คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เป็นอะไร
ทันทีที่รถจอดสนิทผมเดินลงจากรถตรงเข้าไปในบ้านเดินขึ้นบันไดด้วยความรู้สึกใจหาย เสียงของพ่อที่ถามผมด้วยความเป็นห่วงดังขึ้นจากด้านหลังผมฝืนตอบว่าไม่เป็นไรแต่ในใจของผมกลับรู้สึกเหมือนถูกเข้มนับพันแทง ผมรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก รู้สึกเจ็บหนึบๆที่หัวใจ รู้สึกอยากร้องไห้
“เดย์ ร้องไห้ทำไม” ผมสะดุ้งตกใจ ผมเผลอร้องไห้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายแต่ยิ่งเช็ดกลับรู้สึกว่ามันยิ่งไหลออกมาราวกับสายน้ำ
“เดย์ บอกพ่อได้ไหม” พ่อวิกส์คว้าผมไปกอดไว้ อ้อมกอดอุ่นของพ่อทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย
“บอกพ่อได้ไหม คนดี ได้ไหมครับ” น้ำเสียงอุ่นกระซิบอย่างอ่อนโยน มือนุ่มลูบศีรษะผมอย่างแผ่วเบาการกระทำที่แสนอบอุ่นแบบนั้นทำให้น้ำตาของผมยิ่งไหลอาบแก้ม
“พ่อครับ” เสียงของผมสั่น มันทั้งสั่นทั้งอ่อนแรง
“อะไรครับ อะไรทำให้เดย์ร้องไห้ บอกพ่อสิ” แล้วการกระทำของพ่อก็ได้ผม น้ำตาของผมไหลราวเขื่อนแตกผมเล่าให้พ่อฟังทั้งๆที่สะอื้นผมเล่าทุกอย่าง ทุกอย่างที่ทำให้ผมร้องไห้
คืนนั้น ผมหลับไปในอ้อมแขนของพ่อ
“ไปนะครับ” ผมตะโกนบอกพ่อในห้องครัว วันนี้ต้องสดชื่นซะหน่อยเมื่อคืนร้องไห้ไปหลายยกแต่พอได้ระบายออกไปเนี่ยมันก็ดีเหมือนกันแฮะ
“เดย์จะไปมหาลัยใช่ไหม” พ่อวิกส์ในคราบพ่อบ้านกับผ้ากันเปื้อนลาย เอิ่ม คิตตี้ ดูเข้ากันแบบแปลกๆฮะ
“พ่อไปส่งไหม” ผมยิ้มให้พ่อ รู้สึกว่าตั้งแต่ขึ้นม.ปลายพ่อจะไม่ได้ไปส่งผมนานแล้วนะ
“เอาสิฮะ เดี๋ยวผมไปรอที่รถนะ”
ผมเดินออกมาจากตัวบ้าน อากาศวันนี้สดใสครับสงสัยมันยังเช้าอยู่ถ้าผ่านสองโมงไปเมื่อไหร่ร้อนตับแตกครับกรุงเทพก็เงี้ย
“ไปกันเถอะเดย์ เดี๋ยวสายนะ” ผมมองนาฬิกา ช้ากว่านี้อีกสิบนาทีก็สายแล้วนับว่าวันนี้ผมออกเช้าอยู่พอตัว
“ครับ พ่อจะขับใช่ไหม” พ่อวิกส์พยักหน้าผมโยนกุญแจให้แล้วเปิดประตูรถอีกทางขึ้น
“เอ่อ เดย์” ผมปิดประตูรถหันหน้าไปถามพ่อว่ามีอะไร
“คือ มหาลัยลูกไปทางไหนนะ??”
“ ”
-----------------------------
“งั้นเดี๋ยวพ่อจะมารับตอนเที่ยงนะ”ผมพยักหน้าโบกมือลาพ่อวิกส์ที่นั่งยิ้มอยู่บนรถแล้วเดินขึ้นอาคาร วันนี้ผมเรียนถึงเที่ยงครับ เมื่อเช้าผมแทบหมดแรงเดิน เจ้าตัวจำทางมามหาลัยไม่ได้ทั้งๆที่ตอนสอบเข้าตัวเองเป็นคนหาให้แท้ๆ พ่อผมนี่มัน
“เดย์ครับ” ผมชะงักขอบตาร้อนผ่าว อะไรวะ นี่ได้ยินเสียงเองนะ!!
ผมค่อยๆหันตัวกลับไปข้างหลังช้าๆ “ครับ” ฝืนยิ้มตอบ คนตรงหน้าก็ยังยิ้มสว่างไสวเช่นเดิมไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไปเลยสักนิด
“วันนี้เดย์ไม่อยู่รอพี่เลย เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เขาเดินเข้ามาใกล้ ฮะเฮ้ย อย่าเดินเข้ามะนะพ่อกัดจริงๆด้วย ผมเดินถอยหลังช้าๆยิ้มแหยๆส่งให้ พี่เขาดูแปลกใจเล็กน้อย
“วะ วันนี้คุณพ่อมาส่งน่ะ” พูดจบผมก็กระโดดแผล็วเข้าห้องตะโกนออกมาว่า
“เดี๋ยวค่อยเจอกันครับ”
ผ่านไปราวๆสองสามนาที
พี่เขาไปยังวะ
ผมชะเง้อหน้าออกไปหน้าประตูพอไม่เห็นวี่แววคุณชายท่านก็ถอนหายใจโล่งอก ผมไม่อยากเจอหน้าพี่เขาตอนนี้เท่าไหร่ไว้ครบอาทิตย์ค่อยบอกลาพี่เขาทีเดียวเป็นการตัดใจภายในตัวด้วย
แต่การพูดคุยแค่ประโยคสองประโยคเมื่อกี้ใจผมมันเต้นไม่เป็นส่ำเลยแฮะ
“เป็นอะไรวะ”
“เฮ้ย” ราวกับขวัญผมลอยละล่องไปไกลหน้าไอ้ตัวแสบปลายอยู่ชิดหน้าผมเพียงคืบเล่นเอาใจเกือบวายตายแล้วเกิดใหม่
อะแฮ่ม ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย
“มะ ไม่มีอะไร” ผมตอบไม่ตรงคำถามยิ้มๆให้มันก่อนเดินไม่รู้ไม่ชี้มานั่งแปะลงบนโต๊ะประจำ
มันเดินตามหลังผมมางงๆนั่งลงข้างๆแล้วจ้องหน้าผม เอิ่ม มีอะไรวะ ผมส่งสายตามีคำถาม
“ไม่มีอะไร” มันหน้าบึ้งหันหน้าไปทางอาจารย์ที่เดินเข้ามาพอดี ผมทำหน้างงๆ อะไรของมันวะ
แล้วผมก็หันไปจดสาระร่ายยาวของท่านอาจารย์ที่ยืนสวดอยู่หน้ากระดาน
“เดย์ครับ” งั่ม ใครวะ เสียงคุ้นๆ เหมือนได้ยิ้มแล้วมันรู้สึกเจ็บจี๊ด
“เดย์” ฮุ้ย อย่าเรียกสิ ขอนอนก่อน
“เดย์ครับ ตื่นได้แล้ว” ขอสิบนาทีครับ ว่าแต่ใครคือเดย์วะชื่อเพราะเชียว (-*- )
“อือ” ผมครางอืออึง อะไรยุกยิกที่เอวเนี่ย หยุดนะ
“หึ” หัวเราะหึมันไม่ดีนะ มันดูเหมือนตัวร้ายในการ์ตูน ไม่ดีๆ
“เดย์ครับ” วุ้ย ตื่นก็ได้ ตื่นแล้วๆ น่ารำคาญจริงๆ ผมเงยหน้าน้ำลายยืด เงิ่ม ไม่ใช่ละ ผมเงยหน้ามึนๆจากโต๊ะที่ซบนอนหลังจากที่อาจารย์สอนเสร็จ เอ๊ะ แล้วหมู่ฝูงผมหายไปไหนหมดวะ
“ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวไหม” ดีมากครับ ขอเฮาปรับตัวสักสิบนาที
“อ้าว พี่เยียร์มาได้ไงครับ” ผมจำได้แล้วพี่เยียร์จอมเจ้าชู้นี่เอง ผมมองทั่วห้องกลับกันหมดแล้วนี่หว่าทำไมไม่ปลุกตูวะ เพื่อนผมนี่มัน
“กลับกันเลยไหม” พี่เขายิ้มๆให้ ส่วนผมก็ยิ้มตอบเหมือนกันแต่เป็นยิ้มแหยๆนะ
“เอ่อ คงไม่ได้หรอกฮะ” ผมบอกพี่เขาไป พ่อวิกส์สุดน่ารักของผมจะมารับครับวันนี้
“ทำไมล่ะ เดย์เป็นอะไรเหรอ ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนะ” พี่เยียร์นั่งลงข้างๆทำหน้าหงอยๆถามเสียงอ้อนๆ ผมงี้หน้าแดงหลบแทบไม่ทัน
“ไม่เป็นอะไรครับ วันนี้คุณพ่อจะมารับน่ะ” พี่เยียร์พยักหน้าหงึกหงักเข้าใจแต่หน้าหงอยๆยังไม่หายไปอยู่ดี
“แล้ว โกรธอะไรพี่รึเปล่าครับ” ผมไม่อยากเจอหน้าพี่อ่ะครับ ประโยคนี้คิดในใจครับพูดออกไปไม่ได้
“เปล่าครับ” ผมตอบเสียงอ่อย โกหกไม่เต็มเสียงแบบนี้พี่เขาจะเชื่อไหมหน๋อ ปกติผมโกหกใครไม่เป็นหรอกครับโดยเฉพาะพ่อวิกส์กับเพื่อนๆรายหลังนี่พอพวกมันรู้ว่าผมโกหกมันจะยกขบวนเค้นคอผมทันทีครับ
“จริงเหรอครับ” พี่เยียร์เปลี่ยนจากหน้าหงอยๆเป็นหน้ายิ้มแบบสว่างไสวแทน เอ่อ เขาเรียกกันว่ากดดันทางอ้อมใช่ไหม
“จริงครับ” ผมกลืนน้ำลายเอื้อก มองหน้าพี่เยียร์ที่เริ่มย่นระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พี่ครับรู้ไหม มันทำให้ผมใจเต้นตุ้มต่อมนะ “อะ เอาหน้าออกไปเซ่” ฮือ เอาหน้าออกไปนะ มันใกล้เกินไปแล้ว
พี่เขาหัวเราะเบาๆก่อนยอมเอาหน้าออกไปดีๆ “งั้นเดย์ก็บอกพี่สิ เดย์เป็นอะไรครับ”
ยังไม่เลิกซักผมอีกเหรอครับท่าน หรือว่าต้องใช้ไม้แข็ง เอาวะ เอาก็เอา
“ผมกลับก่อนนะ” นี่แหละไม้แข็งผม แหม ยังไงๆผมก็ใจร้ายกับใครไม่เป็นหรอกครับแม้ว่าคนๆนั้นจะเคยทำให้ผมร้องไห้ก็ตามที
ผมเก็บหนังสือใส่กระเป๋าแล้วรีบๆเดินออกมาจากห้อง คนด้านหลังเดินตามผมมาเรื่อยๆผมเลยวิ่ง ส่วนคนข้างหลังก็วิ่งตาม ให้ตาย ผมลืมไปได้ยังไงนะที่ว่าผมเตี้ยกว่าพี่เขา!! (เป็นความจริงที่ตอกย้ำผมมาก)
“เดย์ครับ โกรธอะไรพี่เหรอ” พี่เยียร์คว้าแขนผมไว้ได้ ผมหอบแฮ่กๆ พยายามสะบัดมือที่กุมต้นแขนผมไว้ออกสุดแรง
“ปล่อยผมนะ” เป็นตะโกนลั่นลืมไปว่ายังอยู่ในมหาลัยผมหันซ้ายขวาคนในมหาลัยมองเราพรึ่บเลยครับ โอย ไม่นะผมไม่อยากดังตอนนี้ปล่อยๆผมไปเถอะครับพี่
“ไม่ เดย์บอกพี่มาสิครับว่าโกรธอะไร” ละ แล้วทำไมต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นด้วยล่ะ ผมเกือบใจอ่อนแล้วนะ ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนผลักพี่เยียร์เต็มแรงหลับตาปี๋แล้วออกวิ่งแต่ไม่วายตะโกนเสียงดัง
“ผมขอโทษนะ” ฮุ้ย แล้วผมจะตะโกนขอโทษให้มันเป็นจุดเด่นทำไมล่ะครับ ผมโทษตัวเองในใจแล้ววิ่งสุดแรงเกิด
“เดย์เดี๋ยวก่อนสิ” ยิ่งได้ยินเสียงคนด้านหลังที่วิ่งตามมายิ่งทำให้ผมเร่งสปีดเร็วขึ้น
แต่อนิจจา ผมลืมไปรึเปล่าว่าพี่เขาขายาวกว่า
“รอก่อน” แขนผมถูกกระชากอีกรอบ แต่คราวนี้ตัวผมปลิวเข้าอกของพี่เยียร์กลิ่นน้ำหอมลอยจางๆปะทะจมูกเล่นเอาผมเคลิ้ม อะ ฮะ เฮ้ย อย่าเพิ่งเคลิ้ม ผมสะบัดหัวเรียกสติ
“เดย์เป็นอะไร” ผมอึกอัก ทำไงดีหว่า คนมองเต็มเลย งือ
“บอกพี่ได้ไหม”
“หยุดนะ!!” แรงกระชากจากด้านหลัง ดึงผมให้ปลิวจากแรงกอดรัดของพี่เยียร์ และทันทีที่ผมเห็นหน้าคนกระทำ
พ่อวิกส์!! ทำไมพ่อมาอยู่นี่ได้อ่ะ ผมมองนาฬิกา อ๋อ เที่ยงแล้วน่ะเอง
“นายจะทำอะไรเดย์” พ่อวิกส์ทำหน้าขู่คว้าผมหลบไว้ข้างหลัง เอ่อ พ่อครับ ผมเข้าใจนะที่ว่าพ่อเป็นห่วงผมแต่ว่าตัวพ่อกับตัวพี่เขาคนละไซต์กันเลยเหอะ
พี่เยียร์ทำหน้าแปลกใจหน่อยๆแต่ก็ไม่เดินมาคว้าผมออกไป มองหน้าพ่อวิกส์ที่ทำหน้าแง่งๆใส่
“คุณเป็นใคร” พี่เยียร์ถามเสียงเรียบมองผมสลับกับพ่ออยู่พักหนึ่ง พ่อวิกส์สะบัดหน้าหนีไม่ตอบแต่ลากตัวผมเดินไปที่รถแทน “ไปกันเถอะ เดย์”
“เดี๋ยว คุณจะพาเดย์ไปไหน” อย่าเพิ่งลืมบ่วงมาร พี่เยียร์เดินมาคว้าแขนซ้ายผมในขณะที่แขนขวาครอบครองโดยพ่อวิกส์ที่เริ่มมีแถบทมึนขึ้นเต็มหน้า
“อย่ายุ่งน่ะ เรื่องของครอบครัวนายไม่เกี่ยว” ครับเรื่องของครอบครัวพี่เยียร์เขาไม่เกี่ยว ก็เป็นพ่อลูกกันนี่นา แต่ดูท่าทางว่าพี่เยียร์เขาจะเข้าใจผิดออะไรร้ายแรงกระตุกแขนผมเข้าหาตัวเองส่วนพ่อวิกส์ก็ไม่น้อยหน้ากระตุกกึกเข้าหาตัวเองเหมือนกัน
นี่ผมกลายเป็นเชือกชักกะเย่อตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมมองทางซ้ายก็เจอพี่เยียร์ทำหน้าทมึนมองขวาก็เจอพ่อวิกส์ทำหน้าขัดใจ
ผมควรทำยังไงดีหน๋อ
“ปล่อยนะ ปล่อยๆๆๆๆ” พ่อวิกส์เริ่มเอาแต่ใจแบบไม่สมอายุปล่อยแขนผมแล้ววิ่งไปผลักอกพี่เยียร์จนล้มกองกับพื้น เชิดคอใส่หันกลับมาลากผมขึ้นรถแล้วขับออกมาทันที
“พ่อครับ” ผมเรียก แต่ต้องชะงักปากกึกเพราะคุณพ่อที่รักหันมาทำหน้าดุที่ดูเหมือนจะน่ากลัว
“ไม่ต้องพูด ไม่ต้องไปไหนกับไอ้คนไร้ความรับผิดชอบแบบนั้น ชิ เปิดซิงลูกชาวบ้านแล้วไม่รับผิดชอบ” แต่พี่เขาก็บอกว่าจะรับผิดชอบอยู่นะฮะ ผมเลิกต่อปากต่อคำ กลับมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถดีๆ ว่าแต่นะ
พ่อผมรู้จักแยกแยะว่าใครเป็นใครแล้วเหรอ ปกติถ้าไม่บอกต่อให้เป็นศัตรูคู่อาฆาตพ่อเขาก็ไม่มีทางรู้นี่นา
พ่อวิกส์ของผมพัฒนาไปอีกขั้นแล้วสิ
อีกอย่าง
ตกลงผมต้องโกรธพี่เขาไม่ใช่เหรอ ไหงพ่อวิกส์กลับโกรธแทนล่ะ???
--------------------------
ป.ล. เรอยากจะบอกว่าเรแต่งดราม่าไม่เป็นนะคะ (งั้นเขียนพล็อตให้มีดราม่าเพื่อ??)
ความคิดเห็น