คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Kepitel 06 : ขอโทษ..เรื่องง่ายๆที่ทำไม่ได้
(พาร์ทไคฮุน ลู่หมิน+คริสเลย์เล็กน้อย ล้วนๆนะคะ เเต่งเพลินจนล้นต้องตัดชานแบคไปตอนหน้า5555)
Kepitel 06 : ขอโทษ..เรื่องง่ายๆที่ทำไม่ได้
(คำขอโทษจะไม่มีค่าถ้าอยู่กับนาย แต่จะมีค่าทันทีที่อยู่กับคนที่สมควรจะได้รับมัน..
อย่าคิดว่ามันมีค่าขนาดที่ไม่สามารถพูดคำนี้กับคนที่ตัวเองทำผิดใส่เขาได้ล่ะ - คิม จงอิน)
ตอนนี้ฝนยังคงตก
หยาดน้ำที่ไหลลงมาจากฟ้าไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด หนำซ้ำมันยังตกหนักและหนักขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะในจิตใจของเด็กหนุ่ม
เขาทำอะไรลงไปนะ...ทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน?
คุณอาจจะเคยมีความรู้สึกแบบที่ว่า..อยากได้อะไรมากมาก
และอยากที่จะทำมันให้ได้มากมาก จึงยอมสูญเสียทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
แล้วเคยรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาหรือเปล่า?
ตอนนี้เซฮุนว่าเขาเริ่มรู้มันแล้วแหละว่าหากเดินในเส้นทางนี้ต่อไปมันจะเป็นอย่างไร
เขาอาจจะบาดเจ็บกว่านี้
ดีไม่ดีผู้กองปาร์คอาจจะอัดเขาเละแล้วโยนทิ้งลงในแม่น้ำฮันก็ได้
ไม่แน่เขาก็อาจจะถึงตาย
ตายไปจากจิตใจของคนที่เขารัก
“นี่...” เสียงทุ้มแสนคุ้นเคย
ที่ขอบอกตรงๆว่าเขาไม่อยากจะคุ้นเคยกับมันเลยสักนิด ดังขึ้นมาจากประตูห้องของโอเซฮุน
“...” อีกแล้ว
เป็นคนคนนี้อีกแล้วที่มักเข้ามาหลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ในทุกทุกครั้งที่เขาทำแผนการอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับปาร์คชานยอลคนคนนี้ก็มักจะปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่จบศึก
แน่นอนว่าปรากฏตัวหลังจากโอเซฮุนแพ้ทุกครั้ง...ก็น่ะ ก็ไม่เคยชนะนี่
“เลิกล้มความคิดที่จะทำแบบนี้เหอะ”
“ทำไม..ทำไมผมต้องฟังคุณวะ?...ครับ” ตำรวจหนุ่มตอบคนที่ยืนพิงขอบประตูห้องของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
แต่ใบหน้าขาวก็แสดงอารมณ์ขัดใจเห็นได้ชัดอย่างปกปิดไม่มิด
ก่อนจะค่อยๆหยัดตัวขึ้นด้วยความเบาที่สุดเพื่อลดแรงเสียดทานที่อาจจะทำให้ร่างกายของเขาบอบช้ำไปกว่านี้ลง
ถึงแม้นแรงที่ปาร์คชานยอลเตะเขานั้นอาจไม่มากนักถ้าเทียบกับพลังทั้งหมดที่ร่างสูงมี
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติอยู่พอสมควร
“พูดวะงี้ไม่ต้องมีคำว่าครับต่อหลังก็ได้นะ
นี่เป็นพี่นะเนี่ย..”
“และไม่ใช่พี่ผม”
เซฮุนทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเองด้วยแรงอารมณ์
ไม่ว่าจะครั้งไหนไหนเป็นอันต้องแพ้ปาร์คชานยอลทุกครั้งเลยงั้นหรือ?
แล้วครั้งนี้มันอะไร? ทำไมต้องรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ด้วยวะ
“อู้ววววว กวนตีน”
“ขอบคุณที่ชม” ร่างโปร่งพิงตัวเองกับหัวเตียงก่อนจะค่อยๆหลับตาลงด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง
น่ารำคานไปหมดทุกอย่างเลยให้ตายเถอะ
ร่างสูงที่ยืนสถิตอยู่ที่ขอบประตูกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องของตำรวจหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
แน่นอน โอเซฮุนก็ไม่ได้คิดที่จะลืมตาไปตะโกนด่าคนไร้มารยาทนั่นเลยแม้แต่น้อย ก็นะ
ว่าอะไรไปก็ชนะความด้านของมันไม่ได้อยู่ดี ทำได้แค่ชินและชาไปเท่านั้น
ตราบใดที่คนคนนี้ยังไม่ล้ำเส้นที่เขาขีดไว้ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องห้ามให้เสียเวลา
“พอมีคุณแบคฮยอนเข้ามาเกี่ยวพัน
นายดูเป็นคนคิดมากไปเลยนะ ทั้งที่ปกติต่อให้นายโดนชานยอลอัดเละ
หรือแม้นเอาแฟนเก่านายมาขู่ นายก็ยังไม่เคยเป็นคนคิดมากแบบนี้”
“...รู้มากจัง”
“แน่น๊อนน รู้มากดีกว่าไม่รู้อะไร”
“...อย่ามาทำให้เครียดกว่านี้ได้ไหมวะ”
“อุ้ย! ขอโทษ แทงใจดำไปนิสสส”
“คุณ!” เซฮุนเบิกตาขึ้นด้วยความรำคาญใจอย่างสุดซึ้ง
มองเขม็งอีกคนไปอย่างเหลืออด ให้ตายเถอะมีใครเคยบอกคนคนนี้ไหม
ว่าเป็นคนที่โคตรกวนตีนขนาดนี้ หรือว่าคนบอกเยอะจนชินชาไปแล้ว ฮัลโหลสติ
“หึหึ ขอโทษจ้า”
“หึ่ย!” ร่างโปร่งปิดตาลงอีกครั้ง คราวนี้เขานอนราบลงกับเตียงแล้วหันไปทางอื่น
สนใจโคมมไฟข้างเตียงอีกฝั่งดีกว่ามนุษย์ตัวดำปากหมาตั้งเยอะ
มากวนตีนได้ไม่รู้เวล่ำเวลาเลยให้ตายเถอะ
“...อุตส่าห์ปกปิดไว้ตั้งนาน...ไม่คิดว่าความบังเอิญทำให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ใช่ไหมละ”
“คุณหมายควา...”
“ก็นักแสดงหน้าหวานคนนั้น
คุณแบคฮยอนน่ะ...พยายามรักษาสมดุลคำว่าเพื่อน
พยายามไม่แสดงออกให้ใครรู้ว่าเป็นเพื่อนกัน
เพื่อความสบายใจของคุณแบคฮยอนเพราะคุณแบคอยอนเป็นดารา และเพื่อป้องกันไม่ให้ชานยอลรู้”
“...”
“ว่าจุดอ่อนที่แท้จริงของนายคือแบคฮยอน”
“...”
“นายยังเด็กเซฮุน หน้าที่การงานไม่ได้การันตีความเป็นผู้ใหญ่หรอกนะ...อ้ะ! อย่ามาเถียงว่านายโตแล้ว...ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเขาเอาชนะคนอื่นด้วยการทำร้ายคนที่ตัวเองรักหรอกนะรู้ป่าว”
“...”
“หรือถ้ามี...ก็คงจะเป็นผู้ใหญ่ที่โตแต่ตัว
แต่สมองและทัศนคติไม่โตตามเลยสักนิด”
“..หึ”
เซฮุนแสยะยิ้ม..ไม่คิดเลยว่าไอคนกวนตีนเก่งแบบหมอนี่จะมาสอนเขาได้ จะว่ายังไงดีล่ะ
มันก็ไม่ใช่ว่าไม่ถูกหรอก เอาจริงๆหมอนี่พูดถูกทุกอย่างเลยต่างหาก
แต่จะให้ฟังเขาง่ายๆแบบนี้หรอ? ไม่เอาหรอก ก็เทไปหมดหน้าตักแล้วจะให้ทำยังไง?
“คิดจะเล่นของสูงก็เจ็บเป็นธรรมดานะเด็กน้อย”
“ผมไม่ใช่เด็กน้อย!” เซฮุนเบิกตาขึ้นด้วยความรำคาญอีกครั้ง
ก่อนจะมองค้อนคนที่เดินล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ทที่อยู่ข้างเตียงของเขา
“ก็เนี่ย..เด็กน้อย”
ชายหนุ่มยิ้มบางให้ด้วยความเอ็นดู
ต่างจากผู้กองโอที่สะบัดหน้าหนีแล้วดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมโปง
รำคาญชิบหาย
“ไม่เจ็บเหรอ?”
“...”
“ไม่รู้สึกผิดบ้างหรอ?”
“...”
“ทำแบบนั้นไป
แต่ในใจก็ไม่อยากทำใช่ไหมล้ะ?”
“...”
“ก็น่ะ..ถ้าเป็นฉัน
ฉันก็ไม่อยากทำอะไรเพื่อนสนิทหรอก”
“ผมไม่ได้คิดกับเขาแค่เพื่อนสนิท”
เด็กหนุ่มตอบอีกคนเสียงอู้อี้เพราะมีผ้าห่มผืนหนากั้นเสียงระหว่างเขาทั้งคู่อยู่
“ไม่จริงหรอก..นายกำลังสับสนเด็กน้อย”
“คุณมันจะไปรู้อะไร”
“ฉันแก่กว่านายนะ
ผ่านอะไรมาก็ตั้งเยอะแยะ”
“ดูจากสภาพหน้าไม่น่าจะหาแฟนได้”
“อุบ้ะ! สบประมาทแท้...เห็นงี้พี่ก็ทำให้น้องครางได้นะจ้ะ”
“ผมมีปืนอยู่ใต้หมอน
ถ้าขืนคุณพูดแบบนี้อีกระวังจะได้กินลูกตะกั่วเป็นอาหารมื้อสุดท้ายก่อนตาย”
“โหดเนอะ” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ
ไม่ได้มีท่าทีว่าตกใจอะไรกับคำขู่แมวฝ่อของเด็กคนนี้เลยสักนิด
ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงแบบผิวเผิน
“ผมเป็นนักเรียนดีเด่น
โดยเฉพาะการฝึกยิงปืนระยะใกล้..ถ้าคิดจะท้าทายก็ลองดูไหมละ?”
“จ้ะ รู้ว่าโหดจ้ะ
แค่บอกว่ามีปืนกูก็กลัวแล้วจ้ะ ให้กราบเลยไหมจ้ะ จะได้หายอารมณ์เสียสักที”
“ไม่ต้อง ผมกลัวบาป
ไม่อยากให้คนแก่คราวพ่อต้องมากราบตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องดี
แต่ถ้าคุณอยากผมก็ไม่ว่านะ”
“ฉันอายุห่างกับนายแค่ 5 ปีเองนะ”
“งั้นก็ไม่ต่างกัน”
“แต่ชั้นเรียนม.ต้นก่อนนายตั้ง 5
ปีเลยนะ”
“เลิกคุยเรื่องที่ไร้สาระแล้วไสหัวไปเถอะ ผมอยากพัก”
“...”
“...”
“...”
“...”
“..นี่”
“...”
“เป็นแผลไม่ใช่หรอ?”
“...”
“ตื่นก่อนสิอย่างเพิ่งหลับ
อย่าให้เลือดแห้งที่ปากสิ มันไม่ดีนะ”
“...”
“นี่...ไม่เจ็บจริงอะ”
“...”
“นี่! โอเซฮุน อย่ามาหลับตอนนี้สิเว้ย!!”
ชายหนุ่มเขย่าตัวยาวๆของเด็กหนุ่มไปมาจนโอเซฮุนรำคาญจนถึงขีดสุด
“โอ้ยยยยยย จะบ่นอะไรนักหนา
ไม่ได้มาเจ็บแทนนี่ว่ะ!!”
“ก็ตื่นมาทำแผลก่อนไม่ได้หรือไง!!”
“เพื่อ!!”
“ก็เป็นห่วงอะ!!”
“...” เงิบ แดก
พูดอย่างงี้ใส่แบคฮยอนก็ตั้งหลายครั้งนะ
ไม่ยักกะรู้ว่าพอโดนเองมันรู้สึกสะอิดสะเอียนได้ขนาดนี้
“โอเซฮุน!!”
“ไปดูแลเพื่อนคุณนู้นไป ผมไม่ต้องการ
อย่ามายัดเยียด”
“จะบ้าหรอ ไอบ้านั่นมันไม่มีอะไรต้องดูแลสักหน่อย”
“ผมเป็นตำรวจ
ดูแลตัวเองได้สบายๆอยู่แล้ว เพราะงั้นออกไปได้แล้วก่อนที่ผมจะยิงคุณจริงๆ”
“ย๊า! ทำไมฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย”
“เป็นคนหรอ?”
“ก็คนดิ แล้วเห็นเป็นอะไร?” ตำรวจหนุ่มเงียบปสักพักหนึ่งเดาว่าน่าจะคิดทบทวนประโยคคำถามข้างต้น
ก่อนจะโพล่งตอบออกมา เป็นคำที่ชายหนุ่มถึงกับสำลักน้ำลายแทบไม่ทัน “...หมี”
“มะ..หมีเนี่ยนะ?”
“...หน้าตาอย่างกับหมี” เซฮุนตอบเสียงเรียบก่อนจะล้มตัวลงไปนอนตามเดิม
บอกตรงๆว่าเหนื่อยจริงๆ ไม่ได้ต้องการจะหนีคนหน้าด้านคนนี้เลย แค่มันไม่อยากทำอะไรเลยในตอนนี้
เรื่องงานก็เครียดจะตายแล้ว อีกทั้งความรู้สึกผิดที่มีอยู่ล้นอกนี่อีก
บางทีโอเซฮุนก็แบกรับอะไรเอาไว้มากเกินไปจนดูแลมันไม่หมด
“หมีงั้นหรอ...หึหึหึ”ร่างสูงครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่นานก่อนที่จะหัวเราะเบาๆในลำคอ
ดึงผ้าห่มที่ร่นอยู่ปลายเท้าของอีกคนขึ้นคลุมถึงอก แล้วเปิดโคมไฟที่อยู่บนหัวเตียง
“...รู้สึกผิดใช่ไหมละ”
“...”
“ไปขอโทษเขาสิ ทั้งคู่เลย..”
“...”
“นี่โอเซฮุน...คำขอโทษน่ะ
..ให้คิดซะว่าถ้ามันติดอยู่ที่ปากนาย มันก็จะเป็นเพียงคำพูดที่ไร้ค่า
แต่ถ้าเกิดนายพูดกับใคร ให้นายคิดว่านายให้สิ่งที่ล้ำค่ากับเขาไป”
“...”
“...คำขอโทษจะไม่มีค่าถ้าอยู่กับนาย
แต่จะมีค่าทันทีที่อยู่กับคนที่สมควรจะได้รับมัน..อย่าคิดว่ามันมีค่าขนาดที่ไม่สามารถพูดคำนี้กับคนที่ตัวเองทำผิดใส่เขาได้ล่ะ”
“...”
“ไปนะ ไอจิ้งจอกเจ้าเล่ห์”
“เดี๋ยว..”
“...”
“...ขอบคุณครับ...คุณจงอิน”
เด็กหนุ่มเอ่ยบอกเสียงเรียบ “แต่ผมคงทำตามที่คุณพูดไม่ได้”
แต่พอได้ยินคำถัดไปเท่านั้นแหละ คิมจงอินก็ต้องหัวเราะในลำคอออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่ลืมจะเอ่ยคำลาที่มักจะพูดก่อนจากเสมอ
“คิดว่าดี...ก็ทำไป”
ก็น่ะ...จะคอยติดตามตอนต่อไปละกันนะครับเด็กเอ๋ย
รู้สึกว่าเนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นเมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวด้วยสิ
น่าสนุก..
กลิ่นของน้ำฝนที่เพิ่งหยุดตกไปไม่นานนี้กระทบเข้าปอดเด็กหนุ่มอย่างจังในยามวิกาลนี้
สนามบอลเล็กๆที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮันปราศจากผู้คน
เว้นเสียแต่พวกคนดังที่ออกมาออกกำลังกายเพื่อหลบหนีความวุ่นวายในตอนกลางวัน
หรืออาจจะเป็นผู้คนที่ไม่มีเวลาว่างในตอนเช้าละ? แต่ก็นั่นแหละ
ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้เลยแม้แต่น้อย
กลิ่นเหงื่ออ่อนๆหรือแม้กระทั่งความร้อนรุ่มภายในร่างกาย
ไม่ได้ทำให้เขาคิดที่อยากจะหยุดเล่นมันเลยสักนิด
ฟุตบอลเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเขา...และเป็นทั้งเพื่อนของเขาอีกด้วย
ไม่ตลกเลยพระเจ้า
มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
เคยมีคนบอกเขาว่า ‘จงมองคนอื่น แล้วหันกลับมามองตัวเอง’ แต่ก็นะ ถ้าไปมองคนรวย
คนที่มีฐานะและดูดีกว่าเรา แล้วหันมามองตัวเรา เราก็คงดูไร้ค่าไปเลย ซึ่งมันอาจเป็นตรรกะที่ผิดก้ได้..หรือมันอาจจะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
ปึก พลั่ก!
เด็กหนุ่มเตะลูกกลมๆสีขาวดำไปจนสุดพลัง
ปลดปล่อยความรู้สึกไปสะสมอยู่ที่อุ้งเท้า ก่อนที่ลูกบอลน้อยจะปลิวละร่องตามแรงจนชนเข้ากับคานประตูอย่างจัง
ปั๊ก “โอ้ย!!” เด็กหนุ่มกุมดั้งของตัวเองแล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดเมื่อลูกบอลลูกนั้นกระเด็นเข้าใบหน้าหวานราวกับพี่หญิงที่ไม่เหมาะกับนิสัยของเขาเลยสักนิด
แต่ในยามนี้มันนกลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและระลอกของความเสียใจที่ปกปิดไม่มิด
“อึก..แม่ง...” หยัดตัวลุกขึ้นนั่งชันเข่า ลูบใบหน้าเบาๆ
พลางมองหาลูกบอลเจ้าปัญหาแต่ก็ไม่เจอมันอีกแล้ว บางครั้งพระเจ้าก็ชอบเล่นตลก
หรืออาจเป็นกรรมที่ทำไว้เมื่อชาติที่แล้วละ? ถึงได้ประธานชีวิตแสนโสมมขนาดนี้ให้..
Rrrrrrrrr
ติ้ด “...”
“สวัสดีค่ะ คุณลู่หาน ดิฉันเป็นตัวแทนจากองค์กรไร้นามที่คุณแม่ของคุณได้สมัครไว้กับทางเราเมื่อหลายปีก่อน
คิดว่าก่อนที่คุณแม่ของคุณจะเสียชีวิตคงจะบอกคุณในเรื่องกฎกติกาขององค์กรเราแล้ว...”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
ผมขอยกเลิกโครงการนี้!”เด็กหนุ่มตะคอกตอบปลายสาย
“ในกรณีนี้คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะยกเลิกค่ะ”
ลู่หานขมวดคิ้วมุ่น ผู้หญิงคนนี้ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรืออะไร?
ทำไมพูดยากพูดเย็นนัก “ไม่” ย้ำเสียงหนักแน่นแสดงถึงความไม่ต้องการที่จะทำตามกฎบ้าบอขององค์กรไร้นามนี่
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ...ดิฉันจะโทรมาบอกว่าน้องชายของคุณได้มีผู้รับไปอุปการะแล้วโดยเศษรฐีท่านหนึ่ง
ซึ่งในอีก3เดือนเราจำเป็นที่จะต้องยึดบ้านของคุณ
และคุณคิมจุนมยอนก็จะต้องไปอาศัยอยู่กับผู้อุปการะในอีก3เดือนเช่นกันค่ะ
และหากในเวลาที่กำหนดดังกล่าว คุณยังหาคนที่อุปการะไม่ได้
เราเองก็จำเป็นที่จะต้องส่งคุณไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร..”
“ก็บอกให้หยุดไง!! ผมไม่ยอมเสียน้อง เสียบ้านให้กับพวกคุณหรอก!!”
“แต่มันเป็นข..”
“คุณตกลงกับแม่ผม ไม่ใช่ผมกับน้อง!!”
“แต่ตอนนี้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูคุณจุนมยอนไม่ใช่ของคุณนะคะ”
“ตอนนี้ผู้ปกครองของจุนมยอนคือผม!! ผมยังไม่ได้เซ็นอนุญาตให้น้องโดนคนแปลกหน้าพาไปเลี้ยงดู!!”
“แต่ถ้าครบกำหนด3เดือนคุณจุนมยอนก็ต้องไปอยู่กับผู้อุปการะอยู่ดีนั่นแหละค่ะ”
หญิงสาวยังคงตอบกลับมาเสียงเรียบเฉย ใครจะจัดการกับใครไม่ได้นั่นมันเรื่องของเขา
ไม่ใช่เรื่องของหร่อน หร่อนมีหน้าที่แค่พนักงานคอลเซ็นเตอร์เท่านั้น เธอคิดแบบนั้น
แต่ตัวเธอเองก้หารู้ไม่ว่าเด็กหนุ่มปลายสายกำลังกลั้นก้อนน้ำตาที่จุกอยู่บริเวณคอมากเพียงใด
“งั้นผมต้องทำยังไงมันถึงจะเป็นของผม?” เสียงของลู่หานแผ่วลงจนน่าสงสาร
“มีผู้ประกันที่จะรับรองความสุขสบายของคุณจุนมยอนและเงินอุปการะที่มากกว่าผู้อุปการะคนเก่าค่ะ”
....ยาก...ยากเกินไปแล้ว...เขาจะหาใครดี? จะทำยังไงดี ตอนนี้เขาไม่เหลือใครแล้ว...ลู่หานคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
เขาคิดเพียงแค่ว่า...เขาเสียน้องไปไม่ได้
“ได้...ผมมีเวลากี่เดือน?”
“3เดือนค่ะ”
“โอเค..ผมตกลง”
“ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ”
ติ๊ด!
สายดับไปแล้ว...
เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนผืนปูนเย็นๆอย่างหมดแรง กลิ่นไอฝนและกลิ่นดินทรายกระทบเข้าจมูก
ปลุกความรู้สึกเสียใจที่สั่งสมเอาไว้มาตลอดวัน...เขาไม่ร้องไห้และไม่ได้ร้องไห้เลย...ไม่มีแม่แล้ว
คนที่ตองเข้มแข็งคือเขา จุนมยอนยังเด็กมากมาก น้องไม่เหลือใครนอกจากเขา..
ไม่ไหวแล้วพระเจ้า..
“..ฮึก..”
เด็กหนุ่มหลับตาพลางยกแขนขึ้นมาก่ายหน้าผาก
ปล่อยให้สายน้ำที่สกัดกั้นไม่อยู่หลั่งไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ขอแค่ชั่วคราว...ขอเป็นคนอ่อนแอแค่แปปเดียวได้ไหมครับพระเจ้า
พลั่ก!
“อั่ก!!”
“โอ้ยยยยยย ไอเหี้ยฟานนนนนน”
(เจอไหมมึง T^T อีเหี้ยจะร้องแล้วนะเว้ย)
“แปปนึงได้ไหมละครับคุณหลวง” อี้ฟานนี่แม่งอี้ฟานจริงๆครับ..ไม่ได้รู้จักคำว่า
‘เวลาส่วนตัว’ของผู้อื่นเลยสักกะติ๊ด
ล้มตัวลงนอนปุ๊ปแม่งโทรมาปั๊ป ไม่ได้สงสารเพื่อนมันเล้ยยยย
ให้เพื่อนรับกรรมพาเด็กปั้นตัวเองไปติดต่อเรื่องงานที่กวางจูเสร็จก็ต้องตีรถกลับไปรับแบคฮยอนที่กองถ่ายนิตยสารแล้วก็ต้องพาแบคฮยอนไปส่งอีก
ไอเราก็นึกว่าคนกวนประสาทอย่างแบคฮยอนอาจช่วยให้ตัวเองผ่อนคลายได้
ไหงพอขี่รถไปได้สักพักน้องมันถึงทำหน้าหมดอาลัยตายอยากบนโลกมนุษย์เสียอย่างงั้น แถมทิ้งระเบิดดราม่าเอาไว้ให้อีพี่มันต้องรู้สึกผิดเพราะว่าตัวกูนี้แลทำให้น้องมันเป็นแบบนี้เลย
ไม่น่าเลย ไม่น่าบังคับให้น้องมันไปเจอไอผู้กำกับกามนั่นเลย ไม่น่าเลยยยย แค่นั้นไม่พอนะ
เจ้าแม่ของบริษัทดันโทรเรียกให้อีพี่คนนี้ไปช่วยเคลียร์ปัญหาทะเลาะวิวาทของคนในบริษัทอีก
ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ทุกคนเชื่อฟังคุณมินซอกมากกว่าประธานค่ายอย่างฉันเสียอีก’ อ๋อหรอออออออ
ยัง
ยังไม่หมด...หลังจากเสร็จกิจกรรมอันเพลิดเพลินที่เกริ่นไปข้างบนนี้เสร็จ ไอเราก็นึกว่าจะได้นอนพักชาร์ตพลังงาน
แต่หัวไม่ถึงหมอนเลย ไอเพื่อนฝรั่งหัวขี้นกก็โทรมาด้วยน้ำเสียงร้อนรนที่คนฟังถึงกับน้ำตาไหล...มาแบบนี้ไอสัสกูใจแป้วเลย
งานเข้ากูอีกแล้ว
(เจอยังมึงๆๆ!! อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้วมึง ฮืออออ)
“โตเป็นควายแล้วยังขี้แงอีก เห็นใจกูหน่อยได้ไหมละ?”
(นี่กูลบเวลาไปตั้ง10นาทีเลยนะเว้ย
กูเข้าใจว่าขามึงสั้นต้องใช้เวลาในการเดินมาก)
“ด่ากูเตี้ยเถอะ”
(ไอเตี้ยมินซอก)
“บรัยส์~ มาหาเอาเองละกันกูไม่หาให้ละ”
(เห้ย!น้องฟานขอโทษครับพี่จอก ต่อไปนี้พี่จอกต้องการอะไรน้องฟานจะไม่ขัดแล้วครับ
น้องฟานผิดเองที่มองว่าพี่จอกขาสั้นทั้งที่จริงๆพี่จอกขายาวและเรียวราวกับนายแบบนิตยสารก็มิปาน)
“โอเคครับน้องฟาน อย่างงี้ค่อยน่าฟังหน่อยเนอะ”
เดาว่าอี้ฟานคงเบะปากรัวรัวมาให้เขาแบบไม่ยั้งแล้วแหละไม่ต้องเดาก็รู้ แต่นั่นแหละ
เขาไม่เห็นก็ถือว่าอนุโลมละกัน
เดี๋ยวมันหาว่าอยากจะใส่ร้ายมันจนถึงขั้นมโนเป็นภาพเลยอะไรแบบนั้น
(เจอยังงงงงง)
“เหมือนจะเจอแล้ว”
ควานมือไปในโพรงหญ้าที่อี้ฟานบอกว่ามันแอบเอาของมาซ่อนไว้ก่อนจะเจออะไรสักอย่าง
เมื่อหยิบมันออกมาเลยทำให้มินซอกผู้ขี้เสือกคนนี้บรรลุไปอีกขั้น...มินซอกนี่ใคร
ทำไมเก่งนัก?
(เจอยังงงงงงงงง)
“เจอแล้ว...อะไรของมึงว่ะฟาน
ให้กูหากล่องลังที่เล็กยิ่งกว่าฝ่ามือกูทำพ่อมึงหรอ?”
(มึงมันไม่รู้อะไร!!)
“เอ้า! ก็เป็นแค่กระดาษลังไหมวะ? แล้วก็เป็นกระดาษลังที่เล็กเหี้ยๆด้วย”
(ใช่นะซิ๊! ไอคนเลว ไอคนดูของแค่เปลือกนอก) เอ้า
หลอกด่ากูอีก...จอกก็คิดนะ ว่าจอกผิดอะไร ทำไมฟานต้องด่าจอกแบบนี้ด้วย?
“เออ ไอคนหล่อ
ไอคนมองคนที่ภายใน”
(กูรู้ มึงมันขี้เสือก
เพราะงั้นกูจะไม่ห้ามละกันถ้ามึงอยากเปิด) ป้ะ!
น้องฟานนี่รู้ใจพี่จอกจริงๆ
จะรอไรละจอก
มันทำมึงสกปรกไปด้วยเศษดินขนาดนี้แล้วเพื่อแลกกับความเสือก จอกว่ามันก็น่าจะคุ้ม
ฟานนี่มันเก่งนะ รู้จักวิธีเอาตัวรอด สมแล้วที่เป็นเพื่อนของพี่จอกคนนี้
แต่ถ้ามันเป็นของเหี้ยๆเช่นภาพวาดของมันละก็..จอกจะตบมัน! เอาเลือดมันมาล้างเท้า!!
“...อะไรวะ”
(สวยอะดิ๊)
“สวยพ่องดิ
มีแต่กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปั้นเป็นวงกลมเล็กๆ”
(ถ้ามึงฉลาด มึงควรจะรู้ว่ามันต้องแกะ)
เออวะ...มินซอกบรรจงแกะอย่างเบามือ ใจนึงก็คิดว่าที่ทำแบบนี้เพราะกลัวมันล้ำค่า แต่ใจนึงกูคิดว่ามันอาจแกล้งใส่แมงสาบไปก็ได้
บรึ๋ย คิดแล้วจอกหยอง
“...” ปรากฏว่ามันไม่ใช่อย่างที่จอกคิด
(สวยอะดิ)
“ฟาน...”
(อะไรมึง?)
“นี่มึงเซอร์ไพร์สขอกูแต่งงานปะ?”
หยิบมันขึ้นมาอย่างเบามือพลางใช้สายตาเพ่งพินิจอย่างดีชนิดที่ว่าเห็นลึกยันอตอมก็ไม่ปาน
(มโนเถอะไอสัส)
“แท้ปะ?”
(แท้..)
“เห้ยมึงมัน...”
(ก็เหี้ยละครับ)
...พรุ่งนี้จอกว่าทุกคนควรเปิดข่าวช่องสีแหบรอไว้เลย...อาจมีข่าวฝรั่งฟันทูลตายกลางถนนเหตุฆาตกรรมก็ได้นะ
“ฟาน...กวนตีนไอสัส”
(ล้อเล่น ของจริงดิ)
“เห้ย...แล้วมึงซื้อมาทำไมวะ?”
(ขอประธานจางแต่งงาน)
“มุกดักควายอีกละ”
(ควายที่หน้ามึงอ่ะ)
“เห้ย
ไมโกหกน่ะมึง” มินซอกขมวดคิ้ว ไอฟานแม่งบ้าว่ะ มันกับประธานจางเนี่ยนะ?
ไปมีซั่มติ่งกันตอนไหนไอจอกผู้รอบรู้ทุกอย่างบนโลกยังไม่รู้เล้ย ไอฟานแม่งมโน
(ไม่เชื่อก็ตามใจมึง...รอดูอีกไม่กี่อาทิตย์ประธานจางจะต้องประกาศกับทุกคนในบริษัทอยู่ดี)
“จริงปะฟาน? ไม่เอาดักควายแล้วนะ
กูจริงจัง”
(กูก็จริงจัง...) ..... จอกบอกเลย เรื่องนี้มีแดกจุด
“...”
(...)
“...”
(...)
“ไอเหี้ยฟานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”
หลังจากที่มินซอกนำสมบัติล้ำค่าของเพื่อนรักที่กว่ากูจะหาได้น้ำหูน้ำตาแทบกระเด็นไปส่งจนถึงมือเจ้าของแล้ว
เขาก็กลับมาที่สวนสาธารณะแม่น้ำฮันอีกครั้งแทนที่จะกลับบ้านไปนอนพัก ตะกี้มาหาของตัวก็สกปรกไปแล้ว
เสียเวลาไปแล้ว แต่ยังไม่เต็มอิ่มกับเวลาธรรมชาติเลย
เขาเลยคิดกว่ามาเดินเล่นแบบจริงจังอีกสักรอบค่อยไปนอนสลบเอาทีเดียวเลยดีกว่า
โชคดีที่ฟานมันไม่ได้เหี้ยไปทุกอย่าง อย่างน้อยมันก็รับปากมินซอกไว้ว่ามันจะขอประธานจางให้ว่าพรุ่งนี้ให้มินซอกพักแล้วมันจะรับงานแทนเอง
ส่วนเรื่องมันน่ะเหรอ?
ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เขาตกใจนิดหน่อย
น้ำหน้าอย่างอีฟานไม่น่าจะซื้อเพชรได้...ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก..มันคือแหวนเพชร
พอจอกหาเจอจอกก็ขึ้นไปคอนโดมันทันเวลาพอดี ฟานมันบอกว่าที่ให้รีบเพราะว่าวันนี้จะเป็นวันที่จะขอประธานจางแต่งงาน
ไอเราที่งงๆกับเหตุการณ์นี้อยู่ก็ถามมันไป มันก็ตอบมาแบบโคตรเร่งรัด ‘ได้กับลูกชายเขาแล้วเขาเสือกมาเห็นกูเลยต้องรับผิดชอบ’ นั้นแล จอกถึงได้เข้าใจสัจธรรมอย่างท่องแท้ ฟานบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ
2 เดือนที่แล้ว ซึ่งเขาเองว่ามันก็ค่อนข้างนาน
อีกอย่างคือฟานมันบอกว่ามันรักประธานจางมานานตั้งแต่เข้าบริษัทใหม่ๆ แต่เพราะเมื่อ
2 เดือนที่แล้วประธานจางเมาหนักมาก แถมโดนคู่อริวางยาปลุกเซ็กส์
ฟานมันเลยไม่มีทางเลือก
จริงๆมันก็ไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างมันกับประธานจางเท่าไร
แต่ฟานมันแม่งโง่ว่ะ จะได้ลูกเขาแต่เสือกไปเอากับลูกเขาบนห้องลูกเขา เอ้ออ เวรแหละ...แต่ก็นั่นแหละนะ
ฟานมันยังบอกอีกว่าตอนโดนจับได้อ่ะ ปกติมันขี้ขลาดชิบหาย
ตอนโดนพ่อตาหยิบปืนมาขู่นะ มันนี่ถึงกับก้มกราบเลย ทีแรกจอกก็นึกว่ามันจะเอาฮาแบบ ‘ไว้ชีวิตผมด้วย’ งี้ แต่มันเสือกบอกว่า ‘ผมขอรับผิดชอบลูกชายของท่านครับ’ ซะงั้น
ประธานจางนี่แดกจุดเลยจ้า
ตอนนี้นี่ก็ยังไม่รู้ถึงไหนกันละ
มันบอกว่าตลอด 2 เดือนนี่ก็ตามขอโทษ ตามจีบประธานไปในตัวด้วย แล้ววันนี้มันจะตัดสินแล้วว่าสิ่งที่มันทำอยู่ประธานจางจะรับไหม
จอกเองก็ได้แต่ภาวนาให้เพื่อสมหวังล่ะนะ
ปั๊ก!! “อั่ก..ไอ้..” อยู่ดีดีลูกบอลจากไหนไม่รู้ก็ลอยปลิวละลิ่วเข้าเบ้าหน้าของมินซอกอย่างจังจนเซไปแทบล้ม
ดีที่เขาเองมีสกิลการทรงตัวอยู่บ้างจากการปีนเขาบ่อยๆ แต่ให้ตายเถอะ
ใครมันบังอาจกัน!!
คนกำลังสุนทรีย์กับการพักผ่อนแบบเต็มตัวอยู่ นี่ก็ขัดตลอด ไม่ยุติธรรมเลยพระเจ้า
มินซอกลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆก่อนมือบางจะเอื้อมไปหยิบลูกบอลเจ้าปัญหามาตีแก้หงุดหงิด
2 3 ที ลอยมาได้ไงไม่เห็นคนหล่อเดินอยู่ไง๊?
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น
ผมขอยกเลิกโครงการนี้!”
เขาเงี่ยหูฟัง มันดังมาจากทางสนามฟุตบอล
ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่ามันอาจจะเป็นเจ้าของของไอลูกบอลเฮงซวยนี่
เมเนเจอร์หนุ่มเดินไปช้าๆด้วยความเบาที่สุด
กะจะแอบปาให้โดนหัวไอคนที่เตะมามันจะได้รู้สึกว่าคนโดนเจ็บแค่ไหน
เขาแอบเห็นว่าบุคคลต้องสงสัยกำลังทะเลาะกับโทรศัพท์ตัวเองอยู่ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่มินซอกควรสนใจอยู่แล้ว กรงเหล็กกั้นลูกบอลตกมีช่องว่างแหว่งเป็นรูอยู่เล็กน้อย นั่นแหละโอกาสของมินซอก!!
“เสร็จแน่!! ไอเด็กผี” เมเนเจอร์หนุ่มรวบรวมพลังทั้งหมดไปที่ข้อมือ เตรียมตัวจะปาออกไปด้วยแรงอารมณ์ที่บอกได้เลยว่าโคตรพลุ้งพล่าน
แต่แล้ว...เขาต้องหยุดชะงัก
“ตอนนี้ผู้ปกครองของจุนมยอนคือผม!! ผมยังไม่ได้เซ็นอนุญาตให้น้องโดนคนแปลกหน้าพาไปเลี้ยงดู!!” ใบหน้าของเด็กคนนี้มีแต่อารมณ์โกรธที่พลุ้งพล่านไปหมด
มินซอกสังเกตได้
“งั้นผมต้องทำยังไงมันถึงจะเป็นของผม?”
แต่น่าแปลกที่เด็กคนนี้เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว
ประหนึ่งหน้ามือเป็นหลังมือจนมินซอกเองที่แอบขมวดคิ้วลุ้นตามถึงกับงุนงง
“ได้...ผมมีเวลากี่เดือน?”
“โอเค..ผมตกลง” พอเด็กหนุ่มพูดจบมินซอกถึงกับขมวดคิ่วมุ่น...เป็นคนที่เปลี่ยนอารมณ์เร็วนัก
ก็อาจจะใช่ที่เขาเป็นคนขี้เสือก แต่มันก็ไม่ใช่กับทุกคน
มินซอกรู้ขอบเขตว่าเรื่องไหนที่เขาควรรู้...แต่แบบ ไม่รู้ดิ เด็กนี่แม่งน่าสงสาร
เหมือนว่าเรื่องที่นางกำลังคุยธุรกิจกับปลายสายเป็นเรื่องธุรกิจขายวิญญาณยังไงอย่างนั้น
อีกอย่างคือเด็กคนนี้ยังเด็กมาก ดูอายุคงไม่เกิน 18 ปี แต่ใบหน้าที่เหมือนคนอมทุกข์เป็นสิบๆปีนั่นคืออะไรไม่รู้
“...ฮึก...” เด็กคนนั้นล้มตัวลงนอน
ใบหน้าที่ดูดีกว่าเด็กทั่วไปมีน้ำตาไหลเต็มไปหมด ทำเอาคนมองรู้สึกสงสารจับใจ
ถึงจะเสือก แต่ก็ขี้สงสารว่ะ
พลั่ก!
“อั่ก!!” เด็กคนนั้นลุกขึ้นพรวดหันมาขมวดคิ้วใส่เขาทันทีที่ลูกบอลเจ้าปัญหากระเด็นเข้าใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างจัง
“โอ๊ะ! พี่ขอโทษๆ”
“..” เด็กน้อยขมวดคิ้วเป็นการตอบ
ก่อนจะรีบหันไปเช็ดน้ำตาอีกฝั่งอย่าลวกๆ โถพ่อหนุ่มน้อย คงจะอายละสิ
“น้อง...”
“...”
“ให้พี่เล่นเป็นเพื่อนไหม?”
TBC
talk ฮาโหลลลลลลลล ยังมีคนอ่านอยู่ไหมหนอ? 5555 หายไปเป็นเดือนๆอุป้ะ!! ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากพูดความจริงว่าาาา 'คิดพล๊อตไม่ออก' 5555 ไม่ใช่เรื่องน่าขำ 5555 นอกจากจะยุ่งสมองยังตัน คิดเเล้วก็เศร้า T^T แต่กระนั้น เพราะโมเมนท์ชานแบค ไคฮุนพุ่งเข้าชน ไรท์จึงมีกำลังใจมากยิ่งขึ้น จนถึงตอนนี้ก็ขอพูดเหมือนเดิมว่าไม่ขอสัญญาเเต่จะพยายามมาต่อให้เร็วที่สุดนะเน้อ อย่าทิ้งเราเลย เราเต็ม่ี่เเล้วนะที่รักส์
มาต่อที่ฟิค..อุป้ะ! ตอนนี้ชานแบคหายจ้าาา 555 สปอยล์ตอนที่เเล้วมีชานแบคนะ เเต่เขียนพาร์ทไคฮุน ลู่หมินไปมา เอ้า! ยาวเกินไปซะงั้น เลยต้องตัดไปพาร์ทหน้า พาร์ทนี้ไม่มีอะไรมาก ที่เกินคงเพราะเรื่องของอีพี่ฟานนี่แหละ ไม่ได้เกี่ยวไรกับฟิคเเต่มีบทเยอชิบหาย 55555+ เห้ย คริสเลย์ไม่เกี่ยวนะ มีเสริมเฉยๆ อยู่ดีดีก็อยากให้ฟานมีเมีย 5555 ไม่มีเเล้วคริสเลย์อ่ะ เเค่นี้พอ 555 จะมีอีกทีก็สเปหลังจากจบนู่น ซึ่งเส้นทางยังอีกยาวไกลนะจอร์จจี้ .จับไหล่
อีกไม่กี่อาทิตย์ไรท์เตอร์ก็จะผิดเทอมเเล้ว ถึงเพลานั้นถ้าไม่ขี้เกียจคงได้มาอัพถี่ๆอะเนอะ โปรดรอด้วยยยย แล้วก็สักตอนที่ 10 ที่ 11 ไรท์ก็ว่าจะเปิดเรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่อยากแต่งมานานมากกกกกกก แนวไสยไสยเช่นเคย เน้นNCเลยเเหละ 555 เเต่ออกแนวน่ารักนะ ชานแบคเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไม่มีคู่เสริม แวร๊กกกกกก
จะไม่พูดถึงฟิคเรื่องใหม่ก่อน จะพยายามเอาเรื่องนี้ให้รอด 5555
สกรีมแท๊ก #ฟิคนักโทษของคุณปาร์ค กันได้น้าาา เราไม่ได้บังคับเเค่ร้องขอ
ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก
เรารักพวกนายน่ะ♥
หมายเหตุ:สโลแกนฟิคมันอาจตอแหลก็ได้ หึหึหึ
ความคิดเห็น