คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : เรื่องที่เคยเกิด (Re.03)
UP : 21/07/60
Re-write : 16/08/60
Re-write 2 : 28/07/61
Re-write 3 : 09/06/64
บทที่
6 : เรื่องที่เคยเกิด
นี่พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังเล่นตลกเรื่องอะไรกันแน่
เฮเลนคิดพลางก้าวฉับๆ ขึ้นไปยังหอคอยกริฟฟินดอร์
ทั้งมัลฟอยที่ทำให้เธอตกใจตั้งแต่เมื่อวาน และแฮร์รี่ที่ดูขี้โมโหไม่สมเหตุสมผล
แถมบุคลิกที่เหมือนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเธอนี่มันเรื่องอะไรกัน
เธอไม่ยักจะเข้าใจเลยว่าสิ่งที่เธอเห็นและเป็นอยู่นี่มันเกิดขึ้นจากอะไร
เธอต้องไปค้นห้องสมุดหาเครื่องไทม์แมชชีนไหม
จะได้รู้กันไปเลยว่าความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง!
“รหัสผ่าน”
สุภาพสตรีอ้วนเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเฮเลนเดินมาถึงหน้าช่องรูปภาพ
เมื่อวานนี้เธอโชคดีที่เจอเนวิลล์ระหว่างทาง
ทำให้เธอไม่งงเรื่องบันไดกลายสภาพเสียเท่าไหร่
“บอล
เดอร์ดาช” เฮเลนพูด
สุภาพสตรีอ้วนพยักหน้าและเหวี่ยงรูปภาพเปิดออก
เธอก้าวผ่านช่องรูปภาพเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ
โชคร้ายนักที่เธอไม่คิดว่าตัวเองจำรายละเอียดหลักๆ ในหนังสือเรื่องแฮร์รี่
พอตเตอร์ได้เพราะดูเหมือนอะไรๆ
ที่มันเปลี่ยนไปอาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลง
เธอควรทำให้มันเปลี่ยนไปทั้งหมดหรือควรจะปล่อยให้มันเป็นไปตามเรื่องที่มันเป็นล่ะ
แล้วถ้าเกิดว่าเธอไม่ได้กลับไปที่โลกเดิมแล้วล่ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น
สิ่งพวกนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเฮเลนอยู่ตลอดเวลา
หรือว่าบางที
อาจจะมีใครสักคนต้องการให้เธอเปลี่ยนเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้
แต่แทนที่จะส่งเธอมาอยู่ในโลกของพวกเขาในฐานะน้องสาวฝาแฝดของแฮร์รี่ พอตเตอร์
สู้ให้เธอไปเป็นผู้ช่วยนักเขียนและปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องแบบนั้นจะไม่ดีกว่าหรือ!
“โรนัลด์!” เสียงคุ้นหูดังขึ้น
เฮเลนหันไปองทางมุมอับมุมหนึ่งในห้องนั่งเล่น
เธอพบเฮอร์ไมโอนี่และรอนยืนอยู่ด้วยกันท่าทางไม่สู้ดี “ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจกันนะ
เราก็ตกลงเรื่องนี้กันไปแล้วนี่!”
“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าไม่เข้าใจ”
เสียงของรอนร้องตอบอย่างไม่พอใจ “ฉันก็แค่ไม่ชอบ – พอเห็นแบบนี้ทีไร –
ฉันก็ไม่พอใจเหมือนทุกที”
“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“แล้วฉันก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วด้วยว่าเขาเป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่เขาเข้ามาปีแรก
– ฉันคิดว่าเธอจะเข้าใจ”
“ลูกพี่ลูกน้องที่ไม่เหมือนเธอเลยสักนิดน่ะเหรอ!” รอนโต้กลับ
เฮอร์ไมโอนี่เงียบเสียงไป
เธออ้าปากค้างราวกับอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่กลับไม่มีเสียงออกมา
เด็กสาวผมหยิกฟูขมวดคิ้วยุ่งมองใบหน้าไม่พอใจของรอนด้วยท่าทางหงุดหงิด
เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นกอดอก
เธอหันหลังให้เขาและจากที่เฮเลนเห็นดูท่าว่าพวกเขาจะคุยกันไม่รู้เรื่องตั้งแต่เข้ามาที่นี่จนกระทั่งตอนนี้
นั่นทำให้เธอลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วขณะและยืนฟังบทสนทนาของพวกเขาต่อด้วยความขี้เผือก
(?)
“ฉันก็แค่อยากได้ความชัดเจอ
เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดเสียงอ่อนลง “ฉันเองก็อยากให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“แต่ฉันไม่พร้อมตอนนี้!” เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปหาเขา “ฉันบอกเธอไปแล้ว
– เรา – เรายังเด็ก...”
“ฉันเข้าใจว่าเราตกลงกันแล้ว”
รอนเสียงอ่อยลงอย่างเห็นได้ชัด “ขอโทษที ฉันคงขอมากไป”
“ไม่หรอก”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ คลายมือที่กอดอกออกแล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ รอน
“ขอเวลาฉันอีกหน่อยนะ – เมื่อพร้อมแล้วฉันจะบอกเธอ”
รอนพยักหน้าเบาๆ
และเอื้อมมือไปกุมมือเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้
เฮเลนยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มจะขยับตัวเข้าใกล้กันมากขึ้น
เฮเลนมองซ้ายมองขวา เธอไม่ได้สังเกตเลยว่าภายในห้องนั่งเล่นไม่มีคนอยู่
คงเพราะช่วงเช้า นักเรียนออกไปรับประทานอาหารกัน
“อะ
แฮ่ม” เธอกระแอมขึ้นให้เสียงดังพอที่ทั้งสองจะได้ยิน
ทั้งคู่สะดุ้งและผละออกจากกันทันที
เฮเลนเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคนและมองหน้ารอนกับเฮอร์ไมโอนี่สลับกันไปมา
ซึ่งตอนนี้ทั้งคู่มีใบหน้าเป็นสีชมพูระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ควรทำ
– แบบนั้น – ในห้องนั่งเล่นรวมนะ” เฮเลนพูดกลางกลอกตาไปมาเล็กน้อย
“เดี๋ยวจะมีคนมาเห็นเข้า”
“นี่มันตอนเช้า
เฮเลน” รอนว่า “ไม่มีใครอยู่หรอกน่า”
“ถ้าไม่ใช่ฉัน
นายคิดว่าคนอื่นเข้าจะทำยังไงตอนที่เห็นว่าพวกนายจะจูบกัน”
เฮเลนหรี่ตามองรอนเล็กน้อย “เรื่องนี้คงบูมทั่วโรงเรียน ไม่ต้องกลัวเลยว่ามัลฟอยจะไม่รู้
หรือศาสตราจารย์มักกอนนากัลเองก็เถอะ”
“เงียบน่า”
รอนหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม “ฉันเข้าใจแล้ว พอใจไหม! – แล้วเจอกันในชั่วโมงเรียน”
รอนหันหลังเดินหนีขึ้นไปที่หอนอนชายเหลือเพียงเฮเลนกับเฮอร์ไมโอนี่เพียงสองคน
เด็กสาวผมฟูทำท่าเขินแล้วเดินนำหน้าเธอขึ้นไปบนหอนอนหญิง เฮเลนนั่งลงบนเตียงข้างๆ
เตียงของเฮอร์ไมโอนี่ ที่ยังคงมีท่าทีเขินอยู่
เฮเลนเอื้อมมือลงไปหยิบกระเป๋าสะพายและหนังสือวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในแต่ละยุคสมัยในหีบขึ้นมา
เธอจับหนังสือยัดใส่กระเป๋าสะพายก่อนจะหยิบปากกาขนนกและขวดหมึกยัดตามเข้าไป
“คิดจะปิดเรื่องนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
อยู่ๆ เฮเลนก็เอ่ยถามขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เด็กสาวอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ
เสียเหลือเกินว่าทำไมถึงถามคำถามไม่สมควรนั่นออกไป “เธอก็รู้ว่ารอนนิสัยยังไง
ใช่ไหมเฮอร์ไมโอนี่”
“ฉันรู้”
เฮอร์ไมโอนี่ตอบ ยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย “แต่บอกได้เลยว่าฉันยังไม่พร้อม –
มันจะดูเป็นยังไงถ้าเกิดว่ามีข่าวลือเรื่องนี้ขึ้นมา
ถึงมันจะดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับรอนชัดเจนขึ้น แต่ใครจะไปรู้
พวกคนอื่นอาจจะมองเสียหายก็ได้”
“เธอแค่กลัวตัวเองเสียหายงั้นเหรอ?” เฮเลนขมวดคิ้ว
“ไม่
– ไม่ใช่แบบนั้น – คือ... ช่างเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ “เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ
เธอเองก็ยังไม่บอกใครเรื่องของเธอกับมัลฟอยเลยนี่”
“ฉันกับมัลฟอย!?” เฮเลนทวนคำ ท่าทางตกใจ
“ใช่สิ”
เฮอร์ไมโอนี่พูด “ก็เรื่องที่เธอบอกฉันว่าเขาจูบเธอตอนอยู่ในงานเต้นรำ
แล้วก็อีกหลายๆ อย่าง – ทั้งเรื่องที่เขากีดกันพวกเดิร์มสแตรงก์ไม่ให้เข้ามาขอเธอเต้นรำ
– เรื่องที่เธอปฏิเสธทุกคนเพื่อให้รอให้เขามาขอเต้นรำน่ะ”
"ฮ่า..."
เฮเลนหัวเราะเสียงแหบแห้ง เธออยากจะกัดลิ้นตัวเองทิ้งซะตอนนี้เลยจริงๆ
"ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายออกไปยังไงล่ะนะ -- อีกอย่างฉันก็กังวลนิดหน่อยนะ"
“เอ่อ
– ความจริง – ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก “ฉันคิดว่าเธอจะเถียงว่า ฉันไม่ได้รอหมอนั่นมาขอเต้นรำสักหน่อย! อะไรแบบนั้นน่ะ ขอโทษที”
เฮเลนหรี่ตามองเฮอร์ไมโอนี่เล็กน้อย
“เอาเถอะ
แฮร์รี่บอกฉันว่าบางทีเธออาจจะจำอะไรไม่ค่อยได้เพราะนอนมากไป
หรืออาจจะเพราะพวกผู้คุมวิญญาณ” เฮอร์ไมโอนี่พูด “แต่ก็อย่างที่บอก
เธอเคยบอกฉันว่าเขาจูบเธอในงานเต้นรำ”
“ฉันคิดว่าเธอเห็นซะอีก”
“ฉันก็เคยบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่เห็น”
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ “ฉันมัวแต่สนใจวิกเตอร์ – ตอนนั้นน่ะนะ –
แถมรอนกับแฮร์รี่ก็เอาแต่นั่งเบื่อเหมือนเป็นอะไรสักอย่าง”
“รอนอาจจะหึงเธออยู่ก็ได้ตอนนั้น”
เฮเลนยักไหล่
“ก็เพราะงั้นแหละ!” เฮอร์ไมโอนี่ว่า
“เพราะงั้นวันนั้นเธอก็เลยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟัง
แล้วก็ไล่ให้ฉันกับรอนไปคุยกันที่ใต้ต้นบีช – แถมยังกันแฮร์รี่ให้อีก –
เราก็เลยลงเอยอย่างที่เห็น”
“ที่พวกเธอคบกันนี่แฮร์รี่ก็ยังไม่รู้เหรอ”
“ไม่
ฉันห้ามไม่ให้เธอบอกเขาเองนี่ อย่าลืมสิ” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“แล้วนี่เปลี่ยนมาคุยเรื่องของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่! ยังไงตอนนี้ฉันก็ยืนยันคำเดิมว่ายังไม่พร้อมบอกใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าวันหนึ่งรอนคบคนอื่นออกหน้าออกตาเธอจะมาร้องไห้เสียใจทีหลังไม่ได้นะ”
เฮเลนพูดแล้วยกกระเป๋าขึ้นสะพายและลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเตรียมเดินออกไปจากหอ
“แล้วจะว่าไป แฮร์รี่ว่าไงเรื่องที่ฉันไปกับมัลฟอย”
“เขาโกรธที่เธอไปงานเต้นรำกับมัลฟอย”
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นยืน เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “แต่เขาไม่รู้เรื่องที่พวกเธอ –
ตายล่ะ เรากำลังสาย – เขาไม่รู้เรื่องที่พวกเธอจูบกัน”
“แหงล่ะ”
เฮเลนยักไหล่ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ดันหลังให้เธอเดินออกไป “ถ้ารู้มีหวังได้โลกแตก”
“ก็เพราะอย่างนั้นไงล่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่วิ่งไปเพื่อเดินนำหน้าเฮเลน
“ฉันถึงยังเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
เหมือนที่เธอช่วยเก็บความลับของฉันกับรอน”
ทั้งสองคนเดินลงบันไดมายังห้องนั่งเล่นที่ยังคงไร้ซึ่งผู้คนเหมือนเดิม
รอนรอพวกเธออยู่ตรงทางออกช่องรูปภาพก่อนที่ทั้งสามจะออกจากห้องนั่งเล่นไปเข้าเรียนวิชาเรียนแรกโดยไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย
มีเพียงเฮเลนเท่านั้นที่ยังคงเก็บความสงสัยหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถามเอาไว้ในใจ
เธอควรระวังตัวจากเขาเพราะว่าเขาเป็นลูกชายของผู้เสพความตายอย่างลูเซียส
มัลฟอยใช่ไหม หรือควรจะปล่อยให้เป็นไปตามทางของมันดีล่ะ
ร่างสูงทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาภายในบ้านสลิธีรินและยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก
โชคดีหน่อยที่ภายในห้องนั่งเล่นตอนนี้ไม่มีใครอยู่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากกว่าปกติ
‘จำไว้ให้ดีนะเดรโก เวลาจะทำอะไรคิดให้ดี’
เสียงของแม่เขาดังขึ้นในหัว
ดวงตาคมสีฟ้าอ่อนมองเพดานห้องนั่งเล่นอย่างเหม่อลอย
เขาได้แต่ถามตัวเองว่าคิดถูกแล้วใช่ไหมที่พูดแบบนั้นออกไป
ตั้งแต่ได้รับเลือกเป็นพรีเฟ็คของบ้านสลิธีริน
เขาก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองมากนัก เดรโกหลับตาลงอย่างอ่อนล้า ในหัวตอนนี้มีแต่ประโยคของแม่ลอยวนไปวนมาชวนปวดหัว
เดรโก
ลูเซียส มัลฟอย ลูกชายคนเดียวของ ลูเซียส มัลฟอยกับนาร์ซิสซา มัลฟอย เขาเติบโตมาในตระกูลเก่าแก่ ร่ำรวย
และเป็นตระกูลสายเลือดบริสุทธิ์แท้ เขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์มัลฟอยอันแสนงดงาม
ในวิลต์เชียร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มจำความได้เดรโกก็ถูกปลูกฝังว่า
เขาเป็นบุคคลพิเศษซึ่งประกอบไปด้วย ประการแรกคือเขาเป็นพ่อมด
ประการที่สองคือเขามีสายเลือดบริสุทธิ์
และประการสุดท้ายคือเขาเป็นสมาชิกของตระกูลมัลฟอย
หลังจากการล่มสลายอำนาจมืด
เดรโกถูกเลี้ยงและเติบโตขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่อึมครึม
ซึ่งเขาต้องคอยคิดให้รอบคอบอยู่เสมอว่าอะไรที่ทำได้และอะไรที่ห้ามทำ
เพราะทุกอย่างที่ทำไปอาจนำปัญหามาให้แก่พ่อของเขาได้
อิสระของเขาแทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่เลย
กระทั่งการคบเพื่อนหรือแม้แต่การเลือกคนรักด้วยตัวของเขาเอง
“เฮ้อ...” ริมฝีปากบางพ่นลมหายใจออกมาเพื่อลดความหนักใจ
ความอยากครอบครองทั้งดวงตา ริมฝีปาก ความคิด ร่างกายและหัวใจของเฮเลน
พอตเตอร์นั้นกลายมาเป็นสิ่งที่อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา
แม้กระทั่งประโยคที่แม่คอยพูดย้ำใส่เขาทุกวันที่กลับบ้านก็ตาม
เดรโกค่อนข้างยอมรับว่าตอนแรกเขาอยากเป็นเพื่อนกับแฮร์รี่และเฮเลนเนื่องจากตอนแรกนั้นเขาคิดว่าการที่แฮร์รี่และเฮเลนรอดพ้นจากคำสาปของลอร์ดโวลเดอมอร์มาได้หมายความว่าสองพี่น้องพอตเตอร์นั้นเป็นพ่อมดศาสตร์มืดที่เก่งกาจ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาถูกพาไปอาศัยร่วมกันกับพวกมักเกิ้ล
เพื่อที่พวกเขาจะได้อยู่ห่างไกลจากโลกผู้วิเศษ
ถึงแม้การผูกมิตรครั้งแรกของเดรโกกับแฮร์รี่จะไม่ดีนักและทำให้ทั้งสองคนกลายมาเป็นคู่กัดกันในทุกวันนี้ก็ตาม
แต่กับเฮเลนนั้นกลายเป็นว่าเขาแทบจะไม่เคยมีปัญหากับเธอเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูเย่อหยิ่ง ร่างเล็กที่แสนบอบบางแต่กลับดูแข็งแกร่งในบางเวลา
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เธอทำมันกลับไม่ทำให้เขารู้สึกชิงชัง
มันต่างกับแฮร์รี่โดยสิ้นเชิง
แต่โชคร้ายที่การแสดงออกของเขาทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเธอมันจะต้องเป็นแบบเดียวกันกับแฮร์รี่เพราะทั้งสองคนมักจะตัวติดกันอยู่ตลอด
(ก็แฝดนี่เนอะ) เฮเลนจึงไม่เคยเห็นเดรโกในสภาพดีๆ เลยสักครั้งเดียว
“อย่าเพิ่งน่า
ลาเมีย ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วยหรอกนะ”
จะงอยปากสีดำสนิทสะกิดยิกๆ
อยู่ที่ข้อศอกแขนข้างที่พาดเข้าไว้บนหน้าผาก
ดวงตาสีเหลืองเข้มของมันจ้องมองมายังมัลฟอยอย่างเรียกร้องความสนใจ
เจ้าของใบหน้าคมลืมตาขึ้นหรี่มองไปยังลาเมีย
เจ้านกตัวแสบที่ไม่ค่อยโผล่หน้าออกมาให้ใครเห็นนัก
ลาเมียเป็นสัตว์วิเศษที่เรียกกันว่า
ออเกรย์ (Augurey) นกฟีนิกซ์ไอริชสีเขียว-ดำ
สัตว์วิเศษที่มีเสียงร้องครวญครางโศกเศร้าเป็นเอกลักษณ์
แต่มันจะร้องขึ้นมาก็ต่อเมื่อมันรู้สึกได้ว่าใครบางคนกำลังจะตาย และมันเป็นนกที่ขี้อายมากถ้าหากตอนนี้มีใครสักคนโผล่เข้ามาในห้องนั่งเล่นละก็มันคงบินกลับเข้ารังนอนที่อยู่บนหัวเตียงของเขาไปแล้ว
“โอ้ย! โอเคๆ นานๆ แกจะออกมาสักที ยอมก็ได้”
ลาเมียกระโดดลงมาใส่ท้องของเขาอย่างแรงจนเดรโกรู้สึกจุก
ร่างสูงกระเด้งตัวขึ้นจากการนอนพลางบ่นพึมพำใส่เจ้านกตัวแสบ
มือเรียวยาวลูบไปมาเบาๆ ที่หลังและปีก
ถึงเขาจะถูกลาเมียหยอกเล่นแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวแต่นี่ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ในหัวของเขามีแต่เรื่องการพนันงี่เง่าที่ตัวเองหลุดปากพูดไปเพราะมั่นใจมากว่าจะต้องชนะแน่
แต่ตอนนี้ชักจะรู้สึกหวั่นๆ
แฮะ...
“แกคิดว่าฉันจะทำได้ไหมลาเมีย
รู้สึกกลัวๆ ยังไงก็ไม่รู้”
ลาเมียไม่ตอบหรือขานรับเหมือนอย่างเคย
มันนอนลงบนตักของเดรโกอย่างเงียบๆ
จนเขาได้แต่ถอนหายใจใส่นกตรงหน้าแต่ก็ยังใช้สองมือลูบไปมาบนหลังของมัน
เจ้านกฟินิกซ์ที่ปกติจะตอบกลับเขาเพื่อสร้างความมั่นใจให้เขาอยู่ทุกครั้ง
วันนี้มันแปลกไป หรือว่าความจริงเขาจะไม่มีวันชนะพนันอย่างที่เขาคิดกันนะ...
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น