คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #73 : ตอนพิเศษ :: ลูกหมีงานเข้า 1
“ เรื่องอะไรเหรอ? ” ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงบนเตียงใบหน้าคมหันเข้าหาใบหน้าแสนสวย คิ้วหนาเลิกขึ้นนิดๆเป็นเชิงถามย้ำว่าเรื่องนั้นคือเรื่องไหนและสาบานได้ว่ายุนโฮไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทแจจุงเพราะเพราะยุนโฮไม่รู้จริงว่าเรื่องอะไรก็เขากับแจจุงคุยกันตั้งหลายเรื่องนี่นา
“ ก็เรื่องของลูกหมีไง ” มือขาวยังคงทำหน้าที่เช็ดผมให้กับคนรักต่อไปเรื่อยๆหากแต่ตากลมกลับหันไปมองลูกชายสุดที่รักที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นหัวข้อสนทนาของคนเป็นพ่อเป็นแม่
แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้ปากอิ่มอดที่จะระบายยิ้มด้วยความเอ็นดูออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าผ้าห่มที่ตัวเองเคยห่มให้เรียบร้อยเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วแต่ตอนนี้กับโดนเจ้าลูกหมีถีบลงไปกองอยู่ที่ปลายเท้า นอนแบบนี้กลัวเขาไม่รู้หรือไงครับมุนบินว่าหนูเป็นลูกใครนอนดิ้นเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีผิด
แต่แล้วรอยยิ้มเอ็นดูเมื่อสักครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความหนักใจเมื่อความน่ารักของมุนบินเริ่มที่จะสร้างงานให้กับเจ้าตัว จนบางทีแจจุงก็อดที่จะถามกับตัวเองไม่ได้ว่าที่ตัดสินใจให้มุนบินขึ้นไปประกวดวันนั้นเขาทำถูกแล้วเหรอ
เพราะจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนติดต่อขอให้มุนบินไปร่วมงานด้วยอยู่เป็นระยะๆซึ่งแจจุงกับยุนโฮก็ปฏิเสธออกไปทุกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้มันจะไม่ง่ายเหมือนทุกครั้งน่ะสิเพราะคนที่มาติดต่อขอมุนบินไปร่วมงานนั้นเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมัธยมของร่างบางที่ตอนนี้ผันตัวเองไปเป็นผู้จัดละครสร้างดาราดาวรุ่งประดับวงการบันเทิงไปหลายคนแล้ว แจจุงยังจำสีหน้าและแววตาอ้อนวอนของเพื่อนรักเมื่อตอนกลางวันได้ดี
“ นะ แจจุงนะ ช่วยฉันหน่อยนะ ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยเอ่ยอ้อนวอนเพื่อนรักที่ห่างหายกันไปนาน
“ มันจะดีเหรออึนเฮ มุนบินยังเด็กอยู่เลยนะ ” ร่างบางบอกกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจหากแต่ดวงตาคู่สวยกลับจ้องมองไปที่ลูกชายที่กำลังนั่งเล่นหุ่นยนต์อยู่ใกล้ๆโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่างานกำลังจะเข้าตัวเอง “ ฉันว่าเธอไปหาเด็กคนใหม่จะไม่ดีกว่าเหรอ ” ท้ายประโยคหันมามองหน้าหญิงสาว
“ แต่ฉันคิดว่านาทีนี้ไม่มีใครเหมาะกับบทนี้เท่ามุนบินอีกแล้ว ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำงานในวงการนี้มาก็หลายปีทำไมเธอจะไม่รู้ว่าบทนี้เหมาะกับใครมากที่สุด
เพราะแค่เพียงแว่บเดียวที่เห็นมุนบินผ่านรูปภาพในปฏิทินเธอก็สะดุดตาเข้ากับรอยยิ้มไร้เดียงสาของเจ้าตัวเล็กรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาหากแต่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างเหลือร้ายจนเธอต้องสืบจนรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเธอที่ทำให้มุนบินเป็นลูกของแจจุงพอดีประจวบเหมาะกับเธอกำลังจะเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ซึ่งต้องใช้เด็กเป็นกามเทพให้พระเอกกับนางเอกมารักกันเธอจึงไม่รีรอที่จะมาทาบทามให้มุนบินรับบทนั้น และยิ่งมาเจอตัวจริงของเจ้าตัวเล็กหญิงสาวยิ่งมั่นใจว่านาทีนี้ไม่มีใครเหมาะกับบทนี้เท่าเด็กชายชองมุนบินอีกแล้ว
“ ฉันกลัวมุนบินจะไปทำให้งานเธอช้าน่ะสิ ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแบ่งรับแบ่งสู้ ทั้งๆที่ใจจริงแล้วอยากจะปฏิเสธให้มันรู้แล้วรู้รอดเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ติดอยู่ที่ว่าหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลยล่ะมันเลยทำให้แจจุงลำบากใจที่จะปฏิเสธออกไป
“ ไม่หรอก ......ฉันมั่นใจนะว่ามุนบินต้องทำได้ ” อึนเฮยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าตัวเล็กที่เดินมาหาแจ
จุง
“ แต่ว่า..... ”
“ นะแจจุงนะ ละครเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำไม่นานหรอก ฉันสัญญาว่าแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นจะไม่มีเรื่องที่สองสามตามมาแน่นอน ” อึนเฮยื่นมือไปกุมมือบางเอาไว้พร้อมกับบีบเบาๆเป็นการขอร้อง
“ คือว่า.... ” แจจุงยังคงอึกอัก ร่างบางไม่อยากให้มุนบินเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงการนี้จริงๆแต่จะปฏิเสธออกไปตรงๆก็กลัวว่าเพื่อนจะเสียใจ แจจุงนิ่งไปสักพักเพื่อพยายามคิดหาเหตุผลมาอ้าง ปากอิ่มยกยิ้มให้ลูกชายเมื่อเจ้าตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งบนตัก
ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อนึกหาเหตุผลมาปฏิเสธเพื่อนรักได้ การที่มุนบินหน้าเหมือนยุนโฮจะเป็นประโยชน์ก็วันนี้แหละเพราะทันทีที่เห็นหน้าลูกหมีหน้าพ่อหมีก็จะลอยตามมาด้วยทุกครั้ง
“ นะแจจุงนะ ” หญิงสาวยังคงตื้อไม่หยุด
“ อึนเฮ ฉันขอปรึกษายุนโฮก่อนได้ไหมเพราะเรื่องนี้ฉันคงตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ” บอกด้วยน้ำเสียงเกรงใจ ชื่อของพ่อหมีตัวโตถูกหยิบยกขึ้นมาอ้างเพื่อให้ลูกหมีหลุดพ้นจากงานครั้งนี้ หากแต่ใจนึงแจจุงก็อดที่จะรู้สึกผิดกับเพื่อนรักไม่ได้
“ ยุนโฮ ....พ่อของมุนบินน่ะเหรอ ” หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อให้แน่ใจว่าเธอเข้าใจไม่ผิด
“ อืม....รายนั้นเขาหวงลูกน่ะ ฉันกลัวว่าถ้าตัดสินใจโดยที่ไม่ปรึกษาแล้วเดี๋ยวยุนโฮจะโกรธ” แจจุงขยายความอีกนิด
ซึ่งสิ่งที่แจจุงพูดออกไปนั้นไม่ได้โกหกเลยแม้แต่นิด ก็ยุนโฮหวงมุนบินจริงๆนี่นาขืนเขาตัดสินใจอะไรที่เกี่ยวกับมุนบินโดยที่ไม่ยอมปรึกษาร่งสูงก่อนมีหวังโกรธยุนโฮโกรธแน่ๆยิ่งเป็นเรื่องแบบนี้แล้วล่ะก็แจจุงไม่กล้าตัดสินใจคนเดียวหรอก
อึนเฮพยักหน้าเบาๆเพื่อบอกว่าเธอเข้าใจ “ อ่อ....เรื่องนั้นฉันพอจะเข้าใจ แต่ฉันขอคำตอบก่อนวันมะรืนได้ไหมเพราะถ้านิดหน้าฉันจะเปิดกล้องแล้วน่ะ”
“ อืม...ได้สิ ” แจจุงรับคำด้วยน้ำเสียงโล่งอกที่อย่างน้อยก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ขั้นหนึ่ง ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยถามบางอย่างที่ข้องใจ “ อึนเฮ....ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ ”
“ หืม.....ถามอะไรเหรอ ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นนิดๆ
“ ทำไมเธอถึงอยากได้มุนบินไปร่วมงานด้วยล่ะ ” ใช่ว่าเด็กที่น่ารักกว่ามุนบินจะไม่มี แจ
จุงเห็นมีออกเยอะแยะไปแถมบางคนยังพร้อมที่จะเข้าไปทำงานในวงการนั้นได้ทุกเมื่อแต่อึนเฮกลับมองข้ามเด็กเหล่านั้นแล้วเจาะจงมาที่มุนบิน
หญิงสาวชะงักไปสักครู่เมื่อเจอคำถามนี้ของแจจุง ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเล่าความจริงให้เพื่อนรักฟังเพราะไม่เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังเพราะยังไงซะแจจุงก็เป็นเพื่อนของเธอ “ เอ่อ...ถ้าฉันตอบออกไปตามจริงแจจุงจะว่าฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวไหมนะ ”
“ เอ๋ ? ”
“ เพราะฉันเห็นว่าช่วงนี้กระแสของมุนบินแรงน่ะ คนกำลังให้ความสนใจฉันก็เลยคิดว่าถ้าได้มุนบินไปร่วมงานด้วยบางทีมุนบินอาจช่วยกู้สถานการณ์ให้กับบริษัทฉันได้ ” เธอบอกออกไปตามจริง
“ หืม....กู้สถานการณ์อะไรเหรอ ” คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ สถานการณ์ที่อึนเฮบอกมันหมายความว่าอะไร?
“ คือ ละครสองสามเรื่องที่แล้วของฉันเรตติ้งไม่ค่อยดีน่ะ ทางช่องก็เลยเรียกฉันไปคุยแล้วบอกว่าถ้าเรื่องต่อไปยังเป็นแบบนี้อยู่เขาอาจจะพิจารณาดองละครฉันอย่างไม่มีกำหนด ” หญิงสาวเล่ารายละเอียดให้แจจุงฟังคร่าวๆ
“ แล้วเธอมั่นใจได้ยังไงว่ามุนบินจะช่วยได้ มุนบินไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของคุณแม่คนสวยบ่งบอกว่าไม่มั่นใจเลยสักนิด มุนบินยังเด็กอยู่เลยจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกันมันดูจะเหลือเชื่อเกินไปสำหรับเด็กอายุเพียงสองขวบกว่าอย่างมุนบิน
“ ก็อย่างที่ฉันบอกแจจุงไปตั้งแต่แรกนั่นแหละว่าตัวเด่นของละครเรื่องนี้คือเด็กที่เป็นกามเทพ พูดง่ายๆคือตัวละครเด็กตัวนี้จะเป็นตัวดำเนินเรื่องทุกอย่างให้เดินไป พระเอกกับนางเอกจะรักกันไม่ได้เลยถ้าหากว่าขาดตัวละครตัวนี้ไป และฉันก็มั่นใจว่ามุนบินจะต้องทำได้เพราะเสน่ห์และความน่ารักที่มีอยู่ในตัวของมุนบินจะสามารถทำให้ทุกคนหลงรักได้ไม่ยาก ” เสน่ห์ที่มาจากธรรมชาติของมุนบินนี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เธอมั่นใจว่าคนดูจะต้องตกหลุมรักกามเทพตัวน้อยนี้แน่ๆ
“ แล้วแจคิดว่ายังไงล่ะ” ร่างสูงย้อนถามคนรักด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ตัวโตๆของพ่อหมีทิ้งตัวลงนอนข้างๆลูกชายด้วยน้ำหนักที่ทิ้งไปทั้งตัวก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เจ้าตัวเล็กเหมือนเดิมไม่ได้สนใจสายตาดุๆจากคุณแม่คนสวยเลยที่มองมาด้วยความไม่พอใจเลยสักนิดเพราะการกระทำของเขาอาจทำให้ลูกหมีตื่นได้
“ เอาจริงๆนะ แจไม่อยากให้ลูกไปทำอะไรแบบนั้นเลย ” ร่างบางบอกตามจริงในขณะที่เดินเอาผ้าขนหนูไปตาก แจจุงอยากให้มุนบินเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ไม่ได้อยากให้ลูกชายไปสวมบทบาทป็นคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
“ งั้นก็ไม่ต้องทำสิ แต่ถ้าแจลำบากใจเดี๋ยวยุนเป็นคนโทรไปปฏิเสธเองก็ได้ ” ยุนโฮเสนอทางออกให้ ไม่เห็นยากอะไรเลยถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ และถ้าแจจุงลำบากใจที่จะโทรไปบอกปฏิเสธเพราะว่าฝั่นนู้นเป็นเพื่อนรักแล้วล่ะก็เดี๋ยวเขาเป็นคนโทรไปบอกเองก็ได้
“ แต่แจก็อยากช่วยอึนเฮ ยุนก็รู้ว่าแจมีเพื่อนไม่เยอะแล้วอีกอย่างตอนที่แจลำบากอึนเฮก็คอยช่วยเหลือแจมาตลอดแล้วพอถึงตอนนี้แจก็อยากตอบแทนเพื่อนบ้าง ” บอกด้วยน้ำเสียงหนักใจ
เมือครั้งที่เขาเสียพ่อกับแม่ไปตอนนั้นชีวิตของแจจุงเคว้งอย่างถึงที่สุด ตอนนั้นแจจุงไม่รู้เลยว่าเขาควรจะเริ่มต้นทำอะไรเป็นอย่างแรก โชคดีที่มีกลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้ที่คอยอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจให้ตลอดจนแจจุงสามารถผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
“ เรื่องนั้นยุนเข้าใจ แต่เรื่องนี้เราต้องคำนึงถึงมุนบินเป็นสำคัญนะ ” แขนหนารั้งร่างบางเข้าไปกอดมือหนาลูบหัวกลมไปหาเพื่อให้อีกคนคลายกังวล
ยุนโฮเข้าใจความรู้สึกของแจจุงดีเพราะร่างบางเคยเล่าเรื่องในอดีตของตัวเองให้ฟังหลายครั้งซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของเพื่อนๆที่ร่างบางบอกว่ากันอยู่ไม่กี่คน แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่รักและจริงใจให้กันทั้งนั้น
“ เพราะแบบนี้ไงแจถึงไม่กล้ารับปากอึนเฮ แจอยากรอปรึกษายุนก่อน ”
ก็เพราะแบบนี้ยังไงล่ะแจจุงถึงได้รอปรึกษายุนโฮ เพราะสำหรับแจจุงกับยุนโฮแล้วทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมุนบินล้วนเป็นเรื่องใหญ่เสมอ และยิ่งเป็นเรื่องที่จะเข้ามาทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันของมุนบินเปลี่ยนไปแล้วล่ะก็ใครคนใดคนหนึ่งจะไม่ยอมตัดสินใจโดยปราศจากความเห็นของอีกคนเป็นอันขาด
“ แล้วแจได้อ่านบทหรือยังล่ะ ”
“ อ่านแล้ว แต่อ่านผ่านๆน่ะยุนจะอ่านดูมั๊ยเดี๋ยวแจไปหยิบมาให้ ” ใบหน้าสวยผละออกจากอกกว้างเตรียมจะลุกขึ้นไปหยิบบทละครมาให้คนรัก เผื่อว่าพออ่านบทแล้วยุนโฮจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น
วันนี้ตอนที่เดินไปส่งอึนเฮที่รถแจจุงก็ได้รับเอกสารบางอย่างมาจากหญิงสาว เธอบอกว่ามันเป็นบทละครเรื่องที่เธอกำลังจะเปิดกล้อง เธอให้แจจุงเอาไปอ่านประกอบการตัดสินใจ
“ ไม่ต้องหรอก ” ร่างสูงเรียกคนรักเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆเพื่อบอกว่าเขาไม่อยากอ่าน “ วันนี้อ่านเอกสารมาทั้งวันแล้ว แจเล่าให้ยุนฟังได้ไหม ” เสียงทุ้มเอ่ยขอ
เพราะวันนี้อ่านเอกสารมาทั้งวันจนปวดตาไปหมดแล้วให้มาอ่านบทละครต่ออีกเห็นทีจะไม่ไหว แล้วอีกอย่างกว่าจะอ่านจบก็คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ๆเลยล่ะสู้ให้แจจุงสรุปให้ฟังคงจะง่ายกว่า และถึงแม้แจจุงจะบอกว่าอ่านผ่านๆแต่ยุนโฮมั่นใจว่าไอ้อ่านผ่านๆของแจจุงคงจะละเอียดพอสมควรเลยล่ะ
“ อืม....ได้สิ แต่แจเล่าเฉพาะที่เกี่ยวกับมุนบินนะ บทคนอื่นแจไม่ได้อ่านน่ะ ” ยอมทำตามอย่างว่าง่าย แต่ก็ขอเล่าเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับมุนบินเพราะบทของคนอื่นแจจุงไม่ได้อ่าน และนี่คือความหมายของคำว่าอ่านผ่านๆของแจจุง คือผ่านบทของคนอื่นไปนั่นเอง
“ อ้าว....ยุนนึกว่าแจจะพูดถึงบทนางเอกซะอีก ว๊าเสียดายจัง ” ร่างสูงแกล้งทำหน้าเสียดายก่อนจะลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าตากลมโตเบิกกว้างก่อนจะตามมาด้วยใบหน้าสวยที่งอง้ำแทบจะทันที
“ แล้วทำไมแจจะต้องพูดถึงนางเอกด้วย นางเอกไม่ใช่ลูกแจซะหน่อย ” บอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ นางเอกไม่ใช่ลูกเขาซะหน่อยทำไมเขาต้องสนใจด้วยล่ะ ฮึ่ย ! มันน่าเจ็บใจนักไอ้เราก็นึกว่าจะสนใจบทของลูกแต่ที่ไหนได้ดันสนใจบทนางเอกซะนี่
“ ยุนก็แค่อยากรู้ ว่าแต่นางเอกเรื่องนี้เป็นใครอ่ะ สวยป่ะ ? ” พ่อหมียังไม่เลิกแกล้ง หน้าคมแสดงออกชัดเจนว่าตื่นเต้นที่จะได้รู้ว่านางเอกเรื่องนี้เป็นใครแต่ก็เกือบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อใบหน้างอง้ำเมื่อซักครู่แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันที ถือซะว่าเอาคืนตอนที่แจจุงแกล้งชมพระเอกละครตอนนั้นก็แล้วกัน
“ ยุนโฮ ! ! ”ร่างบางเรียกชื่อคนรักเสียงดัง ซึ่งเสียงนั้นดังพอที่จะทำให้มุนบินสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้ เจ้าตัวเล็กขยับตัวไปมาก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้น
“ คุณแม่ เสียงดังทำไม ” เสียงเล็กๆเอ่ยถามพร้อมกับปากที่เบะออกเตรียมจะร้องไห้เพราะความตกใจ อาการที่แจจุงต้องรีบเข้าไปอุ้มลูกชายขึ้นมากอดปลอบ
“ โอ๋ๆไม่ร้องนะครับคนเก่ง คุณแม่ขอโทษนะครับ ” ร่างบางโยกตัวไปมาเพื่อกล่อมให้เจ้าตัวเล็กหลับไปอีกครั้งตากลมเหลือบมองพ่อหมีด้วยแววตาคาดโทษ
“ แล้วตกลงบทที่เขาจะให้มุนบินเล่นเป็นยังไงเหรอ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งหลังจากที่มุนบินหลับไปอีกรอบแล้ว
แจจุงมองค้อนสามีเพราะยังไม่หายเคืองเรื่องเมื่อสักครู่แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องบอกออกไปอยู่ดี “ เขาให้มุนบินเล่นเป็นลูกพระเอกกับนางเอกน่ะ ”
“ ละครครอบครัวเหรอ ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสนใจ เล่นเป็นลูกพระเอกกับนางเอกงั้นก็แสดงว่าเรื่องนี้พระเอกกับนางเอกแต่งงานกันแล้วน่ะสิ
“ ก็ไม่เชิง เพราะพระเอกไม่รู้ว่าตัวเองมีลูกกับนางเอกน่ะ ” ร่างบางบอกตามเรื่องย่อที่ตัวเองพึ่งอ่านไปเมื่อตอนเย็น
ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจเบาๆก่อนจะเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับกำลังใช้ความคิดไปด้วย“ อืม....แล้วบุคลิกของตัวละครตัวนั้นล่ะ ”
“ เท่าที่อ่านมาก็เป็นเด็กที่ซนๆ ช่างพูด แล้วก็เป็นที่รักของคนที่รู้จัก เป็นเด็กที่จิตใจดี ”
“ นั่นมันมุนบินนี่นา ” หลังจากที่แจจุงพูดจบยุนโฮก็แทรกขึ้นมาแทบจะทันที ทั้งหมดที่แจจุงพูดมานั่นมันลูกหมีของเขาชัดๆเลย
ร่างบางหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อรู้ว่ายุนโฮเองก็คิดเหมือนกับตัวเอง“ ตอนอ่านแรกๆแจก็คิดแบบนั้นแหละ ”
“ ตัวละครตัวนี้ไม่ใช่เด็กแก่แดดใช่ไหม ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะหลายครั้งที่เขาได้เห็นนักแสดงเด็กผ่านหน้าจอทีวีที่ได้รับบทบาทที่ดูเหมือนจะโตเกินตัว เพราะเรื่องบางเรื่องที่เด็กในวัยเท่านั้นไม่น่าจะรู้แต่ตัวละครตัวนั้นกลับรู้ ยุนโฮไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นคิดยังไงแต่สำหรับร่างสูงแล้วมันดูจะแก่แดดเกินไปหน่อยสำหรับเด็กตัวเล็กๆ
ร่างบางนิ่งไปสักครู่เพราะกำลังทบทวนเนื้อเรื่องที่ตัวเองได้อ่าน ก่อนจะตอบออกไปเมื่อคิดว่าไม่น่าจะมี“ ไม่นะ ”
“ งั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ”
“เอ๋? ยุนหมายความว่าอะไรเหรอ ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ยุนโฮหมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาน่ะ
“ จากที่แจเล่ามา ตัวละครตัวนี้มีส่วนคล้ายมุนบินมากเหมือนกับว่ามุนบินแสดงเป็นตัวของตัวเอง ยุนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ” เสียงทุ้มขยายความ
ยุนโฮคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะมันเหมือนกับว่าให้มุนบินไปแสดงเป็นตัวของตัวเอง และที่ต้องถามถึงคาแร็คเตอร์ของตัวละครก็เพราะยุนโฮไม่อยากให้มุนบินต้องทำอะไรที่มันห่างไกลจากตัวตนที่แท้จริงของตัวเองมากนัก และถ้าเป็นบทที่มีผลเป็นลบกับมุนบินอย่างเช่นเป็นเด็กเกเร หรือเด็กแก่แดดอะไรแบบนี้ยุนโฮไม่มีทางยอมให้มุนบินทำแน่นอนถึงแม้ว่าคนที่มาขอร้องจะเป็นเพื่อนรักของแจจุงก็เถอะ
เพราะอะไรน่ะเหรอ ? ก็เพราะเด็กในช่วงวัยอย่างมุนบินกำลังอยู่ในช่วงแห่งการเรียนรู้และจดจำซึ่งนำมาสู่การทำตามในเวลาต่อมา ยุนโฮถึงไม่อยากให้ลูกชายของตัวเองได้เรียนรู้หรือได้ทำอะไรที่เป็นตัวอย่างไม่ดีเพราะเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะติดนิสัยและนำกลับมาใช้ด้วยน่ะสิ มุนบินเองก็ยังเด็กเกินไปที่จะแยกแยะว่าอันไหนคืองานละอันไหนคือเรื่องจริง
“ ยุนคิดแบบนั้นเหรอ? ”
“ อืม.... ” พยักหน้าเป็นคำตอบอีกครั้ง แต่มันก็ยังมีอีกเรื่องที่ยุนโฮยังสงสัย “ว่าแต่เขาจะให้มุนบินแสดงยังไงอ่ะ ลูกเรายังอ่านหนังสือไม่ออกเลยนะ ” ลูกชายเขาพึ่งจะสองขวบเองนะจะอ่านบทได้ยังไงล่ะเนี่ยหรือว่าจะใช้วิธีพากษ์เสียงเอา
“ อึนเฮบอกว่าจะใช้วิธีท่องเอาน่ะ ” ใช่ว่าแจจุงจะไม่สงสัย และเพราะสงสัยนี่แหละถึงได้ถามจนรู้ว่าทางทีมงานจะให้เขาอ่านบทให้มุนบินฟังแล้วให้เจ้าตัวเล็กพูดตาม พอเข้าฉากก็ให้ไปยืนบอกบทใกล้ๆ
“ อืม.... ” หน้าคมพยักขึ้นลงช้าๆ “ ถ้าแจอยากจะช่วยเพื่อน เราก็น่าจะลองดู ” ในที่สุดยุนโฮก็ตัดสินใจได้
“ แล้วมุนบินล่ะ แจไม่อยากบังคับจิตใจลูกหรอกนะ ” ร่างบางเอ่ยถามเรื่องที่เป็นกังวลอีกเรื่อง แจจุงไม่อยากบังคับลูกเพราะถ้าหากว่ามุนบินทำไปแล้วไม่มีความสุขมันก็ไม่ส่งผลดีกับมุนบินเหมือนกัน
“ ก็ต้องให้ลูกลองดู แต่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวแน่นะ ” ถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าถ้ารับเล่นเรื่องนี้แล้วจะไม่มีเรื่องสองเรื่องสามเป็นปัญหาตามมาอีก
“ อึนเฮรับปากไว้แบบนั้น ” บอกด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ เพราะร่างบางเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าเพื่อนรักจะทำตามอย่างที่พูดหรือเปล่า มือบางเกลี่ยแก้มนุ่มของลูกชายอย่างสุดรักก่อนจะก้มลงประทับจูบลงบนหน้าผากเล็กเบาๆ
ถือซะว่าหาประสบการณ์ให้ตัวเองล่ะกันเนอะมุนบิน
ความคิดเห็น