ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Incubus ฝันอันตราย ภาค The Cursed Eyes (จบ)

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58


    บทที่  6

                   

                    “อาร์โรห์  ท่าทางเจ้าไม่ค่อยดีเลยนะ  เป็นอะไรหรือเปล่า??” เสียงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงจากเพื่อนชาวมนุษย์ทำให้ร่างของอาร์โรห์สะดุ้งเฮือก  ก่อนจะรีบตอบปฏิเสธเป็นพัลวัน

                    คาร์ลมองท่าทีนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกโต

                    ...ตั้งแต่ที่คุยกันวันนั้นอาร์โรห์ก็เริ่มเงียบมากขึ้นกว่าเดิม  ไม่กล้าแม้กระทั่งจะเริ่มบทสนทนากับเพื่อนชาวมนุษย์ทั้งสองคนจนลูน่ามาปรึกษาเขาเสียหลายครั้งว่าอาร์โรห์ดูแปลกไป

                    ...คงจะตะขิดตะขวงใจสินะ...

                    “ขอโทษนะ  ข้าขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย” กล่าวก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากส่วนของร้านอาหาร

                    อาร์โรห์เดินออมาตามถนนหน้าโรงแรมที่ในตอนนี้มีร้านรวงต่างๆเปิดให้ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ได้จับจ่ายซื้อข้าวของกันจนแน่นถนน  แม้จะมีบ้างที่มีรถม้าผ่านมาจนคนที่เดินกันอยู่ต้องหลีกทางให้  แต่มันก็กลับมาแน่นขนัดอีกครั้งได้ในพริบตาเดียว

                    นัยน์ตาสีนิลมองปรากฏการณ์นั้นอย่างประหลาดใจ  ครั้งแรกที่ได้เห็นมนุษย์ใช้ชีวิตในสังคมภายนอกมันกลับสามารถตรึงอยู่ในใจเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ  เขาที่ไม่เคยคิดว่ามนุษย์มากมายที่มารวมตัวกันจะยอมให้สิ่งแปลกแยกเข้ามาในอาณาเขตได้  แต่เมื่อเขามาเห็นในวันนี้ความคิดนั้นกลับต้องถูกโละทิ้งไป

                    มนุษย์อาจจะยอมรับสิ่งแปลกแยกได้โดยไม่รู้สึกผิดแปลกหรือรังเกียจอะไรเลยก็ได้...

                    “โอ้  คุณหนูตรงนั้นน่ะ  สนใจจะดูของในร้านของข้าก่อนไหม!?” เสียงนั้นเรียกให้อาร์โรห์หันไปมองที่มาของเสียง  มันเป็นร้านขายของร้านหนึ่ง  ที่หน้าร้านมีหญิงสาวชาวมนุษย์สามสี่คนกำลังมุงดูสินค้ากันอย่างสนอกสนใจ  คนที่เป็นเจ้าของเสียงก็เป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่คาดว่าคงจะเป็นพ่อค้าที่เรียกลูกค้าอย่างสุ่มๆไปก็เท่านั้น

                    อาร์โรห์เอียงคอน้อยๆอย่างงุนงง  ก่อนจะเดินเข้าไปในซุ้มที่ถูกตั้งขึ้นมาด้วยโครงไม้แล้วเอาผ้ามาคลุมทับอย่างลวกๆและกวาดตามองสินค้าที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะอย่างสนอกสนใจ

                    “เครื่องประดับ?” อาร์โรห์กล่าวเบาๆกับตนเอง

                    ...หากซื้อไปให้ลูน่าเธอจะชอบไหมนะ...

                    ขณะที่คิดหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นปิ่นปักผมอันหนึ่งที่ถูกทำขึ้นมาจากโลหะที่เขาไม่เคยพบเห็นในโลกปีศาจ  มันเป็นสีเงินยวงทั้งอัน  มีลวดลายประหลาดที่แผ่ไอเวทอันคุ้นเคยออกมา

                    ...ไอเวทแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยพบมาก่อน  แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด...มันคืออะไรกันนะ...

                    “ข้า...ขอดูนั่นหน่อยได้ไหม...” กล่าวพลางชี้ไปยังปิ่นปักผมที่ตรึงสายตาเขาได้ตั้งแต่แรกเห็น

                    “หืม? นั่นน่ะหรือ?”กล่าวพลางมองไปยังสิ่งที่ถูกเจาะจงชี้ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาวางลงบนฝ่ามือบางๆของอาร์โรห์

                    เพียงแค่ได้สัมผัสเขาก็กลับรู้สึกโหยหาอย่างประหลาด  ลวดลายอ่อนช้อยที่ถูกสลักลงบนแท่งโลหะเพียงแค่ได้ลูบผ่านก็ให้ความรู้สึกคุ้นมืออย่างที่ไม่น่าจะมีได้กับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัส

                    ...อะไรกัน...ราวกับถูกสิ่งนี้เรียกให้เข้ามาหา...

                    อาร์โรห์เม้มปาก  อยู่ๆในอกก็รู้สึกโหวงขึ้นมาอย่างประหลาด  มือที่ถือปิ่นปักผมสั่นอย่างไม่อาจห้าม  แม้แต่ดวงตาก็ยังรู้สึกร้อนผ่าว...

                    “คุณหนู?”

                    “อะ...ขอโทษด้วย...ข้าเอาชิ้นนี้ล่ะ...”

     

                    สุดท้ายแล้วเขาก็ซื้อมันมาด้วยราคาหนึ่งเหรียญทองแดง  เห็นคนขายบอกว่าของชิ้นนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่  อาจเพราะรูปแบบที่ดูเรียบไร้สีสันและไม่มีอะไรสะดุดตา  ไม่ใช่รูปแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบอีกฝ่ายจึงยินดีขายให้อาร์โรห์ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ

                    เขาเดินเลี้ยวกลับเข้ามาในโรงแรม  และเดินสวนกับลูน่าที่เดินลงมาจากชั้นสองพอดี

                    “อาร์โรห์เจ้าไปไหนมา...” คนถูกเรียกไม่แม้กระทั่งจะสนใจคำถามของอีกฝาย  เขาตรงดิ่งกลับเข้าห้องที่ภายในมีคาร์ลและเดลอยู่  แต่เขาก็ยังคงไม่สนใจอีกสองชีวิตที่มองมาอย่างประหลาดใจ  เขาตรงดิ่งไปที่เตียงของตนเองและสร้างอาณาเขตสีดำขึ้นมาคลุมเพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวน

                    ปิ่นสีเงินถูกดึงออกมาสำรวจอีกครั้ง  ไอเวทที่เริ่มแผ่ออกมารุนแรงขึ้นตั้งแต่มาอยู่ในมือเขาทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น  นิ้วมือไล่สัมผัสไปบนลวดลายที่ถูกสลักไว้อย่างวิจิตร  แต่เพียงแค่นั้นมันก็ส่องแสงสีเงินเรืองๆออกมาจนเขาต้องหลับตาหลบแสงที่อยู่ๆก็สว่างขึ้นมา

    แสงนั้นสว่างอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะค่อยๆจางหายไป  อาร์โรห์ลืมตาขึ้นมองสิ่งที่อยู่ในมือ  แต่ในตอนนี้มันกลับไม่ใช่ปิ่นปักผมสีเงินที่มีลวดลายอ่อนช้อยสลักเอาไว้อีกต่อไป  มันกลับกลายเป็นกริชสีดำโปร่งแสงที่ราวกับถูกสร้างมาจากแท่งแก้วสีนิล  หากแต่กลับมีประกายแสงเล็กๆมากมายราวกับใครเอากากเพชรมาโรยใส่ส่องประกายงดงาม

    อาร์โรห์มองความเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างตกตะลึง

    ยอมรับ...สายเลือดแห่งเคียรัน...

    “ใครน่ะ!?”

    ข้าคือ...สิ่งยืนยัน...

    เจ้าคือ...สายเลือด...แห่งเคียรัน...

    สิ่งที่ได้ยินทำให้คิ้วของอาร์โรห์ขมวดมุ่น  แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ได้รับฟัง...อะไรคือสายเลือดแห่งเคียรัน  แน่นอนว่าเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน  และยิ่งไปกว่านั้น...

    ...ชื่อนี้เพียงแค่ได้ยินก็ทำให้เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง...

    “อาร์โรห์  เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย!?” เสียงของเดลที่ดังขึ้นเรียกให้อาร์โรห์ได้สติ  ก่อนจะสลายเขตแดนและหันไปมองทางต้นเสียง  แต่สิ่งที่รอรับเข้าอยู่กลับเป็นใบหน้าตกตะลึงของคาร์ลและเดลที่ทำให้คิ้วเรียวๆของเขาขมวดมุ่น

    “อะไร...มองข้าแบบนั้นทำไมน่ะ??”

    “ตาเจ้า...ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ?”

    “หา?”

    ท่าทีงุนงงของอาร์โรห์ทำให้คาร์ลต้องโบกมือออกไปด้านหน้า  สร้างกระจกเงาขึ้นตรงหน้าอาร์โรห์  และเพียงแค่อีกฝ่ายเห็นสภาพของตนเองชัดๆ  อาร์โรห์ก็เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตื่นตระหนก

    “นี่มันอะไรเนี่ย!!!?”

    แน่นอนว่าคำถามนั้นไม่มีใครตอบให้เขาได้

    ร่างที่สะท้อนอยู่ในกระจกแม้ว่าจะมีใบหน้าเหมือนกับเขา  แต่ดวงตาที่ควรจะเป็นสีนิลกาลกลับกลายเป็นสีแดงดั่งทัพทิม  ใบหูที่ควรจะกลมรีเหมืนกับใบหูของมนุษย์  บัดนี้กลับเรียวแหลม  อีกทั้งใต้ดวงตาทั้งสองข้างยังปรากฏรอยสีฟ้าครามเป็นเส้นสองเส้นติดอยู่  จะเช็ดเท่าไหร่ก็เช็ดไม่ออก...

    อาร์โรห์เม้มปาก  ก่อนที่จะนึกได้ว่าตนเองได้ถือบางสิ่งบางอย่างไว้ในมือ  เขายกมันขึ้นมาในระดับสายตา  เมื่ออยู่ในที่สว่างอาร์โรห์จึงได้สังเกตเห็นว่าใบกริชสีดำนั้นส่องแสงสีเงินเรื่องๆออกมา  ไอพลังที่แผ่ออกมานั่นก็ยิ่งทำให้เขาคุ้นเคย  แต่มันก็คงอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่ไอพลังจะหายไปในที่สุด

    แต่ถึงอย่างนั้นสภาพเขาก็ยังไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม...

    “เมื่อกี้นี้ข้าเห็นอาร์โรห์กลับมาแล้วมีท่าทีแปลกๆ  เขาเป็นอย่างไร...บ้าง...” ลูน่าที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยถามรัวเร็ว  แต่เมื่อตวงตาสีมรกฎเหลือบไปเห็นอาร์โรห์ชัดๆดวงตาของเธอก็ค่อยๆเบิกขึ้นอย่างตระหนก

    “น...นั่นใครน่ะ!!!!?”

     

    “แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อล่ะ??  อาร์โรห์ในสภาพนี้คงออกไปเดินโทงๆตามถนนไม่ได้”

    “อ้าว  แล้วเวทลวงตาหรือเวทแปลงกายอะไรเทือกๆนั้นล่ะ?”

    “ไม่ไหวหรอก  มาเสียพลังเวทไปเปล่าๆแบบนั้นน่ะ”

    “แต่จะให้อยู่ในเมืองนี้ต่อก็ไม่ได้  สภาพแบบนี้ถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงแย่”

    “งั้นก็ต้องรีบออกจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุดโดยที่มีคนรู้น้อยที่สุด”

    “จะออกไปยังไงล่ะ  ที่นี่เป็นเมืองใหญ่  มีทหารคอยตรวจตราอยู่ตลอดเวลานะ”

    “นั่นล่ะคือปัญหา  เราไม่รู้ว่าอาร์โรห์อยู่ในร่างนี้แล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง  จะให้เคลือนไหวในรูปแบบอื่นนอกจากเดินก็เสี่ยงเกินไป”

    “ข้าไม่เป็นไรหรอก” เพียงแค่เสียงของผู้เป็นหัวข้อสนทนาซึ่งในตอนนี้สวมผ้าคลุมราวกับพร้อมเดินทางดังขึ้นมาก็สร้างความเงียบขึ้นมาครอบคลุมภายในห้องได้ในเวลาเพียงอึดใจเดียว “ออกไปจากที่นี่เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีสินะ??  ออกไปคืนนี้เลยก็ได้”

    “เอาจริงหรืออาร์โรห์  ร่างกายเจ้าไม่เป็นไรแน่นะ” เดลอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม  แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือการพยักหน้า

    อาร์โรห์ยกมือภายใต้ถุงมือผ้าสีดำเก่าๆขึ้นมาขยับ “ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างในร่างกายก็จริง  แต่เหมือนจะไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร  แถมยังช่วยเสริมพลังให้ข้าด้วย...”

    “...ข้ารู้สึกว่าข้าแข็งแกร่กว่าก่อนหน้านี้เสียอีก”

    “งั้นก็ดีแล้วล่ะ” คาร์ลกล่าวก่อนจะลุกขึ้น “รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง  เมื่อไหร่ที่ดวงจันทร์ขึ้นถึงกลางศีรษะ  เราจะออกเดินทางกัน”

     

    เมื่อดวงจันทร์ขึ้นอยู่กลางศีรษะก็เป็นเวลาที่เมืองทั้งเมืองจะเงียบสงบ  แต่ในเวลานี้กลับมีคนสองกลุ่มเคลื่อนที่ตรงไปยังประตูเมืองที่ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา

    กลุ่มหนึ่งมีจำนวนเพียงสี่คน  สมาชิกในกลุ่มมีปีศาจสองและมนุษย์อีกสอง

    ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากกว่าถึงสิบเท่าได้  ทุกคนในกลุ่มต่างมีอาวุธครบมือและกำลังไล่ตามคนกลุ่มแรกอย่างเอิกเกริก

    แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีชาวเมืองคนใดเปิดหน้าต่างบ้านออกมาก่นด่าสาปแช่งพวกเขา

    “จับพวกมันให้ได้!! แล้วท่านเลียร์จะให้รางวัลพวกเจ้าอย่างงาม!!!

    “เฮ!!!

    “แล้วจะเอาไงล่ะทีนี้!!?” เดลตะโกนถามฝ่าเสียงอึกกะทึกของกลุ่มชาวเมือง

    “ไม่ยังไงล่ะ ถ้าเป็นไปได้อย่าใช้กำลัง  แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าใช้เวทออกมาละกัน!

    นั่นคือคำตอบจากคาร์ลที่ยังดูจะวิ่งได้สบายๆ  แต่ที่สบายที่สุดเห็นทีจะเป็นอาร์โรห์ที่ไม่มีแม้กระทั่งเหงื่อสักเม็ดผุดขึ้นมา  ทั้งๆที่ใช้พลังกายล้วนๆแท้ๆ

    ส่วนเดลกับลูน่าน่ะเหรอ...เหงื่อแตกหอบฮักแข่งกันอยู่เนี่ย!!

    แต่แล้วทั้งสี่ก็ต้องเบรกกันตัวโก่งเมื่อมีชาวเมืองที่มีอาวุธครบมืออีกกลุ่มโผล่ามาดักหน้าพวกเขาไว้  ทั้งๆที่ประตูเมืองก็อยู่ใกล้แค่นี้แล้วแท้ๆ...

    “ชิ...ช่วยไม่ได้งั้นเหรอ...”

    เป็นเสียงสบถของอาร์โรห์ที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน  นัยน์ตาที่ตอนนี้เป็นสีทัพทิมใต้หมวกฮู้ดของผ้าคลุมกลอกมองรอบด้านรอบหนึ่ง  ก่อนที่เขาจะดึงเอามีดที่ได้มาตอนช่วยลูน่าออกมาใช้

    “เฮ้ย! เดี๋ยวอาร์โรห์!! นั่นมันมีดเวท….!!!

    ไม่มีใครสามารถห้ามอาร์โรห์ได้ทัน  ร่างของเด็กหนุ่มอินคิวบัสเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้าไปในกลุ่มชาวเมืองได้โดยที่ไม่มีใครเห็นแม้แต่เงา

    ชาวเมืองคนแล้วคนเล่าล้มลงหมดสติ  บางคนก็ล้มลงเพราะได้รับบาดเจ็บที่ขา  แต่ที่แย่ที่สุดดูจะเป็นคนที่ถูกแทงเข้าที่กลางลำตัว  แม้จะไม่ถึงชีวิต  แต่เลือดกลับไหลนองออกมาอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด

    ทั้งสี่คนต่างขมวดคิ้วมุ่น  โดยเฉพาะเดลที่มองสภาพของคนที่ล้มลงแต่ละคนแล้วคิ้วทั้งสองข้างก็แทบจะขมวดเป็นปม

    ...อาร์โรห์เป็นอะไรไป...

    หลังจากทนดูอยู่ครู่หนึ่ง  ในที่สุดเดลก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป  เขาแผ่พลังเวทออกไป  ดันเอาผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปห่างๆ  เหลือเพียงพวกเขาสี่คน

    ในที่สุดอาร์โรห์ก็หยุดการเคลื่อนไหว  เขามองมายังเดลด้วยสายตาไม่เข้าใจ

    “พอเถอะอาร์โรห์  มากพอแล้วล่ะ” หลังจากที่คำพูดนั้นจบลงเสียงร้องอย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้นจากชาวเมืองที่เริ่มพากันวิ่งหนี

    “ปีศาจ!!! มีปีศาจบุกเข้ามาในเมือง!!!! ใครก็ได้ช่วยที มันกำลังจะฆ่าข้า!!!!!

    “มันมีพลังเวท!!! นัยน์ตาต้องสาปของราชาปีศาจเดทฮีล!!!!

    “พลังต้องสาป!! พลังต้องสาป!!!!

    อาร์โรห์ขมวดคิ้วมองเหล่ามนุษย์ที่พากันวิ่งหนีและส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก

    “เดล  ถ้าเป็นแบบนี้เจ้าถูกตามล่าแน่”

    “ช่างมันสิ  ข้าไม่อยากให้เจ้ามาฆ่าคนหรอกนะ  พอแล้วล่ะอาร์โรห์”

    อาร์โรห์ถอนหายใจเฮือก  ยอมเก็บมีดเข้าไปใต้เสื้อคลุมแต่โดยดี “ถ้าอย่างนั้นก็รีบปลดเขตแดนเถอะ  เราต้องรีบหนีก่อนที่จะมีใครมาตามล่าเราอีก”

    “อืม” เดลพยักหน้ารับพร้อมๆกับที่เขตแดนสลายไป  ทั้งสี่คนจึงรีบออกจากเมือง
     

    __________________________________________________________
    ในที่สุดไรท์ก็สามารถปลีกตัวมาจากการเรียนพิเศษมาอัพแล้ว//ฮู่เร่
    ไม่ได้แตะคอมมานานพอสมควร  รู้สึกมือแข็งๆ(?)
    แต่ไม่เป็นไร! ไรท์จะพยายามมาอัพบ่อยๆนะคะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×