คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 :: จุดเริ่มต้นของการสังหาร
ตอนที่ 6 จุดเริ่มต้นของการสังหาร
เคยรู้สึกบ้างไหมว่ามันว่างเปล่า
ความลับไม่มีในโลก
ดงเฮรู้ข้อนี้ดี
ตอนนี้คิบอมรู้แล้วเขาเป็นใคร ซึ่งถ้าคิบอมรู้ ฮันคยองเองก็น่าจะรู้ด้วยเช่นกัน
พ่อบ้านแม่บ้านไม่รู้
และฮยอกแจเองก็ไม่รู้
ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี แต่ก็คงจะมีสักวันที่ความจะแตกว่าเขาเป็นบอดี้การ์ด
ขืนบอกไปโจ่ง ๆ ว่าฉันเนี่ยแหละบอดี้การ์ดนาย
ฮยอกแจก็คงอึดอัดและทำอะไรไม่สะดวก เลยขอเป็นเพื่อนผู้ขี้แยตามติดฮยอกแจเหมือนเงาตามตัวคงจะดีกว่า จะได้ทำอะไรได้สะดวกด้วย
ในฐานะเพื่อนรัก
เขายอมรับว่านิสัยฮยอกแจนั้นดีพอควรเลยทีเดียว เพราะตอนนี้เขาเองก็รู้สึกชักจะติดฮยอกแจขึ้นมาจริง ๆ ซะแล้วสิ เขาอยากเป็นเป็นเพื่อนที่ดีให้กับคน ๆ นี้
“นี่ดงเฮ พักหลังเนี่ยนายดูสนิทกับคิบอมมากขึ้นนะ ไม่กลัวคิบอมแล้วหรอ” ร่างบางที่กำลังนอนกลิ้งไปมาบนเตียงนอนนุ่มเอ่ยถามพลางเอามือเท้าคางตาใส ดงเฮที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะเล็ก ๆ พับได้ใกล้เตียงจึงชะงักเล็กน้อยกับคำถาม
“อะ
อืม ก็ประมาณนั้น” ตอบทั้ง ๆ ที่สายตายังคงจ้องตัวหนังสือ
“หืม..” เจ้าตัวดีหรี่ตามองเพื่อนอย่างจ้องจับผิด “ไม่ใช่ว่านายหลงรักคิบอมแล้วหรอกหรอ”
แก๊ก!
คำถามจี้ใจดำทำเอาคนถูกถามหยุดชะงักเผลอไปกดดินสอแรงจนไส้ดินสอหัก
“อะ
อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น”
“เอ้า! ก็นายดูสนิทกับคิบอมมากเลยนี่ บางทีก็เดินไปคุยกันบนห้องของคิบอมด้วย ถามจริง ๆ เหอะ นายเข้าไปในห้องของคิบอมนายคงไม่ได้ไปเล่นจ้ำจี้กันหรอกใช่มั้ย”
กร๊อบ!!
คราวนี้ไม่ใช่ไส้ดินสอที่หัก แต่เป็นดินสอทั้งแท่งที่หักเป็นสองท่อน!
เล่นจ้ำจี้กับไอแก้มแตก
นี่เพื่อนเขาเอาอะไรคิด!!
เขาเข้าไปในห้องของคิบอมเพื่อดูข้อมูลของพวกมาเฟียตัวเกร็ง ๆ ที่คิบอมหาไว้ให้ต่างหาก การรู้ข้อมูลไว้เป็นสิ่งที่บอดี้การ์ดอย่างเขาควรจะทำเพื่อจะได้ปกป้องเพื่อนตัวดีได้ง่ายขึ้น แต่กลับเป็นจุดชนวนให้เจ้าตัวคิดอย่างนี้ซะงั้น
ให้ตายเขาก็ไม่มีวันชอบไอแก้มแตกนี่หรอก ยิ่งเล่นจ้ำจี้อะจึ๋ย ๆ ยิ่งอย่าหวัง!
ก็ดูสิ..คิบอมชอบทายใจเขาออกอยู่เรื่อยเลย แถมยังแม่นหยั่งกะหมอดู ยิ่งมันยิ้มให้นี่
ใจของเขาไม่รู้จะเต้นแรงไปถึงไหน
ก็ไหนบอกคิบอมชอบเก๊กหน้านิ่งไง
แต่ทำไมอยู่กับเขาเนี่ยยิ้มบ๊อยบ่อย ยิ้มแล้วตาหาย ยิ้มแล้วแก้มป่อง ยิ้มแล้วใจเต้น ยิ้มแล้วทำเขาหน้าแดง โอ้ย! ทำหน้านิ่ง ๆ สักวันมันจะตายมั้ย ชอบมากวนใจอยู่เรื่อย อะ ๆๆ ที่ใจเต้นเนี่ยอย่าคิดว่าเขาชอบไอแก้มแตกนั่นเข้าเชียวนะ เขาใจเต้นหน้าแดงเพราะกำลังโกรธอยู่ต่างหากล่ะ
“จะบ้าหรอ! ฉ่ะ
ฉันเข้าไปถามการบ้านคิบอมต่างหากล่ะ ดูสิข้อยาก ๆ ทั้งนั้นเลย ฉันทำไม่เป็น” ดงเฮรีบปฏิเสธแล้วโบกมือไปมา
“แน่ใจหรอ” แน่ะ ยังมีซักไซ้
“เออ! แน่ใจสิ ถามนู้นถามนี่ฉันอยู่ได้ ว่าแต่ตัวเองเถอะทำเสร็จรึยัง เข้ามาในห้องฉันแล้วยังทำที่นอนยับหมดอีก” ร่างเล็กบ่นอุบอิบเฉไฉไปเรื่องอื่น แต่เพราะคำถูกดุนั้นแหละทำฮยอกแจหน้ามุ่ย
“ทำเสร็จแล้ว!”
“จริงอะ?”
“ไม่จริง”
“ไปเอาการบ้านมาเดี๋ยวนี้เลย! ไม่งั้นนายเจอดีแน่!!” เพื่อนที่ดีเริ่มแผลงฤทธิ์ ร่างบางเลยจำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเร่งด่วน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งท้าย
“งั้นทำเสร็จแล้วต้องไปเที่ยวกับฉันนะ!”
..~~~~***Because I hate you***~~~~..
ดงเฮรู้สึกอยากจะกุมขมับอย่างรุนแรง
สถานที่ ๆ ร่างบางอ้อนเขาให้พามานักหนาคืองานเทศกาล เหตุผลน่ะหรอ
ก็เพราะของกินไง! งานเทศกาลประจำปีมีการเชิญศิลปินดัง ๆ มาร่วมร้องเพลงจัดเป็นคอนเสิร์ตเล็ก ๆ มากมาย และมีซุ่มของเล่นเต็มไปหมด แต่ลี ฮยอกแจกลับสนใจพวกของกินและอาหารมากกว่า
และแน่นอนว่าวันนี้คนคงจะเยอะเป็นพิเศษ
“อยากให้พี่ฮันมาด้วยจัง..” เสียงหวานพูดลอย ๆ
“อ่า
ฉันหมายความว่าพี่ฮันเขาไปอยู่เมืองนอกตั้งสิบปีแน่ะ พอกลับมาก็ต้องจมอยู่กับงาน ฉันอยากจะให้พี่ฮันมาพักผ่อนบ้าง” ฮยอกแจรีบขยายความทันควันเมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ กำลังมองเขาด้วยสายตาสงสัย
“อืม” ดงเฮรับคำอย่างแผ่วเบา
เขารู้ว่าฮยอกแจต้องหมายความมากกว่านั้น
นัยน์ตาสีน้ำตาลมะฮอกกานีจับจ้องไปสองพี่น้องที่กำลังเล่นเกมปาลูกโป่งเพื่อแย่งเอาของรางวัลกันอย่างสนุกสนาน ฮยอกแจมองภาพนั้นอย่างเอ็นดูพลางถวิลหานึกถึงอดีต
‘พี่ฮัน ผมอยากได้หุ่นยนต์ตัวนั้น’ เด็กชายวัยเจ็ดขวบกระตุกเสื้อคนข้าง ๆ พลางจ้องมองของที่อยากได้ตาเป็นมัน หุ่นยนต์ที่ว่าตั้งอยู่บนชั้นวางโชว์ของรางวัลในการเล่นปาลูกโป่ง คนถูกกระตุกเสื้อจึงกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย
‘อยากได้ก็เล่นเกมเอาเองสิ’ เด็กชายวัยสิบเอ็ดพูดอย่างไม่ยี่หระ คนน้องจึงเริ่มจะเบะปากเมื่อถูกขัดใจ
“แต่ผมอยากได้นี่!” เด็กน้อยเริ่มงอแง
“โอ้ย! รำคาญจริง เออ ๆ งั้นตามมาสิ”
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
เสียงลูกโป่งแตกติดต่อกันสามลูกเมื่อถูกลูกดอกปาใส่
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
แม่นยำ
รวดเร็ว ลูกโป่งแตกติดต่อกันอีกสามครั้ง
และสุดท้าย
ฉึก!
ลูกโป่งใบสุดท้ายก็แตกลงท่ามกลางความดีใจของผู้เป็นน้องชาย กับความอึ้งทึ่งของคนขาย
จนแล้วจนรอด....ฮยอกแจก็ได้หุ่นยนต์ตัวนั้นสมใจ
ก็แค่หุ่นยนต์ธรรมดาถูก ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีค่าอะไร...แต่เพราะได้มาจากคนสำคัญต่างหากมันถึงมีค่า
ตราบจนวันนี้
มันก็ยังคงอยู่ในห้องนอนของเขา
“แจ....ฮยอกแจ!”
“หะ...ห๊า?” ร่างบางตอบรับหน้าเหวอพลางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนใส่ ดงเฮจึงส่ายหน้าอย่าปลง ๆ ในความใจลอยของเพื่อน
“เป็นอะไรไป อยากเล่นปาลูกโป่งหรอ เห็นจ้องตาเป็นมันเชียว”
“อะ...อ่า ก็ดีนะ แต่ตอนนี้ฉันหิวมากกว่า”
แต่สุดท้ายเรื่องกินก็มาก่อนจนได้...
“ดงเฮ ฉันอยากกินอันนี้”
“ดงเฮ อันนั้นน่ากินจัง”
“ดงเฮ เห็นเขาบอกว่าขนมนี่อร่อยล่ะ”
“ดงเฮ~”
“ดงเฮ ดงเฮ ดงเฮ!” เจ้าตัวเรียกชื่อตัวเองไปมาพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเพื่อนตัวดีลี ฮยอกแจเรียกเขาไม่รู้กี่ร้อยรอบในวันนี้ แถมยังลากเขาไปนู้นไปนี่อีก ทั้งนี่ทั้งนั้นก็เพราะ’ขนม’นั่นแหละ เขาเดินจนขาจะลากอยู่แล้ว!
“ดงเฮ ฉันอยากกินทาโกยากิ” คนตะกละพูดน้ำเสียงเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นพลางกระตุกแขนเสื้อร่างเล็กแล้วชี้ไปทางซุ่มร้านค้าที่ติดป้ายโชว์เด่นว่า’ทาโกยากิ’ เชิญชวนให้ผู้เป็นเพื่อนมาปฏิบัติการ’กินไปเดินไป’ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำเอาคนโดนชวนต้องหน้าแหยเก
“ฮะ? ยังจะกินอีกหรอไอไก่อ้วน กินจนฉันจะอิ่มแทนอยู่แล้วเนี่ย” บอกได้เลยว่าเขาชักจะเบื่ออาหารเป็นครั้งแรกก็วันนี้
“ง่ะ ก็ฉันอยากกินนี่ ถ้านายอิ่มก็เลี้ยงขนมฉันสิ ฉันชอบของฟรี” เจ้าตัวดีพูดพร้อมทำตาปริบ ๆ
“ไม่เอา ไม่เลี้ยง
พอเถอะพอ กินให้มันรู้จักพอมั้ง คนเราเกิดมากินเพื่ออยู่นะไม่ใช่อยู่เพื่อกิน”
“แต่ฉันเป็นไก่ ฉันอยู่เพื่อกิน”
“นายกำลังจะบอกว่านายไม่ใช่คน แต่เป็นไก่?”
“ใช่!!”
คำตอบที่ดูเหมือนร่างบางจะภูมิใจในชาติเกิดเสียเต็มประดาทำดงเฮกุมขมับ ดี
มันเป็นไก่ สมองมันก็ไก่จริง ๆ
“ไม่ได้ นายต้องมากับฉัน ฉันอยากเล่นเกมปาเป้า” ร่างเล็กพูด
“เห ฉันว่านายไปเล่นช้อนปลาทองดีกว่า เหมาะดี” ฮยอกแจค้านสายตากรุ้มกริ่ม
“ทำไม”
“ก็เพราะนายมันหน้าปลาทองไง!”
“ไอไก่!!”
สุดท้าย
ลี ฮยอกแจก็โดนมะเขกมหากาฬไปหนึ่งทีก่อนจะโดนดงเฮลากไปยังซุ่มเกมปาเป้า
“ดงเฮ
ฉันหิว” ร่างบางพูดเสียงอ่อยหลังจากที่โดนลากไปเล่นเกมนู้นเกมนี้ได้สักพัก ตอนนี้เขาทั้งสองคนกำลังหยุดอยู่ตรงซุ่มเกมยิงธนูที่ดูเหมือนดงเฮจะจริงจังเป็นพิเศษ ดวงตากลมโตข้างหนึ่งหรี่ลงเพื่อใช้สายตากะระยะให้พอดี แต่ก็ต้องมาหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อฮยอกแจทัก เสียงหวานจึงตอบกลับไปแบบส่ง ๆ
“อืม ๆ จะไปไหนก็ไปเถอะ”
เพราะเหตุนี้...ฮยอกแจก็เลยตัดสินใจเดินออกมาคนเดียว คนอาจจะเยอะไปนิด...แต่เขามั่นใจว่าคงไม่หลงกับดงเฮแน่นอน
มั้งนะ...
ฉึก!
“เจ๋ง!!” ดงเฮร้องลั่นอย่างดีใจเมื่อลูกศรที่ตัวเองยิงออกไปนั้นเข้าเป้าตรงกลางเป๊ะ แหงล่ะ...ก็เขาเคยฝึกมาก่อน ยิ่งอาวุธระยะไกลเขายิ่งถนัด
“ฮยอกแจดูสิ! ตรงกลางเป๊ะ ๆ เลย!!” เสียงหวานร้องอย่างดีใจพลางหันไปยังข้าง ๆ ตัวที่คิดว่ามีร่างบางยืนอยู่ แต่กลับไม่เห็นเลยแม้แต่เงาของผู้เป็นเพื่อน
“ฮยอกแ..”
“ดงเฮ”
น้ำเสียงหนึ่งที่แสนคุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลัง ดงเฮจึงหยุดชะงักเล็กน้อยด้วยความรู้สึกที่ราวกับโลกทั้งโลกกำลังหยุดหมุน
ดวงตาสุกใสอ่อนไหววูบ พลางภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด
แต่โชคชะตามักชอบเล่นตลกกับเราเสมอ
“ดงเฮ...นั่นดงเฮใช่มั้ยลูก พระเจ้า...บอกแม่หน่อยว่านี่คือดงเฮจริง ๆ” หญิงวัยอายุย่างเลขสี่เอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือ มือบางยื่นไปสัมผัสใบหน้าหวานของคนตรงหน้าอย่างช้า ๆ และเกรงกลัวราวกับต้องการพิสูจน์ว่าตนไม่ได้ฝันไป ก่อนที่น้ำตาใสจะเอ่อล้นคลอเบ้าตาด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มเมื่อคนที่ตัวเองคิดถึงมาตลอดกำลังอยู่ตรงหน้านี้จริง ๆ
สัมผัสนี้...ไม่ผิดแน่
หญิงคนนี้....คือแม่ของเขา
หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเริ่มแก่ชราตามกาลเวลา เส้นผมที่เคยดกดำบัดนี้มีเส้นสีขาว ๆ แซมเล็กน้อย ใบหน้าดูอิดโรยเหมือนมีเรื่องค้างคาใจตลอดเวลาแต่แววตานั้นกลับดูไม่เปลี่ยนแปลง
มีแต่จะถวิลหามากขึ้น..
“...ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่รู้จักคุณ” หากแต่ร่างบางกลับเลือกที่จะตอบด้วยท่าทีห่างเหิน ใบหน้าหวานยังคงเจือด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ตามประสาคนถูกทักผิด
ทำไมล่ะดงเฮ
ทำไมถึงปฏิเสธ..
“ร่ะ...หรอจ้ะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนความผิดหวัง ได้แต่ส่งยิ้มฝืด ๆ ไปให้ก่อนจะรีบหันหน้าหนีแล้วเช็ดรอยน้ำตา
“ง่ะ...งั้นป้าขอโทษนะจ้ะ...ป้าคงจะจำคนผิด” หญิงวัยกลางคนเงียบไปสักครู่ “ ...ยังไง...ก็ลองไปหาอะไรร้อน ๆ ดื่มที่ร้านป้าดูก่อนดีมั้ย อากาศตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว เสื้อที่หนูใส่ก็บางเชียว
ป้าไม่อยากให้เป็นหวัด” หล่อนยิ้มอ่อนโยน หากแต่แววตาคู่นั้นกลับมีความเศร้าสร้อยแฝงอยู่อย่างปิดไม่มิด
“ครับ..”
และดงเฮก็ไม่ลังเลที่จะเลือกตอบตกลง
..
~~~~~*~~~~~**~~~~~*~~~~~
..
บรรยากาศภายในร้านกาแฟดูเป็นกันเอง ดูท่าทางคนออกแบบคนเลือกสร้างสรรค์ได้ดีเลยทีเดียว วอลเปเปอร์ภายในร้านเป็นสีขาวนวลประกอบด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่างสีที่ประกอบกันได้อย่างลงตัวชวนดูคลาสสิก เพียงแค่ก้าวเข้ามาในร้านกลิ่นไอหอมกรุ่นของกาแฟก็ลอยมาแตะจมูก ดงเฮหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้นุ่มพลางมองไปรอบ ๆ ร้านอย่างทำเป็นสนใจพลางเหลือบตามองหญิงวัยกลางคนเป็นพัก ๆ
“ดื่มโกโก้อุ่น ๆ ก็แล้วกันนะจ้ะ แก้วนี้ป้าเลี้ยงเอง” เธอส่งให้พร้อมรอยยิ้มเอ็นดู ชายหนุ่มจึงพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มแล้วรับแก้วโกโก้ร้อนที่มีกลิ่นไออุ่น ๆ มา
“ขอบคุณฮะ”
ระหว่างทางที่หญิงคนนี้พาเขาเดินมายังร้าน
มีการแนะนำตัวกันเล็กน้อย ทำให้เขารู้ว่าคนตรงหน้าชื่อคิม ซอนฮโย
แน่นอนว่าเขารู้ชื่ออยู่แล้ว แต่เพียงแกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วแนะนำตัวเอง
โดยใช้ชื่อลี ดงเฮ
ไม่ใช่คิม ดงเฮ
“ฤดูหนาวเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
” ซอนฮโยลากเสียงแผ่วเบา “มันทำให้ป้านึกถึงวันเก่า ๆ”
ร่างเล็กก้มหน้านิ่งพลางค่อย ๆ ประคองโกโก้ร้อนขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานกลมกล่อมแผ่ซานเข้ามาในปาก รสชาตินี้
เขาคุ้นเคยดี โกโก้สูตรพิเศษของแม่..
“ขอโทษนะจ้ะที่จู่ ๆ ก็ชวนหนูเข้ามาในร้านแบบนี้ ป้าแค่รู้สึก
คุ้นเคยกับหนูมากเป็นพิเศษ” หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมรอยยิ้มบางทันทีที่โอกาสเหมาะ
“ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ
ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา และขอบคุณที่อุตส่าห์เลี้ยงโกโก้แก้วนี้ มันอร่อยมากเลย” ร่างบางยิ้มหวาน ยืนยันว่าตนพูดออกมาจากใจ
“จ้ะ แล้ว..หนูชื่อดงเฮใช่มั้ยจ้ะ”
“ใช่ฮะ” เสียงหวานตอบ
“งั้นหรอจ้ะ
ชื่อเหมือนลูกชายของป้าเลย” ซอนฮโยผลุบสายตาลงต่ำราวกับมีคำพูดอะไรค้างคาอยู่ในใจแต่ไม่พูดออกมา และในฐานะคนนอก
คนที่เพิ่งเคยรู้จักกัน ดงเฮก็รู้ดีว่าควรจะทำเช่นไร
“เออ..แล้วลูกชายของป้าไปไหนหรอฮะ ผมยังไม่เห็นเขาเลย” แต่คำถามก็ดูจะล่วงเกินกันเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกัน ถึงแม้จะรู้คำตอบดีอยู่แก่ใจในเมื่อตนคือลูกชายคนนั้นที่หายไป
แต่ก็ยังอยากจะถามเพื่อให้รู้ว่าแม่คิดยังไงกับการที่เขาหนีออกจากบ้าน
เพราะเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าตนนั้นโหยหาคนตรงหน้านี้เหลือเกิน
หญิงวัยกลางคนมองคนตรงหน้าเล็กน้อยอย่างแปลกใจที่จู่ ๆ ก็อยู่ถามตรงซะขนาดนี้ ทำให้ดงเฮรีบขอโทษขอโพยทันที
“ขอโทษครับ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน” คำตอบอันใสซื่อทำซอนฮโยหัวเราะร่วน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” หญิงวัยกลางคนตอบ รอยยิ้มบางเริ่มจางหายไปจากใบหน้า
“ลูกชายป้า
เขาหนีออกจากบ้านไปจ้ะ”
แต่เธอกลับเลือกที่จะตอบความจริงกับคนแปลกหน้า
ไม่ใช่ว่าเธอไว้ใจใครง่าย
แต่เธอรู้สึกลึกซึ้งกับคนตรงหน้า
เธอมั่นใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนไกล
“ลูกชายของป้า
เขาเป็นเด็กน่ารักมาก ชื่อดงเฮแปลว่าทะเลตะวันออก รอยยิ้มของเขาเหมือนลมริมทะเลอ่อน ๆ ที่พัดผ่านทำให้ป้ารู้สึกผ่อนคลายเวลามีเรื่องไม่สบายใจ อีกอย่าง..บ้านเกิดของเขาก็อยู่แถว ๆ ทะเลด้วยนะ”
ซอนฮโยเริ่มเล่าพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเมื่อนึกถึงภาพในอดีต
“แต่พ่อของเขากลับเสียชีวิตกะทันหัด ตอนนั้นป้าติดหนี้อยู่หลานล้าน ลำบากมากทีเดียว ตามลำพังคงไม่สามารถเลี้ยงดูดงเฮได้แน่ ป้าก็เลยแต่งงานใหม่ ตอนนั้นดงเฮอายุแปดขวบพอดี”
ดงเฮรับฟังอย่างตั้งใจ แต่พอมาถึงจุดนี้ความรู้สึกโกรธแค้นก็เริ่มถูกจุกแน่นอยู่ในอก
แม่ของเขาแต่งงานกับไอเลวนั่น..
“เขาเป็นคนดี ใช่จ้ะ
ป้าเชื่อแบบนั้น ป้ามั่นใจว่าเขาคงดูแลดงเฮได้ และดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่น่าแปลกมากที่ดงเฮกลายเป็นเด็กเก็บตัวเงียบตั้งแต่วัยที่เริ่มก้าวเข้าอายุสิบเอ็ดขวบ เขากลายเป็นเด็กที่เริ่มไม่สุงสิงกับใครจนป้านึกเป็นห่วง แต่ในขณะเดียวกัน
เจ้าหนี้ก็เริ่มที่จะทวงหนักขึ้นเรื่อย ๆ”
“
”
“ป้าจำเป็นต้องออกไปจากบ้านมากขึ้น ทำงานมากขึ้นและกลับบ้านดึก สามีของป้าก็ทำงานนะ แต่กลับบ้านเร็วกว่า อันนั้นทำให้ป้าเริ่มเบาใจขึ้นอีกนิดเพราะอย่างน้อยจะได้มีคนดูแลดงเฮ จริงอยู่ที่ป้าจ้างพี่เลี้ยงเด็ก แต่ยังไงพ่อกับแม่ลูกก็ย่อมคุ้นเคยกว่าจริงมั้ยจ้ะ” ซอนฮโยพูดกลั้วหัวเราะเมื่อพูดถึงจุดนี้ แต่แล้วพอเอื้อนเอ่ยประโยคต่อไปกลับเสียงแผ่วลง
เมื่อต้องเล่าเรื่องแห่งความหลังที่แทบไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง
“แต่แล้ววันหนึ่งตอนดงเฮอายุสิบสอง เขาก็มาร้องไห้กับป้าแล้วบอกว่าสามีของป้าข่มขื่นเขา ป้าตกใจมาก
แต่สามีป้าก็ค้าน เขาบอกว่าเขาไม่เคยทำและไม่คิดจะทำ คงเป็นเพราะป้ากลับบ้านดึกทุกวัน ดงเฮก็เลยเริ่มเรียกร้องความสนใจ ป้าเชื่อเขา เพราะดูแล้วเขาไม่น่าเป็นคนแบบนั้น”
“..”
“แต่การที่ดงเฮรบเร้ามาก ๆ เข้าและร้องห่มร้องไห้มากขึ้นทำให้ป้านึกสงสัย วันนั้นป้ากลับบ้านไวกว่าทุกครั้งก่อนที่สามีป้าจะกลับบ้านแล้วซุ่มดู
และมันก็เป็นอย่างที่ดงเฮพูด สามีของป้าข่มขื่นเขาจริง ๆ” น้ำตาใสเริ่มไหลรินให้กับความผิดพลาดของตัวเอง ผิดที่ไปไว้ใจคนแบบนั้น..
“ดงเฮขัดขืนสุดชีวิตแล้ววิ่งไปทางห้องครัว หยิบมีดมาป้องกันตัว
แล้วแทงเข้าที่ท้องของสามีป้า”
ยังจำได้ติดตา
ใบหน้าของลูกชายที่กำลังเปื้อนเลือด
.
“อ่อก!” เสียงกระอักเลือดอึกใหญ่ดังขึ้นพร้อม ๆ กับเลือดที่ไหลพ่นออกมาตามริมฝีปาก ชายชราโอดครวญด้วยความเจ็บปวด มือหนาพยายามกุมท้องบริเวณบาดแผลที่มีเลือดไหลไม่หยุดเอาไว้ก่อนจะเดินโซเซด้วยล้มตึงไปในที่สุด นัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองเด็กชายต้นเหตุที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างอาฆาตและสบถหยาบแช่ง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เจียนตายเนื่องจากโดนแทงเข้าที่จุดสำคัญ
“ม่ะ ไม่..ไม่ ผมไม่ได้ทำ..” เสียงใสกล่าวซ้ำไปซ้ำมาพลางส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองก่อไว้ ดวงตาสุกใสเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวระคนสับสน
เขาทำอะไรลงไป
ยิ่งคิดยิ่งเหมือนอยากจะร้องไห้ มีดเล่มใหญ่ที่อยู่ในมือเป็นหลักฐานชัดเจน เขาเพิ่งใช้มีดแทงพ่อเลี้ยงของตัวเองไปเมื่อกี้นี้
“แก..!” เสียงทุ้มพูดเกรี้ยวกราด พยายามเดินเข้ามาหาเด็กชายแต่ดูเหมือนสภาพร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยทำให้ได้แต่เดินโซเซมาเท่านั้น เด็กชายยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ดวงตาใสเบิกกว้างพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาเป็นสาย
‘รออะไรล่ะดงเฮ รีบฆ่ามันซะก่อนที่มันจะฆ่านาย!’ เสียงใสของตัวเองดังขึ้นในโสตประสาท
“ไม่
ฮึก..” หากแต่ดูเหมือนความชั่วดีจะยังมีอยู่ในตัว เขาฆ่าคนตรงหน้าไม่ลง
‘ฆ่ามันซะ ไม่งั้นคนที่แย่จะเป็นนายนะ’
“ต่ะ
แต่ฉัน..”
‘เร็วสิดงเฮ อย่าให้มันแย่งมีดไป!’
“แก!!!” พ่อเลี้ยงคำรามร้องพยายามจะตะครุบคนตรงหน้าแล้วฆ่าให้ตายในคราเดียว ดงเฮสะดุ้งเฮือกยกมือแทงคนตรงหน้าทันที ก่อให้เกิดเสียงร้องโหยหวนของชายชราดังลั่น
และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาชักมีดออก เลือดสีแดงจำนวนมากจึงไหลทะลักออกมาทันที เป็นเหตุทำให้ชายชราต้องล้มตึงไปอีกรอบด้วยความเจ็บปวดและสูญเสียเลือดมาก
‘จัดการต่อสิดงเฮ’
เสียงใสแต่แฝงด้วยความน่าขนลุกยังพร่ำบอกไม่เลิกรา ดงเฮส่ายหน้าปฏิเสธระรัว ม่านตาเบิกกว้างอย่างคนกำลังสับสน ความรู้สึกผิดและความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาในจิตใจ
เขาเพิ่งแทงพ่อเลี้ยงของเขา!
‘นายยังจะสงสารมันอีกหรอ’
เสียงใสเพรียกบอก
‘อย่าลืมสิว่ามันเคยทำอะไรนายไว้ มันทำนายเจ็บแค่ไหน ทรมานแค่ไหน ที่นายทำกับมันแค่นี้ยังไม่สาสมหรอกนะ’
“แต่..” เด็กชายพูดได้แค่นั้นก่อนจะเงียบไป จริงอยู่ที่ชายคนนี้เคยทำกับเขาไว้ แต่มันจะดีหรอ
ถ้าฆ่าแล้วจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดจริง ๆ หรอ
‘รออะไรอยู่ล่ะ ดงเฮ’
อีกคราที่เสียงใสนั้นดังขึ้นอีกรอบ ไม่รู้ว่าเขากำลังจะจิตหรือย่างไรแต่ดูเหมือนมันกำลังชี้แนะเขา เสียงที่ดังอยู่โสตประสาทนั่นคือเสียงเขา ความคิดยุ่งเหยิงกำลังตีกันไปมาในหัวสมอง
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีทางออก เขาเชื่อแบบนั้น
แต่สำหรับเขา ตอนนี้มีอยู่แค่สองทาง
หนึ่ง ปล่อยมันไป
สอง ฆ่าให้ตาย
แน่นอนว่าจิตใจลึก ๆ มันเรียกร้องให้เขาลงมือกำจัดคน ๆ นี้ให้หายไปจากโลกนี้ แต่ความดีที่อยู่ให้หัวสมอง
มันบอกว่าชายผู้นี้คือคนรักของแม่ คือพ่อเลี้ยงของเขา และการฆ่าคือการสร้างบาปให้กับตัว
หากแต่คิดในอีกแง่หนึ่ง หากเขาปล่อยมันไป
ไม่ช้าก็เร็วที่คน ๆ นี้จะกลายเป็นงูพิษหันมาทำร้ายเขาในภายหลังแน่นอน
เลือกสิ ดงเฮ
นายจะเลือกทางไหน
บีบก็ตาย
คลายก็รอด
บีบ
เพื่อฆ่า ฆ่าความแค้นที่ยังคงฝังอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจ
หรือคลาย
เพื่อรักษาชีวิตและความถูกต้อง
“ฉัน..” เสียงหวานเอ่ยสั่นเครือ หัวสมองตีกันยุ่งเหยิงเป็นสองทางพลางเบือนสายตามองไปยังมัจจุราชกระหายเลือดที่ถืออยู่ในมือ
เขาคงไม่ได้ทำผิดใช่ไหม
ถ้าจะฆ่าคน ๆ นี้เพื่อแลกกับอิสรภาพ
คงไม่ผิดใช่ไหม
ที่จะกำจัดเศษเดนนรกนี่ให้หายไปจากโลก
และถ้าเพราะความไม่ผิดคือความถูกต้อง
ในเมื่อเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไร
มือบางเริ่มกระชับมีดเล่มใหญ่เปื้อนเลือดในมือแน่น
ลองนึกดูสิ
ถ้าเขาปล่อยไป อาจจะเป็นเขาต่างหากที่แย่ และมันคงจะไปสร้างความชั่วเพิ่มอีก
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าอาจจะมีเด็กอีกหลาย ๆ คนที่อาจจะต้องโดนทรมานแบบเขา
ในเมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง มีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สาม
แม้ดูภายนอกคนนี้อาจจะดูเป็นคนดีมีรากฐาน แต่ภายในกลับเน่าเฟอะยิ่งกว่าซากศพ
ถึงตอนนี้แล้ว ถ้าคิดว่าฆ่าหมอนี่ก็คงไม่เป็นไร
คนเลว ๆ แบบนี้อยู่ต่อไปก็รกโลก
ไม่เป็นไรหรอก
ต่อให้มันเจ็บปวดแค่ไหนเขาก็ไม่สน เพราะนั้นคือสิ่งที่มันสมควรจะได้รับ
มันคือสิ่งที่ถูกต้อง
ก็ในเมื่อเขาทำถูกแล้วนี่นา..
..เนอะ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเริ่มสงบนิ่งเพื่อรวบรวมสติ ต่างจากความตื่นเต้นที่เริ่มถูกปลุกขึ้นจากเบื้องลึกภายในจิตใจ กลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาแตะจมูกมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกอยากจะเป็นยมทูตแห่งความตายดูสักครั้ง
การฆ่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว..
ลองมาเป็นตัวทดลองการฆ่าครั้งแรกของฉันจะเป็นไรไป
รอยยิ้มหวานเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขาเล็กเริ่มก้าวเข้าไปใกล้ชายชราที่กระเสือกระสนหาทางหนีรอดไปยังประตูห้องครัวพร้อมส่งเสียงร้องของความช่วยเหลือ แต่เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวยทำให้เขาสามารถทำได้แค่แทบเป็นแกระซิบและคลาน
ทิ้งรอยเลือดเอาไว้ทุกครั้งที่เคลื่อนที่
“จะหนีไปไหนล่ะ” ดงเฮพูดเสียงหวาน หากแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความน่าขนลุกเย็นเชียบไปถึงหัวใจ ชายชราจึงสะดุ้งสุดตัว ม่านตาดำเบิกกว้างพร้อมเหงื่อที่ไหลย้อยตามใบหน้า เนื้อตัวสั่นระริกไม่ต่างจากคนเสียสติตามโรงพยาบาลประสาท
“เล่นอยู่ด้วยกันอีกหน่อยสิ”
เด็กชายเริ่มเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ชายชราอย่างไม่เร่งรีบ
จะเร่งรีบไปทำไม
ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี..
“เอาล่ะ จะเลือกทางไหนดี ระหว่างตายไวกับตายช้า” เสียงหวานพูดสบาย ๆ ด้วยท่าทีร่าเริงราวกับเด็กเล่นของเล่น หย่อนกายนั่งหย่อง ๆ ข้าง ๆ พลางมองชายชราผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงตาใส
“ได้โปรด
ว่ะ ไว้ชีวิตฉัน” เสียงทุ้มร้องขออย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะเสียเลือดมากเกินไป ดูช่างน่าขันเสียเหลือที่ต้องมาขอชีวิตกับเด็กที่อายุต่างกันตั้งยี่สิบกว่าปี
แต่ใครจะสนล่ะ
ในเมื่อความเป็นความตายของเขากำลังขึ้นอยู่กับเด็กชายตรงหน้าเพียงคนเดียว!
ดงเฮขมวดคิ้วน้อย ๆ กับคำขอ
“ไม่ได้นะ มันไม่อยู่ในข้อตกลงของเรา ฉันมีให้แกเลือกแค่สองทางระหว่างตายไวกับตายช้า” อีกคราที่ดงเฮพูดเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา นัยน์ตาใสสีน้ำตาลเข้มจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำขลับของอีกฝ่าย
ชายชราสะดุ้งเฮือก ความหวาดกลัวเริ่มถาโถมเข้ามาในจิตใจเมื่อเห็นว่าสายตาคู่นั้นกำลังมองแค่ว่าการฆ่าเป็นเรื่องสนุก
ยิ่งพูดเหมือนยิ่งราดน้ำมันใส่กองไฟ
ดงเฮกำลังสนุกกับการเห็นเหยื่อตรงหน้าทุกข์ทรมาน
ยิ่งทรมานมากแค่ไหนยิ่งดี
ยิ่งหวาดกลัวและสับสนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
อา
แค่คิดเนื้อตัวก็สั่นระริกระรี้เสียแล้วสิ
“จะหันหน้าหนีทำไม หันมานี่สิ” มือบางบีบโครงหน้าของชายชราแล้วกระชากให้หันมาอย่างแรงไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ ดงเฮยิ้มน้อย ๆ พลางพิจารณาโครงหน้าของอีกฝ่าย
และเขาก็ได้ไอเดียใหม่
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
ชายชราสะดุ้งเฮือก ม่านตาเบิกกว้างด้วยความหวาดหลัวกับการตัดสินใจของอีกฝ่าย
รู้ดีว่าไม่มีทางรอด..
แค่นี้ก็ทรมานจะแย่อยู่แล้ว แล้วนี่จะทำยังไงกับเขาต่อไปอีก!
“ฉันเลือกให้นะ เอาแบบตายช้าอย่างทรมานก็แล้วกัน ตอนแรกฉันกะว่าตายเร็วจะปลิดชีพแกให้ตายในคราเดียว ส่วนตายช้าคือให้แกเสียเลือดแล้วตายไปเอง” ดงเฮหัวเราะคิกคัก ท่าทางถูกใจกับทางเลือกใหม่
“เอาล่ะ เรามาเล่นกันดีกว่า ดีใจหน่อยสิ แกเป็นเหยื่อคนแรกของฉันเลยนะ..” ดงเฮเอ่ยเสียงแผ่ว หันเหความสนใจไปยังปลายมีดที่กำลังลากผ่านโครงหน้า
ต้นคอ ไหปลาร้า ไปจนถึงตำแหน่งอกด้านซ้ายที่มีก้อนเนื้อสีแดงกำลังเต้นตุบตับอยู่
แทงเลยดีมั้ย?
อืม
ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวตายไว
ชายชราหลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว ส่งเสียงร้องขอชีวิตไม่หยุดหย่อน ก่อนจะกรีดร้องออกมาดังลั่นเมื่อมีดเล่มใหญ่ปักฉึกตรงบริเวณหัวไหล่
“แย่จัง เส้นเอ็นขาดแล้ว แกคงขยับแขนไม่ได้แล้วล่ะ” เสียงหวานแสร้งทำเป็นตกใจเล็กน้อย พลางฮึมเพลงในลำคอไปมาอย่างนึกสนุก ไม่สนใจกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งที่กำลังฟุ้งไปทั่วห้องครัวชวนให้อาเจียน
และไม่แน่ว่ากลิ่นนั้นอาจจะโชยไปยังห้องอื่น ๆ เลยก็ได้..
“ม่ะ..ไม่ อ๊ากกกกกกกกกก!!!!” ชายชราร้องลั่นเมื่อร่างบางจิกเข้าที่เบ้าตาแล้วล้วงเข้าไปคว้านหาลูกตาจนเกิดเสียงแฉะ ๆ ดึงออกมาอย่างรุนแรงจนเลือดสีแดงสาดกระเด็นตามทิศทางที่ถูกดึงเปรอะใบหน้าของเด็กชาย
“นี่ลูกตาแกหรอ
เหมือนลูกปิงปองเลยเนอะ” เสียงใสพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบาเมื่อจ้องมองวัตถุทรงกลมกลมที่อยู่ในมือ
แผละ!
และจัดการบีบให้มันเละไม่มีชิ้นดี... ของกึ่งเหลวใสคล้าย ๆ วุ้นจึงไหลทะลักออกมาตามช่องมือ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มนิ่งเฉย ไม่สนใจชายชราที่กำลังดิ้นไปมาเอามือปิดเบ้าตาที่ไม่มีลูกตาของตนอยู่ด้วยความทรมานพร้อมส่งเสียงกรีดร้อง
กรีดร้อง
และกรีดร้อง
“กลัวหรอ..”
เสียงหวานเอ่ยถามชายชราที่กำลงดิ้นรนกระเสือกกระสนด้วยความทรมานไม่ต่างอะไรจากปลาเป็น ๆ ที่กำลังโดนต้มน้ำเดือด
ทีแบบนี้ล่ะทำเป็นกลัว
แล้วที่ผ่านมาที่มันข่มขื่นเขาด้วยความสุขสมล่ะ เคยคิดบ้างไหมว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน
เคยคิดบ้างไหมว่าเขาเหมือนตายทั้งเป็น
“อ่าว
” ดงเฮอุทานพลางสะกิดคนตรงหน้าเบา ๆ แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับเลยแม้แต่น้อย นิ้วเรียวจึงจ่อตรงจมูกของอีกฝ่าย
ไม่มีแม้แต่ลมหายใจ
ตายแล้ว
พ่อเลี้ยงของเขาตายแล้ว
“ไม่สนุกเลย” เสียงหวานพร่ำบอกแผ่วเบา “แกน่าจะทรมานกว่านี้..”
ตายแบบนี้ยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำกับเขา
ใจร้าย
พระเจ้าใจร้าย
ทำไมถึงให้มันตายไวขนาดนี้
ทั้ง ๆ ที่มันทำกับเขาไว้ตั้งมากมาย ทุก ๆ คืนในกาลอดีตของเขาไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น
ทั้ง ๆ ที่น่าจะให้มันตายช้ากว่านี้อีกหน่อย ทรมานกว่านี้อีกหน่อย
ไม่ยุติธรรมเลย
ไม่ยุติธรรม
คงเป็นเพราะการเสียเลือดมากและการได้รับความเจ็บปวดจนสิ่งขีดสุดมันทำให้พ่อเลี้ยงของเขาช็อกตาย
ดงเฮนิ่งเงียบ หายใจอย่างแผ่วเบาและเชื่องช้า พลางใช้สายตาพิจารณาสภาพของศพ
ที่เกิดขึ้นจากฝีมือตัวเอง
ดวงตาหายไปหนึ่งข้าง บริเวณหน้าท้องมีสองแผลถูกแทงด้วยความรุนแรง ศพนอนจมกองเลือด ใบหน้ามีคราบเลือดไหลย้อยเนื่องจากไหลทะลักออกมาตามเบ้าตาข้างที่ถูกควัก ส่วนดวงตาที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งข้างกำลังเบิกกว้าง
ตายตาค้าง
รู้งี้ควักอีกข้างซะก็ดี
แต่เขาไม่ควักตอนนี้แน่
ร่างที่ไร้วิญญาณมันไม่ค่อยน่าเล่นด้วยสักเท่าไหร่
ไม่สะใจ
ไม่เร้าใจ
และไม่มีเสียงกรีดร้อง
เด็กชายนิ่งเงียบด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับกำลังตกอยู่ในวังวนความคิดของตัวเอง ต่างจากใครบางคนที่กำลังแอบอยู่หลังบานประตูห้องครัวสีขาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างและสั่นระริกพร้อม ๆ กับมือเรียวที่พยายามปิดปากตัวเองแน่นเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา
เธอเห็นทุกอย่างหมดแล้ว
ผ่านทางช่องแง้มประตูนี้ เห็นแม้แต่สิ่งสุดท้ายที่สะท้อนอยู่ในแววตาของสามีเธอก่อนจะสิ้นลมหายใจด้วยความหวาดกลัว
เหลือไว้แต่เพียงภาพของเธอที่กำลังแอบดูทางช่องประตูสะท้อนอยู่ในดวงตา
“อึก..!” ซอนฮโยครางอื้ออึงในลำคอด้วยความรู้สึกที่แทบอยากจะล้มทั้งยืน อยากจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาแล้ววิ่งหนีหายไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้แต่กลับทำไม่ได้
ห้ามกรีดร้องเด็ดขาดซอนฮโย
ได้โปรด
อย่ากรีดร้องแม้จะกลัวแค่ไหน
อย่าร้องไห้แม้จะกลัวหมดหัวใจ
ในเมื่อลูกของเธอกำลังกลายเป็นฆาตกร..
เลือดสีแดงสดจากศพไหลเจิ่งนองไปทั่วพื้น ไหลไปเรื่อย
จนถึงหลังบานประตู หญิงวัยกลางคนที่กำลังซ่อนตัวจึงสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งเปียกแฉะที่เท้า
แล้วแทบอยากจะกรีดร้องเมื่อหล่อนก้มหน้ามองดู
ซอนฮโยเอามือปิดปากตัวเองแน่น น้ำตาใสไหลรินด้วยความหวาดกลัวระคนสับสนไม่ขาดสาย เป็นสัญญาณว่าเธอเริ่มจะอำพรางตัวอยู่แบบนี้ไม่ไหวแล้ว
ดงเฮมองภาพของชายชรานิ่ง ทิศทางการมองของศพมันทำให้เขาเอะใจ ดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวกำลังมองตรงไปที่ประตู
เขาจึงมองไปที่ประตู
มองไปยังช่องแง้มทำเอาคนที่ซ่อนอยู่ต้องรีบหันหลบแทบไม่ทัน
ตรงนั้นมีอะไร
คำถามหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของเด็กชาย
สุดท้ายดงเฮก็ลุกขึ้นยืน ก้าวขาตรงไปยังประตูบานสีขาว ซอนฮโยสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ได้ถึงอีกชีวิตที่กำลังตรงมาทางนี้
ตึก..ตึก..
ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง
ตึก ตึก..
ก้าวที่สาม ก้าวที่สี่
ตึก..
และก้าวที่ห้า
ดงเฮจึงหยุด หยุดอยู่ตรงหน้าประตูพอดี พลางจ้องมองมันเพื่อหาคำตอบ ซอนฮโยหลับตาแน่น อ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า
ได้โปรด อย่าเปิดประตู!
สุดท้าย..เด็กชายหันหลังกลับ ตัดสินใจเดินตรงไปยังประตูอีกบานแทน
“เฮ้อ
”ซอนฮโยถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ รู้สึกโล่งใจที่ลูกชายเธอไม่เคลือบแคลงสงสัย แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าเด็กชายจะทำอะไรต่อไปจึงตัดสินใจสะกดรอยตามไปอย่างเงียบเชียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขาเล็กพาตัวเองเคลื่อนย้ายไปยังห้องนอน จัดการเก็บกระเป๋าและเลือกจัดเสื้อผ้าลงไปสักสองสามชุด ตามด้วยของที่จำเป็นและแคะเศษเงินที่ตัวเองเคยสะสมไว้ในกระปุกออมสินและบัตรบัญชีธนาคารของตัวเองออกมาใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปยังประตูที่ตัวเองเพิ่งเดินเข้ามา ซอนฮโยที่แอบดูอยู่จึงรีบเบือนตัวหลบทันทีด้วยแววตาตื่นตระหนก เหงื่อเม็ดใสเริ่มผุดและไหลย้อยลงมาตามใบหน้า
ดงเฮมองประตูบานนั้นนิ่ง ยกกระเป๋าขึ้นสะพาย มองไปยังรอบ ๆ ห้องของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปิดหน้าต่างแล้วมองออกไปทางด้านนอก
ทางสะดวก ไม่มีคนเดิน..บวกกับเป็นเวลากลางคืน
โชคกำลังเข้าข้างเขาเหมาะเจาะราวกับเป็นเรื่องตลก
มือบางจับขอบหน้าต่าง หายใจเข้าลึก ๆ แล้วกระโดดปีนบันไดลิงลงไปจากหน้าต่างชั้นสอง..
เหลือไว้แต่ผู้เป็นมารดาที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยหัวใจแตกสลายอยู่ทางด้านหลังประตู
To be continue..
ตอนนี้รีไรท์หลายรอบมาก TT TT
มันต้องจิตกว่านี้เซ่!! แง้
แต่ยาวนิดนึงนะ อ่านกันเหนื่อยมั้ยคะ อิอิ
ตอนต่อไปเริ่มเข้าเนื้อหาฮันฮยอกแล้วล่ะค่ะ
ขอคอมเม้นต์ให้แฟร์คนนี้ชื่นใจหน่อยนะคะ
>3<! จุ๊บ!
/me โดนคนอ่านถีบหน้าเพราะไม่อยากให้จูบ
>____________________<!!!
Love U reader!!
คิเฮน่ารักแบบซาดิสม์ๆ 55+ เถียงกันไปเถียงกันมา ฮิ้วววว ว้าวว อยากได้ s กว่านี้ไหม? ฮ่าๆๆ อ๊างง>///< สนุกมากกก ปกติเราไม่ค่อยชอบเเนวนี้ ขอบคุณค่ะ! >//<ความคิดเห็นที่ 36 Name : $+> lolita <+$< My.iD > [ IP : 117.47.169.13 ] ความคิดเห็นที่ 35 (จากตอนที่ 6) ด๊องจัยอ่อนหั้ยบอม
บอมจัยอ่อนหั้ยด๊อง
คู่นี้จายังไง?? นั่นสิ จะเอายังไง =[]=!!
55555. Name : naezii-oaezii< My.iD > [ IP : 114.128.229.162 ] ความคิดเห็นที่ 34 (จากตอนที่ 6)
ด๊องเป็นบอดี้การ์ด ว้าวๆๆๆ ดีนะที่ไม่ได้เป็นตัวร้ายยยยย
อยากจับพ่อเลี้ยงของยัยด๊องขึ้นมาฆ่าอีกซักที-*- =O=..
ทำกับที่รักของชั้น(?)ได้ยังไงงงงงงงง กำ ที่รักแฟร์(!?) ต่างหาก
แฟร์เที่ยวสนุกมั้ยจ้ะ^^ ยังไงก็อย่าลืมมาอัพน้า สนุกมาก > < แฟร์มาอัพแล้วค่า
PS. Super Junior 3rd album!!!! Sorry Sorry Name : @_minto_@< My.iD > [ IP : 58.8.245.246 ] ความคิดเห็นที่ 33 (จากตอนที่ 6) อ๊ากกกกก คิเฮน่ารักอ่ะ O_o!
ไรเตอร์จ๋า มาอัพด้วยนะ อัพแล้วค่า อิอิ
คยูมินของเรา รออยู่นะ
เอ่อ แล้วก็อย่าลืมฮันฮยอกนะ ไม่ลืมแน่นอน =,.=
ขอหวานๆก่องน้า อย่าเพิ่งเศร้า
ถ้าทำอย่างที่ขอนะ จะรักไรเตอร์ที่ซู้ดดดเลย อ่า...แฟร์ไม่รับประกันนะ 55Name : MoLoVeKyUmIn [ IP : 210.86.209.109 ] ความคิดเห็นที่ 32
เเต่ก็อ่านข้าเวลาค่ะ บางอันมันเขียนเป้นความรู้สึกดีๆเหมือนนิยายรักทำมดาอ่ะ
มิ้งชอบอ่าน^^ แฟร์ก็ชอบ =..=
อ่า.. ชอบมาก คลั่งเเล้ว 555+
เขียนเก่งมาก เขียนถูกเเนว เพราะฟิคน้อยอัน น้อยจริงๆที่มิ้งชอบอ่า
^^ สู้ๆค้ะ ค่ะ! สู้ๆ
PS. ฝากนิยายเรื่อง ...+-MiScOnCeIvC-+ ..คริสต์มอส..เเค้น..รัก..ศรัทธา... ด้วยนะค่ะ^o^ Name : ...o0~PrinCess~0o< My.iD > [ IP : 124.120.135.32 ] ความคิดเห็นที่ 31 (จากตอนที่ 6) เพิ่งเห็นเรื่องนี้
สนุกดีอ่ะ ขอบคุณค่ะ ฮ่าๆๆ
ตอนแรกนึกว่าด๊องจะร้าย
เอาไปเอามาเป็นการ์ดของฮยอกซะงั้น ใช่แล้ว
ฮยอกช่างเป็นคนดีจริงๆ
ไม่อยากให้ฮันฮยอกเกลียดกันเลย TT^TT อ่า...หรอคะ แต่ส่วนใหญ่แฟร์แต่งสนองตัวเองนะ ฮ่าๆๆName : ^@^ ChOmPoO ^@^< My.iD > [ IP : 114.128.16.146 ] ความคิดเห็นที่ 30 (จากตอนที่ 6) ด๊องเป็นบอดิการ์ดของฮยอกหรอนี่
หวังว่าเฮอึนคงมีไม่เยอะนะ แน่ะ...ไม่ดีหรอ ;_; (ล้อเล่นน)
ชอบเวลาที่ด๊องลับฝีปากกับบอมอ่า (โรคจิต-*-) แฟร์ก็ชอบ =,.= แต่ชอบแบบลับฝีปากแบบนั้นนะ... (หื่น)
สงสารด๊องจัง โดนพ่อเลี้ยงรังแกแถมแม่ยังไม่สนใจอีก อ่า เรื่องแม่...เดี๋ยวจะขยายให้ในตอนต่อไปจ้ะ
บอมดูแลด่วน!!
แฟร์ขา...NC ฮันฮยอก เร็วๆนี่จริงหรอ *0*
แต่ไม่ใช่ว่ามีเอ็นซีแล้วป๋าจะเย็นชากะฮยอกหรอกนะ - - ไม่บอกดีกว่า =x=
TT^TT
สู้ๆนะค่ะแฟร์ จะติดตามตอนต่อไปค่ะ ค่า สู้ๆ!
ปล. ชอบปรากฏการณ์ 38 ที่แฟร์เล่าจัง
ก็นะ ของเขาเรียลจริงๆ ^o^ อ๊ายย~!! >//<Name : yaoisang [ IP : 125.27.34.251 ] ความคิดเห็นที่ 29 (จากตอนที่ 6) อ่า ด๊องมาช่วยนี่เอง
ไ อ้ เราก็นึกว่าเป็นใคร 555+
ด๊องน่าสงสารอ่า TT^TT เนอะ
แต่ทำไมป๋าต้องทำเป็นเกลียดฮยอกกี้ด้วย = ^ = ก็เพราะรักไง (!?)
ไรท์เตอร์ รีบมาต่อเร็วๆนะคะ มาต่อแล้วจ้ะName : *//JiAh//*< My.iD > [ IP : 125.26.185.47 ] ความคิดเห็นที่ 28 (จากตอนที่ 3) ชอบ ๆ สนุกมาก ๆ เลยนะ ขอบคุณค่ะ >//< Name : tus [ IP : 124.120.35.50 ]
ความคิดเห็น