ พีฟส์ เจ้าโง่ พีฟส์! ก็แกบ่นเรื่องมันมาตลอดยี่สิบห้าปีไม่ใช่หรือไง!”
เห็นได้ชัดว่าฟิลช์คิดว่าศาสตราจารย์มักกอนนากัลเสียสติไปแล้ว
แต่เขาก็เดินกะโผลกกะเผลกจากไปพร้อมกับบ่นพึมพำไปด้วย
“แล้วทีนี้ก็ – ปีแอร์โททัม
โลโคมอเตอร์!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลร้อง
รูปปั้นและชุดเสื้อเกราะกระโจนลงมาจากฐานตลอดระเบียงทางเดิน
เสียงโครมครามก้องสะท้อนจากชั้นบน ชั้นล่าง
ทำให้รู้ว่าพรรคพวกของมันกำลังทำอย่างเดียวกันทั่วปราสาท
“ฮอกวอตส์อยู่ในอันตราย!” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลตะโกน “จงวางกำลังรอบเขตแดน
ปกป้องพวกเรา ทำหน้าที่ของท่านต่อโรงเรียนของเรา!”
กองทัพรูปปั้นที่เคลื่อนไหวได้วิ่งอลหม่านผ่านพวกเขาไป
เสียงโครมครามและเสียงตะโกนก้องไปทั่ว บางตัวก็เล็กบางตัวก็ใหญ่กว่าของจริง
ในนั้นมีรูปปั้นสัตว์รวมอยู่ด้วย เสื้อเกราะหลายชุดแกว่งไหวดาบและลูกตุ้มหนามติดโซ่ดังโกร่งกร่าง
“เอาล่ะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด
“พวกเธอควรไปหาเพื่อนๆ แล้วพาทุกคนไปที่ห้องโถงใหญ่ – ฉันจะไปปลุกนักเรียนกริฟฟินดอร์คนอื่นๆ”
ทั้งหมดแยกกันที่หัวบันไดชั้นต่อมา
พวกเขาวิ่งกลับไปที่ห้องต้องประสงค์ ระหว่างทางผ่านนักเรียนหลายกลุ่ม
ส่วนใหญ่สวมเสื้อคลุมทับชุดนอน ทุกคนถูกอาจารย์และพรีเฟ็คต้อนลงไปยังห้องโถงใหญ่
ในที่สุดพวกเขาก็ไปถึงปากทางเข้าห้องต้องประสงค์ มันเปิดรับพวกเขาทันที
ตอนนี้ในห้องมีคนแน่นขนัด
แน่นกว่าที่เคยเห็นครั้งสุดท้ายหลายเท่า
คิงสลีย์และลูปินกำลังเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา เช่นเดียวกับคนที่เฮเลนมั่นใจว่าเป็นโอลิเวอร์
วู้ด แคตี้ เบลล์ แอนเจลิน่า จอห์นสันและอลิเซีย สพินเน็ต
บิลกับเฟลอร์และนายกับนางวีสลีย์
“เกิดอะไรขึ้น” ลูปินพูด
“โวลเดอมอร์กำลังมา” แฮร์รี่พูด “เรากำลังสร้างแนวป้องกันโรงเรียน
– สเนปหนีไปแล้ว – คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ คุณรู้ได้ยังไง”
“เราส่งข่าวไปบอกกองทัพดัมเบิลดอร์ที่เหลือ”
เฟร็ดอธิบาย “ใครจะอยากให้เพื่อนพลาดเรื่องสนุกแบบนี้จริงไหม
แล้วพวกทัพดัมเบิลดอร์ก็บอกพวกภาคี แล้วมันก็เลยกระจายกันไปใหญ่”
“จะให้ทำอะไรก่อนล่ะ” จอร์จร้อง “ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น”
“เด็กๆ
กำลังจัดตั้งกองกำลังที่ห้องโถงใหญ่” เฮเลนพูด
“เราจะสู้!” แฮร์รี่ตะโกน
มีเสียงโห่ร้องกึกก้องและผู้คนเบียดกันมาทางประตู
ทั้งหมดชักไม้กายสิทธิ์ออกมา มุ่งหน้าไปใจกลางปราสาท
“มาเถอะ ลูน่า”
ดีนร้องบอกเมื่อวิ่งผ่าน เขายื่นมือข้างที่ว่างออกมา เธอจับมือนั้นไว้และวิ่งตามไป
ฝูงชนค่อยบางตาลง
มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่ยังคงอยู่ในห้องต้องประสงค์ แฮร์รี่
เฮเลนและเดรโกเดินไปสมทบพวกนั้น นางวีสลีย์กำลังทะเลาะกับจินนี่
และครอบครัวที่เหลือยืนล้อมรอบตัวทั้งคู่ เรื่องที่จินนี่ยังอายุไม่ถึงเกณฑ์
พวกเขายืนฟังได้สักพักก็มีใครบางคนตะกายออกมาจากอุโมงค์
แล้วเขาก็เสียหลักร่วงหล่นลง
ก่อนจะจับเก้าอี้ใกล้มือเหนี่ยวตัวขึ้นจากนั้นก็มองไปรอบๆ
ห้องผ่านแว่นตากรอบเขาที่เอียงกระเท่เร่ พร้อมกับพูดว่า “ฉันมาสายไปไหม เริ่มต้นกันหรือยัง
ฉันเพิ่งรู้ แล้วฉันก็ – ฉัน – ”
เพอร์ซี่ละล่ำละลักแล้วก็เงียบกริบ
ทุกคนอึ้งนิ่งไปอย่างประหลาดใจ เฟลอร์พยายามหาทางทำลายความตึงเครียดแต่ทำไม่ได้
“ฉันมันไอ้งี่เง่า!” เพอร์ซี่คำราม “ฉันมันปัญญาอ่อน
– ”
“พอได้แล้วเพอร์ซี่!” เฮเลนร้อง “ถ้านายได้สติแล้วก็กอดแม่นายสิ! จะเสียเวลาอยู่ทำไม
เรื่องที่นายทำยังไม่ทำให้ครอบครัวเสียใจและเสียเวลามากพอหรือไงยะ!”
นางวีสลีย์โผเข้ากอดเพอร์ซี่ทันทีที่เฮเลนพูดจบ
นายวีสลีย์ก็เข้าไปกอดลูกชายเช่นกัน
“เธอพูดตัดบทฉันไปเลย”
เฟร็ดพูดยิ้มๆ เฮเลนยักไหล่ให้เขา
“เอาเถอะ เราก็หวังว่าพรีเฟ็คของของเราจะเป็นผู้นำในเวลาแบบนี้แหละ”
จอร์จพูด “เอาล่ะ ขึ้นไปสู้กันเถอะเรา ไม่งั้นผู้เสพความตายเก่งๆ
จะถูกจัดการหมดซะก่อน”
“คุณเป็นพี่สะใภ้ของผมแล้วสินะครับ”
เพอร์ซี่พูด เขาจับมือกับเฟลอร์ขณะรีบเดินไปที่บันไดพร้อมบิล เฟร็ดและจอร์จ
แผลเป็นร้อนฉ่า
เฮเลนพอจะเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เขายืนอยู่หน้าประตูเหล็กดัดสูง ขนาบด้วยเสารูปหมูติดปีก
เขามองผ่านประตูผ่านผืนแผ่นดินอันดำมืดไปที่ปราสาท ซึ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟ
นากินีพันอยู่รอบบ่า ความมุ่งมั่นอันโหดเหี้ยมไร้ปราณีกำลังครอบงำเขา
และมันมักตามมาด้วยการฆ่าเสมอ
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น