ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo] GIDDY CHANYEOL {chanbaek}

    ลำดับตอนที่ #7 : ช า น มึ น : ต อ น ที่ ห ก

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 58




    ต อ น ที่ ห ก
     

     

     

     

    แฟนหรอ?”

     

    โอ้โห....ผมนี่แทบพุ่งเลยครับ

    ดีว่ายังไม่ทันดื่มน้ำ ถ้าหากได้กระดกเข้าไปแล้วล่ะก็ได้พุ่งออกมาเป็นสายฝนแหงแหงบ แบคฮยอนรีบส่ายหน้าหลังจากที่ตั้งสติได้พร้อมกับโบกมือจนมันตีกันไปมาเพราะลนลาน

    ฟะ....แฟนเฟินบ้าบออะไรกัน!

    “....ตามนั้นเลยคนที่ถูกถามยักไหล่น้อยๆไม่คิดจะตอบคำถามด้วยตัวเอง รุ่นพี่ผู้หญิงคนนั้นเอียงคอมามองเขาอีกครั้งแน่นอนว่าแบคฮยอนรีบโบกมืออีกเช่นเคย แค่น้องครับ ผมเป็นแค่น้องข้างบ้าน

    อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ร่างเล็กระบายยิ้มแหย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อประโยคถัดไปดังออกมา

    ตอนนี้ชานยอลยังไม่ขอคบสินะ

     

    หน้าตากูมันมีอะไรที่บ่งบอกว่ากำลังโดนชานยอลจีบหรอ!?

     

     แน่ะ ไม่ฟังคำปฏิเสธด้วย เดินหนีไปเลย

    อยากจะเดินตามไปอธิบายเหลือเกินแต่ในเมื่อคนข้างตัวไม่มีท่าทางเดือดร้อนอะไรแบคฮยอนเลยเข้าใจว่าอาจจะเป็นแค่เรื่องแซวกันขำๆ ปาร์คชานยอลขยับเลื่อนโต๊ะเล็กๆแถวนั้นมาให้แล้ววางของกินลงบนนั้น เอ้ากินข้าวสิ

    เสียงผู้คนในห้องสโมสรนักศึกษาประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง มีบางช่วงที่เฮกันขึ้นมาดังๆสองสามครั้งก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะ แน่นอนว่าคนที่เรียนอยู่คณะนี้อย่างคนที่นั่งข้างๆไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไรมากเท่าไหร่ ผิดกับแบคฮยอนที่คอยแต่จะชะเง้อคอไปมอง

    ถ้ามีงานพี่ก็ไปทำต่อก็ได้นะ เดี๋ยวผมนั่งอยู่ตรงนี้แหละ

    จะไม่หนีไปไหนใช่มั้ย?

    เออน่า นั่งตรงนี้แหละ

    พอเห็นมีคนบางส่วนทยอยเดินออกจากห้องแบคฮยอนเลยรีบเอ่ยปากบอกอีกคนพร้อมกับรับคำมั่นเหมาะว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ปาร์คชานยอลให้เขามาที่นี่ก็คงเพราะอาจจะอยากหาข้าวให้ทาน แต่พอดีว่าเขาได้รับมาจากพี่รหัสแล้วเลยกลายเป็นว่ามาที่นี่เพื่อนั่งทานข้าวด้วยกันเฉยๆเสียอย่างนั้น

    ว่างายยยย

    สวัสดีครับพี่ได้ยินเสียงคุ้นๆทักมาศีรษะเล็กเลยยกขึ้นจากจอโทรศัพท์ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อทักทายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเพราะนั่งร่วมวงเหล้ากันมาก่อน รุ่นพี่อีทึกเจ้าของลักยิ้มข้างขวาที่ตอนนี้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า

    มาทำอะไรนิ?”

    รอคนข้างบ้านอะพี่ แล้วนี่พี่มาทำไร

    เห็นหน้าแบบนี้ ประธานสโมฯนะไม่อยากจะบอก

    หูยยยยย เด็ดๆทำปากจู๋แล้วเบิกตากว้างให้ความสนใจกับตำแหน่งของประธานสโมสรนักศึกษาทำเอาคนที่พรีเซันต์ตัวเองไปเมื่อครู่อดยืดไม่ได้ก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของเด็กต่างคณะแล้วขยี้มันเบาๆ

    หน้าตาน่ารักๆก็ระวังหน่อยล่ะ แถวนี้กระทิงแรดมันเยอะ

    โหย...หล่อแท้แม่ให้มาแบบนี้จะมาน่ารักอะไรอีก แต่จะว่าไปสาวๆวิดวะนี่ก็สวยอยู่นา

    เตือนไว้ก่อนว่าที่เห็นกับที่เป็นมันไม่เหมือนกัน

    อีทึกทำหน้าแหยงก่อนจะเอ่ยปากเตือนด้วยความหวัง แบคฮยอนหัวเราะเบาๆก่อนจะชะงักหันไปทางซ้ายมือของตัวเองเมื่อพบว่าปาร์คชานยอลที่เดินหายไปเมื่อซักครู่กำลังเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อชอปสีกรมท่า คิ้วเรียวน้่นขมวดเข้าหากันนิดหน่อยเมื่อเห็นร่างโปร่งของรุ่นพี่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยก้น

    “....อะว่าสั้นๆก่อนจะโยนเสื้อชอปที่คาดว่าน่าจะไปหยิบในรถมาลงบนตักเล็ก แบคฮยอนทำหน้างง เอามาทำไมอะ

    “.......เผื่อหนาว

    ตอแหล......”

    พี่คังอินบอกว่าถ้าไม่ออกไปหาตอนนี้จะแฉเรื่องที่พี่กินเหล้าครั้งแรกให้น้องปีหนึ่งฟัง

    เย็ดเป็ด! ไปก่อนนะแล้วเจอกันเด็กข้างบ้าน

    แล้วบ้านเขากับบ้านของรุ่นพี่อีทึกไปอยู่ติดกันตอนไหนเนี่ย...

    คนที่โดนขู่สบถออกมาสั้นๆก่อนจะหันมาโบกมือลาเขาแล้ววิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ก็แต่สีหน้างงๆของเด็กข้างบ้านที่ตอนนี้กำลังมองเสื้อที่อยู่บนตักตัวเองกับร่างสูงที่อยู่ในชุดนักศึกษา

    แอร์มันไม่ได้เย็นมาก.....”

     

    เออน่า ถ้าไม่ใส่ก็ถือไว้ เข้าใจมั้ย

     

    ร่างสูงกำชับอีกรอบหนึ่งพร้อมกับใช้สายตาดุๆจ้องมายังตักของเขา แบคฮยอนเลยพยักหน้ารับทั้งที่คิ้วยังคงขมวดเข้าหากันแน่น

    “.....แต่จริงๆ คลุมเอาไว้ก็จะดีกว่า

    ไม่ได้ว่าเฉยๆ ยังเดินเข้ามาใกล้พลางหยิบเสื้อที่วางอยู่บนตักขึ้นมาสะบัดนิดหน่อยแล้วจัดการคลุมมันลงที่ศีรษะเล็ก พอแบคฮยอนทำท่าจะปัดออกก็โดนมือใหญ่ขยี้ซ้ำลงมา

    ถ้ากลับมาแล้วไม่เห็นว่านายสวมมันไว้....ฉันจะบอกแม่นายว่านายดื้อ

    เฮ้ย! ไรวะ! เดี๋ยวดิ!!”

     

    ------ GIDDY CHANYEOL ------

     

    คิดถูกคิดผิดวะเนี่ยที่ยอมตามคิมจงอินมาถึงที่นี่.....

    เขาปล่อยเวลาทิ้งให้เปล่าๆปลี้ๆมาสองชั่วโมงแล้ว ตอนแรกก็นั่งอยู่ในห้องแต่พอนานเข้าเขาก็ออกมาเดินด้านนอกเพื่อหาอะไรทำ โอเคอาจจะไม่ได้หาอะไรทำแต่ก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆ เขาไม่กล้าเดินผ่านใต้ตึกที่ตอนนี้มีกลุ่มคนขนาดใหญ่กำลังนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้นโดยมีเสียงตวาดของใครบางคนดังก้องอยู่

    แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยทำให้ร่างบางแอบหามุมเหมาะๆในการแอบมอง มีรุ่นพี่ยืนล้อมวงกลุ่มรุ่นน้องที่กำลังนั่งไว้ในขณะที่ด้านหน้าก็มีผู้ชายร่างสูงท่าทางดุดันกำลังตวาดด้วยน้ำเสียงดุดันจนคนที่แอบฟังอดสะดุ้งด้วยไม่ได้

     

    ปีนเกลียวกันแบบนี้ก็ไมีต้องมีกันแล้วมั้งครับรุ่นพี่รุ่นน้องน่ะ!”

     

    โอ้เหยดเข้....พี่วินัยที่คณะเขามาเจอนี่ยังต้องหงออะบอกเลย

    แบคฮยอนทำหน้าเบ้เมื่อพบว่ารุ่นพี่ที่นี่โหดกว่าพี่วินัยของเขาเป็นไหนๆ ถ้าให้คะแนนเต็มสิบพี่วินัยก็คงอยู่แค่ห้า แต่พอมาเจอที่คณะนี้เขาให้สิบห้าไปเลย

    “.....เฮ้

    หือ?”

    “.....ชิบละระหว่างที่กำลังดูความเป็นไปกับระบบว้ากของคนต่างคณะ ใครบางคนก็สะกิดหัวไหล่พร้อมกับส่งเสียงทัก พอแบคฮยอนหันกลับไปอีกคนก็ขยับถอยห่างก่อนจะสบถพลางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไปครึ่งหนึ่งเหลือเพียงดวงตาที่เสมองไปทางอื่น และถ้าหากว่าแบคฮยอนไม่ได้ตาฝาดแก้มที่โผล่พ้นมือขึ้นมานั่งกำลังแดง

    ........แดกจุดเลยครับ

    “....แป๊บนะ ขอเวลาแป๊บนึง

    ร่างสูงนั่นหมุนตัวกลับไปยืนพึมพำอะไรซักอย่างอยู่คนเดียวในขณะที่บยอนแบคฮยอนก็ยืนนิ่งๆ เขาติดว่าเขาพอจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ และทางที่ดีเขาควรจะเดินหนีไปมั้ย หรือว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทมากเกินไป

    แต่เขาก็ไม่ควรโดนผู้ชายด้วยกันสารภาพรักป่าววะ!?

    เออ อาจจะไม่ใช่สารภาพหรอก แต่ดูแล้วมันก็คงจะใกล้เคียง อีกคนวิ่งเข้ามาหาเขาทำหน้าแดงเพียงเพราะจะเข้ามาบอกว่าเขาไม่ได้รูดซิบกางเกงงั้นหรอ

    ว่าแล้วก็แอบมองเป้าตัวเองซักหน่อย....

     

    บ้าหรือไง! ก็รูดซิบสนิทนะเว้ย

     

    ถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าตัวเองกำลังจะเสียสติ เขาเป็นแบบนี้ตลอดเวลามีคนเข้าหาแบบนี้ อยู่โรงเรียนเก่าแน่นอนต้องเจออยู่แล้วในเมื่อมันเป็นโรงเรียนชายล้วน แต่ถึงกระนั้นแบคฮยอนก็ไม่เคยชิน

    “.....แบคฮยอน...? แบคฮยอนใช่มั้ย

    ใช่.....ครับคำสุดท้ายตัดสินใจที่จะใส่เข้าไปเมื่อพบว่าอีกคนอาจจะอายุมากกว่าก็ได้ พี่ชื่อมินโฮ....ชเวมินโฮ

    “......” เขานิ่ง ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรตอบกลับไปได้แต่ยืนมองอีกคนทำท่าเงอะงะก่อนที่คนที่ชื่อมินโฮจะสบถออกมาอีกครั้ง นิ้วเรียวสอดเข้าไปที่เส้นผมตัวเอง เสยมันขึ้นไปพลางพ่นลมหายใจออกมา

    ขอเบอร์ได้ไหม....ไลน์ก็ได้ อะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้จักกันมากกว่านี้

    “.......”

    โอ้โห.......โอ้โห.......

    เขาไม่รู้จะอุทานคำไหนนอกจากคำนี้เลยจริงๆ

    แบคฮยอนเผลอทำหน้าตะลึงก่อนจะรู้สึกว่ามือไม้มันเกะกะ เขาขยับเสื้อชอปของปาร์คชานยอลที่ถือไว้ที่มือขวาย้ายไปมือซ้าย จนทำให้ชเวมินโฮได้สังเกตเห็นมัน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น

    นั่น.....ของใครหรอ?”

    หะ? อ่อ....ของ....”

    “....ของกู มีอะไรยังไม่ทันจะได้ตอบเจ้าของเสื้อก็เดินมาจากทางด้านหลังพลางตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆที่เป็นปกติแต่ถ้าหากเขาไม่ได้รู้สึกไปเองมันมีความหงุดหงิดเจืออยู่นิดหน่อย

    ....แล้วปาร์คชานยอลจะหงุดหงิดเรื่องบ้าอะไร

    ที่เขาไม่ได้สวมเสื้อใช่ไหม....?

    ชิบหายแล้วไง

    พอคิดได้ก็จัดการขยับเสื้อออกมาคลุมไหล่ตัวเองเอาไว้แล้วหันกลับไปมองอีกคนที่กำลังส่งสายตามาคล้ายกับจะบอกว่า 'ฉันฟ้องแม่นายแน่' อะไรทำนองนั้น

     

    เด็กมึง?”

     

    “....เออ

    พี่ช่วยเติมคำว่าข้างบ้านเข้าไปด้วยได้มั้ยแบคฮยอนกระซิบ กัดฟันกรอด เขาไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขนาดแปลคำว่า 'เด็ก' ในความหมายของอีกคนไม่ออก และไม่ชอบใจเท่าไรนักที่ปาร์คชานยอลไม่คิดจะแก้ไขให้มันถูกต้อง คนที่ชื่อมินโฮหันมามองเขาสลับกับคนข้างบ้านที่ยืนเอาหัวไหล่แนบชิดแสดงความสนิทสนม

    “........”

    “...โอเค ได้...งั้นโทษที ไม่รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว

    ในที่สุดอีกคนก็ยอมถอยออกไป สายตาของเขาจ้องมองมายังเสื้อที่คลุมอยู่บนไหล่ของแบคฮยอน บ่นพึมพำแล้วเดินหายไป

    วันนั้นก็ให้คนโน้นใส่ วันนี้ก็คนนี้ใส่ คิดว่าจะมีเด็กกี่คนก็ได้ไงวะ

    นับว่าเป็นโชคดีของแบคฮยอนที่ไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น

    ก็บอกว่าให้ใส่เสื้อไว้ ไม่ต้องคลุมแล้วสอดแขนเข้าไป

    พอคนที่สามหายลับไปจากบริเวณนี้มือใหญ่ก็จัดการดึงเสื้อชอปของตัวเองขึ้นแล้วจัดการจับแขนของคนตัวเล็กให้สวมให้เสร็จสรรพ แบคฮยอนเบิกตากว้างขึ้นมานิดหน่อยก่อนจะร้องโวยวาย

    เฮ้ยเดี๋ยวดิพี่! เสื้อชอปกับชุดนักศึกษาเนี่ยนะ โอย ไม่เอา

    ไม่ใส่เสื้อแล้วเป็นไง....ชอบรึไงโดนผู้ชายจีบเนี่ย

    ก็เปล่า บ้าหรอใครมันจะไปชอบ

    งั้นก็อย่าดื้อน่า....”

     

    “.....แล้วพี่หงุดหงิดทำไมวะ

     

    หลังจากที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันได้ซักพัก พอโดนคำถามเข้าไปแบบนั้นปาร์คชานยอลก็เลยนิ่ง คนโดนจีบมันก็ผมปะ?”

    ยิงซ้ำเข้าไปอีกทีแน่นอนว่าคนตัวสูงก็เหลือบมองใบหน้าหวานที่กำลังขยับปากบ่นพึมพำอีกเล็กน้อยโดยไม่ได้สนใจเขา ชานยอลปล่อยมือออกเลิกเซ้าซี้ก่อนจะหันหลังให้

    “....กลับบ้านกัน

    หื้อ? เสร็จธุระแล้วหรอ?”

    อือ

    ไม่มีการจับมือแล้วลากให้เดินตาม แบคฮยอนมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินห่างออกไปด้วยใจหวิวๆแบบที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

     

    ------ GIDDY CHANYEOL ------

     

    แม่เขากลับมาเร็วกว่ากำหนด

    เขาไปนอนค้างบ้านของคนข้างบ้านอีกสองคืนก่อนที่แม่จะกลับมา จะว่ามันปกติก็คงปกติหรือไม่ก็อาจจะเป็นแบคฮยอนที่คิดไปเองว่าปาร์คชานยอลแปลกไปหลังจากวันนั้น จากที่เคยคิดจะจับก็จับคิดจะทำอะไรก็ทำเหมือนกับว่าอีกคนจะระมัดระวังมากขึ้น เขาว่ามันก็เป็นเรื่องดีนะ

     

    แต่มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้

     

    ช่วงนี้กิจกรรมที่มหาลัยก็มากขึ้น ชานยอลไม่ได้กลับบ้านพร้อมกันอีกหลังจากที่แม่กลับมา เขาเองก็มีกิจกรรมที่เรียกว่าดีแอคเหมือนเป็นการร่วมร้องเล่นเต้นกับพี่อะไรประมาณนั้นซึ่งพี่ๆจะสอนเต้นสันทนาการในขณะที่ชานยอลบอกว่าไปเตรียมตัวเรื่องทำบ้านรับน้องใหญ่ของมหาลัย

    แบคฮยอนเดินออกมาหน้าบ้านในช่วงเย็นพระอาทิตย์เริ่มจะตกดินแล้วแม่เลยไล่ให้เขาออกมารดน้ำต้นไม้โดยเฉพาะดอกไม้ของแม่ที่ดูเหมือนจะเป็นห่วงกันมากเสียเหลือเกิน

    แอบเหลือบมองไปทางข้างบ้านที่ตอนนี้ยังคงมืดสนิทบ่งบอกว่ายังไม่มีคนกลับมาบ้าน เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินไปหยิบสายยางจัดการเปิดน้ำแล้วยืนอยู่ตรงหน้ากระถางต้นไม้ของแม่จ้องมันอยู่นาน

     

    แม่กลับมาแล้ว ร่างเริงรื่นเริงเลยสิมึง

    เออขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้มารดน้ำให้

    ไม่ต้องมาทำเหี่ยวใส่เลยนะ

    เออ กูทำมึงเหี่ยวเองอะ ขอโทษ

    แต่มึงก็ไม่ควรทำมึนแบบนี้ใส่กูป่าววะ

    ไม่...มึงไม่ได้เพิ่งทำ มึงเป็นแบบนี้มานานแล้ว

     

    ตกลงว่านี่เขาคุยกับดอกไม้...หรือระบายความอัดอั้นที่มีต่อคนข้างบ้านกันแน่

    สุดท้ายแบคฮยอนเลยทนอึดอัดไม่ไหวเดินไปปิดน้ำแล้วโยนสายยางออกไปไว้ทางด้านข้างทิ้งตัวลงนั่งยองๆหน้ากระถางต้นไม้ของแม่ด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันนิดหน่อยก่อนจะเอื้อมมือไปดึงใบไม้ที่ติดอยู่กับลำต้นด้วยแรงที่ไม่มากนัก

    ถ้าดึงจนมันหลุด น่ากลัวว่าไอ้ที่จะหลุดเป็นอันต่อไปก็น่าจะหัวเขานี่แหละ

    ยัยป้าในบ้านนั่นหวงตันไม้อย่างกับอะไรดี

     

    มึง....ไปบอกคนข้างบ้านมึงด้วยนะ ถ้าลำบากมากนักก็เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว

    “....ถ้าอยากจะมีเวลาจีบสาวมากขนาดนั้นก็บอกกันตรงๆก็ได้

    ไม่เห็นต้องทำตัวให้กูรู้สึกอึดอัดแบบนี้เลย.....”

     

    ย่าห์! แกทำอะไรดอกไม้ของแม่น่ะ!”

    นั่นไง ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรอีกคนก็ส่งเสียงก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้าน เอามือข้างนึงเท้าเอวไว้ส่วนอีกข้างก็เขกลงบนศีรษะกลมของลูกชายที่ทำท่าจะทำร้ายดอกไม้ของเธอ

    โอ๊ย....ผมแค่จับ จับใบไม้เองนะป้า

    ไม่เชื่อ แม่เห็นแกกำลังใส่อารมณ์กับลิซซี่

    ลิซซี่?”

    ช่าย~ นี่ลิซซี่น้องแก รู้จักไว้ซะสิ แล้วทีหลังอย่ารุนแรงกับน้องอีกนะ

    เขาว่าเขาเพี้ยนแล้วนะที่คุยกับดอกไม้ แต่ดูเหมือนแม่จะหนักกว่าถึงกับตั้งชื่อให้เลยหรอเนี่ย!

    ไม่ต้องมามองแม่แบบนั้น ล้อเล่นหรอกน่า

    “.....นี่ผมเชื่อเลยนะเนี่ยป้าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะโดนเขกศีรษะอีกหนเมื่อได้ยินคำว่าป้าหลุดออกมาจากปากลูกชายตัวเอง มือเล็กคลำหัวตัวเองป้อยๆแล้วทำหน้าเบ้ และก่อนที่จะได้ทำอะไรอย่างอื่นต่อไปเสียงรถของคนข้างบ้านก็ดังขึ้น แสงไฟจากหน้ารถส่องมายังหน้าบ้านของเขา

    แบคฮยอนขยับลุกพรวดขึ้นยืนแล้วชะเง้อคอไปมอง ทำหน้าสลดนิดหนึ่งเมื่อพบว่ารถคันที่มาจอดไม่ใช่คันประจำของคนข้างบ้าน แต่แล้วก็ต้องโค้งตัวลงเล็กน้อยเมื่อพบว่าเป็นคุณพ่อของปาร์คชานยอลที่เดินลงมาจากรถ

    สวัสดีครับคุณลุง

    แบคฮยอนนี่เอง....อ้า คุณยุนฮีสวัสดีครับ

    เจอกันอีกแล้วนะคะคุณจุนยอง

    ชายวัยกลางคนขยับร่างกายตัวเองมาหยุดอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน เห็นแบบนั้นแล้วคนเป็นเด็กเลยถอยตัวเองเดินเข้าบ้านไปปล่อยให้ผู้ใหญ่สองคนยืนคุยกันที่หน้าบ้าน โทรศัพท์สั่นครืดคราดไม่ต่อเนื่องบ่งบอกว่ามีคนส่งไลน์มาหาเขารีบหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าตัวเองถูกลากเข้าไลน์กรุ้ปที่มีชื่อว่า 'Handsome Boy At Phamaceutical' มีสมาชิกสามคนนั่นคือโอเซฮุน อีทงเฮและเขา

     

    MR.OH

    มึงตกลงจะเลือกบ้านรับน้องบ้านไหนกัน? 18:34

    ส่งใบสมัครพรุ่งนี้แล้วนะ 18:34

     

    ทงเงย์คนแมนแดนมหัศจรรย์

    มีรุ่นพี่แนะนำบ้านเอสเอ็ม 18:36

    กูว่าจะเลือกบ้านนี้ 18:36

    หรือพวกมึงจะเอาไง 18:36

     

    read by 2 18:36 บ้านเอสเอ็มคือไรวะ

    read by 2  18:37 บ้านพวกนิยมความรุนแรงหรอ

     

    MR.OH

    กูเล็งบ้านเริ่ดอะ พี่โจควอนบอกว่าผู้หญิงเยอะ 18:37

    เออ ละเอสเอ็มนี่ย่อมาจากไรวะ 18:37

     

    ทงเงย์คนแมนแดนมหัศจรรย์

    ซุปตาร์มิวเซียม 18:38

    อยู่แล้วเหมือนจะได้เป็นซุปตาร์ 18:38

    ก็เหี้ยและ บ้านเริ่ดกระเทยเยอะไอ้สัด 18:39

    โดนหลอกแล้วควาย 18:39

     

    แบคฮยอนหลุดขำออกมาเมื่อพบว่าโอเซฮุนโดนหลอกเข้าเต็มเปา ตอนนี้เขากำลังถกประเด็นปัญหาเรื่องของบ้านรับน้องที่เป็นการเลือกเองว่าจะเข้าบ้านไหน ไม่ได้จำเป็นจะต้องแยกตามคณะเพราะทั้งหมดนี่เราสามารถนัดเพื่อนโรงเรียนเก่าให้มาเลือกบ้านเดียวกันได้ แต่น่าเสียดายที่เพื่อนสนิทของเขาไม่มีติดที่นี่เลยซักคน เพราะอย่างนั้นก็คงได้แต่เลือกที่จะตามพวกมันสองคนไป

     

    MR.OH

    กูว่าแล้ว...สาวๆแม่งไปบ้านบาร์บี้กันหมดอะดิ 18:39

     

    read by 2 18:39 กูได้หมด

     read by 2 18:39 ยกเว้นบ้านบาร์บี้

     

    ทงเงย์คนแมนแดนมหัศจรรย์

    บ้านเอสเอ็มเห้อะ ไหนๆก็ไหนๆ 18:40

     

    read by 2 18:41 โอเค บ้านเอสเอ็ม

     

    พิมพ์ทิ้งไว้ก่อนจะปิดหน้าจอโทรศัพท์เมื่อพบว่าผู้ใหญ่สองคนกำลังเดินเข้ามาในบ้าน แบคฮยอนรีบเดินไปช่วยคุณลุงจุนยอง(ที่จริงก็ไม่รู้ชื่อหรอกแต่พอได้ยินแม่เรียกแบบนั้นเขาก็เลยเรียกตาม)ที่ถือของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน แน่นอนว่าของเหล่านั้นเป็นของกินเกือบทั้งหมด

    ทานด้วยกันเลยนะ เดี๋ยวอีกซักพักชานยอลก็คงมาแล้ว

    แบคฮยอนหายใจติดขัดนิดหน่อยเมื่อได้ยินชื่อของคนข้างบ้านที่เขาไม่เห็นหน้ามาได้สองสามวันแล้ว เดี๋ยวนี้ชานยอลไม่ค่อยได้มาทานข้าวด้วยกันเลย สองสามวันมานี่กลับดึ๊กดึก

    ถ้าเป็นแบบนั้นเขาอาจจะทานมาแล้ว คุณยุนฮีไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ

    สาเหตุที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพราะตอนเช้าแม่ก็ไปส่งเขาที่หน้ามหาวิทยาลัย ส่วนขากลับเขาก็กลับเองเพราะไม่มีไลน์หรือโทรศัพท์จากคนข้างบ้านโทรมาบอกให้เขารอหรือว่าไปหา และแน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงรถของปาร์คชานยอลมาจอดเข้าในบัานอีกทีก็ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว

    เขาไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น

    แต่เขาคิดว่าเขาคงบ้ามากกว่าที่วันๆเอาแต่คิดเรื่องพวกนี้

     

    ปาร์คชานยอลเป็นบ้าอะไร

    ทำไมจู่ๆก็ทำตัวแบบนี้

     

    ไปหยิบจานมาช่วยคุณจุนยองเขาแกะกับข้าวไป

    หลุดจากภวังค์ก็ตอนที่แม่เดินมาสะกิดก่อนจะบอกให้เข้าไปหยิบจานในห้องครัว ซึ่งเขาเองก็ทำตามแต่โดยดี

    มันควรจะเป็นเรื่องดีแล้ว ปาร์คชานยอลไม่ควรล้ำเส้นเข้ามามากกว่านี้

    ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้นแต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกใจหายทุกที

    ชานยอลน่าจะมาแล้วคุณลุงคนข้างบ้านยืดตัวขึ้นมาก่อนจะวิ่งออกไปที่หน้าบ้านด้วยท่าทางกระตือรือร้นจะเหลือก็เพยงแต่เขาที่ยืนจัดของกินใส่จานเงียบๆ แม่เดินออกจากครัวมาช่วยเขา เป็นอะไรหรือเปล่า? หรือว่าอึดอัดที่มีคนอื่นมากินข้าวด้วย

    อ้อ เปล่าๆ

    “....แน่ใจนะ? มีเรื่องอะไรที่แม่ควรจะรู้รึเปล่า?”

    “.............”

    แบคฮยอน?”

    ไม่มี...ไม่มีไรหรอกแม่ แบคแค่รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เพราะคุณลุงจุนยองหรอก อาจจะเรื่องที่มหาลัยนิดหน่อย

    แบคฮยอนรีบส่ายหัวเร็วๆแล้วหันไปฉีกยิ้มให้คนเป็นแม่ที่กำลังจ้องเขาด้วยสีหน้าจับผิด แน่นอนว่าพอบอกว่าอาจจะเป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยแม่เลยยอมปล่อยก่อนจะเอื้อมมือมาลูบศีรษะเขาเบาๆ

    เรามีกันสองคนนะแบคฮยอน....”

    “......ครับ

    มีอะไรก็บอกแม่ได้

    จู่ๆก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้

    สาบานได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกแย่เรื่องของปาร์คชานยอลจนอยากจะร้องไห้หรอกนะ เพราะแม่ต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกน้ำตาจะไหล ความรู้สึกอบอุ่นนี่มันเกาะกุมไปทั่วทั้งหัวใจ

    คุณน้าสวัสดีครับไม่นานนักปาร์คชานยอลก็เดินเข้ามา ไม่ได้แต่งชุดนักศึกษาเหมือนอย่างเคย ร่างสูงปรายตามามองเขาเพียงเล็กน้อย ส่งยิ้มเพียงบางเบาแล้ววางของในมือตัวเองลงบนโต๊ะ

    แบคฮยอนเม้มริมฝีปาก

    บ้าบอมาก ยิ้มอะไร?

    จัดโต๊ะเสร็จพอดีเลย จะทานกันเลยมั้ยคะ?”

    และมื้ออาหารก็เริ่มต้นขึ้น บนโต๊ะมีเพียงเสียงพูดคุยของผู้ใหญ่ที่เหมือนจะพูดคุยกันเรื่องงานที่ทำ ชานยอลชวนเขาคุยอยู่สองสามคำก่อนจะก้มหน้าก้มตาไปทานอาหารต่อตามเดิม ซึ่งคำถามก็ไม่ได้มีท่าทีเย้าประสาทอย่างที่เคยเป็นถามเพียงแค่ว่าห้องเชียร์จะจบวันไหนแล้วช่วงนี้เป็นยังไงก็เท่านั้น

    ความจริงนี่มันก็ถูกต้องแล้ว เขากับคนข้างบ้านควรจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น

     

    แล้วมันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อีกคนทำให้มันกลายเป็นเรื่องไม่ปกติ

     

    เมื่ออาหารมื้อเย็นกับคนข้างบ้านจบลง แบคฮยอนก็ลุกขึ้นยืนแล้วเก็บถ้วยจานไปไว้ที่อ่าง เตรียมตัวจัดการล้าง ปาร์คชานยอลที่กำลังช่วยเช็ดโต๊ะอยู่ก็โดนพ่อแย่งผ้าเช็ดโต๊ะไปจากมือ ดวงตากลมโตที่ได้มาจากแม่หันไปมองพ่อตัวเองแล้วทำหน้าไม่เข้าใจ

    ไปช่วยน้องล้างจานโน่น

    หือ

    แบคฮยอนล้างจานอยู่คนเดียว ไปช่วยหน่อย

    ไม่ว่าเปล่ายังขยิบตาน้อยๆ คนถูกสั่งเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในครัว หยุดยืนที่กรอบประตูอย่างที่เคยทำแล้วจ้องคนตัวเล็กที่ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวัน

    อืม.....วันนี้แบคฮยอนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่

    ถามคำก็ตอบคำ ดูเรียบร้อยไม่เฮ้วเหมือนปกติ

    ขยับหน่อย

    แบคฮยอนสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังไม่ห่างเท่าไหร่ เอี้ยวตัวหันไปมองก่อนจะพบว่าร่างสูงๆของชานยอลยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เขาถูกมือใหญ่นั่นดันให้ขยับเพื่อให้ตัวเองได้แทรกเข้ามายืนด้วย

    ทำไมต้องทำตาโต

    “....ก็เปล่า แค่ตกใจ

    พอรู้ตัวว่ากำลังทำตาโตใส่คนข้างบ้านแบคฮยอนเลยรีบหันหน้ากลับมาจดจ่อกับกองจานที่อยู่ตรงหน้าแทน

    เงียบ....และว่างเปล่า

    ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนคงจะไม่อึดอัดแต่หลังจากที่ปาร์คชานยอลทำตัวแปลกไปเขาก็รู้สึกว่าเวลาเงียบเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดเสียจนอยากจะระเบิดตัวเองให้หายไปจากตรงนั้น ที่ตรงนี้มีเพียงเสียงน้ำไหล เสียงจานกระทบจาน มีเพียงแค่นั้นจริงๆ

    เอ้อ....เมื่อวันนั้น

    วันไหนพอคนข้างบ้านเปิดประเด็นขึ้นมาแบคฮยอนก็รีบตอบทันควันด้วยความตกใจ หลังจากนั้นก็เม้มริมฝีปากแน่นที่ดันตอบออกไปรวดเร็วขนาดนั้นเหมือนชานยอลจะหันมามองเขาแวบหนึ่งแต่สิ่งที่อีกฝ่ายเห็นมีเพียงท่าทางนิ่งๆเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

    ที่คณะ.....”

    “......”

    มินโฮไม่ได้มากวนอะไรนายอีกใช่มั้ย

    อือ ผมไม่ได้ให้อะไรไป

    ดีแล้วหลังจากนั้นก็เงียบลงไปอีก เมื่อจานใบสุดท้ายถูกคว่ำลงบนตะแกรงแบคฮยอนก็จัดการล้างมือให้สะอาดในขณะที่อีกคนก็กำลังเช็ดมือ ปาร์คชานยอลเดินหันหลังกลับไปทำท่าจะเดินออกจากห้องครัว แต่ร่างสูงนั่นก็หยุดอีกครั้ง

    ส่วนเรื่องที่นายถาม....”

    “......?”

    ฉันก็แค่เป็นห่วง

    “.......”

    เพราะแม่นายฝากให้ดูแลให้ดี

    “.......”

    “.......”

    อืม......ขอบคุณมากนะพี่

    “.......”

    แต่คราวหลังไม่ต้องแล้ว ขอบคุณมากจริงๆ


     

    5 0 %

     

    ------ GIDDY CHANYEOL ------

     

    วันนี้เป็นการเข้าห้องเชียร์วันสุดท้าย ซึ่งเป็นการสอบร้องเพลงโดยจะมีเฮดเพลงรุ่นก่อนหน้านั้นมาเป็นคนสอบ เมื่อสองวันก่อนมีเหตุการณ์นองน้ำตานิดหน่อย พวกผู้หญิงแถวเขาพากันสะอื้นไปตามๆกันเพราะโดนพี่วินัยและเฮดเพลงรุ่นก่อนหน้าเข้ามาแล้วว้ากกันยกใหญ่ แน่นอนว่าพี่วินัยรุ่นปัจจุบันโดนหนักกว่าใครเพื่อน เขาจำได้เลยว่าจองอึนจีไอดีที่ถัดจากเขาตอนกำลังเก็บขนมอยู่ก็ยังคงสะอื้นจนเขาต้องยื่นทิชชู่ไปให้

    การสอบไม่มีอะไรมากแค่จะต้องร้องเพลงให้ถูกจังหวะถูกคีย์และร้องไม่ผิด ถ้าผิดก็ต้องเริ่มใหม่เพราะอย่างนั้นวันนี้เลยใช้เวลานานกว่าการเข้าห้องเชียร์ปกติ แบคฮยอนหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไหร่เมื่อพี่วินัยที่ชื่อว่าคริสตอนนี้มายืนอยู่ข้างๆ

     

    ไม่ใช่เพราะว่าหล่อหรือว่าอะไรหรอก แต่อีกคนทำท่าเหมือนจะกินเขาเข้าไปทั้งหัวอยู่แล้ว

     

    จ้องขนาดนี้แดกหัวกูเลยเถอะ!

    ที่สอนไปจำกันไม่ได้เลยหรือไงครับ เพลงพี่ก็ให้น้องเลือกเอง แล้วการที่น้องยังร้องผิดร้องถูกอยูแบบนี้แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจเลยใช่มั้ยครับ

    อดีตเฮดเพลงตะโกนมาจากด้านหน้า แบคฮยอนเลยหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมาน้อยๆ นี่เพลงที่สองแล้ว เพลงแรกผ่านมาได้เพราะเป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องจำให้ได้ แต่เพลงที่สองมันดูเหมือนจะไม่ถูกใจพี่ๆที่ยืนอยู่ด้านหน้าซักที

    พี่เห็นหมดนะครับใครตั้งใจใครไม่ตั้งใจ ใครร้องมั่วหรือใครไม่ร้อง อย่าให้ชี้ตัวนะครับพี่ไม่อยากทำแบบนั้น

    เอาตรงๆเขารู้สึกเบื่อนิดหน่อย

     

    หลังตรงครับน้อง

     

    พี่คริส....พี่วินัยหน้าโหดแต่โคตรหล่อขยับเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบเบาๆพลางเอามือแตะหลังเขาเพื่อให้มันตรงเหมือนเดิม แน่นอนล่ะว่าเขาสะดุ้งก่อนจะเหยียดแผ่นหลังให้ตรงเด๊ะ เขาแอบเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่ยืนด้านข้างกำลังกลั้นยิ้ม

    คือจะย้มเพราะฟินที่ได้เข้าใกล้พี่เขาอีกนิดหรืออะไรก็ได้

    แต่อย่าจับเขาไปจิ้นอีกก็พอ.....

    ใช้เวลาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งการสอบร้องเพลงทั้งหมดก็จบลง พี่เฮดเพลงรุ่นปัจจุบันเดินเข้ามาแทนพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ส่วนพี่ประธานเชียร์ก็พูดซึ้งจนผู้หญิงด้านข้างเขาเริ่มร้องไห้

    เพราะยังอยู่ในระเบียบของห้องเชียร์เขาเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากเอื้อมมือไปสะกิดคนข้างๆเพื่อเป็นการปลอบใจ ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดัง เด็กปีหนึ่งต่างพากันมองหนาเลิ่กลั่ก

    เขาบอกให้ปิดเสียงโทรศัพท์ ใครกันดันมาพลาดวันสุดท้าย

    เสียงโทรศัพท์ของใครดังคะน้อง ระเบียบห้องเชียร์ว่ายังไง ไม่ต้องรับเลยนะ กดวางไปเลย!”

    พี่วินัยผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าพี่คริสไปสองคนตะโกนขึ้นมาด้วยท่าทางที่ค่อนข้างโมโห แบคฮยอนกวาดสายตามองไปรอบๆห้องประชุมก่อนที่พี่สตาฟเพลงจะยกมือขึ้น ขออนุญาตรับโทรศัพท์ค่ะ

    บอกว่าไม่ต้องรับไงคะ นี่มันห้องเชียร์นะคะน้อง เป็นสตาฟเพลงซะเปล่ายังต้องให้บอกอีก!”

    ไม่ต้องรับสายยย ถ้าเธอไม่เหงา อยู่กับเขาก็รู้เธอคงไม่แคร์คนอย่างฉันนน

    เด็กปีหนึ่งจากตอนแรกที่ทำหน้าเครียดอึ้งกิ่มกี่ก็เริ่มพากันหัวเราะออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นพี่สตาฟเพลงยี่สิบสามสิบกว่าคนกำลังเต้นอยู่ด้านหน้า บรรยากาศห้องเชียร์ที่พาให้พวกเขาปวดหัวมันจบลงแล้ว แบคฮยอนหันไปยิ้มกับเพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ

    มันใช่เวลาเล่นมั้ยครับน้อง!”

    กริบ......

    พี่คริสที่ยืนอยู่ด้านข้างทำหน้าโกรธขึ้นมา จริงจังมากเสียจนคนทั้งห้องต้องเงียบ พี่สตาฟเพลงที่เคยหลุดตอนนี้ก็กลับไปยืนท่าเดิม ยังอยู่ในห้องเชียร์นะครับ น้องมาเล่นกันแบบนี้ได้ยังไง!”

    มีสติหน่อยสิคะน้อง อีกไม่นานก็จะจบแล้ว บอกใจตัวเองหน่อยค่ะ

    บอกใจตัวเองว่าไม่อิจฉา ฝืนใจบอกใจ เราต้องไม่อิจฉา......”

    จะไม่จบใช่มั้ยครับ!? รู้ตัวไหมว่ากำลังทำผิดกันอยู่

    ผิดที่เราเจอกันช้าไป ไม่มีวันจะมารักกัน.....”

    เสียงหัวเราะคิกคักยังคงดังขึ้นสลับกับหยุดไปเรื่อยๆจนในที่สุดวินัยก็โกรธจัดจนทนไม่ไหวเดินกระแทกเท้าปึงปังเดินออกไปนอกห้องเชียร์ พี่สตาฟเพลงหยุดเล่นน้องปีหนึ่งหยุดหัวเราะและบรรยากาศในห้องเชียร์กลับมาอึมครึมอีกครั้ง แบคฮยอนชะโงกหน้าไปมองอีทงเฮที่ยังคงยืนกลั้นหัวเราะไม่ให้เสียงดังจนเป็นจุดสนใจ

    มึง....เขาจริงจังปะวะ

    อึก....ไม่รู้....”

    หยุดขำได้ล้ะห่า

     

    พี่วินัยไม่เข้าใจดาว!”

    พี่วินัยไม่เข้าใจดาว!”

    พี่วินัยไม่เข้าใจดาวววว!”

     

    เป็นอีกครั้งที่พี่สตาฟเพลงเริ่มโวยวายออกมากันทีละคนสองคน หลังจากนั้นประตูห้องประชุมที่ถูกปิดโดยฝีมือของคนที่เพิ่งออกไปเมื่อซักครู่ เสียงกรี๊ดพร้อมกับเสียงโห่ร้องดังขึ้นเพราะพี่วินัยที่แอ๊บโหดเมื่อซักครู่เดินกลับมาโดยมีพวงมาลัยคล้องไว้ที่คอ

    "น้องดาวเป็นลูกสาวกบจบชั้นมอหกโรงเรียนบ้านหนองใหญ่....."

    แบคฮยอนอึ้ง.....

    โอ้โห....พี่วินัยที่เคยโหดตอนนี้แปลงร่างเป็นน้องดาวโรงเรียนบ้านหนองใหญ่กันไปหมดแล้ว พี่คริสขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่หยิบกระโปรงบานๆของสาวลูกทุ่งมาสวมแถมยังทาลิปสติกเสียแดงแจ๋ทำเอาผู้หญิงหลายคนกรีดร้องกันใหญ่

    "มีน้องคนไหนที่ยังไม่เจอพี่รหัสปีสามมั่งมั้ยคะ"

    เมื่อเพลงจบพี่ประธานเชียร์ก็คว้าไมค์ไปครองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากถาม แบคฮยอนหันมองซ้ายขวาก่อนจะพบเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีกหลายคนหนึ่งในนั้นมีโอเซฮุนด้วย

    หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ เฟรชชี่ปีหนึ่งถูกอพยพลงไปที่ด้านล่างที่เป็นหอประชุมขนาดใหญ่ที่ไม่มีเก้าอี้ สามหน่อเพื่อนซี้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปพบกับทีมสันทนาการที่รออยู่ ความจริงแบคฮยอนก็อยากจะชิ่งหนีกลับก่อนแต่รุ่นพี่บอกเอาไว้ว่าถ้าหากพลาดล่ะก็จะเสียใจแหงๆ

    เพราะงั้นตอนนี้แม้จะเป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้วแต่เฟรชชี่ปีหนึ่งก็ยังไม่หายกลับไปไหน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จำเป็นจริงๆที่จะต้องกลับไปก่อน แบคฮยอนนั่งลงล้อมรอบของกลุ่มพี่สันทนาการก่อนที่เพื่อนอีกสองคนจะนั่งด้วย

    "แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว เอ้า แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว แจวเรือไปซื้อถ้วยจาน แจวเรือไปซื้อถ้วยจาน ขอเชิญพี่สันทนาการลุกขึ้นมาแจว....."

    พี่ที่นั่งอยู่ล้อมรอบด้านหลังอีกทีลุกขึ้นมาเต้นท่าแจวเรือ แบคฮยอนมองแล้วก็ได้แต่ยิ้มที่พี่ๆสรรหาของมาสันทนาการน้อง แต่ถึงกระนั้นเขาก็คิดว่าอยากจะกลับบ้านอยู่ดี

    วันนี้ไฟว้กับเฮดเพลงมามากพอแล้ว เขาควรจะพักผ่อน

    เพลงแจวไล่ไปเรื่อยๆ เรียกน้องโรงเรียนบ้าง น้องผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างก่อนจะรวมเฟรชชี่ทั้งหมดแล้วไล่ไปจนถึงปีหก เขาเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะพบว่านี่มันก็สามทุ่มแล้ว มองเห็นหลายคนแอบแวบกลับบ้านเขาเองก็สะกิดเพื่อนสองคน "มึง......กูว่าจะกลับแล้ว"

    "เฮ้ยเดี๋ยวดิ" โอเซฮุนมองนาฬิกาบ้างก่อนจะเอ่ยปากรั้งเอาไว้ คนถูกรั้งทำหน้าเบ้นิดหน่อย "ดึกแล้ว...."

    "อีกแป๊บๆๆ จบสันทนาการแล้วกูกลับด้วย"

    "ห่า จ้องพี่ซาร่าอยู่ก็บอกมา"

    "เอออออ" พอถูกจับไต๋ได้ก็รีบโบกมือปัด แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงนั่งลงตามเดิม

    "แจวเรือจะไปซื้อเทียน แจวเรือจะไปซื้อเทียนขอเชิญพี่เนียนลุกขึ้นมาแจว"

    เสียงฮือฮาดังขึ้นหลังจากที่มีคนลุกขึ้นยืนทำท่าแจว แบคฮยอนทำตาโตก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้างก่อนจะพบว่ามันทั้งสองคนยังนั่งปกติแล้วก็ทำท่าตกใจไม่แพ้กัน

    ใจหายหมด! นึกว่าพวกมันจะเป็นพี่เนียนกันซะอีก

    "เหยดเข้...." อีทงเฮอุทานออกมาเบาๆแน่นอนว่าโอเซฮุนก็เช่นกัน พวกพี่เนียนค่อยๆขยับออกจากวงทีละคนสองคนก่อนที่จะมีตัวแทนเข้าไปกล่าวขอโทษน้องๆ มีเพื่อนผู้หญิงบางคนของเขาเริ่มร้องไห้ อาจจะเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทตัวเองกลายเป็นรุ่นพี่ไปซะแล้ว

    แต่ดูเหมือนสันทนาการจะยังไม่จบ แบคฮยอนขมวดคิ้วเพราะเห็นแล้วว่ามันควรจะจบลงได้แล้ว แต่เพลงแจวก็ยังคงดังต่อ

    ".....แจวเรือจะไปโรงเจ เอ้าแจวเรือจะไปโรงเจ ขอเชิญพี่อีทงเฮลุกขึ้นมาแจว"

    ควับ!

    ทันที...ทันทีที่เขาและโอเซฮุนหันไปจ้องไอ้เพื่อนเตี้ยล่ำที่พูดจากันแบบเอาตีนลูบกบาลกันได้ก็ลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าแจว แบคฮยอนอ้าปากค้างรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาทุบเข้าเต็มหัว เมื่อเพลงจบลงมันทำท่าบอกว่าอย่าเพิ่งรีบกลับไปไหนแล้วเดินออกไปที่กลางวงกล่าวแนะนำตัวเอง

    "สวัสดีครับ พี่อีทงเฮปีสาม ฟามไซน์ครับ"

    ฆร๊วยยยยยยย!

    แบคฮยอนโอดครวญในใจก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมหน่อยๆเมื่อพบว่าตัวเองโดนหลอกเข้าจังๆส่วนเซฮุนบ่นอะไรไม่รู้พึมพำเหมือนจิตหลุดไปแล้ว อีทงเฮที่ออกไปยืนตรงกลางวงเฉลยพี่เนียนที่ยังไม่ยอมเผยตัวอีกสองสามคนก่อนจะกลับมาพูดจริงจังอีกครั้ง

    "ยินดีต้อนรับน้องๆเฟรชชี่ทุกคนเข้าสู่รั้วเภสัชนะครับ ตอนนี้น้องๆเองก็ผ่านเข้ามาเป็นรุ่นน้องของพวกพี่ครึ่งนึงแล้ว"

    "ห่า มึงทำกับกูขนาดนี้แล้วยังเป็นได้แค่ครึ่งเดียวอีกหรอ"

    คนที่ได้ยินถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆเลยเรียกความสนใจของอีทงเฮได้เป็นอย่างดี "นินทาไรไอ้เซฮุน"

    "เปล่าค้าบบบบ ใครจะกล้านินทาอะไรคุณพี่อีทงเฮพี่เนียนดีเด่นประจำปีได้ค้าบ" อดีตเพื่อนร่างเตี้ยล่ำหรี่ตาลงนิดหน่อยก่อนจะส่งสายตาคาดโทษเอาไว้แล้วหันกลับไปพูดต่อ ระหว่างนั้นพี่วินัยสิบคนก็เดินออกมายืนอยู่กลางวงพร้อมกับกล่องของขวัญในมือ

    "พี่ขอเวลาตรงนี้สิบนาทีแล้วก็จะได้เวลาแยกย้ายกลับบ้านนะ เอาล่ะขอให้น้องที่มีไอดีต่อไปนี้ลุกขึ้นยืนด้วยครับ...."

    เสียงฮือฮาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ที่เป็นประเด็นที่สุดคงหนีไม่พ้นคนตัวสูงหน้าหล่อหุ่นนายแบบที่ในอ้อมแขนมีกล่องของขวัญกล่องใหญ่ แบคฮยอนอ้าปากหาวด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะสะดุ้งลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินอีทงเฮประกาศเรียกไอดีสี่สิบเก้าดังขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นานโอเซฮุนก็ยืนขึ้นด้วย เพื่อนร่วมรุ่นอีกสิบกว่าคนยืนขึ้นแบบงงๆ

    "น้องยังไม่เจอพี่รหัสปีสามกันใช่มั้ยครับ?"

    พอโดนถามแบคฮยอนก็พยักหน้าหงึกหงักพลางขมวดคิ้วแน่นเพราะการที่เขาไม่เจอพี่รหัสปีสามก็เป็นเพราะว่าพี่ติดภารกิจช่วยเหลือมนุษย์โลกอยู่ที่ไหนซักแห่งในแอฟริกาและยังไม่มีกำหนดกลับ เสียงของรุ่นพี่อีทงเฮเรียกให้ทั้งหมดนั่นออกไปยืนอยู่กลางวง

    "ออกมายืนข้างหน้าแล้วหันหน้าออกไปหาเพื่อนนะครับ"

    ตกลงมึงเรียกกูออกมาทำอะไรวะ

    แบคฮยอนทำตามอย่างว่าง่ายคล้ายกับเพื่อนอีกสิบกว่าคน โอเซฮุนยืนอยู่ข้างๆเขา เสียงของอีทงเฮเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆจนกระทั่งมีพี่คนอื่นมารับไมค์แล้วพูดต่อ เขาวัมผัสได้ว่าด้านหลังกำลังมีอะไรวิ่งกันขลุกขลัก แม้จะอยากหันไปมองแต่ก็โดนห้ามเอาไว้ แถมยังถึงขั้นแช่งว่าถ้าหันมาขอให้ไม่มีแฟนอีกต่างหาก

    หูย...นี่เรื่องใหญ่เลยนะ

    "หลังจากนี้พี่จะเฉลยพี่รหัสปีสามของน้องที่ยืนอยู่ตอนนี้"

    ตอนนี้แบคฮยอนถึงได้รู้ตัวว่าเขาโดนหลอกอีกครั้งแล้ว

    จบกิจกรรมนี้ไปเขากินหญ้าได้เลยนะเนี่ย

    ร่างเล็กค่อยๆหันหน้ากลับเข้าไปในวงเมื่อได้ยินคนที่ถือไมค์สั่ง ดวงตาคู่เล็กขยับซ้ายขวานิดหน่อยก่อนจะพบรุ่นพี่ปีสามที่โกหกเขาว่าติดภารกิจกู้โลกอยู่แถบแอฟริกา.....

    "ทงเฮ....มึง?" เขาอุทานออกมาเบาๆ คนตรงหน้าหัวเราะยื่นกล่องของขวัญในมือมาให้ก่อนจะชักมันกลับไปเมื่อเขากำลังจะยื่นมือออกไปรับ

    "ยัง....เพราะนี่คือ....." ไอ้อดีตเพื่อนเตี้ยลากเสียงยาวก่อนที่พี่ทุกคนที่ยืนอยู่ในวงจะพูดออกมาพร้อมกัน

    "รอบสาธิต!!"

    สาธิตเหี้ยไรล่ะ!

    เขาได้ยินโอเซฮุนสบถเป็นพรืดอีกครั้งเพราะพี่ที่มายืนอยู่ด้านหลังมันเมื่อครู่คือพี่วินัยที่ชื่อว่าเหมยลี่ หากพี่คริสเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆแล้วพี่เหมยลี่เองก็คงจะฮอตในหมู่ผู้ชายไม่แพ้กัน

    "ทำแบบนี้เหมือนหลอกกูให้ปีนเขาไปดูวิวสวยๆแล้วถีบกูตกลงมาจากหน้าผาเลยห่า"

    "ดวงมึงไม่สมพงษ์กับผู้หญิงดีๆหรอก"

    "อ๋อ แต่สมพงษ์กับมึงล่ะสิ"

    "แดกตีนกูมั้ยสัด"

    ยังไม่ทันจะได้ประเคนเท้าเข้าปากเพื่อนข้างๆก็โดนสั่งให้หันหลังกลับอีกครั้ง โดนขู่ด้วยคำแช่งเหมือนเดิมเลยไม่มีใครกล้าหันกลับไป เขามองหน้าเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้า เห็นเธอกำลังเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจก่อนจะเอามืออุดปากตัวเองไว้ทำท่าเหมือนกับเห็นผี แบคฮยอนขมวดคิ้วแน่นขยับริมฝีปากถามแบบไม่มีเสียง 'ใคร?'

    แต่เธอไม่ยอมตอบอาจจะไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยแถมยังหันไปลากเพื่อนที่นั่งข้างๆให้มาสติแตกด้วยกัน เป็นอีกครั้งที่แบคฮยอนหมุนรอบตัวเองโดยที่ยังก้มหน้าเอาไว้ เห็นรองเท้าหนังคู่ใหญ่ที่มันว้าบแล้วก็ได้แต่ใจเต้นตึกตัก

    ยะ...อย่าบอกนะ

    "ยินดีต้อนรับเข้าสายรหัส 49 นะน้องแบคฮยอน"

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดด

    แน่นอนว่าเสียงกรี๊ดดังมาจากผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังเพราะได้ยินและเห็นรอยยิ้มหวานๆจากหนุ่มฮอตของคณะ แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นสบตาของอีกฝ่ายก่อนจะกางแขนรับกล่องนั่นอย่างเงอะๆงะๆก้มหัวขอบคุณอยู่หลายทีด้วยความขลาดเขินนิดหน่อยพลางชะงัก

    "ไหนพี่บอกว่าอยู่แอฟริกาไง"

    "หือ? นี่เชื่อจริงดิ"

    "เอ้า.......ก็...."

    "หลอกง่ายจัง" พี่คริสหัวเราะก่อนจะวางมือลงบนศีรษะเขาพลางขยี้ด้วยความเอ็นดู อยากจะกัดมืออีกคนเหลือเกินแต่เขากลัวว่าจะโดนสาวๆเภสัชรุมสะกรัมเสียก่อนเลยได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด "คนอื่นๆก็โดนแบบนี้หรอ"

    "ใช่ บางคนหลอกว่าไปทำหน้าเลยยังมาไม่ได้ อีกคนก็บอกว่าลาคลอด"

    "ดูสนุกกันจังเลยวะ" แบคฮยอนหันไปบ่นพึมพำก่อนจะหันไปเห็นโอเซฮุนที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนโดนยาเบื่อขนาดหนักเพราะรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครนอกจากอีทงเฮที่ไม่ว่จะเหวี่ยงยังไงก็ไม่พ้นออกจากตัวเสียที

    "เดี๋ยวๆตอนนี้ขอให้น้องๆกลับไปนั่งที่กันก่อนนะ มีอะไรไปคุยกันหลังงานจบเนอะ"

    ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันต่อก็ถูกไล่ให้ออกมาจากวงพี่คริสรีบคว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อนจะก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู แน่นอนว่าสาวๆกรี๊ดกันอีกครั้ง

    "เอาไว้ไลน์คุยกันนะ เพราะหลังจากจบงานพี่คงไม่ว่างแล้ว"

    "คะ....ครับ"

    "กลับบ้านดีๆล่ะ"

    กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

     

    ------ GIDDY CHANYEOL ------

     

    "งายมึง"

    "ไงมึงเหี้ยไรล่ะครับ!" อดีตเพื่อนที่ผันตัวกลายเป็นรุ่นพี่เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะตบลงบนบ่าของโอเซฮุน ทักทายด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความกวนตีนไว้เช่นเดิม แบคฮยอนนึกขอบคุณตัวเองอยู่ในใจที่ไม่ได้กวนตีนอะไรอีทงเฮไปมากกว่าการพูดคำหยาบ ไม่ได้เล่นหัวลูบหางเหมือนไอ้เซฮุน

    อื้อหือ เอาธูปเทียนมาสามชุดกราบขอขมาก็คงไม่พอ

    "น่าๆ อย่าโกรธเลยนะ"

    "ไม่โกรธ? แหม ถ้ามีคนเข้ามาตีสนิทกับมึงทำให้มึงไว้ใจสุดท้ายก็บอกว่าทั้งหมดนี่กูล้อเล่นน้า จะไม่โกรธหรอ?"

    "เหย มึง......"

    "ใจเย็นน่า"

    แบคฮยอนได้แต่ปรามเพื่อนตัวสูงที่ดูเหมือนจะโกรธจริงจัง จนรุ่นพี่อีทงเฮหน้าซีด ไอ้เซฮุนหันกลับมาทางเขารอบหนึ่งกลอกตาไปมาก่อนจะหันกลับไปยิ้มเผล่ "กูล้อเล่นน้า"

    "โหไอ้สัด น้ำตากูมาละเนี่ย"

    ทงเฮไม่ได้โกหก จมูกอีกคนเริ่มแดงเพราะกลัวว่าจะโดนรุ่นน้องเกลียดเอาจริงๆเข้า พอโดนแกล้งเข้าเหมือนกันคนตัวเตี้ยกว่าเลยได้แต่ฟาดหัวฟาดหางชกไหล่น้องคนสนิทไปเสียที

    "ละมึงโกรธกูปะเนี่ย"

    อีทงเฮหันมามองทางเขาพลางยกมือขึ้นขยี้จมูกที่แดงๆไปพลาง แบคฮยอนหรี่ตาลงนิดหน่อยมองไปทางอื่นราวกับจะใช้ความคิดจนคนที่รอฟังคำตอบทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบเขาถึงได้ยอมเลิกแกล้ง

    "เปล่าๆ ไม่ได้โกรธ อย่าร้องไห้ดิวะ"

    "ก็พวกมึงอะ กูไม่กล้าไปหลอกน้องปีหน้าละเนี่ย"

    "นี่มึงยังจะหล้าไปหลอกน้องปีหน้าอีกหรอ"

    "เออ กูไม่ทำแล้วก็ได้!"

    แบคฮยอนหัวเราะออกมาในรอบอาทิตย์ที่เห็นเพื่อนกับอดีตเพื่อนทำหน้าปั้นปึ่งใส่กัน คนที่เตี้ยกว่ายืนกอดอกอยู่ซักพักก่อนจะคลายออกแล้วขยับไปพาดคอไอ้คนที่สูงกว่าให้ก้มต่ำลงมา

    "กูเป็นพี่มึงแล้วนะ ให้เกียรติกูด้วยครับไอ้วอก"

    "แล้วดูมึงทำตัวดิสมควรให้กูเรียกว่าพี่ปะเนี่ย"

    โทรศัพท์ที่สั่นครืดคราดทำให้แบคฮยอนละสายตาจากสองคนที่กำลังฟัดกันตรงหน้ามาสนใจเครื่องมือสื่อสาร และชื่อที่อยู่บนหน้าจอทำเอาเขาชะงักไปชั่วครู่ หลับตาลงแล้วลืมขึ้นมาใหม่ มองมันอีกครั้งถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดไป

     

    ปาร์คชานยอลโทรมา

     

    "........"เขายืนจ้องมันอยู่แบบนั้นไม่ยอมเลื่อนมือไปสไลด์กดรับไม่รู้เป็นเพราะอะไร จนสุดท้ายหน้าจอดับลงและขึ้นเป็นมิสคอล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย มันถูกต้องแล้วที่อีกฝ่ายจะกดตัดสาย เพราะถ้าเป็นเขาเองก็คงจะไม่ถือสายรออีกต่อไป

    ครืดดดดด ครืดดดดดดดด

    ร่างบางเม้มปากเมื่อโทรศัพท์ที่กำลังจะหย่อนเข้ากระเป๋ากำลังสั่นอีกครั้ง

    เป็นชื่อของคนเดิมที่โทรเข้ามาเมื่อไม่ถึงครึ่งนาทีที่แล้ว

    "ไม่รับโทรศัพท์หรอวะ เห็นยืนมองนานแล้ว"

    "......อืม โทรผิดมั้ง"

    สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจยัดมันลงไปในกระเป๋าตามเดิม มันหยุดสั่นไปอีกครั้งและสั่นขึ้นมาใหม่อีกรอบ เป็นแบบนี้อยู่สามสี่ครั้งสุดท้ายแล้วมันก็หยุดสั่นไปเลย

    "กูจะกลับบ้านแล้วนะ มึงจะกลับยังเซฮุน"

    "เออ จะกลับล้ะ งั้นกูไปก่อนนะพี่ทงเฮ"

    "....เฮ้ยๆ รอแป๊บเดี๋ยวกูไปส่ง"

    หลังจากพบว่ามันดึกมากแล้วแบคฮยอนเลยทำท่าจะกลับบ้าน เขารู้ตัวก็ตอนที่ทงเฮเดินออกไปคุยโทรศัพท์ อดีตเพื่อนเตี้ยล่ำทำท่าหงุดหงิดใส่โทรศัพท์ซักพักก่อนจะยื่นมาทางเขา

    "มึงคุยโทรศัพท์แทนกูก่อนดิ้ ส่วนมึงไปเก็บของกับกู"

    แล้วมันก็ยัดโทรศัพท์ใส่มือเขาก่อนจะลากโอเซฮุนให้เดินไปด้วยกัน แบคฮยอนมองหน้าจอที่มืดสนิทด้วยความแปลกใจก่อนจะยกขึ้นแนบหู

    "ฮัล....โหล"

    [ทำไมไม่รับสาย]

    อื้อหือ.....อีทงเฮ ไอ้คนทรยศ

    จะไปว่าก็ใช่เรื่อง อีทงเฮไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ แบคฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆพยายามไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินก่อนจะตอบกลับไป

    "ผมไม่ได้ยิน"

    [กำลังจะเลี้ยวเข้าคณะแล้ว]

    ".........?"

    [เดี๋ยวไปรับ แล้วกลับบ้านพร้อมกัน......]

     

    ------ GIDDY CHANYEOL ------

     

    ปาร์คชานยอลไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรเลยจริงๆ

    แบคฮยอนก้าวขึ้นมาบนรถแต่คราวนี้ไม่ใช่เบาะหน้าเหมือนอย่างเคยเพราะที่นั่งข้างคนขับที่เคยเป็นที่นั่งของเขา....

    หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว

    ที่ตรงนั้นมีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ เพราะมันมืดมากแล้วเขาเลยเห็นหน้าไม่ชัดเท่าไรนัก มือเล็กวางบนหน้าตักตัวเองก่อนจะขยับเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เขามองหน้าชานยอลผ่านทางกระจกหลังก่อนจะหลบตาเมื่ออีกคนมองมา แบคฮยอนขยับตัวชิดริมประตูแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น

    เล่นกลบเกลื่อนความรู้สึกเจ็บแปลบที่กำลังเกิดขึ้น

    "แบคฮยอน...."

    ".....หืม?"

    "นี่ซอนมี คิมซอนมีอยู่ปีสอง" แบคฮยอนกัดริมฝีปากตัวเองน้อยๆก่อนจะคิดได้ว่าเขาควรจะทักทาย

    "สวัสดีครับ"

    อีกคนไม่ตอบแต่หันหลังกลับมายิ้มให้เขา คิมซอนมีที่เขาเคยได้ยินชื่ออยู่หลายครั้งวันนี้ได้พบตัวจริงแถมยังสวยเกินกว่าที่เขาคาดไว้อีกต่างหาก ลักยิ้มที่แก้มด้านซ้ายของเธอบุ๋มลงไป มือเล็กนั่นเอื้อมมาโบกให้น้อยๆ

    หลังจากนั้นบรรยากาศในรถกลายเป็นความอึดอัด อาจจะเป็นสำหรับเขาเพียงคนเดียวไม่ใช่กับสองคนที่นั่งอยู่เบาะหน้า ศีรษะเล็กเอียงซบลงบนกระจกก่อนจะเสมองออกไปด้านนอก

    ถ้าจะไปส่งผู้หญิงก็ไม่เห็นต้องมารับกันเลย

    ไอ้ด๊วกเอ๊ย

    ถ้าหากอยู่ที่บ้านเขาคงไถตัวลงไปนอนแล้วจับหมอนข้างขึ้นมาเหวี่ยงให้หายรำคาญใจ แบคฮยอนคิดว่าช่วงนี้ตัวเองจะฟุ้งซ่านมากเกินไปหน่อยแล้ว ทำไมเขาต้องหงุดหงิดกับการกระทำของคนข้างบ้านมากขนาดนี้ด้วย

    "บ้านรับน้องแบคฮยอนเลือกบ้านไหนไปอะ"

    พี่ซอนมี....เอ่ยถามขึ้นมาก่อนจะหันมาหาแบคฮยอนเลยขยับตัวให้นั่งดีๆก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีสุภาพพยายามไม่ใส่ท่าทางหงุดหงิด "บ้านเอสเอ็มครับ"

    "ชานยอลแนะนำให้เลือกล่ะสิ"

    "....ครับ?"

    "เอ้า นี่ไม่รู้หรอว่าชานยอลอยู่บ้านนี้ด้วย"

    "พอดีอันนี้...ทงเฮ พี่ทงเฮแนะนำมาก็เลยเลือก"

    "อ๋ออออ แบบนี้นี่เอง ดีแล้วล่ะ เจอกันที่ค่ายนะ"

    รอยยิ้มหวานถูกส่งมาอีกครั้งก่อนที่ร่างบอบบางนั่นจะลงจากรถไป สิ้นเสียงปิดประตูบนรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง คนที่ทำหน้าที่ขับรถกำลังพยายามจะสบตาเขาผ่านทางกระจกหลังแบคฮยอนเลยตัดสินใจล้มตัวลงนอนมันเสียเลย

    วันนี้เป็นวันที่เหนื่อย

    เหมือนกับที่เซฮุนบอกไม่มีผิด หลอกให้ปีนเขาขึ้นมาดูวิวสวยๆแต่สุดท้ายก็ผลักเขาให้ตกจากหน้าผา

    "เลิกดึกแล้วทำไมไม่บอก"

    "ลืม"

    "ทีหลังบอกก็ได้"

    "ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้ ขอบคุณมากนะพี่"

    เขาพูดเสียงแผ่วก่อนจะมุดหน้าเข้ากับแขนตัวเอง เป็นอีกครั้งที่พูดขอบคุณทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นด้วยเลย มันเหมือนกับว่าคำขอบคุณที่เขาพูดออกไปนั้นเป็นตัวกั้นปาร์คชานยอลให้ขยับกลับเข้าในที่ของตัวเองไป

     

    เมื่อกี้เขาเห็นแล้ว....ที่ของชานยอลไม่ได้อยู่ตรงนี้

     

    "เลิกพูดคำว่าขอบคุณได้แล้ว"

    "........."

    "ฉันทำเพราะอยากทำ"

    "........."

    "ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก"

     

    และมือของคนที่เคยผลักเขาตกหน้าผาไปเมื่อซักครู่กำลังเอื้อมมาให้เขาจับเพื่อกลับมาดูวิวที่สวยที่สุดบนยอดเขา

     

    ------ GIDDY CHANYEOL ------



    1 0 0 %







    หวาย หายไปอาทิตย์นึงเลย ไม่มีข้อแก้ตัว ดองเอง.__.
    พี่ชานแย่เนอะ แย่ๆๆๆ ._________.
    เลือกซักคนดิแกร ทำแบบนี้ไม่มีใครปลื้มนะ
    โหวตพระเอกใหม่ค่ะ
    เลือกพี่คริสพี่วินัยหน้าหล่อกดหนึ่ง
    เลือกเซฮุนเพื่อนสนิทกวนตีนกดสอง
    เลือกจงอินเพื่อนของเพื่อนที่มาจากไหนไม่รู้กดสาม
    เลือกพี่ชานมึนเหมือนเดิมกดสี่

    คิดถึงเสมอนะงิ
    #ชานมึน


     

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×