ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MY STORY IS A LIE (P.1)

    ลำดับตอนที่ #7 : MY STORY IS A LIE::CHAPTER FIVE

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 54


       

     

    MY STORY IS A LIE:: CHAPTER FIVE


    “ทำไม?! นายจะให้ฉันตอบนักข่าวไปว่ายังไง ให้ฉันบอกกับเขาเหรอว่า ค่ะ ใช่ค่ะ ลินไปนอนกับคุณเจนัวมา พอตื่นเช้ามาคุณน้ำขิงเธอก็ตามมาตบถึงที่ทวงแฟนคืน อย่างนี้รึไง นายจะให้ฉันตอบนักข่าวอย่างนี้เหรอ?!

     

    “แล้วมันเรื่องจริงมั้ยล่ะ!

     

    “เฮอะ! เรื่องจริงมันยิ่งกว่านี้อีก! อยากฟังมั้ยล่ะ?!

     

    เพี๊ยะ!

     

    แรงตบจากฝ่ามือหนาส่งผลให้หน้าของนางแบบสาวหันไปตามแรงของฝ่ามือนั่น เธอยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นไม่ไหวติ่งราวกับกำลังอดกลั้นอารมณ์เกลียดแค้นของตัวเองเอาไว้

     

    “ตายแล้วๆ ทำไมคุณตินส์ต้องลงไม้ลงมือกับน้องด้วยล่ะฮ๊า! น้องลินเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูสิ...หน้าเป็นรอยอย่างนี้แล้วจะไปถ่ายแบบต่อได้ยังไงคะเนี่ย T^T

     

    ลิซ่าผู้จัดการส่วนตัวสาวประเภทสองของเธอรีบวิ่งเข้ามาดันร่างบางให้หลบอยู่ด้านหลังตัวเองก่อนจะหันหน้าไปเผชิญกับพี่ชายใจร้ายของนางแบบในสังกัดที่ยืนหน้าเคร่งอยู่ตรงหน้า

     

    ใช่ว่าจะไม่กลัวร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าหรอก แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้มีหวังนางแบบของเธอคงได้มีแต่รอยช้ำเต็มตัวแน่

    “หลบไป” น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยอำนาจกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น ทำเอาสาวประเภทสองถึงกับตัดใจไม่ลงว่าจะเลือกอะไรระหว่างชีวิตของตัวเองกับชีวิตของนางแบบสาว

     

     “มะ....ไม่ค่ะ! ลิซ่าไม่ถอย คุณตินส์ทำเกินไปแล้วนะคะ พี่ขอเถอะค่ะ อย่าทำอะไรน้องลินเลย!” ตัดสินใจพูดออกไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ในใจกลัวคุณ ตินส์คนนี้แทบตาย

     

    มาร์ตินส์ ซัตตัน คือพี่ชายบุญธรรมของเธอ ...นางแบบสาวที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ในขนาดนี้ ลิลิน
    เวลส์พ่อของเธอแต่งงานใหม่กับแม่ของเขา ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาผ่านมาแล้วเกือบสิบปี ตั้งแต่เธออายุได้สิบสอง จนถึงปัจจุบัน และตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็เกลียดเขากับแม่ของเขาเข้าไส้

     

     “ไม่ต้องไปขอร้องเขาเอาเลย! เอาสิ! ตบอีกสิ!” นางแบบสาวผลักผู้จัดการสาวประเภทสองของเธอให้หลบออกไป แล้วยืนเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอ เธอจ้องหน้าเขากลับอย่างไม่ลดละ

     

    “อย่ามาทำเป็นอวดเก่งกับฉัน ถ้าเธอยังไม่มั่นใจว่าเธอจะหนีฉันพ้น” ร่างสูงก้าวเข้ามาแนบชิดแล้วก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเธอ มันช่างเป็นคำขู่ที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอเหลือเกิน ความรู้สึกที่อยากจะหนีให้พ้นจากความจริง

     

    ....ความจริงที่ว่าเธอกับเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าพี่ชายและน้องสาว!!

     

    ลิลินใช้มือทั้งสองข้างผลักเขาให้ออกห่างซึ่งมาร์ตินส์ก็ยอมถอยออกมาอย่างง่ายดายตามแรงผลักของเธอทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันแทบจะไม่มีผลต่อเขาเลยด้วยซ้ำ

     

    “ .....ผู้ชายคนนั้นฉันจะแย่งเขามาเป็นของฉันให้ได้! แล้วถ้าวันนั้นมาถึง ฉันเชื่อว่าฉันต้องฉันหนีจากนายได้แน่ คอยดูให้ถึงวันนั้นแล้วกัน มาร์ตินส์ ชัตตัน!




     
     



     

    (Specials: Genoa Talk)

     

     ‘ถ้าแกยังไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกันถ้าฉันจะทำ น้องสาวฉันก็คนไม่ใช่ควายจะได้ทนเจ็บอยู่กับแกซ้ำๆ

     

    คำพูดของไอ้เหมดังก้องอยู่ในหัวผมวนไปวนมาหลายรอบ ผมลบมันออกไปไม่ได้สักที ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะมีประชุมอยู่แล้ว

     

    ถ้าแกยังไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างก็อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกันถ้าฉันจะทำ

    ถ้าผมไม่คิดจะทำอะไร ....แล้วมันคิดจะทำอะไร?

     

    “คุณเจนัวค่ะ ได้เว...”เสียงแหบๆ ของเลขาส่วนตัวที่เข้ามาเตือนทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากเก้าอี้เบาะหนังตัวใหญ่มองหน้าเธอ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน เดินออกมาจากโต๊ะทำงาน

     

    “ผมจะออกไปข้างนอก คุณไปบอกคุณเจลานินให้ผมด้วย ถ้าเธอถามบอกว่าผมปวดหัว” เธอทำท่าจะค้าน แต่พอถูกผมตวัดสายตาจ้องกลับเธอเลยยืนก้มหน้านิ่งรับคำสั่งอย่างไม่มีข้อแม้

     

    “ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเรียนให้คุณเจลานินทราบ”

    ผมเดินออกมาจากห้องทำงานทันทีที่ได้ฟังประโยคนั้น เชื่อได้เลยว่าเจลานินต้องโวยวายแน่ ที่ผมไม่ยอมเข้าประชุมด้วย

     

    ครืด~ ครืด~

    เสียงโทรศัพท์ที่สั่นเตือนว่ามีข้อความเข้าอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมหยุดเดินกลางทางก่อนจะหยิบมันออกมากดดู

     

    [ออกมาหาลินหน่อยนะคะ ลินมีเรื่องจะพูดด้วย

                                                                      LILIN]

     

    จริงด้วยสิ... ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อกับเธออีกเลย บางทีผมควรจะออกไปพบเธอ อย่างน้อยก็ตามมารยาท อีกอย่างผมยังไม่ได้ขอโทษเธอเลยด้วยซ้ำ ....ทั้งเรื่องที่น้ำขิงอาละวาดเรื่องวันนั้น แล้วก็เรื่องเกินเลยที่เกิดขึ้นด้วย

     

    ผมยอมรับว่าคืนนั้นผมเมามากจนไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ผมจำไม่ได้อะไรไม่ได้เลย ไหนจะน้ำขิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวอีก คิดแล้วก็น่าปวดหัวจริงๆ...

    (End : Genoa Talk)

     

     

    ที่ร้าน XXX อยากรู้มั้ยว่าฉันอยู่กับใคร แฟนของเธอไง ผู้ชายที่กำลังจะเป็นของฉัน :P

     

                                                                               LILIN!’

     

    ตึก!

    ฉันวางแก้วน้ำส้มลงกระแทกกับพื้นโต๊ะอาหารอย่างหัวเสีย เมื่ออยู่ๆ ก็มีข้อความจากยัยบ้านั่นส่งเข้ามาหา อะไรกัน ผู้ชายที่กำลังจะเป็นของฉัน งั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ! ชาติหน้าตอนบ่ายๆ แล้วกัน!!

     

    “เดี๋ยวค่ะคุณหนู คุณหนูจะออกไปไหนคะ?” ป้าจิตที่กำลังถือชามข้าวต้มร้อนๆ เข้ามาให้ฉันวางชามลงอย่างงงๆ เมื่อเห็นว่าฉันทำท่าจะออกไปข้างนอกทั้งๆ ที่เพิ่งสั่งให้แกไปทำข้าวต้มมาให้

     

    วันนี้ฉันตื่นสาย ก็เลยไม่ได้ทานข้าวเช้าพร้อมพี่เหมกับพี่คิม อีกอย่างคุณพ่อก็กลับฮ่องกงไปแล้วตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน บ้านหลังใหญ่นี้เลยกับมาเงียบวังเวงอีกครั้ง

     

    “ไปเอาของคืน!

     

    “ของอะไรกันคะ? มันสำคัญจนคุณหนูต้องรีบออกไปเอาเลยหรือยังไง ทานข้าวเช้าก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”

     

    ....ขนาดแค่จิบน้ำนิดเดียวฉันก็ทำไม่ลงแล้ว จะให้นั่งทานข้าวคงไม่ไหวหรอก ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ยว่าความรู้สึกของฉันตอนนี้น่ะ มันร้อนรนแค่ไหน?

     

    “เจนัวกำลังอยู่กับผู้หญิงคนอื่น.... ฉันต้องรีบไป”

     

    “โธ่... คุณหนูค่ะ ป้าว่าปล่อยเขาไปเถอะนะคะ เขาจะทำอะไรก็ช่างสิ คุณหนูของป้าเจ็บเพราะเขามาเยอะเกินแล้วนะคะ ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ”

     

    “แต่ฉันรักเขา ฉันรักเจนัว เธอได้ยินมั้ย! ฉันยอมไม่ได้ถ้าต้องปล่อยให้เขาไปกับผู้หญิงคนอื่น และก็จะไม่มีวันยอมด้วย!!

     

    “คุณหนู!

     

     

     

    ตอนนี้ฉันขับรถมาถึงร้านอาหารตามที่ยัยนางแบบนั่นส่งมาให้ มันเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนเล็กๆ แต่หรูที่ชื่อว่า ‘BELL’

     

    เรียวขายาวของฉันก้าวเข้ามาหยุดอยู่ด้านในสุดของร้านที่ไม่ค่อยมีคนมากนัก ฉันกวาดสายตามองไปทั่วโดยมีพนักงานของร้านเดินตามมาติดๆ เพราะคงคิดว่าฉันจะมาเป็นลูกค้าเหมือนคนปกติ แต่เปล่าเลย.... ฉันมาเอาของๆ ฉันคืนต่างหาก!

     

    “คุณค่ะ คือว่า....”

     

    “ยัยนั่นอยู่ไหน?”

     

    “...คะ?”

     

    “ยัยนางแบบนั่นอยู่ไหน!

     

    “คะ...คุณลิลินหรือคะ? ยะ....อยู่ด้านนี้ค่ะ”  พอถูกฉันตะคอกใส่พนักงานของร้านก็รีบตอบแทบไม่ทันก่อนที่หล่อนจะเดินนำฉันเข้าไปหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะๆ หนึ่ง แล้วขอตัวเดินออกไป

     

    สายตาของยัยนั้นที่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมามองฉันอย่างไม่ค่อยรู้สึกสะทกสะท้านนั่นไม่ต่างอะไรไปจากตัวนำที่กำลังทำให้ไฟลุกโชน แน่สิ! หล่อนตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่!!!

     

    “ไง อร่อยกันมากมั้ย!?” 

     

    “น้ำขิง?” เจนัวขมวดคิ้วชนกันอย่างแปลกใจที่จู่ๆ ก็เจอฉัน แต่สีหน้าของเขาไม่ได้รู้สึกผิดหรือกังวลอะไรเลย ...กลับนั่งเงียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ฉันยืนอยู่ต่อหน้าเขา!

     

    .....ให้ตายสิ ฉันอยากทำอะไรก็ได้ให้เขาร้อนรนเหมือนฉันบ้าง!

     

    “ทำไม เห็นหน้าฉันแล้วถึงกับทานอะไรต่อไม่ลงเลยรึไง!? คงมีความสุขกันมากเลยสินะ นี่ถ้าฉันไม่มาคงไปถึงไหนกันแล้วสิท่า!

     

    “เลิกบ้าสักทีได้มั้ย?”

     

    “หึ! ฉันจะทำอะไรนายก็ว่าบ้าอยู่แล้วนี่! ไม่เคยมีครั้งไหนในสายตานายเลยสักครั้งที่ฉันเป็นดีๆ เหมือนคนอื่น!

     

    เจนัวถอนหายใจออกมาแต่ไม่มีคำพูดสักคำออกมาจากปากเขา... นั่นแปลว่าเขายอมรับจริงๆ สินะ ว่าสิ่งที่ฉันพูดไปมันถูกทุกอย่าง...

     

    ....ทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะปฏิเสธว่าสิ่งที่ฉันพูดไม่ใช่ความจริงแต่ทำไมมันถึงจุกอยู่ในอกอย่างนี้ล่ะ จุกจนฉันชาไปทั้งตัวเลย ....นี่ฉันเป็นตัวอะไรในสายตาเขาเหรอ?

     

    “มีความสุขมากมั้ยแอบขโมยกินของคนอื่น! คนอย่างเธอก็แปลกดีเหมือนกัน หน้าตาก็ดูดีมีชาติตระกูลแต่สันดานต่ำไปหน่อย ชอบแย่งของๆ ชาวบ้าน!” ฉันหันไปเล่นงานยัยลิลินต่อ ลูกค้าในร้านคนอื่นๆ เริ่มหันมามองดูพวกเราเป็นตาเดียว แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ใส่ใจกับคำด่าของฉันเลยสักนิดและยังมีหน้ายิ้มมุมปากเยาะเย้ยฉันอีกซะด้วย!!

     

    “ลินว่าลินกลับก่อนดีกว่า ...ลินไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกคุณสองคนทะเลาะกัน งั้นลินขอตัวนะคะเจนัว” ลิลินเคลือบรอยยิ้มจางๆ เป็นฉากหน้าเหมือนนางเอกผู้แสนดีที่ถูกนางร้ายตามราวีตอนพูดกับเจนัวก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วหันมามองฉันด้วยรอยยิ้มมุมปากเชิงท้าทาย!

     

    เฮอะ! มารยาตัวแม่จริงๆ เลยเหอะ!!

     

    “เดี๋ยวก่อนสิ! อยู่ต่ออีกสักนิดก็ได้นี่! ฉันยังไม่ได้ตอบแทนที่หล่อนมาออกมากินข้าวกับเขาเลย! นี่สำหรับเรื่องวันนี้!”  ฉันคว้าแก้วน้ำขึ้นมาสาดใส่หน้าเธอก่อนจะโยนมันทิ้งกับพื้นจนแตก

     

    เพล้ง!

     

    “และนี่สำหรับเรื่องที่เธอให้สำหรับกับนักข่าววันนั้น!!” ฉันพูดแล้วจับเอาจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะเดียวกันขึ้นมาคว่ำใส่หน้าเธออีกทันทีตามด้วยฝ่ามือที่ตบเข้าเต็มๆ ที่ข้างแก้มซ้าย เสียงนินทาซุบซิบเริ่มดังขึ้นหนาหูกลางร้านอาหารแสนหรู แต่ฉันไม่ได้สนใจมันอยู่แล้วนี่! ยัยนั่นโกธรจนตัวสั่นก่อนจะตบฉันกลับจนหน้าชา เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อฉันกระโจนเข้าหาเธอจนล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้นข้างๆ โต๊ะ ส่วนเก้าอี้ที่เธอเคยนั่งก็หงายหลังล้มไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

     

    ไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันคิดอะไรอยู่ถึงได้โกรธจนถึงขั้นถอดเอารองเท้าส้นสูงที่ตัวเองใส่อยู่ออกมาฟาดเข้าที่หน้าของคนที่ถูกนั่งคร่อมตัวอยู่ข้างล่าง

     

    “หยุดนะน้ำขิง! หยุด!” เสียงที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีของเจนัวดังขึ้นพร้อมๆ กับที่เขาเข้ามาดึงฉันให้ลุกขึ้นจากร่างของยัยนั่น

     

    “ปล่อย!” ฉันพยายามดิ้นให้หยุดจากการจับกุมของเจนัวทั้งๆ ที่ก็รู้ดีว่ายังไงก็ไม่มีทางสู้แรงของเขาได้อยู่ดี

     

    “เธอไม่อายคนอื่นเข้าบ้างรึไง!!

     

    “อายทำไม! ยัยนั่นต่างหากที่ควรต้องอาย! ปล่อย! ฉันจะตบ...! นายจะทำอะไรของนายเจนัว ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ! ฉันบอกให้ปล่อย!!!” จู่ๆ เขาก็ยกฉันขึ้นพาดบ่า แล้วเดินออกมาท่ามกลางสายตาของลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านที่มองตามมาไม่ฟังเสียงค้านใดๆ จากฉันสักนิด!

     

    เจนัวแบกฉันเดินมาถึงที่จอดรถ ร่างสูงเปิดประตูแล้วยัดฉันให้เข้าไปนั่งข้างในก่อนจะปิดประตูแล้วเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากเขาอีกเช่นเคยในตอนที่เรานั่งอยู่บนรถกันสองคนไม่มีคนอื่น ฉันนั่งนิ่งก้มหน้ามองลงดูฝ่ามือของตัวเองทั้งสองข้างที่มีแต่รอยแดงและรอยขีดข่วนจากเล็บของผู้หญิงคนนั้น ....อยู่ๆ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาใส่มือ ยังไงดีล่ะ.... ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองชะมัดเลย

     

    “ทำไม.... ทำไม.... ทำไม..... ฉันถามตัวเองอยู่อย่างนั้นทุกครั้งเวลาที่รู้สึกเจ็บเจียนตายเพราะนาย ....ทุกอย่างที่ฉันทำลงไปกลายเป็นข้อกังขาในใจเต็มไปหมด ...แค่ฉันรักนายมันยังไม่พออีกเหรอ ต้องให้ฉันทำยัง...ฉัน..... ฮึก.... ฉันจะต้องทำยังไง? ....ต้องทำยังไงนายถึงจะหยุดฆ่าฉันทั้งเป็นอย่างนี้สักที” ฉันพูดเสียงสั่น สะอึก น้ำตาไหลร่วงลงมาไม่หยุด รู้สึกเจ็บที่หน้าอกเหมือนมีมีดปักอยู่ตรงนั้น....

     

    “แค่ความรักมันไม่สามารถทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันจนวันตายได้หรอกนะน้ำขิง.... ต่อให้ฉันจะรักเธอหรือเธอจะรักฉันแค่ไหนมันก็ไม่พอ”

     

    เขาพูดแค่นั้นก็เงียบไปอีกก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป ส่วนฉันก็นั่งเงียบไปไม่ต่างกัน เพียงแต่ฉันกำลังร้องไห้ก็แค่นั้น ...ทั้งๆ ที่ในใจมีเป็นร้อยเป็นพันคำพูด แต่ก็พูดอะไรไม่ออก คำพูดของเขามันทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกจริงๆ และมันก็ยังคงดังก้องอยู่ในใจฉัน พร้อมๆ กับคำถามที่เกิดขึ้น

     

    แค่ความรักมันไม่สามารถทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันจนวันตายได้หรอกนะน้ำขิง.... ต่อให้ฉันจะรักเธอหรือเธอจะรักฉันแค่ไหนมันก็ไม่พอ

     

     ...ต่อให้ฉันจะรักนายแค่ไหนมันก็ยังไม่พออย่างนั้นเหรอ... แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะเจนัว?

     

     







     


    Without honesty, love gets unhappy

    หากไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ ความรักจะไม่มีความสุข

    and without trust, love gets unstable.

    และหากไร้ซึ่งความไว้วางใจ ความรักจะไม่มั่นคง
















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×