ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #196 : Summer Ade

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 67


    Summer Ade
    Playlist: DIA – Like U Like U











    .

    เพื่อนสนิทไม่ใช่คนที่จะเก็บความลับให้เราได้ทุกเรื่อง มุกิตะ อายู เพิ่งจะรู้ซึ้งถึงข้อความจริงนี้ก็ในตอนที่ประตูรถคาราวานจะถูกเลื่อนเปิดออกอย่างถือวิสาสะ ให้เธอที่กำลังนั่งแต่งหน้าโดยมีเสียงของภาพยนตร์แนวรอมคอมที่เปิดเจอตอนฉายไปได้กลางเรื่องแล้วจากจอโทรทัศน์เป็นเพื่อนไม่ให้เงียบเหงาต้องสะดุ้งเฮือก ความตกใจแปรเปลี่ยนไปเป็นความตื่นตะลึง จนแท่งลิปสติกที่กำลังถืออยู่ร่วงหล่นลงไปบนพื้น ทันทีที่ได้สบสายตากับเขา ซึ่งจะปล่อยหูจับกระเป๋าเดินทางอย่างแรงโดยไม่มีความเกรงอกเกรงใจกันเลยแม้แต่น้อย ก่อนเดินผ่านอายูที่ยังคงอ้าปากค้างไปทิ้งตัวลงบนเตียงยับย่นที่เธอไม่เคยเก็บเป็นนิสัยอยู่แล้วเพราะไม่เห็นประโยชน์ ในเมื่อตอนค่ำก็ต้องกลับมานอนอยู่ดี และอายูหมายถึงตัวเธอเอง ที่จำได้ว่าจองที่พักและหิ้วกระเป๋าเข้ามาเป็นแขกรายเดียวในคาราวานสามคันที่เรียงรายอยู่ในแคมป์ จริงอยู่ที่เขาอาจไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเธอ กระนั้นอายูก็ขอเพิ่มเติมลงไปว่าเขาไม่ใช่คนที่เธออยากพบหน้าในเวลานี้ และไม่มีทางที่เขาจะตามเธอมายังประเทศหมู่เกาะเล็กๆ อีกซีกโลกหนึ่งซึ่งคนรอบตัวเธอไม่มีใครรู้จักจนเจอได้อย่างแน่นอน!

    เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก็จริง แต่ก็เป็นความลับที่มีแค่คนสองคนบนโลกที่รู้คือเธอกับเพื่อนสนิทที่มีชื่อว่าไอ้เจสซี่ ลูอิส หนอยแน่ะ! กลับไปเมื่อไหร่เธอจะสวดชุดใหญ่แล้วลดฐานะหมอนั่นให้เป็นแค่เพื่อนธรรมดาโทษฐานที่ปากสว่างแทน

     หลังจากไปนั่งฟูมฟายร้องห่มร้องไห้กับเจสซี่ตลอดทั้งคืนจนขอบตาบวมเป่งเพราะอกหักช้ำรักจากหัวหน้าของตัวเอง แถมยังไข้ขึ้นจริงๆ จนต้องนอนซมอยู่ในห้องของเพื่อนสนิทที่เลิกปากร้ายชั่วคราว แล้วทำหน้าที่เป็นพยาบาลคอยดูแลนานถึงสองวันเพราะคลานกลับอพาร์ตเมนต์คนละเขตไม่ไหว น้ำตาของเธอยังคงไหลเปียกหมอนกระทั่งในยามหลับ และอายูก็รู้ว่ามีเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่เธอจะตัดใจได้ แม้จะยังไม่หายดีเต็มร้อย เธอก็พยายามหอบสังขารเข้าไปยื่นใบลาออกด้วยข้ออ้างที่ว่าตัวเองไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้...มาโดยตลอด แต่เขากลับไม่ยอมรับ แถมยังอนุมัติวันลาหนึ่งสัปดาห์ให้เธอกลับไปคิดทบทวนดูให้ดีแทน จนถึงตอนนี้อายูก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาจะรั้งเธอไว้ทำไม ในเมื่อเธอไม่ใช่เลขาฯที่ดีเด่อะไร แถมเขาเองก็ไม่เห็นจะเคยชื่นชมหรือแสดงออกว่าพออกพอใจกับการมีเธอเป็นเลขาฯ หากแม้ว่าอยากจะยืนกรานถึงความตั้งใจของตัวเองแค่ไหน อายูก็ทนอยู่ต่ออีกไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวตรงขอบตา ระหว่างทางเดินกลับห้องโดยไม่ยอมขึ้นแท็กซี่เหมือนกิจวัตรประจำวัน เธอก็ปล่อยโฮออกมาจริงๆ โดยไม่อับอายผู้คนที่เดินสวนทางกันเลยแม้แต่น้อย กระทั่งตอนจองตั๋วเครื่องบินกับห้องพักเสร็จสรรพมายังประเทศหมู่เกาะซึ่งอยู่ห่างไกลเช่นนี้ หลังเก็บกระเป๋าเรียบร้อย เธอก็โทร.บอกเจสซี่ว่าจะขอหลบไปพักใจสักระยะ พอได้ยินชื่อจุดหมายปลายทางเขาก็ด่าเธอว่าทำไมถึงได้ทำตัวงี่เง่าแค่เพราะอกหักแบบนี้! เพราะอย่างนั้นอายูถึงได้บ่อน้ำตาแตกขึ้นมาอีกทำนบ โยนเครื่องมือสื่อสารที่แผดเสียงสั่นอยู่บนเตียงรัวๆ ด้วยความแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ติดต่อกับใครตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็ม

    อายูรู้ว่าเจสซี่ต้องโกรธกับการทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ทั้งที่อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ กันแล้ว หากเธอก็ไม่เห็นความเกี่ยวโยงถึงความโกรธนั้น กับเหตุผลที่รองประธานจะมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ได้

    เอ่อ ทำไม...”

    ไม่ทันที่ริมฝีปากสีชมพูจะได้เอ่ยถาม เขาก็แทรกประโยคขณะถอดชุดสูทสีดำตัวนอกออกมาพาดกับขอบโซฟาตัวที่เธอกำลังนั่งอยู่ รวมถึงปลดเนคไทและกระดุมสองเม็ดบนออก “ฉันจะนอนพักสักหน่อย เดินทางมาไกลแล้วเหนื่อยชะมัด”

    คะ?”

    และเมื่อเขาพลิกตัวหันหลังให้ ถึงจะนอนหลับไปแล้วหรือไม่ อายูก็ไม่คิดว่าเขาจะยอมตอบคำถามของเธออีก ข้างในหัวสมองมีทั้งคำถามและความรู้สึกมากมายตีรวนกันอยู่ แต่ถ้าขืนเธอนั่งหายใจเอาอากาศเดียวกันกับเขาในพื้นที่แคบๆ ของคาราวานต่อคงจะไม่มีทางรวบรวมกระทั่งสติได้ หลังจ้องมองแผ่นหลังของเขาอยู่สักพัก ในที่สุดเธอก็ลุกขึ้นไปปิดโทรทัศน์ ก้มลงหยิบแท่งลิปสติกและกวาดข้าวของลงในกระเป๋าเครื่องสำอางก่อนยัดมันเข้าลิ้นชัก คว้าหูกระเป๋าเดินทางของเขาไปวางแอบไว้ในมุมหนึ่ง แดดจัดจ้าและอากาศบริสุทธิ์ของแคมป์ริมทะเลยามสายช่วยทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ไม่อาจสลายรอยยิ้มขมขื่นเมื่อคิดถึงเรื่องของเขาขึ้นมาได้เลย

     

    มุกิตะ อายู เข้าทำงานเป็นเลขาฯของรองประธานนากามูระ ไคโตะ ในบริษัทอสังหาฯมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว จะเรียกว่าเป็นความทะเยอทะยานสำหรับคนที่เคยผ่านประสบการณ์เป็นแค่คนถ่ายเอกสารในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์หัวเล็กสุดๆ ชนิดที่พูดชื่อไปก็ไม่มีใครรู้จักก็คงได้ แต่เมื่อเจสซี่บอกว่ามีตำแหน่งว่างที่บริษัท อายูก็ไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อการเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นความฝันของหนุ่มสาววัยทำงานในเมืองใหญ่ อายูจึงแทบไม่เชื่อหูตัวเองกับข่าวดีที่ได้รับผ่านทางสายโทรศัพท์ ถึงความนิ่งเฉย บางครั้งก็อารมณ์ไม่คงที่ พ่วงมาด้วยปากคอที่ก็เชือดเฉือนไม่ใช่ย่อยของเขาจะทำให้การทำงานเป็นเรื่องยากในช่วงแรก แต่เมื่อนานวันเข้า อายูก็สามารถคุ้นชินกับมันได้ มากพอที่จะชอบพอนิสัยใจคอของเขา และอันที่จริงมันควรจะหยุดอยู่เพียงแค่นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะนัดกับลูกค้าที่ร้านกินดื่มโดยมีเลขาฯอย่างเธอติดสอยไปด้วย เพราะไม่ใช่นักดื่มเลยไม่รู้ฤทธิ์ของเหล้าหวานที่เพลิดเพลินกับมันไปไม่รู้ต่อกี่แก้ว ก่อนสายของวันถัดมาจะพบตัวเองตื่นนอนมาด้วยอาการปวดหัวรุมๆ อยู่ที่ห้องชั้นสูงสุดซึ่งสามารถมองเห็นวิวของโตเกียวทาวเวอร์ รวมถึงตลอดมหานครอันกว้างใหญ่ได้โดยทั่ว อย่างที่ห้องพักในอพาร์ตเมนต์ชั้นสามของเธอไม่มีทางทำได้ ครั้นปรับสายตาแล้วหันมองไปรอบๆ ก็จะเจอเข้าให้กับรองประธานที่เดินเข้ามาหาพร้อมยื่นแก้ววิตามินละลายน้ำมาให้ หลังจากดื่มหมดแล้วเขาก็ไล่เธอไปอาบน้ำ ให้แต่งตัวด้วยชุดเดรสใหม่เอี่ยมราคาแพงลิ่วของผู้หญิงที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครของใคร แล้วกินข้าวต้มที่เธอก็ไม่รู้อีกเหมือนกันว่าใครเป็นคนทำ ก่อนขับรถพาไปส่งที่อพาร์ตเมนต์ในเขตตัวเมืองรอบนอก

    ด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ อายูก็ตกหลุมรักรองประธานในอีกแง่มุมที่ไม่เคยได้ประสบไปทั้งใจ

    หากเพราะเจียมสถานะของตัวเองดี อายูจึงคิดว่าตัวเองสามารถอดทนกับความรักข้างเดียวเช่นนี้ได้ กระทั่งข่าวลือที่ว่อนไปทั่วบริษัทเรื่องคู่หมั้นของเขา ทำให้อายูได้รู้ว่าความอดทนที่คิดมาโดยตลอดว่าตัวเองมีนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะเธอไม่เคยเห็นเขาคบหาหรือให้ความสนใจกับผู้หญิงคนไหนเลยต่างหาก

    คู่หมั้นของเขาแตกต่างจากเธอทุกอย่าง เป็นผู้หญิงที่เพียงปราดมองก็รู้ได้ว่าเป็นของจริง ช่างภาพแฟชั่นชื่อดังที่เพิ่งจะได้รับรางวัล หญิงทรงอิทธิพลแห่งปีควรคู่กับทายาทบริษัทอสังหาฯอันดับหนึ่งของประเทศแบบที่ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรจะเอาตัวไปเทียบ หล่อนจะแวะเวียนมาหาไคโตะในตอนพักเที่ยงเพื่อออกไปหาอะไรกินข้างนอกด้วยกันสัปดาห์ละสองสามครั้ง ที่เจ็บใจที่สุดคือการที่ไคโตะมักจะเมินเฉยกับเธอเมื่อเคียงคู่ไปกับหล่อน กระทั่งความอดทนได้มาถึงจุดสิ้นสุดในตอนที่เธอเอาเอกสารเข้าไปให้ ขณะที่หญิงสาวเจ้าของผมบ็อบสีทองฉีกรอยยิ้มกว้าง เอ่ยปากทักทายเธออย่างเป็นกันเองจากบนขอบโซฟาข้างตัว ชายหนุ่มก็กลับขยับองศาของใบหน้าไปทางอื่น

    ด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ อายูก็เจ็บปวดกับความรักข้างเดียวที่ไม่มีวันจะสมหวังไปทั้งใจ

     

    มีสิ่งหนึ่งที่อายูมั่นใจเสมอว่าเก่งกว่าใครๆ นั่นคือการเก็บความลับเอาไว้กับตัวเอง จนเพื่อนสนิทเกือบยี่สิบปีที่มั่นใจว่าต่างรู้เรื่องของกันและกันทุกอย่างยังถึงกับช็อก เมื่อได้รู้ว่าเธอแอบตกหลุมรักรองประธานอยู่ จากที่คิดจะตอกย้ำซ้ำเติมหรือพูดอะไรแรงๆ อย่างที่มักจะทำจนเป็นนิสัย พอได้เห็นคนที่เก็บความรู้สึกเก่งเป็นบ้าร้องห่มร้องไห้เหมือนโลกจะพังทลาย แถมยังพร่ำพูดไม่หยุดว่า “ถ้ารองประธานนากามูระแต่งงานเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าตัวตายแล้วเป็นวิญญาณตามติดเขา!” ก็ชวนให้ทั้งสงสารและเวทนาในคราวเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครๆ จะตกหลุมรักรองประธานนากามูระ ไคโตะผู้มีทุกอย่างพรักพร้อม เพียงแต่เจสซี่ไม่คิดว่าเธอจะมีความรู้สึกมากมายขนาดนี้ จากเหตุการณ์แค่เล็กน้อยเพียงเท่านั้น เขารับฟังเธออยู่กับเบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าเงียบๆ ส่วนเธอก็ดูดน้ำอัดลมเข้าไปอึกๆ เพราะเขาไม่ยอมให้เธอดื่มด้วยจนเหนื่อยแล้วสลบไปเอง

    อายูไม่คิดอยู่แล้วว่าเจสซี่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ยิ่งกับรองประธานยิ่งแล้วใหญ่ ในเมื่อเพื่อนสนิทของเธอทำงานอยู่ฝ่ายการตลาดซึ่งไม่ได้มีความสำคัญขนาดที่จะเดินดุ่มๆ ขึ้นไปคุยกับรองประธานได้ แต่จะให้คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ตก ถึงจะมองไม่เห็นความเป็นไปได้ในเวลานี้ อายูก็มั่นใจว่าเจสซี่ต้องมีส่วนด้วยอย่างแน่นอน แค่การบังเอิญได้มาเจอกันในประเทศคนละซีกโลกก็เป็นเรื่องยากพออยู่แล้ว เจาะจงว่าเป็นแคมป์คาราวานที่เพิ่งเปิดใหม่และไม่ได้อยู่ในผลการค้นหาลำดับต้นๆ รวมถึงการที่คนอย่างรองประธานนากามูระ ไคโตะจะเลือกพักที่นี่ แทนที่จะเป็นโรงแรมหรูๆ ด้วยอีก คงต้องใช้คำว่า เป็นไปไม่ได้ เลยต่างหาก

     

    เธอจับจองที่นั่งริมหน้าต่างภายในร้านอาหารท้องถิ่นบรรยากาศดีริมทะเลที่ใช้เวลาเดินมาจากแคมป์ไม่ถึงสิบนาที และเข้ามาฝากท้องเป็นลูกค้าตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ซึ่งนั่นก็ผ่านมาสองวันได้แล้ว จนดอนน่า หญิงเจ้าของร้านวัยชราแต่ยังคล่องแคล่วดีอยู่จะป่าวร้องทักอย่างสนิทสนมในตอนที่ผลักบานประตูเข้ามา นอกจากปลาเนื้อขาวโรยเบคอนกรอบราดซอสอัลยอลีกับสตรอว์เบอร์รี่โซดาที่สั่งไปแล้ว เธอก็ยังได้รับสลัดมันฝรั่งเป็นของแถมพิเศษ ให้อายูต้องกล่าวขอบคุณต่อความมีน้ำใจของชาวท้องถิ่นได้ไม่หยุดหย่อน

    แล้วแฟนไม่มาด้วยเหรอ?”

    แฟนหนู? ใครคะ?”

    ก็พ่อหนุ่มรูปหล่อที่เป็นชาวเอเชียเหมือนหนู ใส่สูทแต่งตัวเนี้ยบๆ ไงจ๊ะ ก่อนหน้านี้เขามาถามทางไปแคมป์คาราวาน พอฉันถามว่าเป็นแขกที่มาพักเหรอ? เขาก็บอกว่ามาตามหาคน ตอนนี้มีแค่หนูที่พักอยู่นี่”

    โชคดีที่อายูกลืนเนื้อปลาลงไปแล้ว ถึงได้ไอค่อกแค่กโดยไม่สำลักเอาอะไรที่อยู่ในปากออกมาด้วย แต่ก็ทำให้ต้องรีบดูดน้ำผ่านหลอดอึกๆ ทั้งที่หน้าและจมูกยังแดงก่ำ ส่วนหนึ่งเพราะอาการ ส่วนหนึ่งเพราะคำพูดของดอนน่า

    เขาไม่ใช่แฟนหนูค่ะดอนน่า!” เธอรีบแก้ความจริงให้เป็นพัลวัน “ที่จริงเขาเป็นหัวหน้าของหนูต่างหาก”

    หัวหน้าเหรอ?” หญิงชราหัวเราะ “แหม...แต่ดูไม่เหมือนแค่นั้นนี่สิ” หล่อนเย้าก่อนผละจากไปหาลูกค้าโต๊ะอื่นที่ร้องเรียกแทน

    อันที่จริงอายูก็อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองอย่างที่ดอนน่าว่าอยู่เหมือนกัน หากเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด ก็เป็นอีกครั้งที่เธอต้องใช้คำว่าเรื่องนั้น เป็นไปไม่ได้ เอาเสียเลย

     

    เพราะไม่ได้รีบร้อนไปไหน และแน่ใจว่ารองประธานคงจะไม่ตื่นนอนเอาง่ายๆ หลังเพิ่งจะงีบหลับเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงแน่ อายูจึงละเลียดมื้ออาหารอย่างเชื่องช้า เคล้าคลอไปกับทิวทัศน์นอกบานกระจก เมื่ออิ่มแล้วก็สั่งสตรอว์เบอร์รี่โซดาอีกแก้ว ก่อนลุกไปหยิบนิยายประโลมโลกจากชั้นหนังสือของดอนน่ามาอ่านตอนที่ยังค้างอยู่ต่อ เหลืออีกไม่กี่ร้อยหน้าแล้ว วันนี้น่าจะอ่านได้จนจบ ทั้งอย่างนั้นเธอกลับจดจ่อความคิดให้อยู่กับตัวหนังสือแทบไม่ได้เลย มีความคืบหน้าบนตัวอักษรที่อัดแน่นกันแค่เพียงน้อย ตรงข้ามกับความคิดเหม่อลอยในหัวสมองของเธอ หลังจากแหงนมองเข็มนาฬิกาข้างฝาที่เคลื่อนจากเลขหนึ่งไปเกือบถึงสอง อายูจึงตัดสินใจล้มเลิกความคิด ทว่าในตอนที่ทำท่าว่าจะเลื่อนเก้าอี้ลุกขึ้นเพื่อเอามันไปเก็บบนชั้นวางนั้นเอง หญิงสาวรายหนึ่งก็จะผลักบานประตูเข้ามา ต่างส่งสีหน้าตื่นเต้นแม้จะได้เจอกันตลอดสามวันที่อยู่ที่นี่แล้วสรรหาเรื่องมาคุยกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ ฮานะคือเพื่อนร่วมห้องสมัยมัธยมปลายที่ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่กับคนรักหลังแต่งงานเมื่อไม่กี่ปีก่อน อายูได้รู้จักประเทศหมู่เกาะที่แทบไม่มีใครเคยได้ยินชื่อก็จากหล่อน มันช่วยไม่ได้ที่เธอจะเพลิดเพลินอยู่กับการนั่งปูเสื่อรับลมชมวิวริมหาดทรายอยู่กับฮานะและชายคนรักของหล่อนจนลืมเวลาไปจริงๆ

     

     

    แสงอาทิตย์เริ่มโรยราลงไปมากแล้วเมื่อเธอกลับไปยังที่พัก ก่อนจะหยุดลงก่อนถึงทางเข้า แหงนมองดูท้องฟ้าและก้อนเมฆที่ผสมปนกันทั้งชมพู ม่วง ส้ม ผสานรวมกันตรงเส้นขอบฟ้า เธอตกหลุมรักช่วงเวลายามสนธยาเช่นนี้และคอตตอนแคนดี้สกายที่ทอดมองดูกี่ครั้งก็ยังคงดื่มด่ำ แม้มันจะเป็นเวลาเพียงครู่สั้นๆ จากนั้นก็ผ่านพ้นไปก่อนที่ใครจะได้ทันรู้สึกตัว...ไม่ต่างอะไรจากความรักของเธอ

    คิดแล้วก็พรูลมหายใจบางเบา ขณะเดินตอกส้นรองเท้าไปบนแผ่นทางเดินโรยกรวดอย่างเชื่องช้า

    “มุกิตะ”

    “ค่ะ! รองประธาน...”

    ก่อนฝีก้าวจะชะงักงัน เช่นเดียวกับคำพูดที่ขาดห้วงลงไป เมื่อได้เห็นเขากำลังยืนกอดอกพิงประตูรถพร้อมขวดคราฟต์เบียร์ในตู้เย็น รองประธานในมาดเนี้ยบที่ได้เห็นจนชินตา บัดนี้อยู่ในเชิ้ตสีขาวที่ถูกปลดกระดุมสองเม็ดบนออก ปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกงขายาวสีเดียวกัน ผมสีน้ำตาลซึ่งมักจะเสยขึ้นอยู่เสมอบัดนี้ตกลงมาปรกใบหน้า พัดพลิ้วไปตามสายลมที่ตีกระทบมา มีหยดน้ำเกาะอยู่ในตอนที่เธอเดินเข้าไปใกล้ การได้เห็นรองประธานในสภาพตามสบายแบบนี้ ก็คล้ายว่าจะทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะยิ่งไปกว่าเดิม

    “หายไปไหนมา?”

    “ขอโทษค่ะ ฉันไปที่หาดมา เผอิญว่าเจอเพื่อนเก่าที่ย้ายมาอยู่ที่นี่เลยคุยกันเพลินไปหน่อย” น้ำเสียงของเธออ่อนอ่อยลงไป ถึงรู้ว่านี่ไม่ใช่โทษถึงตาย กระนั้นก็ยังอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี จนสายตาที่ขยับไปเห็นเตาบาร์บีคิวที่ถูกตั้งกับถาดใส่ไส้กรอกที่วางอยู่ใกล้ๆ แล้วริมฝีปากก็จะทำหน้าที่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปอย่างรวดเร็ว “จะทำบาร์บีคิวเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นขอฉันเข้าไปล้างมือเดี๋ยวเดียวนะคะแล้วจะออกมาทำให้”

    คำตอบที่ได้รับเรียกความประหลาดใจให้แก่เธออีกระลอก

    “ฉันทำเองได้”

    “รองประธานเหรอคะจะทำเอง!” เธออดปากไว้ไม่อยู่ ครั้นรู้สึกตัวก็ได้แต่ยิ้มแหย ก่อนแทรกผ่านร่างสูงของเขาหลังเอ่ยเปลี่ยนเรื่องว่า “งั้น...ฉันขอตัวไปเปิดไฟก่อนนะคะ ชักจะมืดแล้ว” ไปกดสวิตช์เปิดหลอดไฟแอลอีดีภายในตัวรถกับบนหลังคา จากนั้นจึงก้าวยาวๆ ตัดผ่านสวนไปเปิดสวิตช์ริมกำแพงที่จอดรถ เกิดความสว่างไปทั่วบริเวณจากไฟประดับทรงกลมที่แขวนอยู่เหนือต้นไม้หน้าคาราวานทั้งสามคัน แสงสีส้มนวลตาที่ไม่ได้เจิดจ้าเกินไปช่วยสร้างบรรยากาศให้แก่ยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี แม้จะเป็นแขกรายเดียวที่พักอยู่ อายูก็จะออกมานั่งดื่มด่ำพร้อมกับขนม เครื่องดื่ม หนังสือนิยายที่ซื้อติดมาหลายเล่มจากร้านในสนามบิน บางครั้งก็ผล็อยหลับไปบนเก้าอี้ด้านหน้านั่นเลย พอสะดุ้งตื่นถึงค่อยลากสังขารตัวเองกลับเข้าไปนอนให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่ไหนแต่ไรอายูก็ไม่ใช่คนขี้เหงา แค่คิดว่าถ้ามีเพื่อนหรือไม่ก็แขกคนอื่นๆ ให้พูดคุยสนทนาด้วยบ้างก็น่าจะดีกว่านี้

    อีกนั่นแหละที่อายูไม่คิดว่ามันจะดีได้ยิ่งกว่านี้ เมื่อคนที่ใช้เวลาอยู่กับเธอที่นี่ ในตอนนี้ ก็คือผู้ชายคนที่เธอแอบรักมาตลอด...เกินกว่าที่คิดว่าตัวเองจะรู้สึก

    ด้วยหวาดกลัวความเงียบที่อาจจะยังผลให้สรรพเสียงที่ต้องการเก็บซ่อนไว้ดังเกินไป จึงกลับเข้าไปเปิดวิทยุคลอเป็นเพื่อนไม่ให้เงียบเหงา ปกติอายูเป็นคนเรื่องมากกระทั่งบทเพลงที่เลือกฟัง หากการที่ไม่ได้พกมือถือติดตัวมาด้วยก็ทำให้เธอเปิดใจรับฟังดนตรีที่แตกต่างจากรสนิยมซ้ำๆ ซากๆ ของตัวเองได้ ซึ่งก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงเอาแต่นั่งจมกองน้ำตาอยู่กับเพลย์ลิสต์อกหักรักคุดอยู่ได้ คลื่นวิทยุท้องถิ่นที่เธอเลือกฟังนิยมเปิดทั้งเพลงป็อปร่วมสมัยและเซิร์ฟมิวสิคจากวงท้องถิ่น เข้ากับบรรยากาศริมทะเลได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะช่วงเวลาใด

    อายูยังคงไม่เข้าใจรองประธานนากามูระ ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อมองผ่านบานหน้าต่างที่ม่านสีขาวถูกรูดเปิดออกไป ก็คิดว่าช่างคู่หมั้นของเขา ช่างเรื่องการลาออก ช่างทุกอย่างมันปะไร! ต่อให้จะเป็นเพียงช่วงเวลาแสนสั้น เธอก็จะยอมโอบรับเอาความสุขของความฝันที่อาจแสนสั้นนี้ไว้เหมือนกับคนโง่เอง

     

    ไม่เชิงว่าเธอไม่ชอบทำอาหาร ก็แค่ไม่ชอบขั้นตอนที่ยุ่งยากของการทำอาหารและเก็บล้าง แต่เพราะเขายืนกรานว่า “ฉันทำเองได้” คนที่ไม่มีอะไรทำเลยยื่นออกจากบานประตูแล้วถามว่า “เบียร์ไหมคะรองประธาน?

    “อืม”

    เธอขานรับเสียงดังฟังชัด ขณะที่หมุนตัวกลับไปได้ไม่ทันไรเขาก็จะเสริมคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ “ส่วนเธอช่วยอย่าดื่มล่ะ ฉันมาเที่ยว ไม่ได้อยากดูแลคนเมา”

    “รับทราบเจ้าค่ะ!” แม้ฟังดูคล้ายเชิงประชดประชัน แต่ความจริงแล้วอายูกำลังรู้สึกดีใจที่เขายังจดจำเรื่องราวของเธอได้ต่างหาก ต้องใช้เวลากว่าครู่หนึ่งถึงจะหุบรอยยิ้มกว้างๆ นั้นลง ก้มลงไปหยิบขวดเบียร์จากในตู้เย็นให้เขา ส่วนของเธอเป็นคราฟต์โซดา หลังทำหน้าที่ส่งมอบเสร็จสิ้น เขาก็ไล่เธอให้ไปนั่งรอโดยไม่ต้องมาป้วนเปี้ยน อายูรู้สึกทึ่งใจเป็นอย่างมากกับการได้เห็นรองประธานมาทำอะไรแบบนี้ ถึงจะด้วยเรื่องธรรมดาสามัญอย่างการพลิกย่างไส้กรอกอยู่หน้าเตาก็ตาม ครั้นรู้สึกว่ารอยยิ้มกำลังจะผุดขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง เธอจึงต้องรีบซ่อนมันไว้กับปากขวดเครื่องดื่มที่แทบจะไม่ได้ผ่านลำคอลงไปด้วยซ้ำ

    อายูเห็นเป็นโอกาสเหมาะในตอนที่รองประธานมานั่งข้างเธอพร้อมกับไส้กรอกควันฉุยในจาน

    “ว่าแต่รองประธานมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” เธอถามขณะใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกแท่งยาวมาเป่าเพื่อลดความร้อน ผ่านไปเกินกว่าครึ่งวินาที ความนิ่งเงียบของเขาทำให้เธอรู้ว่าต้องเปลี่ยนคำถามใหม่ “ฉันหมายถึง...มาทำไมคะ?”

    ซึ่งดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคำถามที่ถูกต้อง

    “มาหาเธอ”

    แต่เธอกลับรู้สึกว่าคำตอบของเขาฟังดูไม่ถูกต้องเอาเสียเลย! จึงต้องโวยวายกลบเกลื่อนด้วยคำถามที่ว่า “ล...แล้วรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ที่นี่?

    “เพื่อนของเธอ”

    “เอ๊ะ! หมายถึง...เจสซี่ เอ่อ ลูอิสเหรอคะ? ล...แล้วรองประธานรู้ได้ยังไงคะว่าเขาเป็นเพื่อนของฉัน?”

    จริงอยู่ที่ความสนิทสนมของเธอกับเจสซี่ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร สำหรับพนักงานในบริษัทที่คุ้นเคยกับทั้งเขาและเธอ แต่สำหรับคนอย่างรองประธานที่ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจเรื่องอะไรนอกเหนือไปจากความสนใจของตัวเอง นี่จึงเป็นเรื่องที่เลขาฯอย่างเธอฟังแล้วรู้สึก...เหลือเชื่อ

    “เธอเป็นเลขาฯของฉันไม่ใช่หรือไง?”

    “แล้วมีเหตุผลอะไรที่รองประธานจะมาหาเลขาฯในวันลาพักร้อนที่อยู่ไกลห่างคนละซีกโลกแบบนี้ด้วยเหรอคะ?”

    “แล้วมีเหตุผลอะไรที่รองประธานจะมาหาเลขาฯในวันลาพักร้อนที่อยู่ไกลห่างคนละซีกโลกแบบนี้ไม่ได้?”

    คำยอกย้อนของเขาไม่ได้ช่วยไขความกระจ่างให้กับอายูเลยสักนิด อย่างไรก็ดี มันกลับเรียกเอาเสียงหัวเราะให้เปล่งกังวานออกมาได้ “ทิ้งงานมาแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนท่านประธานเอ็ดเอาหรอกค่ะ”

    “พ่อจะว่าอะไรได้ ในเมื่อฉันบอกไปว่ามากับคายะ”

    ชื่อต้นของคู่หมั้นเขาที่ออกจากปากจะทำให้มือที่ถือส้อมของเธอชะงักค้างไป แม้จะตระหนักถึงข้อความจริงนั้นดีอยู่แล้ว แต่ความหดหู่ใจก็ยังคงแล่นปราดเข้ามาให้ได้รู้สึกอยู่ดี

    “แต่เราแยกย้ายกันที่สนามบิน ป่านนี้คงไปกินลมชมวิวอยู่ริมทะเลสาบสักแห่งกับคนรักมั้ง”

    “คนรัก...เหรอคะ?”

    “ฉันกับยัยนั่นเป็นเพื่อนกันมาตั้งไม่รู้กี่สิบปี คิดว่าถ้าเราสองคนรักกันแล้วจะต้องรอนานขนาดนี้เพื่อคบกันหรือไง?” น้ำเสียงของเขามีแววเสียดเย้ย “ยัยนั่นกำลังจะถูกจับแต่งงานเพราะมีแฟนกระจอกๆ แบบที่ทางบ้านคงไม่มีวันยอมรับ เลยมาขอร้องอ้อนวอนให้ฉันเล่นเป็นคู่หมั้นชั่วคราวให้หน่อย”

    นัยน์ตาของเธอเลิกกว้างในตอนที่หันมองเขาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ จากเรื่องบ้าบอที่สุดที่เคยได้ยินมา ถึงตอนนี้เขาจะกำลังยกยิ้มที่มุมริมฝีปากอยู่ ก็ไม่ได้แสดงออกว่าล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

    “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่แต่งงานแล้วปล่อยให้เธอตายหรอก”

    อายูแน่ใจว่าใบหน้าของเธอกำลังแดงก่ำเพราะความรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ผิวแก้ม จากเรื่องที่ไม่ควรมีใครรู้นอกจากเธอกับไอ้เจสซี่! ความอับอายที่แล่นวาบขึ้นมาจะทำให้เธอต้องรีบเฉไฉเปลี่ยนไปคว้าขวดคราฟต์โซดามากรอกลงคอ ที่กลายเป็นว่าจะยิ่งไปกันใหญ่เมื่อเธอเผลอสำลักจากความรีบร้อนของตัวเอง ทำให้รองประธานระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นพร้อมกับดวงตาที่ยิบหยีลงไป เป็นครั้งแรกที่อายูได้เคยเห็นใบหน้าและความผ่อนคลายแบบนั้น ช่วยไม่ได้ที่มันจะทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวแรงอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับที่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อดทนเก็บความในใจเอาไว้อีกต่อไป เมื่อลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้แล้วตะโกนว่า

    “ฉันชอบรองประธานมาก! ชอบมากที่สุดในโลก! ชอบจนจะตายได้เลยค่ะ!

    “ฉันก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ปล่อยให้เธอตาย”

    ในตอนที่เขาเอื้อมมาดึงข้อมือของเธอให้ลงมานั่งอย่างหมิ่นเหม่ลงบนตัก จากนั้นเปลี่ยนมาโอบรอบลำคอเธอก่อนกดริมฝีปากลงไปทาบทับโดยไม่ให้ทันได้ตั้งตัว วินาทีนั้น อายูก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณกำลังจะหลุดลอยออกจากร่างไป

    แต่ถ้าได้ตายในอ้อมกอดของเขาภายใต้หมู่ดาวที่เปล่งประกายหลังจากจูบแรกมันก็ไม่เลวนี่นะ!












    2022年01月20日
    _______________
    ★ ด่าความเห่ย ความตอแหล ความน้ำเน่า ภาษาเวิ่นเว้อได้อะไรได้แต่อย่าแรงมาก เพราะนี่เป็นฟิคที่แต่งตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาฯ ปี 2020 สมัยกูยังแต่งฟิคเกม แล้วช่วงนั้นก็จะมีแต่นางเอกกระแดะๆ พล็อตแด๊ะแด๋ๆ อะไรไม่รู้ ช่วงนั้นติดฟังเพลงซัมเมอร์เกาหลีด้วยเลยอยากแต่งฟิคซัมเมอร์ซัมใจ แต่สุดท้ายก็ดองไว้เพราะหาตอนจบที่เปิงใจไม่ได้ อ่านซ้ำแล้วก็ไม่ค่อยชอบตอนต้น พระเอกตอนแรกคือรูฟัส นางเอกเลยต้องเป็นลูกน้องเรื่องที่พันล้านไงวะ! และเพราะบังเอิญไปเจอรีวิวแคมป์รถบ้านปราณบุรี (ลิงค์) มาแล้วชอบมาก อดใจไม่ไหว ฉากในเรื่องก็แบบนี้แหละ ถึงจะบอกในเรื่องว่าเป็นประเทศหมู่เกาะที่ไหนไม่รู้ แต่เอาจริงในหัวคือคิดถึงฮาวาย แต่ก็เป็นฮาวายไม่ได้เพราะคนญี่ปุ่นที่ไหนจะไม่รู้จักวะ ก็คิดซะว่ามันคือที่ไหนไม่รู้ สมมติว่าชื่อเกาะโคคุโบะละกัน / ส่วนชื่อเรื่องมาจากชื่ออัลบั้มของไดอาที่ก็มีเพลงโจวาๆ เช่นกันจร้า
    ★ เหตุผลที่เอาเรื่องนี้มาลง แถมลงฟิคติดกันเหมือนไล่ควาย เพราะในที่สุดละครเรื่องใหม่ของอุมิก็ปล่อยภาพแล้วโว้ยยยย!!! อุมิใส่สูทผูกไทเหมือนเรื่องก่อนอีกแล้ว แต่เรื่องนี้มีความฉลาด มีความเป็นรุ่นพี่ บ้างาน ตั่งต่าง แล้วคือหล่อมากกก ถึงเค้าจะหล่อไม่หล่อกูก็จะชมว่าหล่อว่ารักเค้านั่นแหละ ทำไมวะ กูก็รักของกู แบบ กู ไม่ ไหว กู ตาย o<--< จากนั้นก็คิดขึ้นได้ว่ามีฟิคเรื่องนี้ที่พระเอกใส่สูทเว้ยเฮ้ย! เลยยอมเอามาแปลงถึงจะไม่ค่อยชอบฟิค แต่ก็ชอบบทรองประธานมากพอจะแปลงให้อุมิได้ เอาไว้ละครออนแอร์เมื่อไหร่ไว้ค่อยว่ากัน (แต่กูลักชื่อสกุลนางเอกมาจากในเรื่องเลย แร้วไง ในเรื่องชื่ออายูมิ ก็อายูนั่นแหละ ครือๆ กัน มันก็ชื่อกูอยู่แล้วไหม) เรื่องนี้ใสมาก ใสกิ๊ง ไม่พรแล้ว เราอาจเคยหลงผิดไปบ้าง แต่สุดท้ายใจเราก็กลับมาใสสะอาดดุจน้ำแข็งโคคุโบะ ถุย! ซะเมื่อไหร่ พร่ามไปงั้นแหละมึง ยอมรับว่าช่วงนี้กูหมกมุ่นจริง เพราะแมก เพราะเพิร์ฟ โน่นนี่นั่น ในเมื่อเมนกูเลือกจะมาสายนี้แล้ว ถ้าต่อต้านไม่ได้ก็ต้องเข้าร่วมยังไงล่ะวะ (ร่วมกันต่ำอยู่สองคนกูมึง)
    ★ ปล. ชอบที่สุดคือฉากอายูพร่ำเพ้อว่าจะตายถ้ารองประธานนากามูระไปมีใคร T_T ทุกฉากคือคงเดิมกับตอนแรกที่แต่งหมด เพิ่มมาแค่เล่าถึงนิสัยมู้ดดี้ของอุมิ ตอนอายูพร่ำเพ้อกับเจสซี่ว่าจะตาย และหกวรรคสุดท้ายคือฉากที่แต่งเพิ่มเพื่อหาตอนจบลงให้ได้ ที่ก็ไม่ได้ชอบมากหรอกแต่ไม่อย่างนั้นมันจะจบไม่ได้ สวัสดี / และใครก็ได้หยุดกูให้เลิกแต่งฟิคอุมิสักที สาบานว่าไม่ได้อยากแต่งให้แต่คู่ตัวเอง แต่เพราะอยากแต่งให้อุมิคนเดียว พอได้แล้ว มันจะอะไรนักหนา!!!
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×