คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 07 | HAPPENING INSIDE YOUR HEART
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 7 )
‘HAPPENING INSIDE YOUR HEART’
การสอบว.พ.ร.ส.ผ่านพ้นไปพร้อมกับความกังวลที่จะต้องตัดสัมพันธ์กับปาร์คชานยอล เพราะนอกจากบรรยากาศระหว่างทั้งคู่จะดีขึ้นจนคนอื่นๆ นึกแปลกใจแล้ว ชานยอลยังแวะเวียนมาคุยเล่น หยอกล้อ และทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกว่าที่เคย อีกทั้งยังสละเวลาช่วยจงอินและผองเพื่อนติววิชาปรุงยา แนะแนวข้อสอบการดูแลสัตว์วิเศษ แล้วยังแสดงความแปลกใจที่ได้รู้ว่าคนอย่างซีกเกอร์ทีมกริฟฟินดอร์ก็ลงสอบวิชาพยากรณ์ศาสตร์กับเขาด้วย
“นั่นฟังดูไม่ใช่นายนะ อยู่ดีๆ เกิดประทับใจศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ขึ้นมาหรือ” ชานยอลว่าหลังจากกัดแซนด์วิชเข้าปากคำใหญ่ เพราะเมื่อคืนนี้หอดูดาวเพิ่งถูกใช้เป็นสถานที่จัดสอบวิชาดาราศาสตร์ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่พวกเขาจะแอบลักลอบขึ้นไป ลงท้ายเลยมานั่งรับลมชมวิวอยู่ข้างทะเลสาบพร้อมหนังสืออ่านสอบกองโตของระดับชั้นปีเจ็ด
“ฉันก็แค่คิดว่ามันง่ายดีเท่านั้นแหละ” จงอินตอบเสียงยานคาง เขาเอนตัวนอนลงบนผืนหญ้าเขียวชอุ่ม พรุ่งนี้แทมกับคีย์ลงสอบวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของว.พ.ร.ส. แต่เขาไม่ “โม้นิดมโนหน่อยอย่างที่นายเคยบอกไง”
“นายนี่ทำให้ฉันแปลกใจอยู่เรื่อย เรื่องที่ลงสอบวิชาอักษรรูนโบราณนั่นก็ด้วย”
“ไหนๆ ฉันก็เรียนวิชานี้มานี้มานี่นา สอบเผื่อเอาไว้ก็ไม่แย่นัก แต่ผลออกมาคงจะไม่พ้นโทรลล์อยู่ดี” โทรลล์ (ท.) เป็นระดับต่ำสุดของผลการสอบซึ่งแยกออกเป็นหกระดับ สูงสุดคือเกินความคาดหมาย (ก.) ซึ่งเขาค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าตนเองทำข้อสอบวิชาอักษรรูนโบราณได้ไม่ดีนัก มันเป็นวิชาที่ยากเป็นอันดับต้นๆ ของโรงเรียนนี้เลย
“อย่าดูถูกตัวเองนักเลย” คนฟังหัวเราะ “มันทำเอาฉันอยากรู้ว่านายคุยกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลว่ายังไง”
ตลกดีที่ชานยอลเพิ่งจะมาถามเรื่องเทอมที่แล้วเอาตอนนี้ แต่นั่นก็เพราะทั้งคู่หลบลี้หนีหน้า รักษาระยะห่างต่อกันมานานหลายเดือน พอได้กลับมาคุยอย่างสนิทใจอีกครั้งจึงมีเรื่องถามไถ่และเล่าสู่กันฟังเต็มไปหมด จงอินชอบอดีตกัปตันที่เป็นแบบนี้ เขาสบายใจเสมอเมื่อได้พูดคุยกับอีกฝ่าย เว้นแต่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในสัปดาห์ที่แล้ว
ตาสีเข้มเหลือบมองริมฝีปากได้รูปของคนข้างตัว เขาจูบกับมันไปแล้วถึงสี่ครั้ง และอาจจะต้องมากกว่านี้อีกนับครั้งไม่ถ้วน
“เฮ้ มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง”
ร่างสีแทนสะดุ้งเบาๆ เมื่อมีปลายนิ้วแตะลงบนกลีบปาก ชานยอลเชยคางเขาพลางมองกลับด้วยสายตาวิบวาว ตอกย้ำสถานะของทั้งคู่ว่ามันเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร
“ฉันจูบนายตรงนี้ไม่ได้ นายก็รู้” เสียงทุ้มพูดเบาราวกระซิบ “แต่เชื่อเถอะว่าฉันอยากทำมัน... แทบบ้า”
จงอินยิ้มแกนๆ แล้วเบี่ยงใบหน้าออกจากมือของอีกคนอย่างละมุนละม่อม แน่ล่ะว่าความคิดในหัวเขามันไม่ใกล้เคียงกับการเชิญชวน แต่ชานยอลจะเข้าใจเช่นนั้นก็คงไม่ผิดนัก ในเมื่อตอนนี้พวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน มากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้องเช่นที่เคยเป็นมาตลอดเสียแล้ว
“เอาไว้นายสอบส.พ.บ.ส.เสร็จ เราค่อยไปเที่ยวฮอกส์มี้ดด้วยกันก่อนปิดเทอมก็ได้”
เขายื่นข้อเสนอ ได้ยินอย่างนั้นชานยอลก็แย้มยิ้ม กระชับเนกไทสีแดงสลับเหลืองของตนเองแล้ววางมือลงบนตำราปรุงยาขั้นสูง อากาศในวันนี้ทั้งเงียบสงบและเย็นสบาย ผิดกับหัวใจของนักเรียนใกล้จบที่กำลังจะก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวในอีกไม่นาน จงอินยังนึกภาพไม่ออกว่าถ้าปาร์คชานยอลสอบติดตำแหน่งมือปราบมารแล้วจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ตัดผมสั้นขึ้น ไว้หนวดเครา หรือพูดจากระโชกโฮกฮากเพราะติดมาจากการสอบสวนพวกทำผิดกฎหมาย
นัยน์ตาคมเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ครั้นมองตามกลับไม่เห็นอะไร บางครั้งบางคราวชานยอลก็มักจะแสดงมุมที่คาดไม่ถึงออกมาให้เห็น แต่จงอินคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับความอ่อนโยนของคนคนนี้เลยแม้แต่น้อย
“ดูอะไรอยู่”
“พวกเธสตรอลน่ะ” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ แต่คนฟังอย่างจงอินกลับมีสีหน้าสลดลงถนัดตา
เธสตรอลเป็นหนึ่งในสัตว์วิเศษที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมองเห็น ชานยอลบอกว่ามันเป็นม้าโครงกระดูกสีดำ มีปีก หน้าตาน่ากลัวแต่ว่าใจดีมาก ซึ่งจะสามารถเห็นมันได้ก็ต่อเมื่อเคยได้สัมผัสความตายมาแล้วเท่านั้น เขาไม่เคยรับรู้ถึงความสูญเสีย ผิดกับอีกฝ่ายที่เริ่มเห็นเธสตรอลเมื่อสามปีก่อน หลังการเสียชีวิตของพี่ชายเพียงคนเดียวในการปราบเหตุจลาจลที่ถูกก่อขึ้นโดยกลุ่มผู้วิเศษหัวรุนแรง
เขาเคยเห็นหน้าปาร์คชานอีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเข้าเรียนฮอกวอตส์ปีแรก พี่ชายเพียงคนเดียวของปาร์คชานยอลเป็นถึงพรีเฟ็คบ้านฮัฟเฟิลพัฟ อีกทั้งยังสอบติดมือปราบมารทันทีหลังเรียนจบ นี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ชานยอลตั้งใจจะเป็นมือปราบมารให้ได้เช่นเดียวกัน
“ลูคัสมาโน่นแล้ว” จงอินหันไปเห็นลูคัส ทิลและไอรีน เบที่เดินกะหนุงกะหนิงกันมาแต่ไกล เมื่อเพื่อนปีเจ็ดที่ชานยอลนัดเอาไว้มาถึง ก็ได้เวลาที่เขาจะเลิกอยู่กวนอดีตกัปตันทีมสักที “ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ ว่าที่มือปราบมาร”
“พอคำว่าตั้งใจอ่านหนังสือออกมาจากปากนายแล้วมันแปลกพิกล” ชานยอลแซว จบบทสนทนาของทั้งคู่ด้วยเสียงหัวเราะจนกระทั่งลูคัสกับไอรีนมาถึง “เฮ้ ลูคัส ไอรีน”
เขาทักทายสองรุ่นพี่แค่สั้นๆ แล้วเดินล้วงกระเป๋าจากมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อ ป่านนี้แทมกับคีย์คงกำลังอ่านวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นกริฟฟินดอร์ จะเหลือก็แต่คนว่างอย่างเขาที่ทำตัวเตร็ดเตร่ไปเรื่อยจนกว่าชั่วโมงเรียนในวันจันทร์จะมาถึงอีกครั้ง
อันที่จริงการคบกับปาร์คชานยอลก็ไม่แย่นัก ถึงกับห่างไกลความอึดอัดที่เขาเคยคาดการณ์เอาไว้ด้วยซ้ำ
ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของนักเรียนปีเจ็ด ระหว่างการสอบส.พ.บ.ส.นั้นจงอินไม่ได้พบชานยอลบ่อยนัก แต่ในเมื่อไม่มีปัญหาและความกลัวคอยกวนใจ เขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนัก เผลอๆ ผลการสอบว.พ.ร.ส.นี่ซีที่น่าเครียดเสียกว่า เพราะส่วนใหญ่แล้วเขาทำคะแนนได้แค่ระดับพอใช้ (พ) กับดีเยี่ยม (ด) จะมีก็แต่วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเท่านั้นที่พุ่งทะยานไปได้ถึงเกรดเกินความคาดหมาย (ก) และวิชาอักษรรูนโบราณที่เลวร้ายถึงขนาดได้เกรดแย่ (ย) มาครอง
ระหว่างที่เดินอิเลื่อยเฉื่อยแฉะหลังจากแวะคืนหนังสือที่ห้องสมุด สายตาก็สังเกตเห็นซองจดหมายตกอยู่บริเวณทางเดินชั้นสี่ ทีแรกคิมจงอินตั้งท่าจะเดินผ่านอย่างไม่แยแส แต่แล้วก็ต้องหยุดฝีเท้า ก้มตัวลงเพ่งมองให้ชัดเพื่อให้แน่ใจว่าชื่อที่เห็นอยู่บนจ่าหน้าไม่มีอะไรผิดพลาด
‘ถึง คิมจงอิน
สาสน์ท้าจากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร’
อย่างกับจดหมายปัญญาอ่อนของเด็กๆ เขาถอนหายใจ พยายามนึกว่านอกจากคู่ปรับอย่างโอเซฮุนแล้วเขายังสร้างศัตรูเอาไว้ที่ไหนบ้าง หากผิดคาดที่ด้านในซองซึ่งควรจะเป็นเนื้อหากลับว่างเปล่า จงอินขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วจึงล้วงหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาพลางพึมพำคาถาทั้งสายตาจ้องเขม็ง
“อะพาเรซีอุม”
หมึกล่องหนค่อยๆ ปรากฏร่องรอยของมันจนเห็นตัวอักษรได้ชัด หลังกวาดสายตาอ่านจนทั่วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่น รู้ในทันทีว่าใครเป็นคนเอาของพิเรนทร์พรรค์นี้มาหย่อนไว้โดยมั่นอกมั่นใจว่าเขาจะมาเจอ
‘หวังว่าจะไม่ลืมสัญญาที่เราเคยคุยกันไว้
คืนนี้ตอนห้าทุ่ม นักโทษไปรอรับผู้สอบสวนถึงที่’
มือสีแทนขยำกระดาษในมือจนยับยู่ ก่อนจะหันรีหันขวาง สอดส่องสายตาด้วยความแน่ใจว่าโอเซฮุนจะต้องอยู่ใกล้ๆ นี้ไม่ผิดแน่ ให้ตายเถอะเมอร์ลิน หมอนั่นคิดจะล่อเขาด้วยจดหมายพรรค์นี้จริงๆ หรือไง หรือมั่นใจนักว่าคนอย่างคิมจงอินจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ถึงได้ออกสาสน์ท้ารบแล้วประชดด้วยการเรียกว่าผู้สืบสวน
ห้าทุ่ม... เอาก็เอาซี — ให้มันรู้กันไปว่ากริฟฟินดอร์อย่างเขาไม่ได้กลัวสลิธีรินจนหัวหด!
“ฉันได้วิชาแปลงร่างแค่เกรดพ.! เกรดพ.เองนะ! ชีวิตฉันจบสิ้นแล้ว!”
คิมจงอินหันไปยิ้มแกนๆ ให้คีย์ที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาหา การต้องฟังแทมแสดงความหวาดกลัวเรื่องผลสอบว.พ.ร.ส.มาตั้งแต่เมื่อวานทำให้พวกเขาวางตัวไม่ถูกนัก อย่างไรจงอินก็ไม่คิดว่าคุณนายอีจะส่งจดหมายกัมปนาทเพียงแค่เพราะลูกตนเองสอบได้เกรดพอรับได้ (พ) หรอก อย่างน้อยแทมก็สอบผ่านทุกวิชา เห็นอย่างนี้แล้วไม่อยากนึกถึงอนาคตตนเองเลยว่าถ้าพ่อกับแม่เห็นเกรดแย่ในผลคะแนนของเขาแล้วจะเป็นอย่างไร
ชายหนุ่มเงยหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังหอนอน ตอนนี้สี่ทุ่มสี่สิบห้านาทีแล้ว ใกล้ถึงเวลานัดหมายในสาสน์ท้ารบเต็มที โอเซฮุน... หมอนั่นคิดจะมาไม้ไหนกับเขากันแน่ แล้วที่ว่ารอรับนั่นหมายถึงรอรับที่ไหน คิดมาตั้งแต่กลางวันแล้วยังข้องใจไม่หาย ไม่ใช่ว่าจะบุกเข้ามาในหอนอนกริฟฟินดอร์หรอกนะ
“มันไม่แย่อย่างนั้นหรอกน่า เลิกบ่นแล้วนอนซะ” คีย์เอ็ดแทม ส่วนจอห์น ดิอัลโล รูมเมตผิวสีขี้รำคาญตัดสินใจคลุมโปงนอนตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
“พวกนายเลิกส่งเสียงดังเถอะน่า ขืนจอห์นตื่นมาอีกรอบ คราวนี้ได้หูชากันจริงๆ แน่” เขาหยุดศึกไร้สาระนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาจริงได้สำเร็จ อันที่จริงจงอินหวังให้ทุกคนนอนเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะการต้องตอบคำถามถึงเหตุที่ต้องออกจากหอนอนตอนห้าทุ่มค่อนข้างเป็นเรื่องยาก เป็นที่รู้กันว่านักเรียนฮอกวอตส์ไม่นิยมออกไปไหนมาไหนตอนกลางดึก เพราะมันจะมีปัญหาถ้าพวกเขาเจออาจารย์หรือแม้แต่อาร์กัส ฟิลช์ก็ตาม ถ้ามีเหตุผลดีหน่อยก็คงถูกหักคะแนนบ้านไม่มาก แต่ถ้าเหตุผลนั้นฟังไม่ขึ้นละก็... (ขนลุกเกินจะเอ่ย)
กว่าจะแอบย่องออกมาเงียบๆ ได้ก็ปาเข้าไปห้าทุ่มสิบนาที จงอินไม่ใช่คนตรงเวลานักแต่เขาก็ไม่ชอบการไปสาย ห้องนั่งเล่นตอนนี้เงียบสงบ มีเพียงนักเรียนปีเจ็ดไม่กี่คนรวมกลุ่มกันอ่านหนังสือเงียบๆ หน้าเตาผิง หนึ่งในนั้นรวมถึงปาร์คชานยอลและลูคัส ทิลซึ่งไม่แม้แต่จะสังเกตเห็นสิ่งใดรอบตัว จงอินรู้ว่าการสอบส.พ.บ.ส.นั้นเครียดมาก มันตัดสินวิชาชีพในอนาคตของพ่อมดแม่มดที่เพิ่งเรียนจบ และหลายคนก็เป็นบ้าเพราะมันได้เลย
ในเมื่อไม่มีใครเห็นก็ดี จงอินไม่อยากตอบคำถามชานยอล ดังนั้นเขาจึงพาตนเองออกจากห้องนั่งเล่นของบ้านให้เงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้ แต่ทันทีที่ออกมาถึงด้านหน้า รูปภาพสุภาพสตรีอ้วนก็บ่นใส่เขาแทบจะทันทีที่หล่อนเห็นเด็กนอกคอกซึ่งทำท่าจะแอบไปไหนมาไหน
“เด็กก็อย่างนี้!” หล่อนแหว
จงอินทำหูทวนลมแล้วมองไปรอบๆ พลันสายตาก็หยุดลงที่ใครบางคนซึ่งกำลังยืนพิงกำแพงพลางมองนาฬิกาข้อมือด้วยสีหน้าตายซาก โอเซฮุนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกางเกงสีดำ ซึ่งดูเกินกว่าจะเป็นชุดนอนยามค่ำคืนของนักเรียนบ้านสลิธีริน แต่เหมือนใส่ออกไปเที่ยวฮอกส์มี้ดให้ฤดูใบไม้ผลิอย่างไรอย่างนั้น
แต่พอหันมาเห็นเขา อีกฝ่ายก็แย้มยิ้มน่ารังเกียจราวกับช่วงเวลาแห่งความน่าเบื่อได้หมดลงแล้ว
“นายมาสาย”
“ฉันยื้อเวลาให้ฟิลช์มาเจอนายไงเล่า สลิธีรินจะได้ถูกตัดคะแนนสักสิบยี่สิบแต้ม” เขาตอบปัด ไม่มีความจำเป็นจะต้องยอมรับผิดกับคนคุกคามเก่งอย่างหมอนี่หรอก
ลองย้อนเวลากลับไปสักเทอมที่แล้ว คิมจงอินคงนึกภาพแทบไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะมีวันที่เขายอมออกมาตามนัดในจดหมายของคู่ปรับหมอนี่ ไม่ใช่เพราะทั้งคู่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกันมากขึ้น สนิทกันมากขึ้นหรืออะไรประมาณนั้นหรอก แต่น่าจะเป็นเพราะจงอินจริงจังกับการเกลียดขี้หน้าคุณชายตระกูลโอมากขึ้นจนยอมพาตนเองมาสู่หลุมกับดักนี้ต่างหาก
เซฮุนผิวปาก “ฉันจะกลับในอีกสองนาทีอยู่แล้ว แต่นายทำให้หัวใจฉันพองโตมากทีเดียว”
“สะอิดสะเอียน” จงอินเสมองกำแพงทั้งสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“ทุกครั้งที่นายสบถอย่างนั้น มันก็แค่โกหกให้เร้าใจเท่านั้นแหละที่รัก” คนน่าสะอิดสะเอียนหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี พวกเขาไม่ควรจะอยู่ตรงทางเดินนานนัก เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าต้องเจอคุณนายนอริสหรือแม้แต่นายของมัน “ถ้าฉันเป็นนายละก็ คงไม่ยอมมาตามนัดง่ายๆ หรอก”
“เลิกเรียกฉันว่าที่รัก...! แล้วที่ฉันยอมมาตามจดหมายนั่นก็เพราะถูกท้าทายต่างหาก” เขาโต้ด้วยเสียงลอดไรฟัน ถ้าไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าในห้องต้องประสงค์มีอะไรสำคัญถึงขนาดที่หมอนี่ต้องทำลับๆ ล่อๆ ละก็ จ้างด้วยทองเกลเลียนยังไม่อยากมาด้วยซ้ำ!
“ตกลง แล้วคืนนี้เราจะทำอะไรกันดี?”
เซฮุนสาวเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว ตาวาววับจับจ้องมองกัปตันทีมควิดดิชคนปัจจุบันของบ้านกริฟฟินดอร์ความสนอกสนใจ อันที่จริงก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าอะไรที่ทำให้จงอินแสดงความสงสัยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจนัก เพราะนับตั้งแต่กลับมาจากบ้านที่กริมโมลด์เพลส สิ่งเดียวที่ผิดแผกไปจากชีวิตประจำวันก่อนหน้านี้ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“ห้องต้องประสงค์” จงอินพูด มือสีแทนยกขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิดขณะกดสายตามองต่ำลงไปยังปลายเท้าของตนเอง ไม่ค่อยมีใครในฮอกวอตส์ที่รู้เรื่องห้องต้องประสงค์ดีนัก เขาอยากสำรวจมันให้ครบทุกซอกทุกมุม
“...”
“ฉันต้องการตรวจสอบว่านายซ่อนอะไรไว้ในนั้—”
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง คิมจงอินก็พบว่านัยน์ตาของโอเซฮุนนั้นอยู่ใกล้เขามากเหลือเกิน ก่อนจะทันได้ปริปากสบถอะไร ริมฝีปากอีกฝ่ายก็ประกบลงมาจนแนบสนิท มือขาวซีดบิคางให้ปากอ้ากว้าง สอดปลายลิ้นเข้ารุกล้ำด้วยความจาบจ้วงหลังจากห่างหายกันไปหลายสัปดาห์
เซฮุนใช้มืออีกข้างจับล็อกข้อมือเขาเอาไว้ และถึงแม้จะใช้มือข้างที่ว่างประท้วงผลักหมอนี่ออกก็ไม่เป็นผลสักเท่าไรนัก ฉวยโอกาส! เจ้าคนน่ารังเกียจฉวยโอกาสทำเรื่องพรรค์นี้อีกแล้ว
ทันทีที่คนตรงหน้ายอมให้เขาผละริมฝีปากออก จงอินก็หอบหายใจจนตัวโยน
“ไอ้ —”
“ค่าเข้าไง” คุณชายสลิธีรินว่า “ฉันจะพานายเข้าห้องต้องประสงค์ตอนนี้เลย”
เขาผลักอีกฝ่ายออก ปล่อยให้เดินนำไปยังกำแพงเปล่าจุดเดียวกับที่เคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว เซฮุนเดินไปเดินมาเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด จงอินนับได้สามรอบ เดาว่าคงเป็นวิธีใช้ห้องประสงค์ไม่ผิดแน่ เพราะหลังจากนั้นบนกำแพงก็ค่อยๆ ปรากฏประตูแบบสองบานเปิด เซฮุนผลักมันเข้าไปอย่างไม่อิดออด อีกทั้งยังยื่นมาเชิญชวนให้เขาตามเข้าไปโดยไร้ซึ่งความหวั่นใจใดๆ ทางสีหน้า
“จะไม่เข้าหรือ” เจ้างูน่ารังเกียจเอียงคอถาม มาถึงตรงนี้แล้ว ขืนไม่ยอมเข้าไปคงมีหวังโดนดูถูกตลอดชีวิตแน่ๆ อย่างไรคิมจงอินก็เป็นคนท้าเองกับปากว่าจะจับผิดให้ได้ เช่นนั้นเขาจึงเดินชนไหล่คนตรงหน้าเข้าไป หวังจะเห็นห้องหนังสือเดียวกันให้ชัดเต็มตา
จากนั้นโอเซฮุนจึงค่อยๆ ดึงบานประตูปิด ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มขณะมองตรงไปยังทางเดินข้างหน้า ใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ในเงามืด จ้องเขม็งมายังประตูห้องประสงค์ราวกับจะทำลายมันให้สิ้นด้วยไฟสุมอก
ดวงตาสีรัตติกาลเย็นเยียบสบมองอดีตกัปตันทีมบ้านสิงโต เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเชสเซอร์ที่คุ้นเคยแต่กับลูกควัฟเฟิลไร้ชีวิตอย่างปาร์คชานยอล คงไล่จับลูกสนิชไม่เก่งสักเท่าไรนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นสนิชสีแดงแสนพยศด้วยแล้ว — มีแต่ต้องใช้เล่ห์กลเพื่อให้ได้มันมาก็เท่านั้น
ปาร์คชานยอลกุมขมับ เรือนผมสีเข้มยุ่งเหยิงขณะเล่นเกมถาม-ตอบวิชาปรุงยาขั้นสูงร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นปีอีกห้าคน โจทย์ของไอรีน เบคือสัจจะเซรุ่ม น้ำยาจับเท็จชนิดรุนแรงซึ่งถูกบังคับใช้ภายใต้กฎของกระทรวงเวทมนตร์ ส่วนผสมคือปลิงสามตัว ขนยูนิคอร์นสองขีด ขนนกฟินิกซ์สามขีด หญ้าน้ำประสานสามขีด ผงเขี้ยวมังกรหนึ่งขีด ผงเขาไบคอร์นหนึ่งขีด ใบแอนซิโรล์สามขีด และ...
“ตาปักเป้าสามอัน!” ลูคัสโพล่งขึ้น ทำเอาไอรีนยิ้มกว้างที่แฟนหนุ่มของเธอห่างไกลกับคำว่าหัวขี้เลื่อยมากมายนัก
“เฮ้ นี่ยังไม่ครบอีกหรือ” จอร์จ เอกาน่าถาม
“ยังขาดอีกอย่างหนึ่งต่างหาก เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะไม่ข้ามข้อไหนๆ ไปจนกว่าพวกเธอจะตอบส่วนผสมได้ครบ”
“ส่วนผสมเยอะกว่าน้ำยาตายทั้งเป็นเท่าตัว” ลูคัสโอด ถึงรู้วิธีปรุงได้แม่นยำ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะมีสิทธิ์ใช้มันพร่ำเพรื่อเสียเมื่อไร ขณะที่พยายามนึกส่วนผสมสุดท้ายให้ออกเพื่อจะได้ผ่านโจทย์ของไอรีนไปไวๆ นั้น ตาสีฟ้าก็เหลือบไปเห็นคิมจงอินที่กำลังทำลับๆ ล่อๆ ขณะแทรกตัวออกจากประตูห้องนั่งเล่นของบ้าน ลูคัสใช้ศอกสะกิดชานยอลแล้วพยักพเยิดไปทางด้านหลังรูปสุภาพสตรีอ้วน เมื่อเห็นภาพเดียวกันนั้น อดีตกัปตันทีมควิดดิชก็เลิกคิ้วแปลกใจ ก่อนจะวางหนังสือแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“นี่ ชานยอล เธอจะไปไหน”
“เดี๋ยวฉันมา” ชานยอลพาตัวออกห่างโซฟาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ลืมจะหันกลับมาหากลุ่มเพื่อนทั้งรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งนึกออกเมื่อกี้นี้ เอ่อ... คราบงูเขียวบูมสะแลงสองอัน?”
เขาชกหมัดกับลูคัสกลางอากาศ ก่อนจะโน้มศีรษะรับเสียงปรบมือของเพื่อนๆ ทั้งรอยยิ้ม เอาล่ะ ในเมื่อแก้ปริศนาสัจจะเซรุ่มได้แล้ว คราวนี้ลองตามไปดูซิว่าเจ้าตัวดีแอบออกไปทำอะไรนอกหอนอนดึกๆ ดื่นๆ ป่านนี้
ชานยอลใช้นิ้วแตะปากตนเองเพื่อขอร้องให้สุภาพสตรีอ้วนยอมรักษาความสงบเงียบกลางดึก แหงล่ะ ถ้าคนขอร้องเป็นกัปตันทีมสุดหล่อที่ไม่เคยจำรหัสของหล่อนผิดแล้วล่ะก็ มีเหตุผลอะไรที่หญิงสาวในรูปภาพประจำบ้านกริฟฟินดอร์จะต้องเอ็ดตะโรขึ้นมาด้วยเล่า หากสาวเท้าออกห่างจากทางเข้าหอพักของตนแค่ไม่กี่ก้าว ชายหนุ่มตัวสูงก็จำต้องชะงักหยุด
แผ่นหลังตรงหน้าคือคิมจงอินไม่ผิดแน่ แต่บอกตามตรงว่าค่อนข้างแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นว่าคู่สนทนาของจงอินก็คือซีกเกอร์บ้านสลิธีรินอย่างโอเซฮุน ใครๆ ต่างก็รู้ว่าสองคนนี้เป็นคู่ปรับตัวฉกาจที่พร้อมจะมีเรื่องกันได้ทุกเมื่อ เขายังจำการแข่งขันควิดดิชนัดแรกของปีนี้ได้อยู่เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง คนที่เกลียดขี้หน้ากันถึงขนาดปล่อยให้ตกจากไม้กวาดแขนหักไปต่อหน้าต่อตา จะมีเรื่องอะไรถึงได้นัดคุยกันดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้
ปาร์คชานยอลค่อนข้างแน่ใจว่าอีกเดี๋ยวเขาคงได้เข้าไปช่วยห้ามทัพ ถ้าไม่เพียงแต่ดวงตาเย็นเยียบของโอเซฮุนจะบังเอิญหันมาเห็นคนที่ยืนตรงนี้อย่างพอดิบพอดี พอถูกเจอแล้วชานยอลก็กระดากจะยืนแอบมองต่อ เขารู้ว่าตนเองควรแสดงตัวและเอ่ยทัก สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่มารยาทที่ดีเลย
“...”
อดีตกัปตันหนุ่มหยุดทุกคำพูดไว้ในลำคอตนเองทั้งหมด รวมถึงมือที่ยกขึ้นกำลังจะโบกทักทายนี่ก็ด้วย สาบานได้ว่าเขาอยากให้ภาพที่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้าตอนนี้เป็นเพียงแค่กลโกงแสนสกปรกของบ็อกการ์ต มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คิมจงอินจะ...
โอเซฮุนยังคงมองมาทางเขาไม่วางตา ขณะเอียงองศา ปรับใบหน้าให้จูบกับซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์ได้ถนัดถนี่ เห็นดังนั้นสองขาของเขาก็แข็งทื่อ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงใดๆ ที่จะตรงเข้าไปและกระชากแยกทั้งคู่ออกจากกัน
และถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจงอินจะผลักออก แต่ชานยอลก็ไม่เห็นว่ามีการกระทำใดที่ใกล้เคียงกับการต่อต้าน สองคนนั้นคุยกันอีกเพียงไม่กี่ประโยคแล้วว่าที่คนรักก็เดินตามอีกฝ่ายไปอย่างว่าง่าย เขาไม่ได้ก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่ ทั้งที่ในอกมันปวดแปลบจวนเจียนจะคลั่งตายอยู่รอมร่อ
เขาอยากเดินเข้าไปดึงจงอินกลับมา ต่อยหน้าโอเซฮุนแรงๆ สักที แต่ก็ทำได้เพียงกำหมัดแน่นแล้วมองดูจงอินค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องต้องประสงค์ที่แทบไม่มีใครรู้ตำแหน่งของมันด้วยซ้ำ คิมจงอินรู้จักสถานที่ลับขนาดนี้ได้อย่างไร แล้วไหนจะใช้มันกับคนที่บอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา แต่กลับไม่มีทีท่ารังเกียจเช่นที่เคยแสดงออกมาเมื่อหลายเดือนก่อน
ตาสีเข้มมองตอบโอเซฮุนที่แม้จะอยู่ไกลจนแทบไม่เห็นสีหน้าได้ชัด แต่หมอนั่นกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ ยิ้มในแบบที่ปาร์คชานยอลไม่สามารถห้ามจิตใจสกปรกของตนเองไม่ให้คิดไปในทางหยาบช้าได้ยากเหลือเกิน
ไหล่กว้างสั่นเทา เล็บจิกลึกลงไปในฝ่ามือจนแทบทะลุ แม้แต่ดวงตาที่ยังมองค้างอยู่ตรงกำแพงว่างเปล่าก็ร้อนและพร่ามัวจนไม่เห็นสิ่งใดชัดเจนอีกแล้ว นอกจากการตายของพี่ชายในสายเลือดเมื่อสามปีก่อน นี่เป็นอีกครั้งที่ชานยอลรู้สึกว่าตนเองช่างอ่อนแอเหลือเกิน
ลูกสนิชที่บินเข้ามาหาผู้เล่นด้วยตัวเอง — มันไม่มีอยู่จริงหรอก
“เฮ้ นี่มันไม่ใช่ —”
เมื่อหันกลับไปทางประตู เขาเห็นโอเซฮุนยืนกอดอกเลิกคิ้วทำหน้ากวนประสาทขณะเอนตัวพิงผนังสีครีมสบายใจเฉิบ จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายยอมให้เขาเข้ามาในห้องต้องประสงค์ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ลับอะไรสักอย่าง แต่ในความทรงจำของคิมจงอินแล้ว มันควรจะต้องมีลักษณะเหมือนห้องหนังสือทะมึนๆ ใช้ไฟจากเชิงเทียน แล้วโซฟาก็... ไม่น่าจะบุผ้าสีน้ำตาลปักดิ้นทองหรูหราขนาดนี้!
พื้นไม้ปาร์เกต์ถูกปูด้วยพรมปักเล่าเรื่องสกินวอล์กเกอร์ในตำนานเวทมนตร์พื้นเมืองของอเมริกัน ตะเกียงถูกจุดให้แสงสว่างจนทั้งห้องเป็นสีส้มอุ่นๆ ของตกแต่งและตู้หนังสือต่างๆ ล้วนสลักลายวิจิตร ดูเหมือนห้องนั่งเล่นบ้านมหาเศรษฐีในชุมชนผู้วิเศษอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่ใช่อะไรหรือ” เซฮุนเลิกคิ้วถาม
“ไม่ใช่ห้องที่ฉันเคยเห็น”
“แล้วห้องที่นายเคยเห็นเป็นแบบไหนล่ะ” เจ้าชายสลิธีรินผ่านหน้าเขาไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาเอกเขนก บนโต๊ะรับแขกมีแม้กระทั่งชุดน้ำชาแบบอังกฤษร้อนๆ และแก้วกระเบื้องเคลือบขอบทอง เซฮุนรินมันสำหรับสองที่ ก่อนจะผายมือเชิญให้เขานั่งลงอย่างพวกชนชั้นสูง
“นายใช้ห้องนี้เพื่อทำอะไรกันแน่” จงอินยอมเปิดปากถามตามตรง อนึ่ง เขายอมแพ้แล้วว่าตนเองไม่รู้จักลักษณะใดๆ ของห้องประสงค์เลยแม้แต่น้อย ที่เคยได้ยินมาก็มีเพียงแค่ผิวเผิน ทั้งที่จริงแล้วมันคงจะประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายตามแต่ใจผู้เปิดห้อง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น... อย่าว่าแต่จะจับให้ได้ไล่ให้ทันเลย ลำพังจะระแคะระคายเกี่ยวกับสิ่งที่หมอนี่ทำอยู่บ้างยังเป็นไปไม่ได้เลย
“อืม...” เซฮุนทำสีหน้าครุ่นคิดขณะจิบชาร้อนๆ “ฉันอยากได้ที่บรรยากาศดีๆ คิดหาวิธีเอาชนะใจนาย”
“...” จงอินอ้าปากพะงาบ “ปีศาจเป็นพยาน ขนลุกจนอยากจะอ้วก”
คนพูดได้แต่หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบรับ หากวันไหนจงอินเก้อเขินกับคำพูดแทะโลมพวกนี้ ปลาหมึกยักษ์ในทะเลสาบคงจะเดินขึ้นมาเต้นระบำในสนามควิดดิชได้เลยกระมัง
“ถ้าอยากรู้ว่าฉันกำลังทำอะไร นายก็ควรจะเรียนรู้โอเซฮุนเอาไว้ให้มากนะ”
“ปัญหาก็คือฉันไม่ได้อยากรู้จักคนแบบนาย” ซีกเกอร์บ้านสิงโตเอ่ยค้านเสียงแข็ง “ให้ตายซี นี่มันเสียเวลาจริงๆ ที่ฉันต้องการจะเห็นน่ะ...”
“มันก็คุ้มไม่ใช่หรือ” คนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพูดขัดเสียงเรียบ “ครั้งนี้ถือว่าฉันสอนวิธีเข้าห้องต้องประสงค์ให้นาย”
“...” คิมจงอินชักจะสับสนเข้าไปทุกทีแล้วว่าเจ้าคนน่ารังเกียจแค่อยากกวนประสาทหรือล่อเข้ามาเพื่อจะทำร้ายกันเหมือนอย่างครั้งก่อนๆ
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” ราวกับอ่านเขาออกทันทีทันใด
“มันแปลกตั้งแต่ที่นายท้าทายฉันแล้ว” คิมจงอินน่าจะคิดได้ว่าถึงอีกฝ่ายจะดูถูกตนเพียงไร แต่โอเซฮุนไม่มีทางยืนปลดอาวุธ กางแขนขาให้ตรวจสอบทุกซอกทุกมุมอย่างที่พูดเอาไว้แน่ๆ หมอนี่มันก็แค่คนกลับกลอก ชั่วร้าย ทำตัวเป็นเลือดบริสุทธิ์สูงส่งกว่าใครก็เท่านั้น “ทำไมถึงได้ยอมบอกเรื่องห้องนี้ง่ายๆ”
โอเซฮุนวางแก้วชาในมือลงบนโต๊ะแผ่วเบา ริมฝีปากเคลือบรอยยิ้มบางชนิดที่จงอินดูไม่ออกสักนิดว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่
“บางที... ฉันคงอยากให้นายรีบจับฉันได้ไวๆ”
เขาแค่นยิ้มหยัน “แน่นอนว่าฉันจะทำแน่ ตั้งตารอไว้ได้เลย”
“ตั้งสมาธิถึงความต้องการของนายแล้วเดินวนทั้งหมดสามรอบ หากห้องตอบสนองความต้องการแล้วล่ะก็ ประตูจะปรากฏขึ้นเหมือนอย่างที่นายเห็นในวันนี้”
เจ้าชายสลิธีรินบอกวิธีใช้ห้องกับเขาด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน จากที่แปลกอยู่แล้วก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ เขาแน่ใจว่าเซฮุนอาจต้องการอะไรบางอย่าง... อะไรที่มากเกินกว่าค่าตอบแทนที่คิมจงอินจะนึกถึง อย่างเช่นถ้าอิงกับประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา — สิ่งนั้นจะต้องแย่อย่างหาที่สุดไม่ได้
“แน่นอนว่าฉันไม่ได้บอกนายฟรีๆ หรอกนะ”
นั่นปะไร!
“ฉันจะกลับ” เขาพูดลอดไรฟัน มือเอื้อมไปจับไม้กายสิทธิ์ที่เสียบอยู่ด้านหลังเตรียมพร้อมระวังภัย หากหมอนี่ทำท่าจะเล่นตุกติกแม้แต่นิดเดียวละก็ เขาจะสาปให้โอเซฮุนมีน้ำหนองไหลไม่หยุดจนถึงพรุ่งนี้เช้าแน่
“ฉันคิดว่านั่นไม่ใช่นิสัยของเด็กบ้านกริฟฟินดอร์หรอกจริงไหม” เซฮุนเอนตัวพิงพนักโซฟา มือยังคงวางประสานอยู่บนหน้าตักขณะใช้สายตามองตรงมาอย่างกดดัน
“ถึงพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ผลหรอก ฉันไม่มีทางไว้ใจนาย”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ควรฟังข้อแลกเปลี่ยนของฉันก่อนจะออกไป”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหมอนี่เอาแต่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาหรือว่าลงสอบว.พ.ร.ส.ครบทุกวิชากันแน่ นัยน์ตาสีดำสนิทถึงได้แสดงอาการเหนื่อยอ่อนออกมาอย่างไม่ปิดบังเช่นนั้น จงอินคิดว่านี่คงเป็นกลลวง หลอกให้เขาตายใจแล้วฉวยโอกาสข่มเหงศักดิ์ศรีกันเหมือนอย่างที่ทำมาตลอด ตั้งแต่เรื่องที่เกิดในคืนงานพร็อม เขาก็ไม่คิดว่าจะมีวันใดที่ตนรู้สึกดีกับคนพรรค์นี้ได้มากขึ้น
คืนนี้เริ่มต้นด้วยการที่เจ้าบ้านี่ยืนรอเขาใกล้กับทางเข้าหอพักกริฟฟินดอร์โดยไม่กลัวว่าอาร์กัส ฟิลช์จะมาเจอ จากนั้นก็กวนประสาท แล้วฉวยโอกาสด้วยจูบแย่ๆ ไม่ต่างจากตอนอยู่ในห้องเก็บไม้กวาด แต่หลังจากที่นั่งลงบนโซฟาตัวนั้น โอเซฮุนก็ไม่มีทีท่าว่าจะทำอะไรมากไปกว่านั่งเฉยๆ และพูดคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมากว่าทุกที
เมื่อเห็นคิมจงอินนิ่งไป เซฮุนก็ฉีกกลีบปากวาดเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง
“แค่นั่งคุยกัน... ดีๆ สักครั้ง”
เขาอยากร้องตอบว่า ไม่มีทาง! การนั่งคุยดีๆ มันเป็นไปไม่ได้และไม่มีวันที่จะเป็นไปได้ด้วย
“จะใช้ไม้กายสิทธิ์นั่นชี้หน้าฉันเอาไว้ก็ได้ ถ้านายต้องการ”
จงอินกลืนน้ำลายลงคอ การยอมเชื่อโอเซฮุนนั้นเหมือนทำตนเองเป็นไข่ด๊อกซี่ให้ตัวโบวทรัคเกิลกระโจนใส่ก็ไม่ปาน แต่จะมีสักกี่ครั้งเล่าที่หมอนี่ยอมอ้อนวอนขอร้องเขาทางสายตา มิหนำซ้ำยังจะได้เล็งไม้กายสิทธิ์ใส่หน้า จินตนาการไปต่างๆ นานาว่าได้สาปให้เจ้าชายสลิธีรินน่าเกลียดเหลือทน — ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องใจอ่อน จะคุยกับหมอนี่ให้ได้อะไรขึ้นมา
“ขอปฏิเสธ” จงอินตอบปัด “ฉันเกลียดนาย แล้วทำไมต้องนั่งคุยให้เสียอารมณ์ด้วย”
เขาเปิดประตูออกมาโดยไม่สนใจคนในห้องอีก ครั้นหันไปมองอีกทีก็พบว่าประตูบนผนังค่อยๆ หายไปเสียแล้ว ซีกเกอร์หนุ่มเสียบไม้กายสิทธิ์เก็บที่ขอบกางเกงตามเดิม เมื่อครู่นี้หมอนั่นเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ทำตัวแปลกเสียจนเป็นคนละคนกับที่เขาเกลียดขี้หน้ามาตลอดห้าปีอย่างไรอย่างนั้น แล้วที่บอกวิธีใช้ห้องต้องประสงค์ก็ต้องมีตื้นลึกหนาบางอะไรแน่ ไม่อย่างนั้นใครมันจะเผยความลับให้กันง่ายๆ อย่างนี้เล่า
“ฉันนึกว่าวันนี้เราจะไปเที่ยวฮอกส์มี้ดส่งท้ายกันเสียอีก”
คิมจงอินหยิบผ้าพันคอสีแดงสลับเหลืองขึ้นจากพื้น ก่อนจะโยนไปรวมกับกองเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ที่ปาร์คชานยอลกำลังจัดเก็บใส่กระเป๋า เผลอๆ ก็เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงเดือนสำหรับการเป็นนักเรียนฮอกวอตส์แล้ว ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเก็บข้าวของ เลี้ยงอำลากับรุ่นน้องคนสนิทและสมาชิกทีมควิดดิช เขาก็ยิ่งใจหายจนไม่รู้จะพูดบอกออกไปอย่างไร
ชานยอลหัวเราะเบาๆ แล้วยัดเสื้อยืดวงเดอะจังเกิ้ลน็อกเก็บเป็นตัวต่อไป ที่ยังแขวนอยู่ข้างนอกแทบจะเหลือแค่ชุดนักเรียนและชุดไปรเวตตัวที่ใส่บ่อยๆ เท่านั้น
“ขอโทษทีที่ฉันไม่ค่อยสบาย”
“เอาเถอะ ฉันรู้ว่านายอดหลับอดนอนน่าดูตอนสอบส.พ.บ.ส.” จงอินโบกมือปัดๆ อย่างไรสัปดาห์หน้าก็ยังมีอยู่ หลังสอบแบบนี้ในฮอกส์มี้ดคงคนแน่นขนัด เอาไว้ไปตอนที่เดินสบายคงสนุกกว่าเป็นไหนๆ “ผลสอบจะมาถึงเมื่อไรหรือ”
เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น การจะเป็นมือปราบมารได้นั้นต้องลงสอบส.พ.บ.ส.ไม่ต่ำกว่าห้าวิชา อีกทั้งยังต้องได้เกรดเกินความคาดหมายทั้งหมด ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากเกินความใฝ่ฝันของนักเรียนหลายๆ คน การทำงานในกระทรวงเวทมนตร์เต็มไปด้วยเกียรติก็จริง แต่เอาเข้าจริงแล้วภายในองค์กรนั้นก็มีอีกหลายระดับ ชื่อหน่วยงานที่สังกัดต่างหากจึงจะวัดได้ว่ามีคนนับหน้าถือตามากแค่ไหน
“อาจจะเป็นมะรืนนี้” ชานยอลตอบ
เท่าที่รู้คือชานยอลลงสอบทั้งสิ้นเจ็ดวิชา อันได้แก่ ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด เวทมนตร์คาถา แปลงร่าง ปรุงยา สมุนไพรศาสตร์ การดูแลสัตว์วิเศษ และมักเกิ้ลศึกษา สี่วิชาแรกจัดว่าเป็นภาคบังคับสำหรับการเป็นมือปราบมาร ส่วนอีกสามวิชานั้น ชานยอลบอกว่ามันน่าจะมีประโยชน์ต่อวิชาชีพไม่มากก็น้อย
วันนี้อีกฝ่ายเงียบกว่าปกติ อันที่จริงก็เหมือนจะเป็นแบบนี้มาสักพัก ซึ่งคงเป็นผลมาจากความเครียดทั้งนั้น
“เฮ้ อยากให้ฉันเลิกกวนนายหรือเปล่า” จงอินหยั่งเชิง ตอนนี้ในหอนอนของชานยอลไม่มีใครอยู่ ทั้งลูคัสและรูมเมตอีกสองคนต่างก็ออกไปเที่ยวฮอกส์มี้ดส่งท้าย เพราะอย่างนั้นเขาถึงมานั่งเล่นในห้องของพวกปีเจ็ดได้สบายๆ โดยไม่ต้องวางตัวเป็นรุ่นน้องที่แสนดีนัก และบางทีอดีตกัปตันเองก็อยากจะนอนพักผ่อนแบบขี้เกียจๆ ก็ได้
“ไม่เป็นไร” คนตัวสูงตอบแค่นั้น ความสนใจยังง่วนอยู่กับการเก็บของไม่ละไปไหน
พอเจอบรรยากาศอย่างนี้ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเสียฉิบ จงอินค่อยๆ เอนตัวลงนอนเอกเขนก เตียงของชานยอลมีกลิ่นวานิลลาอ่อนๆ ที่ชวนให้คิดถึงบัตเตอร์เบียร์รสเด็ดของมาดามโรสเมอร์ทาจากร้านไม้กวาดสามอัน เขาปิดเปลือกตาลง เงี่ยหูฟังเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ทางด้านนอก ฤดูร้อนมักจะทำให้รู้สึกอ่อนเพลียง่ายกว่าปกติ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งที่จะนอนกลางวันโง่ๆ และไม่ต้องคิดอะไรไปพักใหญ่ๆ
ถ้าชานยอลเปลี่ยนใจอยากไปไหนละก็คงปลุกเองนั่นแหละ
ไม่รู้ว่าเผลองีบไปนานเท่าไร อาจจะสิบห้านาที ครึ่งชั่วโมง หรือว่านานกว่านั้นไม่มาก หากพอลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เขากลับเห็นว่าโลกมืดลงเพราะเงาสูงใหญ่ที่ทาบทับลงมาจนภาพยอดไม้ตรงหน้าต่างหายไป จงอินจำลายเสื้ออดีตกัปตันทีมได้ดี เสื้อยืดสีดำปักตัวอักษรนอร์วีเจียนคือหนึ่งในชุดโปรดของชานยอล แต่ยังไม่ทันจะเปิดปากพูดอะไร ร่างสูงโปร่งก็โน้มใบหน้าลงมาใกล้แล้วจูบเขาท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบกลางฤดูร้อน
จงอินไม่ชอบตนเองที่เริ่มชินกับจูบของผู้ชาย ถึงอย่างนั้นเขาก็อ้าปากรับและปล่อยให้ลิ้นชื้นเกี่ยวกระหวัดอยู่ในโพรงปาก ไล่ต้อนตรงนั้นทีตรงนี้ทีจนไม่รู้จะพักลิ้นตนเองหนีไว้ตรงไหน คราวนี้ชานยอลจูบนานเป็นพิเศษ นานจนเขาเริ่มหายใจไม่ออกจนต้องส่งเสียงในลำคอประท้วงเบาๆ ให้ไว้ชีวิตกันบ้าง
และในจูบครั้งที่สองนั่นเองที่ชานยอลรุนแรงขึ้น จากท่านั่งขอบเตียงก็กลายเป็นขยับขึ้นมาคร่อมทับ แทรกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขาจนชายหนุ่มตกอยู่ใต้วงแขนแกร่งโดยสมบูรณ์ กลีบปากก็ทั้งดูดดึง ขบเม้ม แล้วยังประสานมือหนึ่งเข้ากับเขาและกระชับเอาไว้แน่น ลมหายใจจงอินเริ่มขาดห้วง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีสัมผัสอุ่นๆ เลื่อนล้วงเข้ามาใต้ชายเสื้อ จับไล่จากเอวของเขาขึ้นไปจนถึงแผ่นอก
“ชานยอล?” ซีกเกอร์หนุ่มเบี่ยงริมฝีปากหนีเพื่อให้คนข้างบนหยุดจูบ ตาพยายามเพ่งใบหน้าที่อยู่ใกล้สายตาจนมองได้ไม่ชัด “ปาร์คชานยอล”
แทนที่จะผละออกหลังถูกเรียกชื่อเต็ม คราวนี้อดีตกัปตันฝังใบหน้าลงกับซอกคอเขา ทั้งกัด ทั้งเลียจนคนถูกกระทำสะท้านไปทั้งร่าง คิมจงอินไม่เคยทำอะไรที่มากกว่าจูบมาก่อน ดังนั้นเมื่อมีมือปะป่ายอยู่บนผิวกายใต้อาภรณ์ หัวใจมันก็ร้อนรนขึ้นมาอย่างทนไม่ได้
“หยุดก่อน จะทำอะไรของนายเนี่ย...!?”
เขาใช้มือข้างที่ว่างจับใบหน้าอีกฝ่ายหวังจะดันออก หากกลายเป็นแค่การกระตุ้นชานยอลให้เลื่อนริมฝีปากลงต่ำ ดูดเม้มยอดอกจนทำเอาเขาหายใจติดขัดเพราะความรู้สึกแปลกๆ ที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ยิ่งพอลิ้นนั้นลากลงต่ำ จงอินก็เกร็งจนแทบไม่กล้าขยับ ไม่กล้าแม้แต่จะเหวี่ยงหมัดแรงๆ ใส่ศีรษะอีกฝ่ายทั้งที่อยากห้ามให้หยุดก่อนจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
มือใหญ่ปลดกระดุมกางเกงเขา เลียลิ้นหยอกล้อยอดอกอีกครั้งก่อนจะหยัดตัวขึ้นคุกเข่าแล้วถอดเสื้อสีดำออกจนท่อนบนเปลือยเปล่า กล้ามเนื้อสมส่วนอย่างนักกีฬานั้นไม่ได้ทำให้จงอินหายใจติดขัดเท่ากับสีหน้าในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันราบเรียบ ร้อนแรง ขัดแย้ง แต่ก็แฝงความเย็นชาอย่างประหลาด ชานยอลเหมือนเป็นชานยอลที่เขาไม่รู้จัก เป็นปาร์คชานยอลที่ทำให้เขาทั้งรู้สึกหวั่นเกรงและอยากถอยห่างในคราวเดียวกัน
คนข้างบนโน้มตัวลงบดขยี้ริมฝีปากเขาอย่างเอาแต่ใจยิ่งกว่าเก่า ดูดเอาลมหายใจและสติสัมปชัญญะให้ค่อยๆ เลือนรางอย่างช้าๆ มือสองข้างเป็นอิสระ แต่ทั้งเรี่ยวแรงและความกล้าที่จะผลักออกกลับหายไปเสียสิ้น ทุกครั้งที่ชานยอลแตะลิ้นลงบนร่างกาย เขาจะสั่นเทิ้มและควบคุมตนเองแทบไม่อยู่ จงอินไม่รู้ว่าควรหยุดสถานการณ์ในตอนนี้หรือไม่ และหยุดอย่างไรจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ชาน... ยอล...”
“ยังไม่ชินอีกหรือ” เสียงทุ้มสวนขึ้น แหวกคอเสื้อแล้วขบฟันลงบนต้นคอเขาจนปวดแปลบไปหมด “ก่อนหน้านี้นายไม่เห็นจะดูเป็นอย่างนี้เลย”
พูดจบชานยอลก็กดจูบหนักๆ เข้าที่สันกรามจนเขาหน้าหันไปอีกทาง มือที่เคยบีบจับอยู่ตรงหน้าท้องลดลงต่ำ ดึงเอากางเกงซึ่งปลดกระดุมไว้ให้ลงไปใต้สะโพก
“นายพูดเรื่องอะไร...” เขาถามทั้งที่สติกำลังจะหลุดลอย ขอบตารู้สึกร้อนผ่าว คิดได้ว่าการไม่เห็นหน้าในตอนที่ชานยอลตัดสินใจทำอะไรๆ นั้นมันช่างแย่เหลือเกิน
เท่านั้นชานยอลก็หยัดตัวขึ้นคุกเข่าหลังตรง ดึงรั้งขาที่ขนาบข้างร่างสูงใหญ่ให้ขยับเข้าไปใกล้แล้วจับแหวกกว้างขึ้น ตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าของเขานิ่ง มันไม่ได้อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเหมือนอย่างที่จงอินเคยได้ ไม่แม้แต่จะใคร่รู้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร เต็มใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้หรือไม่
“กลัวหรือ”
จงอินตอบคำถามนั้นด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้มจนควบคุมไม่ได้ บางทีเขาควรจะผลักชานยอลออกไปเสีย เตะ ต่อย หรืออะไรก็ตามที่ทำลายสถานการณ์น่ากลัวเหล่านี้ให้จบสิ้นลง ริมฝีปากแห้งผากอ้าขึ้นแล้วก็หุบลง ทุกอย่างติดอยู่ในลำคอเหมือนถูกมือนั้นกดบังคับมันเอาไว้ ทั้งอึดอัด เจ็บปวด หรืออาจจะทะยานไปถึงขั้นเลวร้ายได้ในไม่ช้า
“...”
แต่ก็เท่านั้น เพราะปาร์คชานยอลปล่อยมือออกจากขาของเขา ก่อนจะทิ้งตัวไปนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงปลายเตียง มือใหญ่ยกขึ้นปิดหน้า หายใจเข้าออกช้าๆ ราวกับพยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้ เห็นดังนั้นจงอินก็ดีดตัวลุกขึ้น ดึงเสื้อลง ติดกระดุมกางเกงให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นไปยืนอยู่ข้างเตียงทันที
เขาเห็นชานยอลนิ่งลงแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่แม้แต่จะลดมือลงเพื่อมองหน้ากันเป็นครั้งที่สอง จงอินชั่งใจว่าควรเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าออกไปหรือไม่ ทว่าชานยอลชิงพูดมันเสียก่อน
“ออกไป”
“...” จงอินฟังออก แต่สมองของเขาประมวลผลไม่เข้าใจ
“ฉันขอร้องให้นายไป... คิมจงอิน”
เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกยากลำบาก และไม่รู้จะทำอะไรได้มากไปกว่าเดินออกไปจากห้องนี้ตามที่อีกฝ่ายเอ่ยปากบอก แต่ทันทีที่กลับมาถึงหอนอนของตนเอง จงอินก็ได้รู้ว่าเรี่ยวแรงของเขามันหายไปหมด แม้แต่จะยืนด้วยสองขาของตนเองยังแทบไม่ไหวด้วยซ้ำไป เรื่องเมื่อครู่นี้มันอะไรกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับปาร์คชานยอลคนนั้น กับความสัมพันธ์ที่เขาคาดหวังว่ามันจะไปได้สวยตามกลไกความน่าจะเป็นเช่นที่คิดเอาไว้
ในหัวยังคงเต็มไปด้วยภาพสายตาคู่นั้น... สายตาแบบที่ชานยอลไม่เคยมีเลยสักครั้งตลอดห้าปีของการรู้จักกัน
“คิมจงอิน นายไหวหรือเปล่าเนี่ย”
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงไม่สบายเอาตอนหน้าร้อนอย่างนี้นะ”
แทมกับคีย์ผลัดกันแสดงความเป็นห่วงเขาอย่างนอกหน้า เช้าวันจันทร์กับวิชาปรุงยาไม่ค่อยเข้ากันนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันนี้ศาสตราจารย์ซลักฮอร์นอยากให้นักเรียนปีห้าปรุงน้ำยาเสริมกำลังระดับดีเยี่ยมหลังจากได้ผลการสอบว.พ.ร.ส.อันน่าพอใจมา
“ไม่เป็นไรน่า แต่น้ำยาเสริมกำลังวันนี้ฉันขอแล้วกัน” จงอินพูดติดตลกเพราะไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองวุ่นวายกับเขาจนเกินไปนัก จะว่านักกีฬามือฉมังอย่างเขาป่วยกายก็คงใช่ แต่ต้นเหตุมันมาจากอาการป่วยใจขนาดหนักจนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนต่างหาก “ขอบคุณเมอร์ลินที่วันนี้ไม่มีวิชาตอนบ่าย ฉันสัญญาว่าจะกลับไปนอนแต่หัววันแน่ๆ”
หัวเราะได้ไม่ทันไร สองขาก็ต้องชะงักหยุดเพราะบังเอิญเจอกับกลุ่มปีเจ็ดบ้านกริฟฟินดอร์ที่กำลังพากันเดินไปเรียนวิชาสมุนไพรศาสตร์ ลูคัสโบกมือทักทายเขาตามปกติแล้วตามไอรีนไปด้วยความเร่งรีบ หากสายตาของจงอินกลับจับจ้องอยู่ที่ผู้ชายซึ่งรั้งท้ายอยู่หลังสุด อีกฝ่ายเดินมาพร้อมกับจอร์จ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพราะต่างรีบเร่งไปเรียนให้ทันเวลา
จงอินสูดลมหายใจลึก เขาอยากพิสูจน์ตาคู่นั้นอีกครั้ง เพื่อจะได้บอกตนเองว่าสายตาแบบที่เห็นเมื่อวานนี้อาจเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น
“ชาน—”
ทว่า ปาร์คชานยอลกลับเดินผ่านไปราวกับคิมจงอินไม่มีตัวตนอยู่เลย
ซีกเกอร์หนุ่มเอี้ยวตัวมองตามกลุ่มนักเรียนปีเจ็ดซึ่งกำลังเดินออกจากปราสาท ชายผ้าคลุมสีดำแดงปลิวไสวไปตามแรงของลมพัดผ่าน นั่นเป็นภาพสุดท้ายของอดีตกัปตันทีมที่เขาได้เห็นภายในรั้วฮอกวอตส์ เพราะหลังจากนั้น จงอินไม่ได้รับแม้แต่จดหมายนกฮูก โทรศัพท์ช่วงปิดเทอม หรือการติดต่ออื่นใดที่ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีตัวตนในชีวิตเขาอีกเลย
-------------------------------------------
สุขสันต์วันเกิดนะ แฮร์รี่ พอตเตอร์!
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช นะคะ
ความคิดเห็น