ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    CATEYE ROOM[ห้องลับ]

    ลำดับตอนที่ #76 : ว่าง

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 61



     Blue - Marte Marie Forsberg Food and Lifestyle photographer • e d e n •

    " Anything's possible if you've got enough nerve "

    'Cause I don't wanna do this on my own,

    Help me out.

    Don't you dream impossible things?.

    You can't take back what you said.

    You have an entire life.

    เพราะฉันไม่อยากผ่านมันไปคนเดียว                     

    ดังนั้นช่วยฉันหน่อยเถอะนะ                                  

    คุณไม่เคยฝันถึง สิ่งที่เป็นไปไม่ได้บ้างเลยเหรอ?      

    คุณเอาสิ่งที่พูดออกไปแล้วกลับคืนมาไม่ได้หรอกนะ

    คุณมีเวลาทั้งชีวิต                                                 

    APPLICATION


    tofuvi:  updraft.

    " ไม่โอเคบ้าง ก็ไม่เป็นไรหรอก "

    ไมว่าคุณจะกำลังเจอกับอะไร เสียงเพลงช่วยคุณได้เสมอ  

    ชื่อ :

    ก่อนตาย : ดอว์น่า ลิลเลียน่า || Dawna Lillyana

    ดอว์น่า ( แสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ) , ลิลเลียน่า ( บริสุทธิ์ ) [ แสงแรกแห่งรุ่งอรุณอันบริสุทธิ์ ]

    หลังตาย : เชอริลล์ เมโลน่า || Sheryll Maelona

                     เชอริลล์ ( เป็นที่รักของผู้คน ) , เมโลน่า ( เจ้าหญิง ) [ เจ้าหญิงอันเป็นที่รักของผู้คน]

    ชื่อเล่น :

    ก่อนตาย : ดอว์น่า || Dawna

    หลังตาย : เชอริลล์ || Sheryll

    อายุ : 16 ปี

    ลักษณะภายนอก :

           ก่อนตาย : ดอว์น่า คือนามของผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยประบ่า เธอมักใช้เวลาของเธอไปกับการดูแลเส้นผมของเธอ และยังชอบที่จะถักเปียเล็กๆไว้อีกด้วย อีกทั้งเธอยังตัดหน้าม้าไว้  ใบหน้ารูปเรียวไข่สวยเข้ากับคิ้วเส้นตรงเรียวบาง รับกับนัยน์ตาสีดอกไฮเดรนเยียที่มีประกายแห่งความใจดีอยู่ และหากเผลอสบตาคุณก็จะรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก นัยน์ตาถูกหอมล้อมไว้ด้วยแพขนตาหนาเรียวยาว จมูกจิ้มลิ้มที่เชิดขึ้นหน่อยๆ กับริมฝีปากบางสีอมชมพูน่าจุ๊บที่มักจะขยับยิ้มอ่อนโยนเสมอ ผิวสีเนื้ออมชมพูเรียบเนียนไร้ซึ่งร่องรอยใดๆที่จะมาปิดบังความงามของเจ้าตัว ส่วนสูงและน้ำหนักของเธอนั้นอยู่ที่ 161 ซม. และน้ำหนัก 48 กก.

           หลังตาย : เชอริลล์ เด็กสาว 16 ปีที่หลังเกิดใหม่ดูจะมีเพียงแค่ภายนอกของเธอเท่านั้นที่ดูเปลี่ยนไป เธอมีเรือนผมสีอีกาเผือกนุ่มสวยเงางาม ที่เธอไว้จนมันยาวถึงกลางหลังกับผมหน้าม้าที่ไว้เหมือนชาติที่แล้วไม่มีผิด ใบหน้าเรียวสวยรูปไข่และคิ้วตรงเรียวยาวเช่นเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือนัยน์ตาที่ซ่อนอยู่ในขนตายาวหนาเรียงตัวกันเป็นแพนั้นเป็นสีน้ำข้าวสวย แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปเลย คือความรู้สึกสบายใจเมื่อได้จ้องมอง จมูกโด่งเชิดขึ้นเข้ารูปสวย ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารักสีชมพูที่ก็ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่เสมอ ผิวสีเนื้อผมชมพูเนียนนุ่มเช่นเดิม ส่วนสูงเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนเล็กน้อยเหมือนๆกับน้ำหนัก โดยเธอมีส่วนสูงอยู่ที่ 162 ซม. และน้ำหนัก 49 กก.


    ลักษณะนิสัยใจคอ : ทั้งดอว์น่าและเชอริลล์นั้นเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยนเหมือนกับพี่สาวคนหนึ่งมากกว่าที่จะเป็นเด็กสาว มีออร่าบางอย่างที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกผ่อนคลายและปลอดภัยไม่รู้ว่าเพราะรอยยิ้มของเธอที่ดูราวกับคอยปลอบโยนเรื่องราวต่างๆที่ทุกข์ใจของผู้คนหรือเพราะดวงตาที่ทอประกายอ่อนโยนออกมา ใครได้สบหรือจ้องมองก็รู็สึกเหมือนกับมีสายน้ำมาช่วยรดหัวใจที่เหนื่อยล้าของตน  ชอบช่วยเหลือผู้คนไม่ว่าคนๆนั้นจะต้องการหรือไม่ ทำให้บางครั้งก็เหมือนเป็นการไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมากเกินไป แต่ถ้าเธอรับรู้ว่าคนๆนั้นไม่ต้องการให้เธอมายุ่งจริงๆ เธอก็พร้อมที่จะถอยออกมาและคอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆ

    เป็นคนที่เอาตัวรอดเก่งเนื่องจากประสบการณ์วัยเด็ก ทำให้เธอเป็นคนที่ฉลาด รู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องต่างๆได้ดี แต่เธอมักจะใช้ความฉลาดของตัวเองในยามที่จำเป็นเท่านั้น

    มีความเข้าอกเข้าใจคนอื่นอยู่เสมอ เนื่องจากเคยพบเจอปัญหาแบบนั้น และยังเป็นคนที่ค่อนข้างอดทนเก่ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่รุมเร้าเข้ามา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็ไม่ได้เข้มแข็งถึงขนาดอยู่คนเดียวได้ การที่เธอจะชนะอุปสรรคมากมายได้นั้น เธอต้องมีแรงใจที่ดี มีคนค่อยปลอบโยนและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ไม่อย่างนั้นเธอก็อาจจะถูกปัญหาซัดเข้ามาใส่จนยอมแพ้และจมดิ่งลงในความสิ้นหวังได้

    เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ ร้องเพลงเพราะและยังทำอาหารได้อร่อยสุดๆ เรียกได้ว่าทำได้เป็นทุกเมนูไม่ว่าจะคาวหรือหวาน มีความสามารถเฉพาะทางตั้งแต่เด็กๆในการอ่านใจหรือสะกดจิตผู้คนในด้านของจิตวิทยาเธอมักจะใช้ความสามารถนี้ในการเอาตัวรอดหรือใช้ในการปลอบโยนของคนอื่น เธอจะไม่ชอบพูดเรื่องที่ทำให้คนอื่นไม่สบายใจหรือทำให้เครียด

    เธอไม่ค่อยชอบที่จะทะเลาะกับคนอื่นด้วยอารมณ์แต่มักจะใช้เหตุผลในการโต้ตอบมากกว่าหากเป็นเรื่องที่ตนถูก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตัวเองผิดก็จะยอมรับผิด

    ความจริงเห็นอย่างนี้ ด้านมืดของเธอนั้นน่ากลัวมากทีเดียว เมื่อเธอนั้นต้องการจะแก้แค้นคนอื่น เธอจะแก้แค้นด้วยความแนบเนียน ทำให้คนๆนั้นรู้สึกเหมือนเป็นคนเลว ทำเรื่องดีๆให้เขารู้สึกละอายใจ อีกทั้งยังสามารถโกหกได้ทั้งๆที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าได้ ตลบแตลงเก่งพอๆกับการหลอกลวงคนอื่นด้วยการสะกดจิตโดยความสามารถเฉพาะทาง แต่เธอไม่ค่อยแสดงด้านนี้ออกมาหรอก เธอจะแสดงมันออกมาก็ต่อเมื่อคนที่เธอรักถูกทำร้ายเท่านั้น

    ข้อเสียของเธอคือเป็นคนที่ชอบตามใจคนอื่นมากเกินไป ค่อนข้างขี้โลเลทำให้ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำให้ใคร อีกทั้งยังไม่ค่อยรักตนเองเห็นคนอื่นสำคัญกว่าตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้มักโดนทำร้ายจากคนที่เธอรักอยู่บ่อยๆบางทีคนในครอบครัวหรือเพื่อนของเธอก็มักจะเตือนเธอเรื่องนี้อยู่เสมอ

    เธอเป็นประเภทที่โกรธหรือเกลียดคนยากมาก แต่ถ้าได้โกรธหรือเกลียดจะเกลียดไปตลอด

    เวลาเสียใจหรือเครียดเธอจะเก็บไว้คนเดียวเสมอ เนื่องจากไม่อยากให้คนอื่นเป็นกังวลหรือคิดมากเกี่ยวกับเรื่องของเธอ แต่เธอมักเก็บไว้ไม่ค่อยได้หรอก เพราะคนในครอบครัวหรือเพื่อนเธอมักจะสามารถสังเกตุได้เสมอ เวลาที่เธอดีใจมากๆ เธอจะยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ดวงตาที่มักอ่อนโยนก็จะถูกแทนที่ด้วยประกายของความดีใจ รอยยิ้มของเธอก็จะสว่างไสวมากกว่าครั้งไหนๆอีกด้วย ทำให้คนที่เผลอมองตาพร่ามัวได้เลยล่ะ(?)  อย่างที่บอกว่าเธอเป็นคนมีออร่าบางอย่างทำให้คนที่อยู่รอบๆผ่อนคลายหรือปลอดภัย ทำให้คนส่วนใหญ่มักจะชอบเข้ามาทำความรู้จักกับเธอแบบเผลอๆ เหมือนรู้สึกตัวอีกทีขาก็ก้าวมาอยู่ข้างหน้าเธอแล้ว บางทีคนที่จิตใจอ่อนแอหรืออ่อนไหวง่ายก็จะชอบอยู่กับเธอด้วยเพราะรอยยิ้มและดวงตาของเธอทำให้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักเยอะอยู่เหมือนกัน

    มีความรักทุกๆคนรอบตัวราวกับเขาเป็นครอบครัว ใส่ใจในความรู้สึกของพวกเขาอยู่เสมอ และจะไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาทำร้ายพวกเขาเด็ดขาด

    เป็นคนที่ถ้าเศร้าหรือร้องไห้จะดูน่าสงสารมากที่สุด เพราะมันเป็นการปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นใดๆทั้งนั้น ราวกับรูปปั้นแกะสลักที่มีหยดน้ำไหลออกมาจากตาเท่านั้น พอร้องไห้เสร็จเธอจะเป็นคนที่ตาบวมง่ายมาก ทำให้คนอื่นสังเกตเห็นอยู่ตลอด ด้วยความเป็นที่รักของผู้คน ทำให้ทุกๆคนจะไปทารุณกรรม(??) คนที่ทำให้เธอร้องไห้ทันที

    ประวัติ :

    ก่อนตาย : เธอเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในสลัมตั้งแต่เด็กๆ เธอจำหน้าของพ่อและแม่เธอไม่ได้เลย เธอจำได้แค่คำพูดสุดท้ายของผู้เป็นแม่ว่า

    ให้รออยู่ที่นี้ แล้วแม่จะกลับมา

    เธอพูดไว้และเดินจากไป  แต่เธอเป็นเด็กดีนะ เธอเชื่อฟังพ่อแม่และรอคอยอยู่ที่นั้นมาตลอด จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แต่พวกเขาก็ยังไม่กลับมา..ทุกๆวันที่เธออยู่ที่นี้ มันทั้งมืด ทั้งน่ากลัว มีแต่ผู้คนแต่งตัวแปลกๆและคอยแย่งชิงอาหารกัน เธอได้แต่นั่งมองสิ่งที่พวกเขาทำ แต่พอผ่านไปนานเข้า เธอก็เริ่มหิว และไปขออาหารจากพวกเขากิน แต่กลับถูกผลักไสและโดนขู่คำรามใส่ เธอมองเขาด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็เดินห่างออกมา จนสุดท้ายเธอก็ทนความหิวไม่ไหว จนลองเข้าไปแย่งชิงอาหารกับพวกเขาดู แต่แรงเด็กหรือจะสู้แรงผู้ใหญ่ เธอกระเด็นออกมาจากวงแย่งอาหาร ก่อนที่น้ำตาจะคลอออกมา และคิดว่าตัวเองจะตายแน่ๆ เธอได้แต่กอดตัวเองแน่น

    คุณพ่อ คุณแม่ ทำไมยังไม่กลับมา

    โลกของนั้นสิ้นหวังลง ในขณะที่คิดอย่างนั้น ก็มีมือของผู้ชายคนหนึ่งยื่นมาหาเธอ เขาเป็นเด็กอายุเท่ากับเธอ แต่แววตาและมือที่ยื่นมานั้น กลับแข็งแกร่งเหลือเกิน เธอเงยหน้ามองเขาด้วยความสับสนเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปหาเข้าอย่างกล้าๆกลัว

    น นาย..เป็นใคร

    เธอถามเสียงแผ่วเบาเนื่องจากความหิวที่รุ่มเร้าจนไม่มีแม้แต่แรงจะพูด เด็กชายคนนั้นไม่ตอบอะไร เพียงแค่เดินจูงมือเธอไปเรื่อยๆ จนมาถึงบ้านซอมซ่อหลังหนึ่ง ในนั้นมีเด็กมากมาย พวกเขาแต่ละคนล้วนมีบาดแผลและผอมโทรม เด็กชายเพียงพาเธอเดินไปหาผู้หญิงที่เหมือนจะเป็นแม่ของเด็กๆพวกนี้ แล้วดันตัวเธอไปข้างหน้า

    อุ้ย ตายจริง พาใครมาละลูก

    ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น ก่อนที่เด็กชายที่พาเธอมาจะทำสัญลักษณ์มือแปลกๆ

    เข้าใจแล้ว

    ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าก่อนจะก้มลงมามองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน

    หนูน้อย หนูชื่ออะไรเอ่ย ?

    เธอเงียบไปสักพัก ก็คุณแม่บอกว่าห้ามบอกชื่อคนแปลกหน้านี้นา แต่กับคนๆนี้ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง?

    ด ดอว์น่า เฟอีดรา...ค่ะ

    ดอว์น่าสินะ ดอว์น่าหนูอยากมาอยู่กับฉันรึเปล่า

    ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามแล้วลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน มันเป็นสัมผัสที่อบอุ่น.. เธอไม่ได้สัมผัสถึงความอบอุ่นนี้นานแค่ไหนกันนะ?

    แต่..คุณแม่ของหนู

    เธอพูดออกไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ ถึงจะรู้ความจริงอยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่อยากยอมรับมันอยู่ดี

    คุณแม่ให้หนูรออยู่ที่นี้สินะดอว์น่า งั้นมาอยู่กับฉันก่อน พอคุณแม่มาค่อยกลับไปดีไหมจ๊ะ?

    เธอลังเลเล็กน้อย แต่ที่นี้ถึงจะเล็กไปหน่อย แต่มันก็ดูอบอุ่นอย่างประหลาด

    ถ้าอย่างนั้น..ก ก็ได้ค่ะ

    หลังจากนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็พูดอะไรกับเด็กชายเล็กน้อย เด็กชายคนนั้นพยักหน้ารับแล้วเดินจากไปพร้อมกับเด็กอีกจำนวนหนึ่ง เธอได้แต่มองตาม และเข้าไปทำความรู้จักกับเด็กคนอื่นๆตามที่ผู้หญิงคนนั้นแนะนำ ผ่านไปสักพัก พวกเขาก็กลับมาพร้อมกับอาหารเต็มมือ เธอเบิกตากว้าง นานแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นอาหารเยอะขนาดนี้ พลันท้องก็ร้องขึ้นมาอย่างน่าอาย ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว ผู้หญิงคนนั้นเพียงหัวเราะออกมาเบาๆ และนำขนมปังมาให้เธอชิ้นหนึ่งกับนมกล่อง และก็เอาอาหารไปแจกจ่ายคนอื่นๆ ฉันกินด้วยความละอายใจเล็กน้อย น่าแปลกที่ได้อาหารกลับมา แต่พวกเขาก็ได้บาดแผลกลับมาเช่นกัน เธอไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ผ่านไปหลายๆวันก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ จนวันหนึ่งเธอทนไม่ไหวและเอ่ยถามไป พวกเขาไม่ตอบอะไร ก่อนจะเดินออกข้างนอกเช่นเดิม  ด้วยความอยากรู้ เธอจึงบอกไปว่าอยากลองทำบ้าง พวกเขาเพียงหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่จะมีผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ เอ็ดดี้ เดินออกมา

    เธอแน่ใจเหรอดอว์น่า สิ่งนี้อาจทำให้เธอตายได้

    เขาพูด

    ฉันเพียงพยักหน้าเบาๆ มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ คือสิ่งที่ฉันคิด เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้นเลยพาฉันออกมาแล้วเดินเนียนไปหยิบสิ่งของ ก่อนจะพากันวิ่งหนีเจ้าของร้านอย่างเอาเป็นเอาตาย พลันในหัวก็นึกถึงคำสอนของคุณแม่ เท้าที่ออกวิ่งก็พลันช้าลง แต่ก็ได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกน

    ดอว์น่า อย่าหยุดวิ่งนะ ! “

    ฉันเม้มปากเน้นก่อนจะละทิ้งคำพูดพวกนั้นที่อยู่ในหัว และเร่งสปีดขึ้น วิ่งมาเรื่อยๆก็มาถึงที่พัก เจ้าของร้านพวกนั้นตามไม่ทันแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเดินมาลูบหัวฉันและบอกว่าทำดีมาก ฉันก้มหน้าก่อนจะเดินไปหาเอ็ดดี้ และเอ่ยถาม

    นี้..เอ็ดดี้ สิ่งที่นายทำ มันคือการขโมยไม่ใช่เหรอ

    เอ็ดดี้เมื่อได้ฟังที่ฉันพูดก็หัวเราะออกมา

    ก็ใช่นะสิ

    แต่การขโมยเป็นสิ่งที่ผิดนะ

    ฉันพูดค้านออกไปทันทีเมื่อได้ยินเอ็ดดี้พูดจบ แต่เขากลับหัวเราะหนักกว่าเดิม

    เธอนี้ใสซื่อจริงๆเลยนะดอว์น่า ที่นี้น่ะ ไม่มีคำว่าผิดหรือถูกหรอกนะ มันมีแค่ รอด หรือ ตาย เท่านั้น เข้าใจไหม

    เอ็ดดี้พูดก่อนจะใช้นิ้วจิ้มหน้าผากฉันเบาๆ ฉันเพียงขมวดคิ้ว

    ถ้าหากเธอรับไม่ได้ละก็ อยู่ที่บ้านรอพวกฉันก็พอ

    เอ็ดดี้พูด แต่ฉันกลับยอมรับไม่ได้หากต้องทำแบบนั้น ฉันจึงส่ายหัวและบอกว่าจะทำด้วย เอ็ดดี้เพียงไหวไหล่และพูดพึมพำเบาๆว่าเตือนแล้วนะ หลังจากคืนนั้น ฉันก็ละทิ้งศีลธรรมที่ผู้เป็นแม่เคยพร่ำบอก..

    ผ่านไปจนฉันอายุได้ 12 ปี นับตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อนที่แม่ทิ้งฉันไว้ที่นี้ ที่นี้ทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆมากมาย บางวันก็หิว บางวันก็อิ่มท้อง แต่ก็เป็นความสุขที่แปลกๆดี จนทำให้ฉันลืมเลือนเรื่องราวของผู้เป็นแม่และพ่อไป และแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ได้ตายลง ฉันไม่รู้ชื่อเธอเพราะเธอไม่เคยบอกใคร ทุกๆคนเรียกเธอว่าคุณแม่ ตอนนี้ฉันก็เรียกอย่างนั้นเหมือนกัน คุณแม่ป่วยและกำลังจะตาย มีพวกผู้ชายไปส่วนพยายามไปขโมยยามา แต่พอพวกเขากลับมา มันก็สายเกินไปแล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ใช้ชีวิตแบบเดิมๆไปวันๆ แต่วันหนึ่ง จู่ๆก็มีบาทหลวงคนหนึ่งโผล่มา เขาบอกจะรับเลี้ยงพวกเราทั้งหมดให้อาศัยอยู่ที่โบสถ์ ตอนแรกพวกเราลังเล แต่เด็กผู้ชายที่เป็นคนพามาฉันมาที่นี้ ที่ฉันมารู้ทีหลังว่าเขาชื่อ เคย์ ก็พยักหน้าให้ พวกเราจึงยอมตกลงด้วย เพราะเขาก็เหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกเรา สุดท้ายพวกเราก็มีชีวิตอยู่ที่โบสถ์ และบาทหลวงพยายามบอกไม่ให้เราไปขโมย แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ โบสถ์นี้เองก็ยากไร้เช่นกัน เพราะไม่ค่อยมีคนมาบริจาค และยิ่งรับพวกเราเข้ามาเลี้ยง มันทำให้เขายิ่งลำบาก ทุกๆวันพวกเราได้รับการสั่งสอนในเรื่องศีลธรรมที่ฉันเคยทิ้งมันไป มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้กลับมาเป็นคนดี แต่คำสอนก็ช่วยขัดเกลาฉันขึ้นนิดหน่อย บาทหลวงเอาแต่พร่ำพูดสอนถึงพระผู้เป็นเจ้า เอาจริงๆนะ ฉันก็คิดว่าพระเจ้าคงจะมีจริงละ แต่ฉันไม่เคยเชื่อในตัวตนของพระเจ้าเลย ผ่านไปด้วยความยากลำบาก วันหนึ่งก็มีคู่สามีภรรยาเศรษฐีมาบริจาคของให้โบสถ์นี้ทุกๆเดือน และขอรับเลี้ยงเด็กในพวกเราไปหนึ่งคน ซึ่งแจ็คพอร์ตนั้นตกอยู่ที่ฉัน ตอนแรกฉันดีใจนะ แต่พอได้มองพ้องเพื่อนของฉัน ก็รู้สึกปวดใจแปลกๆ ฉันไม่อยากทิ้งพวกเขาไป และดูเหมือนพวกเขาจะรู้ว่าฉันคิดอะไร เลยตะโกนบอก

    เฮ้ ไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกฉัน รีบไปใช้ชีวิตซะแล้วบริจาคของให้พวกฉันด้วยละ

    คนที่ตะโกนมาคือเอ็ดดี้ ก่อนที่พวกที่เหลือจะพูดสนับสนุนเขา ฉันหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะมองไปที่เคย์ และในหัวก็นึกถึงสิ่งที่เอ็ดดี้เคยบอก

    เคย์นะเหรอ เธอไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นใบ้นะ

    เขาอ่ะนะ!? ถึงว่าทำไมไม่พูดเลย

    ใช่ เห็นว่าตอนเด็กๆโดนพ่อทำร้ายจนพูดไม่ได้เลยหนีออกจากบ้านมา และใช้ภาษามือในการสื่อสารแทน

    คนที่เข้าใจก็มีแต่คุณแม่ ส่วนพวกเราก็ใช้สายตาอะไรพวกนี้และการชี้บอกมั้ง

    ฉันฟังที่เอ็ดดี้พูดก่อนจะตัดสินใจบ้างอย่าง

    คุณแม่ หนูอยากเรียนภาษามือ

    คุณแม่เพียงทำท่าแปลกใจก่อนจะเริ่มสอนฉัน จนผ่านไปหลายเดือนฉันถึงจะใช้อย่างชำนาญ ก่อนจะวิ่งไปหาเคย์

    เคย์ ! ‘

    ฉันส่งเสียงออกไปก่อนที่จะไปยืนหยุดตรงหน้าเขาแล้วหอบเล็กน้อย เขาเพียงเลิกคิ้วอย่างสงสัย

    ฉันจึงทำสัญลักษณ์มือส่งให้เขา

    ทีนี้ฉันก็คุยกับนายได้แล้ว

    เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาษามือที่ฉันทำ ฉันยิ้มกว้างออกมาและหลังจากนั้นพวกเราก็คุยกันด้วยภาษามือมาตลอด

    กลับมาปัจจุบัน ฉันมองไปที่เคย์ก่อนจะทำสัญลักษณ์มือใส่เขา

    นายคือแสงสว่างของฉัน และจะเป็นแบบนี้ไปตลอด

    ฉันยิ้มให้เขาก่อนจะฉีกยิ้มกว้างและวิ่งขึ้นรถของเศรษฐีไป หลังจากนั้นชีวิตฉันก็ดีมาก ทุกคนที่บ้านดีกับฉันและให้ความรักฉัน อ่อ แล้วฉันก็เปลี่ยนามสกุลจาก เฟอีดาเป็นลิลเลียน่า ด้วยนะ ฉันได้เรียนเรื่องราวต่างๆ จนหล่อหลอมให้เป็นฉันในวันนี้ ว่างๆฉันก็จะไปเยี่ยมพวกเขาที่โบสถ์ ผ่านไปจนฉันอายุได้ 15 ปี ฉันก็ค้นพบว่าฉันเป็นโรคร้ายที่ไม่อาจรักษาได้ มีชีวิตอยู่ได้แค่ 1 ปีเท่านั้น ตอนพ่อกับแม่รู้พวกเขาเสียใจมาก ฉันเพียงแต่กอดปลอบพวกเขา และไม่ให้เขาบอกพวกที่โบสถ์ จนถึงวันเกิดอายุ 16 ของฉัน ฉันได้เพียงแต่นอนอยู่ที่เตียง มองเข็มนาฬิกาที่ชี้เลข 11 บ่งบอกว่าเป็นเวลา5ทุ่ม ฉันหลับตาลงแล้วหูก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ฉันเลื่อสายตาไปมองก็พบกับเอ็ดดี้ เคย์และคนอื่นๆที่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ ฉันเพียงยกยิ้มให้พวกเขา

    ทำไมเธอถึงไม่บอกพวกเราว่าเธอเป็นโรคร้ายแรงละ

    เอ็ดดี้ถามด้วยเสียงสั่นเครือ  ฉันไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

    ทำไมถึงไม่พูดอะไรบ้างละ !! “

    เขาตะคอก ก่อนที่จะโดนเคย์จับตัวไว้ และส่งสายตาเล็กน้อย เอ็ดดี้หยุดชะงักและปาดน้ำตาเบาๆ

    เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเธอหรอกนะ

    สักพัก ก็มีเสียงเพลงวันเกิดดังขึ้น พร้อมๆกับเค้กก้อนใหญ่ พวกเขาร้องเพลงและเดินเข้ามาล้อมรอบเตียงฉัน พอร้องจบ พวกเขาก็ยื่นเค้กมาให้

    ฉันยิ้มก่อนจะอธิฐานในใจ

    ได้โปรดเถิด ขอให้พวกเขา คนที่ฉันรัก มีแต่ความสุขตลอดไป

    ฉันคิดก่อนจะลืมตาขึ้นและเป่าเทียน เมื่อเทียนดับ เข็มนาฬิกาก็ชี้ไปที่เลข 12 พร้อมๆกับลมหายใจของฉันที่หมดลง

    หลังตาย : เธอเกิดมาในครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่มีฐานะดีไปจนค่อนข้างรวย ชีวิตของเธอในชาตินี้ถือว่าดีมากถ้าเทียบกับชาติก่อน จนทำให้เธอรู้สึกละอายใจเล็กๆต่อพวกเขา แต่เธอก็ได้เพียงแต่มีชีวิตที่ดีและมีความสุขเผื่อให้พวกเขาด้วย พ่อแม่ของเธอในชาตินี้รักเธอมากพอๆกับพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงของเธอชาติที่แล้ว ทำให้เธอค่อยๆหายคิดถึงพวกเขาที่ชาติก่อน แต่เธอไม่เคยลืมพวกเขาและเก็บพวกเขาไว้ในใจเสมอ แต่เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ ในวันที่พวกเราจะไปเที่ยวกัน มันเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้เมฆมาบดบัง พวกเราขี่รถไปเรื่อยๆ แต่พอมาถึงทางโค้ง รถกลับเบรกไม่ได้ ทำให้รถของเราชนเข้ากับราวกั้นเหล็กข้างทาง สิ่งที่เธอรับรู้ได้คือภาพท้องฟ้าที่แจ่มใสในตอนนี้กลับมีเมฆดำมาบดบัง..

    ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ที่เธอหลับไป เธอตื่นมาในห้องสีขาว ที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นห้องพยาบาล เธอลืมตายขึ้นก่อนจะนึกทบทวนว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้าง และดึงสายน้ำเกลือออกจากแขนอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น เธอลุกขึ้นแล้ววิ่งไปข้างนอก

    แฮ่ก แฮ่ก

    เธอหอบหายใจแต่เท้าก็ยังคงวิ่งต่อไป พร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ

    ปึก

    โอ้ย

    เธอชนเข้ากับคนๆหนึ่งจนล้ม ก่อนที่จะเงยหน้ามองเขาและพบว่าเขาเป็นเพื่อนของคุณพ่อ

    คุณลุง..

    เธอพูดเสียงสั่นเครือ ก่อนที่เพื่อนพ่อจะหยุงเธออย่างร้อนร้นแล้วร้องบอกพยาบาล

    คุณลุงคะ พ่อกับแม่ของหนูล่ะ

    เธอถาม ก่อนจะต้องใจหล่นวูบเมื่อเขาพูดขึ้น

    คือว่า...

    เขาเงียบไปสักพักก่อนจะสบตากับฉันและอุ้มฉันขึ้นเบาๆ

    พวกเขา..ไม่รอด

    เมื่อเขาพูดจบ ฉันก็นิ่งค้างไปก่อนจะค่อยๆปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา

    ทำไม

    ทำไม

    ทำไม

    คำเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวก่อนที่เธอจะสลบไปอีกครั้ง

    เธอตื่นขึ้นมาในที่ที่เดิม แต่กลับมีคนอยู่ในนี้เต็มไปหมด หนึ่งในนั้นคุณลุงอยู่

    คุณลุงเดินเข้ามาหาเธอก่อนจะลูบหัว

    นี้คือญาติห่างๆของพ่อหนู เขาจะมารับหนูไปเลี้ยงนะ

    หลังจากนั้นเขาก็แนะนำตัวกับเธอ และพาเธอกลับบ้านทันที เพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายจากอุบัติเหตุครั้งนั้น ซึ่งอาจจะเพราะโชคดีหรืออะไรก็ตามแต่.. ทำให้เธอได้กลับบ้านทันที เมื่อไปถึงก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาชื่อ ดีโน่ คาบัคเรโน่ ในคราแรกเขาและเธอยังไม่ค่อยสนิทใจกันนัก แต่ภายหลังสนิทจนแทบรู้ทุกเรื่อง และแน่นอนเธอรู้เรื่องของมาเฟียและการที่เขาไปญี่ปุ่นบ่อยๆเพราะอะไรด้วย แต่เธอแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น ในระหว่างที่อยู่ที่นี้เธอก็ไม่เสียเวลาไปเปล่าๆ เธอเรียนการต่อสู้และการใช้อาวุธ อาจจะทำได้ไม่ดีนัก แต่หากนำทักษะในการโจรกรรม(?) และการหนีตาย(?) ในชาติก่อนสมัยเด็กมาร่วมกัน เธอก็สู้ได้เหมือนมาเฟียคนหนึ่งเช่นกัน หลังจากนั้นก็เริ่มเบื่อจึงบินไปอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นแบบไม่ให้พี่ดีโน่รู้ ในตอนที่ลงเครื่องและเดินไปบ้านที่พ่อกับแม่ที่ตายไปซื้อไว้นานโข เธอก็เดินตามหา ในระหว่างที่เดินตามหาอยู่นั้น เธอก็เผลอชนกับผู้ชายคนหนึ่งเข้า เขาเป็นคนที่มีผมสีน้ำตาลชี้โด่เด่ เขาก้มหัวขอโทษผงกๆ เธอเพียงยิ้มรับก่อนจะถามทางเขาและก็เผลอสบตากับเขา ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด เธอรีบถอนสายตาหนีแต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่หายไปเลย ในระหว่างที่เหม่อลอยอยู่นั้น เสียงของเขาก็ดึงสติเธอกลับมา และเหมือนว่าบ้านของเธอจะอยู่ตรงข้ามกับบ้านของเขาเลย

    ผมนึกว่าบ้านนั้นเป็นบ้านร้างซะอีก ฮ่าๆ

    เขาพูดพลางหัวเราะแห้งๆออกมา เธอเพียงยิ้มรับ

    งั้นคุณจะมาอยู่บ้านหลังนั้นเหรอครับ งั้นยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อ ซาวาดะ สึนะโยชิ

    สิ่งที่ชอบ : การได้ช่วยเหลือใครสักคน การร้องเพลง การทำอาหารเมนูใหม่ๆ ช็อคโกแล็ค

    สิ่งที่เกลียด : คนที่ชอบรังแก ซ้ำเติม หรือพูดทำร้ายจิตใจคนอื่น คนที่ทำร้ายคนที่เธอรัก

    สิ่งที่แพ้ / กลัว :

    แพ้ถั่ว หากเผลอกินเข้าไปอาจอาเจียน คลื่นไส้ แต่หากกินเข้าไปในปริมาณมากๆและได้รับการรักษาไม่ทันก็อาจจะช็อคหมดสติจนถึงขั้นเสียชีวิตได้..

    กลัว แมลงสาบ แมงมุม จิ้งจก

    คู่ : ซาวาดะ สึนะโยชิ

    แนวความรักที่ต้องการ : น่ารักๆ น่าจะเหมาะกับคู่นี้สุดแล้วนะ 555

    มุมสัมภาษณ์ตัวละคร

    "หวัดดีจ๊ะ ฉันคือพระเจ้านะจ๊ะ" 

    ตอบ พระเจ้าเหรอ? เธอคิดก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย

    นี้ฉัน.. ตายแล้วเหรอคะ?

    เธอเอ่ยปากถามพระเจ้า แต่เขาก็ไม่ตอบอะไร เธอจึงถอนหายใจอีกครั้ง ต้องยอมรับความจริงละนะ..

    พระเจ้านี้..มีจริงๆด้วยสินะ

    เธอจ้องมองพระเจ้าก่อนจะเอ่ยปาก

    ยังไงก็..สวัสดีนะคะ

    "ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อยได้มั้ยจ๊ะ พูดมาเท่าที่อยากพูดเลยนะ!"

    ตอบ แนะนำตัวเหรอคะ?

    เธอถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มออกมา

    ก็.. ฉันชื่อ ดอว์น่า ลิลเลียน่า ค่ะ จะว่าไงดีละ ก็เป็นแค่เด็กสาวธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นละค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษมาก

    "เธออยากจะกลับไปใช้ชีวิตอีกมั้ยล่ะ? ถ้าไม่...ฉันขอเสนอให้เธอไปที่โลกอนิเมะและมังงะที่เธอชอบนะ เอามั้ยล่ะ?"

    ตอบ กลับไปโลกเดิมไม่ได้หรอกคะ?

    เธอยิ้มก่อนจะพยายามอ้อนพระเจ้า แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เธอจึงถอนหายใจเล็กน้อย

    ก็ได้ค่ะ..

    "แต่ก่อนจะไปเกิดใหม่ ขอถามอะไรสักข้อได้มั้ย?"

    ตอบ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับพระเจ้าก่อนจะเอียงคอ

    ได้สิค่ะ

    "เธอคิดว่า อะไรคือ 'สิ่งที่แตกหักได้แม้จะไม่ได้กุมมันเอาไว้' งั้นเหรอ?"

    ตอบ อะไรที่แตกหักได้แม้จะไม่ได้กุมมันงั้นเหรอ

    เธอพึมพำก่อนจะเอ่ยตอบ

    โชคชะตา นั้นคือคำตอบของฉันค่ะ ! “

    เธอพูดตอบอย่างหนักแน่น

    "โชคดีกับชีวิตใหม่ของเธอนะจ๊ะ!"

    ตอบ โอ๊ะ แค่นี้เหรอคะ แล้วไม่ต้องไปชดใช้บาปหรืออะไรแบ---

    เธอพูดออกมายังไม่ทันจบประโยค เธอก็หายไปจากหน้าพระเจ้าซะแล้ว.

    มุมผู้ปกครอง

    สวัสดีค่ะ เราฮาคุราอินะคะ เตงชื่ออะไรเอ่ยยย : พิณคนเดียวเพิ่มเติมคือหิวค่ะ !(?)

    ถ้าไม่ผ่านจะมาเผาบ้านเรามั้ยคะ? : เบิร์น เบบี้ เบิร์น (เดียว--)

    ถ้าหลุดคาร์สักนิดท่านจะให้อภัยเรามั้ยคะ(...) : ดอนท์วอรี่ เบเบ้(??)

    ขอให้โชคดีนะคะ! : /พนมมือรับพร(???)

    H a s h
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×